เรือนไทย

General Category => ประวัติศาสตร์โลก => ข้อความที่เริ่มโดย: ประกอบ ที่ 24 เม.ย. 15, 21:48



กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 24 เม.ย. 15, 21:48
เมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา อัยการเยอรมันได้ฟ้องร้องเพื่อดำเนินคดี ออสก้า โกรนนิ่ง(Oskar Groening) ฐานมีส่วนร่วมในการสังหารคนกว่าสามแสนคน การพิจารณาคดีมีขึ้นที่เมืองลูนเบิร์ก เยอรมัน ซึ่งถ้าถูกตัดสินว่าผิด คุณทวดออสก้าวัย 93 ปี อาจต้องใช้ชีวิตที่เหลือในคุก


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 24 เม.ย. 15, 22:06
ออสก้าเกิดเมื่อปี 1921 ในครอบครัวที่บิดาเป็นช่องทอ มารดาเสียชีวิตไปตั้งแต่ออสก้าอายุ 4 ขวบ ส่วนบิดาเป็นนักชาตินิยม ดังนั้นออสก้าจึงเติบโตมากับสิ่งแวดล้อมแบบนักชาตินิยมเยอรมัน เช่นการเข้าร่วมหน่วยยุวชนฮิตเลอร์และเชื่อมั่นในลัทธินาซีเต็มตัว เคยเข้าร่วมในกิจกรรมของนาซีหลายอย่าง  เมื่อจบชั้นมัธยมเมื่ออายุ 17 ปี ออสก้าเข้าฝึกงานเป็นนักบัญชี เมื่อสงครามโลกเริ่มต้นขึ้น ออสก้าสมัครเข้าหน่วย SS ในปี 1940


เนื่องจากมีความรู้เรื่องบัญชี จึงได้รับมอบหมายหน้าที่เป็นนักบัญชี ทำงานนั่งโต๊ะ ไม่ต้องออกสนาม  รับผิดชอบเรื่องการดูแลบัญชีเงินเดือนของหน่วย SS จนกระทั่งปี 1942 มีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย โดยงานนั่งโต๊ะถูกสงวนไว้ให้กับทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากสงครามมาทำ ออสก้าและเพื่อนทหารนั่งโต๊ะอีก 22 คนจึงถูกส่งไปทำภาระกิจพิเศษที่ลับยิ่ง ทุกคนต้องให้สัตย์สาบานก่อน ว่าจะไม่เปิดเผยความลับใดๆ แม้แต่กับคนในครอบครัว จากนั้นจึงถูกส่งตัวไปยังค่ายเอาชวิตซ์

เนื่องจากเป็นนักบัญชี หน้าที่หลักของออสก้าคือทำหน้าที่รวมรวมเงินและทรัพย์สินที่ได้จากนักโทษที่ส่งมายังค่ายเอาชวิตซ์


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 24 เม.ย. 15, 22:16
เนื่องจากหน้าที่หลักของออสก้าคือรวบรวมเงินทองและทรัพย์สินที่ได้มาจากนักโทษยิว ดังนั้นออสก้าจึงไม่ได้มีหน้าที่โดยตรงในการกำจัดนักโทษ  แต่เนื่องจากอยู่ในค่าย ไม่นานออสก้าก็รู้ถึงกระบวนการขั้นตอนทั้งหมดที่นาซีใช้ในการกำจัดนักโทษยิว

ตั้งแต่วันแรกที่มาถึงเอาชวิตซ์ ออสก้าได้เป็นพยานเห็นการทารุณกรรมต่างๆ เช่นเห็นเด็กที่ถูกทิ้งไว้ในตู้รถไฟขนนักโทษที่มายังค่าย เด็กร้อง แม่ของเด็กหายไปคาดว่าเพราะนางรู้ว่าผู้หญิงที่มีลูกจะถูกจับเข้าห้องรมแกสทันที  การ์ด SS นายหนึ่งหนวกหูเสียงเด็กร้องไห้ เลยจับเด็กคนนั้นไว้ที่ขา แล้วฟาดเข้ากับตู่รถไฟจนเสียชีวิต   นอกจากนั้นคนเจ็บที่เดินไม่ไหวจะถูกยิงทิ้งทันที

ออสก้าทนดูภาพนั้นไม่ได้ จึงแจ้งตอหัวหน้าว่าไม่สามารถทำงานที่เอาชวิตซ์ได้ ขอย้าย แต่ถูกปฏิเสธและต้องทำงานที่นั่นต่อไป จนสุดท้ายหลังจากหลายเดือนผ่านไป ออสก้าก็ชาชินกับเรื่องนี้


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 24 เม.ย. 15, 22:28
หนีไปทำงานพิเศษก่อน ดึกๆ ค่อยมาต่ออีกทีครับ  ;D  ;D


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 25 เม.ย. 15, 04:53
เมื่อรถไฟมาถึงเอาชวิตซ์ นักโทษจะถูกคัดเลือก คนที่หน่วยก้านดีใช้แรงงานได้จะถูกนำไปเป็นนักโทษแรงงาน บางส่วนถูกคัดเลือกไปเพือทำการทดลอง แต่นักโทษส่วนนี้มีไม่ถึง 10 เปอร์เซ็น ที่เหลือจะถูกส่งไปห้องรมแก๊สทันทีที่มาถึง

หน้าที่หนึ่งของออสก้าคือจัดหมวดหมู่สัมภาระสิ่งของที่นักโทษนำติดตัวมา มีการลงทะเบียนทำบัญชีข้าวของเพื่อให้นักโทษตายใจเข้าใจว่าซักวันจะได้ของเหล่านั้นคืน แบบเดียวกับรถพยาบาลติดเครื่องหมายกาชาดที่รอรับนักโทษที่เจ็บป่วยขึ้นรถ อ้างว่าจะไปส่งโรงพยาบาล สิ่งเหล่านี้จัดขึ้นเพื่อให้นักโทษตายใจและทำตามคำสั่งโดยง่าย เพราะจุดหมายปลายทางที่แท้จริงคือห้องรมแก๊ส

แม้จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หน้าที่นักบัญชีทำให้ออสก้าไม่ต้องไปพบปะนักโทษบ่อยนักหรือต้องไปเป็นการ์ด  งานของออสก้าคือจักทำบัญชีข้าวของอยู่ในสำนักงาน แต่สิ่งที่พบเห็นก็ทำให้แแสก้าฝันร้ายเป็นประจำ  การขอย้ายออกไปเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะเอาชวิตซ์และ The final solution ถือเป็นความลับสุดยอดที่แม้แต่คนเยอรมันทั่วไปก็ไม่ได้รับรู้

ออสก้าทำหน้าที่นักบัญชีอยู่ในเอาชวิตซ์มากกว่าสองปี แม้ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับนักโทษโดยตรง ก็ก็เป็นฟันเฟืองตัวหนึ่งของโรงงานแห่งความตายแห่งนี้


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 25 เม.ย. 15, 07:47
ติดตามอยู่หนาที่หน้าค่าย


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 เม.ย. 15, 07:53
น่าสนใจ และน่าเศร้าใจค่ะ


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 25 เม.ย. 15, 13:50
ที่จริงแล้วระหว่างที่อยู่ที่เอาชวิตซ์  ออสก้าเคยขอย้ายไปยังหน่วยรบแต่คำขอถูกปฏิเสธ  เพราะ the final solution เป็นเรื่องลับอย่างยิ่ง คนที่รู้เรื่องจะต้องไม่แพร่งพราย เรื่องจะขอย้ายไปที่อื่นเป็นไปไม่ได้  นอกจากย้ายระหว่างค่ายเท่านั้น  แต่จริงๆ แล้วในขณะนั้น สิ่งที่ทำให้ออสก้ารับไม่ได้ ไม่ใช่เพราะว่าคนยิวต้องตาย แต่เป็นเพราะขั้นตอนที่ใช้ในการกำจัดมันเกินกว่าที่เขาจะรับได้  แนวคิดนี้ก็เหมือนคนยอรมันในเวลานั้นอีกเป็นจำนวนมากที่ถูกปลูกฝังความเกลียดชังและมองคนยิวไม่ตากจากมดปลวกหรือศัตรู โดยไม่สนใจความเป็นปัจเจกของแต่ละคน ขอแค่เป็นยิวก็สมควรตายแล้ว คนยิวในสายตาของออสก้า ก็ไม่ต่างจากทหารโซเวียตที่เริ่มรุกกลับเยอรมันในขณะนั้นคือเป็นศัตรูของเยอรมันเหมือนกัน  หน้าที่ในค่ายและการกำจัดคนยิวก็ไม่ต่างกับทหารในแนวรบที่ต้องสู้กับศัตรู สิ่งที่ต่างคือแค่สถานที่เท่านั้น การกำจัดยิวก็คือการกำจัดศัตรู

ครั้งหนึ่งออสก้าได้มีโอกาสเห็นการกำจัดนักโทษด้วยแก๊สไซคลอน บี ได้ยินเสียงกรีดร้องของเหล่านักโทษข้างใน ตามมาด้วยความเงียบสนิด หลังจากทหารตรวจว่าทุกคนตายหมดแล้ว ก็ได้เห็นขั้นตอนในการกำจัดศพต่อโดยการเผาในเตาเผาศพ ซึ่งบางร่างเมื่อถูกเผาตัวจะงอขึ้นมาเหมือนคนนั่ง ระหว่างนั้น SS บางคนเห็นเป็นเรื่องสนุกและหัวเราะกับภาพที่เห็น


ภาพภายในห้องรมแก๊สและเตาเผาศพ


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 25 เม.ย. 15, 14:03
ในช่วงปลายสงคราม เยอรมันถูกรุกจากทุกแนวรบ ในที่สุดออสก้าก็ถูกส่งไปอยู่หน่วยรบ และถูกจับเป็นเชลยโดยกองกำลังอังกฤษและถูกส่งตัวไปยังอังกฤษในฐานะนักโทษสงคราม  ออสก้าไม่เคยบอกใครว่าเกี่ยวกับช่วงที่ทำหน้าที่อยู่ที่เอาชวิตซ์ จนได้กลับเยอรมันเมื่อปี 1948 เริ่มต้นชีวิตใหม่ทำงานในโรงงานกระจกจน ไต่เต้าจนได้เป็นผู้บริหาร  แต่งงานและมีลูก 2 คน  ระหว่างนั้นไม่เคยพูดถึงเรื่องที่เอาชวิตซ์เลย จนกระทั่งวันหนึ่ง...

ภาพนี้เป็นภาพที่ถ่ายในเดือนมกราคม 1945 ที่เอาชวิตซ์ถูกปลดหล่อยแล้ว เป็นเหล่าผู้โชคดีที่ยังไม่ถูกกำจัดและรอดชีวิต


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 25 เม.ย. 15, 14:20
ออสก้ามีงานอดิเรกสะสมแสตมป์ วันหนึ่งเพื่อนนักสะสมคนหนึ่งได้โชว์หนังสือเรื่อง The Auschwitz Lie ซึ่งมีเนื้อหาบอกว่าเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่เอาชวิตซ์เป็นเรื่องโกหก ออสก้าจึงเขียนแย้งสิ่งที่อยู่ในหนังสือด้วยความทรงจำกับเหตุการณ์จริงที่ตัวเองได้ประสบมาขณะอยู่ที่นั้น ซึ่งเรื่องราวของออสก้าถูกปฏิเสธโดยพวกนีโอนาซี ตัวออสก้าเองถูกขู่ทำร้าย ซึ่งนี่ทำให้ความอดทนของออสก้าสิ้นสุดลง แทนที่จะเลือกที่จะเงียบและไม่สนใจ ออสก้าเลือกใช้การสู้กลับพวกที่ไม่ยอมรับความจริง ด้วยการออกมาบอกเล่าความจริง เริ่มต้นด้วยการเขียนบันทึกความทรงจำยาว 87 หน้า จากนั้นยังให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องราวในเอาชวิตซ์อีกนับไม่ถ้วนครั้ง 


สารคดีของ BBC ที่มีออสก้าออกมาเปิดเผยประสบการณ์ด้วย

Auschwitz The Nazis and the Final Solution complete (http://www.youtube.com/watch?v=gz9TF_IXmG8#)


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 25 เม.ย. 15, 14:33
ในการให้สัมภาษณ์ ออสก้าไม่ปิดบังเหตุการณ์หรือเรื่องราวที่เคยประสบมา บอกเล่าเหตุการณ์อย่างตรงไปตรงมา และเรื่องราวที่ออสก้าออกมาเปิดเผยนี่เอง ที่เป็นสาเหตุทำให้คุณทวดต้องถูกดำเนินคดีในขณะนี้ ฐานมีส่วนร่วมในการกำจัดนักโทษยิวฮังการีกว่าสามแสนคนในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกรกฏาคมปี 1944

ภาพการเปิดคดี และภาพคุณทวดออสก้าต้องใช้ไม้ช่วยเดินเพื่อเข้ารับฟังการพิจารณาคดี



กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 25 เม.ย. 15, 17:24
ยังคงติดตามอยู่ที่หน้าค่าย  แม้อาทิตย์ใกล้อัสดง  ;D


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 25 เม.ย. 15, 17:27
ออสก้ายอมรับว่ามีส่วนร่วมในความผิด  แม้จะไม่เคยทำทารุณกรรมนักโทษด้วยตัวเอง และร้องขออการให้อภัย ซึ่งถ้าศาลตัดสินว่าผิด คุณทวดจะต้องรับโทษจำคุก 15 ปี ในห้องพิจารณาคดี ออสก้าดูสงบและถึงกับหัวเราะเมื่อทนายบอกให้ผู้พิพากษาพูดให้ดังขึ้นเพื่อให้ออสก้าได้ยิน และยังพูดตลกเมื่อตอนที่จิบน้ำว่า เหมือนตอนดื่มว้อดก้าที่เอาชวิตซ์


ในการพิจารณาคดีที่มีผู้รอดชีวิตและเลือดเนื้อเชื้อไขของผู้รอดชีวิตเข้าร่วมฟังมากกว่า 70 คน อิวา ฟาฮิดิ วัย 89 จากบูดาเปส หนึ่งในผู้เข้าร่วมฟังการพิจารณาบอกว่า เธอเสียญาติและคนในครอบครัวไป 49 คนในค่ายกักกัน เค้าออสก้าอยู่ที่นั่น เธอต้องการมองเข้าไปในดวงตาของเค้าและมองดูการสำนึกผิดในนั้น ระบบการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ประกอบด้วยฟันเฟืองเล็กๆ ของคนเล็กๆ เช่นออสก้า ฟันเฟืองเล็กๆ ที่ประกอบกันเป็นโรงงานแห่งความตาย ไม่ใช่เพราะใครคนใดคนหนึ่งเท่านั้น แต่เพราะการมีคนเช่นออสก้า  สิ่งสำคัญสำหรับเธอไม่ใช่โทษที่เค้าจะได้รับ แต่เป็นคำตัดสิน


เฮดี้ บอห์ม วัย 87 เดินทางจากแคนาดาเพื่อเข้ารับฟังการพิจารณาคดีครั้งนี้ เธอเสียสมาชิกในครอบครัวเกือบทั้งหมดไป พ่อ พี่สาว และลูกเล็กๆ ของเธอในวันแรกที่เดินทางมาถึงเอาชวิตซ์ เธอจะขึ้นให้การเป็นพยานในการพิจารณาคดีด้วย


ภาพอิวาและหลานสาว กับภาพออสก้าที่มองผ่านช่องว่างระหว่างไหล่ของอิวากับเฮดี้



กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 25 เม.ย. 15, 17:40
พยานอีกคน อิวา คอร์ วัย 81  อิวาเป็นยิวโรเมเนีย เธออายุแค่ 10 ขวบตอนที่ถูกส่งไปเอาชวิตซ์ เนื่องจากเธอเป็นฝาแฝด เธอและคู่แฝดจึงไม่ได้ถูกกำจัดในทันที แต่ถูกนำไปทดลองโดยหมอโรคจิตโจเซฟ เมงเกเล่ สำหรับอิวา เธอมองว่าออสก้าเป็นฆาตกรเพราะเค้าเป็นส่วนหนึ่งของระบบการฆ่า  แต่ความสำคัญของคดีนี้ไม่ได้อยู่ที่ออสก้าจะถูกตัดสินอย่างไร แต่อยู่ที่การค้นหาความจริง และการจัดการกับอาชญากรรม  อิวาเสียทั้งพ่อและแม่ รวมถึงพี่น้องอีก 2 คนที่เอาชวิตซ์ ปัจจุบันเธอเป็นพลเมืองอเมริกัน เธอขึ้นให้การในฐานะพยานเช่นกัน


อิวาและมิเรียน ทั้งสองรอดชีวิตจากเอาชวิตซ์ในขณะที่พ่อและแม่ รวมถึงพี่น้องอีกสองไม่รอด และภาพอิวาในปัจจุบัน เธอได้พูดคุยกับออสก้า และยกโทษให้เขา



กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 25 เม.ย. 15, 17:54
การพิจารณาคดีนี้ยังไม่สิ้นสุด  ผลการตัดสินยังไม่ออกมา ออสก้า โกรนนิ่งพูดถึงคดีนี้ว่า เค้าผิดจริงในแง่ของศีลธรรม ส่วนในทางกฏหมายจะผิดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับศาลจะเป็นผู้ตัดสิน



กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 25 เม.ย. 15, 18:11
เพื่อเสริมเรื่องนี้ให้สมบูรณ์ขึ้น ขอยกข้อเขียนที่เขียนโดยรุ่งคุณ กิติยากร เป็นภาพสะท้อนมุมมองหนึ่งของคนไทยที่มีจำนวนไม่น้อย  มุมมองที่คนเหล่านี้เชื่อและอ้างว่าเป็นความจริง มุมของคนไทยที่ไม่เคยศึกษาประวัติศาสตร์อย่างรอบด้าน หรือพยายามทำความเข้าใจความเป็นจริง เพราะมันยาก มันเต็มไปด้วยข้อมูลมากมายที่ต้องวิเคราะห์  มันมีมิติความขัดแย้งและความซับซ้อนเต็มไปหมด  ทำให้เลือกที่จะเชื่อหรือเห็นเฉพาะสิ่งที่ตัวอยากเห็น ปิดตาละเลยกับความจริงอีกด้าน  ผมทะเลาะกับผู้คนหลายคนในโลกไซเบอร์ที่มีมุมมองแบบนี้  และก็พบว่าไม่เคยเปลี่ยนนเหล่านี้ได้ ก็เลยยกมาให้ดูกัน

ที่มา https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1578192859104691&set=a.1409401019317210.1073741839.100007419761220&type=1 (https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1578192859104691&set=a.1409401019317210.1073741839.100007419761220&type=1)

ความจริงเกี่ยวกับ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ รัฐบุรุษที่ถูกทุนธนาคารยิว Zionist ทําลาย ใส่ความให้เป็นผู้ร้าย

หลังการพ่ายสงครามโลกครั้งที่ 1 ตามมติของ Versailles Conference 1919 เยอรมันจำต้องจ่าย ทองคำมูลค่า 1 แสนล้าน Mark รวมค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 2 แสนกว่าล้าน Mark ให้กับผู้ชนะ เมื่อจ่ายได้ไม่หมด ฝรั่งเศสก็ได้เข้ามายึดพื้นที่ต่างๆพร้อมทรัพยากร ส่วนทางเยอรมันเอง เมื่อไม่เหลือทองคำในคลังเลย ไม่มีหลักคํ้าเงินสกุล เงินสกุล Mark จึงกลายเป็นเศษกระดาษที่ไม่มีค่า ในเวลาเดียวกัน กลุ่มทุนธนาคารยิวก็ได้เข้ามาปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยสูง โดยสถานะของเงิน Mark นั้นถูกทุบลงไปเรื่อยๆ จากปี 1918 มีมูลค่า 5.2 Mark ต่อ 1 USD ต่อมาในปี 1921 มีมูลค่า 64.9 Mark ต่อ 1 USD และ ในที่สุดในปี 1923 มีมูลค่า เพียง 4.2 ล้านล้าน Mark ต่อ 1 USD

สำหรับชาวเยอรมันในเวลานั้น ขนมปังหนึ่งโหลมีราคา 2 ล้านล้าน Mark เงินสะสมของประชาชนทุกคนหมดค่ากลายเป็นศูนย์ ด้วยนํ้ามือของกลุ่มทุนธนาคารยิว ประชาชนสิ้นหวัง มีการฆ่าตัวตายจำนวนมาก ตำรวจหาเงินด้วยการทุจริต ในเวลาเดียวกันกลุ่มทุนยิวมองว่าเป็นโอกาสทองในการทำกำไรโดยการลงทุนที่ตํ่า การเก็บดอกเบี้ยสูงอันส่งผลให้เกิดบังคับขาย สูญเสียทรัพย์สินของผู้กู้ชาวเยอรมันให้กับกลุ่มทุนยิว ที่ได้เข้ามาครอบงำทั้งเศรษฐกิจ การเมือง สื่อ พร้อมทั้งการทำลายวัฒนธรรมของชาวเยอรมัน

ภายหลังการจงใจล้มตลาดทุน Wall Street ใน 1929 กระทำโดยกลุ่มของ Rockefeller JPMorgan Rothschilds ที่ได้ทำลายธนาคารเล็กๆในสหรัฐ 16,000 แห่ง โดยทุนใหญ่ของพวกตนได้ถอนตัวออกก่อนกาล กว้านซื้อทุกอย่างในราคาที่ถูก สหรัฐได้เรียกหนี้คืนจากเยอรมันภายใน 90 วัน อันส่งผลให้เยอรมันเป็นประเทศที่ล้มละลายโดยสมบูรณ์ อุตสาหกรรมต่างๆล้มกัน การว่างงานจาก 650,000 คนในปี 1928 ขึ้นมาเป็น 3 ล้านคนในปี 1930 สูงสุดในปี 1933 มีการว่างงานระหว่าง 6-7 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นชายทั้งสิ้น ไม่มีเงินสำหรับอาหาร เสื้อผ้า การทำความอุ่นในครัวเรือนตนเอง

ประชาชนจึงเห็น National Socialist (สังคมนิยมแห่งชาติ) นำโดย Hitler เป็นทางออก ซึ่งประกาศตัวเป็นทั้งศัตรูของลัทธิของยิวทั้งสองขั่ว ได้แก่ ระบบทุนนิยม และ ระบบ Communist โดยเมื่อ Hitler ได้เข้ามามีอำนาจ ประเทศไม่มีเงินในคลังเลย แต่มีปัญหาคนว่างงาน 6-7 ล้านคน โดยภายหลังรับตำแหน่ง 3 สัปดาห์ ฝ่ายที่เริ่มประกาศสงครามระหว่าง Hitler กับ ยิว ไม่ใช่ Hitler แต่คือ Jewish World Congress ของยิว 14 ล้านคน ซึ่งได้ประกาศสงครามกับเยอรมัน พร้อมการควํ่าบาตร เมื่อเป็นเช่นนี้ Hitler จึงได้ตอบโต้อีก 3 เดือนต่อมา ด้วยการประกาศสงครามกับชาวยิว ซึ่งในเยอรมันเองมีประมาณ 5 แสนคน หรือ 2 เปอร์เซนต์ พร้อมการควํ่าบาตรสินค้ายิว

สิ่งที่ Hitler ได้สัญญาให้ความหวังกับประชาชน คือ การมีงานทำ และ มีอาหารรับประทาน ซึ่งเขาได้รักษาคำพูดของเขาโดยสมบูรณ์ Hitler ได้เน้นระบบเศรษฐกิจเพื่อประชาชน และ ‘Autarky’ หรือเศรษฐกิจพึงพาตนเอง (Self-Sufficient) พร้อมได้สร้างความสามัคคีระหว่างแรงงานและผู้จ้างงาน โดยเมื่อผ่านไป 2 ปี ครึ่ง ปัญหาการว่างงานได้ลดลงไปมาก และภายใน 5 ปี เขาได้ขจัดปัญหาการว่างงานในเยอรมนีโดยสิ้นเชิง

การแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ Hitlerได้กระทำทำโดยปราศจากเงินจากกลุ่มทุนธนาคารยิวแม้แต่น้อย Hitler สร้าง Autobahn ทางหลวงเยอรมนีจากวัสดุผลิตในเยอรมันล้วนๆ และหลังจากการเจรจาสร้างรถยนต์กับ German Auto Industry ซึ่ง Hitler มองว่าแพงเกินไป เขาได้หันไปหา Ferdinand Porsche แทน และได้ร่วมออกแบบรถ Volkswagen แปลว่า ‘รถของประชาชน’ ในราคาที่ถูกกว่าเกือบครี่งหนึ่ง โดยรถเต่าทองนี้ที่คนส่วนใหญ่รู้จักได้เป็นรถที่มีการสร้างมากที่สุดในโลก จึงยากที่จะถูกลบออกจากประวัติศาสตร์

สำหรับการผลิตเสื้อผ้า ในเมื่อการซื้อฝ้าย (Cotton) จำเป็นต้องซื้อโดยการใช้ USD ภายให้ Hitler จึงได้มีการคิดค้นผลิตผ้า Rayon ขึ้นมา โดยการนำขนแกะเยอรมันมาผลิต

ภานใน 4 ปี Hitler ได้สร้างบ้าน 1.5 ล้านหลัง โดยให้ประชาชนสามารถผ่อนได้ 10 ปี หากมีลูก 1 คนให้ลดหนี้ลง 25% หากมีลูกถึง 4 คน ให้ยกเลิกหนี้ทั้งหมด โดยเขาเชื่อว่าครอบครัวที่ใหญ่จะมีการจับจ่ายมาก จะมีการจ่ายภาษีคุ้มกับการลดปลดหนี้ ปรากฏว่าภายในไม่กี่ปี การเก็บภาษีของรัฐเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว

สำหรับแรงงานผู้เช่าอาศัย ค่าเช่าจะอยู่ไม่เกิน 1 ใน 8 ของรายได้ต่อเดือน และเป็นครั้งแรกในโลกที่แรงงานสามารถพาครอบครัวไปเที่ยวพักร้อนต่างประเทศ โดย Hitler ได้สร้างเรือ Cruise หลายลำเพื่อเให้แรงงานชาวเยอรมันสามารถไปเที่ยวได้ในราคาที่ถูก โดยส่วนใหญ่เรือ Cruise จะไปตามเกาะแถบสเปน

เขาได้จัดการศึกษาให้เรียนฟรีถึงระดับปริญญา และได้สร้างบ้านพักจำนวนมากให้เกษตรกร สำหรับผู้ให้แรงงานทั่วไป เปรียบเทียบกับก่อน Hitler เข้ามา มีรายได้มากกว่าเดิม 2 เท่าโดยค่าเงินยังคงเดิม

Hitler ได้สร้างระบบการค้าของเยอรมัน โดยไม่ใช้เงิน USD เลย แต่จะเน้นในการ Barter แลกเปลี่ยนเป็นหลัก จากระบบนี้เองที่ กลุ่ม Anglo American Jewish Banksters เสียผลประโยชน์ กลัวว่าเยอรมันที่ประสบความสำเร็จ จะเป็นแบบอย่างเศรษฐกิจใหม่ให้กับประเทศอื่นทั่วโลก แทนระบบที่พวกตนเองควบคุม จึงได้สร้างเงื่อนไขจนนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 2

Hitler ได้นำพาประชาชนชนชาติเขากลับมามีศักดิ์ศรีอีกครั้ง มีอธิปไตย เสรีภาพ พ้นจากการเป็นหนี้ เป็นทาสทุนสามานย์ แม้ Winston Churchill ผู้เป็นอริกับเยอรมันที่สุด ยังได้ส่งถึง Hitler ในปี 1938 ก่อนจะมีสงครามว่า ‘หากวันใดสหราชอาณาจักร ตกในหายนะดังเช่นเยอรมันใน 1918 ข้าพเจ้าขอให้พระเจ้าประทาน บุคคลที่มีความเข้มแข็ง และ ลักษณะของท่าน’ ส่วน Lloyd George นายกรัฐมนตรีอีกท่านได้กล่าวกับชาวเยอรมัน ‘ ท่านควรขอบคุณพระเจ้า ที่ท่านมีบุรุษผู้ยอดเยี่ยมเป็นผู้นำ’

แล้วสาเหตุคืออะไร จึงได้มาทำลายทุกอย่างที่เขาได้สร้างไว้ ?
เพราะว่าเขาสามารถหาวิธีกู้ชนชาติเขาพ้นจากความเป็นทาสได้?
เพราะว่าพวกเขาแสดงให้โลกเห็นว่า สามารถสร้างอนาคตที่ดีกว่าโดยปราศจากระบบของกลุ่มทุน Zionist ได้?
ความจริงคือเช่นนั้น

เขาเป็นบุรุษของประชาชนเขา เป็นบิดาของเยอรมนี ประชาชนของเขารักเขาทั้งนั้น และเขาก็รักประชาชนของเขา

Heil Hitler.....Herzlichen Glückwunsch zum Geburtstag

2558/04/20

ป.ล. เนื่องในวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิด อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ จึงได้นำเรื่องมาแสดงให้ทราบความจริงเกี่ยวกับบุรุษที่น่าชื่นชมผู้นี้ แม้ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ จะมีผิดความพลาดในบางส่วน แต่ความเป็นอัจฉริยะและความรักชาตินั้นมีอยู่มาก ควรแก่การศึกษาโดยมองว่าประเทศของเรา หากมีวิกฤติเศรษฐกิจโดนทุบค่าเงินอีกครั้ง คราวนี้จะไม่เหมือนคราวที่ก่อนที่ได้เกิดขึ้นในขณะที่เรายังอยู่ในสภาพที่ดีอยู่ หากคราวนี้หากเงินคลังหลวงหมด อาจหมายถึงการที่ประเทศเราจะถูกยึดอย่างเบ็ดเสร็จ คล้ายคลึงกับเยอรมนีสมัยนั้น หวังว่าประชาชนจะตื่นรู้ได้เสียก่อนจะต้องถึงสถานการณ์นั้น

ประวัติศาสตร์ที่ถูกจารึกคือประวัติศาสตร์ที่ถูกเขียนโดยผู้ชนะสงคราม โดยหลังแพ้สงครามไป ฝ่ายพันธมิตร anglo-american ที่รับใช่ทุนธนาคารยิว Zionist ผู้ร้ายตัวจริง ได้ใส่ร้ายบิดเบือนปิดบังความจริงต่างๆนานา รวมถึงเรื่อง Holocaust หรือ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อันเป็นเรื่องหลอกลวง ที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงทั้งสิ้น ความจริงที่เกิดขึ้นคือ ได้มีการเซ็นสัญญา ระหว่างตระกูล Rothschilds และรัฐบาลอังกฤษ ว่าหาก Rothschilds สามารถนำสหรัฐ มาร่วมสงคราม รัฐบาลอังกฤษจะต้องยกดินแดน Palestine ซึงเป็นของชาว Palestine ที่ได้อาศัยอยู่มาแต่ไหนแต่ไร มาเป็นแผ่นดินของชาวยิว เรื่องราวเกี่ยวกับ Holocaust มิใช่อะไรนอกจาก propaganda หลอกลวง มีจุดเป้าหมายหลักคือการสร้างความเห็นอกเห็นใจในการ เข้าไป ไล่ ฆ่า ชาว Palestine นับล้านออกจากดินแดนของเขา เพื่อให้ชาวยิวได้มีรัฐของตนเอง พร้อมกับอีกจุดประสงค์ คือการทำลายลบล้าง ตำนานอัจฉริยภาพทางเศรษฐศาสตร์ ของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ นั่นเอง


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 เม.ย. 15, 18:13
เดี๋ยวนี้ Zionist ก็ยังน่ากลัว ยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ

กลับไปที่เรื่องที่คุณประกอบนำมาเสนอต่ออีกสักหน่อย

เรื่องนี้ชวนให้คิดว่า ถ้าผู้ที่กล่าวหาออสก้า โกรนนิ่งเป็นตัวเขาบ้าง จะทำอย่างไร ไม่ได้อาสามาอยู่ ถูกย้ายมาอยู่แล้วก็ไม่ชอบ ไม่อยากอยู่ ขอย้ายไปรบแนวหน้าเสี่ยงกับความตายเสียยังดีกว่า เขาก็ไม่ให้ไป

จะให้หนีออกไปจากสถานที่นั้นหรือ แล้วถ้าถูกจับมาได้เล่า  แทนที่จะได้ตายอย่างผู้รักชาติ ก็อาจจะได้ตายอย่างทารุณในฐานะผู้ทรยศ


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 25 เม.ย. 15, 18:29
ที่ท่านอาจารย์ใหญ่กว่าว่ามา เป็นเรื่องที่มีคนถกเถียงเช่นกันในเวบบอร์ดฝรั่ง บางคนบอกว่าออสก้า โกรนนิ่งเลือกที่จะเป็น SS เอง แทนที่จะไปสมัครเป็นทหารธรรมดา  เรื่องนี้มีประเด็นที่ลึกซึ้งกว่านี้ที่ต้องไตร่ตรอง  ผมกำลังรวบรวมข้อมูลและรูปของนาซีอีกคน ชื่อฟรานซ์ แสตงเกล ว่าจะเอามาเขียนแต่ยังไม่ได้เขียนซะที


สำหรับผม ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าถ้าเป็นคนอื่นอยู่ในสถานะเดียวกันจะทำอย่างไร เพราะไม่ว่าจะเป็นใครเมื่อเข้าไปอยู่ในระบบแล้วคงยากที่จะกล้าขัดขืนหรือฝืนระบบ ทางเลือกเดียวและเป็นทางรอดด้วยคือไหลตามระบบไปเป็นต้นอ้อลู่ลม ทำตามที่สั่ง เพราะนอกจากจะรอดแล้ว ยังจะได้รับสิทธิประโยชน์อื่นๆ มากกว่าคนทั่วไป เช่นอยู่ดีกินดีกว่า อาหารการกินเหลือเฟือในขณะที่คนอื่นๆ ในประเทศอดอยากในภาวะสงคราม


สิ่งเดียวที่จะปกป้องคนในอนาคตจากเรื่องเหล่านี้ได้ คือการสอนและให้ความรู้ให้มองคนอื่นด้วยความเท่าเทียม ให้ความยกย่องส่งเสริมคนที่กล้าหาญกล้าพูดความจริง มีสปิริต  ใช้เหตุผลในการหาข้อสรุปมากกว่าอารมณ์ และฉลาดรู้เท่าทันไม่ตกเป็นเหยื่อปลุกระดมของนักการเมืองหรือนักชาตินิยม  คนเยอรมันที่ต่อต้านนาซีก็มีไม่น้อย  นักโทษการเมืองเยอรมันที่โดนกำจัดในช่วงฮิตเลอร์ครองอำนาจก็มีนับแสนคน ปัญหาคือคนที่กล้าหาญ  คนที่มีเหตุผล ไม่เคยมีจำนวนมากพอที่จะสู้กับคนโง่  คนที่เห็นแก่ตัว และพร้อมจะฉกฉวยประโยชน์จากสถานการณ์ได้  ดังนั้นเรื่องราวทำนองนี้จะอยู่คู่สังคมโลกไปตลอดแหละครับ


ถ้ามองให้ดี ประวัติศาสตร์เดินย้อนรอยเสมอ อาจจะต่างแค่สถานที่หรือดีกรีความรุนแรง  และคนที่ใช้สมองขัดขืนความไม่ถูกต้องชอบธรรม น้อยนักที่จะมีจุดจบดีๆ ถ้ามองดีๆ ไม่ต้องมองไกลเลยจะเห็นแม้แต่ในปัจจุบัน  


ปล  ถ้ากลับไปผมโดยเรียกตัวไปเข้าค่ายทำนองนี้ ท่านอาจารย์นวรัตนอย่าลืมซื้อปูนึ่งไปเยี่ยมด้วยนะครับ ;D  ;D  ;D



กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 25 เม.ย. 15, 18:37
เดี๋ยวนี้ Zionist ก็ยังน่ากลัว ยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ


คนยิวส่วนใหญ่ไม่ใช่ Zionist นะครับ แม้แต่ในช่วงสงครามโลก ยิวเยอรมันเองมีอยู่ประมาณ 5 แสนคนจากประชากรเยอรมันมากกว่า 60 ล้านคน คนยิวที่ตายไปหกล้านถูกกวาดต้อนมาจากทั่วยุโรป  แม้จะเป็นยิวเหมือนกัน ความเชื่อเหมือนกันส่วนใหญ่ใช่ว่าพูดภาษาฮิบรูได้  ชาวยิวจากต่างประเทศกันในยุโรปที่ใช้ภาษาต่างกันคุยกันเองไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ  แล้วไอ้คนที่รวยๆ หนะ ส่วนใหญ่มีหนทางอพยพไปอเมริกาหรือปาเลสไตน์ก่อนหมดแล้ว เหลือแต่ที่เป็นชนชั้นกลางชาวบ้านธรรมดาทั้งนั้นที่โดนกำจัด


บทบาทของชาวยิวบางส่วน องค์กรยิว หรือรัฐบาลประเทศอิสราเอลอาจไม่ถูกใจหรือถูกมองว่าไม่ดี แต่การให้คนทั้งเผ่าพันธุ์รับผิดชอบนี่มันยิ่งกว่าไร้เหตุผลนะครับ ผมขอค้านว่า Zionist ปัจจุบันน่ากลัว แต่ผมมองว่าลัทธิชาตินิยม ศาสนานิยม ไม่ว่ากับพวกไหนเผ่าไหนศาสนาไหน นี่สิที่น่ากลัวที่สุด


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 เม.ย. 15, 18:39
ม่ายช่าย ผมหมายถึง Zionist ที่เป็นนายธนาคารใหญ่ในยุโรปและอเมริกา


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 25 เม.ย. 15, 19:05
ม่ายช่าย ผมหมายถึง Zionist ที่เป็นนายธนาคารใหญ่ในยุโรปและอเมริกา

นั่นสิครับ ปัญหาคือระบบการเงินโลกมันยุ่งอิรุงตุงนังไปหมด เราไม่มีทางรู้เลยว่าชาวยิวมีบทบาทมากขนาดไหน  อย่างธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลกตอนนี้รู้สึกจะของจีน จีนคุมโลกหรือยิวคุมโลกผมก็ไม่แน่ใจใครจะใหญ่กว่ากัน  ส่วนเงินจะไหลไปยังที่ใดก็ตามที่จะทำกำไรได้ อย่างอังกฤษเป็นศูนย์กลางการเงินของยุโรป ผมไม่รู้ว่าคนยิวมีบทบาทมากแค่ไหน ธนาคาร HSBC นี่เจ้าของเป็นใครก็ไม่รุ ทำให้มันมีทั้งภาพที่เป็นมายาคติกับความจริงที่ยากจะแยกได้ว่าอันไหนจริงอันไหนเท็จ และธุรกิจการเงินที่ต้องอาศัย connection และความไว้เนื้อเชื่อใจทำให้ชาวยิวที่อยู่ในธุรกิจนี้มานานมีความได้เปรียบ  แต่มียิวมากขนาดไหนนี่สิน่าสงสัย  แต่ที่แน่ๆ คือแนวคิดว่ามีอะไรโทษยิวไว้ก่อนนี่มีมาเป็นพันๆ ปีแล้ว


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 เม.ย. 15, 19:45
ผมก็ไม่มีความรู้พอที่จะไปโทษยิวได้ทั้งหมด  แต่เรื่องการธนาคาร การอุตสาหกรรมใหญ่ๆที่โยงใยเป็นลูกโซ่ แต่ไหนแค่ไรก็เป็นของคนยิวทั้งนั้น ชื่อพวกเศรษฐีที่เปิดเผยๆกัน ก็มีชื่อเป็นยิวทั้งนั้น  ไอ้เจ้าอะไรนั่นที่เคยโจมตีค่าเงินบาทไทยจนพินาศเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ก็เป็นยิว รู้ประมาณเท่านี้แหละครับ นอกนั้นก็อ่านเจอแบบอ่านของคุณรุ่งคุณ ยังไม่นับว่ารู้จริง


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: ป้าหวัน ที่ 25 เม.ย. 15, 20:34
รับไม่ได้ค่ะว่าHitler เป็นวีรบุรุษของคนเยอรมัน ถ้าใครเคยไปเยือนมิวนิค ที่หน้ามหาวิทยาลัยLudwig Maximilian ก็จะเห็นอนุสรณ่ที่น่าสะเทือนใจที่ก่อกับคนที่ไม่เห็นด้วยกับพรรคนาซี เช่นthe White Rose group (The Scholl brother and sister and friends)อย่างที่รู้ๆกันชาวยิวถูกกำจัดอย่างไร้มนุษยธรรมนับล้าน
เพื่อเสริมเรื่องนี้ให้สมบูรณ์ขึ้น ขอยกข้อเขียนที่เขียนโดยรุ่งคุณ กิติยากร เป็นภาพสะท้อนมุมมองหนึ่งของคนไทยที่มีจำนวนไม่น้อย  มุมมองที่คนเหล่านี้เชื่อและอ้างว่าเป็นความจริง มุมของคนไทยที่ไม่เคยศึกษาประวัติศาสตร์อย่างรอบด้าน หรือพยายามทำความเข้าใจความเป็นจริง เพราะมันยาก มันเต็มไปด้วยข้อมูลมากมายที่ต้องวิเคราะห์  มันมีมิติความขัดแย้งและความซับซ้อนเต็มไปหมด  ทำให้เลือกที่จะเชื่อหรือเห็นเฉพาะสิ่งที่ตัวอยากเห็น ปิดตาละเลยกับความจริงอีกด้าน  ผมทะเลาะกับผู้คนหลายคนในโลกไซเบอร์ที่มีมุมมองแบบนี้  และก็พบว่าไม่เคยเปลี่ยนนเหล่านี้ได้ ก็เลยยกมาให้ดูกัน

ที่มา https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1578192859104691&set=a.1409401019317210.1073741839.100007419761220&type=1 (https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1578192859104691&set=a.1409401019317210.1073741839.100007419761220&type=1)

ความจริงเกี่ยวกับ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ รัฐบุรุษที่ถูกทุนธนาคารยิว Zionist ทําลาย ใส่ความให้เป็นผู้ร้าย

หลังการพ่ายสงครามโลกครั้งที่ 1 ตามมติของ Versailles Conference 1919 เยอรมันจำต้องจ่าย ทองคำมูลค่า 1 แสนล้าน Mark รวมค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 2 แสนกว่าล้าน Mark ให้กับผู้ชนะ เมื่อจ่ายได้ไม่หมด ฝรั่งเศสก็ได้เข้ามายึดพื้นที่ต่างๆพร้อมทรัพยากร ส่วนทางเยอรมันเอง เมื่อไม่เหลือทองคำในคลังเลย ไม่มีหลักคํ้าเงินสกุล เงินสกุล Mark จึงกลายเป็นเศษกระดาษที่ไม่มีค่า ในเวลาเดียวกัน กลุ่มทุนธนาคารยิวก็ได้เข้ามาปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยสูง โดยสถานะของเงิน Mark นั้นถูกทุบลงไปเรื่อยๆ จากปี 1918 มีมูลค่า 5.2 Mark ต่อ 1 USD ต่อมาในปี 1921 มีมูลค่า 64.9 Mark ต่อ 1 USD และ ในที่สุดในปี 1923 มีมูลค่า เพียง 4.2 ล้านล้าน Mark ต่อ 1 USD

สำหรับชาวเยอรมันในเวลานั้น ขนมปังหนึ่งโหลมีราคา 2 ล้านล้าน Mark เงินสะสมของประชาชนทุกคนหมดค่ากลายเป็นศูนย์ ด้วยนํ้ามือของกลุ่มทุนธนาคารยิว ประชาชนสิ้นหวัง มีการฆ่าตัวตายจำนวนมาก ตำรวจหาเงินด้วยการทุจริต ในเวลาเดียวกันกลุ่มทุนยิวมองว่าเป็นโอกาสทองในการทำกำไรโดยการลงทุนที่ตํ่า การเก็บดอกเบี้ยสูงอันส่งผลให้เกิดบังคับขาย สูญเสียทรัพย์สินของผู้กู้ชาวเยอรมันให้กับกลุ่มทุนยิว ที่ได้เข้ามาครอบงำทั้งเศรษฐกิจ การเมือง สื่อ พร้อมทั้งการทำลายวัฒนธรรมของชาวเยอรมัน

ภายหลังการจงใจล้มตลาดทุน Wall Street ใน 1929 กระทำโดยกลุ่มของ Rockefeller JPMorgan Rothschilds ที่ได้ทำลายธนาคารเล็กๆในสหรัฐ 16,000 แห่ง โดยทุนใหญ่ของพวกตนได้ถอนตัวออกก่อนกาล กว้านซื้อทุกอย่างในราคาที่ถูก สหรัฐได้เรียกหนี้คืนจากเยอรมันภายใน 90 วัน อันส่งผลให้เยอรมันเป็นประเทศที่ล้มละลายโดยสมบูรณ์ อุตสาหกรรมต่างๆล้มกัน การว่างงานจาก 650,000 คนในปี 1928 ขึ้นมาเป็น 3 ล้านคนในปี 1930 สูงสุดในปี 1933 มีการว่างงานระหว่าง 6-7 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นชายทั้งสิ้น ไม่มีเงินสำหรับอาหาร เสื้อผ้า การทำความอุ่นในครัวเรือนตนเอง

ประชาชนจึงเห็น National Socialist (สังคมนิยมแห่งชาติ) นำโดย Hitler เป็นทางออก ซึ่งประกาศตัวเป็นทั้งศัตรูของลัทธิของยิวทั้งสองขั่ว ได้แก่ ระบบทุนนิยม และ ระบบ Communist โดยเมื่อ Hitler ได้เข้ามามีอำนาจ ประเทศไม่มีเงินในคลังเลย แต่มีปัญหาคนว่างงาน 6-7 ล้านคน โดยภายหลังรับตำแหน่ง 3 สัปดาห์ ฝ่ายที่เริ่มประกาศสงครามระหว่าง Hitler กับ ยิว ไม่ใช่ Hitler แต่คือ Jewish World Congress ของยิว 14 ล้านคน ซึ่งได้ประกาศสงครามกับเยอรมัน พร้อมการควํ่าบาตร เมื่อเป็นเช่นนี้ Hitler จึงได้ตอบโต้อีก 3 เดือนต่อมา ด้วยการประกาศสงครามกับชาวยิว ซึ่งในเยอรมันเองมีประมาณ 5 แสนคน หรือ 2 เปอร์เซนต์ พร้อมการควํ่าบาตรสินค้ายิว

สิ่งที่ Hitler ได้สัญญาให้ความหวังกับประชาชน คือ การมีงานทำ และ มีอาหารรับประทาน ซึ่งเขาได้รักษาคำพูดของเขาโดยสมบูรณ์ Hitler ได้เน้นระบบเศรษฐกิจเพื่อประชาชน และ ‘Autarky’ หรือเศรษฐกิจพึงพาตนเอง (Self-Sufficient) พร้อมได้สร้างความสามัคคีระหว่างแรงงานและผู้จ้างงาน โดยเมื่อผ่านไป 2 ปี ครึ่ง ปัญหาการว่างงานได้ลดลงไปมาก และภายใน 5 ปี เขาได้ขจัดปัญหาการว่างงานในเยอรมนีโดยสิ้นเชิง

การแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ Hitlerได้กระทำทำโดยปราศจากเงินจากกลุ่มทุนธนาคารยิวแม้แต่น้อย Hitler สร้าง Autobahn ทางหลวงเยอรมนีจากวัสดุผลิตในเยอรมันล้วนๆ และหลังจากการเจรจาสร้างรถยนต์กับ German Auto Industry ซึ่ง Hitler มองว่าแพงเกินไป เขาได้หันไปหา Ferdinand Porsche แทน และได้ร่วมออกแบบรถ Volkswagen แปลว่า ‘รถของประชาชน’ ในราคาที่ถูกกว่าเกือบครี่งหนึ่ง โดยรถเต่าทองนี้ที่คนส่วนใหญ่รู้จักได้เป็นรถที่มีการสร้างมากที่สุดในโลก จึงยากที่จะถูกลบออกจากประวัติศาสตร์

สำหรับการผลิตเสื้อผ้า ในเมื่อการซื้อฝ้าย (Cotton) จำเป็นต้องซื้อโดยการใช้ USD ภายให้ Hitler จึงได้มีการคิดค้นผลิตผ้า Rayon ขึ้นมา โดยการนำขนแกะเยอรมันมาผลิต

ภานใน 4 ปี Hitler ได้สร้างบ้าน 1.5 ล้านหลัง โดยให้ประชาชนสามารถผ่อนได้ 10 ปี หากมีลูก 1 คนให้ลดหนี้ลง 25% หากมีลูกถึง 4 คน ให้ยกเลิกหนี้ทั้งหมด โดยเขาเชื่อว่าครอบครัวที่ใหญ่จะมีการจับจ่ายมาก จะมีการจ่ายภาษีคุ้มกับการลดปลดหนี้ ปรากฏว่าภายในไม่กี่ปี การเก็บภาษีของรัฐเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว

สำหรับแรงงานผู้เช่าอาศัย ค่าเช่าจะอยู่ไม่เกิน 1 ใน 8 ของรายได้ต่อเดือน และเป็นครั้งแรกในโลกที่แรงงานสามารถพาครอบครัวไปเที่ยวพักร้อนต่างประเทศ โดย Hitler ได้สร้างเรือ Cruise หลายลำเพื่อเให้แรงงานชาวเยอรมันสามารถไปเที่ยวได้ในราคาที่ถูก โดยส่วนใหญ่เรือ Cruise จะไปตามเกาะแถบสเปน

เขาได้จัดการศึกษาให้เรียนฟรีถึงระดับปริญญา และได้สร้างบ้านพักจำนวนมากให้เกษตรกร สำหรับผู้ให้แรงงานทั่วไป เปรียบเทียบกับก่อน Hitler เข้ามา มีรายได้มากกว่าเดิม 2 เท่าโดยค่าเงินยังคงเดิม

Hitler ได้สร้างระบบการค้าของเยอรมัน โดยไม่ใช้เงิน USD เลย แต่จะเน้นในการ Barter แลกเปลี่ยนเป็นหลัก จากระบบนี้เองที่ กลุ่ม Anglo American Jewish Banksters เสียผลประโยชน์ กลัวว่าเยอรมันที่ประสบความสำเร็จ จะเป็นแบบอย่างเศรษฐกิจใหม่ให้กับประเทศอื่นทั่วโลก แทนระบบที่พวกตนเองควบคุม จึงได้สร้างเงื่อนไขจนนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 2

Hitler ได้นำพาประชาชนชนชาติเขากลับมามีศักดิ์ศรีอีกครั้ง มีอธิปไตย เสรีภาพ พ้นจากการเป็นหนี้ เป็นทาสทุนสามานย์ แม้ Winston Churchill ผู้เป็นอริกับเยอรมันที่สุด ยังได้ส่งถึง Hitler ในปี 1938 ก่อนจะมีสงครามว่า ‘หากวันใดสหราชอาณาจักร ตกในหายนะดังเช่นเยอรมันใน 1918 ข้าพเจ้าขอให้พระเจ้าประทาน บุคคลที่มีความเข้มแข็ง และ ลักษณะของท่าน’ ส่วน Lloyd George นายกรัฐมนตรีอีกท่านได้กล่าวกับชาวเยอรมัน ‘ ท่านควรขอบคุณพระเจ้า ที่ท่านมีบุรุษผู้ยอดเยี่ยมเป็นผู้นำ’

แล้วสาเหตุคืออะไร จึงได้มาทำลายทุกอย่างที่เขาได้สร้างไว้ ?
เพราะว่าเขาสามารถหาวิธีกู้ชนชาติเขาพ้นจากความเป็นทาสได้?
เพราะว่าพวกเขาแสดงให้โลกเห็นว่า สามารถสร้างอนาคตที่ดีกว่าโดยปราศจากระบบของกลุ่มทุน Zionist ได้?
ความจริงคือเช่นนั้น

เขาเป็นบุรุษของประชาชนเขา เป็นบิดาของเยอรมนี ประชาชนของเขารักเขาทั้งนั้น และเขาก็รักประชาชนของเขา

Heil Hitler.....Herzlichen Glückwunsch zum Geburtstag

2558/04/20

ป.ล. เนื่องในวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิด อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ จึงได้นำเรื่องมาแสดงให้ทราบความจริงเกี่ยวกับบุรุษที่น่าชื่นชมผู้นี้ แม้ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ จะมีผิดความพลาดในบางส่วน แต่ความเป็นอัจฉริยะและความรักชาตินั้นมีอยู่มาก ควรแก่การศึกษาโดยมองว่าประเทศของเรา หากมีวิกฤติเศรษฐกิจโดนทุบค่าเงินอีกครั้ง คราวนี้จะไม่เหมือนคราวที่ก่อนที่ได้เกิดขึ้นในขณะที่เรายังอยู่ในสภาพที่ดีอยู่ หากคราวนี้หากเงินคลังหลวงหมด อาจหมายถึงการที่ประเทศเราจะถูกยึดอย่างเบ็ดเสร็จ คล้ายคลึงกับเยอรมนีสมัยนั้น หวังว่าประชาชนจะตื่นรู้ได้เสียก่อนจะต้องถึงสถานการณ์นั้น

ประวัติศาสตร์ที่ถูกจารึกคือประวัติศาสตร์ที่ถูกเขียนโดยผู้ชนะสงคราม โดยหลังแพ้สงครามไป ฝ่ายพันธมิตร anglo-american ที่รับใช่ทุนธนาคารยิว Zionist ผู้ร้ายตัวจริง ได้ใส่ร้ายบิดเบือนปิดบังความจริงต่างๆนานา รวมถึงเรื่อง Holocaust หรือ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อันเป็นเรื่องหลอกลวง ที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงทั้งสิ้น ความจริงที่เกิดขึ้นคือ ได้มีการเซ็นสัญญา ระหว่างตระกูล Rothschilds และรัฐบาลอังกฤษ ว่าหาก Rothschilds สามารถนำสหรัฐ มาร่วมสงคราม รัฐบาลอังกฤษจะต้องยกดินแดน Palestine ซึงเป็นของชาว Palestine ที่ได้อาศัยอยู่มาแต่ไหนแต่ไร มาเป็นแผ่นดินของชาวยิว เรื่องราวเกี่ยวกับ Holocaust มิใช่อะไรนอกจาก propaganda หลอกลวง มีจุดเป้าหมายหลักคือการสร้างความเห็นอกเห็นใจในการ เข้าไป ไล่ ฆ่า ชาว Palestine นับล้านออกจากดินแดนของเขา เพื่อให้ชาวยิวได้มีรัฐของตนเอง พร้อมกับอีกจุดประสงค์ คือการทำลายลบล้าง ตำนานอัจฉริยภาพทางเศรษฐศาสตร์ ของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ นั่นเอง


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 25 เม.ย. 15, 20:35
ถ้าคิดถึงความโหดร้ายของนาซี ก็อย่าลืมความโหดร้ายของลุงแซมด้วย

ผู้ลงนามอนุมัติการทิ้งระเบิดปรมาณูที่ฮิโระชิมะ คือ ประธานาธิบดีทรูแมน

ทรูแมนโกหกประชาชนว่า จะหลีกเลี่ยงการฆ่าพลเรือนและหากจำเป็นคนญี่ปุ่นเพียงจำนวนพันเท่านั้นที่จะต้องสูญสิ้นเพราะการทิ้งระเบิดปรมาณู
:o

นึกถึง ฮิตเลอร์ อย่าลืม ทรูแมน   :-X


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 25 เม.ย. 15, 21:00
คดีนี้เห็นจะไม่มี "ถูก" ก็คงจะผิด แต่ถ้าเทียบความผิดของ "นักบัญชีแห่งเอาชวิตซ์" กับ "นักบินแห่งเที่ยวบินมรณะ" ฝ่ายแรกน่าจะน้อยกว่าฝ่ายหลัง   :-X


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 25 เม.ย. 15, 21:31
ก่อนจะไปเรื่องทรูแมน ต้องขอขยายความเรื่องชาวยิวว่าทำไมชอบไปยุ่งกับระบบการเงินการธนาคารนัก


ชาวยิวคงความเป็นยิวมาสองสามพันปีแล้ว จนประเทศของยิวหายไปจากแผนที่ ชาวยิวแตกกระสานซ่านเซ็นไปทั่วยุโรป ก็ยังคงความเป็นยิวไว้ ในสมัยยุคกลาง คนยิวถูกจำกัดไม่สามารถเป็นขุนนาง ไม่สามารถเป็นเจ้าของที่ดินได้ ดังนั้นงานที่คนยิวจะทำได้คือเป็นช่างฝีมือหรือค้าขาย และเนื่องจากศาสนาคริสต์ในอดีตการคิดดอกเบี้ยเป็นบาป ชาวคริสต์ด้วยกันจึงไม่นิยมให้ใครยืมเงิน แต่สำหรับชาวยิวการคิดดอกเบี้ยไม่บาป ชาวยิวสามารถให้กู้เงินคิดดอกได้ จึงเกิดระบบธนาคารขึ้นมา และเนื่องจากระบบนี้ต้องอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจกันอย่างมาก ดังนั้นคงไม่มีใครน่าไว้ใจไปมากกว่าคนกันเอง ดังนั้นชาวยิวจึงมีบทบาทในระบบการเงินมาจนถึงปัจจุบัน แต่ปัจจุบันจะมีมากขนาดไหนคงตอบยากครับ 


คนไม่เข้าใจมักจะอ้างข้างๆ คูๆ ว่าเยอรมันแพ้สงครามโลกครั้งแรกเพราะยิว  มีทฤษฎีสมคบคิดอ้างว่าคนยิวสร้างความร่ำรวย  เยอรมันเงินเฟ้อมาก จริงๆ แล้วเงินเฟ้อขนาดนั้นคนที่เดือดร้อนที่สุดคือคนที่ถือเงินมากที่สุด จะเป็นใคร ก็ยิวอีกนั่นแหละ คนพวกนี้มักคิดเอาเองแล้วก็โทษคนโน้นคนนี้ เช่นตระกูลรอธไชลด์อยู่เบื้องหลังโน่นนี่ ลืมคิดไปว่าคนยิวส่วนใหญ่ในยุโรปคือคนชั้นกลาง พ่อค้า นักวิชาการ ฯลฯ แม้จะมีการศึกษาดีกว่าคนท้องถิ่น แต่ไม่ได้ร่ำรวยทั้งหมด ถ้าประเทศเดือดร้อน คนเหล่านี้ก็เดือดร้อนด้วยเช่นกัน


ส่วนการไปตั้งถิ่นฐานของคนยิวในปาเลสไตน์มีตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่สองแล้ว เพราะคนยิวเชื่อว่าเป็นแดนแห่งพันธสัญญา แต่ไม่ใช่ว่าใครจะไปก็ไปได้ อังกฤษเองก็จำกัดจำนวนผู้อพยพไป เพราะเกรงจะมีผลต่ออาณานิคมแถวนั้น เยอรมันเองในตอนต้นก็คิดจะส่งชาวยิวไปปาเลสไตน์หรือแอฟริกา แต่คิดแล้วยุ่งยากสิ้นเปลือง เลยใช้การกำจัดซะให้หมด


นายโซรอสที่โจมตีค่าเงินบาทเป็นยิว ก็ต้องถามว่าถ้าไม่ใช่โซรอสแต่เป็นฝรั่งอื่น หรือเศรษฐีจีน  แขก ที่อยู่ในสถานะเดียวกัน เห็นช่องเดียวกัน จะทำแบบเดียวกันไหม ในการโจมตีค่าเงินความเสี่ยงมีทั้งสองฝ่าย เหมือนสงคราม ธนาคารแห่งประเทศไทยมือไม่ถึงบ้าเลือดทุ่มหมดหน้าตักเองเลยแพ้เค้ายับเยินเราก็ต้องมองด้วย แล้วที่เค้าโจมตีได้ ไม่ใช่เพราะเราคนไทยกันเองที่เก็งกำไรกู้กันเพลินจนเราอ่อนแอเองหรอกหรือ  และที่ค่าเงินรูดไปถึง 50 กว่าบาท ถ้าจำไม่ผิดเศรษฐีไทยคนนั้นนั่นแหละที่อยู่เบื้องหลัง รู้ข่าวก่อน swap ค่าเงินล่วงหน้า ทำกำไรสร้างความร่ำรวย ดังนั้นจะพิจารณาเรื่องพวกนี้ผมมองว่าเราต้องตัดมายาคติเรื่องชนชาติไป แล้วเลือกด่าเป็นคนๆ ไปครับ


ส่วนเรื่องการทิ้งระเบิดปรมาณู ผมเข้าในทรูแมนนะ จะเลือกส่งทหารขึ้นเกาะใหญ่รบตามแบบ ที่ประเมินไว้ว่าเฉพาะฝ่ายสัมพันธมิตรจะตายประมาณล้านคน หรือส่งระเบิดไปโชว์ ตายซัก 2-3 แสน แบบไหนน่าเลือกกว่ากัน โลกเราคนบ้าไร้เหตุผลมันเยอะ ทางเลือกที่ไม่สูญเสียเลยมันไม่มี  แต่อันนี้ต้องขอบคุณแม่ชีที่ปัดระเบิดปรมาณู แทนที่จะลง กทม ไปลงฮิโรชิมาแทน  ;D


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 26 เม.ย. 15, 07:22
นายโซรอสมิได้โจมตีค่าเงินบาทอย่างเดียว เขาโจมตีค่าเงินทุกตระกูลที่เขาเห็นจุดอ่อน ส่วนใหญ่จะเป็นประเทศเล็กๆที่กำลังจะรุ่ง  ถามว่าถ้าเป็นคนอื่นจะทำอย่างเขาไหม ผมก็ไม่เห็นว่ามีใครอีกที่ทำ หรือมีศักยภาพที่จะทำอย่างเขาได้ คือ มีเงินหนาอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีใจโหดเหี้ยมด้วย

คราวนั้น การที่อยู่ๆเมืองไทยมีเงินไหลมาเทมาให้กู้กันเพลินนั้น ก็เป็นเงินที่ปล่อยมาจากต้นทางที่เป็นแหล่งเงินของอเมริกาแทบทั้งหมด ผมก็บอกแล้วว่าใครเป็นนายธนาคาร  มันคิดเหมือนคนมีเงินสมัยก่อนน่ะครับ ทำใจดีไปให้ชาวนาชาวไร่กู้ เอาที่ดินของเขามาค้ำประกัน พอแรกๆเขาจ่ายดอกจ่ายต้นให้ได้ก็ยุให้เขากู้อีกๆ น้ำท่วมเข้าทีรายได้ขาด ดอกเบี้ยก็ท่วมตาม จนหมดปัญญาส่งงวดเข้าจนได้ในวันหนึ่ง และแล้วก็ยึดที่ทำกินของเขามาในที่สุด ไฮโซหลายตระกูลดังในอดีต บรรพบุรุษมีมรดกให้ลูกหลานร่ำรวยมหาศาลได้ก็ด้วยวิธีนี้แหละครับ

นายโซรอสก็อาจจะอยู่ในขบวนการ หลังจากโจมตีค่าเงินของไทยหายนะไปแล้ว  ไอเอ็มเอฟซึ่งควบคุมโดยขบวนการเดียวกันก็เข้ามาจัดการบังคับให้รัฐบาลไทยทำโน่นทำนี่ แล้วทัพสถาบันการเงินขอยิวในคราบอเมริกันก็เข้ามาเทคโอเวอร์ทุกอย่างที่เขาอยากได้

ครับ มันก็แค่เป็นช่องทางทำมาหากินของพวกเขา จะว่าเขาฉลาดกว่าหรือเราโง่กว่า มันก็เป็นเกมเดียวกับนายทุนกับชาวนาที่ผมกล่าวไปแล้ว เกมนี้บางคนก็บอกว่าเลว บางคนก็ว่าไม่เห็นจะเลว ชาวนาโลภเอง อยู่ที่ใครจะเอาจริยธรรมตัวใดไปวัด

ส่วนไอ้มหาเศรษฐีไทยคนไหนไม่รู้ที่คุณประกอบว่า นั่นก็สุดเลวไปอีกแบบ แต่อย่าไปพูดถึงเลย เพราะคนไทยก็มีความคิดแตกต่างเช่นเดียวกับข้างบน เราอยู่ในประเภทที่พวกเขาเรียกว่า "ไอ้พวกคนดี"


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 26 เม.ย. 15, 08:14
คำลงท้าย "ไอ้พวกคนดี" แม้จะเป็นคำประชดของใครก็ตาม แต่ก็ชวนให้คิดว่า "อะไรคือความดี"

พระไพศาล วิสาโล  (http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=7319)เทศนาไว้ในธรรมะรับอรุณเรื่อง "ความชั่วร้ายที่ปลายจมูก (http://www.visalo.org/article/sarakadee255011.htm)"

ดีกับชั่ว ก็ไม่ได้อยู่แยกกัน คนดีนั้นสามารถทำสิ่งที่ชั่วได้ จะอธิบายว่าเป็นเพราะเขามีทั้งความดีและความชั่วอยู่ในตัวก็ได้ เพราะตราบใดที่ยังเป็นปุถุชนอยู่ ก็ยังมีกิเลสหรือโลภ โกรธ หลง ที่สามารถผลักดันให้เอาเปรียบ เบียดเบียน หรือคดโกงผู้อื่นได้ โดยเฉพาะเมื่อมีปัจจัยหนุนเสริมหรือยั่วยุ บางคนหักห้ามใจไม่ได้ที่จะยักยอกเงินหลวงเพราะบ้านกำลังจะถูกยึด หรือขโมยนมผงในร้านเพื่อเอาไปเลี้ยงลูกที่กำลังหิวโหย แม้แต่ครูที่เคร่งศีลธรรมก็อาจผลักดันให้ลูกสาววัยเรียนไปทำแท้งเพราะกลัวเป็นขี้ปากของผู้คนในโรงเรียน สามีที่สุภาพอ่อนหวานอาจทำร้ายร่างกายภรรยาเมื่อรู้ว่าฝ่ายหลังนอกใจ หรือเพียงเพราะเขาเครียดหนักจากที่ทำงานก็ได้

คนดี ๆ หรือคนปกติธรรมดาสามารถทำสิ่งเลวร้ายที่เราอาจนึกไม่ถึง อดอล์ฟ ไอค์มานน์ (Adolf Eichmann) นาซีคนสำคัญผู้อยู่เบื้องหลังการสังหารโหดชาวยิวร่วม ๖ ล้านคนในสงครามโลกครั้งที่สอง หาใช่คนจิตวิปริตไม่ จิตแพทย์ที่ตรวจสภาพจิตของเขาหลังจากถูกจับกุม ยืนยันว่าเขามีสภาพจิตปกติ รูดอล์ฟ ฮอสส์ (Rudolf Hoss) ผู้บัญชาการค่ายเอาชวิตซ์ ซึ่งขึ้นชื่อว่าโหดเหี้ยมที่สุดในบรรดาค่ายกักกันชาวยิว เป็นคนที่รักครอบครัวและเสียสละ อีกทั้งเป็นคนที่มีน้ำใจในสายตาของเพื่อน ๆ เขายืนยันว่า ไม่มีความเกลียดชังชาวยิวเป็นส่วนตัวเลย แต่หน้าที่เป็นสิ่งสำคัญที่เขาต้องทำให้ลุล่วง ในทำนองเดียวกันฟรานซ์ สแตนเกิล (Franz Stangl) ผู้บัญชาการค่ายทรีบลิงกา (Treblinka) ค่ายนรกที่อื้อฉาวเป็นอันดับสองรองจากเอาชวิตซ์ ก็หาใช่เป็นคนซาดิสต์วิปริตไม่ หากเป็นคนสุภาพ พูดเสียงเบา และอุทิศตัวให้แก่การงาน เช่นเดียวกับฮอสส์ งานคือความสุขและความภาคภูมิใจของเขา

ฮอสส์เป็นแบบอย่างของคนที่มีวินัยสูงมาก เสียสละและทุ่มเทเพื่อภารกิจ จิตใจของเขาจดจ่ออยู่กับงานจนไม่รับรู้ถึงความทุกข์ทรมานของนักโทษในค่ายของเขา สิ่งที่เขาสนใจก็คือรถไฟจะขนนักโทษมาตรงเวลาไหม ควรขนส่งมาวันละกี่เที่ยว และควรใช้เตา (สำหรับรมควันพิษนักโทษ) แบบไหน ด้วยเหตุนี้ค่ายกักกันที่เขาบัญชาการจึงสามารถฆ่าชาวยิวได้เป็นจำนวนมากมาย หากการทำงานด้วยความทุ่มเท เสียสละ โดยไม่คำนึงถึงความเหนื่อยยากและประโยชน์ส่วนตัว เป็นคุณธรรมอย่างหนึ่ง คุณธรรมดังกล่าวก็ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการทำความชั่วร้ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเมื่อความชั่วร้ายนั้นทำในนามของความดี

มองในแง่นี้ คนดี ๆ ทำความชั่ว ไม่ใช่เพราะในใจเขามีความชั่วอยู่เคียงคู่ความดีเท่านั้น หากความดีนั้นเองก็เป็นปัจจัยให้ทำความชั่วได้ มีนาซีชั้นนำเป็นจำนวนมากที่ร่วมล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวด้วยความเชื่อว่า ยิวนั้นมิใช่เป็นอันตรายต่อเยอรมันเท่านั้น หากยังเป็นภัยคุกคามยุโรป หรือถึงกับเป็นภัยต่ออารยธรรมสมัยใหม่เลยทีเดียว เขาเหล่านี้เชื่อว่าการขจัด “เชื้อโรคยิว” คือความจำเป็นเพื่อความอยู่รอดของเยอรมันและยุโรป กล่าวอีกนัยหนึ่ง พวกเขากำลังทำประโยชน์ใหญ่หลวงให้แก่โลก ดังนั้นจึงต้องเข้มแข็ง ไม่อ่อนไหวง่าย ๆ กับความตายของผู้คน

ความดีนั้นสามารถเป็นปัจจัยให้ทำสิ่งชั่วร้ายได้หากเชื่อว่าเป็นการกระทำในนามของความดี ชาวบ้านที่มีเมตตาสัตว์จึงอาจไม่ลังเลที่จะเข้าไปร่วมวงประชาทัณฑ์ผู้ต้องหาคดีฆ่าข่มขืนจนสลบเหมือด ทั้งนี้เพื่อพิทักษ์ความถูกต้องดีงามในชุมชน แต่นอกจากศีลธรรมแล้ว อุดมการณ์ทางการเมืองก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สามารถผลักดันให้ผู้คนพร้อมทำความชั่วในนามของความดีได้ ศตวรรษที่แล้วมีผู้คนถูกฆ่าตายร่วมร้อยล้านคนในนามของอุดมการณ์ทางการเมืองนานาชนิด หนึ่งในนั้นคือลัทธิคอมมิวนิสม์ คอมมิวนิสม์นั้นต้องการสร้างโลกที่ยุติธรรม ปราศจากชนชั้น ผู้คนมีความสุขถ้วนหน้า จึงสามารถดึงดูดจิตใจผู้คนนับล้านที่มีอุดมคติแรงกล้าให้ร่วมขบวนการ แต่กลับลงท้ายด้วยการสังหารผู้คนหลายสิบล้านโดยเฉพาะในรัสเซียและจีน

เมื่อคิดว่า “เรา” คือความดี หรือเป็นตัวแทนของอุดมการณ์ที่ดีเลิศประเสริฐสุดแล้ว คนดี ๆ ก็สามารถทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น ไม่เว้นแม้กระทั่งความชั่วร้าย โดยยังคิดว่านั่นเป็นความดีอยู่


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 26 เม.ย. 15, 08:33
สาธุ ท่านรจนาไว้ชอบแล้ว


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 เม.ย. 15, 09:16
เห็นด้วยกับทุกท่านค่ะ
ขอบคุณคุณชายประกอบเทพ สำหรับกระทู้อาหารสมอง และอาหารจิตวิญญาณ


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 26 เม.ย. 15, 09:16
พระอภิธรรมท่านจึงเริ่มต้นว่า กุศลาธรรมา อกุศลาธรรมา แปลแบบสมัยใหม่ก็คือ ความดีก็เป็นธรรม ความเลวก็เป็นธรรม

นักตีความมาขยายความเพิ่มเติมว่า ความดีกับความเลวก็เหมือนสีขาวกับสีดำ ธรรมชาติมนุษย์ไม่มีใครเลวสุดๆโดยไม่มีความดีเลย หรือไม่มีใครดีสุดๆโดยไม่มีความเลวเลย (นอกจากผู้ที่พ้นธรรมชาติไปแล้ว)

ทุกคนอยู่ในเกณฑ์ของสีเทา และในแถบที่ผมนำมาแสดงข้างล่างนั้น ดำคือขาวน้อย และขาวก็คือดำน้อย แถบของผมไม่สามารถแสดงดำที่ดำกว่านี้ หรือขาวที่ขาวกว่านี้ ถ้าแสดงได้ พื้นที่หน้าจอของผมหรือของท่านก็แสดงได้ไม่พอ


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 26 เม.ย. 15, 11:04
            อ่านแล้ว นึกถึงเรื่องราวคล้ายคลึงกันจากอรรถกถา ขอย่นย่อนำมาเสนอดังนี้

                    ปาปวรรค: เรื่องนายพรานกุกกุฏมิตร

           นายพรานมีภรรยาเป็นธิดาเศรษฐีบรรลุธรรมโสดาบันตั้งแต่ยังสาว ด้วยรักแรกพบนายพราน
เพราะเคยทำบุญร่วมกันมาแต่ปางก่อน นางได้ติดตามไปอยู่ด้วยกันจนมีลูกชาย 7 คน

          ใกล้รุ่งวันหนึ่ง พระศาสดาทรงตรวจดูสัตว์โลกแล้วทรงเห็นพรานกุกกุฏมิตรกับบุตรและสะใภ้
เข้าไปภายในข่าย คือพระญาณของพระองค์ ทรงเห็นอุปนิสัยแห่งโสดาปัตติมรรค จึงเสด็จไปโปรดพราน
และลูกๆ ซึ่งเกิดเหตุเข้าใจผิดคิดว่าพระศาสดาทรงปล่อยสัตว์ที่ตนดักไว้ ได้โก่งคันธนูหมายยิงพระองค์
          เมื่อภรรยาพรานมาพบคนทั้งแปดยืนตัวแข็งทื่อน้าวธนูเล็งไปที่พระศาสดาเช่นนั้น ก็ร้องขึ้นว่า
                “พวกท่านอย่าฆ่าบิดาของเรา ๆ” “พวกเจ้าจงทิ้งธนูเสียโดยเร็วแล้วขอโทษบิดาของฉัน”
คนเหล่านั้นวางธนูและเข้าไปถวายบังคมขอขมาลาโทษแล้ว  พระศาสดาได้แสดงอนุปุพพิกถาโปรด
นายพรานพร้อมทั้งบุตรและสะใภ้ก็สำเร็จพระโสดาปัตติผล

ภาพ(ชุด) พระปฐมสมโพธิ์ ผลงาน เหม เวชกร ภาพนี้เป็นตอน นายขมังธนู(ที่พระเทวทัตส่งไป) ปลดอาวุธ
ฟังธรรมแล้วสำเร็จมรรคผล


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 26 เม.ย. 15, 11:07
               ประเด็นที่ยกเรื่องนี้มาอยู่ในตอนท้าย ดังนี้

        ภิกษุทั้งหลายกราบทูลถามว่า “ภรรยาของนายพรานกุกกุฏมิตร เป็นพระโสดาบัน แม้ว่าจะไม่มีเจตนา
ฆ่าสัตว์ด้วยตัวเองก็จริง แต่ก็เป็นผู้ส่งข่าย คันธนู และลูกธนูให้แก่สามีที่จะออกไปล่าสัตว์  อย่างนี้จะมิถือว่า
พระโสดาบันกระทำปาณาติบาตละหรือ?” 

        พระศาสดาตรัสตอบว่า “ภิกษุทั้งหลาย พระโสดาบันย่อมไม่ทำปาณาติบาต ที่นางทำอย่างนั้นด้วยแค่
คิดว่า เราจักทำตามคำของสามี จิตของนางไม่มีเลยว่า สามีนั้นจงถือเอาเครื่องประหารนี้ไปทำปาณาติบาต
จริงอยู่ เมื่อแผลในฝ่ามือไม่มี ยาพิษนั้นก็ไม่อาจจะให้โทษแก่ผู้ถือยาพิษได้ ฉันใด ชื่อว่าบาปบ่อมไม่มีแก่
ผู้ไม่ทำบาป แม้นำเครื่องประหารทั้งหลายมีธนูเป็นต้นออกให้ เพราะไม่มีอกุศลเจตนา ฉันนั้นเหมือนกัน”

ถ้าแผลไม่พึงมีในฝ่ามือไซร้
บุคคลพึงนำยาพิษไปด้วยฝ่ามือได้
เพราะยาพิษย่อมไม่ซึมเข้าไปสู่ฝ่ามือที่มีมีแผล  ฉันใด
บาปย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่ทำอยู่  ฉันนั้น.


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 26 เม.ย. 15, 12:50
แต่จริงๆ แล้วในขณะนั้น สิ่งที่ทำให้ออสก้ารับไม่ได้ ไม่ใช่เพราะว่าคนยิวต้องตาย แต่เป็นเพราะขั้นตอนที่ใช้ในการกำจัดมันเกินกว่าที่เขาจะรับได้  แนวคิดนี้ก็เหมือนคนเยอรมันในเวลานั้นอีกเป็นจำนวนมากที่ถูกปลูกฝังความเกลียดชังและมองคนยิวไม่ต่างจากมดปลวกหรือศัตรู โดยไม่สนใจความเป็นปัจเจกของแต่ละคน ขอแค่เป็นยิวก็สมควรตายแล้ว คนยิวในสายตาของออสก้า ก็ไม่ต่างจากทหารโซเวียตที่เริ่มรุกกลับเยอรมันในขณะนั้นคือเป็นศัตรูของเยอรมันเหมือนกัน  หน้าที่ในค่ายและการกำจัดคนยิวก็ไม่ต่างกับทหารในแนวรบที่ต้องสู้กับศัตรู สิ่งที่ต่างคือแค่สถานที่เท่านั้น การกำจัดยิวก็คือการกำจัดศัตรู

พระศาสดาตรัสตอบว่า “ภิกษุทั้งหลาย พระโสดาบันย่อมไม่ทำปาณาติบาต ที่นางทำอย่างนั้นด้วยแค่คิดว่า เราจักทำตามคำของสามี จิตของนางไม่มีเลยว่า สามีนั้นจงถือเอาเครื่องประหารนี้ไปทำปาณาติบาต จริงอยู่ เมื่อแผลในฝ่ามือไม่มี ยาพิษนั้นก็ไม่อาจจะให้โทษแก่ผู้ถือยาพิษได้ ฉันใด ชื่อว่าบาปย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่ทำบาป แม้นำเครื่องประหารทั้งหลายมีธนูเป็นต้นออกให้ เพราะไม่มีอกุศลเจตนา ฉันนั้นเหมือนกัน

คุณปู่ออสการ์ต่างจากภรรยาของนายพรานตรง "เจตนา" จะบาปหรือไม่อยู่ที่เจตนา ;D


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 26 เม.ย. 15, 13:11
        ดังได้กล่าวไว้ว่า เรื่องของปู่ 'คล้ายคลึง' กับเรื่องภรรยาโสดาบันนายพราน(ตรง ไม่ได้ลงมือฆ่าเอง)
        แต่,แน่นอน, แตกต่างกัน ระหว่างปุถุชนกับอริยบุคคล มือของภรรยาโสดาบันนั้นไม่มีแผล แต่มือของ
ปู่นี้มีแผล
        ยินดี ความเห็นชอบจากคุณเพ็ญ, ทางธรรม กรรมดูที่เจตนา ถ้าไม่เจตนาก็ไม่บาป(ผิด)


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 เม.ย. 15, 16:42
 :D


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 27 เม.ย. 15, 10:46
ที่เจ้าตัวเขาออกปากว่า ตัวเขาผิดในทางศีลธรรม แต่ในทางกฎหมายจะผิดหรือไม่ขึ้นกับคำตัดสินของศาล ผมก็เห็นด้วยกับเขานะครับ

ในทางศีลธรรมเจ้าตัวอาจรู้สึกผิดตรงที่ ตนเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการอันโหดร้าย แล้วมีช่วงเวลาหนึ่งที่จิตใจของตนดูเหมือนจะรับได้กับเรื่องโหดร้ายนั้น เมื่อมาถึงวันนี้ ตนจึงรู้สึกว่าเป็นเรื่องผิด

ส่วนเรื่องในทางกฎหมาย เนื่องจากผมไม่ทราบว่า การฟ้องคุณปู่คนนี้ ฟ้องโดยอาศัยกฎหมายใด และกฎหมายนั้นมีองค์ประกอบความผิดอย่างไร จึงไม่รู้จะคาดเดาผลอย่างไร หากกฎหมายบัญยัติเพียงว่า "มีส่วนเกี่ยวข้อง" เช่นนี้ คุณปู่คงไม่รอด แต่ถ้าบัญญัติไว้ถึงขนาดว่า ต้องเป็นผู้ลงมือทำด้วย คุณปู่ก็อาจจะรอดได้ ด้วยพยานหลักฐานเป็นอันรับกันว่า คุณปู่ทำงานบัญชีเท่านั้น

ส่วนเรื่องความดีหรือไม่ดีนั้น ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งว่า บางครั้ง ความดี-ไม่ดี ก็อยู่ในคนๆเดียวกันได้ การพิจารณาว่าเรื่องใดเป็นเรื่องดีหรือไม่ จึงต้องพิจารณาจากหลักฐานและข้อเท็จจริงเป็นเรื่องๆไป ไม่ใช่ว่า หากผู้กระทำเป็นคนๆนี้ (ซึ่งเป็นคนที่ฉันรัก) เสียแล้วละก็ ทุกเรื่องต้องเป็นเรื่องดีหมด (เพราะเขาเป้นคนดี) แต่ถ้าเป็นการกระทำโดยคนๆนี้ (ซึ่งฉันเกลียด) ทุกเรื่องที่เขาทำย่อมเลวหมด (เพราะเขาเป็นคนเลว) ฯลฯ ซึ่งทุกวันนี้เวลาดูข่าวการเมือง ก็เหมือนว่าจะวิเคราะห์กันด้วยหลักนี้แหละครับ 


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 27 เม.ย. 15, 11:02
         อีกหนึ่งแนวคิดพิจารณาทางธรรม คือ การตีความการกระทำผิดศีล ซึ่งได้แก่ ศีลขาด หรือ ทะลุ,
ด่างพร้อย หรือเศร้าหมอง
         เช่นกัน, หลักสำคัญของศีล คือ เจตนาที่จะล่วงศีลข้อนั้น ถ้าไม่มีเจตนาที่จะล่วง ศีลก็ไม่ขาด,
ไม่เศร้าหมอง(แม้ว่าจะผิดกฎหมายบ้านเมืองก็ตาม เช่น ทำปืนลั่นโดนคนตาย)

          ในกรณีของปู่คือ ศีลข้อแรก ปาณาติปาตา เวรมณี เว้นขาดการฆ่าสัตว์
          แยกส่วนประกอบตามลำดับได้เป็น 1.สัตว์มีชีวิต(ทั้งมนุษย์และเดรัจฉาน) 2.รู้อยู่ว่าสัตว์มีชีวิต
3.จิตคิดจะฆ่า 4.พยายามที่จะฆ่า และ 5.สัตว์ตายด้วยความพยายามนั้น

          สำหรับปู่แล้ว ข้อ 1,2 นั้นใช่ ส่วนข้อ  4 นั้นปู่ไม่ได้ลงมือจนทำให้เกิดผลในข้อ 5 สัตว์ตาย
หากจะมีส่วนบ้างก็ในทางอ้อม และสุดท้ายแต่สำคัญคือข้อ 3 จิตคิดจะฆ่า ซึ่งก็ไม่รู้ว่าปู่คิดเห็นมีเจตนาอย่างไร
ปู่ไม่เห็นด้วยกับการฆ่าแบบโหดร้ายทว่าปู่ก็เห็นด้วยกับการฆ่าชาวยิวแค่ไหน ไม่ว่าปู่จะคิดอย่างไร ในเมื่อ
ปู่ไม่ได้ลงมือข้อ 4 ดังนั้นจึงพอจะสรุปได้ว่าปู่ไม่ได้ศีลขาด(แต่ด่างพร้อย)


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 27 เม.ย. 15, 11:04
และ หลังจากที่คุณยาย Eva ผู้รอดจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ได้มาพบกับคุณปู่แล้ว(คห. 13)
คุณยายได้เขียนลงในบล็อก(ตัดมาบางส่วน) ว่า


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 เม.ย. 15, 11:22
         อีกหนึ่งแนวคิดพิจารณาทางธรรม คือ การตีความการกระทำผิดศีล ซึ่งได้แก่ ศีลขาด หรือ ทะลุ,
ด่างพร้อย หรือเศร้าหมอง
         เช่นกัน, หลักสำคัญของศีล คือ เจตนาที่จะล่วงศีลข้อนั้น ถ้าไม่มีเจตนาที่จะล่วง ศีลก็ไม่ขาด,
ไม่เศร้าหมอง(แม้ว่าจะผิดกฎหมายบ้านเมืองก็ตาม เช่น ทำปืนลั่นโดนคนตาย)

          ในกรณีของปู่คือ ศีลข้อแรก ปาณาติปาตา เวรมณี เว้นขาดการฆ่าสัตว์
          แยกส่วนประกอบตามลำดับได้เป็น 1.สัตว์มีชีวิต(ทั้งมนุษย์และเดรัจฉาน) 2.รู้อยู่ว่าสัตว์มีชีวิต
3.จิตคิดจะฆ่า 4.พยายามที่จะฆ่า และ 5.สัตว์ตายด้วยความพยายามนั้น

          สำหรับปู่แล้ว ข้อ 1,2 นั้นใช่ ส่วนข้อ  4 นั้นปู่ไม่ได้ลงมือจนทำให้เกิดผลในข้อ 5 สัตว์ตาย
หากจะมีส่วนบ้างก็ในทางอ้อม และสุดท้ายแต่สำคัญคือข้อ 3 จิตคิดจะฆ่า ซึ่งก็ไม่รู้ว่าปู่คิดเห็นมีเจตนาอย่างไร
ปู่ไม่เห็นด้วยกับการฆ่าแบบโหดร้ายทว่าปู่ก็เห็นด้วยกับการฆ่าชาวยิวแค่ไหน ไม่ว่าปู่จะคิดอย่างไร ในเมื่อ
ปู่ไม่ได้ลงมือข้อ 4 ดังนั้นจึงพอจะสรุปได้ว่าปู่ไม่ได้ศีลขาด(แต่ด่างพร้อย)

ในเรื่องศีลของพระพุทธศาสนา ให้ความสำคัญกับเจตนา
เช่นเดียวกับความผิดในคดีอาญา หากขาดซึ่งเจตนาในการกระทำ ย่อมถือว่าขาดองค์ประกอบสำคัญในการกระทำผิด

คดีนี้ คุณปู่ขาดเจตนาที่จะฆ่าคนตาย ไม่ว่าจะหนึ่งคน หรือหมื่นๆแสนๆคน  คุณปู่ย่อมไม่ผิดในฐานฆ่าคนตาย
แต่ คุณปู่ร่วมอยู่ในขบวนการที่จะนำคนไปฆ่า โดยรับรู้รับเห็น ถึงแม้จะไม่ชอบและพยายามเปลี่ยนงานแล้ว แต่เมื่อไม่สำเร็จก็จำต้องทำต่อไปจนชาชินในที่สุด ตรงนี้จะปฏิเสธอย่างไรว่าไม่มีเจตนาจะทำบัญชีนั้น ก็ฟังไม่ขึ้นแล้ว  คุณปู่จึงมีความผิดในฐานที่ร่วมกันฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตาย

ถึงโทษจะไม่สูงสุดเท่าคนที่สั่งฆ่า หรือคนที่ลงมือฆ่า แต่การร่วมกันฆ่ามิใช่โทษเล็กๆ หลังศาลพิพากษา คุณปู่คงติดคุกสักสิบปี แต่เพราะความชราใกล้จะร่วงหล่นอยู่แล้ว คุณปู่คงต้องตายในคุก


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 เม.ย. 15, 11:48
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 06 พ.ค. 15, 15:24
ในทำนองเดียวกันฟรานซ์ สแตนเกิล (Franz Stangl) ผู้บัญชาการค่ายทรีบลิงกา (Treblinka) ค่ายนรกที่อื้อฉาวเป็นอันดับสองรองจากเอาชวิตซ์ ก็หาใช่เป็นคนซาดิสต์วิปริตไม่ หากเป็นคนสุภาพ พูดเสียงเบา และอุทิศตัวให้แก่การงาน เช่นเดียวกับฮอสส์ งานคือความสุขและความภาคภูมิใจของเขา

ช่วงสองสามเดือนก่อนได้อ่านเรื่องของนาซี คิดว่าน่าสนใจมาเล่า แต่ยังยุ่งๆ อยู่เลยผลัดไว้ก่อนครับ  เป็นเรื่องของ Franz Stangl  ซึ่งผมว่าน่าสนใจ เพราะจากคนธรรมดาที่ไม่ได้มีพื้นฐานรุนแรง โชคชะตาและหน้าที่การงานชักนำให้ต้องไปเป็น ผบ ค่ายที่ใช้กำจัดยิวโดยเฉพาะ เป็นผบ ที่มีประสิทธิภาพด้วย ค่ายที่ฟรานซ์เป็น ผบ มีหน้าที่เดียวคือกำจัดยิว ไม่ใช่ค่ายแรงงาน  มีคำให้สำภาษณ์ของฟรานซ์ และวิธีที่ใช้รับมือกับหน้าที่ที่ต้องสังหารคนเป็นล้าน

ฟรานซ์เป็นภาพสะท้อนให้เห็นว่า คนธรรมดาแบบเราๆ สามารถกลายเป็นส่วนหนึ่งของปิศาจได้ง่ายแค่ไหน  หลังเมษาน่าจะได้เริ่มครับ

เริ่มได้แล้ว คุณประกอบ   8)


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 06 พ.ค. 15, 17:42
โดนทวงซะแล้ว...


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 14 พ.ค. 15, 11:43
คดีคุณทวดยังพิจารณาไม่เสร็จ พยานหลายปากยังอญุ่ในระหว่างให้การ   

แต่ข้อความของ มล. รุ่งอรุณที่ผมยกมาเป็นตัวอย่างความคิดของคนไทยจำนวนมากในความเห็นที่ 15  เมื่อวานมติชนเอาไปลงข่าว วันนี้สถานทูตอิสราเอลออกมาตอบโต้ ซึ่งผมมั่นใจว่าไม่สามารถเปลี่ยนอคติของคนไทยจำนวนไม่น้อยได้อยู่ดี 

https://www.facebook.com/IsraelinThailand (https://www.facebook.com/IsraelinThailand)


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 14 พ.ค. 15, 12:00
อ่านดูที่คุณชีมอน โรเด็ด เขียนก็เข้าใจความรู้สึกของท่าน แต่ตอนท้ายที่ท่านดึงเอาความเขลาของคน ๆ เดียว มาเป็นเรื่องของประเทศ ก็ดูไม่น่าจะสบายใจเท่าไร   :-X


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 14 พ.ค. 15, 16:20
ท่านทูตท่านเป็นเจ้าหน้าที่ของประเทศอิสราเอล โดยหน้าที่ท่านต้องปกป้องชื่อเสียงของประเทศของท่านอยู่แล้วครับ แต่อาจเป็นเพราะนี้เป็นจดหมายโต้ตอบสั้นๆ ท่านจึงไม่สามารถอธิบายในรายละเอียดได้ว่า “ความจริงในประวัติศาสตร์” ที่ท่านกล่าวถึงนั้น เป็นความจริงแท้ หรือความจริงจากมุมมองของใคร ถ้าบอกว่า ความจริงที่ว่านี้ คือความจริงจากมุมมองของชาวอิสราเอลเท่านั้น ผมก็คิดว่า นี่คือโฆษณาชวนเชื่ออย่างหนึ่งเช่นกันครับ

โดยส่วนตัว เป็นความจริงแท้แน่นอนที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า อดีตผู้นำนาซีเยอรมันท่านนั้น ได้ตัดสินใจทำสิ่งที่โหดร้ายลงไปมาก แต่เขาก็ยกฐานะประเทศของเขาจากประเทศที่ยับเยินเพราะแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1 ขึ้นมาเป็นมหาอำนาจที่สั่นคลอนยุโรปได้จริงๆ (หากเขาไม่ทำอะไรเกินตัวนัก ก็อาจชนะสงครามไปแล้ว) แสดงว่า เขาคงมีส่วนดีอยู่บ้าง แม้ว่าเมื่อชั่งน้ำหนักแล้ว ความดีที่เขาทำอาจเป็นเพียงส่วนน้อย ไม่เพียงพอที่จะกลบเรื่องเลวร้าย ในภาพรวมเขาก็ยังคงเป็นคนไม่ดีอยู่นั่นเอง แต่ถ้าหากจะมีผู้ยกเอาส่วนดีของเขาขึ้นมาวิเคราะห์ เหตุใดจะทำไม่ได้ แต่เรื่องในคราวนี้ นอกจากจะทำไม่ได้แล้ว ลามไปถึงว่า ใครหยิบยกขึ้นมาวิเคราะห์ก็ต้องถูกตำหนิด้วย โดยชาติที่ผูกขาดความคิดไว้ที่จุดๆเดียวคือ คนๆนี้เป็นคนชั่ว ทุกอย่างที่เขาทำก็ต้องชั่วหมด ห้ามทำอะไรที่ทำให้คนๆนี้ดูชั่วน้อยลงเป็นอันขาด ซึ่งถ้าเหตุผลมีเพียงเท่านี้  ผมมองเห็นแต่เพียงว่า คนวิจารณ์พูดผิดไปจากการโฆษณาชวนเชื่อที่ประเทศของเขาทำเอาไว้เท่านั้น 

แต่ถ้าจะมองว่า สิ่งนี้กระทบใจคนอิสราเอล ผมก็มองว่า สิ่งที่นาซีเยอรมัน กระทำต่อชาวยิวในคราวนั้น ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมานานแล้ว รัฐที่ชื่อว่า นาซีเยอรมัน ก็ไม่มีแล้ว และสมัยนั้นรัฐอิสราเอล ก็ยังไม่เกิด ชาวอิสราเอลจึงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น เจ้าคิดเจ้าแค้นถึงขนาดห้ามชาวโลกพูดถึงนาซีเยอรมันอีกต่อไปแล้ว

อุปมาเหมือนกับที่เราพยายามสอนคนรุ่นใหม่ว่า สงครามไทย-พม่าในอดีตนั้น ไม่ใช่สงครามระหว่างรัฐไทย และรัฐเมียนมาร์ มาถึงวันนี้เราก็เริ่มสอนให้คนไทยเลิกเกลียดชังคนเมียนมาร์แล้ว หากจะแย้งว่า คนอิสราเอล ไม่ได้เกลียดชังคนเยอรมัน แต่เกลียดชังนาซีเยอรมัน เช่นนี้ เราจะอ้างบ้างได้หรือไม่ ว่า คนไทยก็เกลียดชังคนอังวะ ไม่ใช่คนเมียนมาร์ ฉะนั้น หากมีนักวิชาการชาวอิสราเอลคนหนึ่ง เขียนยกย่อง พระเจ้าอลองพญา หรือพระเจ้ามังระ หรือแม้แต่เนเมียวสีหบดี หรือมังมหานรธา ขึ้นมาบ้าง ทูตไทยประจำอิสราเอล ต้องเขียนจดหมายตำหนินักวิชาการชาวอิสราเอลคนนั้นหรือไม่ครับ 


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 14 พ.ค. 15, 17:14
เข้าใจว่านี่อาจเป็นประเด็นหนึ่งที่คุณ Naris ข้องใจ ในฐานะที่ศึกษาประวัติศาสตร์ช่วงเวลาหลังเยอรมันแพ้สงครามและฮิตเลอร์มาบ้าง เลยน่าจะพอขยายความเพิ่มเติมได้บ้าง


อย่างแรกคือ อะไรคือความจริงในประวัติศาสตร์  ฮิตเลอร์สั่งการให้สังหารชาวยิวจริงหรือ? คำถามนี้คงไม่ต้องหาคำตอบ แต่ขนาดมีหลักฐานชัดเจนขนาดนี้ ก็ยังมีคนมากมาย รวมทั้งคนไทย ยังมาดื้อตาใสบอกว่าเป็นเรื่องโกหก มโนไปว่าเป็นการใส่ร้ายหรือทฤษฎีสมคบคิดจากผู้ชนะสงคราม ซึ่งสำหรับผมคนที่พูดเช่นนี้โง่แบบสุดๆ เพราะมีแต่อคติบดบัง เป็นความไร้ปัญญาในการคิด พิจารณา ใช้เหตุผล ไม่เกี่ยวกับการศึกษาเลย เพราะต่อให้มีการศึกษา แต่ถ้าเต็มไปด้วยอคติ ก็จะคิดเช่นนี้ ทั้งที่ข้อมูลหลักฐานต่างๆ มีให้อ่านให้ดูจนตายก็ยังอ่านไม่หมด


อย่างที่สอง ฮิตเลอร์ฟื้นฟูเยอรมัน จริงๆ แล้วต่อให้ไม่มีฮิตเลอร์ เยอรมันก็ฟื้นตัวอยู่ดี  ปี 1933 เป็นช่วงที่ทั่วโลกเริ่มฟื้นตัวจากเศรษฐกิจตกต่ำแล้ว  สิ่งที่ฮิตเลอร์ทำคือการปลุกกระแสชาตินิยมที่มันรุนแรงอยู่ในยุโรปอยู่แล้ว ให้แรงมากขึ้น และมุ่งเน้นไปทางการทหารสะสมอาวุธ ขยายดินแดนแสวงหาทรัพยากร มีการก่อสร้าง  ซึ่งแน่นอนว่าทำให้มีกิจกรรมต่างๆ ในชาติมากขึ้น และเป็นการเพิ่มงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วย แต่สุดท้ายผลลัพธ์เป็นอย่างไรคงไม่ต้องถาม


ฮิตเลอร์ชั่วหรือไม่ ต้องคิดเพิ่มว่า เมื่อพูดถึงผู้นำ ไม่ว่าใครก็ตามจะมีด้านดีและด้านเลว ต่อให้ผู้นำที่เลวที่สุดก็ต้องมีผลงานหลงเหลือ ถ้าจะมองหาความดีในคนเลวแบบสุดๆ ย่อมหาได้ ไม่เชื่อลองลิสต์รายชื่อผู้นำเลวๆ มากี่คนก็ได้ ผมจะหาความดีของคนเหล่านั้นมาให้ดู  แต่เมื่อเทียงเคียงว่าผลงานความดีหรือความเลวมีมากกว่ากัน ก็ควรจะประเมินได้ว่าคนคนนั้นน่าจะจัดเป็นคนดีหรือเลว


สิ่งหนึ่งที่ทำให้การพูดถึงฮิตเลอร์ในแง่ดีเป็นอันตราย เพราะเชื้อชั่วที่ฮิตเลอร์หว่านทิ้งไว้คือการมองว่าชาติพันธุ์หนึ่งต่ำกว่าและสมควรฆ่าทิ้ง มันยังหลงเหลืออยู่ในระบบการคิดของคนรุ่นปัจจุบันจำนวนมาก ความขัดแย้งเรื่องเชื้อชาติตั้งแต่อดีตยังสะสมระอุมาจนถึงปัจจุบัน   ดังนั้นระบบการคิดแบบฮิตเลอร์ยังมีอันตรายมาก นั่นทำให้หลายๆ ที่โดยเฉพาะในยุโรปที่บอบช้ำจากน้ำมือฮิตเลอร์มากที่สุดต้องป้องกันระบบความคิดแบบฮิตเลอร์ และฮิตเลอร์เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของระบบความคิดความเชื่อแบบนี้ การบอกว่าฮิตเลอร์เลว ไม่ใช่โฆษณาชวนเชื่อในเพื่อทำลายชื่อเสียงของฮิตเลอร์


อิสราเอลเป็นประเทศของชาวยิว ดังนั้นเมื่อมีคนยกย่องคนที่ทำความเจ็บช้ำให้ชาวยิวมากที่สุดย่อมกระทบกระเทือนใจมากที่สุด ดังนั้นการออกมาตอบโต้แก้ข่าวเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ นี่ไม่ใช่การเจ้าคิดเจ้าแค้น ถ้าอิสราเอลปล่อยให้ใครอยากบอกยิวเลวสมควรตายฮิตเลอร์ยอด โดยเฉพาะคนที่ดูน่าเชื่อถือหรือมีผู้ติดตามมาก หรือเมื่อเป็นข่าว  ก็เสมือนปล่อยให้อคติเหล่านี้ขยายตัว ถ้าไม่ให้สถานทูตอิสราเอลออกมาพูด จะให้ใครพูดถึงจะเป็นที่รับรู้ในวงกว้างได้ ผมเองยังพูดวิจารณ์ก่อนสถานทูตอิสราเอลเกือบเดือนแล้ว แต่จะมีซักกี่คนได้อ่านหรือเห็นด้วย ทุกวันนี้ชาวยิวยังเป็นตัวร้ายในสายตาของโลกอยู่เลย เป็นตัวร้ายแบบเหมารวมทั้งชาติพันธุ์


อุปมาและตัวอย่างที่คุณ Naris ยกมานั้น โดยเฉพาะเรื่องกษัตริย์พม่าเหล่านั้น เอามาใช้กับกรณีฮิตเลอร์ไม่ได้ ผลกระทบของการกระทำมันต่างกัน ระยะเวลาที่เกิดขึ้นก็ต่างกัน  และบุคคลเหล่านั้นไม่ได้มีนโยบายเหี้ยมโหดขนาดฮิตเลอร์ การรุกรานในอดีตเป็นค่านิยมของกษัตริย์ในยุคนั้น กษัตริย์นักรบไทยที่เรายกย่องกันยังโหดเหี้ยมมากกว่าก็มี เช่นการเผาฝีพายทีละหกพันคน หรือสั่งประหารชีวิตคนมากมาย 




กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 15 พ.ค. 15, 08:52
สื่อสมัยนี้ทำให้คนยุคใหม่มีความคิดเห็นที่อาจแตกต่างขนาดขาวเป็นดำ ดำเป็นขาว เพราะขาดจริยธรรมกำกับเช่่นเรื่องที่ออกมาจากปากครู  บางพวกไม่ชอบ เพราะคิดว่าการกำกับคือการจำกัด ห่วงอยู่แต่ว่าเสรีภาพไม่ควรถูกจำกัด

จริงอยู่ เสรีภาพในทางความคิดไม่สามารถจำกัดได้ แต่ในการแสดงออกทางวาจา หรือการกระทำ มีข้อจำกัดแน่นอน


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 15 พ.ค. 15, 11:34
ไม่ทราบว่าคุณประกอบเคยอ่านหรือยัง


Kornkit Disthan
การฆ่าที่ไม่มีอยู่จริง?

การปฏิเสธการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มีมาตั้งแต่ระหว่างสงครามยังคุกรุ่น แนวคิดนี้เรียกว่า Holocaust denial (การปฏิเสธฆ่าล้างเผ่าพันธุ์) แนวคิดร่วมกันของคนกลุ่มนี้ คือ "โฮโลคอสต์" (ฆ่าทั้งโคตรเหง้า) เป็นเรื่องเท็จ ปั้นแต่งขึ้นมาโดยชาวยิว และพวก "สมุนยิว" เพื่อหวังผลอะไรบางอย่าง เช่น ผลทางเศรษฐกิจ (เพื่อที่ยิวจะได้มีอภิสิทธิ์เหนือคนทั่วไปเพราะคะแนนสงสาร) หร...คือผลทางการเมือง (เพื่อที่ยิวจะได้ชิงแผ่นดินปาเลสไตน์มาครอง)

แน่นอนว่า หลังเหตุการณ์ฆ่าล้างโคตร ชาวยิวได้รับคะแนนสงสารมากมาย การเหยียดยิว (Antisemitism) เป็นสิ่งผิดกฎหมายพอๆ กับ Holocaust denial โดยเฉพาะในออสเตรีย และเยอรมนีที่โทษรุนแรงมาก (หากใครเคยไปเบอร์ลินจะรู้ว่าทั้งเมืองเต็มไปด้วยอนุสรณ์แห่งการสำนึกผิดในเหตุครั้งนั้น)

ใช่ว่าเราจะท้าทายโฮโลคอสต์ไม่ได้ เราสามารถทำได้ด้วยนำหลักฐานทางประวัติศาสตร์มาแย้งเรื่องรายละเอียด เช่น จำนวนผู้เสียชีวิตที่แท้จริง เจตนาแท้จริงของการทำเช่นนั้น และทำไมการยับยั้งเหตุร้ายจึงล่าช้านัก แต่เท่าที่เห็น ผู้เขียนพบแต่การท้าทายด้วยจินตนาการผสานอคติ และความชิงชังยิวเป็นทุนเดิม โดยหารู้ไม่ว่า นาซีไม่ได้ฆ่าแต่ยิว หากพวกโรม่า หรือยิปซี ก็ถูกล้างโคตรไปด้วย

แต่ไม่ใช่ปฏิเสธว่าไม่ได้เกิดขึ้น หรือใช้ทฤษฎีสมคบคิดอันเลื่อนลอยมาอ้าง เพราะมันเกิดขึ้นอยู่ตำตา ทั้งเจ้าของประเทศที่ลงมือฆ่าก็ยอมรับแบบน้ำตาตกในมาหลายสิบปี มิพักจะเอ่ยถึงผู้คุมค่ายนรกบางคนยังเดือดดาลที่บางคนปฏิเสธว่าการฆ่าหมู่ไม่มีอยู่จริง

ผู้เขียนเองเคยพบชาวยิวและไม่ค่อยพอใจอุปนิสัยใจคอของ "บางคน" นัก แต่ความจริงก็คือความจริง จะใช้ความชังความชอบมาบิดเบือนไม่ได้

ส่วนที่ว่าฮิตเลอร์เป็นยอดผู้นำหรือไม่? เรื่องนี้ตอบยาก เพราะเขามีทั้งความสำเร็จและล้มเหลว เช่น เขาอาจเป็นนักพูดที่ดี แต่เป็นนักยุทธศาสตร์ที่แย่ เป็นต้น แต่หากถามว่าเขาเป็นอาชญากรหรือไม่ คงตอบไม่ได้ไม่ยาก ส่วนหนึ่งเพราะเขาเป็นผู้แพ้ ส่วนหนึ่งเพราะเขาฆ่ายิวที่เป็นพลเรือนไม่ใช่ยิวเป็นที่ทหาร และเขาไม่ได้ประกาศสงครามกับ "รัฐยิว" การฆ่าจึงไม่ชอบธรรมตามหลักสงคราม และกฎหมายสากล

อย่างไรก็ตาม มีคำถามที่น่าสนใจก็คือ ผู้นำโลกหลายคนที่ฆ่ามนุษย์มากกว่าฮิตเลอร์ ไฉนจึงไม่ถูกตั้งข้อหาอาชญากรไปด้วย เช่น สตาลิน เหมาเจ๋อตง ซึ่งทั้ง 2 รายนี้ทำให้ประชาชนของตัวเองล้มตายไปถึง 20 ล้านคน และ 65 ล้านตามลำดับ

มีหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า The Black Book of Communism ว่าด้วยด้านมืดของประเทศคอมมิวนิสต์ ตีแผ่หลักฐานเชิงประจักษ์ ตัวเลขคนตาย ความล้มเหลวด้านนโยบายล้วนๆ ผู้เขียนชี้ว่า สตาลิน เหมาเจ๋อตง พลพต คิมอิลซอง ฯลฯ มีพฤติการณ์ไม่ต่างกับนาซี เพราะก่อให้เกิดการล้มตายของผู้คนหลายล้าน แต่ที่แย่กว่า คือคอมมิวสต์ฆ่าคนไปถึง 100 ล้าน ขณที่นาซีอยู่ที่ 25 ล้านคน

อย่างไรก็ตาม มีผู้แย้งว่า ความตายในโลกหลังม่านเหล็กไม่ใช่ "การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" (genocide) เหมือนกรณีฆ่าล้างโคตรยิว เพราะรายนั้นมุ่งกำจัดชนชาติ ศาสนาหนึ่งๆ ให้หมดสิ้นไปจากโลก ขณะที่สตาลินและเหมาเจ๋อตง ใช้กฎหมายและอำนาจเผด็จการกวาดล้างคนเห็นต่างแบบไม่เลือกเชื้อชาติ และทั้ง 2 ยังทำพลาดด้านนโยบาย ทำให้คนตายเป็นล้านๆ เช่นนโยบายก้าวกระโดดทางอุตสาหกรรม แต่ด้านกสิกรรมพินาศวอดวาย ขณะที่ฮิตเลอร์ไม่ได้พลาดด้านนโยบาย แต่ตั้งใจให้ตายในค่ายกักกัน "เฉพาะเชื้อชาติ" ซึ่งระบบคอมมิวนิสต์ "แทบ" ไม่มี เว้นแต่กรณีของเขมรแดง

กรณีของเหมาเจ๋อตงคนตายเป็นสิบๆ ล้าน แต่คนจีนก็ยังยกย่องกัน เพราะเหมาทำพลาดด้านนโยบายอย่างมหันต์ ไม่ได้ตั้งใจฆ่าให้หมดพันธุ์ และเป็น Negligent homicide หรือ การทำให้คนตายโดยประมาท แถมคนที่ผ่านสงครามกลางเมืองมาลืมตาอ้าปากในยุคเหมาก็มีหลายล้าน แม้ที่ตั้งใจจะฆ่าก็มีไม่น้อยเช่นกัน เช่น การเบียดเบียนทิเบตและซินเจียง ผู้เขียนคิดว่าเป็นความผิดพลาดด้านนโยบาย ซึ่ง หูเย่าปาง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน ก็เคยยอมรับความผิดพลาด และวิพากษ์เหมาไว้อย่างตรงไปตรงมา

ผิดแล้วก็ยอมรับผิดครับ เหมือนนายกฯ วิลลี บรานท์ ของเยอรมนีที่คุกเข่าไว้อาลัยหน้าอนุสรณ์ชุมชนยิวในกรุงวอซอ คนที่ตายไปแล้วจะได้ไม่ต้องตายซ้ำตายซากเพราะความมืดบอดทางประวัติศาสตร์

ภาพ - ชาวเยอรมันในเมืองบูเคนวาลด์ถูกทหารฝ่ายสัมพันธมิตรบังคับให้มาดูซากศพชาวยิวในค่ายกักกันหลังสงครามสิ้นสุดเพื่อให้เห็นกับตาว่า "ฟือเรอร์" ของพวกเขาเหี้ยมโหดกับคนเชื้อชาติหนึ่งเพียงใด ภาพนี้ถ่ายโดย มาร์กาเรต เบิร์ก-ไวต์ (Margaret Bourke-White) ช่างภาพหญิงชาวอเมริกันตีพิมพ์ในนิตยสาร LIFE ปี 1945 ในบทความที่มีคำบรรยายแสนจะสะท้านสะเทือนใจตรงกับภาพถ่ายนี้ว่า
Dead men will have indeed died in vain if live men refuse to look at them.” - (คนตายจะตายอย่างไร้ค่า หากเราไม่แยแสแลดูพวกเขา)
ไม่เฉพาะแต่คนยิวเท่านั้น แต่หมายถึงทุกเชื้อชาติที่เป็นเหยื่อของความบ้าคลั่ง


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 15 พ.ค. 15, 12:01
การฆ่าที่ไม่มีอยู่จริง?

เมื่อได้อ่านเรื่อง "กามนิต" เป็นครั้งแรก รู้สึกทึ่งในคำเทศนาของวาชศรพซึ่งบรรยายอรรถกถา "รหัสยลัทธิ" (http://www.dhammajak.net/book-other/-12-5.html) ให้แก่เหล่าโจร สอดคล้องกับหัวข้อเรื่องนี้จริงเจียว

"เพราะความว่างเปล่า" หมายความตามหลักแห่งเหตุผลคือว่าถ้าข้าพเจ้าตัดหัวคนหรือหัวสัตว์ ดาบของข้าพเจ้าฟันเข้าไปในระวางอนุปรมาณูอันแยกไม่ได้ เพราะอนุปรมาณูนี้มีลักษณะแยกไม่ได้โดยแท้ ดาบของข้าพเจ้าจึ่งไม่ได้ฟันอนุปรมาณู เพราะฉะนั้น ดาบที่ว่าฟันลงไป จึ่งเป็นฟันในที่ว่างเปล่าระวางอนุปรมาณู ก็ความว่างเปล่าใครเล่าจะเป็นผู้ทำอันตรายได้? เพราะการทำอันตรายในสิ่งที่ไม่มีก็เท่ากับไม่ได้ทำอันตรายในสิ่งไร ๆ ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่เอาดาบฟันลงไปในที่ว่างเปล่า จึ่งไม่ต้องรับผิดและจะรับเทวทัณฑ์ไม่ได้ ถ้าการฆ่ามนุษย์มีความจริงเป็นเช่นนี้แล้วไซร้ กรรมอย่างอื่นที่มนุษย์ลงทัณฑ์แก่กันเบากว่าการฆ่าคนจะมีความจริงอีกสักเพียงไร?

เรื่อง "เหตุผล" ก็มีด้วยประการฉะนี้


หากใครเชื่อว่าการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ไม่มีจริง ก็เป็นสาวก "รหัสยลัทธิ" นี้ โดยแท้  :o


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 15 พ.ค. 15, 13:22
คงไม่ได้มีสติปัญญาซับซ้อนขนาดนั้น คนพวกนี้เพียงแต่ปฏิเสธความจริง อาศัยเคยโกหกมาแต่เด็ก โตแล้วก็โกหก โกหกคนอื่นจนกระทั่งโกหกตนเอง พวกนี้มีเยอะ ผู้ร้ายที่ตำรวจจับได้คาหนังคาเขาก็ยังปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ได้ทำ
คนบางจำพวก ทั้งๆที่มีคลิ๊ปยืนยันก็ยังโกหกว่าตัดต่อ ฯลฯ ฯลฯ

มนุษย์ประเภทเดียวกันทั้งนั้น


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 15 พ.ค. 15, 13:36
บาง Comment ที่น่าสนใจ

Ekasit Lalitsuradej
 
ขอบคุณคุณ Kornkit Disthan ที่ได้นำเสนอประเด็นนี้ เป็นอีกประเด็นที่ประวัติศาสตร์โลกควรจะถูกชำระใหม่ ให้เข้าใจเรื่องของฮิตเลอร์และชาวยิวใหม่ เรื่องของฮิตเลอร์ ต้องเข้าใจเขาเลยว่า หากฮิตเลอร์ไม่ประกาศสงครามแล้ว คนเยอรมันอีกเป็นหลายล้านจะต้องอดตายเพราะประเทศมหาอำนาจในยุคนั้น ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ อเมริกา หรือ ฝรั่งเศส
ดั้งเดิมแล้วจิตใจของฮิตเลอร์เองไม่ได้มีความโหดร้าย แต่สิ่งแวดล้อมที่เป็นอยู่ ณ ขณะนั้นเป็นความจำเป็น หากเราไปอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับฮิตเลอร์แล้ว ไม่แน่ว่าเราอาจจะโหดร้ายกว่านั้นก็เป็นได้

ส่วนเรื่องเผ่าพันธุ์ยิวนั้น ก็มีความพยายามที่จะเข้าไปครอบงำในทุกส่วนของประเทศที่ตนได้เข้าไปอยู่ หลังจากที่ได้กระจัดกระจายไปหลายส่วนของโลก และมีความพยายามที่จะตั้งความเป็นชาติของตนเองขึ้นมา การสร้างเรื่องราวต่างๆ มากมาย เรื่องการโฆษณาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิวก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เผ่าพันธุ์ยิวดูเหมือนเป็นเผ่าพันธุ์ที่น่าสงสาร เพื่อให้มีเหตุในการตั้งรัฐประเทศได้
 
ในปัจจุบันวงการบันเทิงของ Hollywood เอง ก็มีอำนาจของคนยิวอยู่เบื้องหลัง การสร้างภาพยนตร์ต่างๆ คนยิวอเมริกันจะต้องมีบทบาทที่โดนทำร้าย โดนข่มเหง น่าสงสาร ด้วยต้องการสร้างให้เป็นภาพลักษณ์แบบนั้น ทั้งๆ ที่ก็มีชนชาติยิวบางส่วน ที่ทำร้ายชาติอื่นๆ ไม่น้อย  ยกตัวอย่างเช่นในดินแดนอิสราเอล และปาเลสไตน์ ที่คนชาวยิวเข้ายึดครองดินแดนจนคนพื้นที่ดั้งเดิมคือ ปาเลสไตน์แทบไม่มีที่เหลือให้อยู่อาศัย การฆ่าเด็กๆ ปาเลสไตน์โดยไร้ความเป็นมนุษย์ ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ตั้งประเทศอิสราเอลขึ้นมา แต่กลับไม่พูดถึงสิ่งนี้ เรื่องราวในพระคัมภีร์เก่าเอง ส่วนหนึ่งก็ถูกเรียบเรียงขึ้นใหม่ในช่วงที่ถูกบาบิโลนยึดครอง เพื่อสร้างความเป็นชาติพันธุ์ที่สูงส่ง และนำเอาเรื่องพระเจ้าองค์เดียวเข้ามาเพื่อรวมชนชาติ ดังนั้นที่จริงแล้ว ยิวเองก็เป็นหนึ่งในชนชาติที่มีพิษสงรอบตัวไม่น้อยทีเดียว ก็ไม่แน่ว่า ส่วนหนึ่งที่โลกใบนี้วุ่นวายมากๆ ก็อาจเนื่องด้วยแนวคิดของยิวที่คิดครอบครองโลกก็เป็นไปได้
(ต้องขอเรียนว่า ผมไม่มีความนิยมในอำนาจนิยมแบบฮิตเลอร์และมีความรังเกียจใดๆ กับชาวยิวเลย หากแต่มองไปตามสิ่งที่มันเป็นเท่านั้นครับ)


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 15 พ.ค. 15, 14:14
ผมอ่านความเห็นของคุณ Kornkit Disthan แล้วครับท่านอาจารย์ใหญ่กว่า โดยส่วนตัวก็ติดตามเพจคุณ Kornkit อยู่แล้ว ก็คงไม่มีประเด็นอะไร เพราะสิ่งที่คุณ Kornkit เขียนก็ไม่ต่างกับสิ่งที่ผมคิด

แต่ในความเห็นน่าสนใจที่ท่านอาจารย์ใหญ่กว่ายกมา ของคนชื่อ Ekasit Lalitsuradej นี่สิ ดูเผินๆ เหมือนจะมีเหตุผล  อ้างว่ามองไปตามสิ่งที่มันเป็น แต่ที่จริงเป็นภาพสะท้อนของคนที่ไม่รู้ ไม่ศึกษาประวัติศาสตร์ ใช้อคติแล้วก็มโนเอาตามที่ตัวเชื่อมา

ขอบคุณคุณ Kornkit Disthan ที่ได้นำเสนอประเด็นนี้ เป็นอีกประเด็นที่ประวัติศาสตร์โลกควรจะถูกชำระใหม่ ให้เข้าใจเรื่องของฮิตเลอร์และชาวยิวใหม่ เรื่องของฮิตเลอร์ ต้องเข้าใจเขาเลยว่า หากฮิตเลอร์ไม่ประกาศสงครามแล้ว คนเยอรมันอีกเป็นหลายล้านจะต้องอดตายเพราะประเทศมหาอำนาจในยุคนั้น ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ อเมริกา หรือ ฝรั่งเศส
ดั้งเดิมแล้วจิตใจของฮิตเลอร์เองไม่ได้มีความโหดร้าย แต่สิ่งแวดล้อมที่เป็นอยู่ ณ ขณะนั้นเป็นความจำเป็น หากเราไปอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับฮิตเลอร์แล้ว ไม่แน่ว่าเราอาจจะโหดร้ายกว่านั้นก็เป็นได้

นี่ก็เป็นการอ้างแบบดื้อๆ ว่าคนเยอรมันหลายล้านจะต้องอดตาย คือคนเขียนคิดเองมั่วเองล้วนๆ ไม่มีตัวเลขอ้างอิงใดๆ  ถ้าสนใจหาข้อมูลอีกนิด จะเห็นว่าปัญหาในยุโรปขณะนั้นไม่ใช่ความอดอยากขนาดอดตายกัน แต่เป็นปัญหาการว่างงานจากเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก  ปัญหาความขัดแย้งด้านชนชาติและการเมืองลัทธิต่างๆ ทั้งฟาสซิสต์ คอมมิวนิสต์ ลัทธิคลั่งชาติ  มีปัญหาการต้องชดใช้ค่าปฏิกรรมสงคราม ฯลฯ การอ้างว่าฮิตเลอร์ไม่ได้โหดร้าย เราเองในสถานการณ์เดียวกันอาจจะโหดกว่า เป็นการอ้างแบบดื้อๆ โดยไม่มีเหตุผลอะไรรองรับเลย นี่คือตรรกะที่คนที่ผมขอเรียนตรงๆ แบบไม่อ้อมค้อมว่าคนโง่แต่คิดว่าฉลาดมักจะชอบใช้


ส่วนเรื่องเผ่าพันธุ์ยิวนั้น ก็มีความพยายามที่จะเข้าไปครอบงำในทุกส่วนของประเทศที่ตนได้เข้าไปอยู่ หลังจากที่ได้กระจัดกระจายไปหลายส่วนของโลก และมีความพยายามที่จะตั้งความเป็นชาติของตนเองขึ้นมา การสร้างเรื่องราวต่างๆ มากมาย เรื่องการโฆษณาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิวก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เผ่าพันธุ์ยิวดูเหมือนเป็นเผ่าพันธุ์ที่น่าสงสาร เพื่อให้มีเหตุในการตั้งรัฐประเทศได้


นี่ก็เขียนแบบมโน ไม่ได้รู้ประวัติศาสตร์ยุโรปหรือบทบาทของยิวในยุโรปเลย  จริงๆ ปัญหาเดียวของคนยิวที่กระจายตัวไปที่อื่นคือการไม่หลอมรวมเข้ากับคนท้องที่ ยังคงยึดมั่นในขนบธรรมเนียมความเป็นยิวของตน ทำให้แปลกแยกกับคนท้องที่ ต่างกับคนจีนอพยพมาไทย  แต่คนยิวไปที่ไหน ก็ทำมาหากินเป็นปกติ ถ้าจะครอบงำประเทศที่ตนอยู่ เราคงได้เห็นคนยิวลุกฮือล้มราชวงศ์ยุโรปหรือตั้งตัวเป็นกษัตริย์กันเต็มไปหมดแล้ว  ประวัติศาสตร์ที่จริงคือ คนยิวถูกมองเป็นชนชั้นสองในทุกที่ที่ไปตั้งรกรากต่างหาก ครอบครองที่ดินก็ไม่ได้ เป็นขุนนางก็ไม่ได้ ก็เลยต้องทำมาค้าขายหรือเป็นช่างฝีมืออยู่ในเมืองเท่านั้น


ในปัจจุบันวงการบันเทิงของ Hollywood เอง ก็มีอำนาจของคนยิวอยู่เบื้องหลัง การสร้างภาพยนตร์ต่างๆ คนยิวอเมริกันจะต้องมีบทบาทที่โดนทำร้าย โดนข่มเหง น่าสงสาร ด้วยต้องการสร้างให้เป็นภาพลักษณ์แบบนั้น ทั้งๆ ที่ก็มีชนชาติยิวบางส่วน ที่ทำร้ายชาติอื่นๆ ไม่น้อย  ยกตัวอย่างเช่นในดินแดนอิสราเอล และปาเลสไตน์ ที่คนชาวยิวเข้ายึดครองดินแดนจนคนพื้นที่ดั้งเดิมคือ ปาเลสไตน์แทบไม่มีที่เหลือให้อยู่อาศัย การฆ่าเด็กๆ ปาเลสไตน์โดยไร้ความเป็นมนุษย์ ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ตั้งประเทศอิสราเอลขึ้นมา แต่กลับไม่พูดถึงสิ่งนี้ เรื่องราวในพระคัมภีร์เก่าเอง ส่วนหนึ่งก็ถูกเรียบเรียงขึ้นใหม่ในช่วงที่ถูกบาบิโลนยึดครอง เพื่อสร้างความเป็นชาติพันธุ์ที่สูงส่ง และนำเอาเรื่องพระเจ้าองค์เดียวเข้ามาเพื่อรวมชนชาติ ดังนั้นที่จริงแล้ว ยิวเองก็เป็นหนึ่งในชนชาติที่มีพิษสงรอบตัวไม่น้อยทีเดียว ก็ไม่แน่ว่า ส่วนหนึ่งที่โลกใบนี้วุ่นวายมากๆ ก็อาจเนื่องด้วยแนวคิดของยิวที่คิดครอบครองโลกก็เป็นไปได้
(ต้องขอเรียนว่า ผมไม่มีความนิยมในอำนาจนิยมแบบฮิตเลอร์และมีความรังเกียจใดๆ กับชาวยิวเลย หากแต่มองไปตามสิ่งที่มันเป็นเท่านั้นครับ)


นี่ก็เป็นเรื่องที่พูดกันมานานไอ้เรื่องฮอลลีวู้ดเนี่ย  ทำยังกับว่าเรื่องยิวโดนข่มเหงเป็นผลพวงจากโฆษณาชวนเชื่อของยิวไปซะงั้น  หรือแม้แต่เรื่องปาเลสไตน์  คือทั้งยิวเลวๆ ปาเลสไตน์เลวๆ ฆ่ากันไปมาก็มี  แต่ที่ดีๆ อยู่กันสันติก็มี สารคดีไทยก็เคยไปถ่ายมาให้ดู ยิวเป็นชนชาติที่มีพิษสงจริงหรือไม่ผมไม่ทราบ ผมมองว่าทุกชนชาติมีคนดีคนเลวเหมือนกันหมด ลักษณะเฉพาะที่ถูกหล่อหลอมจากวัฒนธรรมทำให้คนยิวไม่น่าพิศมัยนักในสายตาชาวโลก อะไรที่ดีทำเลวเราก็ต้องด่า อะไรที่ทำดีหรือจำเป็นเราก็ต้องเข้าใจ แต่อย่าเหมารวมไปหมดว่าเป็นยิวนี่มันขี้ฉ้อเสมอไป ผมเองยังไม่เคยสัมผัสคนยิวตัวเป็นๆ ซักคนไม่อาจตัดสินได้ว่ายิวเป็นยังไงมีพิษสงแค่ไหน   แต่ผมมองว่าตอนนี้ไทยมีพิษสงมากกว่า มากขนาดอยู่ ตปท หลังผ่านไป 1 ปีผมเข็ดจนไม่กล้าคบหาคนไทยอย่างสนิทสนมเลย  ต้องใช้เวลาทำความรู้จักมากๆ ถึงกล้าคบ เพราะเจอทั้งขี้โกง ขี้เอาเปรียบ เห็นแก่ตัว ขี้มโน ไร้เหตุผล ดักดาน ไม่เคารพกฏหมาย ฯลฯ


ส่วนตัวแล้วผมเชื่อว่า ความเห็นนี้โยเซฟ เกิบเบลส์กลับชาติมาเกิดเขียนเองมากกว่าครับ


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 15 พ.ค. 15, 14:15
อ้างถึง
หลบเงียบๆ นี่ทำให้กระทู้ยิ่งไปช้านะครับ ถ้ากระทู้คึกคักมีการแสดงความเห็น มีการถกกันด้วยเหตุผล แบบนั้นถึงจะไปเร็ว  ยิ่งถ้าดราม่ากันได้ จะไปเร็วสุดๆ เลย  ;D

เห็นว่าจขกม.นิยมดราม่า ซึ่งผมขอบาย แต่เอาดราม่าระดับนักวิชาการมาให้อ่านเพื่อประดับความรู้ความเข้าใจ

เปิดฉาก

Nattarin Max Rattanapiboon
การเขียนแบบนี้ผมขอพูดสั้นๆว่า ทุเรศ และความคิดไม่สมวัยนะครับ
รบกวนไปอ่านกฎหมายสากลที่อ้างมาใหม่นะครับ แล้วกรุณามาตอบผมด้วยว่าตรงไหนที่ฮิตเลอร์ไม่ใช่อาชญากร
แล้วเลิกซะกับการอ้างแบบไร้สติปัญญาอย่างผู้ชนะเขียนประวัติศาสตร์ เพราะมันเป็นการอ้างแบบไม่มี base อะไรเลย

Kornkit Disthan
อันนี้หมายถึงบทความผมหรืออย่างไรครับ?

Nattarin Max Rattanapiboon
ใช่ครับ


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 15 พ.ค. 15, 14:18

Kornkit Disthan
ก่อนอื่นผมไม่ได้แก้ต่างให้ฮิตเลอร์ จึงไม่ได้เขียนอย่างที่คุณว่า "ตรงไหนที่ฮิตเลอร์ไม่ใช่อาชญากร"? คุณอ่านดีๆ และชี้ให้ชัดๆ ด้วยว่า ตรงไหนที่เป็นการ "อ้างแบบไม่มี base อะไรเลย" จะได้เป็นการถกเถียงอย่างปัญญชาไม่ใช่อันธพาลมาต่อว่าคนอื่นๆ อย่างมืดบอดเช่นนี้

Nattarin Max Rattanapiboon
ผมว่าตัวคุณต่างหากนะครับที่มืดบอด ผมถามว่าคุณอ้างกฎหมายสากลนี้ ข้อไหนครับที่บอกว่าการไม่ประกาศสงครามกับรัฐ จึงไม่ใช่อาชญากร? แล้วศาลนูเรมเบิร์กนี้เคยอ่านไหมครับว่าเขาตัดสิน จนท.ระดับสูงนาซีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ยังไง?
แล้วกฎหมายว่าด้วยสงครามมันก็ครอบคลุมถึงกลุ่มบุคคลด้วยนะครับ ไม่ใช่แต่เพียงกับรัฐ
ถ้าการถกเถียงผมคือความมืดบอด ผมจะถือเป็นคำชมนะครับ
แล้วไม่มีปัญญาชนคนไหนที่ตอบว่าฮิตเลอร์ไม่ใช่อาชญากรหรอกครับ ผมหวังว่าความโง่เขลาเบาปัญญาคงจะไม่ส่งผ่านทางพันธุกรรมนะครับ

Nattarin Max Rattanapiboon
แล้วทีหลังก่อนจะอ้างกฎหมายสากล หรือ กฎหมายว่าด้วยสงคราม ขอให้ทำการบ้านมาดีๆ อย่าสักแต่เอามาพูด เพราะถ้าเอามาปกป้องคนสกปรกๆ มันก็จะสกปรกนะครับ

Kornkit Disthan
ผมบอกให้อ่านดีๆ อย่าใช้โทสะถ้าจะคุยกัน ถ้าคุณใช้ความกักขฬะมาด่าทอแล้วชวนคุยใครเขาจะไปคุยด้วย เฟซผมก้เหมือนบ้านผม คนมารยาทไม่ดีเข้ามาใครเขาจะรับ


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 15 พ.ค. 15, 14:19
Nattarin Max Rattanapiboon
ส่วนที่บอกว่สทำไมสตาลิน เหมาเจ๋อตง ไม่โดนข้อหาอาชญากรไปด้วย ขอให้ไปทบทวน คำว่า อาชญากรสงครามใหม่ นะครับ เพราะสมัยนั้นมันยังไม่มีศาลอาญาระหว่างประเทศ มีแต่ศาลเฉพาะกิจ และศาลที่นูเรมเบิร์ก เป็นศาลเฉพาะกิจที่มีขอบเขตพิจารณาคดีเฉพาะฝ่ายนาซีเยอรมัน ซึ่งต่อมาทำให้เกิดธรรมนูญกรุงโรม ที่ปัจจุบันนำคนขึ้นศาลในคดีอาชญากรรมต่อมนุษยชาติแล้วหลายคน

Kornkit Disthan
คุณขัดแย้่งเองแล้ว ตอนแรกก็บอกให้ไปอ้าง Nuremberg trials แต่ Nuremberg trials ตั้งมาตรฐานกฎหมายระหว่างประเทศขึ้นมาให่ม่หลังสงครามนะครับ กฎหมายระหว่างประเทศที่ใช้กันระหว่างสงครามของ League of Nations มันใช้ได้หรือ? คุณก็น่าจะรู้ดี


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 15 พ.ค. 15, 14:21
Nattarin Max Rattanapiboon
ผมอ่านจบก็แทบจะสำลักแล้วครับ ไอ้ตรงท่อนที่ "ฮิตเลอร์เป็นอาชญากรหรือไม่ คงตอบไม่ได้ไม่ยาก"
แล้วต้องแบบไหนล่ะครับถึงจะตอบได้ง่ายๆ แล้วคุณเองก็ยังสอดแทนกด้วยว่า ไม่พอใจกับนิสัยของยิว "บางคน" ซึ่งมันก็ถือเป็นการตั้งธงอคติไว้แล้วกับความเป็นยิว
และใน argument ผม ผมใส่ fact มาด้วย ถ้ากรุณาอ่านดีๆ ผมมานี่ตอนแรกก็ไม่อยากจะ comment อะไร แต่มันอดไม่ไจริงๆที่มีการเขียนแบบไร้ความรับผิดชอบ ขาด fact และเปรียบเทียบกับเรื่องที่มัน "คนละเรื่อง" กันทีเดียว แล้วหากแชร์ส่งต่อกันออกไป คนก็ได้รับข้อมูลผิดๆ และผมหวังว่าคุณจะเข้าใจ และอ่านมามห้เยอะกว่านี้เรื่อง อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ อาชญากรรมสงคราม มันมีนัยลึกซึ้งกว่าคำนิยามของ ผู้ชนะเขียนประวัติศาสตร์

Kornkit Disthan
ส่วนกรณีของ สตาลิน กับ เหมาเจ๋อตง คุณจะใช้หลักนิติศาสตร์อย่างเดียวไม่ได้ ในทางรัฐศาสตร์ใครจะจับสองคนนี่ขึ้นศาล แล้วเขารับรองศาลที่กรุงโรมหรือในตอนนั้น ที่สำคัญกรณีของทั้ง 2 ไม่ใช่สงคราม ไม่มีการประกาศสงคราม แต่เป็นความฉิบหายภายในรัฐ เพราะความผิดพลาดทางรัฐประศาสนศาสตร์

Kornkit Disthan
ที่ผมใช้คำว่า "ตามหลักสงคราม และกฎหมายสากล" เพราะอลุ่มอล่วยตามข้อมูล ตอนนั้น League of Nations ทำอะไรได้ คู่กรณีอักษะกับพันธมิตรมีข้อตกลงกันเองด้วยซ้ำเรื่องกติกาการรบ แต่มันแหกกติกาทั้งคู่ หลังสงครามจึงต้องเซต Nuremberg trials ขึ้นมาเป็นกฎหมายระหว่างประเทศเอาผิดอาชญากรสงคราม

Nattarin Max Rattanapiboon
League of natiobs มันล้มเหลวครับ กรุณาอย่าสับสน มันแทบไม่มีความศักดิ์สิทธิ์มานับแต่ก่อตั้งแล้ว การใช้ศาลนูเรมเบิร์กเป็นศาลเฉพาะกิจในการตัดสินคดี ก็เพื่อเป็นการวางบรรทัดฐานของการนิยามถึงอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ และอาชญากรรมสงคราม เป็ยการตั้งขึ้นใหม่ ไม่มีเค้าของ league of nations เลยแม้แต่นิดเดียว เพราะเป็นการร่วมกันจัดของฝ่ายสัมพันธมิตรครับ


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 15 พ.ค. 15, 14:22
Nattarin Max Rattanapiboon
แล้วศาลนูเรมเบิร์กนี่ก็ไม่ได้ใช้หลักในการจัดตั้ง league of nations อะไรเลย เพราะเดินตามอนุสัญญาเจนีวาปี 1864 กับ อนุสัญญากรุงเฮก 1899 และ 1907 เป็นหลักในการพิจารณา เกี่ยวกับฐานความผิดอาชญากรรมสงคราม ส่วนอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ศาลใช้หลักกฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศ customary laws มาพิจารณาเกี่ยวกับความผิดฐานอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ เพื่อมุ่งลงโทษอาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และฮิตเลอร์ก็มีสถานะเป็นอาชญากรสงครามตั้งแต่รุกรานแคว้นสุเดเต็นแลนด์ เพื่อยึดครองโปแลนด์แล้วครับ

Kornkit Disthan
ประเด็นอยู่ที่ Nuremberg trials นั่นแหละครับ ผมแยกประเด็นให้ก็แล้วกัน ถามว่า ฮิตเลอร์ผิดหรือไม่ ผิดแน่นอน โดยส่วนตัวผมไม่นิยมการฆ่า ไม่นิยมสงคราม - ส่วนกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ผมเขียนอย่างนั้นเพราะในระหว่างสงครามไม่มีกฎหมายระหว่างประเทศเลย กฎมาย สนธิสัญญา อนุสัญญาอะไรใช้ไม่ได้ทั้งสิ้น มีแต่หลังสงครามคือผลของ Nuremberg trials เท่านั้น ที่ผมเขียนว่า "ไม่ชอบธรรมตามหลักสงคราม และกฎหมายสากล" ผมหมายถึงกติกาการรบก่อนการสถาปนาสหประชาชาติ และอนุสัญญาเจนีวา แต่เอาเข้าจริง ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังอนุสัญญาเจนีวา ฮิตเลอร์ก็ผิดอยู่ดีในทางกฎหมายหรือจริยธรรม ปกติผมจะไม่ใช้รสนิยมส่วนตัวในงานเขียน แต่กรณีนี้ผมต้องบอกว่า ผมไม่ได้ชอบฮิตเลอร์ ไม่เคยคิดล้างคราบสกปรกให้


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 15 พ.ค. 15, 14:24
Nattarin Max Rattanapiboon
อันนี้ผมขอพูดเป็น fact นะครับ เพื่อให้การถกเถียงของเราหาจุดลงได้

1.สนธิสัญญาที่ใช้ตลอดสงครามโลกคือ อนุสัญญาเจนีวา กับ อนุสัญญากรุงเฮก แต่ฮิตเลอร์ฝ่าฝืนทั้งหมด และมันยังคงใช้อยู่ตลอดสงคราม อยู่ที่ว่าฝ่ายไหนเป็นภาคี หรือฝ่ายไหนฝ่าฝืน
2.ศาลนูเรมเบิร์กคือผลของการพยายามขยายความของอนุสัญญาทั้งสองฉบับเพื่อให้มีการ "บังคับ" ได้อย่างเป็นธรรม และเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาสามารถซักฟอกตัวเองได้ด้วย ผู้ที่ได้รับประโยชน์ก็มีหลายคนเช่น ออสการ์ ชินด์เลอร์
3.กติกาการรบ และหลักสงคราม ถือว่าการกระทำของฮิตเลอร์มีความผิด ซึ่งคุณก็เข้าใจดี แต่ผมสงสัยว่าทำไมถึงเขียนออกมาว่า "ฮิตเลอร์เป็นอาชญากรหรือไม่ คงตอบไม่ได้ไม่ยาก" ทั้งที่มันมีความผิดแล้ว เพียงแต่คำว่าอาชญากร มันไม่ได้ spacified ไว้ในตัวอนุสัญญาเท่านั้นเองว่าต้องใช้คำนี้กับกรณีแบบนี้
4.การแสดงออกทำนองว่า ไม่พอใจนิสัยของชาวยิวบางคน มันเป็นการตั้งธงอคติ ไว้ก่อนจะเขียน ซึ่งผมเข้าใจว่าเราอาจจะไปเจอกับคนไม่ดีมา ก็เลยรู้สึกไม่ดี แต่ผมไม่อยากให้เอาความรู้สึกส่วนตัว มาใส่ใน fact ให้คนอ่านที่มีหลายระดับอ่านแล้วอาจรู้สึกว่ามันเป็น fact จนพลอยกระโจนไปสนับสนุนฮิตเลอร์ไป
5.ผมเข้าใจว่าคุณอาจไม่ได้จบนิติศาสตร์มา แล้วอาจไม่ได้ศึกษากฎหมายระหว่างประเทศ จนถึงแก่น เลยอาจเข้าใจผิดไปได้บ้าง อันนี้ผมก็ต้องขออภัยไว้ด้วยที่อาจใช้วาจารุนแรงไปโดยไม่ได้อรรถาธิบายก่อน

ถ้าคุณยืนยันว่าไม่ได้ชื่นชอบฮิตเลอร์ ผมก็สบายใจ เพียงแต่อยากให้ทบทวนบาง บทบางตอนในความเห็นของคุณว่าควรมีการแก้ตรงไหน เสริมตรงไหน เพราะบางตอนผมอ่านแล้วมันเกินจะรับได้ อย่างตอนที่ว่า "ฮิตเลอร์เป็นอาชญากรหรือไม่ คงตอบไม่ได้ไม่ยาก"

สุดท้าย ผมขออภัยหากใช้วาจารุนแรงไปในการถกเถียง และขอให้เข้าใจว่าจรรยาบรรณในฐานะนักกฎหมายของผมถ้าเห็นจุดผิด มันอดที่จะแก้ไขให้ไม่ได้ ส่วนถ้าคุณอยากให้เฟสบุ๊คเหมือนเป็นบ้าน ไม่ใช่ที่สาธารณะ ก็ขออย่าได้ตั้ง public ไว้เลยครับ เพราะนั่นคือการเปิดประตูเชื้อเชิญแขกเข้าบ้าน

Kornkit Disthan
งานเขียนชิ้นนี้ไม่ใช่งานวิชาการ แต่พยายามจะเกาะหลักการให้มากที่สุด ผมเขียนเพื่อเสนอความคิดในทำนองคอลัมน์ มีข้อผิดพลาดในรายละเอียดแน่นอนและต้องมีการแสดงความเห็นและรสนิยมให้ชัด นี่เป็นข้อต่างของเรา ผมเองไม่ใช่นักวิชาการแต่ทำงานด้านสื่อจึงต้องเขียนไปในทางนี้ ซึงไม่ตรงกับวิธีการเขียนของท่าน แต่เจตนาก็เพื่อให้คนที่ไม่เข้าใจภาษาวิชาการได้่เข้าใจง่ายขึ้น หากผิดพลาดไปขอให้โปรดเข้าใจ ให้เข้าใจไว้ว่า ความจริงก็คือความจริง แต่วิธีการมองความจริงเราอาจต่างกัน


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 15 พ.ค. 15, 14:26
คุณป้า อารมณ์ดี
เห็นว่าถ้าคนชนะจะสั่งให้เขียนจากสีเทาให้เป็นสีดำเลยก็ทำใด้ อย่างนี้ถูกต้องใช่หรือเปล่าคะNattarin. Max

Kornkit Disthan
เรื่องเฟซบุคเราเข้าใจผิดบางอย่าง คือถึงแม้จะตั้ง public แต่ไม่ได้หมายความว่า ท่านที่เข้ามาส่องจะทำอะไรตามใจชอบได้ เฟซก็เหมือนบ้านเรา ผมเปิดห้องรับแขกรับไม่เลือก ไม่แบ่งแยก แต่มารยาทต้องมี โลกออนไลน์ขาดมารยาทมันจะนำไปสู่ความวุ่นวายอย่างที่เห็น เช่นเดียวกับ public space ใครก็เข้ามาได้ แต่ถ้าละเลงจนเละ นึกจะทำตามนิสัยตัวเองไม่แยแสคนอื่น มันจะน่าอยู่น่าเข้ามาหรือครับ

คุณป้า อารมณ์ดี
จริงค่ะ


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 15 พ.ค. 15, 14:29
Nattarin Max Rattanapiboon
ก็เหมือนกรณีหม่อมรุ่งคุณนั่นแหละครับ ท่านก็เปิดบ้านไว้เหมือนกัน เขียนแบบเดียวกันกับคุณ คนเข้ามาในบ้านเขาไม่ได้เข้ามาเพื่อทักทายอย่างเดียวหรอกครับ เขาเข้ามาต่อว่าก็มี ผมไม่ได้เข้ามาทักทายอะไร เพราะไม่รู้จักคุณเป็นการส่วนตัว เพียงแต่เข้ามาต่อว่าว่า "เขียนอะไรออกไป" เจตนายังไง เอาข้อมูลจากที่ไหนมาเขียน เอาอะไรมาอ้าง เพื่อให้คนที่ส่งต่อข้อความนี้ออกไปเขาเข้าใจในทางที่ถูกที่ควร เพราะตั้งแต่กรณีหม่อมรุ่งคุณ คนไทยก็ถูกมองในด้านลบมากขนาดไหนแล้ว เพราะคนในประเทศไม่น้อยก็ยังนิยมชมชอบคนแบบฮิตเลอร์อยู่เนืองๆ ผมจึงอยากให้ชี้แจง แสดงเจตนา ผมอยากเห็นความรับผิดชอบ มากกว่า เพราะตั้งแต่ถกกันมาผมใส่ fact มาด้วยตลอด ผมไม่ได้ยกเอาความเห็นตัวเองมาใส่ ผมมาเถียงในนี้ ผมก็รู้ว่าไม่มีทางชนะ เพราะลูกบ้านคุณหลายคนก็พร้อมจะเชื่อในสิ่งที่คุณพูด ต่อให้ผมจะเอาหนังสือมากางให้ดูก็ตาม นี่แหละครับผมถึงเข้ามาเถียงให้พิจารณา เพราะมีคนไม่น้อยที่พร้อมจะเชื่ออะไรโดยไม่โต้แย้ง

Kornkit Disthan
คุณต่อว่าได้ แต่ทำอย่างเป็นปัญญาชนหน่อยสิครับ ยิ่งคนไม่รู้จักกันมาด่าว่าทุเรศทุรังไม่มีสติปัญญาใครเขาจะคุยด้วย คุณเป็นนักกฎหมายจะถือกฎมายไม่ถือมารยาทมันเหมาะหรือ? ผมเองไม่มีลูกบ้าน ใครจะเห็นตรงเห็นต่างผมเข้าใจ แต่ขอให้คุยกันดีๆ เท่านั้นวิธีการเขียนของผมก็มี ผมยืนยันที่จะเขียนอย่างนี้ ทั้งมีข้อเท็จจริงและความเห็น งานเขียน งานวรณกรรมมันร้อยแปดพันประการ จะให้เขียนอย่างคุณปรารถนา คงเป็นไปไม่ได้ ที่สำคัญผมศึกษาข้อมูลไม่ได้เขียนลอยๆ แต่จากการสนทนาแสดงให้เห็นว่า วิธีวิทยาของเราต่างกัน คุณควรเข้าใจว่านิติศาสตร์กับนักรัฐศาสตร์มันลงรอยกันได้ยาก


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 15 พ.ค. 15, 14:31
Nattarin Max Rattanapiboon
ทุกวันนี้โลกโซเชี่ยลมีทั้งเรื่องจริง เรื่องเสริม เรื่องแต่ง สำหรับงานเขียนชิ้นนี้ของคุณผมมองว่ามันเป็นเรื่องเสริม คือมีข้อเท็จจริง แต่เสริมความคิด ความเข้าใจของตัวเองเข้าไป จนมันมีจุดที่ผิดหลายจุด และเท่าที่ถกกันมาคุณก็ยังไม่ได้ยก fact อะไรมาหักล้างผมได้นอกจากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ ผมก็ไม่ติดใจอะไร ถือว่าเป็นการให้ความรู้ไปในตัว เพราะง่นเขียนนี้อาจเป็นดาบสองคมมาเล่นงานคุณก็ได้

เรื่องของฮิตเลอร์ ยิว การฆ่าล้างเผาพันธุ์ การใส่ opinion เข้าไปต้องยืนอยู่บน fact ถ้ามันไม่ยืนอยู่บน fact ที่ถูกต้อง มันจะเป็นความเข้าใจที่ผิด เมื่อส่งต่อความเข้าใจที่ผิดออกไป คนที่รับสารต่อจากคุณก็เข้าใจผิดตามกันไป ผมจึงไม่อยากให้มีคนยัวเชื่อจริงๆว่าฮิตเลอร์ไม่ใช่อาชญากร ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ เพราะเขาไม่ใช่คนล้มเหลวหรือประสบความสำเร็จอะไรเลย เขาคือคนเป็นโรคจิต ที่ฉวยโอกาสจากความอ่อนแอของเยอรมันในจังหวะนั้นเท่านั้นเองครับ

Sarawut Pomasod
อาจารย์ พอเถอะครับบางทีบ้านของอาจารย์ก็คับเเคบไปเกินที่จะรับปัญญาชนระดับสูงได้ เอาเป็นว่าสติปัญญาน้อยนิดการศึกษาระดับกลางๆอย่างผม และคนหลากหลายอาชีพทั่วไป อ่านเข้าใจทั่นอาจารย์อธิบายมาทั้งหมดครับ คนที่แน่นด้วยตัวบทกฎหมาย ทั้งโปรยุโรปและโปรคอมมิวนิสต์ ควรไปชักธงรบในพั….ปครับ

Nattarin Max Rattanapiboon
เอาเป็นว่าผมน้อมรับผิดในความบกพร่องเรื่องมารยาทของผม เพราะเถียงกันต่อไปก็ไม่เป็นประโยชน์อะไร ตอนนี้ผมก็ทำหน้าที่อธิบาย ชี้แจง ข้อเท็จจริงที่ผมศึกษามาไปแล้ว แล้วก็ขอโทษคุณอีกครั้งที่ล่วงเกิน ผมหวังว่าจะได้เรียนรู้อะไรจากกันและกันในการถกเถียงนี้


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 15 พ.ค. 15, 14:35
บูรพาไม่แพ้ ตงฟางปู๋ป้าย
คนเรามีดีชั่วผสมกันนะผมว่าทั้ง ฮิตเลอร์ สตาลิน และเหมา หรือผู้นำคนอื่นๆ ต่างมีความดีงามและความสำเร็จที่ทำใว้ให้ชาติและต่างก็ได้กระทำสิ่งที่เลวร้ายต่อมนุษย์ชาติจนไม่อาจให้อภัย จุดที่สำคัญคือเราชนรุ่นหลังควรศึกษาเรื่องราวในชีวิตของพวกเค้าเพื่อสร้างโลกในยุคของเราให้ดีขึ้นและไม่ก้าวพลาดจนเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีก

Nattarin Max Rattanapiboon @Sarawut Pomasod
ผมไม่ได้โปรใครครับ อ่านพิจารณาดีๆ ผมนำเสนอข้อเท็จจริงล้วนๆ และไม่ต้องการการศึกษาสูงส่งก็เข้าใจได้ครับ

Kornkit Disthan
Nattarin Max Rattanapiboon ไม่มีปัญหาครับ เป็นการแลกเปลี่ยนความเห็นที่ดี เพียงแต่เริ่มอย่างร้อนแรงไปเท่านั้น ยินดีที่ได้แลกเปลี่ยนความเห็น

Shiro Sildanchan
ใจร่มๆครับ ขอบคุณทั้งสองท่าน การถกเถียงเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายครับ แต่ขึ้นต้นร้อนจี๊ดมากไป ถ้าไม่ร้อนเกินไป ผมเชื่อว่าการถกเถียงจะสนุกและเป็นประโยชน์ต่อไปแน่นอนครับ

Pop Krungthonburi
คือผมต้องเชื่อใช่มั้ยว่าฮิตเลอร์ผิดทั้งหมด และยิวเป็นผู้ถูกกระทำฝ่ายเดียว
ผมจะสงสัยบ้างได้มั้ยว่าเพราะอะไรอยู่ๆคนๆเดียว จึงลุกขึ้นมารวบรวมคนทั้งประเทศให้มาไล่ฆ่าคน และรุกรานไปทั่วยุโรป

ดราม่าจบ ผมก็ขอจบด้วยนะครับ ใครมีสติปัญญาจะเก็บเกี่ยวอะไรได้ก็สุดแล้วแต่ ห้ามไปเก็บขยะมาใส่สมองนะครับ



กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 15 พ.ค. 15, 14:37
ผมว่าลุง max แกอ่านไม่แตก ไม่เข้าใจบริบทของข้อเขียนทั้งหมด เข้าใจว่าคนเขียนโปรฮิตเลอร์ไป เลยยกเอาส่วนที่เป็นประเด็นปลีกย่อยในข้อเขียนมาจับผิดไป  นี่ก็อีกปัญหาที่เจอประจำเวลามีดราม่าครับ คือแทนที่จะมองทั้งภาพรวมว่าคนเขียนสื่ออะไร ดันเอาแค่บางส่วนหรือบางข้อความมาตีความแล้วประเด็นหลักเลยถูกเบี่ยงไปหมด   ;D  ;D  ;D


เอาดราม่ามากฝากท่านอาจารย์ใหญ่กว่า กระทู้นี้โดนแชร์ไปหกหมื่นครั้ง สร้างอคติและความเข้าใจผิดๆ ไปไม่รู้เท่าไหร่แล้ว

http://pantip.com/topic/31298046 (http://pantip.com/topic/31298046)


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 15 พ.ค. 15, 15:20
แหม เล่นชักรอกสองวิกเลยนะ ท่านด๊อกเตอร์

อยากเห็นชื่อหนังสือที่เวย์คุงใช้ในกระทู้นี้ มีกี่เล่มให้ช่วยระบุด้วย  เพราะเท่าที่ดูยังเป็นข้อมูลด้านเดียว ไม่ได้ฉายภาพรวมของเยอรมันในสภาวะช่วงใกล้จะแพ้สงครามโลกครั้งแรก ทำให้ง่ายที่จะชี้นำให้เข้าใจไปว่ายิวคือผู้อยู่เบื้องหลังความพ่ายแพ้ เอาแต่สร้างความร่ำรวยจากสงคราม และเป็นผู้ขับไล่ไกเซอร์จากบัลลังก์   

ในความเป็นจริงมีองค์ประกอบที่ซับซ้อนกว่านั้นมาก  เช่นลัทธิชาตินิยม  ความขัดแย้งระหว่างชนชาติต่างๆ ในยุโรป ความเหลื่อมล้ำไม่เท่าเทียมกันในสังคม  การถูกกดขี่ของชนชั้นแรงงาน  การแพร่กระจายแนวคิดแบบมากซิสต์และคอมมิวนิสต์  กระแสการปฏิวัติล้มสถาบันกษัตริย์ในประเทศต่างๆ ฯลฯ ซึ่งการจะเข้าใจภาพรวมเหล่านี้ ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ และมันสลับซับซ้อน  ทำให้คนจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะมองภาพง่ายๆ  โดยโทษอะไรซักอย่าง ก็เลยตกไปที่ยิว

 เวย์คุงใส่ความเห็นส่วนตัวเข้าไปมาก หลายอย่างเป็นความรู้สึก ไม่ใช่ข้อเท็จจริง  เช่นความเห็นที่ 88 เพราะเยอรมันไม่ได้มีบุญคุณอะไรกับไทยเลย ช่วงที่ลัทธิล่าอาณานิคมแพร่ขยายในช่วงรัชกาลที่ 5 เยอรมันหรือปรัสเซียไม่ได้ช่วยอะไรไทยทั้งนั้น    จนสมัยฮิตเลอร์ก่อสงคราม ไทยได้โอกาสที่ฝรั่งเศสย่ำแย่แพ้เยอรมัน เราจึงเรียกร้องดินแดนคืน และรบกับฝรั่งเศสที่กำลังอ่อนแกจนญี่ปุ่นมาไกล่เกลี่ย เราได้ดินแดนมาบางส่วน และสุดท้ายหลังสงคราม เราก็ต้องคืนดินแดนทั้งหมดอยู่ดี

 ผมไม่ได้อยากมายุ่งอะไรกับกระทู้ของเวย์คุง  แต่ในขณะที่ประเทศในยุโรปได้บทเรียนมาแล้วจากการปลูกฝังอคติและข้อผิดพลาดของตนมาก  แต่คนไทยจำนวนไม่น้อยไม่ได้พยายามเข้าใจบทเรียนนี้เลย  ความเห็นจำนวนมากในกระทู้นี้และก่อนหน้าทำให้ผมระอาใจ  ไม่ใช่เพราะความคิดต่าง แต่เพราะอคติเปี่ยมล้นที่แสดงออกมา  อยากจะบอกว่าการปลูกฝังความเกลียดคนยิวของฮิตเลอร์ น่าจะได้ผลที่สุดกับคนไทยนี่แหละ

 ผมไม่ได้ต้องการให้คนไทยรักยิว แต่สิ่งที่สำคัญคือเราต้องมองประวัติศาสตร์อย่างรอบด้าน  เรื่องราวความขัดแย้งต่างๆ มีที่มาที่ไปซับซ้อนกว่าจากแค่สาเหตุเดียว หรือเพราะชาติพันธุ์เดียว  กระทู้นี้เลียนแบบใช้สไตล์แบบของคุณเชษฐา แต่ความกว้าง การนำเสนอภาพรวมของเหตุการ   บอกเล่าปูพื้นที่มาที่ไป ฯลฯ ห่างชั้นกันมาก

 ผมะรอให้เวย์คุงเล่ากระทู้ให้จบก่อน แล้วจะค่อยเอาภาพรวมอื่นๆ ที่หาอ่านได้ไม่ยากถ้าตั้งใจจะหา  มาเสนอให้คนอ่านพิจารณากลั่นกรองกันเอง ไม่ต้องการให้มีกระทู้ในลักษณะที่ชี้นำ หรือออกไปในแนวพยายามหาความชอบธรรมให้พฤติกรรมของฮิตเลอร์ เพราะแค่ชื่อกระทู้นี้ก็เหมือนช่วยแก้ต่างให้ฮิตเลอร์แล้ว

ประกอบ


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 15 พ.ค. 15, 15:39
ส่วนตัวผมมองว่า ปัญหาในเรื่องนี้เกิดจากบทความตั้งต้น สื่อความหมายสองนัยครับ นัยแรกคือ “ฮิตเลอร์เป็นคนดี” ส่วนนัยที่สองคือ มีการกล่าวหาว่า “ชาวยิวเป็นคนไม่ดี” นี่แหละครับ ทำให้บทความของอาจารย์ท่านนั้นเป็นปัญหา เพราะท่านดันไปเสนอความเห็นแบบทำร้ายผู้อื่นอยู่ในบทความด้วย ถ้าท่านเขียนเฉพาะการวิเคราะห์บทบาทของฮิตเลอร์ในบางเรื่องแล้วไม่ด่าใคร เรื่องก็ไม่น่าจะไปไกลอย่างนี้

แต่เมื่อพิจารณาจดหมายของท่านทูตอิสราเอล ก็จะพบว่าจดหมายของท่านทูตก็สื่อความหมายแบบเดียวกัน นัยแรกคือ “ผู้เขียนบทความเป็นคนไม่ดี” (เพราะไม่ศึกษาให้ดีจึงวิจารณ์ประวัติศาสตร์ผิดพลาด) และนัยที่สอง ผู้เขียนบทความคือ ”ความน่าอับอายของชนชาติไทย” ด้วยความเคารพ ผมมองว่า จดหมายของท่านทูตก็แผงนัยทำร้ายผู้อื่นเช่นกัน หากบทความของอาจารย์ท่านนั้นควรถูกตำหนิ จดหมายของท่านทูตก็ต้องตำหนิด้วยครับ
 
ส่วนเรื่องการพูดถึงฮิตเลอร์ ผมมีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่ต่างออกไปเล็กน้อย คือ หากเรายอมรับว่า คนๆหนึ่งย่อมมีทั้งดีและชั่วในตัวเองแล้ว หากมีใครสักคนหนึ่ง หยิบยกด้านดีของคนๆนี้ขึ้นมาพูด ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องผิดอะไร (ผมยังคงแสดงจุดยืนว่า ผมมิได้มองว่าฮิตเลอร์เป็นคนดี หรือไม่ได้กระทำความผิด) และคนที่พูดก็ไม่ควรถูกตำหนิ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคนที่พูดไม่ได้แผงนัยที่จะทำร้ายใครเข้าไว้ด้วย เขาก็ควรมีสิทธิพูดได้ จะผูกขาดความคิดกันได้อย่างไร

ที่ผมยกตัวอย่าง ชาวอังวะ เหล่านั้น พระเจ้ามังระจะรุกรานกรุงศรีอยุธยาด้วยสาเหตุใดก็ตาม เหมือนหรือไม่เหมือนกับความคิดของฮิตเลอร์หรือไม่ Level โหดร้ายต่างกันกี่ลิตรกี่ทะนาน แม่ทัพอังวะ อย่างมังมหานรธาฆ่าทหารไทยไปกี่ศพ เทียบกับทหารนาซีแล้วใครมากกว่ากัน แล้วเขาเป็นแม่ทัพโรคจิตของอังวะหรือว่าเป็นข้าราชการที่ทำหน้าที่ ที่ราชสำนักอังวะมอบหมายให้ด้วยความซื่อตรง เทียบได้หรือไม่ได้กับทหาร SS หรือคุณปู่พระเอกของกระทู้นี้ ฯลฯ เหล่านี้ไม่ใช่ใจความสำคัญครับ แต่ใจความสำคัญที่ผมอยากนำเสนอคือ หากมีผู้นำเอาบุคคลที่ “คนไทย” หนึ่งไม่ชอบใจที่สุดคนหนึ่ง ขึ้นมาพูดถึงจุดดีของเขาบ้าง คนไทยนั้น จะต้องออกอาการเช่นท่านทูตอิสราเอลหรือไม่ พูดง่ายๆคือ ผมมองว่า ทูตอิสราเอล ทำเกินไปครับ
 
สำหรับประเด็นเรื่อง แนวคิดที่แสดงว่า ชาติพันธุ์ของตนเอง เหนือกว่าชาติพันธุ์อื่นนั้น อาจเป็นการแสดงความอ่อนด้อยของผมเองก็ได้ แต่ผมมองว่า แนวความคิดเช่นนี้ รังแต่จะสร้างความขัดแย้งและแตกแยก เป็นแนวความคิดที่พ้นสมัยแล้ว ประเทศไทยเราเอง ช่วงหนึ่งเราก็มีความคิดแบบนั้น ซึ่งส่งผลให้เรามีทัศนคติเหยียดประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ความสัมพันธ์ของเรากับประเทศเพื่อนบ้างไม่ค่อยสนิทกันเต็มที่อยู่จนถึงทุกวันนี้

แต่ถ้าจะถามว่า ปัจจุบันแนวคิดนี้ ยังคงหยังรากลึกอยู่ที่ไหน ด้วยความสุจริตใจนะครับ ผมมองว่า คนที่ต่อว่าเขานั้นแหละ รับแนวคิดนั้นมาเต็มๆ เลยครับ การอ้างว่า ชาติพันธ์ของตนมีสิทธิในดินแดนนี้ดียิ่งกว่าผู้อื่น เพราะชาติพันธ์นี้พระเจ้าทรงรัก จึงประทานดินแดนในพันธสัญญามาให้ ผมไม่ทราบจริงๆว่า หลักฐานในเรื่องนี้จะหามาจากที่ไหน ระดับผมก็ไม่มีความสามารถพอจะหาหลักฐานมายืนยันได้ด้วยสิครับ แต่ด้วยแนวคิดนี้ คนแถวนั้นจึงได้เกิดข้อพิพาทกับเพื่อนบ้านมากมายมาจนถึงปัจจุบันนี้ ไม่รู้ว่าผมมองถูกไหมนะครับ หรือไม่เหมือนกัน เพราะเขาไม่ได้ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ใคร แค่ยึดเอาทำเลดีๆไป แล้วตั้งกำแพงห้ามเข้าเท่านั้นเอง   


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 15 พ.ค. 15, 16:01
แหม เล่นชักรอกสองวิกเลยนะ ท่านด๊อกเตอร์

ผมเป็นแค่ด็อกไม่มีเตอร์มาเรียกผมด็อกเตอร์  แบบนี้มีเคือง  >:( >:( ไว้ต้องล้างแค้นกินปูกับไอ้ตัวข้างล่างด้วย เอาให้เจ้ามือล่มจมกันไปเลยถึงจะสาสม ;D


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 พ.ค. 15, 16:11
ไว้ต้องล้างแค้นกินปูกับไอ้ตัวข้างล่างด้วย เอาให้เจ้ามือล่มจมกันไปเลยถึงจะสาสม ;D

งานนี้ไม่เกี่ยวนะคะ  ด๊อกฯ
ไปล้างแค้นกับเจ้าอื่น


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 15 พ.ค. 15, 17:46
เล่นขู่กันถึงขนาดนี้ จะให้ยอมเรียกด๊อกก็ต้องยอม

ก็ดีเหมือนกัน ทุ่นไปแยะ


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 พ.ค. 15, 11:52
คดีคุณทวดยังพิจารณาไม่เสร็จ พยานหลายปากยังอญุ่ในระหว่างให้การ  

แต่ข้อความของ มล. รุ่งอรุณที่ผมยกมาเป็นตัวอย่างความคิดของคนไทยจำนวนมากในความเห็นที่ 15  เมื่อวานมติชนเอาไปลงข่าว วันนี้สถานทูตอิสราเอลออกมาตอบโต้ ซึ่งผมมั่นใจว่าไม่สามารถเปลี่ยนอคติของคนไทยจำนวนไม่น้อยได้อยู่ดี  

https://www.facebook.com/IsraelinThailand (https://www.facebook.com/IsraelinThailand)


หากต้องการทราบคำชี้แจงของคุณโจ้ โดยเฉพาะเรื่องของ "Zionist" สามารถอ่านได้ที่เฟซบุ๊กของเขา  

ภาษาอังกฤษ
https://www.facebook.com/roong.ml/posts/825418904174365:0 (https://www.facebook.com/roong.ml/posts/825418904174365:0)

ภาษาไทย
https://www.facebook.com/roongunaml/posts/1593020420955268:0 (https://www.facebook.com/roongunaml/posts/1593020420955268:0)

ผิดหรือถูก ยังไม่มีคำตัดสิน  ;D


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 28 พ.ค. 15, 13:11
ผมอ่านตั้งแต่เมื่อวานแล้วก็เห็นว่าจับแพะชนแกะเหมือนเดิม  อ้างถึงร็อคกี้เฟลเลอร์มากมาย แต่ร็อคกี้เฟลเลอร์ไม่ใช่ยิวไม่ยักกะบอก

คนอคติแรงแบบนี้ ใช้เหตุผลได้เฉพาะที่ตัวอยากเชื่อมีไม่เคยขาดในประวัติศาสตร์ทุกช่วงเวลาของมนุษย์ อยู่ที่ว่าจะไปเกิดที่ไหน ถ้าเกิดเป็นมุสลิมคงไปเป็นนักรบจิฮัดให้ IS  เกิดในพม่าเป็นยะไข่พุทธคงเป็นพวกไล่ฆ่าโรฮิงญา  เกิดในเยอรมันสมัยฮิตเลอร์คงเป็น SS เกินในรวันดาเป็นฮูตูสมัยพันธุฆาตคงเป็นพวกอินเตราฮัมเว เกิดเป็นทมิฬในสีลังกาคงเป็นมือระเบิดพลีชีพ   และถ้าเกิดเป็ยยิว ไม่พ้นเป็นยิวไซออนนิสต์แน่ๆ


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 28 พ.ค. 15, 18:32
ตามอ่านอยู่เงียบๆ ด้วยว่าเคยไปเห็นและเดินชมค่ายกักกันที่ไม่น้อยหน้าไปกว่า Auschwitz ในโปแลนด์ ผมไม่เคยไปชมค่ายที่โปแลนด์ แต่เคยไปชมค่ายที่ Mauthausen ใกล้ๆเมือง Linz ของออสเตรีย

อยากเห็นสภาพจริงๆสักครั้ง ก็กลายเป็นว่าต้องไปหลายครั้ง ครั้งแรกก็เดินตามเส้นทางเข้า-และเส้นทางขาออก ตามที่นายทหารผู้ควบคุมค่ายกล่าวต่อผู้ถูกนำตัวคุมขังว่า In here (มือชี้ที่ประตู) out there (มือชี้ที่ปล่องควัน)    ก็ได้เห็นด้วยความเศร้าใจเป็นอย่างยิ่ง ในครั้งต่อๆมาเลยเพียงแต่พาคนไปดูแต่ตนเองไม่ยอมเดินผ่านห้องใดๆทั้งสิ้น  เห็นทั้งโรงนอน ห้องอาบน้ำ/รมควัน แท่นปูน (เหมือนกับที่ใช้ในห้องดับจิตของโรงพยาบาลในสมัยก่อน) ที่เอาไว้เลาะของมีค่าจากศพ (แผ่นหนังที่มีรอยสัก, ฟันทอง ฯลฯ)  ห้องเตาเผาศพ แล้วก็หลุมฝังศพแบบ mass graves  แถมด้วยรูปถ่ายต่างๆที่นำมาแสดง (คัดภาพที่ไม่กระเทือนจิตใจมากนัก)

แคมป์นี้แต่เดิมเป็นคุก ถูกพัฒนาขึ้นมาเป็นค่ายกักกัน มีคนสังเวยชีวิตไปแถวๆ 300,000 คน เปิดเป็นแคมป์แรกๆ แต่ถูกค้นพบเป็นแคมป์หลังสุดหลังสงครามยุติ 


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 15 ก.ค. 15, 21:38
ในที่สุดคำตัดสินสำหรับคดีคุณปู่ออสการ์ก็ออกมาแล้ว

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่15ก.ค.ว่า นายออสการ์ โกรนนิง วัย94ปี ถูกศาลเยอรมนีตัดสินจำคุก4ปี ซึ่งมีความผิดฐานมีส่วนรู้เห็นกับการรมแก๊สฆาตกรรมชาวยิว300,000รายที่ค่ายกักกันเอาชวิตซ์ ที่โปแลนด์เมื่อปี2487

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม   ::)


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: Diwali ที่ 16 ก.ค. 15, 01:05
At last................








 :-\ :-\ :-\


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 16 ก.ค. 15, 09:39
พอมีรายละเอียดที่มากขึ้นไหมครับ ว่าเป็นความผิดตามกฎหมายใด และในคำพิพากษามีรายละเอียดเช่นไร เช่น มีการเพิ่มหรือลดโทษเพราะเหตุใดหรือไม่ จึงได้สรุปอัตราโทษที่ 4 ปีหนะครับ

ผมสันนิษฐานว่า ศาลคงมองว่าคุณปู่เป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิด ไม่ใช่เป็นตัวผู้กระทำความผิดเอง จึงได้รับโทษน้อยลง


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: นางมารน้อย ที่ 13 ก.ย. 16, 14:37
เห็นกระทู้ไม่มีการเคลื่อนไหวแล้ว แต่ยังมีคำถามสุดท้ายของคุณ Naris ค้างอยู่

สุดท้ายแล้วเวลานี้คุณปู่คงถูกจำคุกมาหนึ่งปีกับอีกเกือบๆ 2 เดือนแล้ว ไม่รู้ว่าป่านนี้คุณปู่ยังอยู่ดีหรือไม่หรือไปตามเวรกรรมที่ได้กระทำมาเข้าสู่การตัดสินครั้งสุดท้ายที่เที่ยงธรรมเสมอ

แต่สิ่งที่สงสัยคือ คดีแบบนี้ไม่มีอายุความใช่ไหมคะ จึงรื้อฟื้นมาฟ้องกันเอาเมื่อคุณปู่อยู่วัย 90กว่าเข้านี่แล้ว



กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ก.ย. 16, 16:11
จำเนื้อหากระทู้นี้ไม่ได้แล้ว ต้องย้อนไปอ่านใหม่
ตอบคำถามของคุณ Naris ค่ะ

Judge Franz Kompisch told Groening he was 'guilty of accessory to murder in 300,000 legally connected cases' of Jews sent to the gas chambers from May to July 1944.

He said Groening had willingly taken a 'safe desk job' in 'a machinery designed entirely for the killing of humans', a system that was 'inhumane and all but unbearable for the human psyche'

คือคุณปู่แกไม่ได้ลงมือสังหารเอง หรือเป็นหนึ่งในขบวนการสังหารชาวยิวสามแสนคนในค่าย     แต่แกก็มีส่วนรู้เห็นด้วยค่ะ


กระทู้: ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 27 ม.ค. 21, 14:36
๒๗ มกราคม ๒๕๖๔ ร่วมรำลึกถึงผู้เสียชีวิต ๑๗ ล้านคนที่ถูกสังหารอันเนื่องจากนโยบายล้างเผ่าพันธุ์ ของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ อดีตผู้นำเยอรมัน แห่งพรรคนาซี

วันเดียวกันนี้เมื่อ ๗๖ ปีก่อน ในพ.ศ. ๒๔๘๘ กองทัพแดงของสหภาพโซเวียตทำการปลดปล่อยค่ายเอาช์วิทซ์-เบียร์เคอเนา (Auschwitz-Birkenau) ค่ายกักกันของนาซีที่ใหญ่ที่สุด สหประชาชาติกำหนดให้เป็น "วันรำลึกถึงเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์สากล" (International Holocaust Remembrance Day)