SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1200 เมื่อ 12 เม.ย. 14, 09:52
|
|
นอกจากระเบียงรอบลานที่เปิดให้เข้าชมแล้ว ยังมีระเบียงรอบลานสไตล์กอธิคอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งมีขนาดย่อมกว่าเป็นพื้นที่เฉพาะสำหรับนักบวชไม่เปิดให้ผู้คนทั่วไปเข้าเยือน คงได้แต่มองส่อง ลงมาจากกำแพง
(ทางขวามือคือระเบียงรอบลานที่เปิดให้เข้าชม)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1201 เมื่อ 12 เม.ย. 14, 10:18
|
|
อารามแห่งนี้เป็นที่ตั้งของหอสมุดสำคัญระดับชาติจัดเก็บเอกสารเก่าแก่ทรงคุณค่า ของเมืองและเลื่องลือระดับโลก นอกจากนี้ยังมีส่วนพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของระเบียง รอบลาน จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ของห้องยาเก่าแก่ และกรุสมบัติ โกศ ตลอดจนภาพวาด และงานประติมากรรมล้ำค่าผลงานระดับนายช่างใหญ่
ทางเข้า(ระหว่าง Church of the Savoiur และ Franciscan Monastery) สู่พิพิธภัณฑ์ (Museum), ระเบียงรอบลาน(Cloister) และร้านยาเก่าแก่(Old Pharmacy) ซึ่งอยู่ในแถบเดียวกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1202 เมื่อ 15 เม.ย. 14, 10:49
|
|
ในปี 1991 ที่เซิร์บรุกราน ตัวอาคารก็ไม่พ้นได้รับความเสียหายจากสงครามหลายส่วน ปรากฏร่องรอยบนผนังยังคง(เก็บ)ไว้ให้เตือนใจ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1203 เมื่อ 15 เม.ย. 14, 10:51
|
|
เข้ามาภายในส่วนโถงขนาดใหญ่ที่ไม่มีช่องทางเดินสามช่องเช่นโบสถ์ทั่วไป เนื่องด้วย คณะฟรานซิสกันนิยมพื้นที่สี่เหลี่ยมขนาดกว้างสำหรับการเทศน์โปรดผู้คนมากมายจากแท่นเทศน์ ใกล้กับจุดศูนย์กลางการชุมนุมของคริสตศาสนิกชน ในภาพจะเห็นแท่นเทศน์อยู่ตรงกลางด้านข้างทางซ้ายมือ
|
คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1204 เมื่อ 15 เม.ย. 14, 10:52
|
|
คือแท่นเทศน์หินอ่อนจากศตวรรษที่ 15 ที่เป็นอีกสิ่งหนึ่งซึ่งเหลือรอดจากธรณีพิบัติ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1205 เมื่อ 15 เม.ย. 14, 10:54
|
|
แท่นบูชาหลักแบบบารอค ขนาบด้วยเสาเกลียว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1206 เมื่อ 15 เม.ย. 14, 10:55
|
|
ลักษณะคล้ายกับเสาของ Baldacchino(canopy - พิดาน, ปะรำ) เหนือหลุมศพ นักบุญปีเตอร์ ผลงานโดยเอกศิลปิน Bernini ในมหาวิหาร St. Peter กรุงโรม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1207 เมื่อ 15 เม.ย. 14, 10:57
|
|
รูปพระไครสต์ฟื้นคืนพระชนม์ชีพที่ประดิษฐานเป็นผลงานของ Celia ประติมากร จาก Ancona(เมืองท่าตอนกลางฝั่งตะวันออกของอิตาลี) ในปี 1713
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1208 เมื่อ 15 เม.ย. 14, 10:58
|
|
พื่นที่ด้านหลังสำหรับออร์แกนสไตล์บารอคและคณะร้องเพลงสวด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1209 เมื่อ 15 เม.ย. 14, 11:00
|
|
(เว็บต่างๆ ให้ข้อมูลว่า)ร่างของกวีเอก Ivan Gundulic ได้ถูกนำมาพำนักพักผ่อน ภายในอาคารนี้(ที่ใต้แท่นหลัก - จากแหล่งข้อมูลหนึ่งแห่ง)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1210 เมื่อ 18 เม.ย. 14, 09:22
|
|
จากคณะฟรานซิสกันย้อนไปอารามคู่แข่งที่ฟากตรงข้ามซึ่งได้เดินผ่านตั้งแต่วันแรกแล้ว จนวันที่สองนี้ก็ยังไม่มีโอกาสเข้าไปเยือนต้องอาศัยดูทางเน็ท
Dominican Monastery
เฉกเช่นเมืองในยุคกลางที่เจริญรุ่งเรืองทั้งหลาย ดูบรอฟนิคได้รับคริสตศาสนาหลัก 3 คณะ เข้าเมือง ได้แก่คณะฟรานซิสกันที่ด้านตะวันตก เยซูอิตทิศใต้ และ คณะที่สาม อารามดอมินิกันปักหมุดฝั่งตะวันออกใกล้กับประตู Ploce เป็นอีกย่านหนึ่ง ของกลุ่มอาคารทรงคุณค่าสถาปัตยกรรมและความรุ่มรวยแห่งศิลปะวัฒนธรรมของเมือง
อาคารรูปสี่เหลี่ยมพร้อมหอสูงที่ตำแหน่ง 2 - 3 นาฬิกาในภาพ ส่วนอารามฟรานซิสกันอยู่ที่ 9 - 10 นาฬิกา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1211 เมื่อ 18 เม.ย. 14, 09:24
|
|
คณะดอมินิกันเป็นคณะนักบวชแคธอลิกประเภทคณะนักบวชภิกขาจารที่เน้นงาน วิชาการศาสนา ความยากจนถ่อมตน และไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ก่อตั้งโดยนักบุญดอมินิก เมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 13 ที่ประเทศฝรั่งเศส ท่านเป็นชาวสเปน บิดาต้องการให้เป็นนักรบ แต่ท่านกลับออกบวชหลังจากจบการศึกษา ท่านเป็นบุคคลแรกที่นำสายประคำมาใช้ในการ สวดภาวนา และเป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์นักดาราศาสตร์
Miracle of St Dominic รูปวาดเหนือแท่นข้างผลงานศิลปินโครเอเชีย Vlaho Bukovac ในปี 1911 เล่าเหตุการณ์ แม่กลับมาบ้านหลังจากไปฟังท่านนักบุญเทศน์แล้วได้ พบว่าลูกชายเสียชีวิต นางอุ้มลูกน้อยไปพบท่านนักบุญแล้วท่านได้ช่วยฟื้นคืนชีวิตลูกน้อยให้ เหตุการณ์มหัศจรรย์นี้มีเรื่องเล่าไว้ว่า ท่านได้ฟื้นชีวิตให้แก่ Napoleone Orsini ผู้เป็นหลานชายของพระคาร์ดินาล Stefano di Fossanova ในโรมจากอุบัติเหตุตกจากหลังม้า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1212 เมื่อ 18 เม.ย. 14, 09:26
|
|
คณะดอมินิกันมาถึงดูบรอฟนิคในปี 1225 แต่งานสร้างอารามเริ่มอย่างจริงจังในปี 1301 โดยการสนับสนุนของทางการ ผลงานเป็นของช่างฝีมือของดูบรอฟนิคและซาดาร์ร่วมกับนายช่าง ชาวอิตาลี กว่าอาคารสถานที่จะแล้วเสร็จก็ล่วงเข้าช่วงศตวรรษที่ 14 ในช่วงต้นศตวรรษที่ 14 นี้เอง ที่ตัวอารามได้ถูกกำแพงโอบล้อมเข้าไว้อยู่ในเมืองเนื่องจากที่ตั้งของอารามอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ สำคัญนั่นคือบริเวณท่าเรือ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1213 เมื่อ 18 เม.ย. 14, 09:28
|
|
ตัวอาคารมีรูปร่างอย่างเช่นปัจจุบันในศตวรรษที่ 15 เมื่อมีการสร้างส่วนต่อเติมต่างๆ โดยเฉพาะส่วนที่เป็นสถานที่ประชุมคณะสงฆ์(Chapter House) นั้นเป็นการนำเข้าสไตล์ เรเนซองสู่เมืองเป็นครั้งแรก อาคารยังถูกปรับเปลี่ยนแปลงหลายหนในช่วงศตวรรษต่อๆ มา ปรากฏผลงานหลากแนว ทั้ง สมัยใหม่ บารอค ปนกับสไตล์หลักนั่นคือกอธิคและเรเนซอง เมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหวปี 1667 อาคารไม่ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงเช่นที่อื่น ยังคงยืนสภาพให้เห็นเป็นผลงานสถาปัตยกรรม งามล้ำของเมืองเก่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1214 เมื่อ 18 เม.ย. 14, 09:29
|
|
หอระฆังสูงสี่ชั้นเริ่มสร้างในปี 1390 ผ่านมือนายช่างหลายมือต่อเนื่องกันระหว่าง ปี 1404 - 1531 ทำให้ปรากฏมีสามสไตล์ตั้งแต่กอธิค เรเนซอง และบารอค งานสร้างแล้ว เสร็จสมบูรณ์ในศตวรรษที่ 18
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|