เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 5 6 [7] 8 9 ... 29
  พิมพ์  
อ่าน: 16140 ความรู้ในลิ้นชัก
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 90  เมื่อ 03 ก.ค. 21, 18:26

ขอเริ่มเรื่องตั้งแต่การแต่งกายที่ใช้ในการเดินทางจากบ้านไปจนถึงสถานที่หรือพื้นที่ๆจะไปทำกิจกรรม

แน่นอนครับว่าจะต้องเป็นการแต่งกายที่มีความเหมาะสม มิใช่มุ่งเน้นแต่ในเรื่องของแฟชั่น ความเท่ห์ หรือความเป็นหนึ่งเดียว ควรจะเป็นการแต่งกายแบบลำลอง ใช้เสื้อผ้าทรงหลวมๆ โทนสีที่ไม่เข้มจัด ไม่รัดรูป ซักง่าย แห้งเร็ว  ใส่เสื้อกล้ามหรือเสื้อยืดบาง ใช้เข็มขัดชนิดรูดเพื่อให้กระชับ ใช้รองเท้าหุ้มส้นหรือแตะที่มีสายรัดส้นชนิดที่ถอด-ใส่ง่ายๆ ที่มีพื้นเป็นร่อง มิใช่แบบพื้นเรียบๆ   ใช้นาฬิกาข้อมือแบบใส่ถ่าน ไม่ต้องห้อยพระมากมายจนพระรุงพะรัง ละเว้นการใช้เครื่องประดับราคาสูงและหลากหลายชิ้น  แล้วก็อย่าลืมผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าขนหนูผืนเล็กๆบางใส่กระเป๋ากางเกงไว้ด้วย

เชื่อว่าก็คงเป็นเรื่องที่ทราบกันดีอยู่แล้ว และก็คงจะเคยเห็นนักท่องเที่ยวที่แต่งกายดั่งจะไปงานปาตี้ยามบ่าย หรือไม่ก็ดั่งจะไปชายทะเลแต่กลับไปเดินอยู่ในพื้นที่อุทยานหหรือป่าเขา     
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 91  เมื่อ 03 ก.ค. 21, 19:25

อาจจะต้องขยายความเรื่องของสีของเสื้อผ้าและการใช้เครื่องประดับต่างๆ ดังนี้   เมื่อไปในพื้นที่ต่างถิ่นใดๆ ก็ดูจะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องนักที่จะทำตนให้โดดเด่นเป็นที่สังเกตของผู้คนในพื้นที่นั้นๆ เพราะเราไม่รู้ถึงความคิดของคนในพื้นที่เหล่านั้นทั้งในทางบวกหรือทางลบ  เราจะกลายเป็นเป้าสายตาทั้งของมิจฉาชีพและสัตว์ต่างๆ(ทั้งสัตว์เลี้ยงและสัตว์ป่า)  สัตว์เลี้ยงส่วนมากจะตื่น ระวังตัว และก็อาจจจะเข้ามาขับไล่  สำหรับสัตว์ป่านั้นมักจะเป็นการหลบซ่อน เขาจะเริ่มหยุดนิ่งเมื่อเริ่มได้กลิ่นแปลกๆที่ไม่คุ้นเคย แล้วจะกระโจนหลบเมื่อเริ่มเห็นตัวเรา   กลิ่นของสบู่ น้ำหอมและเครื่องประทินผิวต่างๆนั้นค่อนข้างจะแรงมาก คนเราเองยังได้กลิ่นแต่ไกล สัตว์ต่างๆซึ่งมีจมูกไวมากกว่าเรามากนักจึงหยุดอยู่ห่างจากเราค่อนข้างไกล    ก็เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้การเดินชมนกชมไม้ในป่าจึงไม่ค่อยจะพบเห็นสัตว์ใดๆ     

แฉลบไปสู่เรื่องของกลิ่น ก็จะขอต่อไปอีกเล็กน้อย    เมื่อพรานไพรจะไปนั่งห้างส่องสัตว์ หรือนั่งซุ่มในบังไพร เขาจะไม่อาบน้ำกัน บุหรี่ที่สูบก็จะเป็นยาฉุนมวนเองและจะสูบเมื่อมีความต้องการเต็มที่ เสื้อผ้าที่ใช้ก็เป็นเสื้อที่ใช้ใส่กันมาทั้งวัน  กลิ่นของคนดังที่กล่าวถึงนี้ไม่ทำให้สัตว์หลบหนีไป ก็แปลกดี แสดงว่าคนและสัตว์ต่างก็มีกลิ่นที่เป็นธรรมชาติที่ต่างก็รับรู้กันว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ร่วมโลกกัน ?    ผมมีความเห็นว่า เราเองต่างก็มีความเป็นอัตโนมัติที่รู้จักกลิ่นของสัตว์ที่อาจจะเป็นอันตรายต่อตน (จากประสบการณ์ของตนเอง)  เช่น กลิ่นของหมี ช้าง  แต่...ทั้งนี้ก็เมื่อผนวกกับข้อมูลอื่นๆที่ประมวลได้มาจากร่องรอยต่างๆ (ก็คือแยกแยะได้)       
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 92  เมื่อ 03 ก.ค. 21, 20:22

กรณีการใส่เสื้อกล้ามหรือเสื้อยืดเป็นเสื้อชั้นในนั้น   ประเด็นก็มีอยู่ว่า ในพื้นที่โล่งนอกเมืองนั้น อุณหภูมิของอากาศจะมีความต่างกันค่อนข้างมากระหว่างกลางวันกับกลางคืน หรือโดยเฉพาะช่วงระหว่างที่เห็นดวงอาทิตย์ขึ้นและตก เทียบกับช่วงเวลาอื่นๆ  เราไม่ค่อยจะได้รับรู้กันเพราะว่าเรานอนห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ   ช่วงดึกสงัดก่อนจะย่ำรุ่งอุณหภูมิอาจจลดลงไปมากกว่า 10 องศาได้  จากแถวๆ 30 องศา ลงไปถึง 20 องศาก็ได้  (ในปัจจุบันนี้ ที่เชียงราย ผมยังคงต้องนอนห่มผ้าในช่วงก่อนเช้ามืดอยู่บ่อยครั้ง) อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงได้ในระดับนี้และรวดเร็วในบางช่วงเวลาทำให้ร่างกายของเราปรับตัวไม่ค่อยจะทัน  การพยายามรักษาอุณหภูมิที่จะมากระทบร่างกายของเราให้ค่อยๆเป็นไปนั้นจึงมีความสำคัญ ช่วยลดการเจ็บป่วยอันไม่พึงปราถนาได้ค่อนข้างมากเลยทีเดียว 
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 93  เมื่อ 04 ก.ค. 21, 18:28

การแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ใส่หลวมๆนั้น โดยหลักพื้นฐานก็คือการใช้อากาศที่คั่นอยู่ระหว่างเสื้อผ้ากับเนื้อหนังของเราให้มันเป็นฉนวน  ซึ่งช่วยบรรเทาได้ทั้งความร้อนและความเย็น  ในปัจจุบันนี้มีพัฒนาการของผ้าใยสังเคราะห์มากมาย และก็มีผู้ผลิตนำมาใช้ตัดเป็นเสื้อผ้าต่างๆเพื่อการใช้สำหรับกิจกรรมกลางแจ้งเฉพาะแต่ละเรื่อง   อีกประการหนึ่งสำหรับการใช้เสื้อผ้าหลวมๆนั้นก็เพื่อความคล่องตัวและลดขีดจำกัดในการเคลื่อนไหวท่าทางต่างๆ

ผมรู้ว่าพวก out door fitting เหล่านั้นล้วนมีราคาค่อนข้างสูง ซึ่งส่วนตัวผมมองว่าเป็นราคาที่สูงเอามากๆจนเกินใช้และเกินงาม  ที่ผมได้ปฎิบัติตลอดมาหลายสิบปีแล้วก็คือการใช้พวกที่ทำด้วยผ้าฝ้าย ซึ่งเป็นของดีราคาไม่แพง แถมยังเลือกได้อีกว่าจะเอาแบบผ้าทอหนาหรือผ้าทอบาง       

ผมเห็นว่าการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยเราอยู่ในรูปแบบของการพักผ่อนในรูปของการเปลี่ยนสถานที่อยู่ ที่กิน  มิใช่การพักผ่อนในลักษณะของการแยกตัวออกจากหรือตัดขาดจากสังคมที่คุ้นเคยไปสู่ลักษณะของการโดดเดี่ยวตัวเอง การเดินทางของเราจึงไม่อยู่ในรูปของ back pack แบบฝรั่ง   อีกทั้งเราก็มักจะไปเที่ยวต่างประเทศกันในลักษณะของกรุปทัวร์ที่มีการให้บริการแบบสมบูรณ์   ดังนั้น ในการเดินทางท่องเที่ยวต่างๆของเราจึงเกือบจะไร้ข้อจำกัดทางการแต่งกาย ที่พักอาศัย อาหาร ความปลอดภัย ......     
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 94  เมื่อ 04 ก.ค. 21, 19:23

ก็มีอีกเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับการควบคุมอุณหภูมิของตัวเรานอกเหนือไปจากการใส่เสื้อผ้าหลวมๆ   เรื่องหนึ่งที่พึงทราบไว้ก็คือ เป็นความเชื่อนานมาแล้วว่าความร้อนของร่างกายเราระบายออกไปทางกระหม่อมในอัตราที่ค่อนค้างสูงและเร็ว และรู้กันว่าหู แก้ม จมูก มือ และเท้า ดูเหมือนจะเป็นจุดที่บ่งบอกอุณหภูมิของร่างกายเรา  ก็ลองสืบหาข้อมูลกันต่อไปนะครับ

จากประสบการณ์ของผมเมื่อครั้งทำงาน(คุมงาน)อยู่ที่กรุง Ottawa ประเทศ Canada ตลอดช่วงฤดูหนาวสองครั้ง ที่มีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ -15 องศา บางช่วงเวลาก็ลงไปแถวๆ -25 ++   ก็ได้คำแนะนำจากคนในพื้นที่ว่า หมวกกับผ้าพันคอเป็นของสำคัญที่จะช่วยทำให้ตัวเรารู้สึกอุ่นและไม่หนาวได้  ก็เป็นเรื่องจริง   หากได้สังเกตสักเล็กน้อยก็คงพอจะเห็นว่า ชาวแคนาดาและประเทศที่มีอากาศหนาวจัดอื่นใด(รัสเซีย สแกนดิเนเวีย...)จะไม่นิยมใส่หมวกแก็บแบบที่อเมริกันชนนิยมใส่กัน แต่จะใส่หมวกประเภทที่ทำด้วยขนสัตว์ และจะมีผ้าพันคอที่พันปิดหน้าเหมือนกับใส่หน้ากาก   

ด้วยประสบการณ์ของตนเอง ก็เลยมีแนวปฎิบัติของตนเองในการเดินทางไปใหนมาใหนที่จะต้องมีหมวกติดตัวไปด้วยเสมอ  ซึ่งหากเป็นการเดินทางไปต่างประเทศในเขตหนาวในฤดูอากาศเย็น ก็จะต้องเตรียมถุงเท้าแบบหนา ไม่เตรียมถุงมือเพราะใช้วิธีซุกในกระเป๋าเสื้อหนาว และไม่เตรียมผ้าพันคอเพราะเลือกใช้เสื้อหนาวแบบคอตั้ง เว้นแต่จะเป็นช่วงที่มีหิมะตกซึ่งมักจะมีโอกาสมีพายุหิมะและ wind chill effect 
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 95  เมื่อ 05 ก.ค. 21, 18:39

ผมเป็นคนชอบหมวก แต่ก็เรื่องมากในการเลือกซื้อ ที่มีและชอบก็คือหมวกปีกสักหลาด รุ่นเก่าก่อน/รุ่นใหม่ หมวกปีกแบบผ้าใบของออสเตรเลีย หมวกเบเร่ต์ทรงนิยมของบางประเทศในยุโรป หมวกแก็บ งอบชาวนา/ชาวไร่ และหมวกกะโล่แบบเด็กใช้ใส่ไปโรงเรียนในสมัย 60+ปีมาแล้ว  อื่นๆก็มีหมวกแบบอัฟกันนิสถาน ปากีสถาน เนปาล หมวกถักด้วยใหมพรม/ขนสัตว์

ด้วยความที่มีวิถีชีวิตเกี่ยวข้องกับการเดินทาง ก็เลยมีโอกาสได้ใช้หมวกต่างชนิดต่างรูปต่างทรงในสิ่งแวดล้อมและสถานะการณ์ต่างๆค่อนข้างมาก  ซึ่งพอจะสรุปความได้ดังนี้ หมวกสักหลาดนั้น ใช้เมื่อเดินป่าเดินทุ่งได้ดีในช่วงที่มีอากาศเย็นสบาย แต่หากจะใช้ในการเดินป่าดงที่มีต้นไม้กิ่งค่อนข้างมากจก็ะไม่มีความเหมาะเลย   หมวกเบเร่ต์นั้นมีความกระทัดรัด บึกบึน ยุบให้เล็กลงได้ จึงพกง่าย แต่มันค่อนข้างจะอมฝุ่น   หมวกแก็บใช้ได้ดี สามารถหมุนไปมาซ้ายขวาหน้าหลังเพื่อบังแดดได้ แต่ก็ควรจะเป็นชนิดที่ไม่ได้ทำด้วยผ้าขนสัตว์หรือผ้าฝ้ายแบบถักแน่นๆ และก็จะต้องมีรูระบายอากาศที่ค่อนข้างใหญ่ที่มีประสิทธิภาพดี     ผมใช้งอบเป็นประจำเมื่อเดินไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ และใช้ใส่กันฝนที่ตกปรอยๆแทนการถือร่ม   

โดยสรุปก็คือ ควรจะต้องมีหมวกติดตัวไปด้วยเมื่อเดินทางไกลไปในที่ต่างๆ ควรจะเป็นหมวกที่พอจะพับหรือยุบให้เล็กลงได้เพื่อสะดวกในการพกพาและในการเก็บใส่กระเป๋า และเลือกใช้ทรงหมวกที่เหมาะกับการใช้เดินในพื้นที่ มิใช่เหมาะแต่กับกับการเดินในเมือง 
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 96  เมื่อ 05 ก.ค. 21, 19:27

สำหรับเรื่องของผ้าพันคอนั้น ในบ้านเราคงจะไม่มีความจำเป็นใดๆหากไม่ได้ไปในพื้นที่ๆมีอากาศหนาวจัด   สำหรับผู้ชาย ผมเห็นว่าใช้ผ้าขะม้าหรือขาวม้า (สะกดเช่นใดจึงจะถูก ?) ก็ยังพอไหว   หากเป็นผู้หญิง ก็คงพอได้เมื่อใช้ผ้าคลุมใหล่ที่ทำด้วยผ้าใยขนสัตว์คุณภาพสูง เบาและยังสวยงามอีกด้วย   

ผ้าขะม้าเป็นสิ่งที่ผู้ชายควรจะจัดให้มีอยู่ในกระเป๋าไว้ในทุกการเดินทาง  เช่นเดียวกัน ผู้หญิงก็ควรจะต้องมีโสร่ง  ของใช้ทั้งสองนี้มีประโยชน์มากมายเหลือหลายจริงๆ ใช้ได้ในสารพัดเรื่องดังที่ทราบกันอยู่แล้ว ตั้งแต่ผลัดเสื้อผ้า ใส่อาบน้ำ ใช้แทนผ้าเช็ดตัว ใช้เป็นชุดนอน เป็นผ้าห่ม เป็นหมอนหนุน เป็นผ้าห่อตัวกันลมกันหนาว ใช้ห่อเสื้อผ้าที่ใช้แล้ว...  มีข้อแนะนำอยู่เพียงนิดเดียว ก็คือ ควรจะเลือกใช้แบบที่ทำด้วยผ้าฝ้ายที่มีเนื้อหนาสักหน่อย เนื้อผ้าทอค่อนข้างแน่น มีสัมผัสที่ค่อนข้างนุ่มและเนียน ส่วนลายก็สุดแท้แต่จะชอบ แล้วก็มีสิ่งที่มิพึงเลือกนำมาใช้ ซึ่งก็คือไม่ควรจะเป็นผ้าที่ทอด้วยฝ้ายผสมเส้นไหมหรือเส้นใยสังเคราะห์

ผมเองชอบโสร่งชั้นดีที่คนในภาคใต้เขาใช้กัน ทอด้วยฝ้ายล้วนๆ ยิ่งซักยิ่งฟู เนื้อนุ่ม ใส่สะบาย   เป็นของที่ผมจัดลงกระเป๋าในเกือบจะทุกครั้งของการเดินทาง   
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 97  เมื่อ 06 ก.ค. 21, 17:55

ไฟฉายเห็นของอีกอย่างหนึ่งที่ควรจะต้องมีติดตัวในการเดินทางไกลทุกครั้ง  โรงแรมที่ไปพักในที่ต่างๆกันนั้น ต่างก็มีการติดไฟให้แสงสว่างไม่เป็นมาตรฐานเดียวกัน บ้างก็จัดให้มีความสว่างอย่างเหลือเฟือ บ้างก็เอาเพียงสว่างพอประมาณ (โดยเฉพาะพวกที่พักแรมระดับ 3 ดาว)    ควรจะมีมีดพับติดไปด้วย ใช้ช่วยในการเปิดจุดขวนพลาสติก ตัดเชือกฟาง ปอกเปลือกผลไม้ ช่วยฉีกซองพลาสติกที่ใส่ของกิน ...ฯลฯ   เรื่องมีดนี้มีข้อจำกัดสำคัญคือ จะพกพาได้ก็เฉพาะเมื่อใส่ในกระเป๋าเดินทางที่เอาลงใต้ท้องเครื่อง(บิน)เท่านั้น

ทำให้นึกถึงเรื่องของน้ำดื่ม สนามบินต่างๆจะไม่ยอมให้มีการนำน้ำจากภายนอกเข้าไปในพื้นที่ๆเป็นที่นั่งพักรอของผู้โดยสารขาออก แต่ในพื้นที่ๆนั่งรอนั้นก็มีน้ำดื่มขาย  หากเป็นการเดินทางไกลข้ามช่วงเวลากลางคืน ก็อย่าลืมซื้อใส่กระเป๋าสะพายไปด้วยสักขวดนึง ทั้งนี้ แม้จะมีการให้บริการบนเครื่องบินก็ตาม แต่ก็มักจะเป็นแบบกระปิดกระปรอยเสียเป็นส่วนมาก มาทีละจอกน้อยๆไม่พอแก่การแก้กระหายน้ำตามลักษณะ/ปริมาณที่เราดื่มกัน  ก็มีผู้โดยสารทุกชาติจำนวนไม่น้อยที่แก้ด้วยการเอาขวดเปล่าเข้าไปแล้วเติมน้ำจากเครื่องให้บริการน้ำดื่มฟรีที่ติดตั้งอยู่ในพื้นที่บริเวณนั่งพักรอขึ้นเครื่อง   
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 98  เมื่อ 06 ก.ค. 21, 18:52

แล้วก็นึกออกอีกเรื่องหนึ่ง   เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะปกติสำหรับเที่ยวที่เป็น in-bound flight  (เที่่ยวบินของแต่ละสายการบินที่บินกลับ Home base ของตน)  เที่ยวบินเหล่านี้จะช่วยกันทำหน้าที่ต้อนรับผู้คนของตนเองกลับบ้าน พร้อมๆไปกับต้อนรับผู้ที่จะมาเยือนประเทศของตน  การให้บริการในระหว่างการบินของเส้นทางเหล่านี้มักจะค่อนข้างเป็นกันเอง อะลุ่มอล่วยมากกว่าปกติ เช่น แทนที่จะเสิร์ฟน้ำอัดลมหรือเบียร์แบบมาเป็นแก้ว ก็เป็นการเสิร์ฟทั้งกระป๋อง หรือไม่หวงที่จะเติมซ้ำให้บ่อยครั้งอย่างเต็มใจ   แอร์โฮสเตสมักจะเดินดูแลให้บริการถี่กว่าปกติและดูยิ้มแย้มเป็นมิตรมากกว่าปกติอีกด้วย

หากจะต้องนั่งเครื่องบินเป็นเวลานนานหลายๆชั่วโมง ควรจะต้องใช้รองเท้าที่หลวมกว่าที่เคยใช้เล็กน้อยก็จะดี เพราะเท้าจะบวม หรือไม่ก็ต้องพยายามหาที่นั่งริมทางเดิน เพื่อจะได้ลูกขึ้นยืนหรือเดินบ้าง  สำหรับผม เมื่อเดินทางไกลคนเดียวหลายๆชั่วโมง บ่อยครั้งจะเลือกที่นั่งท้ายเครื่อง เสียงจะดังหน่อย จะรู้สึกแกว่งหน่อย ดีเพราะจะมีข้อจำกัดน้อยมากในเรื่องของการลุก ยืน เดิน ก็คือสามารถเปลี่ยนอริยาบทได้หลายท่าทาง แถมยังใกล้กับพื้นที่เตรียมอาหาร จะขอจะเอาอะไรจากแอร์ฯก็ง่าย ไม่ต้องรีบกินอาหารที่เสิร์ฟแม้จะได้รับทีหลังผู้อื่น  แถมยังใกล้ห้องสุขาอีกด้วย   
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 99  เมื่อ 06 ก.ค. 21, 19:23

จัดกระเป๋าเสร็จแล้วก็อย่าลืมตรวจในกระเป๋าสะพายด้วยว่ามีของจำเป็นส่วนตัวและเอกสารที่จะใช้ในการเดินทางครบถ้วนหรือไม่ ซึ่งผมเห็นว่าควรจะท่องไว้ให้เป็นคาถาประจำตัวก่อนออกนอกบ้านทุกๆครั้งเลยทีเดียว ก็จะมี โทรศัพท์ นาฬิกา แว่นตา กระเป๋าสตางค์  ID ต่างๆ  บัตร(เครดิต) ปากกา เหรียญบาท 5 เหรียญ (สำหรับใช้เข้าห้องน้ำ) เหรียญ 10 บาท/ธนบัตร 20 บาท (สำหรับการทิป) และตั๋ว(ที่ต้องใช้ในการเดินทาง)  อาจจะเพิ่มกระดาษเพื่อใช้ในการเข้าห้องสุขาห่อเล็กๆ (สำรองไว้)     

คาถาประจำตัวนี้จะมีประโยชน์เมื่อได้เข้าสู่วัยที่มีเลข 6 นำหน้า และจะมีประโยชน์อย่างยิ่งเมื่ออายุเข้าสู่วัยเลข 7 นำหน้า
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 100  เมื่อ 06 ก.ค. 21, 20:37

อ้างถึง
มีข้อแนะนำอยู่เพียงนิดเดียว ก็คือ ควรจะเลือกใช้แบบที่ทำด้วยผ้าฝ้ายที่มีเนื้อหนาสักหน่อย เนื้อผ้าทอค่อนข้างแน่น มีสัมผัสที่ค่อนข้างนุ่มและเนียน ส่วนลายก็สุดแท้แต่จะชอบ แล้วก็มีสิ่งที่มิพึงเลือกนำมาใช้ ซึ่งก็คือไม่ควรจะเป็นผ้าที่ทอด้วยฝ้ายผสมเส้นไหมหรือเส้นใยสังเคราะห์
ผ้าพวกนี้มีข้อเสียอะไรบ้างคะ ในการเดินป่า
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 101  เมื่อ 07 ก.ค. 21, 19:38

 ยิงฟันยิ้ม   
พูดกันตรงๆเลยนะครับ  การใช้ผ้าขะม้าหรือโสร่งนั้นไม่ค่อยจะแตกต่างไปมากนักจากการเป็นลักษณะผ้าขี้ริ้วประจำตน   ที่ใช้ประโยชน์กันส่วนใหญ่จริงๆก็มักจะเป็นเรื่องของการอาบน้ำและเป็นผ้าเช็ดตัว คือเกี่ยวกับการใช้ในเรื่องของความเปียกชื้นทั้งหลาย  แต่หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แห้ง ก็มักจะใช้กันในเรื่องของการปัดฝุ่นทำความสะอาดหรือปูรองนั่ง 

สำหรับข้อเสียตามลักษณะคำถามที่อาจารย์มีปุจฉามานั้น ผมมองใน 2 มุม   ในมุมแรก ลักษณะของข้อปุจฉาเช่นนี้ แสดงถึง intelligence & wisdom ของบุคคลที่มีการศึกษาในระดับสูงอันพึงมี   appreciate มากๆครับ _/\_    ในมุมที่สอง คำตอบหรือคำอธิบายของผู้ถูกถามนั้น แม้จะดูว่าก็ไม่น่าจะมีอะไรหนักหนามากนัก แต่ในความเป็นจริงจะต้องมีการประมวลข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้องทั้งในเชิงทฤษฎี (theory) และในเชิงประจักษ์ (empirical)   

คำอธิบายในองค์รวมตามความรู้และประสบการณ์ของผมก็คือ เส้นใยสังเคราะห์และเส้นไหมที่ใช้ผสมเข้าไปในการถักทอผ้าเหล่านั้น ส่วนมากจะเป็นการกระทำเพื่อความสวยงามและการทรงใว้ซึ่งลาย (pattern) ยิ่งใส่เข้าไปมากก็จะยิ่งทำให้ผ้าบางเบาและมีลาดลายละเอียดสวยงามมากยิ่งขึ้น ซึ่งก็จะทำให้คุณสมบัติที่ต้องการในการใช้งานลดลงไป       
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 102  เมื่อ 07 ก.ค. 21, 20:48

ผ้าขะม้าและโสร่งของภาคอิสานตอนกลางค่อนข้างจะเป็นลายตารางเล็ก ใช้ด้ายไหมค่อนข้างมาก บาง เบา มีเงางาม   ผมมีทั้งที่เป็นผ้าขะม้าและที่เป็นโสร่ง แต่ไม่ชอบนักด้วยที่มันค่อนข้างจะกระด้าง  ต่างกับผ้าขะม้าของพวกไทย(ลาว)ต่างๆที่ใช้ผ้าฝ้ายในการทอ (ไทยยวน ไทยพวน ....) หากไปราชบุรีก็น่าจะลองแวะดูที่วัดคูบัว หากไปภาคเหนือก็น่าจะลองแวะดูผ้าน้ำอ่างที่ อ.ตรอน จ.อุตรดิตถ์ หากไปทางอิสานก็น่าจะลองแวะ อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ   ที่จริงแล้ว มีแหล่งทอผ้าฝ้ายฝีมือดีๆอยู่ทั่วไปในทุกภาค  หากมีโอกาสก็น่าจะลองแวะดู ช่วยซื้อ ช่วยเอาเม็ดเงินลงไปให้ชาวบ้านเขาได้ใช้หมุนกัน

โสร่งที่ทำด้วยผ้าฝ้ายอีกแหล่งหนึ่งที่มีฝีมือทอดีๆ ผ้าดี และมีลายที่น่าสนใจก็คือของยะไข่ ประเทศพม่าโน่น เป็นของค่อนข้างหาซื้อได้ยาก(ในพม่า)เหมือนกัน     
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 103  เมื่อ 08 ก.ค. 21, 18:34

ก็มาถึงเรื่องของยานพาหนะส่วนตัวที่ใช้ในการเดินทาง  ซึ่งมีข้อพึงเตือนตัวเองว่าจะต้องทำอะไรบ้างอยู่พอสมควร   

เรื่องสำคัญแรกๆเลยก็คือการตรวจสภาพรถในมุมว่าเราจะต้องรู้จักสุขภาพรถของตนเองให้ดีพอ  อาจจะเริ่มให้ความสนใจจริงๆก่อนการเดินทางไกลสักประมาณหนึ่งสัปดาห์ก็พอได้ เผื่อว่าอาจจะมีกรณีต้องเปลี่ยนอะไหล่หรือการซ่อมแซมใดๆ    ในปัจจุบันนี้เรามักจะนึกถึงการนำรถไปเข้าศูนย์ ซึ่งก็ดีอยู่ แต่ก็ต้องคำนึงด้วยว่า แม้ว่าศูนย์ต่างๆจะมีมาตรฐานของการตรวจซ่อมเดียวกัน แต่คนที่ทำงานนั้นๆมีความละเอียดและความใส่ใจในงานไม่เท่ากัน  และอีกประการหนึ่ง มันก็มีความต่างระหว่างผลของการดูและรักษารถที่เข้าศูนย์ที่เดียวประจำ เข้าศูนย์คละที่ และแบบเข้าบ้าง/ไม่เข้าบ้าง  โดยนัยก็คือการสังเกตของช่างในเรื่องของการเสื่อมสภาพต่างๆของอุกรณ์ ซึ่งเขาก็ดูจากลักษณะการใส่ใจของเราในการนำรถเข้าไปทำการบำรุงรักษา

ผมใช้รถยนต์ในการเดินทางไกลและในพื้นที่ทุรกันดารค่อนข้างมาก  ได้ประสบกับเหตุการณ์เกี่ยวกับรถเสียที่คาดไม่ถึงมากมาย ที่แก้ไขสถานการณ์แล้วเอาตัวรอดมาได้ก็เพราะพอจะมีความรู้ทางช่างในเรื่องของเครื่องยนต์กลไก แล้วก็มีข้อพึงปฏิบัติยังคงใช้ได้ดีที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากคนรุ่นเก่าที่มีอาชีพต้องใช้รถใช้ถนน   
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 104  เมื่อ 08 ก.ค. 21, 19:36

ที่จะเล่าความต่อจากนี้ไปอาจจะกระโดดไปมาบ้างนะครับ

สภาพความพร้อมของรถที่ต้องตรวจดู เรื่องแรกก็คือ ยางรถ    ในปัจจุบันนี้รถยนต์ใช้กะทะล้อแบบโลหะผสม เป็นแบบใส่ยางโดยไม่ต้องมียางใน แต่กะทะล้ออะไหล่ของรถบางรุ่น บางผู้ผลิต และบางคัน ยังใช้กะทะเหล็ก ซึ่งก็มีทั้งแบบที่ต้องมียางในและไม่ต้องมียางใน    ยางรถก็มีอายุการใช้งาน ซึ่งดูได้จากดอกยางและจำนวนปีที่ใช้งานหรือวันที่ผลิต  ทำให้แม้ว่าดอกยางจะดูยังลึกดี แต่ก็อาจจะหมดอายุและไม่ปลอดภัยในการใช้งานต่อไป   พวกยางระเบิด แหกโค้ง/หลุดโค้ง ลื่นไถล เบรคไม่อยู่ รถหมุน เหล่านี้ มักจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของอายุของยาง

หากเป็นคนช่างสังเกตก็จะพอมองออกว่าถึงวาระต้องเปลี่ยนยางหรือยัง  จะดูจากดอกยางก็ต้องดูว่าความลึกของดอกยางมันหายไปถึงระดับ bar ที่อยู่ในร่องยางหรือยัง หรือจะดูจากเนื้อยางก็ดูจากการแตกลายงาที่เห็นตามแก้มยางหรือในร่องยาง  หรือจะดูจากอายุของยางก็ดูที่ตัวเลขวันเดือนปีที่ผลิต (ลองเปิดหาในเว็ปว่าจะดูได้อย่างไร)  ยางอายุเกินกว่า 4 ปีแล้วก็ไม่สมควรจะใช้งานต่อไป (อย่างยิ่ง)  ทั้งนี้ ก็อาจจะใช้ได้เมื่อเป็นการใช้รถในเมืองที่ไม่มีการใช้ความเร็ว  แต่หากเป็นการเดินทางไกลที่ใช้ความเร็วต่อเนื่องก็ควรจะต้องเปลี่ยน และก็ต้องเปลี่ยน 4 ล้อพร้อมกันไปเลย  แล้วก็ควรจะเลือกดอกยางที่เหมาะสมกับลักษณะของถนนและการขับของเราในพื้นที่ๆเราใช้เป็นประจำ ซึ่งโดยหลักๆก็จะมียางสำหรับการใช้แบบขับรถเดินทางบนถนนเรียบและแห้ง ยางแบบขับรถเดินทางบนถนนเรียบและเปียกแฉะ ยางสำหรับการใช้งานทั้งในเมืองและในพื้นที่ชนบท ยางสำหรับใช้งานอเนกประสงค์ ...   
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 5 6 [7] 8 9 ... 29
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.064 วินาที กับ 19 คำสั่ง