เรือนไทย

General Category => ศิลปะวัฒนธรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: เทาชมพู ที่ 16 ต.ค. 05, 09:39



กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ต.ค. 05, 09:39

ต่อจากกระทู้
 http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Cid=18&Pid=37754
เนื่องจากใกล้วันที่ 23 ตุลาคม  วันปิยมหาราช     ดิฉันจึงขออัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และภาพอื่นๆที่เกี่ยวกับรัชกาลที่ 5 มาลงในกระทู้นี้
และขอเชิญท่านที่เข้ามาอ่าน  โพสต์ภาพหรือเกร็ดความรู้เกี่ยวกับรัชกาลที่ 5  เพื่อเป็นที่รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณต่อแผ่นดินและราษฎรไทย


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: UP ที่ 16 ต.ค. 05, 09:44

พระบรมฉายาลักษณ์บนโปสการ์ดครับ


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ต.ค. 05, 09:45

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดสะพานเฉลิมโลก ๕๕ ข้ามคลองแสนแสบ
(บริเวณประตูน้ำในปัจจุบัน)
เมื่อ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๑
เนื่องในงานพระราชพิธีมังคลาภิเษก
รถพระที่นั่งตกแต่งเป็นรูปพระนารายณ์ทรงครุฑ  
สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ทรงออกแบบถวาย


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ต.ค. 05, 09:49

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงกีฬาโครเกต์กับพระบรมวงศานุวงศ์ ในพระบรมมหาราชวัง

*********************************
1 นาทีกับคุณ UP  :
รวดเร็วปานกามนิตหนุ่มจริงๆ  ดิฉันพิมพ์ไม่กี่คำก่อนส่งภาพ  คุณ UP ส่งถึงก่อนแล้ว


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ต.ค. 05, 09:53

ทรงฉายที่พระราชวังบางปะอิน

จากซ้ายไปขวา
สมเด็จกรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ
กรมพระนเรศวรฤทธิ์
สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
กรมขุนมรุพงศ์สิริพัฒน์


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ต.ค. 05, 09:55

พระบรมสาทิสลักษณ์นี้นำมาจากอินเตอร์เน็ต แต่ย้อนกลับไปค้นคำบรรยาย ไม่เจอเสียแล้ว


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ต.ค. 05, 10:49

เครื่องบาตรพระราชทาน  ประกอบด้วยตาลปัตร บาตร คัมภีร์ใบลานพร้อมประกับงา และย่ามปักดิ้น
ตาลปัตรสีเหลืองมีพระปรมาภิไธยย่อ

ส่วนตาลปัตรดำ คือพัดสังเค็ด  ในงานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ออกแบบโดยสมเด็จกรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ต.ค. 05, 10:50

แจกันจากยุโรป  หลังเสด็จประพาส  บางชิ้นสั่งทำอย่างใบนี้มีลวดลายเทวาดนางฟ้าและก้อนเมฆแบบไทย


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ต.ค. 05, 10:51

แจกันกระเบื้องสีชมพูของแซฟวร์ มีพระฉายาทิสลักษณ์ประดับอยู่  สั่งทำจากยุโรป


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 16 ต.ค. 05, 11:48
 ภาพที่ 5 ค่ะ
ในวโรกาสที่สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงมหาราช เสด็จประพาสยุโรป  และเยี่ยมราชสำนักเยอรมันนี   เดือนสิงหาคม      ร.ศ. 126 นั้น นายแตรของวงดุริยางค์ Paul Lincke ได้ประพันธ์เพลงขึ้นเพื่อบรรเลงถวายขณะเสวยพระกระยาหารค่ำ ณ พระราชวังวิลเลียมเฮอร์ โดยได้รับพระอนุญาตจากสมเด็จเอมเปรอ ให้ใช้ชื่อเพลงว่า Siamesische Watchtparade (Siamese Patrol) หมายถึงเพลงเดินชนิดหนึ่ง ซึ่งบรรยายภาพการเดินแถวของทหาร โดยมีดนตรีบรรเลงนำไปข้างหน้า เมื่อขบวนเดินใกล้เข้ามา เพลงจะเริ่มดังขึ้น และเมื่อขบวนเดินลับไป เพลงจะค่อยๆเบาลง

 http://www.talkingmachine.org/siamesepatrol.html  


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 16 ต.ค. 05, 11:57
 เซฟรูปนี้ไว้จาก eBay เมื่อสองสามสัปดาห์ก่อนเพราะทำงานแล้วเปิดไปเจอครับ
เป็นดวงตราไปรษณียากรที่ระลึกในงานพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก ราคาดวงละ 1 อัฐครับ


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 16 ต.ค. 05, 12:06

จำได้รางๆว่าเคยอ่านข้อความเกี่ยวกับของที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเคยพระราชทานไปยังสถานที่ด่างๆเอาไว้
ในปัจจุบันนี้ส่วนหนึ่งเก็บรักษาและจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์ Smithsonian เลยลองไปค้นภาพมาให้ชมกันครับ

เริ่มจาก
เครื่องเขินจากทางภาคเหนือของไทยชิ้นนี้มีคำบรรยายภาพไว้ว่า

Northern Thai Lacquerware Bowl
Gift of King Chulalongkorn, 1904
Siam Exhibit, Louisiana Purchase Exposition
Bamboo, lacquer, and paint
Department of Anthropology, cat. # E234040
19.7 cm height x 19 cm diameter


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 16 ต.ค. 05, 12:12
 เสื่อเตยผืนนี้เป็นของพระราชทานในปี ค.ศ. 1904
ร้อยหนึ่งปีแล้วนะครับ


คำบรรยายภาพจากทางสถาบันครับ

Mat with yellow and burgundy plaid pattern
Su’a Toei
Pandanus leaf
Gift of King Chulalongkorn, 1904
Louisiana Purchase Exposition
Department of Anthropology, cat. # E235991
160 cm length x 56 cm width


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 16 ต.ค. 05, 12:16

ตาลปัตรด้ามงาพระราชทาน
แกะสลักเป็นพระราชลัญจกรประจำพระองค์


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 16 ต.ค. 05, 12:16
 Prayer Fan, Detail of Ivory
Ta la pat
Gift of King Chulalongkorn, 1876
Siam Exhibit, Centennial Exposition
Ivory, silk, and gold threads
Department of Anthropology,
cat. # E27267
98 cm length x 40 cm width


คำบรรยายภาพด้านบนครับ


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 16 ต.ค. 05, 12:21

ธงสยามพระราชทาน

Flag of Siam
Hand-painted cotton, appliquéd
Gift of King Chulalongkorn, 1881
Harris Treaty Revisions Gifts
Department of Anthropology, cat. # E168493
180.3 cm length x 270.45 cm width


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 16 ต.ค. 05, 12:34

พระไตรปิฎกภาษาไทยฉบับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ

King Chulalongkorn’s 1893 Version of the Tripitika
Gift of King Chulalongkorn, 1893
Dibner Rare Book Library


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 16 ต.ค. 05, 12:36
 ภาพสลับซะแล้ว ขอโทษด้วยครับ
ภาพด้านบนเป็นชุดเครื่องแป้งถมตะทองพระราชทานครับ

คำบรรยายภาพอยู่นี่ครับ
Phan khruang paeng thom ta thong
Gift of King Chulalongkorn, 1876
Siam Exhibit, Centennial Exposition
Nielloware (silver, silver alloy, and gold)
Department of Anthropology


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 16 ต.ค. 05, 12:38

ภาพพระไตรปิฎกพระราชทานในความเห็นที่ 16 นะครับ


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 16 ต.ค. 05, 18:11
 เอาข้อมูลเวบที่ผมนำภาพมาฝากกันครับ
 http://www.mnh.si.edu/treasures/
มีภาษาไทยด้วยครับ ลองเลือกอ่านดูนะครับ
เป็นการทำงานร่วมกันของสยามสมาคมกับ สถาบันสมิธโซเนียนครับ


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ต.ค. 05, 11:01

ขอบคุณคุณ Nuchan สำหรับคำอธิบายในค.ห. 9 ค่ะ

พระบรมฉายาลักษณ์ที่อัญเชิญมาลงในวันนี้เป็นชุดพระราชพิธี
ภาพแรกคือพระราชพิธีรัชมงคล พ.ศ. 2450
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จออกหน้ามุขเด็จพระที่นั่งสรรเพชญปราสาท จังหวัดพระนครศรีอยุธยา


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ต.ค. 05, 11:02

พระราชพิธีเปิดพระบรมรูปทรงม้า  11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2451


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ต.ค. 05, 11:04

พระราชพิธีสรงมุรธาภิเษก


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ต.ค. 05, 11:05

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  ประทับในพระเบญจา
สรงพระมุรธาภิเษก
สนานพราหมณ์ถวายน้ำ


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ต.ค. 05, 11:12

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประทับบนพระเบญจา
สรงพระมุรธาภิเษกสนาน ที่อ่างหยก
พระที่นั่งวิมานเมฆ พระราชวังดุสิต


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ต.ค. 05, 10:57

เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสยุโรป  ได้เสด็จไปรัสเซีย เพราะทรงคุ้นเคยกับพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 มาก่อนเมื่อครั้งทรงเป็นซาเรวิช(มกุฎราชกุมาร)  และเคยเสด็จมาถึงสยาม
พระเจ้าอยู่หัวทรงซื้อและสั่งทำงานศิลปะเครื่องประดับและของใช้จากห้างฟาแบร์เช่  ซึ่งเป็นช่างทองและช่างอัญมณีประจำราชสำนักรัสเซีย
มีช่างฝีมือเยี่ยมประจำอยู่หลายคน   ผลงานของบุคคลเหล่านี้ ปัจจุบันกลายเป็นของสะสมหายากและราคาแพงลิบลิ่ว
หลังจากการปฏิวัติใหญ่ของรัสเซีย  ก็ถึงอวสานของห้างฟาแบร์เช่  งานศิลปะต่างๆของห้างกระจัดกระจายกันไปในยุโรป  ตกไปอยู่ในมือเอกชนคนโน้นบ้างคนนี้บ้าง  คนละเล็กละน้อย

แต่งานของฟาร์แบเช่ในราชสำนักสยามยังคงมีอยู่ กลายเป็นคอลเลคชั่นฟาแบเช่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ภาพนี้คือกรอบพระบรมฉายาลักษณ์  เงินสลักลายกะไหล่ทองลงยาสีแดง ประดับลวดลาย  ขอบสลักเม็ดกลมเหมือนไข่มุก
ฝีมือของช่างสำคัญของห้าง ชื่อ Julius Alexandrovitch Rappoport


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ต.ค. 05, 11:01

กรอบพระบรมฉายาทิสลักษณ์ เงินสลัก กะไหล่ทองลงยาสีเขียว กรอบรูปกลมประดับไข่มุก   มีลวดลายพวงมาลาดอกไม้   ฝีมือช่าง Johan Victor Aarne ของฟาร์แบเช่


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ต.ค. 05, 11:08

กรอบพระบรมฉายาลักษณ์ กรอบสี่เหลี่ยม  เงินสลัก กะไหล่ทองลงยาสีเขียว มุมกรอบประดับดอกไม้ ด้านบนมีลวดลายช่อใบไม้
ฝีมือช่าง  Anders Johan Nevalainen ของฟาร์แบเช่


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ต.ค. 05, 11:12

ห้อยพระศอ พระบรมฉายาทิสลักษณ์  รูปหกเหลี่ยม ทำด้วยทองคำ สลักลายลงยาสีขาว
พระบรมฉายาสลักษณ์เป็นลายเส้นสีน้ำตาล
ขอบฝังมรกตและนิลสีน้ำเงิน
ขอบด้านข้างฝังไข่มุก


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ต.ค. 05, 11:16

เข็มกลัดพระรูปสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าศิราภรณ์โสภณ
กรอบทองคำ 18 กะรัต ลงยาสีต่างๆ แบบฝรั่ง  ห้อยไข่มุกเม็ดเดี่ยว


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ต.ค. 05, 10:45

พระบรมฉายาลักษณ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซีย

แถวยืน   จากซ้ายไปขวา  สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระสวัสดิวัตนวิศิษฏ์  เคานต์มูราเวียฟ   พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย  พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงนครไชยศรีสุรเดช

แถวนั่ง จากซ้ายไปขวา  เจ้าฟ้าหญิงพระราชธิดาพระเจ้าซาร์นิโคลัส  (ไม่ทราบพระนาม)  พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  ซารินา แห่งรัสเซีย  พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2   พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งทรงดำรงตำแหน่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ต.ค. 05, 10:51

กลับมาที่ศิลปวัตถุของฟาแบร์เช่  

ถ้วยสุราแบบรัสเซียทำด้วยหินหยกเขียว  ด้ามเป็นตราราชวงศ์โรมานอฟ สลักลายลงยาสีต่างๆ ประดับเพชร ทับทิมและไข่มุก
ฝีมือช่างของฟาแบร์เช่  ชื่อ Henrik Wigstrom
สันนิษฐานว่าเป็นของถวายที่ระลึกในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนรัสเซีย  ในค.ศ. 1897


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ต.ค. 05, 10:55

หีบพระโอสถมวนทำด้วยหินหยกเขียว  ฝาทองคำ 14 กะรัต  มีภาพวาดพระที่นั่งจักรีเป็นลายเส้นสีน้ำตาล
ล้อมรอบด้วยดอกไม้ทองคำลงยา
ฝีมือHenrik Wigstrom


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ต.ค. 05, 10:58

หีบพระโอสถมวนลงยาสีทอง มีตรามงกุฎรัสเซียประดับเพชร  ตรงมุม
เป็นของถวายจากพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2  จารึกข้อความภายในหีบว่า
From Your Friend Nicholas 1897
ฝีมือช่าง August Wilhelm Holmstorm ของฟาแบร์เช่


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ต.ค. 05, 11:02

หีบพระโอสถมวน หินหยกสีเขียวสลักลายบัวแบบไทย
ฝาหีบทองคำลงยาสีขาว วาดเป็นภาพพระปรางค์วัดอรุณ  
ขาหีบทำด้วยทองคำ 18 กะรัต  มีที่ปิดเปิดฝังเพชร
ฝีมือช่าง Henrik Wigstrom


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 19 ต.ค. 05, 21:38

ทรงฉายปี พ.ศ 2424


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ต.ค. 05, 09:36
 ประชาชนส่วนใหญ่ของรัสเซียนับถือคริสตศาสนานิกายออโธดอกซ์
มีประเพณีให้ไข่เป็นของขวัญกันในวันอีสเตอร์
งานฝีมือของช่างทองราชสำนักอย่างฟาแบร์เช่ คือประดิษฐ์ไข่ด้วยเพชรพลอยและลวดลายวิจิตร ไม่ซ้ำกัน  ส่งถวายพระเจ้าซาร์ เพื่อพระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์
เป็นงานที่ขึ้นชื่อลือชา  จนเรียกกันว่า "ไข่ฟาแบร์เช่"  บัดนี้เป็นของสะสมหายาก
อย่างในภาพนี้คือ ตัวอย่างงานศิลปะของฟาแบร์เช่  มีไข่ และเครื่องประดับลงยาเป็นริ้ว ลายฝังเพชร


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ต.ค. 05, 09:39

"ไข่ฟาแบร์เช่" ของสะสมในพระบาทสมเด็จพระจุลจองเกล้าเจ้าอยู่หัว
เป็นทองคำ 14 กะรัต  ลงยาสีขาว ประดับพลอยมุกดาหาร
ฝีมือช่าง Henrik  Wigstrom


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ต.ค. 05, 09:42

กระดุมข้อพระหัตถ์ ทำด้วยหินหยกเขียว
ฝังเพชรเป็นริ้วตามสไตล์ของฟาแบร์เช่
คล้ายกับในภาพ ค.ห. 36


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ต.ค. 05, 09:52

บาตรน้ำมนต์ทำด้วยหินหยกเขียว  มีพาหนะพระผู้เป็นเจ้าสามองค์ของพราหมณ์  เป็นฐานแบก    
คือครุฑ(พาหนะพระนารายณ์ )  หงส์( พาหนะพระพรหม) และโค  (พาหนะพระอิศวร) ทำด้วยทองคำฝังเพชรพลอย
ฝีมือช่าง Henrik Wigstorm เข้าใจว่าสั่งเข้ามาในรัชกาลที่ 6

หมายเหตุ : ภาพทั้งหมดจากหนังสือ "Faberge"

******************************
หนึ่งนาทีกับคุณ UP :

UP  :  หนังสือนี้ท่านได้แต่.........ใดมา
PG  :  วัฒนธรรมพระยา...........ท่านให้
UP :  ทำชอบสิ่งใดนา...............วานบอก
PG :  เป็นญาติ/ร่วมงานไซร้.......ท่านให้กำนัล


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: UP ที่ 21 ต.ค. 05, 04:19
 สองนาทีกับคุณเทาชมพูครับ

หนังสืออันที่ได้         แสดงมา
มีภาพชวนเจริญตา     นับร้อย
ยิ่งรับทราบที่มา         ดั่งเล่า ไว้เฮย
ยิ่งชวนให้ข้าน้อย       อยากอ้างความหลัง

ฟังท่านพระยาฯ เล่าไว้     เป็นประเด็น
ท่านสุดแสนลำเค็ญ         ยิ่งแล้ว
หนังสือเล่มนี้เร้น             ร้างจาก ไปนา
โศกยิ่งกว่าเสียแก้ว         กว่าร้อยพันสลาย

ท่านว่าใครไม่รู้              มายืม
แล้วกลับทำเป็นลืม         หลบลี้
ท่านเองก่อนเคยดื่ม        ด่ำรื่น รมย์แล
กลายกลับมาบัดนี้          ห่อนได้เชยชม


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ต.ค. 05, 08:36
สามนาทีกับคุณ UP:

ได้ยินตระหนกถ้วน......ทั่วกาย
ต่อตะแล๊บแก๊ปสาย.........ด่วนเช้า
ผู้น้อยโทษถึงตาย...........ฤๅนี่
บังอาจครอบครองเข้า....กี่ร้อยปีหนา

ท่านพระยาตอบด้วย........ไมตรี
ท่านก็ลืมเหตุนี้.................เนิ่นแล้ว
ญาติเจอต่างยินดี...............เริงรื่น
ท่านยื่นหนังสือแก้ว........ส่งให้มาครอง

ตระกองเอากลับบ้าน..........เอมใจ
ทูนเทิดถนอมไว้...............คู่ตู้
มิเคยเฉลียวใด..................สักหน่อย
กว่าทศวรรษรู้.................รักษ์ไว้ด้วยดี

นึกมีมากเล่มแล้ว...............แบ่งมา
รู้จากท่านพระยา............บัดนี้
ว่าท่านสุดโศกา..............จำพราก
มีเล่มเดียวหลบลี้............เหตุด้วยดังมี

ธรณี UP นี่นี้...................เป็นพยาน
ขอส่งงานตระการ............สู่เหย้า
โทษควรคู่ประหาร..........อย่างยิ่ง
ขอขอบคุณนะเจ้า...........ช่วยชี้ทางสวรรค์


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: UP ที่ 21 ต.ค. 05, 09:17
 หนึ่งนาที ตอบคุณเทาชมพูครับ

ขวัญผวาหน้าตื่นตั้ง…..ตกใจ
ไป่ทราบความเป็นไป....ดั่งนี้
จึ่งแถลงเกร็ดโดยนัย....ตามสดับ มาแล
บ่นึกจุดไต้ชี้...............โชติช้ำตำตอ


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ต.ค. 05, 10:04

ภาพเลื่อนหิมะ จำลอง กะไหล่ทองลงยา ของฟาแบร์เช่

*********************************
หนึ่งนาที อีกครั้ง

ท่านพระยากล่าวถ้อย.............เสนาะคำ
ท่านว่ามีสองเล่มซ้ำ.............อยู่แล้ว
เล่มหนึ่งมอบให้นำ................มาอ่าน
อีกเล่มหายสูญแก้ว................แตกไร้ร่องรอย

ผู้น้อยนำเล่มนี้.......................มอบท่าน เร็วเฮย
กี่เล่มก็ไร้ปาน.......................เปรียบได้
ควรอยู่คู่กับงาน...................อื่นอื่น ท่านนา
มิอาจจะเก็บไว้....................มิควรคู่ บารมี


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ต.ค. 05, 10:08

มาดูห้างร้านบริษัทสมัยรัชกาลที่ 5 ดูบ้างค่ะ
บริษัทบอมเบย์เบอร์ม่า  ตั้งอยู่ที่ถนนสาทร มาตั้งแต่แรกสร้าง
ปัจจุบัน นึกไม่ออกว่ายังอยู่หรือเปล่า  ไม่ค่อยได้ผ่าน
ใครทราบ กรุณาเล่าเพิ่มเติมด้วย


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ต.ค. 05, 10:09
 ห้าง บี กริม แอนด์ โก ดีพาร์ทเมนท์ สโตร์


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ต.ค. 05, 10:10

บริษัทกิมเซ่งหลี  จำหน่ายทองรูปพรรณ


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: UP ที่ 21 ต.ค. 05, 11:48

พระราชพิธีลงสรง สมเด็จฯ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศฯ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

...................................

ขอเวลานอกอีกหนึ่งนาทีอีกครั้งเช่นกันครับ

ท่านพระยาเล่าไว้ว่า...................เสร็จงาน นี้แล
ยังท่านรับพระราชทาน................เกียรติล้ำ
ฟ้าโปรดโชติชัชวาล....................วางประดับ อกเอย
ผ่องพิพัฒน์ "รัตนาภรณ์" ย้ำ.........ยศพร้อมเป็นปฐม


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: UP ที่ 21 ต.ค. 05, 11:50

ลงสรง


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: UP ที่ 21 ต.ค. 05, 11:51

โปสการ์ดสมัยรัชกาลที่ ๕ ครับ...ข้อความเขียนว่าอย่างไร ผมจนใจ อ่านไม่ออกครับ ดูท่าจะไม่ใช่ภาษาอังกฤษ แถมลายมือก็ขยุกขยิกเหลือเกินครับ


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: UP ที่ 21 ต.ค. 05, 11:52

หลังโปสการ์ด


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: UP ที่ 21 ต.ค. 05, 12:05

มาเพ่งดูโปสการ์ดที่โพสไปตะกี้อีกที...รู้สึกจะเป็นภาษาอังกฤษจริงๆ ซะด้วย เพราะพออ่านออกบางคำ ...แต่เป็นลายมือที่มหัศจรรย์มาก มองผาดๆ อย่างกับชวเลข

.....................................

รูปนี้คือ พระพุทธอังคีรส พระพุทธปฏิมาประธานในพระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนาขึ้นเพื่อเป็นวัดประจำรัชกาล

พระพุทธอังคีรสกะไหล่ด้วยทองคำที่เคยเป็นเครื่องประดับพระองค์ของรัชกาลที่ ๕ เมื่อครั้งทรงพระเยาว์ครับ


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 22 ต.ค. 05, 10:46
 จากความเห็นเพิ่มเติมที่ 35 ข้าง ๆ ร. 5 คือ สมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (ขณะนั้นดำรงตำแหน่งสมเด็จพระนางจ้าสว่างวัฒนา พระอัครราชเทวี)


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: นายชินจัง ที่ 23 ต.ค. 05, 14:33
 ด้วยคนครับ
A scene during the coronation ceremonies for King Vajiravudh (Rama VI),
who personally stimulated the early development of aviation in Thailand  


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: นายชินจัง ที่ 23 ต.ค. 05, 14:33
 Bangkok was full of exotic pomp and ceremony during King Vajiravudh's coronation in 1911, the year of the first flying demonstration.  


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: นายชินจัง ที่ 23 ต.ค. 05, 14:34
 The splendid Royal Barges in procession on the Chao Phya River around 1910, a familiar sight in the days when Thailand was known to the world as Siam.  


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ต.ค. 05, 13:00

เรือรับจ้างชนิดนี้เรียกชื่อว่า "เรือเปดเก๋งสี่แจว" รับคนโดยสารจากที่พักรถไฟคลองพระโขนง ไปตามคลองประเวศจนถึงคลองหลวงแพ่ง
ทิวทัศน์ริมคลอง ไม่ทราบว่าคลองไหน ใน 3 คลองที่ว่า ดูสวยร่มรื่น
และมีบ้านงามๆของขุนนาง ตลอดจนศาลาท่าน้ำ น่าอยู่มาก


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ต.ค. 05, 13:01

เรือแม่ปะ(เรือหางแมลงป่อง) พาหนะที่สำคัญของชาวเหนือ
จอดเทียบท่าอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยา  บริเวณวังหลัง ธนบุรี
ตรงกับโรงพยาบาลศิริราชในปัจจุบัน


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ต.ค. 05, 13:03

พิธีเปิดการเดินรถรางสายต่างๆในพระนคร  (ไม่ทราบว่าสายไหน)


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ต.ค. 05, 13:04

ต่อเนื่องจากภาพข้างบนนี้


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ต.ค. 05, 13:06

รถม้าในสมัยรัชกาลที่ 5  คันในภาพนี้ไม่แน่ใจว่าเป็นรถม้าพระที่นั่ง
หรือว่ารถม้าของเจ้านายพระองค์ใด


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ต.ค. 05, 16:22

เหรียญรัตนาภรณ์
************************************************
10 นาทีกับคุณ UP

นิราศพบพระยา

........................................................เดือนสิบเอ็ดเสร็จงานในบ้านช่อง
หยิบคัมภีร์เล่มสำคัญพลันประคอง............จำจะต้องจากลาแสนอาลัย

คล้องตะกรุดพุทธมนต์ดลคลาดแคล้ว..........กระแจะแก้วเจิมจันทน์อันผ่องใส
ใครเห็นมีเมตตามหาชัย................................ทั้งปลอดภัยจราจรสัญจรทาง

สะพายย่ามห้าดาวทองของโอท็อป................สวมมงคลคาดรอบหน้าผากกว้าง
หอบดอกไม้ของเยี่ยมเอี่ยมสอาง..................แล้วเยื้องย่างจรลีจากที่พัก

นั่งป.อ. คันโตดูโอ่อ่า................................สู่ถนนรัชดาอันทรงศักดิ์
เลี้ยวเข้าซอยซ้ายขวาซ้ายหลายทีนัก...........คัมภีร์หนักแบกสนิทติดกับกาย

เดชะบุญหนุนนำทำมาก่อน.........................มิทันร้อนถึงบ้านได้ดังใจหมาย
มารดาท่านยิ้มพยักร้องทักทาย...................ใจสบายเห็นท่านสำราญดี

โชคดีดังถูกหวยรวยสิบล้าน........................ท่านพระยาอยู่บ้านด้วยนะนี่
มาร่วมวงสนทนาถ้อยพาที..........................เกือบเป็นปีมีเวลาเจอหน้ากัน

มอบคัมภีร์เล่มเลิศประเสริฐแล้ว..................ดังดวงแก้วคืนครองเจ้าของนั่น
เห็นว่าเป็นตำราทองของสำคัญ..................จึงหวาดหวั่นไม่กล้าส่งลงทะเบียน

ฉวยสูญหายกลางทางหว่างวิถี....................อาจจะซวยตลอดปีชะตาเปลี่ยน
ส่งกับมือดีกว่าหนอขอกราบเรียน..............ของเยี่ยมเยียนนำกราบกรานท่านมารดา

พระยาท่านยิ้มแย้มดูแช่มชื่น....................สำรวลรื่นสุขใจไร้กังขา
มอบหนังสือเนื้อหาเข้มเต็มอัตรา...............พร้อมลายเซ็นของพระยามาตอบแทน

สนทนาพร้อมหน้ากันฉันญาติมิตร...........ลืมสนิทคิดถามตามวางแผน
อยากเห็นเหรียญรัตนาฯค่าควรแดน.........เสียดายแสนนึกได้ก็สายเกิน

พระยาท่านไม่ช้านี้มีงานใหม่..................จะส่งให้คุณขรรค์ชัยไม่นานเนิ่น
บรรยายพงศ์วงศ์ถิ่นเกิดอ่านเพลิดเพลิน...นั่งยืนเดินอ่านสนุกทุกหน้าไป

ก่อนจากลากราบลามารดาท่าน..................อีกไม่นานคงประสบพบกันใหม่
ท่านกอดหลานเอ่ยลาด้วยอาลัย.................สวัสดีมีชัยให้พรลา

กลับมาบ้านโล่งอกเหมือนยกเขา................ออกจากใจโปร่งเบาเป็นนักหนา
ตั้งหน้ารอเรื่องเขียนใหม่อยากได้มา..........คุณUPขออาจารย์หน่าอย่านานเอย


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: UP ที่ 26 ต.ค. 05, 07:30
 ๘ นาทีกับคุณเทาชมพูครับ
_________________________

เพลงยาวสนองถ้อย

.........................................เสนอสารมาสมานสุมาลย์สมัย
สมัครจิตคิดสรรเสริญด้วยเพลินใจ........ภิรมย์นัยในนิราศประกาศกลอน

ได้ยิ้มใหญ่ยิ้มน้อยพลอยสดชื่น............น้ำจิตรื่นอ่านวทีที่หวานอ่อน
เล่าสถลหนทางหว่างสัญจร..................จวบถึงตอนพบปะท่านพระยา

อันที่จริงตระกูลนี้นี่น่าคิด.....................ฤๅทวยเทพนิรมิตวิจิตรค่า
ให้มีศิลป์เสกสรรค์พรรณนา.................ประดับประดาวงวรรณอันวิไล

บ้านท้ายซอยอาภาฯ ในวันนั้น............แม้นสวรรค์ชั้นกวีที่ยิ่งใหญ่
ถึงแล้วซึ่งความเป็นทองของทวยไทย...เรืองอุไรในใจอยู่มิรู้เลือน

พระพายโชยโดยวิถีที่เปลี่ยนทิศ..........กลับมาคิดเรื่องของตนที่กล่นเกลื่อน
นิยายดีมีลายเซ็นเป็นเครื่องเตือน.........ย่อมยิ่งเหมือนมีแก้วเก้าที่วาวไว

เปรียบมณีนพรัตน์มีบัตรรับ.................รองประทับปราศมัวหม่นมลทินใหม่
กราบเกริ่นขอออโตกราฟเพื่อทราบไว้...คงชื่นใจพบตัวจริงพิงค์แอนด์เกรย์

พระพายโพยโบยพัดระบัดโบก............ย้อนประโยคที่กล่าวชวนให้สรวลเส
เรื่องงานใหม่ท่านพระยาฯ..เดาว่า...เอ...ใช่เล่มเก๋ภาพเก่าใหม่ของไทยเรา?

เขียนบรรยายสถานที่ที่เลอลักษณ์.......เพื่อโลกทักว่าไทยเลิศเฉิดเฉลา
ฉลองวันปีใหม่ให้พริ้งเพรา.................เป็นโครงการช่องเก้าหรืออย่างไร?

ถ้าหากใช่เล่มนั้นหนอขอเรียนตอบ.....ตามระบอบระเบียบว่าอย่าสงสัย
ท่านพระยาฯ ยกเสาดั้งตั้งเรือนไว้......ดนูช่วยเช็ดกระไดไสกระดาน

หากมิใช่เล่มนั้นหนอก็งงเต้ก............ต้องไปเช็คว่างานไหนไม่ทราบสาร
กลับไปถามพระเจ้าตาท่านอาจารย์....จักประทานผอบใหม่เมื่อใดกัน

เสนอสารมาสมานสมัครถ้อย............โชคกระไรใช่น้อยของเรานั่น
ได้พบปราชญ์เชลงวาทย์อยู่รายวัน....โปรดปูนปันปัญญาข้าน้อยเอยฯ


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ต.ค. 05, 11:42

สปอร์ตคลับสมัยรัชกาลที่ 5
ปัจจุบันอยู่ที่ถนนอังรีดูนังต์


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ต.ค. 05, 11:43

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะทรงกล้องถ่ายรูป


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ต.ค. 05, 11:47

พระเจ้าลูกยาเธอพระองค์น้อยๆ  ในรัชกาลที่ 5 กับกล้องถ่ายรูป
จากซ้ายมาขวา
- สมเด็จเจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
- สมเด็จเจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก  กรมขุนเพชรบูรณ์อินทราไชย
- ไม่ทราบว่าพระองค์ใด
- สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงสงขลานครินทร  สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรฯ
- พระองค์เจ้าอุรุพงศ์รัชสมโภช


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ต.ค. 05, 11:56

100 ปีก่อนมีโฮมเธียเตอร์  ก็มีเครื่องเสียงชนิดมีลำโพง
เป็นของใหม่ตกมาถึงสยามในสมัยรัชกาลที่ 5

************************************
5 นาทีกับคุณ UP
ดอกสร้อย

ตอบเอ๋ยตอบถ้อย
ที่เรียงร้อยอักษรามาไต่ถาม
พระเจ้าตาเปิดผอบบรรจบความ
เล่าเรื่องงามหนหลังอย่างตั้งใจ

แฟมิลี่ทรีวงศ์เหล่าพงศา
ท่านปู่ย่ายายตาสาขาใหญ่
ล้วนพลีร่างถมสิ้นแผ่นดินไทย
บำรุงวงศ์ตระกูลไว้ให้นานเอย

อยากเอ๋ยอยากรู้
คุณUP สู้ไสกระดานทำงานใหญ่
ช่วยก่อสร้างงานประเทืองด้วยเรื่องใด
แล้วเมื่อไรได้ยลยินสมจินดา

ออโตกราฟเรื่องน้อยแสนจ๊อยจิ๊บ
มีไว้ให้เป็นสิบเทียวนะหนา
เรียนสำเร็จเสร็จพลันดั้นเมฆมา
ถึงพาราเมื่อไรได้เห็นเอย


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ต.ค. 05, 10:22

สมเด็จพระพันปีหลวงฯ และพระราชโอรส


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ต.ค. 05, 10:23

สาวสมัยรัชกาลที่ 5 นั่งเย็บจักร
ถ้าแม่พลอยเย็บจักรได้ก็คงเหมือนภาพนี้


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ต.ค. 05, 10:27

วิธีเกล้าจุกเด็ก  ผมจุกบนกลางกระหม่อม
เอาสีผึ้งรูดให้แข็งเรียบ เข้ารูป เหมือนใส่เจลในสมัยนี้
แล้วขมวดไว้เป็นก้อนกลม


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ต.ค. 05, 10:31

แม่หนูน้อยยังไว้จุก แต่ท่าทีจะรักสวยรักงาม
นั่งยิ้มมองกระจกคันฉ่อง
ขอให้สังเกตแขนเด็กนะคะ   สมัยนั้นจะดัดแขนให้โก่ง
ถือกันว่าสวย เวลานั่งเท้าแขนหรือรำละครจะได้ไม่แข็งทื่อ


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: vun ที่ 27 ต.ค. 05, 23:25
 บริษัท คห. 44 ในปัจจุบันได้รับการบูรณะให้คงอยู่สภาพเดิมมากที่สุดครับ สมัย ปี2500-2530กว่าๆเป็นสำนักงานหอการค้าไทย-จีนครับ

ส่วน คห.68 ชื่อนางสาวทองก้อน อมาตยกุล ถ่ายที่พระที่นั่งวิมานเมฆ


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: vun ที่ 27 ต.ค. 05, 23:27
 คห. 66 เป็นภาพชาววังวังวรดิศครับ ในสมัยที่หีบเสียงเข้ามาใหม่ๆ


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: vun ที่ 27 ต.ค. 05, 23:58

พระบรมฉายาลักษณ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: vun ที่ 28 ต.ค. 05, 00:02
 ***หนังสือแนะนำ***

หาชมภาพเมืองไทยได้ในหนังสือ "สิ่งพิมพ์สยาม"ครับ รับรองเยอะมากๆ กว่า6000 ภาพ รับรองจุใจแน่ แต่ราคาแพงหน่อยเล่มละ600 กว่าบาท แต่รับรองว่าคุ้มเกินราคาครับ แต่ถ้าจะหาอ่านหาอ่านได้ที่หอสมุดรร.ต่างๆ หรือแห่งชาติ ถ้าจะซื้อซื้อได้ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พระนครครับ

ปล. ไม่ได้โปรโมทนะครับ


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: vun ที่ 28 ต.ค. 05, 00:04
 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ที่นักถ่ายภาพได้เทอดทูนพระองค์ท่านให้เป็น "พระบิดาแห่งการถ่ายภาพไทย" นั้น

สุภาพสตรีที่อยู่ในรั้วในวังเป็นที่ได้รับวิชาการถ่ายภาพอย่างเต็มที่แสนยากหนักหนาในการที่จะได้ภาพถ่ายที่ชัดเจน งดงาม ถูกต้อง ให้ถูกใจผู้อื่น และต้องตาต้องใจตัวเอง


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: vun ที่ 28 ต.ค. 05, 00:09

ภาพของการถ่ายภาพของเชื้อพระวงศ์สมัยรัชกาลที่5 ในพระที่นั่งวิมานเมฆ  


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 28 ต.ค. 05, 16:05
 ค.ห. 75 ท่อนที่ 2 แปลว่าอะไรค่ะ


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: vun ที่ 28 ต.ค. 05, 16:48
 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ที่นักถ่ายภาพได้เทอดทูนพระองค์ท่านให้เป็น "พระบิดาแห่งการถ่ายภาพไทย" นั้น

ชาววังเป็นที่ได้รับวิชาการถ่ายภาพการที่จะได้ภาพอันชัดเจน ถูกต้อง และถูกตาต้องใจผู้คนนั้นยากลำบากนัก ผิดกับปัจจุบัน การถ่ายภาพสะดวก สบายมาก  มีหลายคนที่ใช้กล้องถ่ายภาพลามกอนาจารย์ ผมอยากให้ลลองนึกถึงพระองค์ดูบ้างครับ และ ชาววังดูบ้างนะครับ


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 28 ต.ค. 05, 17:57
 ที่งงเพราะ
1. ท่อนบน ยังเป็นประโยคที่ไม่สมบูรณ์เลย ดิฉันก็เลยคอยดูว่าท่อนล่าง คุณจะต่ออย่างไร

2. พอถึงท่อนล่างส่วนหน้า ดิฉันมองหาประโยคหลัก (มุกขย) แต่ไม่พบ
ในส่วนหลัง "มีหลายคนที่ใช้กล้องถ่ายภาพลามกอนาจารย์ ผมอยากให้ลองนึกถึงพระองค์ดูบ้างครับ"
เอ..มันไม่ได้เป็นเหตุเป็นผลกันนี่คะ


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 31 ต.ค. 05, 17:49

พระราชพิธีโสกันต์สมเด็จเจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย ในงานดังกล่าว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระนามเต็ม,ชื่อพระราชฐานบนเกาะสีชัง และพระที่นั่งซึ่งกำลังก่อสร้างที่พระราชฐานนั้น(ต่อมาถูกรื้อและนำมาสร้างเป็นพระที่นั่ววิมานเมฆ
ส่วนกระทู้เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวนี้ รายละเอียดยังไม่ครบครับ หากพร้อมเมื่อไรจะลงจนจบเลยนะครับ
ป.ล. เรื่อง_นาทีกับคุณ up และ_นาทีของคุณเทาชมพูนี้ อ่านแล้วสนุกมากครับ แสดงให้เห็นถึงปฏิภาณไหวพริบได้เป็นอย่างดีครับ


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 31 ต.ค. 05, 17:52
 ขออภัยครับ พระนามเต็ม ที่ว่าในความเห็นที่ 80 นี้คือ พระนามเต็มของสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัยครับ


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 พ.ย. 05, 09:27

.


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 13 ธ.ค. 05, 17:45

กระผมขอบพระคุณอย่างยิ่งครับ อ.เทาชมพู (ไม่แน่ใจว่าตอนนี้อยู่ที่อเมริกาหรือเปล่าครับ) และขออภัยที่ขอบคุณช้าเกินไปครับ
วันนี้ฝากพระบวรฉายาลักษณ์ของกษัตริย์เขมรพระองค์หนึ่งครับ(ไม่เข้ากับชื่อกระทู้เลย แต่ไม่รู้ว่าจะลงตรงไหนครับ) ถ้านึกออกจะมาพิมพ์เพิ่มครับ


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 14 ธ.ค. 05, 17:55
 จากความเห็นข้างบน นี่คือ
พระเจ้าอยู่หัวสีโสวัต (สมเด็จพระศรีสวัสดิ์ พระอนุชาพระนโรดม กษัตริย์แห่งเขมร ครองราชต่อจากพระเชษฐา)
คำบรรยายบนไปรษณียบัตรเก่าที่พบในฝรั่งเศสดังกล่าวพิมพ์ว่า
1815. CAMBODGE __ Sa Majesté Sisowath, roi de Cambodge
En grand Costume du Couronnement
ป.ล. เอามาจากศิลปวัฒนธรรม ฉบับ ต.ค. 2546 ครับ


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: Dominio ที่ 18 ธ.ค. 05, 14:08
 ค.ห. 60
คำบรรยายที่พบคือ
รถม้าพระที่นั่งสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ หน้าพระทวารเทเวศร์รักษา (เหมือนกันมากค่ะ แต่ว่าม้าคนละสี)


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 03 พ.ค. 06, 00:30
 ด้วยความคิดถึงกระทู้ซีรีส์นี้ครับ
เลยเข้ามาขออนุญาตถามคุณศรีปิงเวียงว่าพระเจ้าศรีสวัสดิ์ มุนีวงศ์ มีความสัมพันธ์อะไรกับเจ้าสีหนุครับ ถ้าคุณศรีปิงเวียงไม่ว่างสมาชิกท่านอื่นจะกรุณาตอบก่อนก็ได้นะครับ


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 04 พ.ค. 06, 10:30
 สวัสดีครับพี่ติบอ และขอขอบพระคุณที่ช่วยขุดกระทู้นี้ขึ้นมาครับ
พระเจ้าศรีสวัสดิ์เป็นพระอนุชาของพระเจ้านโรดมครับ
คุณไกรฤกษ์ นานาเคยเรื่องนี้เขียนไว้ในศิลปวัฒนธรรม ฉบับ พ.ย. 2546 ครับ


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 04 พ.ค. 06, 10:32
 ขออนุญาตแก้ไขความเห็นข้างบนครับ
พ.ย. 2546 แก้เป็น ต.ค. 2546


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 04 พ.ค. 06, 21:32
 ง่ะ ! แม่เจ้า
ภาพถ้ายนั่นมันปี 1815 (ผมเดาว่าน่าจะ 1915 มากกว่านะครับ) ไม่ใช่เหรอครับ
เจ้าสีหนุขจะอายุเท่าไหร่เนี่ยะคุณศรี ถ้าน้องชายแก่หง่อมขนาดนี้เมื่อเกือบๆ 200 ปีที่แล้วน่ะ


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: แม่หญิงดาวเรือง ที่ 06 พ.ค. 06, 21:15
 ขอถามอ.เทาชมพูหน่อยนะคะ คือดิฉันได้ดูละครเรื่องสายโลหิตแล้วทำให้ดิฉันอยากรู้เกี่ยวกับตอนจะเสียกรุงมากๆเลยค่ะ แต่ดิฉันไม่ทราบว่าตนเป็นอะไร ตั้งแต่เด็กๆดิฉันก็รู้สึกว่าชอบเรื่องราวในอดีตมากๆเลยค่ะ เมื่อไหร่ที่ดิฉันได้ไปสถานที่เก่าๆดิฉันก็รู้สึกขนลุก แล้วนำตามันก็ไหลมาโดยไม่รู้ตัวค่ะ ขอให้อาจารย์ช่วยเล่าเรื่องราวในอดีตตอนเสียกรุงให้ฟังเยอะๆด้วยนะคะ แล้วช่วยอธิบายว่าที่ดิฉันเป็นอยู่หมายความว่าอะไรคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 08 พ.ค. 06, 10:50
 ผมคิดว่าน่าจะตรงกับที่พี่ติบอสันนิษฐานไว้ครับ
ตอนแรก ผมเข้าใจว่า 1815 น่าจะเป็นลำดับรูปถ่าย หรือไม่ก็วันประสูติของสมเด็จพระศรีสวัสดิ์ครับ
เรื่องนี้ คงต้องให้ผู้เชี่ยวชาญมาตอบกันไป


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 15 พ.ค. 06, 12:13
 นโรดมสีหนุ เป็นพระราชโอรสในพระนโรดมสุรามริต เป็นพระนัดดาในพระเจ้านโรดม
ครองราชย์ต่อจากพระเจ้ามณีวงศ์ พระโอรสในพระศรีสวัสดิ์
ส่วนพระนโรดมสุรามริต ทรงครองราชย์ต่อหลังกัมพูชาได้รับเอกราชแล้วช่วงหนึ่ง
วัดตามศักดิ์แล้วเห็นว่า น่าจะเป็น หลานปู่ ของพระศรีสวัสดิ์ครับ

จากความเห็นเพิ่มเติมที่ 52 ในกระทู้เมืองไทยในอดีต (5)
ขอแก้เป็น สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ครับ


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 พ.ค. 06, 14:18
 ประชาสัมพันธ์งานนี้ให้ฟรีๆค่ะ

งานนิทรรศการ "ภาพถ่ายโดยพระบรมราชานุญาต รัชสมัยรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5" ซึ่งกำลังจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 23 มิถุนายน ถึง 2 กรกฎาคม 2549 ที่โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ

 http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01pra01160549&day=2006/05/16

ท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ กับเบื้องหลัง "ภาพถ่ายโดยพระบรมราชานุญาต ร.4-ร.5" นิทรรศการฉลองครองราชย์ 60 ปี

พนิดา สงวนเสรีวานิช

ภาพหนึ่งภาพแทนคำได้เป็นพันคำ โดยเฉพาะถ้าเป็นภาพถ่ายเก่าๆ เพราะสามารถบอกเล่าเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา เป็นหลักฐาน เป็นกุญแจที่ช่วยไขและปะติดปะต่อเรื่องราวในประวัติศาสตร์ให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น

ดังเช่นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แม้พระองค์จะไม่ทรงเคยเสด็จประพาสต่างประเทศ แต่ทรงทำให้ต่างชาติรู้จักสยามประเทศได้เป็นอย่างดีด้วยการใช้เทคโนโลยีอันทันสมัยในขณะนั้น คือ การถ่ายภาพ

ทรงโปรดฯให้มีการแต่งตั้งช่างภาพในพระราชสำนักขึ้นเป็นครั้งแรก และพระราชทานภาพถ่ายของประเทศสยามในด้านต่างๆ เช่น พระบรมฉายาลักษณ์ พระราชพิธีต่างๆ ภาพภูมิประเทศ สถาปัตยกรรม รวมทั้งความก้าวหน้าในด้านต่างๆ

บางครั้งทรงมีพระราชหัตถเลขาเป็นเสมือนการรายงานข่าวไปยังสิ่งพิมพ์ต่างประเทศเพื่อตีพิมพ์เป็นข่าว ซึ่งพระบรมราโชบายนี้ได้รับการสืบทอดและปฏิบัติอย่างเอาใจใส่ในทุกรัชกาลสืบต่อมา

ปีนี้นับเป็นมงคลสมัย เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติเป็นปีที่ 60 กิจกรรมสำคัญหลายๆ กิจกรรมจึงมีขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ

โดยเฉพาะในเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นเดือนที่เสด็จขึ้นครองราชย์สืบราชสันตติวงศ์เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ.2489 ภาครัฐและภาคเอกชนหลายๆ หน่วยงานจึงพร้อมใจกันจัดกิจกรรมขึ้น

เช่นเดียวกับงานนิทรรศการ "ภาพถ่ายโดยพระบรมราชานุญาต รัชสมัยรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5" ซึ่งกำลังจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 23 มิถุนายน ถึง 2 กรกฎาคม 2549 ที่โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ

เป็นการจัดแสดง *นิทรรศการภาพถ่ายโบราณชิ้นงานจริงจำนวน 40 ภาพ* ที่ *ตอน พีค* (Ton Peek) เจ้าของแกลอรี่ภาพถ่ายที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ตั้งใจนำเข้ามาให้คนไทยทุกคนได้ชื่นชมกันโดยถ้วนหน้า ด้วยทราบว่าปีนี้เป็นปีเฉลิมฉลองการครองราชย์ เป้นปีที่ 60 ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ทั้งนี้ ภาพถ่ายโบราณที่จะนำมาจัดแสดงเป็นผลงานของ 2 ช่างภาพวังหลวง คนหนึ่งคือ *ฟรันซิศ จิต* หรือ *นายจิตร จิตราคณี* ช่างภาพคนสำคัญที่มีความโดดเด่นทั้งฝีมือเชิงช่างและด้านสุนทรียภาพ มีผลงานทั้งภาพถ่ายบุคคลและภาพสถานที่สำคัญในประเทศไทย

กระทั่งได้รับพระกรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯให้เป็น "ขุนสาทิศลักษณ์" และภายหลังได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์และตำแหน่งเป็น "หลวงอัคคีนฤมิตร เจ้ากรมหุงลมประทีป"

ส่วนอีกคนคือ *นายวิลเลียม เคนเนท ลอฟตุส* (William Kennett Loftus) ช่างภาพชาวอังกฤษ ซึ่งหลังจากฟรันซิศ จิต ถึงแก่กรรม พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้นายลอฟตุสเข้ามารับจ้างถ่ายรูปในเมืองไทย ซึ่งเป็นช่วงที่การถ่ายภาพได้แพร่หลายมากแล้ว

ผลงานส่วนใหญ่ของนายลอฟตุสจะเป็นสถานที่สำคัญ และใช้เทคนิคถ่ายภาพให้ดูโรแมนติค ข้างหลังภาพมีตราแผ่นดินของรัชกาลที่ 5 มีอักษรไขว้ WKL เหนือคำว่า By Appointment หมายถึงได้รับพระบรมราชานุญาตให้ถ่ายรูป

ทว่า ภาพเก่าแค่ไหน ถ้าไม่ทราบรายละเอียดของภาพ เช่น ภาพใคร สถานที่ไหน เมื่อไหร่ โอกาสอะไร ฯลฯ คุณค่าของภาพย่อมลดลงกว่าครึ่ง

เมื่อ ตอน พีค ยินดีนำภาพมาจัดแสดง แต่ไม่ทราบรายละเอียดของภาพ ภาระจึงตกหนักอยู่ที่ *ท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ* รองราชเลขาธิการและที่ปรึกษาการจัดงานกิตติมศักดิ์ ซึ่งต้องเร่งทำการค้นคว้าข้อมูล เพื่อให้ได้คำบรรยายภาพประกอบภาพถ่ายทั้ง 40 ชิ้น ซึ่งคัดจากคอลเล็คชั่นที่มีทั้งหมด 50 ภาพ

โดย ตอน พีค ได้คัด 10 ภาพ จัดทำเป็นภาพโปสการ์ด จำนวน 2,400 ชุด จำหน่ายในราคาชุดละ 500 บาท และ 999 บาท สำหรับชุดที่มีหมายเลขสวย เพื่อนำรายได้เข้ามูลนิธิพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ซึ่งมีโครงการจะจัดทำพิพิธภัณฑ์พระพันวัสสาฯต่อไป

สามารถหาซื้อได้ตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม 2549 ที่โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ โทร.0-2690-9999

ท่านผู้หญิงบุตรีเล่าถึงเบื้องหลังการทำการค้นคว้าข้อมูลว่า ไม่มีใครที่ดูภาพแล้วจะรู้เลย นอกจากคนในสมัยนั้น เมื่อมิสเตอร์ตอน พีค ไม่ได้ให้ข้อมูลว่ารูปถ่ายปีไหน เราก็พยายามค้นให้มากที่สุด ซึ่งถ้าเป็นงานพระราชพิธีจะบ่งชัดเจนอยู่แล้ว เพราะสามารถตรวจสอบได้กับจดหมายเหตุ

"การเทียบกับภาพเก่าในหอจดหมายเหตุนั้นก็ไม่สามารถเชื่อถือได้ทั้งหมด เพราะในกองจดหมายเหตุคนที่อ่านภาพให้เขาผิด มันก็ผิดมาตั้งแต่แรก เพราะไม่มีคนไปแก้

ยกตัวอย่างตอนที่ไปทำหอฝิ่น ที่จังหวัดเชียงราย ขอภาพโรงกษาปณ์โรงแรกที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นในพระบรมมหาราชวัง แต่ที่ส่งมาให้คือตำหนักของสมเด็จพระนางเจ้าสุขุมาลย์มารศรีฯ เพราะคนไปเขียนอย่างนั้น พอบอกว่าไม่ใช่ ให้ส่งมาให้ถูก เขาก็ส่งอันเดิมมาอีก เพราะคิดว่าใช่ ฉะนั้น ถ้าดูจากหอจดหมายเหตุเราก็ต้องดูจากหนังสืออื่นๆ ด้วย"

จนถึงวันนี้ข้อมูลภาพเก่าในหอจดหมายเหตุก็ยังมีอยู่ที่มากที่ไม่ถูกต้อง ส่วนหนึ่งเพราะรัฐบาลไม่มีงบประมาณให้ จึงไม่สามารถทำวิจัยได้

"รัฐบาลไหนควรจะนึกถึงความสำคัญของหอจดหมายเหตุ ตั้งแต่ตอนที่กรมประชาสัมพันธ์ถูกไฟไหม้ ภาพต่างๆ ที่ถ่ายไว้จากสมัยไหนต่อไหน อย่างภาพรัชกาลที่ 7 แผ่นเสียงก็ดี เพลงก็ดี อะไรก็ดีของสุนทราภรณ์ ฯลฯ ถูกไฟไหม้หมดเกลี้ยง และก็ไม่ได้มีการเก็บไว้ที่หอจดหมายเหตุด้วย นี่คือประวัติศาสตร์ไทย หายเหมือนสมัยอยุธยาถูกไฟไหม้เสียกรุง

ควรทำเก็บไว้หลายๆ แห่ง เพราะจะหวงไว้ไม่ให้คนดูก็ไม่ได้ ทำเป็นก๊อบปี้ให้ดูสิ แล้วถ้าอยากได้ก็ทำถ่ายให้เขา แล้วปั๊มตราหอจดหมายเหตุไว้ด้านหลัง เพื่อจะทำให้รู้ว่าภาพได้จากที่ไหน"

และเนื่องจากมีเวลาในการค้นคว้าข้อมูลและเขียนไม่ถึงปีด้วยซ้ำ ทำให้ทีมค้นข้อมูลต้องแม่น

"ทีมงานไม่มีหรอก แต่เป็นเพื่อน เป็นลูกน้อง บางคนอยู่ราชบรรณาคม อยู่ห้องสมุดของสำนักราชเลขาธิการ หนังสือเรามีอยู่แล้ว แม้กระทั่งมูลนิธิรัชกาลที่ 6 คือเป็นลูกน้องที่ใช้กันได้ และเป็นคนที่สนใจเรื่องอย่างนี้ ก็ช่วยกันไปหาเรื่องงานพระราชพิธีสรงสนาน งานพระราชพิธีโสกันต์ งานพระราชพิธีต่างๆ ไปค้นๆ ว่ารูปนี้น่าจะเป็นอะไร ช่วงไหน แล้วมาพูดคุยกัน

ทำงานกันมาปีหนึ่ง ใครว่างเมื่อไหร่ก็ทำ แล้วเราก็ต้องรอ เพราะมีการกราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งทุกคนปลื้มใจและเป็นพลังให้ทำงานมากขึ้นไปอีก

เราพยายามให้ข้อมูลไปแล้วก็แล้วแต่คุณทอน พีค ว่าจะใช้แค่ไหน เพราะภาพถ้าอธิบายมากเกินไปก็น่าเบื่อ ซึ่งถ้าเป็นที่สนใจมากขึ้น เราอาจจะทำเป็นหนังสือขึ้นมาก็ได้ หรือคนอื่นจะทำต่อก็ได้"

สำหรับที่มาของภาพถ่ายของนายตอน พีค เชื่อว่าอาจจะได้มาจากรัสเซียอีกทอดหนึ่ง เนื่องจากบางภาพมีเขียนภาษารัสเซียที่ด้านหลัง และภาพทั้งหมดนายตอน พีค ก็ยืนยันว่าได้จากการประมูล

"ของที่หลุดไปอยู่เมืองนอกมีมากมาย ทั้งที่เป็นเครื่องบรรณาการ หรือคนมาถ่ายรูปไป หรือมาซื้อรูปฟรันซิศ จิต ไป หรือเสียชีวิตไปแล้วลูกหลานเอาไปประมูลก็เป็นสิทธิของเขา

ในเมืองนอกส่วนใหญ่คนไทยจะสั่งถ้ามีรูปรัชกาลที่ 5 แต่รัชกาลอื่นจะไม่สนใจ ฝรั่งก็เลยไปเจอสิ่งที่คนไม่สนใจ แต่เป็นประวัติศาสตร์เป็นหลักฐานที่ใช้เพื่อการอ้างอิงได้

อย่างเมื่อเร็วๆ นี้มีการประมูลพระราชหัตถเลขาที่มีถึงเซอร์จอห์น บาวริ่ง ทั้งๆ ที่จดหมายนี้อยู่ในเมืองไทยแล้ว แต่เพื่อนชาวต่างประเทศซื้อกลับมาจากคริสตี้ เป็นเพราะเราไม่มีเงินพอ หรือมีเวลาพอที่จะไปนั่งประมูลกับเขา กว่าจะรู้ว่ามีการเปิดประมูล เขาก็ซื้อไปแล้ว"

ท่านผู้หญิงบุตรีเล่าต่อว่า ภาพที่ดูเคยเห็นมาหมดแล้ว เพราะส่วนใหญ่เป็นภาพวิวของแม่น้ำ ของวัด ของวัง แต่จะมีบางรูปที่เราไม่รู้ข้อมูลเลย เพราะสมัยนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดแล้ว กำแพงเก่าไม่รู้ว่าตรงไหน ท่าน้ำไม่รู้ว่าท่าไหน เพราะเห็นว่าสวยก็ถ่ายไป แต่เราดูไม่รู้เลยว่าอยู่ตรงไหน

นอกจากนี้ ส่วนที่ยากคือขนาดและความชัดของรูปที่ได้ เนื่องจากเป็นภาพขนาดครึ่งหนึ่งของกระดาษเอ 4 และส่งผ่านทางอี-เมล ทำให้ภาพที่ได้รายละเอียดด้อยลง

"เรายังไม่ได้เห็นภาพจริงเลย เพราะติดต่อกันทางอี-เมล รายละเอียดของรูปไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างภาพยักษ์วัดแจ้ง ดูทีแรกตื่นเต้นมาก เพราะได้เห็นมีคนในภาพ ทำให้เห็นสเกลของยักษ์ พอมาดูอีกวัน จึงเห็นว่าเป็นคน 2 คน"

ซึ่งข้อมูลที่ได้ ถ้าไม่แน่ใจจะไม่ใส่เข้าไป เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาด

ทั้งนี้ ท่านผู้หญิงบุตรีเล่าถึงข้อสังเกตของการดูภาพเก่าว่า "การดูภาพเก่าต้องสังเกตทุกอย่าง เริ่มจากว่าเขาจะถ่ายอะไร วัด พระพุทธรูป วิว อันนี้ค่อนข้างไม่ยากถ้าคนรู้เรื่องประวัติศาสตร์

ถ้าฉายรูปเจ้านาย เจ้านายอย่างรัชกาลที่ 5 ไม่มีสิทธิหรอก และถ้าเป็นพระราชโอรสบางพระองค์ ถ้าเราไม่คุ้นกับท่าน ตอนที่ท่านยังทรงพระเยาว์ยากจะบอกว่าเป็นองค์ไหน แต่ถ้าเป็นตอนโสกันต์จะมีพระฉายาลักษณ์อยู่แล้ว ก็ง่ายขึ้น ซึ่งถ้าเป็นฝรั่งไม่มีทางรู้ ขนาดเราบางทีเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าองค์ไหน ต้องไปถามผู้ใหญ่ ซึ่งผู้ใหญ่ที่รู้ก็ไปกันหมดแล้ว"

"ที่เราตื่นเต้นมากคือ พระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร ซึ่งถูกไฟไหม้ไป อยู่พระราชวังบางปะอิน เป็นที่ประทับของเจ้านาย รัชกาลที่ 5 ทรงสร้าง รัชกาลที่ 6 ประทับ และตอนซาร์นิโคลัสยังเป็นมกุฎราชกุมารก็มาประทับที่นี่ และฉายพระรูปที่นี่ด้วย แต่ไม่เคยมีใครเห็นองค์พระที่นั่งทั้งพระองค์ เพราะไฟไหม้ตอนรัชกาลที่ 8 ตอนที่ซ่อม ท่านประทับอยู่เมืองนอก ทางนี้ก็จัดการซ่อม

นอกจากนี้ ยังมีภาพที่ไปประมูลมาจากรัสเซีย ที่ส่วนใหญ่เราจะไม่เคยได้เห็นรูปจริง และภาพอื่นๆ อาจจะเคยเห็นแล้วจากในหนังสือ

แต่งานนี้ไม่ได้คิดค่าเข้าชมเลย แค่ขอให้ซื้อภาพโปสการ์ดที่มิสเตอร์ตอน พีค เลือกไว้ เพื่อนำเงินทูลเกล้าฯถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยเสด็จพระราชกุศลมูลนิธิสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ซึ่งจะทำพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับสมเด็จพระพันวัสสาฯ ในสมัยหัวเลี้ยวหัวต่อของการปกครอง"

นิทรรศการ "ภาพถ่ายโดยพระบรมราชานุญาต รัชสมัยรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5" จึงเป็นอีกงานที่คนไทยไม่ควรพลาด

คุณพิพัฒน์ไปช่วยทำบ้างหรือเปล่าคะ


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 16 พ.ค. 06, 15:02
 ช่วยนิดหน่อยครับ
คือทำให้งานเขาสับสนน่ะครับ

แอบอวดรูปพระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร ให้พวกเราชม เจ้าของคงไม่ว่า ถือเป็นการประชาสัมพันธ์เสริมละกัน

คำบรรยายของท่านผู้หญิงเป็นข้อมูลที่มีค่ามากนะครับ ใช่ว่าท่านจะทำให้ใครง่ายๆ
ใครไม่ไปชมและ"อ่าน"

จะเสียใจ
.


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 พ.ค. 06, 09:44
 ภาพนี้ไม่เคยเห็นเลยค่ะ  
อยากไปดูนิทรรศการ  ตอนเปิดงาน  เผื่อมีโอกาสฟังท่านผู้หญิงมาบรรยายด้วย
คุณพิพัฒน์มีกำหนดการไหมคะว่ากี่โมง


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: UP ที่ 17 พ.ค. 06, 10:17
 เข้ามาประชาสัมพันธ์อีกแรงครับว่าคำบรรยายของท่านผู้หญิงบุตรีฯ จะเป็นข้อมูลที่มีคุณค่ามาก

สืบทราบมาว่าท่านผู้หญิงตั้งใจเตรียมคำบรรยายนี้อย่างจริงจังและมีคณะทำงานคอยค้นคว้าข้อมูลเสริมมาเป็นเวลาหลายเดือน รับรองน่าสนใจครับ

ข้อวินิจฉัยของท่านหลายเรื่องนั้นน่านับถือว่าท่านช่างสังเกตมาก นอกจากจะดูภาพสถานที่แล้ว ท่านยังสังเกตผู้คนในภาพด้วยครับว่าใครทำอะไรที่ไหน

มีตัวอย่างภาพหนึ่ง หากจะไม่ผิดรู้สึกจะเป็นกระบวนแห่พระราชพิธีลงสรง ท่านดูสักพักก็บอกว่า เนี่ย..เป็นขบวนตอนเดินกลับ ..ทุกคนก็งงว่าท่านทราบได้อย่างไรเพราะคนในขบวนแห่ก็แต่งตัวเดิมๆ เหมือนกันไม่ว่าไปหรือกลับ ท่านเลยอธิบายว่าก็ดูทิศทางเดินเอาสิ วังหลวงอยู่บริเวณนั้น ท่าน้ำอยู่บริเวณโน้น ถ้าเดินไปต้องหันหลังมาทางนี้ หันหน้าไปทางโน้น นี่กลับกันก็แปลว่าเดินกลับ ฯลฯ ดังนี้เป็นต้น

หรืออย่างภาพพระอุโบสถวัดเทพศิรินทราวาสยุคก่อนก็มีลักษณะต่างกับยุคปัจจุบัน ได้ยินมาว่าคณะทำงานก็ถกเถียงกันอยู่นานว่าวัดไหนกันแน่ ต่อมาก็สรุปได้ว่าเป็นวัดเทพศิรินทราวาส ในสมัยที่ยังไม่ได้สร้างสถูปที่บรรจุพระอัฐิของราชสกุลภาณุพันธ์ และจักรพันธุ์ ทำให้ดูโล่งๆ แปลกตาไป

ที่สำคัญ งานนี้การกุศลนะครับ ค่าตอบแทนผู้บรรยายทั้งหมดจะนำเข้าสมทบมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในพระบรมราชูปถัมภ์ และยังมีโครงการที่จะนำภาพเก่าต่างๆ บางภาพ ทำโปสการ์ดจำหน่าย นำรายได้สมทบการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ครับ


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 17 พ.ค. 06, 11:12
 ผมไม่แน่ใจเรื่องกำหนดการทั้งหลายครับ
เข้าใจเอาว่าน่าจะเป็นงานปิด เฉพาะวันเปิด (แหนะ เล่นสำนวนไม่รู้จักเลิก...) เพราะเจ้านายเสด็จ อย่างน้อยน่าจะต้องมีบัตรเชิญจึงจะเข้าร่วมได้...กระมัง

ผมอาจจะป่วยพอดีในวันนั้น บัตรของผมจึงว่าง อาจารย์จะกรุณารับไปทำกุศลใหมครับ


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 พ.ค. 06, 11:44
 โทรไปที่โรงแรมแล้วค่ะ  
เขายังไม่ออกกำหนดการและบัตรเชิญ
ต้องรอต้นเดือนถึงจะรู้เรื่องกัน

ดิฉันอยากให้คุณพิพัฒน์ไปร่วมงานมากกว่าค่ะ
อย่าเพิ่งเสียสละบัตรเชิญไปง่ายๆเลย
ดิฉันจะพยายามหาเองสักใบ


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 17 พ.ค. 06, 14:34
 แอบลักคำบรรยายสุดเริดของท่านผู้หญิงมาอวด อย่าเอ็ดไป มิเช่นนั้นผมจะถูกเอ็ดและอัดจนอ่วมถึงอวกแน่ครับ
พระเดชพระคุณท่าน
-------------
เมื่อวันที่ ๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๓๓ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (เจ้าพนักงานกั้นพระกลดถวายอยู่ด้านขวา) เสด็จลงยังแพเทียบเรือ ณ ท่าราชวรดิษฐ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร (เจ้าพนักงานกั้นพระกลดถวายอยู่ด้านซ้าย) เพื่อทรงรับมกุฎราชกุมารแห่งรัสเซีย (ต่อมาเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระเจ้าซาร์ นิคโคลัส ที่ ๒) ในฐานะพระราชอาคันตุกะที่เสด็จพระราชดำเนินมาเยือนสยามประเทศอย่างเป็นทางการ โดยประทับเรือพระที่นั่งทอดกัญญาขนาดย่อม มีฝีพาย ๔๖ นาย เชิญเสด็จพระราชดำเนินจากเรือพระที่นั่งอัพพอลลองที่โปรดเกล้าฯให้ไปรับเสด็จมกุฎราชกุมารแห่งรัสเซียพร้อมคณะ จากเรือพระที่นั่งปัมจัด อโซวาที่ทอดสมออยู่ใกล้พระสมุทรเจดีย์ที่ปากน้ำมายังท่าราชวรดิษฐ์  เห็นทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ตั้งกองเกียรติยศอยู่ด้านหน้าของภาพพร้อมวงดุริยางค์ทหารบกที่บรรเลงเพลงชาติรัสเซียรับเสด็จ
On the 8th of March A.D. 1890 King Rama V standing on a wharf with Crown Prince Maha Vajirunhis, both being protected from the sun’s rays by long-handled parasols, awaiting the arrival of a Royal Barge bearing the Czarevitch of Russia (the future Tsar Nicholas II) as a Royal Guest from his ship for a State Visit. The King’s Royal Barge is moored to the wharf of the Rajaworadit Pier and has a larger canopy than that of the Royal Barge with 46 oarsmen bearing the Royal Guest from the Royal Yacht Apollo that was sent to fetch the Czarevitch and his entourage from the Russian Ship Panjat Assova to the Rajaworadit Pier. In the foreground are Guards of Honor of the King’s Own Body Guards and the Army Band that played the Russian Anthem as the Cesaravitch stepped ashore.


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: UP ที่ 17 พ.ค. 06, 14:41
 ใครอยากเห็นคุณ pipat ถูก "เอ็ดและอัดจนอ่วมถึงอวก" มาติดสินบนผมหน่อยครับ กำลังคิดจะส่งกาคาบบัตรสนเท่ห์ไปทิ้งไว้แถวศาลาลูกขุนในสักหน่อย แถวนั้นยิ่งอภัยโทษแก่กาเสียด้วย ฉะนั้น เชื่อได้ว่าข่าวจะถึงบุคคลในศาลาลูกขุนในเป็นแน่


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 พ.ค. 06, 14:49
 ยกมือเป็นรายแรกค่ะ  อยากเห็นเป็นบุญตา
เชื่อว่าถ้าบันทึกภาพในขณะนั้นไว้ได้  ต่อไปภาพนี้จะเป็นภาพประวัติศาสตร์อันประเมินค่ามิถูก แน่นอน
หายากกว่าภาพนายฟรันซิส จิตรหลายเท่า

ขอติดสินบน ด้วยการอาสาพาคุณ UP ไปนั่งพับเพียบฟังท่านผู้มีวัยใกล้จะหนึ่งศตวรรษในอีกไม่ถึง ๑๐ ปี
เล่าเรื่องสมัยท่านอายุ ๘ ขวบ  ได้เข้าเฝ้าเจ้านาย ให้ฟัง


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 17 พ.ค. 06, 15:07
 จะถึงถ่ายทอดสดใหมครับ

หมายถึงถ่าย ตอน ถูกทอด ทั้งยังสดๆ น่ะครับ

ผมว่า วิญญานโหดจากเรื่อง "ทุบ สับ เชือด ลาบเลือดเมืองมาคอน" คงวนเวียนอยู่แถวนีแหละ
เผลอๆ จอมชำแหละเมืองมาคอน จะแอบมาประกอบกิจการปั่นและปั้นกรทู้ในเรือนไทยนี่เอง

เ  ร  า  เ  ตื  อ  น  ท่  า  น  แ ล้ ว...........


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: elvisbhu ที่ 17 พ.ค. 06, 15:38
 ผมเป็นคนหนึ่งที่จะไป


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: UP ที่ 17 พ.ค. 06, 22:06
 เพลงยาวกาคาบข่าว

...........................................................................กาพยนต์กลไกคาบใบข่าว
มิต้องพึ่ง UPS, FedEx Ground.........ก็ถึงด้าวแดนไทยได้โดยพลัน
ลืมเช็คเว็บกรมอุตุฯ พายุหนัก...........................พระพายผลักกาผวาพาผกผัน
ไปไม่ถึงวิมานทองของเทวัญ............................ข่าวทั้งนั้นหล่นคว้างลงกลางลาน
หลั่นตรงแถวสุขุมวิทประชิดเหมาะ..................ดาวพระเคราะห์แปรเป็นเสาร์เข้าสถาน
มีมานพหนึ่งสนิทใกล้ชิดงาน............................เห็นข่าวสารหล่นฟ้ามาสู่เมือง
แต่แรกนึกว่าแผ่นเจลไว้ลดไข้...........................เล็งใกล้ใกล้ อ้อ! จดหมายบรรยายเรื่อง
บัดเดี๋ยวนั้นดาวพระเกตุวิเศษเรือง....................ก็ยักเยื้องย้ายองค์เองเข้าเล็งลัคน์
บัตรสนเท่ห์ของน้องกาในครานี้.......................หว่างวิถีฝ่าฝนจนเปียกหนัก
หมึกก็เปื้อนเลือนรางจืดจางนัก........................อ่านไม่ออกสักวรรคว่ากระไร
คุณ Pipat ทราบสารด้วยญาณส่อง...............คงยิ้มย่องผ่องแย้มจนแก้มใส
ว่ารอดตัวรอดตนพ้นโพยภัย............................โชคช่วยไว้บัตรจึงไม่ถึงมือ
กาพยนต์กลไกไม่ละลด...................................วางกำหนดแผนใหม่ไม่เสียชื่อ
ฝึกพูดคำมนุษย์ไว้หวังไปลือ...........................ไม่ต้องเขียนเป็นหนังสือให้วุ่นวาย
คราวนี้ละจะเรียกนักข่าวด้วย..........................เพชฌฆาตฤกษ์ช่วยให้สมหมาย
คอยนับตัวตุ๊ดตู่อยู่เรียงราย..............................ใครจักได้รับไปเลี้ยงลองเสี่ยงเอย!


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: UP ที่ 17 พ.ค. 06, 22:11
 หล่นตรงแถวสุขุมวิทประชิดเหมาะ


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 17 พ.ค. 06, 22:25
ประชุมเพลิงอนาถา

กระทาชายนายพีพี
หัวใจหายเฉียบพลันไม่ทันสั่งเสีย
งานนี้เจ้าภาพมิได้ออกบัตรเชิญ เพราะไม่ได้คาดคิดว่าจะถูกลอบทำร้ายถึงอาสัญ เลยยังไม่ได้ออกแบบบัตร

ชาติหน้าเจอกัน จะไปหัดกลอนมาสู้
ชาตินี้ฝากไว้ก่อน
ฮือ ฮือ...ฮือ





บรรเลงเพลงโอด


.


กระทู้: เมืองไทยในอดีต(๕)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 พ.ค. 06, 22:49
 เห็นเคราะห์กำลังร้าย เลยไปเสี่ยงเซียมซีมาให้ค่ะ  
อ่านเอาเองนะ
อยากกินอะไรก็บอกมา

ใบที่ห้าชะตาหกตกใต้ถุน..........จะคลุกฝุ่นถูกหมัดอัดหลายหน
ถึงไม่ตายก็อ่วมแบบท่วมท้น......เพราะกายนต์บินตรงเข้าวงใน
ถามถึงเว็บเตือนว่าอย่าไปเล่น....ขอยกเว้นวิชาการเรื่องศาลใหม่
ถามถึงเงินติดกระเป๋าโปรดเข้าใจ...แค่เฟื้องได้ไม่ถึงบาทจึงขาดทุน
ถามถึงเคราะห์มีไม่น้อยควรปล่อยหมู....ถามถึงครูอย่าไปยั่วให้หัวหมุน
ถ้าอยากสร้างกุศลผลบุญ...........ตอบกระทู้ต่อเถอะคุณบุญมากเอย