Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 15 เมื่อ 14 ก.พ. 11, 23:11
|
|
ครูอร่ามได้แสดงเป็นพระพิราพ ซึ่งต้องรำเพลงหน้าพาทย์องค์พระพิราพ อันเป็นเพลงหน้าพาทย์สูงสุดและศักดิ์สิทธิ์
ครูอร่ามต่อเพลงหน้าพาทย์องค์พระพิราพจากครูรงภักดี (เจียร จารุจรณ) ผู้เคยแสดงเป็นพระพิราพมาก่อน เหตุที่ครูอร่ามจะได้มีโอกาส
ต่อเพลงหน้าพาทย์องค์พระพิราพก็ในปี ๒๕๐๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทราบว่าการรำเพลงหน้าพาทย์องค์พระพิราพ
อันเป็นเพลงศักดิ์สิทธิ์ และสูงสุดของนาฎศิลป์ไทยกำลังจะสูญ และทรงทราบว่าผุ้ที่ต่อท่ารำนี้จากพระยานัฎกานุรักษ์ (ทองดี สุวรรณภารต)
เหลืออยู่เพียงผู้เดียว คือ ครูรงภักดี (เจียร จารุจรณ) ซึ่งในขณะนั้นรับราชการเป็นตำรวจวัง สังกัดสำนักพระราชวัง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ครูรงภักดี ทำพิธีมอบท่ารำองค์พระพิราพ ให้แก่ศิลปินของกรมศิลปากร รวม ๔ คนคือ
ครูอร่าม อินทรนัฎ
ครูอาคม สายาคม
ครูหยัด ช้างทอง
ครูยอแสง ภักดีเทวา
การต่อหน้าพาทย์เพลงองค์พระพิราพในครั้งนั้น ได้กระทำต่อเบื้องพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ โรงละคร
พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๖ เริ่มตั้งแต่เวลา ๑๐.๐๐ น. ถึงเวลา ๑๑.๐๐ น. เศษ
ครูอร่าม อินทรนัฎ ถึงแก่กรรมเมื่อเวลาใกล้รุ่งของวันอังคารที่ ๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๓ อายุ ๖๗ ปี ๔ เดือนเศษ ท่านจากโลกนี้ไปแล้ว
แต่คุณงามความดีและฝีมือในการแสดงโขนของท่าน ยังคงตราตรึงอยุ่ในความทรงจำของผู้ที่เคยร่วมงาน ผู้ชม และ ศิษยานุศิษย์ทุกคน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 16 เมื่อ 15 ก.พ. 11, 07:58
|
|
นายหยัด ช้างทอง
อ่านมาจาก ทะเบียนข้อมูล วิพิธท้ศนา ชุดระบำ รำ ฟ้อน เล่ม ๓ กรมศิลปากรจัดพิมพ์เผยแพร่ พ.ศ. ๒๕๕๑
เกิดเมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๓ ที่บ้านริมคลองประปา แขวงจรเข้น้อย เขตลาดกระบัง กรุงเทพ ฯ
เป็นบุตรของนายยอด และนางถนอม ช้างทอง
สมรสกับนางสาวผิว ทองอยู่ เมื่อพ.ศ. ๒๔๙๐ มีบุตร ๑ คน ธิดา ๑ คน คือ
นางเพยาว์ พุกบุญมี
นายยงยุทธ ช้างทอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 17 เมื่อ 15 ก.พ. 11, 08:15
|
|
นายหยัด ช้างทอง เรียนหนังสือที่โรงเรียนวัดรัชดาธิษฐาน จบชั้นประถมสี่ มีใจรักการแสดงโขน มุ่งมั่น
จะเรียนวิชานาฎศิลป์โขนให้ได้ จึงสมัครเป็นศิษย์นายพานัส โรหิตาจล ศิลปินโขนที่มีฝีไม้ลายมือเป็นที่หาตัวจับยาก
เพราะท่านเป็นศิษย์เอกของพระยาพรหมาภิบาล (ทองใบ สุวรรณภารต) นาฎศิลป์โขนที่เคยแสดงเป็นทศกัณฐ์ในรัชกาลที่ ๖
ได้ฝึกหัดโขนกับนายพานัส โรหิตาจล จนมีความชำนาญ สามารถออกโรงแสดงได้ โดยเริ่มตั้งแต่ยักษ์ต่างเมือง เช่น
สัทธาสูร มูลพลัม มังกรกัณฐ์ แสงอาทิตย์ จนกระทั่งแสเงเป้นยักษ์ใหญ่ คือเป็นทศกัณฑ์ เป็นที่พอใจของครุพานัส โรหิตาจล เป็นอย่างมาก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 18 เมื่อ 15 ก.พ. 11, 08:30
|
|
เมื่อคณะโขนของนายพานัส ไปแสดงที่ใดก็ตาม นายหยัด ช้างทองก็จะติดตามไปแสดงทุกครั้ง ถ้าไม่มีงานของตน
ก็อนุญาตให้นายหยัด ช้างทองไปร่วมแสดงโขนกับคณะอื่นได้ การที่ได้ไปร่วมแสดงโขนกับคณะอื่นนั้น เกิดประโยชน์มากมาย
เพราะทำให้รู้จักมักคุ้นกับศิลปินคนอื่น ๆ นายหยัดเป็นคนเรียบร้อย อ่อนน้อมถ่อมตน มีความสามารถในการแสดงสูง
จนเป็นที่พอใจของครูมาลี คงประภัศร์ หรือศิลปินเรียกกันว่า "ย่าหมัน" เจ้าของโขนคณะไทยศิริ จึงได้ชักชวนให้นายหยัดไป
สมัครเข้ารับราชการในกรมศิลปากร ในปี พ.ศ. ๒๔๘๔ ได้รับบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนวิสามัญอยู่ ๓ ปี จนถึง พ.ศ. ๒๔๘๗
จึงได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งศิลปินจัตวา อัตราเงินเดือน ๒๔ บาท
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 19 เมื่อ 15 ก.พ. 11, 21:06
|
|
หลังสงครามโลกครั้งที่สอง นาฎศิลป์โขนเสื่อมลง เนื่องจากขาดผู้สนับสนุน ประชาชนสนใจการแสดงแบบตะวันตกเพิ่มมากขึ้น
ผู้บังคับบัญชาในกรมศิลปากรในขณะนั้นจึงให้ศิลปินโขนทั้งหมดแยกย้ายกันไปหัดดนตรีสากล เพื่อจะได้ออกแสดงในงานต่าง ๆ แทนการแสดงโขน
นายหยัดต้องไปหัดเป่า บาสซูน ซึ่งไม่ถนัดและไม่เคยสนใจมาก่อน จึงเป่าไม่ได้ดีเท่าที่ควร
ต่อมากรมศิลปากรได้ฟื้นฟูการแสดงโขนละคร ขึ้นใหม่ แล้วนำออกแสดงทุกวันศุกร์ เสาร์ และ อาทิตย์ สัปดาห์ละ ๗ รอบ ในบริเวณพิพิธภัณฑ์สถาน
แห่งชาติ(โรงละครนี้ได้ถูกไฟไหม้หมดในปลายปี พ.ศ. ๒๕๐๓) นายหยัดกลับมาแสดงโขนตามเดิม และสอนโขนฝ่ายยักษ์ให้แก่นักเรียนนาฎศิลป์อีกด้วย
ได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงวิลาศวงงาม (หร่ำ อินทรนัฎ) ผู้แสดงโขนสมัยรัชกาลที่ ๖ นายอร่าม อินทรนัฏ บุตรชายของหลวงวิลาศวงงาม
ทศกัณฐ์ฝีมือเอกของศิลปากร ก็ได้แนะนำสั่งสอนวิชาการทางนาฎศิลป์ให้เพิ่มเติม
เมื่อท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี ได้เข้ามารับราชการในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญนาฎศิลป์ นายหยัดก็ได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์ ได้รับการถ่ายทอดวิชาการด้านโขน
ละคร และชุดเบ็ดเตล็ดเพิ่มเติม จนสามารถแสดงเป็นตัวเอกได้หลายเรื่อง
เป็นท้าวพันธุมสุริยวงศ์ ใน ละคร เรื่องพระร่วง
เป็น ชาละวัน ตัวจระเข้ และท้าวรำไพ ในเรื่องไกรทอง
เป็นพระพันวษา และ ขุนแผน ในละครเสภา เรื่องขุนช้างขุนแผน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 20 เมื่อ 19 ก.พ. 11, 15:32
|
|
ขออภัยที่ขาดงานไปหลายวัน เอกสารรวบรวมไว้แล้วค่ะ มีความปลาบปลื้มที่ได้อ่านและคัดลอก ประวัติของครูศิลปินมาลง
จะพยายามปะติดปะต่อไว้เพื่อท่านที่ไม่ได้อ่านหนังสือที่กรมศิลปากรทำ ยังมีเล่มอื่น ๆ ที่พอมีประโยชน์จะได้นำมาเล่าสู่กันฟัง
ประวัติของ นาย หยัด ช้างทอง (ต่อ)
ในปี พ.ศ. ๒๕๐๖ นายหยัด ช้างทอง และศิลปินอาวุโสของกรมศิลปากร อีก ๓ คน คือ นายอร่าม อินทรนัฎ นายอาคม สายาคม
และนายยอแสง ภักดีเทวา ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รับมอบท่ารำหน้าพาทย์
องค์พระพิราพ ซึ่งเป็นหน้าพาททย์สูงสุดและมีคความศักดิ์สิทธิ์ในทางนาฎศิลปไทย จากนายรงภักดี (เจียร จารุจรณ )
ณ โรงละครพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๖
ต่อมานายอร่าม อินทรนัฏ นายอาคม สานาคม และนายยอแสง ภักดีเทวา ถึงแก่กรรม ผู้ที่สามารถจะรำเพลงหน้าพาทย์องค์พระพิราพ
จึงเหลือเพียง ๒ คน คือ นายรงภักดี (เจียร จารุธรรม) และนายหยัด ช้างทอง แต่นายรงภักดี(เจียร จารุจรณ) ก็ชรามาก จนไม่สามารถจะรำได้
จึงเหลือแต่นายหยัด ช้างทองแต่ผู้เดียว แต่ถ้าปล่อยเวลาให้ผ่านไป นายหยัด ช้างทองคงจะรำไม่ได้ เมื่อพระบาทสมเด็นพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบ
ฝ่าละอองธุลีพระบาท จึงทรงพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้า ฯ ให้นาฎศิลปินโขนฝ่ายยักษ์ของกรมศิลปากร ๗ คน เข้ารับการต่อกระบวนรำหน้าพาทย์
องค์พระพิราพ ณ ศาลาดุสิดาลัย พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๗ ในการต่อกระบวนรำหน้าพาทย์
องค์พระพิราพครั้งนี้ นายหยัด ช้างทอง ได้ทำหน้าที่ผู้ช่วยนายรงภักดี (เจียร จารุจรณ) จนนาฎศิลป์โขนฝ่ายยักษ์ทั้ง ๗ คน สามารถรำเพลง
หน้าพาทย์องค์พระพิราพหน้าพระที่นั่ง ได้อย่างถูกต้องไม่ผิดพลาด
นายหยัด ช้างทอง จึงเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในทางศิลปวิทยา
มีความรู้ความสามารถยิ่งในการแสดงนาฎศิลป์โขน (ยักษ์) ยากที่จะผู้ใดเปรียบเทียบได้ เป็นผู้เสียสละ และอุทิศตนเพื่อศิลปะการแสดงโขนอย่างแท้จริง
ได้รับการยกย่องชูเกียรติให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นาฎศิลป์ - โขน) พ.ศ. ๒๕๓๒
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|