เส้นทางการหนี ก็ดูไปก็ไม่ยากจนเกินไป และไม่ง่ายที่จะออกจากพระราชอาณาเขต
หากพายเรือในกลางคืนผ่านด่านมาได้ ข้ามสันดอนปากแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งคงเป็นเรือเล็กกินน้ำไม่ลึก ลัดเลาะเลียบชายฝั่งไปเรื่อย ๆ อย่างน้อย ๓ - ๔ วันคงพ้นพระราชอาณาจักรสยาม
ก็ภายใน ๓ วันหากไม่มีสัญญาณบอกให้รู้เรื่องก็คงเงียบหาย อีกทั้งเรื่องในวังคงยุ่ง ๆ กับเรื่องวังหน้า
เส้นทางเดินเรือในสมัยต้นรัชกาลที่ ๕ คงไม่ต่างจากสมัยต้นรัตนโกสินทร์นัก อ่านนิราศเมืองแกลง จะเห็นว่ากวีบ่นว่าเดินทางลำบากเจียนตาย แค่ออกจากกรุงเทพไปถึงระยองเท่านั้น
ดิฉันชักไม่ค่อยแน่ใจ ว่าม.จ.ฉวีวาดท่านออกเดินทางระยะเดียวกับเกิดวิกฤตวังหน้า ห่างกันแค่วันเดียวอย่างที่ท่านเล่าให้หลานชายฟัง เพราะเรื่องทั้งหมดฟังๆก็กลายเป็นโคมลอยใบใหญ่ๆหลายใบ เรียงกันเป็นแถว
ในรายงานที่สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ทรงมีถึงเสนาบดีมหาดไทย คือ สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอเจ้าฟ้ากรมหลวงลพบุรีราเมศร
กล่าวว่า "พอจะได้ยินชื่อหม่อมฉวีวาด บ้าง รุ่นสาวได้แต่งงานกับกรมหมื่นวรวัตรสุภาพร แล้วประพฤติตัวเสเพลหนีออกไปเขมร แล้วไปมีผัวอีก ปลายตกเป็นอนาถา
เจ้าปุกในเจ้าฟ้าอิศราพงศ์ ออกไปได้เป็นพระองค์อัครนารี ออกช่วยเงินส่งกลับเข้ามายังกรุงเทพ"
+++
๑. เจ้าปุก ได้รับการตกแต่งเป็นอัครนารี อย่างสมพระเกียรติ ไม่ใช่หนีตามกันไป
๒. "ประพฤติตัวเสเพลหนีออกไปเขมร" - ก็ไม่ได้เกริ่นอะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องหม้อหุงก๊าซระเบิดที่วังหลวง คำว่า "เสเพล" คืออะไรลองคิดพิจารณาดูกัน
คำว่าประพฤติตัวเสเพล สมเด็จกรมพระยาดำรงฯหมายความตื้นลึกอย่างไรก็ตามแต่ แต่ก็ชวนให้คิดต่อได้หลายประการคือ
1 ม.จ.ฉวีวาดทรงเลิกร้างจากกรมหมื่นวรวัฒน์สุภาพรแล้ว ก่อนเดินทางไปเขมร
2 ความประพฤติของท่าน ส่อนัยยะว่ามีชายอื่นเกี่ยวข้องด้วย
3 ชายนั้นไม่ใช่บุรุษสูงศักด์ในสังคมสยาม ที่ท่านจะเลิกจากพระสวามีเก่ามาอยู่ด้วยได้อย่างเปิดเผย
4 การเดินทางไปเขมรคือทางออก
5 ม.จ.ฉวีวาดไปเริ่มชีวิตใหม่ที่เขมร พระสวามีใหม่เป็นใครก็ตาม แต่ไม่ใช่สมเด็จเจ้านโรดม
6 มีการเลิกร้างกับชายคนนั้นอีก
7 มีบุตรชาย 1 คนซึ่งม.จ.ฉวีวาดให้อยู่ต่อในเขมรจนโต ไม่ทราบว่าเกิดจากสามีคนนี้ หรือเปล่า
8 ตัวท่านหญิงเองต้องอาศัยเงินช่วยเหลือจากหม่อมเจ้าหญิงปุก ซึ่งกลายเป็นเจ้านายฝ่ายในระดับสูงของเขมร จ่ายค่าเดินทางให้กลับมาสยาม
9 ไม่มีพระประสงค์จะเล่าเรื่องเหล่านี้ให้หลานชายของท่านทราบ