ขอแสดงความเห็นปนกับถามอาจารย์เทาชมพูไปด้วยว่า เรื่องลมพัดผ่านดาวนี้วิจารณ์ได้ไหมว่าผู้เขียนทำความลวง(จินตนาการ)ให้เป็นความสมจริง(ในนวนิยาย) จนผู้อ่านเห็นว่าเป็นความจริง(นำมาถกเถียงกันหรือรู้สึกมีส่วนร่วมกับตัวละคร) หรือว่าข้าพเจ้าเข้าใจคำว่าความลวง ความสมจริงและความจริงไม่ถูก โปรดชี้แนะ
ภาษาที่ไม่ใช่วิชาการ เขาเรียกว่า "อิน" คำเดียวค่ะ แต่ภาษาวิชาการเขาก็ใช้คำอธิบายยาวเหยียดอย่างคุณอธิบายมานั่นแหละ
แน่นอนว่า เป้าหมายสำคัญของนักเขียนและกวี คือชักจูงคนอ่านให้มีอารมณ์ร่วมไปกับงานประพันธ์ ถ้าเขียนแล้วคนอ่านก็รู้สึกงั้นๆ ไม่เออวยไปด้วย ต่อให้เขียนแทบล้มประดาตาย ก็ถือว่าไม่ประสบผลสำเร็จ
ความลวง ก็คือนวนิยายนั้นไม่มีตัวตนจริง ถ้าแยกแยะลงไปก็คือมีแต่หมึกกับกระดาษ หรือสมัยนี้เรียกได้ว่ามีแต่ wordpad หรือ word document พระเอกนางเอกก็ไม่มีตัวจริง ไม่เคยมีนายและนางสาวชื่อนี้ในทะเบียนราษฎร์ ต่อให้ระบุว่าเรียนจบจากมหาวิทยาลัยไหน ก็ไม่เคยมีนักเรียนเก่าชื่อนั้นๆ ในสำนักทะเบียน
ความสมจริง คือ จากความว่างเปล่าไร้ตัวตนข้างบนนี้ กวีและนักเขียนก็สร้างเรื่องราวชีวิตของคนบางคนขึ้นมา สร้างตัวตนของชายหญิงขึ้นมา ให้คนอ่านรู้จักมักคุ้นได้ สัมผัสได้ทั้งหน้าตา อารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด นิสัยใจคอของเขา ยิ่งสัมผัสได้มากเท่าไรก็ยิ่งเกิดอารมณ์ผูกพันมากเท่านั้น เช่นรัก เกลียด สงสาร ขบขัน นี่คือสิ่งที่บ่งชี้ความสมจริง
ความสมจริง พิสูจน์ได้อย่างไร พิสูจน์ได้จากคนอ่านนำมาถกเถียง ออกความเห็นกันราวกับกำลังพูดถึงคนจริงๆ ยิ่งมีคนถกเถียงมากเท่าไรยิ่งกลายเป็น "ความจริง" มากเท่านั้น
ตัวละคร"วายุ" เป็นตัวที่มีคนถกเถียงมากที่สุด ซ้ำคนเถียงก็ไม่ใช่เด็กๆที่อาจจะยังแยกแยะความจริงไม่ออก แต่เป็นระดับศิลปินแห่งชาติ อย่าง คุณ"ธารี" ที่เผลอนึกว่าตัวเองเป็นวายุ หรือไม่ก็ พ่อยกวายุ ในเสวนา ๒ ครั้ง ไม่ยอมให้ใครมาแตะพระเอกเรื่องนี้ได้เลย
อีกคนที่ปักหลักอยู่ฝ่ายไม่รักวายุ คือดร.จ้อ แห่งเว็บวิชาการ รายนี้ทนผู้ชายแบบวายุไม่ได้เอาจริงๆ เคยแซวว่าอีก ๒๐ ปีข้างหน้าถ้าชะตากรรมบันดาลให้เจอว่าที่ลูกเขยแบบนี้ ก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะปักหลักสู้ต่อไปไหวไหม