ของเถื่อนของเด็กโตในคณะเด็กเล็กที่ทุกคนรู้จักกันดีคือ ข้าวตัง ข้าวที่ทานกันนั้นหุงด้วยกระทะใบบัว ก็เลยมีข้าวตังติดที่ก้นกระทะ เมื่อมีโอกาสก็จะแอบขอจากแม่ครัว เอามาแบ่งกันเป็นของกินเล่น เรื่องนี้เป็นเรื่องของความสนุกของเด็กในการแสดงความสามารถในการแอบเอาของเถื่อนจากฝั่งคณะใน ข้ามถนนมาฝั่งคณะเด็กเล็ก มาแบ่งกันกินด้วยความนุกสนาน ก็เป็นเรื่องที่ยังเอามาเล่ากันเมื่อยามแก่ แล้วก็หัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง
ข้าวตังสำหรับผมคิดว่าเป็นอาหารพิเศษที่ไม่เคยทานมาก่อนเลย โดยเฉพาะ ข้าวตังก้นกระทะจากข้าวผัดสีแดง ซึ่งผมชอบมาก จะเป็นสูตรเดียวกับข้าวผัดรถไฟ หรือเปล่าก็ไม่ทราบ
เพราะไม่เคยลองชิมข้าวผัดรถไฟ
ข้าวผัดสีแดง ใส่หมู มีไข่ดาวขอบกรอบเกรียม คนละ 1 ใบ เป็นหนึ่งในรายการอาหารเช้า แม่ครัวใหญ่ที่ทำเป็นรุ่นน้องๆคุณยายเลย ผมเรียกป้าแผ้ว สามีท่าน เคยเป็นคนขับรถให้เจ้าคุณภะรตราชา ผมชอบไปตีสนิทคุยด้วยบ่อยๆ เลยได้ชิมข้าวตังอันหอมหวานอยู่บ่อยๆ มีครั้งนึงไปด้อมๆมองๆ ในครัว เจอของน่ารับประทานมากในกระทะ ป้าแผ้วบอก ว่าสตูลิ้นวัว ชิ้นใหญ่ น่าทานมาก สายตาผมจับจ้องอย่างไม่กะพริบตา ป้าบอกว่าจะเอาไปทำบุญ ด้วยความเอ็นดูของป้า ท่านหยิบมาชิ้นนึง ปากก็พึมพำว่า บาปบุญคุณโทษรึเปล่าก็ไม่รู้ แล้วยื่นเอามาให้ผมลองชิม ด้วยความที่เป็นเด็ก ก็เลยดีใจ รับประทานหมดเลย ลิ้นวัวชิ้นใหญ่หนานุ่ม ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำปรุงรสที่บอกได้เลยว่าสุดยอด มานึกได้ภายหลังก็รู้สึกผิดเหมือนกันครับที่ไปชิมของทำบุญก่อนพระ ป้าแผ้วใจดีจริงๆ
แต่แล้วมาวันนึง ป้าแผ้วก็เสียชีวิตกระทันหัน ด้วยหัวใจล้มเหลว มือรองได้เป็นหัวหน้าแม่ครัวแทน ข้าวผัดตอนเช้าเปลี่ยนไปเป็นข้าวผัดซีอิ๊วดำ ไม่ใช่ข้าวผัดสีแดง ที่ผมชอบซะแล้ว
อยากจะได้สูตรข้าวผัดสีแดงจังเลยครับ
ผมทานฝีมือแม่ครัวท่านนี้ ได้ไม่กี่ปี