ผมมีหนังสือเล่มนี้เหมือนกันครับ
เคยอ่านด้วยความสนใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อกว่าสิบปีที่แล้ว ตั้งใจว่าจะเอามาอ่านอีกรอบหนึ่ง แต่ก็ยังไม่ได้ทำ ในขณะนี้จะเรียกว่าได้ลืมเรื่องราวไปหมดแล้วก็ว่าได้
หากคุณตั้งอยากอ่านอีกสักรอบ กดลิ้งก์เข้าไปอ่านได้เลย
ที่นี่เรื่องราวของทรัพยากรนี้มีซ่อนอยู่ในที่ต่างๆค่อนข้างมากนะครับ ขอขอบพระคุณมากครับ
เหล็กที่ใช้ทำศาสตราวุธกับที่ใช้ทำเครื่องมือการเกษตรน่าจะใช้เหล็กจากคนละแหล่ง
เรื่องนี้คุณสุจิตต์ วงษ์เทศเขียนไว้ในนิยายแปลงพงศาวดารเรื่อง
กรุงแตกยศล่มแล้ว ตอนข่าวศึก..........ทำไมไม่พูดธุระมานี่จะตีดาบศึกหรือจะตีมีดพร้า” เฒ่าจูมเปลี่ยนเรื่องไป
แล้วขุนยี่สารก็บอกเล่าถึงข่าวศึกที่เจ้าคุณโกษาธิบดีกรมพระคลังได้หนังสือข่าวจากเมืองตะนาวศรี แล้วขึ้นเฝ้ากราบบังคมทูลเร็วพลัน
“เหล็กดี ๆ ตีดาบได้มาบ้างไหมล่ะไอ้เจ๊กทั่ง” ขุนยี่สารหันไปทางเจ๊กทั่งนั่งยอง ๆ มองดูอยู่ห่าง ๆ
“มีแต่เหล็กละโว้ขอรับคุณท่าน” เจ๊กทั่งตอบนอบน้อม
ทั่ง คือแท่นเหล็กรองตีโลหะ เป็นของสำคัญในโรงตีเหล็ก เพราะทั่งเป็นเหล็กกล้าได้จากเมืองจีนตั้งแต่รุ่นบรรพชนชั้นก๋ง แล้วสืบต่อถึงเตี่ยจนตกทอดเป็นมรดกให้เจ๊กทั่ง ที่ได้ชื่อทั่งก็เพราะเตี่ยตั้งให้ ส่วนแม่เป็นมอญในอยุธยา ทั้งเตี่ยและแม่ล้มหายตายจากไปนานหลายปีแล้ว เจ๊กทั่งเลยเป็นช่างตีเหล็กสืบจากพ่อ แล้วมีเมียชื่อเข็มเป็นลาว ส่วนลูกชายสามคนถูกเกณฑ์ไปทัพ ตายเสียสองคนชื่อดาบกับมีด ที่เหลืออยู่ให้ตีเหล็กช่วยกันชื่อเสียมที่เป็นเครื่องมือขุดดินทำด้วยเหล็ก
“เหล็กกำแพงน้ำพี้ไม่มีได้มาเลยหรือ” ขุนยี่สารบ้วนน้ำหมากไปพูดไปสลับกัน “กูอยากได้ดาบเหล็กกำแพงน้ำพี้ เหมือนดาบฟ้าฟื้นของขุนแผน”
เหล็กกำแพงน้ำพี้ หมายถึงเหล็กจากเมืองกำแพงเพชร มีบ่อเหล็กอยู่บางพานกระต่ายไปทางน้ำปิง ส่วนเหล็กน้ำพี้มีบ่ออยู่ตำบลน้ำพี้เหนือเมืองพิชัยไปทางน้ำโพ
“เหล็กกำแพงกับน้ำพี้ไม่เหลือมาถึงข้าน้อยหรอก มันหมดอยู่ที่พระคลัง” เจ๊กทั่งบอกขุนยี่สารอย่างพินอบพิเทา “ข้าน้อยมีแต่เหล็กละโว้ใช้ตีมีดพร้า ตีเคียวเกี่ยวข้าวเท่านั้น”
เหล็กละโว้คือเหล็กจากบ่อเมืองลพบุรีไปทางป่าสัก เป็นบ่อเหล็กมีมานานมากหลายชั่วคนตั้งแต่พวกขอมทำไว้ มีคำทายเก่า ๆ ใช้เล่นกันในเมืองลพบุรีจนถึงอยุธยาว่า “อะไรเอ่ย มาจากเมืองละโว้ หน้าขาวเป็นตะโก้ มีฟันซี่เดียว” คำเฉลยคือจอบขุดดิน แสดงว่าพวกขอมเมืองละโว้ชำนาญทำเหล็กตีเป็นจอบขุดดินเฮ็ดไฮ่คือทำไร่“ดาบของพ่อเฒ่าเป็นเหล็กจากไหน เก็บไว้หรือให้ใครไปล่ะ” ขุนยี่สารนึกขึ้นได้เลยหันไปถามเฒ่าจูมพลตระเวนดาบสองมือกร้านศึกเหนือเสือใต้
“ถวายวัดไปนานแล้ว” เฒ่าจูมนั่งกอดเข่าชันข้างเดียว ถลกหยักรั้งเห็นลายสักขา “ทำราวเทียนไว้หน้าพระประธานในวิหารวัดมหาโลกนี่แหละ”
“ทั้งสองเล่มเลยหรือ” ขุนยี่สารซักต่ออีก
“ทั้งสองเล่ม ทำเป็นราวคู่ ไปดูก็ได้อยู่ในวิหาร” เฒ่าจูมชวนให้ไปพิสูจน์ดูเอง
“ไม่บาปหรือ” นังลูกจันช่างสงสัยเลยถามขึ้น “ตาเอาดาบฆ่าคนไปถวายวัดอย่างนั้นไม่บาปหรือ”
“บุญน่ะไม่ว่า ข้าถวายให้วัดต้องได้บุญซี่วะ จะบาปได้ยังไง” เฒ่าจูมบอกนังลูกจัน
“ดาบของตาเคยฆ่าคนไม่ใช่หรือ”
“เออ ใช่ นั่นแหละยิ่งได้บุญ”
“มันเป็นของบาป”
“ไม่ได้ถวายดาบให้ฆ่าพระ แต่ถวายดาบเป็นราวเทียนบูชาพระให้ฆ่าความโลภ ความโกรธ ความหลงของคน อย่างนี้ได้บุญ รู้ไหมอีบ้า” เฒ่าจูมพูดดุๆ
“ถามดี ๆ มาว่าบ้าได้ไง” นังลูกจันเถียง “ตาซี่บ้า มีอย่างที่ไหนเอาดาบถวายวัด”