เรือนไทย

General Category => หน้าต่างโลก => ข้อความที่เริ่มโดย: เทาชมพู ที่ 11 มิ.ย. 12, 04:01



กระทู้: เที่ยวเมืองเทา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 มิ.ย. 12, 04:01
เมืองนี้เขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า Taos   บางคนอาจจะอ่านว่า ทาออส   หรือบางคนอ่านว่า เต๋าส
จริงๆ ออกเสียงว่า เทา  ไม่มีเสียง s

เทาเป็นเมืองเล็กๆใกล้ชายแดนรัฐ    เล็กประมาณหมู่บ้านของไทยเราดีๆนี่เอง    ถ้าจะไปเยี่ยมเมืองเทาต้องขับรถออกจากไฮเวย์ใหญ่  ผ่านป่าใหญ่บนภูเขา ไปประมาณหนึ่งชั่วโมง พ้นป่า จากนั้นอีกสักพัก   ถึงจะเจอเมืองน้อยแห่งนี้อยู่ในขุนเขา
เทาเป็นเมืองแห่งเครื่องปั้นดินเผา  เป็นแหล่งทำมาแต่โบราณยุคหลังคริสตกาลประมาณร้อยกว่าปี   นับเป็นพันปีก่อนทวีปนี้จะตั้งขึ้นเป็นประเทศเสียอีก
เจ้าของถิ่นนี้แต่ดั้งเดิมเป็นชนเผ่าอาปาเช่ และนาวาโฮ   ที่เราเรียกว่าอินเดียนแดง


กระทู้: เที่ยวเมืองเทา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 มิ.ย. 12, 04:02
อีกมุมของเมือง
ความจริงสีอาคารในเมือง เป็นสีเข้มกว่านี้  ออกเป็นสีหม้อดินเผาทั้งเมือง
แต่ดิฉันปรับแสงให้สว่างขึ้น  ก็เลยกลายเป็นสีเนื้อไป


กระทู้: เที่ยวเมืองเทา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 มิ.ย. 12, 04:03
 :D


กระทู้: เที่ยวเมืองเทา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 มิ.ย. 12, 04:04
รูปนี้ไม่ได้ปรับสี


กระทู้: เที่ยวเมืองเทา
เริ่มกระทู้โดย: ณฐ ที่ 11 มิ.ย. 12, 04:31
ขออนุญาตอาจารย์ เข้าชั้นเรียนเป็นคนแรกครับ


กระทู้: เที่ยวเมืองเทา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 มิ.ย. 12, 04:50
เลือกที่นั่งตามสบายค่ะ

อินเดียนแดงเผ่าต่างๆ ครอบครองถิ่นนั้นมนมนานกาเลนับพันปี  จนกระทั่งวันหนึ่ง ในศตวรรษที่ 16  พวกสเปนก็นั่งเรือข้ามมหาสมุทรแอตแลนติคมาถึงโลกใหม่  จากนั้น การสำรวจดินแดนที่ชาวยุโรปยังไม่รู้จักก็เริ่มขึ้น   สเปนพบโลกซีกตะวันตกที่ตัวเองได้เส้นทางสำรวจ  แบ่งกับโปรตุเกสซึ่งได้เส้นทางตะวันออก ว่าเป็นดินแดนกว้างใหญ่ไพศาลเหลือจะประมาณได้    แถมผู้คนที่ครอบครองก็เป็นคนท้องถิ่นเผ่าเล็กๆ   ไร้วิทยาการอย่างยุโรป   โดยเฉพาะไร้กำลังอาวุธที่จะสู้รบด้วย

จึงไม่แปลกอะไร ที่นายทหารและนักสำรวจชาวสเปนเดินทางไปถึงที่ไหน  เห็นทำเลเหมาะ ก็ตั้งอาณานิคมของตัวเองลงที่นั่น    พวกนี้ก็แบบเดียวกับโปรตุเกส คือมีนักบวชติดเรือมาด้วย    ไปถึงท้องถิ่นไหนก็เผยแพร่คริสตศาสนา   ด้วยความเชื่อมั่นว่าจะทำให้ชนท้องถิ่นที่เป็นพวกนอกรีต มิจฉาทิฐิได้กลับใจมารู้จักพระเจ้า  
ส่วนผลดีจากนั้นที่ตามมาก็คือขยายอาณาเขตของสเปนในโลกใหม่     โดยตัวเองเป็นเจ้าอาณานิคม


กระทู้: เที่ยวเมืองเทา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 มิ.ย. 12, 10:32
ภาพของอินเดียนแดงที่แสดงออกสู่ชาวโลก ให้ติดตากันมากที่สุดคือ อินเดียนแดงในหนังคาวบอย   ร้อยทั้งร้อยคาวบอยเป็นพระเอก    ยิ่งหนังเก่าๆ อินเดียนแดงถูกสร้างภาพให้เป็นคนเถื่อน ยกขบวนมาโจมตีคนขาวที่ไปตั้งถิ่นฐานทำมาหากินในทุ่งกว้าง    กี่ฉากๆก็ออกมาร้องวู้ๆ โบกธนู ยิงธนูไฟเผาประทุนเกวียนคนขาว  ในที่สุดพระเอกขี่ม้าขาวนำหน้ากองทหารมาปราบ  อินเดียนแดงก็แพ้หนีเตลิดไป
แต่ทางประวัติศาสตร์  อินเดียนแดงมีวัฒนธรรมของเขามายาวนาน ในถิ่นของพวกเขาเอง     อย่างเมืองเทา เป็นเมืองขึ้นชื่อทางหัตถศิลป์มาแต่โบราณ   ทุกวันนี้ก็ยังเป็นแหล่งเครื่องปั้นดินเผาที่สำคัญ      เดินทั่วเมืองจะเห็นว่าทุกแห่งขายงานศิลปะเป็นหลัก


กระทู้: เที่ยวเมืองเทา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 มิ.ย. 12, 11:45
พร้อมกับสงสารชาวอินเดียนแดงที่ตกเป็นเบี้ยล่าง ในการถูกรุกรานยาวนานหลายศตวรรษ     ก็อดสรรเสริญความทรหดอดทนของชาวสเปนเสียมิได้      ถ้าใครมาเห็นภูมิประเทศในแถบเทือกเขานี้จะเข้าใจว่ามันทุรกันดาร  จนยากเย็นสาหัสขนาดไหนในการเดินทางผ่าน     

ภูมิประเทศ มีทั้งภูเขาที่แต่ละลูกใหญ่กว่าเขาใหญ่สัก ๒๐ เท่าอย่างน้อย   หาทางปีนผ่านไม่ได้   มีที่ราบกว้างไกลสุดสายตาเป็นดินปนทรายแห้งแล้ง มีแต่พืชพันธุ์อะไรไม่รู้ขึ้นเป็นกระจุกๆ   จะหาต้นไม้ให้ร่มเงาก็ไม่มีสักต้น   เดินทางกันเป็นเดือนๆกว่าจะผ่านไปได้    ยังสงสัยว่าพวกสเปนที่มาสำรวจเขาเอาอาหารเอาน้ำที่ไหนกินกัน    วันๆขี่ม้าเดินทางได้ตั้งแต่เช้าจดกลางคืนก็ ๒๐ ไมล์ อย่างเก่ง   จะล่าสัตว์ยิงนั่นยิงนี่มากินตามทางอย่างกระทู้เมนูอาหารป่า เห็นจะไม่มีทาง  เพราะแถวนี้มีสัตว์ก็คือควายป่า bizon  สิงโตภูเขา  หมี    อ้อ มีกวางด้วย   แต่ปืนโบราณยิงทีละนัด  กวางตัวเล็กๆกลางพื้นที่กว้างสุดสายตาไปจนขอบฟ้า คงยิงถูกหรอก

พื้นที่แถบกว้างขวางนี้ยาวเหยียดสุดขอบฟ้า   ขนาดขับรถไปตามซูเปอร์ไฮเวย์แสนสะดวกสบายยังกินเวลาทั้งวัน   แล้วเมื่อหลายร้อยปีก่อน   ชาวสเปนกลุ่มเล็กๆถึงมีคนนำทาง  ยังไงก็ต้องค้างกลางทางในทุ่งหญ้านานๆเป็นเดือนๆ  กลางวันก็แดดเผาลมแรง  กลางคืนก็หนาวเข้ากระดูกดำ     พวกนี้ไม่เหลือแต่กระดูก ถือว่ามหัศจรรย์


กระทู้: เที่ยวเมืองเทา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 มิ.ย. 12, 11:51
มีทะเลสาบคั่นอยู่บ้างเหมือนกัน    แต่ถ้าเดินทางมาจากทางใต้  กว่าจะถึงทะเลสาบก็ต้องผ่านภูเขา ผ่านทุ่งหญ้า มาไม่รู้เท่าไหร่


กระทู้: เที่ยวเมืองเทา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 มิ.ย. 12, 11:54
ภูเขาที่เราผ่านมาก่อนถึงเมืองเทา   มีผาสูงแบบนี้ละค่ะ  ขนาดมีทางไฮเวย์บนภูเขายังน่ากลัวที่จะขับผ่าน     ยังนึกไม่ออกว่าคนที่ต้องขี่ม้าข้ามเขามา เขาลัดเลาะกันมาทางไหน


กระทู้: เที่ยวเมืองเทา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 มิ.ย. 12, 12:12
อย่างไรก็ตาม สเปนก็ยึดเมืองที่เป็นของอินเดียนแดงไว้ได้     ชื่อเดิมของเมือง คือ เทา เป็นภาษาท้องถิ่นของอินเดียนแดง แปลว่า ดินแดนแห่งต้นวิลโลว์สีแดง
ประวัติศาสตร์ได้บันทึกการสู้รบระหว่างสเปนและอินเดียนแดงเอาไว้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 เรื่อยมาจนศตวรรษที่ 19   จนกระทั่งพ่ายแพ้แก่ปรปักษ์บิ๊กที่สุดในถิ่นนี้ ก็คือสหรัฐอเมริกาที่ขยายจำนวนรัฐจากตะวันออกมาทางตะวันตกอย่างไม่อั้น   รัฐไหนซื้อได้-ซื้อ  รัฐไหนยึดได้-ยึด     นอกจากนี้ยังได้จากชัยชนะในสงครามกับสเปนอีกด้วย   ก็คือรัฐที่เทาขึ้นอยู่ด้วยนี่ละค่ะ
ได้แก่นิวเมกซิโก     เดิมเป็นของสเปน ซึ่งครอบครองเมกซิโกมาก่อน

เมกซิโกกลายมาเป็นรัฐที่ 47 ของอเมริกาเมื่อค.ศ. 1912  ตรงกับรัชกาลที่ 6  คุณเปรมของแม่พลอยกำลังเป็นข้าราชสำนักหนุ่มโก้หรูอยู่ทีเดียว

กลิ่นอายของเมกซิโกมีให้เห็นทั่วเมือง  เริ่มตั้งแต่อาคารร้านรวงที่ออกแบบกลมกลืนกันทั้งเมือง อย่างในอาคารนี้


กระทู้: เที่ยวเมืองเทา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 มิ.ย. 12, 12:22
เมืองเทา เป็นเมืองอาร์ต   มีอาร์ติสต์ขายพวกเครื่องปั้นดินเผา ลูกปัดสี หินสี ล้วนแฮนด์เมด    คนขายบอกลูกค้าด้วยความภูมิใจว่าเขาทำเอง เขียนสีเอง  ร้อยลูกปัดเอง     
แต่ลูกค้าไทยเป็นพวกมองโลกในแง่ร้าย  ชะโงกเข้าไปมองลูกปัดสีต่างๆแล้ววาดภาพว่าจะกลับมาเจอเหมือนกันเปี๊ยบอยู่แถวจตุจักร   ไม่รู้ใครเลียนแบบใคร หรือใครผลิตกันแน่    ก็เลยไม่มีใครซื้อติดมือกลับมา

ก่อนหน้าจะเข้าเมือง  ผ่านป่าใหญ่บนภูเขาออกมาถึงชายเขา มองเห็นบ้านอย่างในรูปข้างบน สร้างอยู่ห่างๆกัน   แต่ละหลังดูโดดเดี่ยวห่างไกลกันเอาการ     มองภูมิประเทศก็เปล่าเปลี่ยวชวนเหงาใจอยู่แล้วขนาดในฤดูร้อนต้นไม้เขียวไปหมดทุกแห่ง    พอถึงหน้าหนาวมีแต่ต้นไม้โกร๋น หญ้าแห้งแล้ง ไร้สีสัน   มันจะน่าหวาดหวั่นขนาดไหน     เลยสงสัยว่าเขาอยู่กันได้อย่างไร  ดูแต่ละหลังก็ไม่ใช่กระจอกๆ   หน้าตาบางหลังเป็นคนฐานะดีเชียวละค่ะ 
ก็มีคนสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นบ้านของอาร์ติสต์ที่ผลิตงานศิลปะในเมืองนี้ละ     พวกติ๊ดก็รู้ๆกันอยู่ว่ามีโลกส่วนตัวสูง    เรื่องอะไรจะอยู่กันแออัดยัดเยียดกับคนอื่นๆ
น่าจะจริง


กระทู้: เที่ยวเมืองเทา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 มิ.ย. 12, 13:05
สินค้าทำมือ วางขายหน้าร้าน


กระทู้: เที่ยวเมืองเทา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 มิ.ย. 12, 13:07
ชอบชิ้นนี้   เครื่องแขวนผนัง เป็นนกตัวเล็กๆเกาะบนกิ่งไม้  ทำด้วยมือทั้งหมด
ของในร้านมีอีกหลายแบบ แต่ว่าเจ้าของห้ามถ่ายรูป   ชิ้นนี้แขวนอยู่หน้าร้านเลยเก็บภาพมาได้


กระทู้: เที่ยวเมืองเทา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 มิ.ย. 12, 03:37
ร้านค้าต่างๆในเมืองนี้เป็นงานศิลปะเสียเกือบ ๑๐๐%    มีแกลเลอรี่ให้เห็นอยู่สองข้างถนน  หน้าต่างร้านมักโชว์ภาพสีน้ำมันฝีมือจิตรกรท้องถิ่น  รองลงไปก็พวกงานหัตถศิลป์ต่างๆ  ฝีมือท้องถิ่นเหมือนกันค่ะ
อาคารสร้างแบบเดียวกันหมด  กลมกลืนกันไปทั้งเมือง   ไม่มีตึกสมัยใหม่รูปเป็นกล่องติดกระจกโผล่ออกมาให้ขัดตา     ผนังอาคารบางส่วนก็วาดภาพเอาไว้ด้วย    ส่วนใหญ่เป็นภาพชีวิตท้องถิ่น หรือไม่ก็ภาพทางศาสนา  

เมื่อสเปนเข้ามายึดครองแถบนี้  ศาสนาที่พวกเขานำเข้ามาเผยแพร่คือคริสตศาสนานิกายคาทอลิค   เพราะสเปนเป็นคาทอลิค  ไม่ใช่โปรแตสแตนท์อย่างอังกฤษที่เข้ามาครอบครองรัฐทางตะวันออกที่เรียกกันว่านิวอิงแลนด์     ด้วยเหตุนี้ โบสถ์แถวนี้ก็เลยเป็นโบสถ์คาทอลิค  ภาพวาดต่างๆเช่นภาพวาดพระเยซู ก็เป็นแบบที่เห็นกันในวัดคาทอลิค  
ใครเป็นศิษย์เก่าร.ร.เซนต์กาเบรียล อัสสัมชัญ และร.ร.คริสต์ที่ขึ้นต้นด้วยเซนต์     หรือร.ร.หญิงพวกคอนแวนต์ ทั้งหลาย   ถ้ามาเดินๆดูแถวนี้จะรู้สึกคุ้นตาทีเดียว


กระทู้: เที่ยวเมืองเทา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 มิ.ย. 12, 03:42
เดินๆไปก็เจอสวนสาธารณะเล็กๆ  รายรอบด้วยร้านค้า น่าจะเป็น downtown ของเมือง


กระทู้: เที่ยวเมืองเทา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 มิ.ย. 12, 03:45
ทางเดินตามหน้าร้านค้าในเมืองเทา

จำได้ว่าในกระทู้รูปเก่าเล่าเรื่อง เมืองบางกอก   มีรูปอาคารร้านค้าสมัยรัชกาลที่ ๕  มีทางเดินหน้าร้าน มีหลังคาให้ร่มเงาต่อเนื่องกันไปจนสุดตึกแถว     ลูกค้าเดินไปสบาย ไม่ต้องกลัวแดดกลัวฝน  แต่ต่อมาหลังคาแบบนี้ก็ถูกรื้อหรือดัดแปลงไปเป็นแบบอื่น
ถ้าหากว่าลงไปเที่ยวทางใต้ ในเมืองเก่าอย่างภูเก็ต ยังพอเหลือร่องรอยให้เห็นบ้าง


กระทู้: เที่ยวเมืองเทา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 มิ.ย. 12, 06:47
กลางสวนสาธารณะ มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่   เหมือนต้นไม้เมืองไทยมาก  ใบของมันสั่นพลิ้วเหมือนใบโพ   ก็เลยเอารูปมาให้ดูกันค่ะ 
ไม่รู้ว่าต้นอะไร


กระทู้: เที่ยวเมืองเทา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 มิ.ย. 12, 08:22
ลวดลายแบบพื้นเมือง


กระทู้: เที่ยวเมืองเทา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 มิ.ย. 12, 08:24
อาคารร้านค้าล้อมรอบสวนสาธารณะ เป็นผังรูปสี่เหลี่ยมค่ะ


กระทู้: เที่ยวเมืองเทา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 มิ.ย. 12, 08:27
นี่คือทางเดินแคบๆ ระหว่างอาคาร ลัดไปสู่อีกถนนหนึ่ง


กระทู้: เที่ยวเมืองเทา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 มิ.ย. 12, 08:33
รูปแบบอาคารสองข้างทาง    เขาตกแต่งด้านหน้าด้วยสวนหย่อม   ส่วนเหล็กดัดหน้าต่างก็ตกแต่ง ไม่ให้ดูเป็นลูกกรงคุก


กระทู้: เที่ยวเมืองเทา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 มิ.ย. 12, 08:41
เดินไปเรื่อยๆก็ทะลุไปถึงศูนย์การค้า   ชื่อ John Dunn House Shops  ทำคล้ายหมู่บ้านเล็กๆ  มีร้านค้าหน้าตาเหมือนกระท่อมเล็กๆน่ารัก สองข้างทางเดิน   


กระทู้: เที่ยวเมืองเทา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 มิ.ย. 12, 08:42
ร้านนี้คือร้านหนังสือ    มีกุหลาบเลื้อยเป็นซุ้มอยู่ตรงมุมร้าน


กระทู้: เที่ยวเมืองเทา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 มิ.ย. 12, 08:57
เดินเที่ยวอยู่ในเมืองสักชั่วโมงกว่าๆ  ก็ถึงเวลาอาหารเย็น      อินทรเนตรส่องพบว่าในเมืองชายแดนกลางหุบเขา  วัฒนธรรมไทยยังเผยแพร่ไปถึง ในรูปของร้านอาหารไทย    ก็เลยตามรอยไป พบว่าอยู่ใกล้ๆกันนั้นเอง
 
ร้านอาหารไทยในต่างแดน มีทั้งเป็นร้านอาหารของคนไทยจริงๆ  และของคนชาติอื่น ที่ใช้ชื่อว่าอาหารไทย   เพราะตอนนี้อาหารไทยติดอันดับโลก แซงหน้าอาหารจีนไปแล้ว  ร้านอาหารจึงใช้ชื่อว่าอาหารไทยกันมาก   ทั้งๆแต่ละจานก็ไม่ค่อยจะเป็นไทยเท่าไหร่
ตอนไปกินที่ร้านนี้  ก็ไม่ได้หวังว่าจะต้องเป็นอาหารไทยเป๊ะๆ   เพียงแต่ไม่อยากกินอาหารฝรั่งอีกเท่านั้น
แต่พบว่าเป็นร้านอาหารไทยจริงๆ  เชฟเป็นคนไทย

ตอนแรกก็ไม่แน่ใจค่ะ   เพราะคนเสิฟหน้าตาเป็นเจ้าของถิ่น   เลยลองสั่งอาหารง่ายๆอย่างผัดไทย และก๋วยเตี๋ยวผัด    ที่นี่ไม่มีหมู  มีแต่เนื้อกับไก่      ผลปรากฏว่าอร่อยใช้ได้ทีเดียว   เป็นอาหารไทยอย่างที่เราจะพบได้ในร้านอาหารตามสั่งในกรุงเทพ

ไม่ได้ถ่ายรูปร้านมา เลยต้องไปไหว้วานอินทรเนตรอีกครั้ง


กระทู้: เที่ยวเมืองเทา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 มิ.ย. 12, 09:34
เที่ยวเมืองเทาขอจบลงเพียงเท่านี้     มันเป็นเมืองเล็กๆทางผ่าน ก่อนไปถึงเมืองที่เป็นจุดหมาย   จะเล่าในกระทู้หน้าค่ะ
ไม่มีเวลาจะไปสำรวจมากกว่านี้    เรียกว่าขี่ม้าชมดอกไม้ได้เพียงคร่าวๆเท่านี้เอง

จะว่าตื่นเต้นกับเมืองหรือเปล่า ก็ไม่เชิงตื่นเต้นกับรูปแบบ    เพราะว่าคนไทยหัวใส ไปจำลองแบบบ้านช่องแบบนี้มาตั้งให้คนดูที่เขาใหญ่ กับที่ถนนราชพฤกษ์  เป็นแหล่งช็อปปิ้งที่ลูกค้าเข้ามากันแน่นขนัดในวันหยุด
แต่ถ้าถามว่าสนใจไหมก็น่าสนใจ กับเอกลักษณ์ของเขา    บ้านช่องเขาสร้างขึ้นดูเหมาะสมกับภูมิศาสตร์  และประวัติศาสตร์
เดินดูหลังคาบ้าน เพื่อถ่ายรูปมาลงกระทู้หลังคาบ้านแบบฝรั่ง   มองไม่เห็นหลังคาของตัวตึกแบบนี้  เพราะด้านข้างยกขอบขึ้นสูง  มองไม่เห็นว่าหลังคาฉาบปูนไว้เฉยๆ หรือมีกระเบื้องปู
แต่ใจคิดว่าน่าจะเป็นหลังคาทึบ เรียบแบน  ไม่มีกระเบื้อง ยกเว้นหลังที่เห็นชัดๆว่าออกแบบปูกระเบื้องไว้

เดาว่าการออกแบบหลังคาแบบนี้เพราะลมแรงมาก   ถ้าปูกระเบื้องแบบเมืองไทย พายุมาถึง กระเบื้องคงปลิวไปง่ายๆ   ฝนคงน้อย จึงไม่มีชายคาหรือกันสาดอย่างบ้านเรา
ผนังน่าจะเป็นปูน แล้วฉาบสีเหมือนดินแดง    ลองสัมผัสดู พบว่าผนังเย็น    ไม่คายความร้อนออกมาเหมือนคอนกรีตของเรา  ข้างในอาคารพวกนี้คงไม่ร้อนในหน้าร้อน และหน้าหนาวก็คงเก็บความอุ่นไว้ได้

ขอจบแค่นี้ค่ะ