เรือนไทย

General Category => ศิลปะวัฒนธรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: นกข. ที่ 26 พ.ย. 00, 07:00



กระทู้: คิดยังไงกับฉางกายครับ?
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 26 พ.ย. 00, 07:00
ใครจำ ฉางกาย ในเรื่องราชาธิราชได้มั่งครับ ฉางกายเป็นตัวละครที่ผมติดใจตัวหนึ่ง ทั้งๆ ที่โผล่ออกมาแป๊บเดียวก็ถูกประหารเสียแล้ว ผมว่าฉางกายเป็นตัวละครที่น่าสงสาร

ในที่นี้ผมสมมติว่าคุณอ่านราชาธิราชจนเจนจบเรียบร้อยแล้วนะครับ

ถ้าคุณเป็นฉางกาย กำลังขี่ช้างแตกหนีข้าศึกมาสองคนกับควาญช้างคู่ใจ เจอพระสนมเอกปีนหนีข้าศึกขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ ร้องเรียกว่า "ฉางกายเอ๋ย ช่วยเราด้วย"  คุณจะทำอย่างไร อย่าลืมว่าฉางกายเวอร์ชั่นนี้ (คือคุณ) อ่านราชาธิราชจนจบแล้วนะครับ
 
คุณจะเข้าไปช่วยพระสนม ด้วยมนุษยธรรม แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าจะถูกเข้าใจผิดอย่างไรต่อไปข้างหน้า แล้วในที่สุดก็ไปถูกประหารเพราะความระแวงของเจ้านาย ก้มหน้าตายไปอย่างข้าทหารผู้ภักดี อย่างในเวอร์ชั่นเดิม หรือคุณจะไสช้างหนี ไม่ช่วยพระสนมแล้ว (แต่ถ้าทหารคนอื่นไสช้างผ่านมาช่วยไปได้ คุณมีสิทธิถูกลงโทษนา) หรือคุณจะช่วย แล้วโดยที่รู้อยู่แล้วว่ายังไงๆ ก็ต้องถูกเจ้านายทรงพระระแวง ก็ปล้ำเสียจริงๆ เสียเลยแล้วกัน ก่อนเอาไปส่งคืน หรือคุณจะช่วยแล้ว แปรพักตร์ไปเข้าข้างอีกฝ่ายรู้แล้วรู้รอด พระเจ้าแผ่นดินอีกฝ่ายน่ะ ทรงรักข้าทหารยิ่งกว่าอิสตรีนะครับ สมิงพระรามลองใจไว้แล้ว หรือคุณจะช่วยเอาไปถวายคืนแล้วเผ่น หนีไปบวชเลย หรือ ...


กระทู้: คิดยังไงกับฉางกายครับ?
เริ่มกระทู้โดย: ทิด ที่ 23 พ.ย. 00, 03:13
ถ้าผมจำไม่ผิดรู้สึกว่าฉางกายจะมาถูกประหารเอาต่อมาหลังจากนั้นอีกระยะหนึ่งใช่ไหมครับ
เหมือนกับว่าพระสนมเอกไปตกใจอะไรเข้าจนเผลอร้องขึ้นมาว่า "ฉางกายเอ๋ย ช่วยเราด้วย"
จนทำให้ งานนี้ฉางกายเลยถูกหวยรางวัลที่หนึ่งเข้า...ซวยจริงๆ
...........................
ถ้าเป็นผมขอใช้วิธีช่วยมาที่ต้องช่วยเพราะว่าเห็นผู้หญิงอ้อนวอน เดือดร้อน หรือร้องไห้ทีไร
พาลจะหมดแรงเอาง่ายๆ เพราะฉะนั้นช่วยไว้ก่อน ปัญหาอื่นเอาไว้หาทางแก้กันทีหลัง
เมื่อช่วยเสร็จแล้วก็พาไปถวายคืน แล้วก็ลาบวช หลังจากนั้นรีบธุดงค์ไปไหนก็ได้ให้เร็วที่สุด
เพราะเห็นทีแผ่นดินนี้คงจะอยู่ไม่ได้อีกแล้วแม้จะเป็นพระก็ตาม ถ้ายังตัดทางโลกไม่ขาด
ก็ไปลาสิกขาเอาดาบหน้าดีกว่า...นี่หมายถึงในกรณีที่ยังอยากมีชีวิตเป็นปกติสุขอยู่นะครับ
.....................................................
ส่วนเรื่องปล้ำคงไม่ทำครับ เพราะถ้าทำลงไปแล้ว ไม่ว่าจะหน้าด้านแค่ไหนก็ไม่สามารถ
ยืดอกตอบผู้คน ตอบตัวเองได้เต็มปากเต็มคำ


กระทู้: คิดยังไงกับฉางกายครับ?
เริ่มกระทู้โดย: สาวอีสาน ที่ 23 พ.ย. 00, 22:29
คนที่ซวยที่สุดคงเป็นพระสนมนะคะ  ปลำ้ก็ตาย ไม่ปลำ้ก็ตาย  เฮ้อ น่าสงสารทั้งคู่ล่ะค่ะ  ไม่ทราบกษัตริย์มอญเป็นแบบนี้กันมากรึเปล่า  
ถึงได้เสียบ้านเสียเมืองไปให้พม่าไป


กระทู้: คิดยังไงกับฉางกายครับ?
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 23 พ.ย. 00, 23:28
เอ? พระสนมตามเรื่องเดิมไม่ถูกประหารนะครับ คือหลังจาก (พล่อยปาก) ทำให้คนตายไปคนหนึ่งแล้ว พระสนมก็ถูกลงโทษ แต่ดูเหมือนจะไม่ถึงตาย หรือผมจะจำผิด ?
แล้วกษัตริย์พระองค์นี้ที่เป็นเจ้านายฉางกายนี่ ผมก็คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นพม่านะครับ ไม่ใช่มอญ หรือผมจะจำผิดอีกก็ไม่รู้ เพราะเรื่องราชาธิราชนี่ มอญเป็นพระเอก พม่าเป็นผู้ร้าย ทำนองเดียวกับเรื่องสามก๊กที่ก๊กเล่าปี่เป็นพระเอกตลอดกาล และโจโฉก็ผู้ร้ายตลอดกาลเหมือนกัน


กระทู้: คิดยังไงกับฉางกายครับ?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 พ.ย. 00, 22:19
คิดตรงกับคุณทิดเลยไม่ตอบซ้ำนะคะ
แต่อยากจะบอกว่า ขอวิจารณ์เจ้านายฉางกายว่า เป็นผู้ยึดคำขวัญ The king can do no wrong จริงๆ ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม
ไม่มีราชาธิราชอยู่ใกล้ๆมือ เลยไม่แน่ใจว่าองค์นี้คือพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องหรือเปล่า


กระทู้: คิดยังไงกับฉางกายครับ?
เริ่มกระทู้โดย: แจ้ง ใบตอง ที่ 26 พ.ย. 00, 19:29
เคยอ่านราชาธิราชตอนเด็กๆ น่ะครับ ตอนนี้จำไม่ได้แล้ว แต่ก็กำลังหาหนังสือมาอ่านซ้ำอีกเที่ยว  ชอบสมิงพระรามตอนพุ่งทวนปลิดลูกตาลครับ อีกมือหนึ่งรับลูกตาล อีกมือหนึ่งรับทวน สุดยอดจริงๆ


กระทู้: คิดยังไงกับฉางกายครับ?
เริ่มกระทู้โดย: ผู้ไม่รู้ ที่ 02 ส.ค. 14, 12:36
ไล่อ่านผ่านมาหลายกระทู้ ใจหนึ่งยิกๆอยากจะตอบในหลายๆกระทู้ แต่ใจหนึ่งก็ปรามว่า เราเป็นผู้ไม่รู้ อย่าเสนอหน้าอวดรู้นักเลย ก็เลยปล่อยผ่านไป
แต่สำหรับกระทู้นี้ถามว่า ถ้าคุณเป็นฉางกาย คุณจะทำอย่างไร   ซึ่งเป็นคำถามในเรื่องความเห็น ไม่ใช่ความรู้  จึงขออนุญาตตอบตามความเห็นครับ

ก่อนอื่นขอยกวรรณคดีเรื่องราชาธิราช ในตอนฉางกายนี้ มาเพียงคร่าวๆ เพื่อประกอบในการพิจารณาสำหรับการลงความเห็นของผู้ไม่รู้

ฉางกาย เป็นนายกองผู้หนึ่งมาในทัพของพระเจ้ามนเทียรทอง เมื่อแตกหนีทัพมอญมานั้น ฉางกายขึ้นช้างจำลองเชือกหนึ่งหนีมากับนายช้าง 
ผ่านมาทางที่นางมังคะละเทวียืนอยู่  ฉางกายได้ยินเสียงเรียกหันไปเห็นจำได้ว่าเป็นพระมเหสีของเจ้าชีวิตก็ใจหาย พูดกับนายช้างว่า
"เพื่อนเอ๋ย บัดนี้มัจจุราชมาถึงเราแล้ว ถ้าเราไม่รับนางไป พระเจ้าอยู่หัวทรงทราบก็จะลงโทษประหารญาติพี่น้องของเราสิ้น แต่ถ้าเรารับ
เราก็จะตายเหมือนกัน แต่เราจะตายแต่ผู้เดียว"   นายช้างถามว่า "การที่ไม่รับนางนั้นเป็นความผิดต้องประหารทั้งโคตร ก็รู้อยู่ แต่ที่เพื่อนว่า
ถ้าเพื่อนรับนางไป เพื่อนจะถึงแก่ความตายนั้น เราสงสัยนัก เราเห็นว่าเพื่อนจะได้รับพระราชทานรางวัลล้นเหลือเสียอีก"  ฉางกายตอบว่า
"เพื่อนมองเห็นแต่ทางได้ ไม่นึกถึงทางเสีย เรารู้พระทัยเจ้าชีวิตของเราว่ามีความหึงหวงมาก ถ้าเราพาพระอัครมเหสีไปถวาย ก็คงเคลือบแคลง
ด้วยทางไกลหลายวันหลายคืนจึงจะถีงอังวะ ถ้าเกิดมีพระทัยรังเกียจขึ้นเมื่อใด ก็จะฆ่าเราเสียเมื่อนั้น  เพื่อนจงคอยดูไปเถิด"  นายช้างก็ว่า
"สุดแต่บุญแต่กรรมเถิดเพื่อนเอ๋ย เราทำความดีไว้ มนุษย์ไม่เล็งเห็น เทวดาก็คงเล็งเห็น"   ฉางกายตอบว่า "เพื่อนเอ๋ย ตายไปแล้ว เทวดาเห็น
จะมีประโยชน์อันใด"   แล้วฉางกายก็เชิญนางมังคะละเทวีขึ้นทรงช้างจำลองพาไป

จากบทสนทนาระหว่างฉางกายกับนายช้าง  มีข้อพิจารณาคือ ถ้าไม่รับนาง จะถูกประหารทั้งโคตร /ถ้ารับนาง จะถูกประหารแต่ผู้เดียว
ถ้าผมเป็นฉางกาย ผมคงทำเหมือนฉางกายในวรรณคดี  ส่วนเรื่องเมื่อรับนางมาส่งถวายคืนแล้ว ก็ลาบวชธุดงค์หนีไปนั้น คงไม่อาจกระทำได้
เนื่องจากต้องได้รับพระบรมราชานุญาตจึงจะบวชได้ และหากไปทูลลาบวชเช่นนั้นก็จะเป็นการเร่งวันประหารตัวให้เร็วขึ้น    อนึ่ง น้ำใจทหารนั้น
เมื่อได้ถือน้ำพิพัฒน์สัตยาแล้วก็เสมือนถวายชีวิตเป็นราชพลี ถือเอากษัตริย์เป็นเจ้าชีวิต การที่จะหนีให้พ้นจากเจ้าชีวิต ไม่มีอยู่ในความคิดของข้าทหาร




กระทู้: คิดยังไงกับฉางกายครับ?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ส.ค. 14, 16:01
ช่วยชีวิตพระมเหสีไว้   พาส่งถึงวัง  จากนั้น ออกอุบายว่าป่วยหนักขอลากลับไปตายที่บ้านเกิด    แล้วก็พาลูกเมียหายเข้ากลีบเมฆไป

"การที่จะหนีให้พ้นจากเจ้าชีวิต ไม่มีอยู่ในความคิดของข้าทหาร"  คงไม่จริงทุกราย ดูแต่สมิงพระราม เป็นลูกเขยกษัตริย์เสียด้วยซ้ำ ยังหนีไปเลยแค่อีกฝ่ายผิดสัญญาเพราะพลั้งปากคำเดียว   


กระทู้: คิดยังไงกับฉางกายครับ?
เริ่มกระทู้โดย: ผู้ไม่รู้ ที่ 02 ส.ค. 14, 20:10
ขอเรียนท่านด้วยความเคารพว่า

สมิงพระรามนั้นได้ถือน้ำพิพัฒน์สัตยาต่อสมเด็จพระเจ้าสีหราชาธิราช องค์กษัตริย์เจ้าแห่งกรุงหงสาวดี
เพราะฉะนั้น  ผู้ที่สมิงพระรามถือเป็นเจ้าชีวิตก็คือพระเจ้าราชาธิราช มิใช่พระเจ้ามนเทียรทอง กษัตริย์
แห่งกรุงรัตนะบุระอังวะแต่อย่างใด  และในความคิดจิตใจของสมิงพระรามนั้นก็คิดหวังแต่จะได้กลับไป
หาเจ้าชีวิตของตน  ดังความที่ปรากฏในวรรณคดีเรื่องราชาธิราช ตอนสมิงพระรามอาสา............... 

พระเจ้ากรุงต้าฉิ่งโปรดให้โจเปียวเป็นทูตถือสาส์นและเครื่องราชบรรณาการเข้าเฝ้าพระเจ้ามนเทียรทอง
ในสาส์นนั้นความว่า   ที่ยกทัพมานี้ปรารถนาจะเอากรุงรัตนะบุระอังวะเป็นเมืองออกอย่างหนึ่ง หรือหาก
พระเจ้ามนเทียรทองมีทหารเอกกล้าแกล้วจะส่งมาต่อสู้กับทหารเราตัวต่อตัวเอาบ้านเมืองเป็นเดิมพันกัน
ก็ได้  พระเจ้ามนเทียรทองมีดำริในข้อเสนอนี้อย่างใด ให้เร่งตอบโดยเร็ว

พระเจ้ามนเทียรทองนั้นทรงพระวิตกว่าจะรบกับทัพใหญ่ของพระเจ้ากรุงจีนเห็นสุดกำลัง มีทางพอจะแก้ไข
ได้คือหาคนที่มีฝีมือออกไปสู้กับทหารเอกฝ่ายโน้น  จึงให้คนออกป่าวประกาศ ก็ไม่มีผู้ใดหาญอาสาสู้กับ
กามะนี   เรื่องนี้โจษขานไปถึงในคุก  ซึ่งสมิงพระรามทหารเอกของพระเจ้าราชาธิราชต้องคุมขังอยู่ สมิง
พระรามจึงขออาสาโดยมีเงื่อนไขว่า หากสู้ชนะ ขอให้ตนพ้นโทษ ได้กลับคืนไปยังกรุงหงสาวดี.........

ดังนี้ เมื่อมีเหตุ สมิงพระรามจึงได้หนีกลับไปหาเจ้าชีวิตของตน.....ข่าวการกลับมาของสมิงพระรามอื้ออึง
ไปทั่วหงสาวดี   พระเจ้าราชาธิราชโปรดให้มีมหรสพสมโภชเจ็ดวันเจ็ดคืน และพระราชทานเครื่องอุปโภค
บริโภคให้เป็นอันมาก และให้ไปกินเมืองวาน.....

จริงอยู่ที่ท่านว่า "การที่จะหนีให้พ้นจากเจ้าชีวิต ไม่มีอยู่ในความคิดของข้าทหาร"  คงไม่จริงทุกราย  แต่
ข้าทหารที่ถือสัตย์มั่นคงต่อเจ้าชีวิตของตน  อย่างฉางกาย สมิงพระราม หรือทหารผู้ปรากฏชื่อในหนังสือ
ราชาธิราชไม่มีผู้ใดคิดหนีไปจากเจ้าชีวิตของตน ขนาดสมิงนครอินทร์ซึ่งตายไปแล้ว วิญญาณยังมารักษา
เจ้าชีวิตของตนคือพระเจ้าราชาธิราช จนพระเจ้าราชาธิราชโปรดให้หล่อรูปสมิงนครอินทร์ด้วยทองสัมฤทธิ์
ยกขึ้นตั้งไว้บนตำหนัก แล้วให้บวงสรวงพลีกรรมทุกวันมิได้ขาด

จึงเรียนมาด้วยความเคารพอย่างสูง


กระทู้: คิดยังไงกับฉางกายครับ?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ส.ค. 14, 20:37
ไม่ใช่มั้งค่ะ  คุณคงจำผิด   หรือไม่ก็จำได้ตอนปลาย แต่ข้ามรายละเอียดที่สำคัญตอนกลางๆไป

สมิงพระรามรบชนะแม่ทัพจีน แต่ไม่ได้หนีกลับไปหาพระเจ้าราชาธิราช   ก็ยังอยู่ในราชสำนักพระเจ้ามณเฑียรทองน่ะแหละ  พระเจ้ามณเฑียรทองออกอุบายผูกใจสมิงพระรามด้วยตำแหน่งมหาอุปราช บวกด้วยพระราชทานพระธิดาให้เป็นชายา    ตอนแรกสมิงพระรามไม่รับ    แต่พอเห็นหน้าพระธิดาที่ทรงโฉมงดงามก็ตกตะลึงไม่เป็นสมประดี    จากนั้นเมื่อพระเจ้ามณเฑียรทองออกปากยกให้เป็นครั้งที่สอง  สมิงพระรามก็ยอมโดยดี

ขอลอกจากหนังสือมาให้อ่านชัดๆ
" สมิงพระรามได้ฟังดังนั้นก็คิดว่า เรารับอาสาทำความชอบครั้งนี้  คิดจะแก้ตัวกลับไปเมือง   เมื่อพระเจ้ามณเฑียรทองมิทรงพระอนุญาตจะหน่วงเหนี่ยวไว้ฉะนี้   ครั้นเราจะหนีไปก็จะเสียสัตย์หาควรไม่    ทั้งนี้ก็ตามแต่วาสนา      เมื่อพระเจ้าอังวะจะโปรดพระราชทานพระราชธิดาแล้ว      เราก็จะอยู่ชมรสนางพม่าเสียก่อน   เผื่อจะมีโอชาหวานดีกว่ารสมอญกระมัง    ถ้าแม้นบุญยังจะกลับไปเมืองหงสาวดีได้โดยสัตย์"

จากนั้น สมิงพระรามก็ตั้งเงื่อนไขว่า

" ข้าพเจ้าจะยอมเป็นทหารอยู่กับพระองค์แล้ว   แต่จะขอรับพระราชทานความอนุญาตอยู่สองประการ  ประการหนึ่งห้ามมิให้คนทั้งปวงเรียกว่าเชลย    ถ้าผู้ใดมิฟังขืนเรียกข้าพเจ้าได้ยินแล้ว  ก็จะถวายบังคมลากลับไปหงสาวดี   ประการหนึ่งถ้ามีสงครามสมเด็จพระเจ้าราชาธิราชมาเมื่อใด   ข้าพเจ้ามิขอทำสงครามเข้าด้วยทั้งสองฝ่าย   แม้นมีสงครามกษัตริย์อื่นมา  ข้าพเจ้าจะขออาสาสู้รบจนกว่าสิ้นชีวิต"

ดูจากข้างบนนี้ จะว่าสมิงพระรามไม่คิดหนีจากพระเจ้าราชาธิราช สถานการณ์มันก็ไม่ใช่เช่นนั้น    เพราะตอนนั้นอยู่กันคนละเมืองอยู่แล้ว     จากเงื่อนไขข้างบนนี้   เขาก็ข้าสองเจ้าบ่าวสองนายดีๆนี่แหละ  


กระทู้: คิดยังไงกับฉางกายครับ?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ส.ค. 14, 20:50
       สมิงพระรามอยู่ในฐานะมหาอุปราชต่อมาจนมีลูกกับพระราชธิดาก็ไม่เห็นมีวี่แววว่าจะกลับไปหาพระเจ้าราชาธิราช     จนวันหนึ่งเกิด "อุบัติเหตุ"   พระเจ้ามณเฑียรทองพลั้งปากเย้าหลานตา เรียกว่า "ลูกอ้ายเชลยนี้กล้าหาญนัก   นานไปเห็นองอาจแทนมังรายกะยอฉะวาได้"   
       สมิงพระรามเห็นผิดคำสัตย์ที่ขอไว้  ก็น้อยใจ   เลยทิ้งลูกเมีย  ลอบหนีกลับไปหงสาวดี  ก็เป็นอันจบลงด้วยความผิดพลาดของพระเจ้ามณเฑียรทองเอง   ไม่ใช่เพราะสมิงพระรามหาหนทางหนีกลับไปจนได้

       มันก็น่าคิดว่าถ้าพระเจ้ามณเฑียรทองไม่เผลอจนตลอดชีวิต   สมิงพระรามก็คงจะอยู่ด้วยตลอดไป  เพราะไม่เห็นมีตอนไหนที่บอกว่า จะต้องดิ้นรนกลับไปหาพระเจ้าราชาธิราชจนสำเร็จ