เรือนไทย

General Category => ระเบียงกวี => ข้อความที่เริ่มโดย: เทาชมพู ที่ 21 ก.พ. 11, 09:10



กระทู้: สักวา-อิเหนาตอนเผาเมือง โดย สุดสงวน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ก.พ. 11, 09:10
           เมื่อเวลาแดดร่มลมตกวันอาทิตย์ที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ณ วังสวนผักกาด ถนนศรีอยุธยา  กองทุนหม่อมราชวงศ์อายุมงคล โสณกุล ซึ่งก่อตั้งมาครบ ๒๕ ปีในปีนี้  ได้เรียนเชิญศาสตราจารย์ท่านผู้หญิงพูนทรัพย์ นพวงศ์ ณ อยุธยา มาเป็นประธาน ในการมอบรางวัลนักเขียนคอลัมน์ดีเด่นประจำปี ๒๕๕๓    ซึ่งได้แก่คุณวรนัยน์ วาณิชกะ คอลัมนิสต์แห่งบางกอกโพสต์
          ศ.ท่านผู้หญิงพูนทรัพย์ นพวงศ์ฯเป็นนิสิตอักษรศาสตร์ จุฬาฯ รุ่นแรก เป็นผู้ก่อตั้งคณะครุศาสตร์  คณบดีคนแรกของคณะ(คณบดีหญิงคนแรกของประเทศไทย) เป็นผู้เสนอรัฐบาลให้วันที่ ๒๙ กรกฎาคมเป็นวันภาษาไทยแห่งชาติ   ท่านอายุครบ ๑๐๐ ปี  เมื่อเดือนตุลาคม ๒๕๕๓


กระทู้: สักวา-อิเหนาตอนเผาเมือง โดย สุดสงวน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ก.พ. 11, 09:16
       คุณวรนัยน์เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนอนุบาลจุไรรัตน   (ที่ม.ร.ว.สุมาลยมงคล โสณกุล  เคยเป็นเจ้าของ-ผู้จัดการและอาจารย์ใหญ่  และเพิ่งทราบวันนั้นเอง) เคยศึกษาที่ส.ร.อ.ตั้งแต่อายุ ๑๒ ขวบ    สำเร็จปริญญาตรีด้านปรัชญา ประวัติศาสตร์และการเมืองจากมหาวิทยาลัยเท็กซัส หลังจากกลับมาสอนหนังสือที่เมืองไทย ๑ ปี ได้กลับไปทำปริญญาโททางด้านธุรกิจระหว่างประเทศ ที่กรุงลอนดอน ก่อนจะกลับมาทำงานสื่อมวลชน   และได้เขียนคอลัมน์ประจำในบางกอกโพสต์มาประมาณ ๓ ปี   (ในอดีต ม.ร.ว.อายุมงคล โสณกุล เคยเขียนคอลัมน์ประจำมาแล้ว    ทั้งภาษาอังกฤษในบางกอกโพสต์  บางกอกเวิลด์ เดอะเนชั่น และเดอะมอร์นิ่ง เอ๊กซเพรส  ส่วนภาษาไทยเขียนประจำในสยามรัฐสัปดาหวิจารณ์และนิตยสาร”นะคะ”
      ผู้สนใจเชิญชมได้ที่http://www.ayumong-sonakul.com ซึ่งเป็นเว็บบอร์ดทางวรรณกรรมแห่งแรกของประเทศไทย เพื่อพูดคุย สนทนาและศึกษาผลงานข้อเขียนทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษของเธอ)


กระทู้: สักวา-อิเหนาตอนเผาเมือง โดย สุดสงวน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ก.พ. 11, 09:16
      ม.ร.ว.สุมาลยมงคล โสณกุล (น้องสาวของม.ร.ว.อายุมงคล) ประธานกรรมการกองทุนฯประกาศเกียรติคุณตอนหนึ่งว่า
     “นายวรนัยน์ วาณิชกะ เขียนคอลัมน์ประจำฉบับวันอาทิตย์ ด้วยผลงานที่โดดเด่นทั้งเนื้อหาและลีลาการเขียน สามารถนำเหตุการณ์และปัญหาอันหลากหลายในสังคมปัจจุบัน  ไม่ว่าจะเป็นด้านสังคม การเมือง ค่านิยม ตลอดจนนำแนวความคิด ความเชื่อของคนไทย  มาวิเคราะห์วิพากษ์วิจาณ์ได้อย่างลึกซึ้ง  ด้วยมุมมองที่แปลกใหม่เฉพาะตัว พร้อมทั้งเสนอแนวทางแก้ไข  จุดเด่นอีกประการหนึ่งคือลีลาการใช้ภาษาอังกฤษที่คารมคมคาย  แฝงไว้ด้วยอารมณ์ขัน มีการเล่นคำ เล่นสำนวน ทำให้ข้อความเป็นทำนองเสียดสี  มีน้ำเสียงเป็นการยั่วล้อ  เพิ่มสีสันและอรรถรสให้แก่คอลัมน์  งานเขียนของนายวรนัยน์ วาณิชกะจึงมีคุณค่าและสามารถจุดประกายให้เกิดแสงสว่างในสังคมได้”


กระทู้: สักวา-อิเหนาตอนเผาเมือง โดย สุดสงวน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ก.พ. 11, 09:18
      หลังจากผู้รับรางวัลได้กล่าวความรู้สึกสั้นๆแล้ว  ก็เป็นแสดงการบอกสักวาของกวีจากสโมสรสยามวรรณศิลป์      ร่วมกับวงดนตรีไทยคณะดุริยประณีต ในความควบคุมของครูสืบศักดิ์ ดุริยประณีต  พร้อมนักร้องคือครูสุรางค์ ดุริยพันธุ์ ครูดวงเนตร ดุริยพันธุ์ (ทายาทของครูเหนี่ยว ดุริยพันธ์ ยอดนักร้องเพลงไทยเสียงอมตะในหัวใจคนไทย) ครูณรงค์ (แก้วอ่อน) รวมบรรเลง ครูกัญจนปกรณ์ แสดงหาญ  โดยม.ร.ว.อรฉัตร  ซองทอง ผอ.ศูนย์วัฒนธรรมมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์  ได้แนะนำตามที่แต่ละคนเขียนให้  แต่ผู้บันทึกขอนำมาเรียงลำดับตามอายุดังนี้
คนแรก
    “ชื่อประยอม ซองทอง ชอบกรองกลอน
จบอักษรฯ มาครึ่งศตวรรษกว่า 
เกษียณงานหลายที่หลายปีมา 
จึงรับว่าสักวาเป็นงานประจำ”(ปรบมือ) 

     ตามด้วยคนที่สอง
     “เขียนกลอนได้แต่ไม่ดังดั่งเพื่อนพ้อง
จึงจำต้องเขียนฝันเชิงหรรษา
ชื่อทิดก้อน อินคำ-คนธรรมดา 
ใครตั้งวงสักวาเรียกหาทุกที-
     คุณอำพล สุวรรณธาดาค่ะ”(ปรบมือ)

      คนที่สาม
      “เมื่อหกขวบเคยมารำระบำอวด (อธิบายว่า เมื่อห้าสิบสองปีที่ผ่านมา)
วันประสูติเด็จทวดกรมหลวง (อธิบายว่าคือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ  พระองค์เจ้านภาพรประภา  กรมหลวงทิพยรัตน์กิริฏกุลินี)   
พร้อมพี่เดพี่พิลาศเพื่อนทั้งปวง(คือม.ร.ว.เดือนเด่น กิติยากรและม.ร.ว.พิลาศลักษณ์ บุณยปาณะ)
น้องหนิงด้วยช่วยเป็นห่วงทวงวัยคืน (ม.ร.ว.สุมาลยมงคล โสณกุล ) 
คงไม่ต้องบอกว่าคนนี้ชื่ออะไรนะคะ”(ปรบมือ)
     
       คนที่สี่
“จบครุจุฬาภาษาไทย
 ไปสอนไกลถึงเกาหลีสิบปีกว่า
ปัจจุบันเขียนกลอนสอนวิชา
เกษียณมาเจ็ดปียังมีไฟ-
รศ.นภาลัย สุวรรณธาดา  อดีตผู้ช่วยอธิการบดี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ค่ะ”(ปรบมือ)


กระทู้: สักวา-อิเหนาตอนเผาเมือง โดย สุดสงวน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ก.พ. 11, 10:01
         คนที่ห้า
        “สระเอ-อยู่หน้าชื่อเอนก
เรียนจบเอกบริหารการศึกษา
แจ่มขำคือนามสกุลคุ้นนานมา
ชอบสักวารักวงการงานร้อยกรอง
       เป็นผอ.โรงเรียนอยู่หลายแห่ง
เบื่อตำแหน่งเลยเออร์ลี่ปีสี่สอง
มาทำงานช่วยสังคมสมใจปอง
มีเมียหนึ่งลูกสาวสองเขยไม่มี”(ฮา-ปรบมือ ถูกแซวว่าถือโอกาสประกาศหาลูกเขย แต่ดีที่ไม่สลับกันว่า”มีลูกสาวหนึ่งเมียสอง”)
   
       คนที่หก
       “ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองกลาง   
ไม่เคยว่างว่าคดีกี่พันหมื่น?
 ศิลปินแห่งชาติผู้หยัดยืน 
ทั้งหลับตื่นเขียนลำนำเป็นคำกลอน –
     คุณอดุล จันทรศักดิ์  ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ ๒๕๕๑ ค่ะ”(ปรบมือ)


กระทู้: สักวา-อิเหนาตอนเผาเมือง โดย สุดสงวน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ก.พ. 11, 10:04
          คนที่เจ็ด
         “เป็นนักเขียนนักแปลมาแก่เก่า
       ชื่อแก้วเก้าคงมีใครจำได้บ้าง 
       หรือ ว.วินิจฉัยกุลพอคุ้นหูอยู่เบาบาง  (ผู้แนะนำบอกว่า “ตรงกันข้าม ทุกคนรู้จักดี วันนี้ก็มีเพื่อนร่วมรุ่นอักษรศาสตร์จุฬาฯและแฟน  คลับ  ตามมาอีกสองโต๊ะ)
       เป็นมือวางอันดับท้ายในวงกวี
        –รศ. ดร. คุณหญิงวินิตา ดิถียนต์  ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ปี ๒๕๔๗ ค่ะ” (ปรบมือ)

       ส่วนน้องนุชสุดท้ายเธอเขียนว่า
     “เป็นครูมายี่สิบห้าปีสาวขี้เล่น   
    ดุไม่เป็นเลยเกษียณเขียนหนังสือ 
    ทำวิทยุหลายที่ ฝึกฝีมือ
    คนคุ้นชื่อญาดา อารัมภีร” (เป็นลูกสะใภ้ครูแจ๋ว สง่า อารัมภีร ศิลปินแห่งชาติค่ะ-ปรบมือ)
 
        จากนั้นโต้โผสโมสรฯก็บอกบทไหว้ครูว่า
   “สักวาบังคมบรมบาท 
   นวมินทราธิราชฉัตรสยาม
   ทรงเปล่งแสงแห่งความสุขทุกโมงยาม
   เลื่องพระนามเกริกก้องทั่วโลกา 
        แปดสิบสี่พรรษามหาราช 
    ธ ประสาทธรรมสถิตทุกทิศา 
    น้อมสำนึกในพระเดชพระเมตตา
    กราบรำลึกพระกรุณานิรันดร์เอย”
 
    บทนี้ครูณรงค์ รวมบรรเลง อดีตหัวหน้าวงดนตรีไทยกรมประชาสัมพันธ์ก่อนเกษียณ ก็ขับร้องด้วยเพลง  แขกโหม่ง


กระทู้: สักวา-อิเหนาตอนเผาเมือง โดย สุดสงวน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ก.พ. 11, 08:47
      แล้วอาจารย์อำพล สุวรรณธาดา  อดีตผอ.ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย(และต่อมา)มหาวิทยาลัยรังสิต ก็บอกบทเกริ่นชวนว่า
     ”สักวามาวังสวนผักกาด 
หลายคนอาจนานทีปีละหน 
เพื่อรำลึกถึงคุณอายุมงคล 
จึงไม่พ้นชวนเล่นสักวา
      พบคนเก่าสาวเก่าเก่าหน้าเก่าเก่า (เน้นคำว่าเก่าๆ เรียกเสียงฮาเบาๆ)
ไม่ต้องเล้าโลมเลียมเหนียมกถา  (แล้วทำเสียงขึงขังว่า)
จะตอนรับหรือไม่ให้บอกมา 
เชิญคุณหญิงวินิตาตอบทีเอย”(ฮา ปรบมือ)

      บทนี้ครูกัญจนปกรณ์ แสดงหาญ-หนุ่มเสียงนุ่มแห่งสำนักการสังคีต กรมศิลปากร ขับร้องออดอ้อนเจื้อยแจ้วด้วยเพลงลงสรงแขก (ตามที่ครูสุดจิตต์ ดุริยประณีต ศิลปินแห่งชาติ-สังคีตศิลป์ปี ๒๕๓๖ ผู้เพิ่งฟื้นจากการป่วยนอนอยู่ที่บ้าน  แต่ด้วยความเป็นห่วง จึงจดบัญชีชื่อเพลงมายืดยาวให้นักร้องเลือกร้องให้เข้ากับบรรยากาศของกลอนแต่ละบทในตอนนั้นๆ)
     แล้วนักเขียนผู้โด่งดังก็ตอบเกริ่นว่า

     “สักวาสามสาวคราวคุณย่า (ฮา) 
เว้นแต่น้องญาดาคนหน้าใส 
ยินเสียงเชิญมองดูรู้ว่าใคร 
สี่กวีหนุ่มใหญ่ล้วนวัยทอง  (ฮา) 
       เจ้าคารมคมคายมิใช่น้อย 
ต่ออายุเหยียบร้อยไม่มีหมอง 
จึงขอรับร่วมประชันตามครรลอง 
คลอเพลงร้องเสนาะใสจับใจเอย”(ปรบมือ)
      บทนี้ครูดวงเนตร ดุริยพันธุ์แห่งกรมศิลปากรขับร้องด้วยเพลงดาวล่อ ซึ่งมีทำนองหวานไพเราะเสนาะยิ่ง



กระทู้: สักวา-อิเหนาตอนเผาเมือง โดย สุดสงวน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ก.พ. 11, 08:51
      ต่อจากนั้น อดีตนายกสมาคมนักกลอน-เอนก แจ่มขำ  ก็แจกตัว ๒ บทติดต่อกันไปดังนี้
          “สักวาอิเหนาตอนเผาเมือง 
     อาจจะไม่ตรงเรื่องดังปรารถนา
     กวีหยิกแกมหยอกบอกสักวา 
     ท้าวดาหาแก่ดี..เอ๊ย..เหมาะดีมอบพี่ประยอม(ฮา) 
          อรฉัตรเป็นพี่เลี้ยงเคียงคู่คิด 
     ญาดาสนิทบทบุษบาน่าถนอม 
     นภาลัยเป็นประไหมสุหรีที่สวยพร้อม 
     เอนกยอมเป็นจรกาว่าง่ายเอย - 

           สักวาให้อำพล สุวรรณธาดา 
     เป็นสังคามาระตาตามหน้าที่   (บ่นว่าชื่อยาวทั้งคนรับบทและตัวละคร)
     อดุลรับบทอิเหนาคงเข้าที 
     มะเดหวีวินิตาดิถียนต์ 
           สโมสรสยามวรรณศิลป์ 
     สืบกวินสร้างงานสืบสานผล 
     ฟังกวีดนตรีพร้อมกล่อมกมล 
      งานอายุมงคลวันนี้เอย”(ปรบมือ)
      ๒บทนี้ครูณรงค์ รวมบรรเลงก็ “ขับเสภา”เสียงเจื้อยแจ้วติดต่อกัน


กระทู้: สักวา-อิเหนาตอนเผาเมือง โดย สุดสงวน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ก.พ. 11, 08:53
            จากนั้นก็เริ่มเรื่องโดยคุณประยอม ซองทอง-อดีตนายกสมาคมนักเขียนฯ(๒๕๓๘-๔๑)ในบทท้าวดาหาก็เริ่มปูเรื่องตอนนี้ ดังนี้ 
                   “สักวาท้าวดาหาสง(กะ)สัย   
           อิเหนาไยไม่กลับบ้านไปหมันหยา 
           ยังก่อม็อบชวนหงุดหงิดระอิดระอา 
           คุณมหาห้าขันมาไล่ลาโรง 
                    ข้างตุ๊ดตู่ขู่ว่ามีปฏิวัติ 
            เดี๋ยวจะถูกเสธ์ดาวอัดเอาตายโหง  (ฮา-ออกตัวว่าไม่ได้ตั้งใจหยาบคาย เผอิญลงเสียงโองไว้ ซึ่งหาสัมผัสยาก) 
            เจ๊มิ่งจะอภิปรายให้ท้ายคนโกง 
            มาชี้โพรงให้กระรอก..เดี๋ยวศอกกลับเอย”(ฮา-ปรบมือ  ที่คนหัวเราะนี่เพราะกลอนวรรคยาวๆหรือตีความตามได้ว่าเอ่ยถึงใครบ้างก็ไม่ทราบ)
            บทกวนอารมณ์อย่างนี้   ก็เข้าทางคุณกัญจนปกรณ์ แสดงหาญเขาละ นักร้องหนุ่มเสียงใสอนาคตใสแห่งกรมศิลป์ฯ  จึงร้องด้วย “เพลงศรีวิชัย” ซึ่งเป็นเพลงไทยสำเนียงคุ้นหูจากระบำโบราณคดีชุดศรีวิชัยอันจับใจไพเราะ  และด้วยความสามารถเฉพาะตัว ทำให้บทร้องคึกคักชื่นใจผู้ฟังผู้ชม


กระทู้: สักวา-อิเหนาตอนเผาเมือง โดย สุดสงวน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ก.พ. 11, 14:58
      เมื่อท้าวดาหาบ่นเรื่องสภาพบ้านเมืองดังนั้น   รศ.นภาลัย ในฐานะมเหสีผู้เป็นพระมารดาของบุษบาก็ออกมาทูลให้ต้องพระทัยว่า

           “สักวาประไหมสุหรีเมียที่หนึ่ง (อธิบายว่า ต้องย้ำหน่อยว่าเมียที่หนึ่ง -ฮา) 
      ยังโกรธขึ้งอิเหนาเจ้าปัญหา 
      มาปักหลักหน้าทำเนียบจะทำนา (ฮา) 
      หรือคิดมาปฏิวัติให้ขัดใจ  (ออกตัวว่า “ไม่ได้แอบดูกันมาก่อนนะ แต่ใจตรงกันค่ะ”) 
              แม้นไม่กลับหมันหยาจะพาส่ง 
      ไปแวะลงภูมิสรอลก่อนดีไหม (ฮา-ทันเหตุการณ์ดีจริงๆ ยิ่งวรรคสุดท้าย....) 
      บุษบาไม่มาพบหลบข้างใน 
      นั่งนับไข่ชั่งกิโลโมโหเอย” (ฮาดัง-ปรบมือ)

           ครูดวงเนตร ดุริยพันธุ์รีบคว้าบทไปร้องในทำนอง “งิ้วอาหรับ” ที่แปลกหูน่าฟังมากเพราะเพลงชื่องิ้วแต่ออกสำเนียงแขกอาหรับ   ผู้อ่านคงสงสัยว่าถ้าได้วีดิโอที่กองทุนฯให้คนมาถ่ายไว้  ถ่ายสำเนาแจกผู้สนใจได้   คงได้เห็นทั้งภาพ  ได้ลิ้มรสกลอนและสำเนียงเพลงไพเราะ  ได้อารมณ์สุขหรรษาเต็มที่ด้วย  ดีกว่าอ่านแล้วนึกภาพเอาเองแน่ๆ


กระทู้: สักวา-อิเหนาตอนเผาเมือง โดย สุดสงวน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ก.พ. 11, 08:47
        แต่ฝ่ายคุณหญิงวินิตา ดิถียนต์ –นักเขียนผู้โด่งดัง-ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ปี ๒๕๔๗ ในฐานะมเหสีที่สองกลับมีความเห็นเป็นอีกมาตรฐานว่า
            “สักวามะเดหวีดูทีท่า 
        อิเหนาหน้าหล่อดีมีมาตรฐาน 
        มีแม่ยกมากมายอยู่หลายล้าน  (ฮา-ผู้ฟังคงนึกถึงนายกรัฐมนตรีหนุ่มหล่อบางประเทศ ?) 
       เก็บคะแนนสงสารอยู่เรื่อยมา 
             จึงทูลขอพระทรงชัยให้โอกาส 
       คงไม่พลาดอีกครั้งกระมังหนา 
       เสร็จปัญหาชายแดนกัมพูชา (ฮา-นึกแล้วไม่ผิดเชียว) 
       บุษบาเรายกให้ดีไหมเอย”(ปรบมือ)

              บทนี้ครูสุรางค์ ดุริยพันธุ์ พนักงานเกษียณจาก “อสมท” พี่สาวคนโตในบรรดาทายาทครูเหนี่ยว  ขับร้องด้วยทำนองเพลง “แขกอะหวังชั้นเดียว”ซึ่งคนไทยคุ้นทำนองดี


กระทู้: สักวา-อิเหนาตอนเผาเมือง โดย สุดสงวน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ก.พ. 11, 08:48
             เมื่อมเหสีที่หนึ่งพระมารดาแท้ๆของบุษบาไม่โปรดหลานว่าที่คู่หมั้นที่เปลี่ยนใจไปหลงรักหลานสาวอีกเมือง แต่พระเจ้าน้ามเหสีที่สองกลับมีพระทัยเอนเอียงเข้าทางอิเหนา  ท้าวดาหาประยอม ซองทองต้องตัดสินพระทัยยืนยันไปว่า
                “สักวาท้าวดาหายืนขาแข็ง 
             แม้อ่อนแรงแข็งขาล้าหน้าแดงก่ำ 
             เป็นกษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ 
             จรกาแม้อ้วนล่ำแต่จริงใจ 
                  หลานอิเหนาแม้เขาหล่อก็หน้าเหลี่ยม (ฮา) 
             จิตส่วนลึกนึกโหดเหี้ยมก็เป็นได้ 
             ซุกหุ้นในนามคนอื่นหมื่นล้านปะไร 
             เชื่อได้ไงเดี๋ยวหลานรักหักเหลี่ยมเอย” (ปรบมือ)
                 
             บทนี้ครูณรงค์ รวมบรรเลง ขับร้องด้วยทำนอง”แขกเจ้าเซ็น”ซึ่งคนไทยน่าจะคุ้นทำนองดี


กระทู้: สักวา-อิเหนาตอนเผาเมือง โดย สุดสงวน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ก.พ. 11, 09:35
      ในฐานะมารดาย่อมห่วงและหวงลูกสาว ประไหมสุหรีนภาลัย สุวรรณธาดาอดีตประธานวรรณศิลป์จุฬาฯคนที่ ๓ จึงยืนยันตามท้าวดาหาไปอีกว่า
            “สักวาเมียใหญ่ประไหมสุหรี (ต้องย้ำบ่อยๆหน่อย-ฮา) 
      เป็นเมียหลวงชั้นดีไม่หึงหวง 
      ไม่อยากให้ลูกสาวต้องเศร้าทรวง 
      เป็นเมียหลวงเหมือนแม่ไม่แพ้ใคร (แล้วบ่นว่า “ความจริงก็ไม่ชอบหรอกตำแหน่งนี้ ชอบเป็นเมียเฉยๆ...ฮา) 
             อิเหนามีจินตะหรา,มาหยารัศมี   
      ทั้งสะการะวาตีที่สวยใส (แยกให้เห็นชัดว่ามีตั้งสาม) 
      กลัว “มงกุฎดอกส้ม”ตรมฤทัย (ฮา ไปถึงละครดังที่เจ้าสัวนก-ฉัตรชัย มีเมียสี่คนเข้าจนได้)   
      มัน “ไม่ล่ายหลั่งใจ” ประไหมเอย” (ฮา..ยืมเอาประโยคเด็ดของคุณนายที่ ๓ ในมงกุฎดอกส้ม มาใส่เข้าเหมาะที่เหมาะทางพอดี...) 
            ครูดวงเนตร ดุริยพันธุ์แห่งกรมศิลปากร  ทายาทคนรองของครูเหนี่ยวฯขับร้องทำนอง “แขกบันตน” สนุกสนาน ถึงตรง “ไม่ล่ายหลั่งใจ” ก็พูดย้ำด้วยสำเนียงจีน  ทำเอาคนฟังฮาและปรบมือดัง

          ถูกกีดกันถูกประชดประชันท่าโน้นท่านี้  อิเหนาในร่างคุณอดุล จันทรศักดิ์นักกลอนมือรางวัลเกียรตินิยมวรรณศิลป์และอดีตประธานวรรณศิลป์จุฬาฯก็ออกมาบ่นออด  และขอความเห็นจากสังคามาระตา(น้องเลี้ยงซึ่งทำหน้าที่ที่ปรึกษาทุกเรื่อง)ว่าเอาอย่างไรกัน
              “สักวาอิเหนาเข้าไม่ติด 
          แทบหมดสิทธิ์เข้าเฝ้าท้าวดาหา 
          เหมือนเปลี่ยนขั้วไปเข้ากับกัมพูชา..ขอโทษ..ไปเข้ากับจรกา (ฮา) 
          บุษบาก็หมางก็เมินไป  (บ่นน้อยใจเชิงต่อว่าแล้วทวงบุญคุณว่า)
                เสร็จศึกกะหมังกุหนิงเรารบหนัก 
          คิดว่าท้าวเธอจะรักก็มิใช่ 
          สังคามาระตาว่าอย่างไร 
          ถึงยุให้ใช้กำลังก็ฟังเอย”(ปรบมือ)
          บทออกอารมณ์นี้  คุณกัญจนปกรณ์ แสดงหาญ จึงขับร้องในทำนองเพลง “แขกสุ่ม” ซึ่งมีลูกคู่คอยร้องรับสุ่มๆเป็นช่วงๆ  ครึกครื้นทีเดียว


กระทู้: สักวา-อิเหนาตอนเผาเมือง โดย สุดสงวน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ก.พ. 11, 09:12
      อาจารย์อำพล สุวรรณธาดาผู้พาครอบครัวไปสอนหนังสือไทยที่เกาหลีกว่า ๑๐ ปีมาในบทสังคามาระตา-ที่ปรึกษาที่อิเหนาไว้วางใจมาก  จึงทูลไปว่า
          “สักวาสังคามาระตา
      ชื่อยาวเป็นวาได้วรรคหนึ่ง (ฮา) 
      ครั้นอิเหนาปรึกษามาคำนึง 
      เบื้องหลังซึ่งบุษบาขอหย่าร้าง 
            เพราะดาหาใช้มือที่มองไม่เห็น (ฮา ประโยคฮิตของใครคนหนึ่งและบริวาร) 
      เปิดประเด็นปฏิวัติเกินขัดขวาง 
      ถึงก่อม็อบไม่มีเส้นไม่เห็นทาง (ประโยคฮิตของพวกเสื้อสีแสบตา พูดประชดว่าพวกเสื้ออีกสีเส้นใหญ่เลยไม่ถูกจับและได้รับการประกันตัว  ไม่เหมือนพวกตน) 
      ยังต้องอ้างเอกสิทธิ์สอสอเอย (ฮา-ปรบมือ)เหมือนแกนนำนักก่อม็อบที่ใช้เส้น..เอ๊ย..เอกสิทธิ์การเป็น ส.ส.คุ้มหัว..เอ๊ย..คุมตัว)
       บทนี้ครูณรงค์ รวมบรรเลงขับร้องด้วยทำนอง “แขกต่อยหม้อ”เข้าบรรยากาศกลอนดีเพราะว่าด้วยการสู้รบตบมือ


กระทู้: สักวา-อิเหนาตอนเผาเมือง โดย สุดสงวน
เริ่มกระทู้โดย: กาลีเศียรขาด ที่ 26 ก.พ. 11, 10:43
     สักวาลอบมาดูไม่เป็นนิจ 
ยามว่างกิจเข้ามาหน้าสล่อน
ไม่เก่งกาจสามารถการกาพย์กลอน
ศิษย์อักษรฯเข้ามาขอกราบครู

    เมื่อชมภาพอ่านคำที่ครูเล่น
ใคร่จะเห็นคลิปเคลื่อนลีลาไหว
เพราะกระผมติดงานมิว่างไป
จึงฝากใจขอคลิปครูเมตตาเอย

   


กระทู้: สักวา-อิเหนาตอนเผาเมือง โดย สุดสงวน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ก.พ. 11, 18:49
ได้ข่าวว่าคลิปมี แต่ยังไม่ได้รับ
แต่ถึงได้รับ  ก็ไม่รู้จะเอามาลงให้เห็นอย่างไรค่ะ


กระทู้: สักวา-อิเหนาตอนเผาเมือง โดย สุดสงวน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 มี.ค. 11, 09:58
(ต่อ)
      เมื่อสังคามาระตาน้องเลี้ยงที่ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาแนะนำอิเหนาว่ามีทางเดียวที่จะได้ตัวบุษบาก็คือลุยลูกเดียว คุณอดุล จันทรศักดิ์ คอลัมนิสต์ดีเด่นรางวัลกองทุนม.ร.ว.อายุมงคล โสณกุลปี ๒๕๔๘ในบทอิเหนาก็รับลูกว่า

           “สักวาอิเหนาเอาทุกท่า 
      ที่สังคามาระตาชี้แนะให้ 
      งานนี้ต้องใช้ทุนมากเท่าใด 
      ที่ขนมาจากเมืองไทยก็ยังมี (ฮา-ถ้าเทียบกับนักโทษสารขัณฑ์น่าจะว่า”ที่โกงมาจากสารขัณฑ์นั้นมากมี”       แล้วทำปากหวานเหมือนนักการเมืองอาชีพ)”
           เราจงรักภักดีท้าวดาหา 
      บุษบาก็รักสุดพิเศษศรี 
      แต่พอถึงจรกาคู่กรณี 
      ก็สั่งตีโดยไม่ต้องปรองดองเอย “

         บทมันๆอยางนี้คุณกัญจนปกรณ์ แสดงหาญ  อาสาขับร้องเองด้วยทำนอง “เพลงแขกยิงนก”(ปรบมือ)  เข้าบรรยากาศกลอน แถมตอนท้ายยังส่งเสียงสั่งด้วยเสียงดังว่า “ยิง !-ยิง !!-ยิ้ง !!!” เต็มที่ มันจริงๆ

         ด้านดร.ญาดา อารัมภีร  นักอ่านทำนองเสนาะเสียงหวานที่กลายมาหาความสุขจากงานที่ชอบด้วยการเป็นนักเขียนอิสระและนักจัดรายการวิทยุหลายสถานี ในบทบุษบา ก็บ่นอึดอัดขัดใจว่า
          “ สักวาทุกข์ที่สุดบุษบา 
       จวนบ้าเพราะอิเหนาทำหมองไหม้ 
       ส่งซิกฮุนเซ็นเข่นคนไทย 
       เกินตัวเกินไปไม่กลัวนรก 
             สารลำเจียกเจ็บแสบแปลบจิต 
       ฉายกริชต้องตาพาตระหนก 
       ต่อหน้าพระปฏิมาทำลามก 
       แค้นแน่นอกพี่เลี้ยงช่วยน้องด้วยเอย” (ปรบมือ)บทรำพึงรำพันด้วยความน้อยอกน้อยใจเช่นนี้ ครูสุรางค์ ดุริยพันธุ์ก็ใส่ “เพลงสดายงแปลง”อันมีทำนองไพเราะ หวานปนเศร้าลึกๆ


กระทู้: สักวา-อิเหนาตอนเผาเมือง โดย สุดสงวน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 มี.ค. 11, 10:01
           เมื่อบุษบาร้องขอคำปรึกษา  ในฐานะพี่เลี้ยง ม.ร.ว.อรฉัตร ซองทอง ผู้เพิ่งรับยกย่องเป็นกวีตัวอย่างปี ๒๕๕๓ จากสมาคมกวีร่วมสมัยเมื่อ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๓ ก็ให้คำแนะนำไปว่า
           “สักรวาพี่เลี้ยงเสี่ยงดวงห้าม 
           สมควรปรามความเกลียดอย่าเดียดฉันท์ 
           ถึงหย่าร้างทิ้งขว้างไปไม่สำคัญ 
           เคยผูกพันลงชื่อให้ได้รัชดา (ฮา –ที่เมืองหมันหยาก็มีคดีเหมือนกันด้วย...) 
               แม้ระเด่นมนตรีมีเมียมาก 
           ทำใจยากต้องทำใจไม่อิจฉา 
           สักวันหนึ่งพ้นกรรมที่ทำมา 
           ได้เงินตราดอกเบี้ยบานสำราญเอย” (ปรบมือ) 
         บทนี้ครูดวงเนตร ดุริยพันธุ์ทำหน้าที่ปลอบด้วยทำนอง “เพลงถนอมนวล“เข้าบรรยากาศกับบทตอนนี้อย่างดี

     กล่าวถึงตัวละครอีกตัวที่ไม่ได้ทำผิดคิดร้ายใคร  ถ้าจะผิดก็แค่ไม่หล่อเหลาเท่าใครๆไม่ว่าหล่อใหญ่หล่อเล็กหล่อจิ๋ว อาจารย์เอนก แจ่มขำ ผู้รับบทจรกาหน้าขาวจึงรำพึงถึงตัวเองว่า
             “สักวาจรกาหน้าไม่ดำ 
         วุฒิศักดิ์เขาทำหมดสิวฝ้า(ฮา.. ที่เมืองโน้นก็มีสาขาของวุฒิศักดิ์ด้วย...) 
         รองานแต่งแห้งเหี่ยวเปลี่ยวอุรา 
         เป็นเขยขวัญท้าวดาหาแสนยากเย็น 
             มาก็มาถูกทางอย่างเห็นชัด 
         แต่ก็ถูกลอบกัดอย่างเห็นเห็น 
         แถมอิเหนาก็ก่อกวนล้วนลำเค็ญ 
         พรรคร่วมก็แตกเป็นเสี่ยงเสี่ยงเอย”(ฮา พรรคการเมืองก็ไปเกี่ยวกันด้วยหรืองานนี้...งง?)
     
         บทอย่างครูณรงค์ รวมบรรเลงจึงเลือกขับร้องด้วย “เพลงตาลีกีปัส” ซึ่งมีจังหวะเร้าใจ ท่านที่คิดถึงภาพและทำนองเพลงนี้จากระบำฝ่ายปักษ์ใต้ก็จะได้บรรยากาศเหมาะ


กระทู้: สักวา-อิเหนาตอนเผาเมือง โดย สุดสงวน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 มี.ค. 11, 09:48
     กลับไปกล่าวฝ่ายอิเหนาซึ่งไม่สบายใจเหมือนกันที่พระเจ้าอาและอาสะใภ้ยังมึนตึง   จึงต้องอาศัยสมองของสังคามาระตาอีกครั้ง  ซึ่งคุณอำพล สุวรรณธาดา  หรือ ทิดก้อน อินคำ-นักกลอนผู้นิยมลงท้ายวรรคด้วยกลอนตายและเนื้อหาเสียดสีชั้นยอด-ผู้รับบทเป็นที่ปรึกษาพระเอกจึงว่า

          “สักวา’มาระตาทูลอิเหนา (บ่นว่าชื่อยาวนักตัดเอาสั้นๆก็แล้วกัน) 
      แกนนำเราก็ร่างวางแผนเด็ด 
      แต่การเมืองยอกย้อนซ่อนกลเม็ด 
      มีข้อหาสูตรสำเร็จ “ก่อการร้าย” (ฮา)
           ชอบเอาดีใส่ตัวชั่วให้คนอื่น 
      จมูกยื่นทุกยามหมดความหมาย   
      ถ้าอิเหนาเผาเมืองเรื่องวุ่นวาย 
      ก็เข้าข่ายว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเองเอย (ฮา-ปรบมือ)

      บทยอกย้อนซ่อนเงื่อนเช่นนี้ คุณกัญจนปกรณ์ แสดงหาญเลยขับร้องในทำนอง “เพลงแขกกะเร็ง”สนุกสนานไปเลย
   
         เมื่อเข้าทางเช่นนั้น คุณอดุล จันทรศักดิ์ผู้เคยได้รับพระราชทานรางวัลหนังสือกวีนิพนธ์ดีเด่นจากพระหัตถ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีจากรวมบทกวีชื่อ “ดอกไม้ไฟ”ก็สวมบทอิเหนาเจ้าเล่ห์ตอนที่เราเลือกมาเป็นชื่อสักวาตอนนี้ไปว่า

        “สักวาสั่งให้ไปพร้อมขวดเปล่า 
      น้ำมันให้ไปหาเอาที่ปั๊มหน้า 
      ไปราชประสงค์เลือกตรงย่านศูนย์การค้า 
      แล้วเผาเมืองดาหาให้วอดวาย
      (ช่างหมือนความคิดอันแยบคายของอดีตนักร้องอมฮอลล์ในเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองที่รัฐสารขัณฑ์จริงๆ เป็นแก๊กตลกร้ายที่ผู้ฟังสักวาจะหัวเราะก็ไม่ได้ร้องไห้ก็ไม่ออก) 
           เราจะลอบเข้าไปทูลพระธิดา
       ชวนหนีไฟให้มาพ้นที่หมาย 
       อ้างเหตุรักบุษบาจึงทำอุบาย 
       คิดแบบควายได้เต็มที่เท่านี้เอย”(ฮาดัง -ปรบมือ) 
 
       บทที่มีแก่นสำคัญบทนี้คุณณรงค์ รวมบรรเลงก็เลยบรรเลงด้วยทำนอง “เพลงแขกหนังชั้นเดียว”ทันอกทันใจดี


กระทู้: สักวา-อิเหนาตอนเผาเมือง โดย สุดสงวน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 มี.ค. 11, 09:50
          ตามมาด้วยดร.ญาดา อารัมภีร  อดีตอาจารย์งานสอนวรรณคดีที่ขอเกษียณก่อนเวลาอันควร  ในบทบุษบาที่เห็นเหตุการณ์เลวร้ายในเมืองดาหา  ก็จำเป็นต้องเปิดใจว่า

          “สักวาถามพี่เลี้ยงเสียงร้อนรน 
          เพลิงผลาญเพราะคนสุดทนไหว 
          เซ็นทรัลเวิลด์เดือดแดงด้วยแสงไฟ 
          ช้าไปช่วยไม่ทันพลันย่อยยับ 
          (มีเหตุการณ์เผาเมืองในวรรณคดีเป็นตัวอย่างที่เลวร้ายอย่างนี้นี่เอง จึงไปถูกใจคนที่คิดแบบควายเอามาใช้ในโลกยุคโลกาภิวัตน์ในประเทศ(ที่คน)ด้อยพัฒนา จำลองเป็นโมเด็ล) 
               เคยเที่ยวชมหลายหลากมากสินค้า 
          แพ้งแพงดูแต่ตามิกล้าจับ
          แบรนด์เนมมากมายหายวับ 
          ไปกับมือใครใคร่รู้เอย”(ปรบมือ)

          บทน่าอเนจอนาถใจในกลางเมืองหลวงหมันหยาอย่างนี้  ครูสุรางค์ ดุริยพันธุ์ขับร้องด้วย “เพลงแขกขาว”ฟังแล้วอยากร้องไห้เอามากๆ
   
          พี่เลี้ยงในร่างของม.ร.ว.อรฉัตร ซองทอง หนึ่งในผู้ได้รับยกย่องเป็นผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่นปี ๒๕๕๓พร้อมๆรศ.นภาลัย สุวรรณาดา ตอบคำถามของบุษบาว่า “ปัญหาที่ถามคงยังหาคำตอบไม่ได้เพราะคดียังไม่สิ้นสุด”ก่อนที่จะบอกบทว่า
              “สักรวาพี่เลี้ยงคอยเคียงข้าง 
          เพ็ดทูลพลางว่ามีข่าวคราวไฟไหม้ 
          ทั้งเวิลด์เทรดราชประสงค์เป็นดงไฟ
          ซ้ำคนไล่ยิงกันสนั่นเมือง (นึกเห็นภาพพจน์ไปด้วย) 
                วัดปทุมวนารามยามมีเคราะห์ 
          อาวุธเหมาะถูกทิ้งน้ำทำลายเรื่อง 
          เราต้องหนีภัยร้ายระคายเคือง 
          พึ่งผ้าเหลือง-ใส่เสื้อดำอำพรางเอย”
         (ปรบมือ  แถมอธิบายว่า “ผ้าเหลืองที่วัดปทุมวนารามนะคะ” คงเกรงว่าคนจะเข้าใจไขว้เขวเป็นเสื้อเหลืองเข้า ?)

          บทนี้ครูดวงเนตร ดุริยพันธุ์ขับร้องด้วย”เพลงกะดีรี”ซึ่งเป็นเพลงจังหวะเร็วและมีลูกคู่คอยรับเป็นบางช่วง สนุกสนานถึงอกถึงใจดี


กระทู้: สักวา-อิเหนาตอนเผาเมือง โดย สุดสงวน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 มี.ค. 11, 16:42
    (ต่อ)

      ฝ่ายอิเหนาซึ่งมีน้องเลี้ยงเป็นที่ปรึกษา  เวลาคิดอะไรไม่แน่ใจก็อาศัยสังคามาระตา ซึ่งอาจารย์อำพล สุวรรณธาดา  อดีตผู้อำนวยการศูนย์ศิลปวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย(และต่อมาไปว่าตำแหน่งเดียวกันนี้ที่มหาวิทยาลัยรังสิต ก่อนจะเกษียณมารับ-ส่งหลานปู่ไปโรงเรียน) รับบทที่ปรึกษาเหมือนในชีวิตจริงหลายช่วงอายุก็ทูลอิเหนาไปว่า
          “สักวาสังคามาระตา 
      โฟนอินมาทุกครั้งยังอิเหนา 
      แต่งบ้านไว้พนมเปญเป็นของเรา   
      สวยเหมือนเก่า “จันทร์ส่องหล้า”ที่บางพลัด (ฮา-เคยได้ยินแต่ไปแต่งถ้ำ  ไม่นึกว่ามาแต่งไว้ที่นี่ด้วย)
            ถ้ารีบพาบุษบาออกมาได้ 
     ขึ้นเครื่องสู่ดูไบไปหลัดหลัด 
     ปล่อยเมืองไทยให้ยุ่งยามมาตามนัด 
     ปฏิวัติเมื่อใดกลับไทยเอย” (ฮา-ปรบมือ)

      บทนี้คิดสดๆเพราะนึกว่าบทของตัวหมดแล้ว พอจวนตัว พบว่ายังมีอีกบท ผู้ดำเนินรายการต้องคุยขัดตาทัพ ก่อนกลอนบทนี้จะสำเร็จ  แล้วคุณกัญจนปรณ์ แสดงหาญก็ขับร้องด้วยทำนอง “เพลงยะวาใหม่”ทันอกทันใจครึ้มดีเหมือนกัน

     เมื่อสังคามาระตาที่ปรึกษาโฟนอินมาว่าได้แต่งบ้านรออพยพไว้แล้ว   คุณอดุล จันทรศักดิ์นักศึกษาเก่าดีเด่นของคณะรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิตจากธรรมศาสตร์ในบทอิเหนาก็ตกลงใจดำเนินการทันที

          “สักวาปลอมกายเป็นจรกา 
     จากสถานีรถไฟฟ้าย่านสยาม  (ฮา) 
     ไปถึงแยกปทุมวนาราม 
     เพียงเพื่อจะติดตามหาบุษบา 
           พบนางอยู่เคียงข้างสองพี่เลี้ยง 
     ลวงว่าอุตส่าห์เสี่ยงมาตามหา 
     เชิญเสด็จไปกับจรกา 
     จะอารักขาทั้งหมดให้พ้นไฟเอย”(ปรบมือ)

         เวลาที่จะทำอะไรที่ไม่ดี  คนที่คิดไม่ซื่อมักอ้างชื่อคนอื่นเช่นนี้เอง พอเขาจับได้ไล่ทันก็เบี่ยงเบนว่าเป็นพวกตัวปลอม  ครูณรงค์ รวมบรรเลงก็เลยขับร้องด้วย “เพลงพราหมณ์เข้าโบสถ์”  ซึ่งถ้าใครนึกไม่ออก  ให้นึกถึงทำนอง “พราหมณ์ดีดน้ำเต้า” ที่ครูสอนให้ขับร้องสมัยชั้นมัธยม  สำเนียงใกล้เคียงกันมากๆ


กระทู้: สักวา-อิเหนาตอนเผาเมือง โดย สุดสงวน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 มี.ค. 11, 16:48
      ฝ่ายผู้คนในเมืองดาหา ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจึงมีการเผาบ้านเผาเมือง โดยเฉพาะมะเดหวี มเหสีรองที่อิเหนาขอให้เป็นผู้เร่งเร้าให้ท้าวดาหาจัดการอภิเษกกับบุษบาเสียที  คุณหญิงวินิตา ดิถียนต์ผู้มีความสามารถหลายอย่าง  จนได้รับยกย่องเป็นนิสิตเก่าดีเด่นคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯปี ๒๕๔๔    และเป็นนักศึกษาต่างชาติคนแรกที่ได้รับปริญญาอักษรศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยนอร์ธเทิร์นโคโลราโดในฐานะศิษย์เก่าที่ได้รับรางวัลระดับชาติมากมาย และทำชื่อเสียงให้มหาวิทยาลัย   
      เธองงไปหมด จึงว่า

          “สักวาตื่นตระหนกอกใจสั่น 
      มะเดหวีเสียขวัญทูลดาหา 
      ราชประสงค์ไฟไหม้ไม่ทันรา  (ฮา-ต้องว่าให้เข้าเรื่องเดียวกัน) 
      บัดนี้เจ้าบุษบามาหายไป 
           เกรงพลัดไปชายแดนแคว้นกัมโพช  (ใช้ชื่อเก่าในประวัติศาสตร์ ในฐานะนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญทั้งด้านประวัติศาสตร์และวรรณคดี ) 
      เป็นนักโทษจำจองให้หมองไหม้ (เหมือนนักการเมืองสารขัณฑ์ที่ถูกจองจำที่พนมเปญไม่ผิดเพี้ยน) 
      จะรบหรือสมานฉันท์กันแบบใด 
      จึงจะได้บุษบากลับมาเอย” (ปรบมือ)

      ถึงอย่างไรก็ไม่ทิ้งโครงเรื่องเดิม  บทนี้ครูสุรางค์ ดุริยพันธุ์( ผู้เคยโด่งดังที่ไทยทีวี-บางขุนพรหม  จนมาเป็น”อสมท”ที่บางลำพูจนเกษียณที่ “อสมท”พระราม๙)ใส่ทำนองต้นวรเชษฐ์ที่ผู้ชมโทรทัศน์สมัยไทยโทรทัศน์ช่อง ๔ บางขุนพรหมจะคุ้นหูมากเพราะคุณจำนง รังสิกุลหัวหน้าฝ่ายจัดรายการเจาะจงนำมาเป็นเพลงนำรายการภาคดึก  ซึ่งนักกลอนที่ไปประชันกลอนในรายการ “ลับแลกลอนสด”สมัยปี ๒๕๐๒เป็นต้นมา จะใจเต้นระทึกทันทีเมื่อเพลงนี้เริ่ม


กระทู้: สักวา-อิเหนาตอนเผาเมือง โดย สุดสงวน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 มี.ค. 11, 08:41
       รศ.นภาลัย สุวรรณธาดานิสิตเก่าดีเด่นคณะครุศาสตร์ จุฬาฯซึ่งสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติยกย่องเป็น “ครูกวีศรีสุนทร”ในวันสุนทรภู่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๐ ในบทประไหมสุหรี ก็ตกใจยิ่งกว่าใคร
           “สักวาประไหมสุหรีศรีเมียใหญ่ (ฮา-อธิบายว่า “ต้องย้ำบ่อยๆหลายหนหน่อย) 
       แสนตกใจรู้ข่าวลูกสาวหาย 
       ถูกจับซุกคุกเขมรเป็นหรือตาย (ฮา-มาเรื่องเดียวกัน) 
       หรือถูกชายชื่ออิเหนาเข้าลักพา 
            จะไปฟ้องศาลโลกว่าลูกหาย (ฮา-เรื่องใหญ่ขนาดฟ้องศาลโลกเชียว ?)
       จ้างทนายอัมสเตอร์ดัมให้ตามหา
       เพราะอิเหนาเกิดอังกฤษมีฤทธา (ฮา) 
       ต้องรีบฆ่าแล้วจะได้กลับไทยเอย”(ปรบมือ)

          เรื่องใหญ่โตขนาดนี้บ้านเมืองจะเป็นอย่างไรฉันไม่แคร์ ขอแต่ผลประโยชน์ตนต้องเป็นใหญ่ไว้ก่อน  ครูดวงเนตร ดุริยพันธุ์รีบใส่ “เพลงแขกหวน”ขับร้องเจื้อยแจ้วหมายใจให้ก้องโลกเลยเชียว


กระทู้: สักวา-อิเหนาตอนเผาเมือง โดย สุดสงวน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 มี.ค. 11, 08:42
          ทำเอาคุณประยอม ซองทองอดีตผู้แทนนิสิตคณะอักษรศาสตร์ปี ๒๕๐๒-นายกสมาคมนิสิตเก่าปี ๒๕๓๔ ในบทท้าวดาหา รีบออกมาปลอบ
                “สักวาท้าวดาหาไม่ประจักษ์ 
          องครักษ์รายงานมาน่าสงสัย 
          ว่าคนคล้ายจรกาลักพาไป 
          ตอนไฟไหม้ศูนย์การค้าพาชุลมุน 
                 ดีเอสไอไปสืบอยู่ไม่รู้แจ้ง 
          ว่าเหลืองแดงหรือหลากสีที่พาวุ่น 
          ดูตัวอย่างต่างแดนแสนทารุณ (เตือนให้นึกถึงชาวโลกกำลังวุ่นวายในอิยิปต์ แล้วลามไปลิเบีย,บาห์เรนและกำลังจะลามไปในยุโรปที่ผู้มีอำนาจครองบ้านเมืองนานๆ จนพวกทาสของสัมภเวสีที่รัฐสารขัณฑ์กระดี๊กระด๊าจะเอาอย่างทั้งๆที่ต่างกันคนละโยชน์)
          สมานฉันท์จะเป็นบุญบ้านเมืองเอย”
          (ปรบมือ พึมพำว่าในฐานะเห็นโลกมา ๓ เสี้ยวศตวรรษ “ต้องย้ำเตือนกันหน่อย”) บทนี้ คุณกัญจนปกรณ์ แสดงหาญขับร้องด้วยทำนอง “แขกโศก”อ้อยสร้อยทีเดียว


กระทู้: สักวา-อิเหนาตอนเผาเมือง โดย สุดสงวน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 มี.ค. 11, 09:44
       ถึงบทอิเหนาพระเอกซึ่งกลายเป็นผู้ร้ายไปแล้วในสายตาผู้คน คุณอดุล จันทรศักดิ์ ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองกลาง และศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ๒๕๕๑ ก็ไว้ลายอดีตหัวหน้าทีมกลอนจากวรรณศิลป์จุฬาฯที่ไปนำถ้วยรางวัลจากธรรมศาสตร์กลับจุฬาฯ ว่า
           “สักวาพานางออกไปนอกเมือง 
       แล้วปลดเปลื้องภูษาที่สวมใส่ 
       ทูลว่าพระธิดาอย่าตกใจ 
       ขาวอย่างนี้หรือจะใช่จรกา “( แล้วบ่นว่าฟังดูแล้วออกแนวโป๊ไปหน่อย เดี๋ยวคนฟังสับสนแล้วตีความผิดจะไปกันใหญ่  (ฮา)  จึงขอเปลี่ยนเป็น)
           “สักวาพานางออกไปนอกเมือง 
       ก็ปลดเปลื้องเสื้อดำให้จำได้ 
       ทูลว่าพระธิดาอย่าตกใจ 
       หม่อมฉันมิใช่จรกา 
            ที่อาจที่หาญทำการใหญ่ 
       เหตุก็เพราะหัวใจเสน่หา 
       ขอเชิญแม่ดอกไม้บานบุษบา 
       ไปหมันหยาไปอยู่บ้านหม่อมฉันเอย”(ปรบมือ)

        บทเปิดเผยตัวให้เห็นใจจริงและออดอ้อนอย่างนี้ครูณรงค์ รวมบรรเลงจึงขับร้องด้วยทำนอง “เพลงห่วงอาลัย” อันออดอ้อนอ่อนหวาน


กระทู้: สักวา-อิเหนาตอนเผาเมือง โดย สุดสงวน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 มี.ค. 11, 10:31
        บุษบากำลังตกอกตกใจในเหตุการณ์ที่ไม่เคยคาดฝัน รศ.ดร.ญาดา อรุณเวช อารัมภีร บัณฑิตอักษรศาสตร์ จุฬาฯทั้งปริญญาตรี-โท-เอก   ผู้เคยทำหน้าที่พิธีกรดำเนินการแสดงสักวาที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โปรดฯให้กวีสโมสรสยามวรรณศิลป์โดยเสด็จมาแล้ว   ในบทบุษบาจึงใส่เป็นชุดๆว่า
            “สักวาบุษบาหน้าซีดเผือด 
        ถึงจุดเดือดด่าเป็นชุดหาหยุดไม่ 
        อิเหนาข่มเหงมิเกรงใคร   
        วงศ์เทวาจะบรรลัยไร้ความคิด 
                หนีคุกแพ้คดีที่รัชดา 
        หนีหน้าหลบลี้หนีความผิด 
        ลักข้าก่อกรรมทำอวดฤทธิ์ 
        หมดสิทธิ์คืนแผ่นดินถิ่นไทยเอย” (ปรบมือ)

        บทออกบรรยากาศดุเดือดอย่างนี้ครูสุรางค์ ดุริยพันธุ์จึงใช้เพลงที่มีลีลาและจังหวะเร็วคือ “นาคราช”ทันอกทันใจดียิ่งนัก


กระทู้: สักวา-อิเหนาตอนเผาเมือง โดย สุดสงวน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 มี.ค. 11, 10:33
          ถึงตอนนี้อากาศขมุกขมัวมากแล้ว ม.ร.ว.อรฉัตร ซองทอง  นิสิตเก่าดีเด่นปี ๒๕๕๓ แห่งคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ผู้ดำเนินรายการจึงรำพึงว่า “เล่นไปๆสงสัยจะไม่ปลอดภัย  แถมยุงก็เริ่มมาชุมนุมมากแล้ว  ควรว่าบทลาแทนนักสักวาและนักร้อง-นักดนตรีเสียที”แล้วก็ว่าบทลาดังนี้
                 “สักรวาลาทีกวีแก้ว 
          กังวานแว่วเพลินเพลงวังเวงหวาน 
          จำใจลาวันอายุมงคลวาร 
          มาขับขานสมานรักษ์สักรวา
         (สร้อย) ดอกเอ๋ยเจ้าดอกจำปา  เชิญฟังเพลงบรรเลงลา  ไว้ปีหน้ามาอีกเอย
         ตะวันวายแม้คลายร้อน  เอื้อนอาวรณ์หวั่นหวาด  สงสารคนสงสารชาติ  ใจจะขาดเสียแล้วเอย
                ทั้งสืบทอดเจตนารมณ์คมวาที 
         ยกย่องคนเขียนสารคดีมีคุณค่า 
         หยุดแบ่งสีแบ่งข้างอย่างเคยมา 
         ขอประชาไทยอย่าแยกแตกกันเอย
         (สร้อย) ดอกเอ๋ยเจ้าดอกอัญชัน  เขารบราฆ่าฟัน ขวัญจะหายเสียแล้วเอย 
         ขอคนไทยจงเป็นไท  รวมหัวใจเป็นหนึ่งดวง  รักชาติและแหนหวง ห่วงแผ่นดินของเราเอย” (ปรบมือ)

          บทอาลัยลาซึ้งๆอย่างนี้ครูสุรางค์-ครูดวงเนตร สองพี่น้องสกุลดุริยพันธุ์จึงแบ่งกันร้องคนละบทในทำนอง “เต่ากินผักบุ้ง”อันหวานไพเราะจับใจ     ก่อนจะแยกย้ายกลับด้วยความอาลัย  ปีหน้าฟ้าใหม่คงได้พบกันอีก