กระทู้: เที่ยวเมืองเทา เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 มิ.ย. 12, 04:01 เมืองนี้เขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า Taos บางคนอาจจะอ่านว่า ทาออส หรือบางคนอ่านว่า เต๋าส
จริงๆ ออกเสียงว่า เทา ไม่มีเสียง s เทาเป็นเมืองเล็กๆใกล้ชายแดนรัฐ เล็กประมาณหมู่บ้านของไทยเราดีๆนี่เอง ถ้าจะไปเยี่ยมเมืองเทาต้องขับรถออกจากไฮเวย์ใหญ่ ผ่านป่าใหญ่บนภูเขา ไปประมาณหนึ่งชั่วโมง พ้นป่า จากนั้นอีกสักพัก ถึงจะเจอเมืองน้อยแห่งนี้อยู่ในขุนเขา เทาเป็นเมืองแห่งเครื่องปั้นดินเผา เป็นแหล่งทำมาแต่โบราณยุคหลังคริสตกาลประมาณร้อยกว่าปี นับเป็นพันปีก่อนทวีปนี้จะตั้งขึ้นเป็นประเทศเสียอีก เจ้าของถิ่นนี้แต่ดั้งเดิมเป็นชนเผ่าอาปาเช่ และนาวาโฮ ที่เราเรียกว่าอินเดียนแดง กระทู้: เที่ยวเมืองเทา เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 มิ.ย. 12, 04:02 อีกมุมของเมือง
ความจริงสีอาคารในเมือง เป็นสีเข้มกว่านี้ ออกเป็นสีหม้อดินเผาทั้งเมือง แต่ดิฉันปรับแสงให้สว่างขึ้น ก็เลยกลายเป็นสีเนื้อไป กระทู้: เที่ยวเมืองเทา เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 มิ.ย. 12, 04:03 :D
กระทู้: เที่ยวเมืองเทา เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 มิ.ย. 12, 04:04 รูปนี้ไม่ได้ปรับสี
กระทู้: เที่ยวเมืองเทา เริ่มกระทู้โดย: ณฐ ที่ 11 มิ.ย. 12, 04:31 ขออนุญาตอาจารย์ เข้าชั้นเรียนเป็นคนแรกครับ
กระทู้: เที่ยวเมืองเทา เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 มิ.ย. 12, 04:50 เลือกที่นั่งตามสบายค่ะ
อินเดียนแดงเผ่าต่างๆ ครอบครองถิ่นนั้นมนมนานกาเลนับพันปี จนกระทั่งวันหนึ่ง ในศตวรรษที่ 16 พวกสเปนก็นั่งเรือข้ามมหาสมุทรแอตแลนติคมาถึงโลกใหม่ จากนั้น การสำรวจดินแดนที่ชาวยุโรปยังไม่รู้จักก็เริ่มขึ้น สเปนพบโลกซีกตะวันตกที่ตัวเองได้เส้นทางสำรวจ แบ่งกับโปรตุเกสซึ่งได้เส้นทางตะวันออก ว่าเป็นดินแดนกว้างใหญ่ไพศาลเหลือจะประมาณได้ แถมผู้คนที่ครอบครองก็เป็นคนท้องถิ่นเผ่าเล็กๆ ไร้วิทยาการอย่างยุโรป โดยเฉพาะไร้กำลังอาวุธที่จะสู้รบด้วย จึงไม่แปลกอะไร ที่นายทหารและนักสำรวจชาวสเปนเดินทางไปถึงที่ไหน เห็นทำเลเหมาะ ก็ตั้งอาณานิคมของตัวเองลงที่นั่น พวกนี้ก็แบบเดียวกับโปรตุเกส คือมีนักบวชติดเรือมาด้วย ไปถึงท้องถิ่นไหนก็เผยแพร่คริสตศาสนา ด้วยความเชื่อมั่นว่าจะทำให้ชนท้องถิ่นที่เป็นพวกนอกรีต มิจฉาทิฐิได้กลับใจมารู้จักพระเจ้า ส่วนผลดีจากนั้นที่ตามมาก็คือขยายอาณาเขตของสเปนในโลกใหม่ โดยตัวเองเป็นเจ้าอาณานิคม กระทู้: เที่ยวเมืองเทา เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 มิ.ย. 12, 10:32 ภาพของอินเดียนแดงที่แสดงออกสู่ชาวโลก ให้ติดตากันมากที่สุดคือ อินเดียนแดงในหนังคาวบอย ร้อยทั้งร้อยคาวบอยเป็นพระเอก ยิ่งหนังเก่าๆ อินเดียนแดงถูกสร้างภาพให้เป็นคนเถื่อน ยกขบวนมาโจมตีคนขาวที่ไปตั้งถิ่นฐานทำมาหากินในทุ่งกว้าง กี่ฉากๆก็ออกมาร้องวู้ๆ โบกธนู ยิงธนูไฟเผาประทุนเกวียนคนขาว ในที่สุดพระเอกขี่ม้าขาวนำหน้ากองทหารมาปราบ อินเดียนแดงก็แพ้หนีเตลิดไป
แต่ทางประวัติศาสตร์ อินเดียนแดงมีวัฒนธรรมของเขามายาวนาน ในถิ่นของพวกเขาเอง อย่างเมืองเทา เป็นเมืองขึ้นชื่อทางหัตถศิลป์มาแต่โบราณ ทุกวันนี้ก็ยังเป็นแหล่งเครื่องปั้นดินเผาที่สำคัญ เดินทั่วเมืองจะเห็นว่าทุกแห่งขายงานศิลปะเป็นหลัก กระทู้: เที่ยวเมืองเทา เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 มิ.ย. 12, 11:45 พร้อมกับสงสารชาวอินเดียนแดงที่ตกเป็นเบี้ยล่าง ในการถูกรุกรานยาวนานหลายศตวรรษ ก็อดสรรเสริญความทรหดอดทนของชาวสเปนเสียมิได้ ถ้าใครมาเห็นภูมิประเทศในแถบเทือกเขานี้จะเข้าใจว่ามันทุรกันดาร จนยากเย็นสาหัสขนาดไหนในการเดินทางผ่าน
ภูมิประเทศ มีทั้งภูเขาที่แต่ละลูกใหญ่กว่าเขาใหญ่สัก ๒๐ เท่าอย่างน้อย หาทางปีนผ่านไม่ได้ มีที่ราบกว้างไกลสุดสายตาเป็นดินปนทรายแห้งแล้ง มีแต่พืชพันธุ์อะไรไม่รู้ขึ้นเป็นกระจุกๆ จะหาต้นไม้ให้ร่มเงาก็ไม่มีสักต้น เดินทางกันเป็นเดือนๆกว่าจะผ่านไปได้ ยังสงสัยว่าพวกสเปนที่มาสำรวจเขาเอาอาหารเอาน้ำที่ไหนกินกัน วันๆขี่ม้าเดินทางได้ตั้งแต่เช้าจดกลางคืนก็ ๒๐ ไมล์ อย่างเก่ง จะล่าสัตว์ยิงนั่นยิงนี่มากินตามทางอย่างกระทู้เมนูอาหารป่า เห็นจะไม่มีทาง เพราะแถวนี้มีสัตว์ก็คือควายป่า bizon สิงโตภูเขา หมี อ้อ มีกวางด้วย แต่ปืนโบราณยิงทีละนัด กวางตัวเล็กๆกลางพื้นที่กว้างสุดสายตาไปจนขอบฟ้า คงยิงถูกหรอก พื้นที่แถบกว้างขวางนี้ยาวเหยียดสุดขอบฟ้า ขนาดขับรถไปตามซูเปอร์ไฮเวย์แสนสะดวกสบายยังกินเวลาทั้งวัน แล้วเมื่อหลายร้อยปีก่อน ชาวสเปนกลุ่มเล็กๆถึงมีคนนำทาง ยังไงก็ต้องค้างกลางทางในทุ่งหญ้านานๆเป็นเดือนๆ กลางวันก็แดดเผาลมแรง กลางคืนก็หนาวเข้ากระดูกดำ พวกนี้ไม่เหลือแต่กระดูก ถือว่ามหัศจรรย์ กระทู้: เที่ยวเมืองเทา เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 มิ.ย. 12, 11:51 มีทะเลสาบคั่นอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ถ้าเดินทางมาจากทางใต้ กว่าจะถึงทะเลสาบก็ต้องผ่านภูเขา ผ่านทุ่งหญ้า มาไม่รู้เท่าไหร่
กระทู้: เที่ยวเมืองเทา เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 มิ.ย. 12, 11:54 ภูเขาที่เราผ่านมาก่อนถึงเมืองเทา มีผาสูงแบบนี้ละค่ะ ขนาดมีทางไฮเวย์บนภูเขายังน่ากลัวที่จะขับผ่าน ยังนึกไม่ออกว่าคนที่ต้องขี่ม้าข้ามเขามา เขาลัดเลาะกันมาทางไหน
กระทู้: เที่ยวเมืองเทา เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 มิ.ย. 12, 12:12 อย่างไรก็ตาม สเปนก็ยึดเมืองที่เป็นของอินเดียนแดงไว้ได้ ชื่อเดิมของเมือง คือ เทา เป็นภาษาท้องถิ่นของอินเดียนแดง แปลว่า ดินแดนแห่งต้นวิลโลว์สีแดง
ประวัติศาสตร์ได้บันทึกการสู้รบระหว่างสเปนและอินเดียนแดงเอาไว้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 เรื่อยมาจนศตวรรษที่ 19 จนกระทั่งพ่ายแพ้แก่ปรปักษ์บิ๊กที่สุดในถิ่นนี้ ก็คือสหรัฐอเมริกาที่ขยายจำนวนรัฐจากตะวันออกมาทางตะวันตกอย่างไม่อั้น รัฐไหนซื้อได้-ซื้อ รัฐไหนยึดได้-ยึด นอกจากนี้ยังได้จากชัยชนะในสงครามกับสเปนอีกด้วย ก็คือรัฐที่เทาขึ้นอยู่ด้วยนี่ละค่ะ ได้แก่นิวเมกซิโก เดิมเป็นของสเปน ซึ่งครอบครองเมกซิโกมาก่อน เมกซิโกกลายมาเป็นรัฐที่ 47 ของอเมริกาเมื่อค.ศ. 1912 ตรงกับรัชกาลที่ 6 คุณเปรมของแม่พลอยกำลังเป็นข้าราชสำนักหนุ่มโก้หรูอยู่ทีเดียว กลิ่นอายของเมกซิโกมีให้เห็นทั่วเมือง เริ่มตั้งแต่อาคารร้านรวงที่ออกแบบกลมกลืนกันทั้งเมือง อย่างในอาคารนี้ กระทู้: เที่ยวเมืองเทา เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 มิ.ย. 12, 12:22 เมืองเทา เป็นเมืองอาร์ต มีอาร์ติสต์ขายพวกเครื่องปั้นดินเผา ลูกปัดสี หินสี ล้วนแฮนด์เมด คนขายบอกลูกค้าด้วยความภูมิใจว่าเขาทำเอง เขียนสีเอง ร้อยลูกปัดเอง
แต่ลูกค้าไทยเป็นพวกมองโลกในแง่ร้าย ชะโงกเข้าไปมองลูกปัดสีต่างๆแล้ววาดภาพว่าจะกลับมาเจอเหมือนกันเปี๊ยบอยู่แถวจตุจักร ไม่รู้ใครเลียนแบบใคร หรือใครผลิตกันแน่ ก็เลยไม่มีใครซื้อติดมือกลับมา ก่อนหน้าจะเข้าเมือง ผ่านป่าใหญ่บนภูเขาออกมาถึงชายเขา มองเห็นบ้านอย่างในรูปข้างบน สร้างอยู่ห่างๆกัน แต่ละหลังดูโดดเดี่ยวห่างไกลกันเอาการ มองภูมิประเทศก็เปล่าเปลี่ยวชวนเหงาใจอยู่แล้วขนาดในฤดูร้อนต้นไม้เขียวไปหมดทุกแห่ง พอถึงหน้าหนาวมีแต่ต้นไม้โกร๋น หญ้าแห้งแล้ง ไร้สีสัน มันจะน่าหวาดหวั่นขนาดไหน เลยสงสัยว่าเขาอยู่กันได้อย่างไร ดูแต่ละหลังก็ไม่ใช่กระจอกๆ หน้าตาบางหลังเป็นคนฐานะดีเชียวละค่ะ ก็มีคนสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นบ้านของอาร์ติสต์ที่ผลิตงานศิลปะในเมืองนี้ละ พวกติ๊ดก็รู้ๆกันอยู่ว่ามีโลกส่วนตัวสูง เรื่องอะไรจะอยู่กันแออัดยัดเยียดกับคนอื่นๆ น่าจะจริง กระทู้: เที่ยวเมืองเทา เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 มิ.ย. 12, 13:05 สินค้าทำมือ วางขายหน้าร้าน
กระทู้: เที่ยวเมืองเทา เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 มิ.ย. 12, 13:07 ชอบชิ้นนี้ เครื่องแขวนผนัง เป็นนกตัวเล็กๆเกาะบนกิ่งไม้ ทำด้วยมือทั้งหมด
ของในร้านมีอีกหลายแบบ แต่ว่าเจ้าของห้ามถ่ายรูป ชิ้นนี้แขวนอยู่หน้าร้านเลยเก็บภาพมาได้ กระทู้: เที่ยวเมืองเทา เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 มิ.ย. 12, 03:37 ร้านค้าต่างๆในเมืองนี้เป็นงานศิลปะเสียเกือบ ๑๐๐% มีแกลเลอรี่ให้เห็นอยู่สองข้างถนน หน้าต่างร้านมักโชว์ภาพสีน้ำมันฝีมือจิตรกรท้องถิ่น รองลงไปก็พวกงานหัตถศิลป์ต่างๆ ฝีมือท้องถิ่นเหมือนกันค่ะ
อาคารสร้างแบบเดียวกันหมด กลมกลืนกันไปทั้งเมือง ไม่มีตึกสมัยใหม่รูปเป็นกล่องติดกระจกโผล่ออกมาให้ขัดตา ผนังอาคารบางส่วนก็วาดภาพเอาไว้ด้วย ส่วนใหญ่เป็นภาพชีวิตท้องถิ่น หรือไม่ก็ภาพทางศาสนา เมื่อสเปนเข้ามายึดครองแถบนี้ ศาสนาที่พวกเขานำเข้ามาเผยแพร่คือคริสตศาสนานิกายคาทอลิค เพราะสเปนเป็นคาทอลิค ไม่ใช่โปรแตสแตนท์อย่างอังกฤษที่เข้ามาครอบครองรัฐทางตะวันออกที่เรียกกันว่านิวอิงแลนด์ ด้วยเหตุนี้ โบสถ์แถวนี้ก็เลยเป็นโบสถ์คาทอลิค ภาพวาดต่างๆเช่นภาพวาดพระเยซู ก็เป็นแบบที่เห็นกันในวัดคาทอลิค ใครเป็นศิษย์เก่าร.ร.เซนต์กาเบรียล อัสสัมชัญ และร.ร.คริสต์ที่ขึ้นต้นด้วยเซนต์ หรือร.ร.หญิงพวกคอนแวนต์ ทั้งหลาย ถ้ามาเดินๆดูแถวนี้จะรู้สึกคุ้นตาทีเดียว กระทู้: เที่ยวเมืองเทา เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 มิ.ย. 12, 03:42 เดินๆไปก็เจอสวนสาธารณะเล็กๆ รายรอบด้วยร้านค้า น่าจะเป็น downtown ของเมือง
กระทู้: เที่ยวเมืองเทา เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 มิ.ย. 12, 03:45 ทางเดินตามหน้าร้านค้าในเมืองเทา
จำได้ว่าในกระทู้รูปเก่าเล่าเรื่อง เมืองบางกอก มีรูปอาคารร้านค้าสมัยรัชกาลที่ ๕ มีทางเดินหน้าร้าน มีหลังคาให้ร่มเงาต่อเนื่องกันไปจนสุดตึกแถว ลูกค้าเดินไปสบาย ไม่ต้องกลัวแดดกลัวฝน แต่ต่อมาหลังคาแบบนี้ก็ถูกรื้อหรือดัดแปลงไปเป็นแบบอื่น ถ้าหากว่าลงไปเที่ยวทางใต้ ในเมืองเก่าอย่างภูเก็ต ยังพอเหลือร่องรอยให้เห็นบ้าง กระทู้: เที่ยวเมืองเทา เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 มิ.ย. 12, 06:47 กลางสวนสาธารณะ มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่ เหมือนต้นไม้เมืองไทยมาก ใบของมันสั่นพลิ้วเหมือนใบโพ ก็เลยเอารูปมาให้ดูกันค่ะ
ไม่รู้ว่าต้นอะไร กระทู้: เที่ยวเมืองเทา เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 มิ.ย. 12, 08:22 ลวดลายแบบพื้นเมือง
กระทู้: เที่ยวเมืองเทา เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 มิ.ย. 12, 08:24 อาคารร้านค้าล้อมรอบสวนสาธารณะ เป็นผังรูปสี่เหลี่ยมค่ะ
กระทู้: เที่ยวเมืองเทา เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 มิ.ย. 12, 08:27 นี่คือทางเดินแคบๆ ระหว่างอาคาร ลัดไปสู่อีกถนนหนึ่ง
กระทู้: เที่ยวเมืองเทา เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 มิ.ย. 12, 08:33 รูปแบบอาคารสองข้างทาง เขาตกแต่งด้านหน้าด้วยสวนหย่อม ส่วนเหล็กดัดหน้าต่างก็ตกแต่ง ไม่ให้ดูเป็นลูกกรงคุก
กระทู้: เที่ยวเมืองเทา เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 มิ.ย. 12, 08:41 เดินไปเรื่อยๆก็ทะลุไปถึงศูนย์การค้า ชื่อ John Dunn House Shops ทำคล้ายหมู่บ้านเล็กๆ มีร้านค้าหน้าตาเหมือนกระท่อมเล็กๆน่ารัก สองข้างทางเดิน
กระทู้: เที่ยวเมืองเทา เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 มิ.ย. 12, 08:42 ร้านนี้คือร้านหนังสือ มีกุหลาบเลื้อยเป็นซุ้มอยู่ตรงมุมร้าน
กระทู้: เที่ยวเมืองเทา เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 มิ.ย. 12, 08:57 เดินเที่ยวอยู่ในเมืองสักชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงเวลาอาหารเย็น อินทรเนตรส่องพบว่าในเมืองชายแดนกลางหุบเขา วัฒนธรรมไทยยังเผยแพร่ไปถึง ในรูปของร้านอาหารไทย ก็เลยตามรอยไป พบว่าอยู่ใกล้ๆกันนั้นเอง
ร้านอาหารไทยในต่างแดน มีทั้งเป็นร้านอาหารของคนไทยจริงๆ และของคนชาติอื่น ที่ใช้ชื่อว่าอาหารไทย เพราะตอนนี้อาหารไทยติดอันดับโลก แซงหน้าอาหารจีนไปแล้ว ร้านอาหารจึงใช้ชื่อว่าอาหารไทยกันมาก ทั้งๆแต่ละจานก็ไม่ค่อยจะเป็นไทยเท่าไหร่ ตอนไปกินที่ร้านนี้ ก็ไม่ได้หวังว่าจะต้องเป็นอาหารไทยเป๊ะๆ เพียงแต่ไม่อยากกินอาหารฝรั่งอีกเท่านั้น แต่พบว่าเป็นร้านอาหารไทยจริงๆ เชฟเป็นคนไทย ตอนแรกก็ไม่แน่ใจค่ะ เพราะคนเสิฟหน้าตาเป็นเจ้าของถิ่น เลยลองสั่งอาหารง่ายๆอย่างผัดไทย และก๋วยเตี๋ยวผัด ที่นี่ไม่มีหมู มีแต่เนื้อกับไก่ ผลปรากฏว่าอร่อยใช้ได้ทีเดียว เป็นอาหารไทยอย่างที่เราจะพบได้ในร้านอาหารตามสั่งในกรุงเทพ ไม่ได้ถ่ายรูปร้านมา เลยต้องไปไหว้วานอินทรเนตรอีกครั้ง กระทู้: เที่ยวเมืองเทา เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 มิ.ย. 12, 09:34 เที่ยวเมืองเทาขอจบลงเพียงเท่านี้ มันเป็นเมืองเล็กๆทางผ่าน ก่อนไปถึงเมืองที่เป็นจุดหมาย จะเล่าในกระทู้หน้าค่ะ
ไม่มีเวลาจะไปสำรวจมากกว่านี้ เรียกว่าขี่ม้าชมดอกไม้ได้เพียงคร่าวๆเท่านี้เอง จะว่าตื่นเต้นกับเมืองหรือเปล่า ก็ไม่เชิงตื่นเต้นกับรูปแบบ เพราะว่าคนไทยหัวใส ไปจำลองแบบบ้านช่องแบบนี้มาตั้งให้คนดูที่เขาใหญ่ กับที่ถนนราชพฤกษ์ เป็นแหล่งช็อปปิ้งที่ลูกค้าเข้ามากันแน่นขนัดในวันหยุด แต่ถ้าถามว่าสนใจไหมก็น่าสนใจ กับเอกลักษณ์ของเขา บ้านช่องเขาสร้างขึ้นดูเหมาะสมกับภูมิศาสตร์ และประวัติศาสตร์ เดินดูหลังคาบ้าน เพื่อถ่ายรูปมาลงกระทู้หลังคาบ้านแบบฝรั่ง มองไม่เห็นหลังคาของตัวตึกแบบนี้ เพราะด้านข้างยกขอบขึ้นสูง มองไม่เห็นว่าหลังคาฉาบปูนไว้เฉยๆ หรือมีกระเบื้องปู แต่ใจคิดว่าน่าจะเป็นหลังคาทึบ เรียบแบน ไม่มีกระเบื้อง ยกเว้นหลังที่เห็นชัดๆว่าออกแบบปูกระเบื้องไว้ เดาว่าการออกแบบหลังคาแบบนี้เพราะลมแรงมาก ถ้าปูกระเบื้องแบบเมืองไทย พายุมาถึง กระเบื้องคงปลิวไปง่ายๆ ฝนคงน้อย จึงไม่มีชายคาหรือกันสาดอย่างบ้านเรา ผนังน่าจะเป็นปูน แล้วฉาบสีเหมือนดินแดง ลองสัมผัสดู พบว่าผนังเย็น ไม่คายความร้อนออกมาเหมือนคอนกรีตของเรา ข้างในอาคารพวกนี้คงไม่ร้อนในหน้าร้อน และหน้าหนาวก็คงเก็บความอุ่นไว้ได้ ขอจบแค่นี้ค่ะ |