พระทั้งสององค์หัวเราะอย่างไม่เชื่อถือ ก็มันตลกไหมล่ะนั่น อาจารย์กับลูกศิษย์มาด้วยกัน หมอดูบอกว่าจะเป็นสมเด็จด้วยกันทั้งคู่ อีกองค์หนึ่งสมเด็จก็ยังน้อยไปอีกด้วย
ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์คืนนั้นที่ยังมีชีวิตอยู่มีแค่สมเด็จอัมพรกับผม ความจำของผมส่วนฝอย ๆ อาจจะเพี้ยนไปบ้าง แต่หลัก ๆ แล้วไม่ผิดแน่ ตอนที่ท่านเจ้าคุณอัมพรได้เป็นสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ ผมได้เรียนถามว่ายังจำเรื่องนี้ได้หรือไม่ ท่านบอกว่าไหนๆเขาว่าอย่างไร พอผมกราบเรียนแล้วท่านก็หัวเราะ บอกว่า เหรอ ๆ คือผมว่าท่านไม่ได้สนใจอะไรกับคำทำนายนี้ตั้งแต่แรกแล้วละครับ เรื่องนี้จึงไม่ได้อยู่ติดสมองท่านเลย ส่วนผมนั้น ถ้าไม่เล่าก็คงจะอกแตกตาย
เรื่องราวที่ท่านจำได้แม่นก็คือ คราวที่ผมเป็นสารถีขับรถพาท่านเจ้าคุณจินดาและท่านกับพระอีกสององค์ไปวัดป่าทางอิสานนั่นแหละ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วท่านเห็นรูปยังบอกว่า ท่านเคยไปวัดป่าบ้านตาดมาครั้งหนึ่งแล้ว ปีต่อมาก็ไปกับผมเป็นครั้งที่ ๒ ได้พบครูบาอาจารย์องค์นั้นองค์นี้ แต่วัดถ้ำขามของท่านอาจารย์ฝั้นท่านไม่ได้พูดว่าท่านเคยไปมาก่อน เข้าใจจะเป็นตามที่ผมเคยทราบว่าท่านไปเป็นครั้งแรกและได้ฝากตนเป็นศิษย์กรรมฐานของท่านอาจารย์ฝั้นในครั้งนั้น เรื่องนี้ผมเขียนไปแล้วคงไม่ต้องเล่าซ้ำอีก
เมื่อบวชครั้งสำคัญในชีวิต ผมได้บวชนาคหลวงในพระอุโบสถวัดพระแก้ว สมเด็จพระสังฆราชวาสน์ทรงเป็นพระอุปัชฌาย์ แต่ไปจำพรรษาวัดบวรนิเวศวิหาร ท่านเจ้าคุณสา (เจริญ สุวฑฺฒโน) พระกรรมวาจาจารย์เป็นเจ้าอาวาส ในปีนั้นเองท่านได้เลื่อนขึ้นเป็นสมเด็จพระญาณสังวร และต่อมาเป็น สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ในที่สุด
ออกพรรษาแล้ว ผมลาท่านไปอยู่วัดราชบพิธระยะหนึ่งก่อนลาสิกขา ได้มีโอกาสเข้าร่วมปาฏิโมกข์ ซึ่งสงฆ์จะมอบหมายให้พระองค์หนึ่งเป็นผู้สวดบาลีเป็นเวลาร่วมชั่วโมง โดยจะต้องไม่ผิดแม้แต่คำเดียว ซึ่งหน้าที่นี้เป็นของท่านอัมพรแต่ไหนแต่ไรมา ว่ากันว่าสมองและความจำของท่านเป็นเลิศกว่าพระทุกรูปในวัดราชบพิธ ผมรู้สึกเป็นบุญที่มีคุณสมบัติครบที่จะได้ร่วมในพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ของสงฆ์และได้ฟังท่านอัมพรหลับตาท่องรวดเดียวไม่มีพักยก ตั้งแต่ต้นจนจบ
นั่นเป็นโอกาสสุดท้ายท่านที่ผมได้ใกล้ชิดครูบาอาจารย์องค์ปฐม หลังจากสึกออกมาทำงานทำการแล้วก็จำเป็นต้องห่างเหิน แต่ทุกครั้งที่มีงานบุญ บ้านผมก็นิมนต์พระวัดราชบพิธทุกครั้ง ท่านเจ้าคุณจินดาได้เลื่อนสมณศักดิ์ขึ้นตามลำดับ จนได้เป็นสมเด็จพุทธปาพจนบดี ส่วนท่านมหาอัมพร ครั้งสุดท้ายที่ไปกราบนั้น ท่านเป็นสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ ซึ่งทั้งสององค์ท่านได้ให้ความเมตตาสม่ำเสมอจนกระทั่งชั้นลูกชั้นหลาน สิ้นสมเด็จพุทธปา สมเด็จอัมพรท่านก็เป็นหลักในทางธรรมให้พวกเราได้ยึดเหนี่ยวต่อ เวลาเรากราบท่านทุกครั้ง เราสำนึกอยู่เสมอว่าเราโชคดีที่มีสงฆ์อย่างท่านเป็นเนื้อนาบุญ นำทางชีวิตให้ตั้งแต่เด็กจนแก่ ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมยังไม่เห็นจริยวัตรของท่านเปลี่ยน นอกจากจะงดงามขึ้น ท่านไม่เคยหลุดกิริยาวาจาอันใดเลยที่จะทำให้ใจเราสะดุดแม้แต่นิดเดียว ท่านเป็นพระที่สำนึกของเราบอกว่า พระแท้คือพระอย่างนี้
เล่าให้ใครฟังเขาก็มักจะบอกว่าผมโชคดีที่มีโอกาสใกล้ชิดพระผู้ใหญ่หลายองค์ แต่ขอเรียนว่า ทุกองค์ตั้งแต่ท่านได้เป็นสมเด็จ โอกาสที่จะผมจะได้ใกล้ชิดท่านก็ไม่เท่าเดิม สมเด็จอัมพรนั้น หากผมคิดถึงท่านก็จะต้องไปแต่เช้าตรู่ก่อนจะออกจากห้องเล็ก ๆ ที่ท่านจำวัด พอใกล้เวลาฉันเช้า โยมก็มานั่งกันหนาตาแล้ว เห็นอย่างนั้นทีไรก็สังเวช ไม่อยากเอาตัวไปเพิ่มความไร้สาระให้ท่านอีก ดังนั้น หลัง ๆ นี้ถ้าไม่มีธุระจำเป็นจริงๆ หรือท่านเรียกใช้มาก็จะไม่ไป
อยากจะถนอมสังขารของท่านให้ดำรงอยู่ นานที่สุดเท่าที่ท่านจะดำรงได้ เพื่อให้เป็นที่พึงทางใจให้ชาวพุทธคนไทย ไปอีกนานเท่านาน
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1352204618176566&id=1174884455908584