ราชสกุลคัคณางค์นั้นเมื่อสิ้น ม.ร.ว.รสลิน คัคณางค์แล้ว ก็เป็นอันสิ้นสุดลงเพียงนั้น เพราะราชสกุลนี้ในชั้นหม่อมราชวงศ์มีเพียง ม.ร.ว.รสลิน เพียงท่านเดียว
ส่วนราชสกุลโตษณีย์นั้น เคยมีหม่อมหลวงท่านหนึ่งทำงานอยู่ที่โรงเรียนสามเสนมาปรึกษาเรื่องที่สำนักงานเขตไม่ยอมเติมสร้อย ณ อยุธยาต่อท้ายราชสกุลให้บุตรของท่าน สกุลนี้จึงยังน่าจะมีผูสืบสกุลอยู่ครับ แต่ฐานะคงจะต่ำต้อยจนไม่ค่อยกล้าแสดงตน
ฐานะยากจนไม่ใช่ความต่ำต้อยในศักดิ์ศรีด้านศีลธรรมจรรยานะครับ ถ้าท่านบังเอิญมาอ่าน ผมจะเรียนให้ทราบว่า ลูกหลานเจ้านายไม่เฉพาะวังหน้าทีมีฐานะต้องปากกัดตีนถีบหลายคน โดยเฉพาะระดับหม่อมราชวงศ์ที่ท่านพ่อมีหม่อมหลายคน ทั้งๆที่หม่อมเจ้าส่วนใหญ่ก็ไม่ได้รับมรดกมากมายจากพระบิดาที่เป็นพระองค์เจ้า นอกจากหม่อมเจ้าองค์โตที่มารดาเป็นหม่อมใหญ่ หรือที่เรียกว่าภรรยาหลวง
อย่าว่าแต่เจ้านาย ขุนนางสมัยก่อนก็มีภรรยากันหลายๆคนตามค่านิยมของสังคมไทยในยุคนั้น คนนามสกุลบุนนาคก็มีทั้งที่นั่งรถเก๋งอิมพอร์ตและนั่งรถเมล์เหมือนกัน
พ่อค้า กำนัน ทั้งบ้านนอกเมืองกรุงสมัยนั้น ถ้ามีเงินมีฐานะ ก็นิยมมีเมียน้อยทั้งนั้น
ระดับหม่อมราชวงศ์จะรับรู้ความทุกข์ยากลำบากที่สุด ส่วนมากท่านพ่อจะปล่อยให้แม่เป็นผู้เลี้ยงดูตามฐานะ ที่ยากจนอยู่แล้วก็หนักขึ้นเพราะแบกคำว่าหม่อมราชวงศ์ไว้ จะทำความเลวไม่ได้เพราะจะเสื่อมเสียถึงราชสกุล พวกที่เป็นข่าวหน้าหนึ่งในเรื่องสิบแปดมงกุฏทั้งหลาย เกือบร้อยละร้อยเป็นหม่อมเชื้อพระวงศ์เทียมทั้งนั้น ส่วนที่วางมาดผู้ดีตีนแดงอยู่ในวังท่านพ่อกับหม่อมแม่ ให้ผู้หญิงมาตบตีแย่งชิงกันเป็นเมียอะไรนั่น ก็มีเฉพาะในละครทีวี
ระดับหม่อมหลวงจะดีขึ้นหน่อย เพราะพ่อจะเรียนรู้ทุกข์จากประสพการณ์ของตนอันเนื่องมาจากพ่อแม่ ถึงรุ่นลูกของหม่อมหลวงจะมี ณ อยุธยาก็กลืนไปแล้วกับความเป็นไปของสังคมยุคนี้