เรือนไทย

General Category => ประวัติศาสตร์โลก => ข้อความที่เริ่มโดย: NAVARAT.C ที่ 28 ธ.ค. 12, 00:20



กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 28 ธ.ค. 12, 00:20
เรื่องราวเก็บตกจากประวัติศาสตร์พม่านี้ เป็นภาคผนวกของเรื่อง “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน” ที่ผมเคยเขียนไว้ในห้องสมุดของพันทิป ซึ่งผมกะจะเขียนเรื่องตามที่จั่วหัวไว้นั้นเรื่องเดียว แต่ไม่ทราบท่านผู้อ่านแห่มาจากไหน เข้ามาให้กิ๊ปมากมายเกิดฮิตติดบอร์ดกระทู้แนะนำอยู่เป็นเดือน ผมก็บ้าจี้ตามเขาไปสิครับ ตะบี้ตะบันเขียนไปทั้งหมดถึง๕ตอนด้วยกัน จนมีคนยกให้เป็นกระทู้แห่งปีด้วยนะ แต่ก็นมนานมาแล้ว นี่คุณเพ็ญชมพูไปขุดกรุขึ้นมาลิงค์ไว้ให้ในกระทู้เรื่องพระนางศุภยาลัต ของคุณพระยาสุเรนทร์ ถ้าท่านไม่เข้าไปอ่านก็คงเห็นว่าเรื่องที่ผมจะเอามาผนวกไว้เป็นบทสุดท้ายในซีรีย์นี้ไม่มันสะใจ ยังไงเสียก็โปรดหาเวลาเข้าไปอ่านก่อนนะครับ

ตอนที่ ๑ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/10/K8387677/K8387677.html

ตอนที่ ๒ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/10/K8404784/K8404784.html

ตอนที่ ๓ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/10/K8411452/K8411452.html

ตอนที่ ๔ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/10/K8420681/K8420681.html

ตอนที่ ๕ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/10/K8435679/K8435679.html

ผมตะขิดตะขวงใจอย่างเดียวที่ท่านเรียกกระทู้ซีรี่ย์ของผมว่า “พม่าเสียเมืองของคุณนวรัตน” ผมเห็นที่ไรก็เสียววูบทุกที กลัวอาจารย์คึกฤทธิ์ของผมท่านทราบด้วยญาณวิถีแล้วจะหมั่นไส้เอา ก็ชื่อนั้นท่านตั้งของท่านไว้เป็นอมตะสำหรับสารคดีที่คอประวัติศาสตร์แท้ๆต้องอ่านกันทุกคน ผมมันระดับลูกศิษย์นั่งหลังห้องมิกล้าบังอาจ
 
เอาเป็นชื่อ“พม่ารบฝรั่งของคุณนวรัตน” ก็แล้วกันนะครับ จะได้ไม่ซ้ำกับท่าน


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 28 ธ.ค. 12, 00:21
คงจำกันได้ที่ผมเล่าไว้ว่า เมื่อพระเจ้ามินดงแมงได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินพม่าก็มีพระราชดำริที่จะสร้างเมืองหลวงขึ้นใหม่แทนเมืองอมรบุระ ราชธานีเดิมที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำอิรวะดีไป  เพราะกลัวว่าอังกฤษที่ยึดเอาพม่าใต้ไปแล้วอาจเอาปืนใหญ่ใส่เรือกำปั่น ขึ้นไปยิงถึงพระราชวังได้ จึงเห็นควรย้ายเมืองไปให้ห่างพ้นระยะปืนศัตรูไว้ก่อน
ครั้นแล้วก็ทรงส่งพวกพราหมณ์ไปหาทำเล ได้แล้วก็เตรียมการสร้างเมือง ให้ชื่อว่ามัณฑะเลย์ อันเป็นชื่อของภูเขาทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองที่จะสร้าง
การมอบภารกิจนี้ให้พวกพราหมณ์ ก็เพราะจะต้องฝังคนเป็นๆลงไปในหลุมตอนวางฐานรากสำคัญของเมือง เพื่อให้วิญญาณเป็นผีตายโหงอยู่เฝ้าเมือง พอได้ข่าวว่าพระเจ้ามินดงจะสร้างเมืองใหม่  ประชาชนพม่าก็แตกตื่น หวาดผวาว่าจะโดนแจ๊กพ๊อตกับเขาเข้าให้ด้วย พระเจ้ามินดงจึงทำเป็นไก๋โดยการสร้างโอ่งขนาดใหญ่ขึ้นหลายสิบใบ ข้างในบรรจุน้ำมันอย่างดี ผนึกแน่นไม่ให้ระเหย เอาไปตั้งไว้ให้คนเห็น บอกว่าโอ่งน้ำมันนี้เป็นเทคโนโลยี่ด้านป้องกันพระนครอันทันสมัยล่าสุดที่จะใช้แทนการฝังมนุษย์ที่ล้าสมัยแล้ว

แต่ที่ไหนได้ ในทางลับนั้นพวกพราหมณ์ก็เตรียมการเป็นอย่างดี  ครั้นได้ฤกษ์ยามก็ลงมือพร้อมกัน นายพลอังกฤษคนหนึ่งชื่อพลตรีฟลิตชย์(Fytche) ได้เขียนหนังสือเรื่อง Burma, Past and Present โดยบันทึกอย่างละเอียดละออตามที่ได้ค้นคว้ามาว่า มีคนถูกจับมาทำพิธีอุบาทว์นี้ทั้งหมดในวันนั้นถึง๕๒คน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก ถ้าเป็นหญิงกำลังท้องยิ่งให้ลำดับสำคัญ เพราะลงทุนฆ่าคนๆเดียวแต่ได้ถึง๒วิญญาณ แต่ละคนจะถูกนำไปมัดในก้นหลุมที่เตรียมไว้ พอได้ฤกษ์ก็ทุ่มด้วยหินให้ตาย เอาดินกลบ หลังจากนั้นก็เอาโอ่งที่เตรียมไว้มาวางลงไปอย่างดี พร้อมกับทำพิธีเอาเสาเอกลงหลุม การทำเช่นนี้เพราะเชื่อว่าเมื่อคนเหล่านี้ตาย วิญญาณจะกลายเป็นผีตายโหงที่ถูกสะกดไม่ให้ไปผุดไปเกิด กลายเป็นร.ป.ภ.ชั้นดีตรงจุดนั้น คนพม่าเรียกว่า“นัต”

ในรูปเป็นเสาหลักเมืองของพม่า หนึ่งในยี่สิบห้าจุดที่ฝังคนไว้ทั้งเป็น รูปนี้ถ่ายสมัยหลังสงคราม แต่เมื่อพม่าได้เอกราชแล้ว หลักเมืองอุบาทว์เหล่านี้ถูกถอนไปหมด


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 28 ธ.ค. 12, 00:22
พลตรีฟลิตชย์ไม่ได้ลงภาพประกอบของโอ่ง แต่ผมไปพบรูปนี้ และเคยนำลงไว้ในกระทู้พม่ารบฝรั่ง บรรยายว่าทหารอังกฤษไปเจอภาชนะประหลาดในพระราชวังมัณฑเลย์ ใต้ภาพอ่านได้ว่าเป็นภาชนะใส่อาหารให้พญาช้างเผือก ซึ่งผมวิจารณ์ว่า “ดูแล้วก็หม่างๆนะครับ ช้างคงเอางวงลงไปควักลำบาก มันน่าจะเป็นภาขนะปากบานมากกว่า ผมนึกถึงอะไรเดาออกไหมครับ คำว่าjarที่ผมแปลว่าโอ่ง ที่พม่าเอาน้ำมันหอมใส่ลงหลุมผีนัตไง หรืออย่างน้อย ไอ้jarนั่นคงจะหน้าตาอย่างนี้”


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 28 ธ.ค. 12, 00:24
ภาพเขียนเหมือนจริงนี้ผมไปพบล่าสุด เป็น เป็นภาพช้างเผือกของพระเจ้าสีป่อที่อยู่ในพระราชวังมัณฑเลย์ โปรดสังเกตุภาชนะที่ใส่อาหารช้างสิครับ เหมือนดังที่ผมสันนิฐานไว้คราวนั้นเป๊ะเลย

ดังนั้น เจ้าjarที่ผมแปลว่าโอ่งในภาพแรก ก็น่าจะเป็นภาชนะที่ทำไว้บรรจุอะไรแปลกๆ เช่นน้ำมันบ้าบออะไรนั่น ดังที่ผมเดาไว้นั่นแล


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 28 ธ.ค. 12, 04:42
มาลงชื่อเข้าเรียนก่อนเลยครับ  8)  8)  8)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 28 ธ.ค. 12, 08:05
ซากความรุ่งเรืองของพระราชวังมัณฑเลย์ ภายหลังถูกฝ่ายสัมพันธมิตรทิ้งลูกระเบิดทำลายไฟไหม้หมดทั้งวัง สูญสิ้่นปราสาทไม้สักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อสงครามโลกครั้งที่ ๒


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 28 ธ.ค. 12, 08:14
ภาพเขียนเหมือนจริงนี้ผมไปพบล่าสุด เป็น เป็นภาพช้างเผือกของพระเจ้าสีป่อที่อยู่ในพระราชวังมัณฑเลย์ โปรดสังเกตุภาชนะที่ใส่อาหารช้างสิครับ เหมือนดังที่ผมสันนิฐานไว้คราวนั้นเป๊ะเลย

ดังนั้น เจ้าjarที่ผมแปลว่าโอ่งในภาพแรก ก็น่าจะเป็นภาชนะที่ทำไว้บรรจุอะไรแปลกๆ เช่นน้ำมันบ้าบออะไรนั่น ดังที่ผมเดาไว้นั่นแล


เอารูปวาดสีมาให้ชมครับ

http://www.bl.uk/onlinegallery/onlineex/apac/other/largeimage66311.html


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 ธ.ค. 12, 08:20
ที่ตำบลมัณฑเลนั้นมีภูเขาอยู่ลูกหนึ่ง พระเจ้ามินดุงทรงพระสุบินแลเห็นภูเขามัณฑเลอันแปลว่ากองมณีนั้นอยู่บ่อย ๆ เมื่อทรงแก้พระสุบินให้อำมาตย์ราชเสวกและโหรพราหมณ์ได้ฟังต่างก็ทำนายทายทักว่าเป็นศุภนิมิต ควรที่จะได้สร้างราชธานีขึ้นใหม่ในระหว่างภูเขาลูกนั้นกับแม่น้ำอิรวดี แล้วขนานชื่อเมืองเป็นมงคลนามว่าพระนครมัณฑเล แต่พระนครนั้นต้องไม่อยู่ชิดริมน้ำอิรวดี ให้ตั้งให้ห่างพอสมควร ทั้งนี้ก็ต้องกับพระราชประสงค์ของพระเจ้ามินดุง เพราะเมืองอมรปุระนั้นตั้งอยู่ริมแม่น้ำ มีเรือกลไฟจักรข้างของบริษัทฝรั่งที่ย่างกุ้งชื่อบริษัทเดินเรืออิรวดี (The Irrawaddy Flotilla Company) เดินขึ้นล่องอยู่บ่อย ๆ หวูดเรือกลไฟนั้นระคายเคืองพระกรรณนัก ไม่มีทางที่จะสงบได้ทั้งกลางคืนและกลางวัน นอกจากจะหนวกหูแล้วก็ยังคอยเตือนให้ระลึกถึงอำนาจของฝรั่งในพม่าภาคใต้อีกด้วย...

การย้ายราชธานีนั้นมิใช่เรื่องเล็ก ๆ เพราะจะต้องสร้างเมืองใหม่ขึ้นที่มัณฑเลให้ใหญ่พอที่จะรับเอารั้ววัง วัดวาอารามขุนนาง ทั้งทหารและไพร่พลตลอดจนราษฎรอีก ๑๕๐,๐๐๐ คนจากกรุงอมรปุระเข้าไว้ให้ได้ทั้งหมด เคราะห์ดีที่ที่ตั้งเมืองใหม่นั้นไม่ไกลจากกรุงอมรปุระนัก ห่างกันไม่กี่กิโลเมตร มิฉะนั้นจะต้องหมดเปลืองแรงทรัพย์แรงคนและชึวิตคนอีกมาก

ราชธานีใหม่นั้นสร้างขึ้นตามแผนผังราชธานีซึ่งใช้กันมาแต่ดั้งเดิม ไม่ชั่วแต่ในพม่า แต่ในประเทศอื่น ๆ อีกมาก ตั้งแต่มอสโคว ปักกิ่ง ลงมาจนถึงกรุงเทพฯ ศูนย์แห่งราชธานีคือพระราชวังซึ่งมีกำแพงล้อมให้เป็นเมืองอันมีปราการ ภายในเมืองรอบพระราชวังนั้นก็เป็นวังเจ้า และบ้านขุนนาง ตลอดจนวัดวาอารามต่าง ๆ แล้วจึงถึงกำแพงเมืองซึ่งมีคูล้อมรอบ

เมืองมัณฑเลเป็นรูปสี่เหลี่ยม จึงมีกำแพงสี่ด้าน กำแพงแต่ละด้านมีประตูเมืองสามประตู รวมเป็นสิบสองประตูด้วยกัน ที่เสาประตูเมืองและตามที่สำคัญอื่น ๆ นั้น ต้องฝังอาถรรพ์ และอาถรรพ์นั้นก็คือคนเป็น ๆ

เมื่อพระเจ้ามินดุงสร้างเมืองมัณฑเลนั้น ต้องเอาคนเป็น ๆ มาฝังถืง ๕๒ คน ฝังตามประตูเมืองประตูละ ๓ คน  ๑๒ ประตููู ก็เป็น ๓๖ คน  ตามมุมเมืองอีกมุมละคน  ประตูพระราชวังและสี่มุมกำแพงพระราชวังก็ต้องฝังคนอีก และเฉพาะใต้พระที่นั่งสิงหาสน์อันเป็นพระที่นั่งในท้องพระโรงสำหรับเสด็จออกขุนนางนั้น ต้องฝังถึง ๔ คน

กรุงมัณฑเลนั้นสร้างทีหลังกรุงเทพฯหลายสิบปี แต่เมื่อสร้างกรุงเทพฯนั้น ประเพณีฝังคนได้เลิกไปแล้ว ในที่ก็เห็นจะต้องจารึกไว้เป็นเกียรติคุณของพระสงฆ์พม่าว่า พอมีข่าวว่าโหรพราหมณ์กราบบัีงคมทูลพระเจ้ามินดุง ให้เอาคนเป็น ๆ มาฝังตามไสยศาสตร์  พระสงฆ์พม่าได้เข้าไปถวายพระพร ขอบิณฑบาตชีวิตมนุษย์เหล่านั้นไว้ แต่พระเจ้ามินดุงก็ไม่อาจขัดโหรพราหมณ์ได้

คนที่ถูกฝังทั้งเป็นเพื่อให้เป็นผีคอยรักษาเมืองและพระราชวังนั้นต้องเลือกให้ได้ลักษณะตามที่โหรพราหมณ์กำหนด  ไม่ใช้คนโทษที่ต้องโทษประหาร แต่เป็นคนที่อยู่ในวัยต่าง ๆ กัน ตั้งแต่ผู้มีอายุไปจนถึงเด็กๆ มีทั้งผู้ชายและผู้หญิง ทุกคนต้องมีฐานะดีเป็นที่ยกย่องในกลุ่มชน ต้องเป็นคนที่เกิดตามวันที่โหรกำหนด ถ้าเป็นเด็กผู้ชายต้องเป็นเด็กที่ยังไม่มีรอยสักตามตัว ถ้าเป็นผู้หญิงก็ต้องยังไม่เจาะหู ทหารมีหน้าที่จับคนเหล่านี้มาให้ได้จนครบ

พอมีข่าวออกไปว่าจะเอาคนมาฝังทั้งเป็น ผู้คนก็หลบไปจากเมืองมัณฑเลเกือบหมด ทางราชการสั่งให้มีละคร ให้คนดูทั้งกลางวันและกลางคืนหลายวัน  แต่ก็ไม่มีใครมาดู ในที่สุดก็ต้องเที่ยวซอกซอนค้นเอาตัวมาได้จนครบ เมื่อได้ฤกษ์ก็เลี้ยงดูคนเหล่านั้นแล้วสั่งเสียให้คอยเฝ้าเมือง และรักษาพระราชวัง  แล้วก็เอาลงหลุม  เอาเสาประตูใส่หลุมตามลงไป ลูกเมียญาติพี่น้องซึ่งได้รับพระราชทานรางวัลก็คงจะรับไปอย่างไม่สบายใจนัก...

จาก "พม่าเสียเมือง" ของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช

 ;D



กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 28 ธ.ค. 12, 08:23
ขอแนบแผนผังพระราชวังมัณฑเลย์ประกอบให้ ซึ่งวาดไว้เมื่ออังกฤษได้เข้าครองพระราชวังแล้ว


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 28 ธ.ค. 12, 09:02
แหมดีจัง มีคนช่วยให้กระทู้ไม่เหงาแล้ว

ผมขอย้อนกลับไปถึงสงครามครั้งแรกสั้นๆหน่อยนึงนะครับ มีบางอย่างตกค้างอยู่ บางทีลงรูปของผมไปแล้วคุณหนุ่มสยาม(คนเดียวกับหนุ่มรัตนะวิกโน้น)อาจจะหารูปสีมาลงให้ใหม่สวยๆยิ่งขึ้นไปอีก แถมบทความที่ชมพูเนตรจะสอดส่องคัดสรรจากอินทรเนตรมาเพิ่มความรู้ให้อีกที  ขอบคุณคร้าบ

ในปี๑๘๑๙ มหาราชาแห่งมณีปุระ Manipur ซึ่งเป็นเมืองขึ้นของพม่า ไม่เข้าไปร่วมในพิธีราชาภิเษกพระเจ้าพะยีดอ Bagyidaw กษัตริย์พระองค์ใหม่ไทยเรียกว่าพระเจ้าจักกายแมงที่ขึ้นครองราชย์ นั่นถือว่าเป็นกบฏ กองทัพอันยิ่งใหญ่พม่าจึงต้องเข้าไปกำหราบซะให้เข็ด และก็ถือโอกาสนั้นตีเมืองอื่นที่อ้างว่ามีเอกราชอธิปไตยของตนเองทั้งหลายที่อยู่ใกล้กันหลายเมืองลึกเข้าไปในแคว้นอัสสัม หนึ่งในบรรดานี้ เมืองคาชาร Cachar มหาราชาหนีรอดไปขอความคุ้มครองในเขตแดนอินเดียของอังกฤษได้
อังกฤษ ตอนแรกก็พยายามทำตนเป็นพ่อค้าที่ดี มุ่งหน้าค้าขายกับพม่าจะกอบโกยกำไรกลับลอนดอนอย่างเดียว จึงยืดหยุ่นไม่ยอมหักกับพม่าในเรื่องทางชายแดน แต่ในสมัยพระเจ้าจักกายแมงนี้เองได้ส่งร้อยเอกไมเคิล ซิม มาตั้งกงสุลอยู่ในอมรปุระ เมืองหลวงของพม่า คณะของซิมมีหน่วยสืบราชการลับอยู่หลายคน ลอบเข้ามาหาความรู้เรื่องพม่าที่อังกฤษยังไม่รู้จักมากนัก ตอนนั้นฝรั่งเศสศัตรูตัวยงที่มีกษัตริย์นโปเลียนเป็นจอมทัพกำลังทำสงครามกับอังกฤษอยู่ในยุโรป ได้เข้าไปทำสนธิสัญญาขอใช้เมืองท่าต่างๆของพม่าและกำลังมีอิทธิพลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆกับราชสำนัก สร้างความวิตกกังวลให้อังกฤษถึงกับตาร้อนผ่าว

แต่อังกฤษก็ต้องใจเย็น ใช้การค้าบังหน้ามุ่งเจรจาเรื่องขอสัมปทานต่างๆ แข่งกับฝรั่งเศสไปเรื่อยๆ พอรู้ตื้นลึกหนาบางดีแล้ว และเห็นทีจะแข่งขันการการค้ากับฝรั่งเศสในพม่าไม่ได้ อังกฤษก็ใช้ข้ออ้างในการที่มหาพันธุละแม่ทัพใหญ่ของพม่าย่ามใจหนัก ยกกองทัพเข้าไปถึงจิตตะกอง เมืองท่าสำคัญของอ่าวเบงกอล (ตอนนี้ก็ยังสำคัญอยู่ ของบังคลาเทศ) เพื่อปราบขุมกำลังใหญ่ของพวกยะไข่รักชาติที่ข้ามชายแดนเข้าไปฆ่าคนพม่าที่มายึดครองบ้านเมืองของตน อ่าวเบงกอลเป็นสิ่งที่อังกฤษจะยอมให้แตะต้องไม่ได้

เมื่อประท้วงไม่ได้ผล ในวันที่๕มีนาคม๑๘๒๔ ลอร์ด แอมเฮอร์ส Lord Amherst ข้าหลวงใหญ่ของรัฐบาลอังกฤษประจำอินเดียจึงได้ประกาศสงครามกับพม่าอย่างเป็นทางการ

มหามหาพันธุละมีทหารม้ามือเก๋าใต้บังคับบัญชาเพียง6000คนเท่านั้น เปิดฉากรุกแคว้นเบงกอลต่อไปทันทีที่รู้ว่าอังกฤษประกาศสงคราม ยึดเมืองรัตนะพลัง Ratnapallang และได้ชัยชนะต่อกองกำลังของอังกฤษในการรบที่รามุ Ramu ทหารอังกฤษต้องสยบต่อแม่ทัพพม่าดังในภาพ (ที่ลงไว้ครั้งแรกนั้น ผมมีแต่ภาพเล็กๆ ตอนนั้นเขียนว่า เสียดายหาที่ชัดกว่านี้ไม่ได้ บัดนี้หาได้แล้ว ขอนำมาลงใหม่ให้สะจาย)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 28 ธ.ค. 12, 09:03
เป้าหมายต่อไปของปฏิบัติการก็คือจะยึดครองจิตตะกอง และดักกา Dacca (เมืองหลวงของบังคลาเทศในตอนนี้)ให้ได้ แต่พอกองกำลังแห่งกองทัพที่๒ของอังกฤษรีบเดินทางจากอัสสัมมาหนุน แผนการรบของมหามหาพันธุละจึงชะงักงัน

เมื่อมีหมายคำสั่งให้ถอนกำลังกลับไปป้องกันเมืองหลวง เพราะทหารอังกฤษเปิดแนวรบที่๒ที่ปากแม่น้ำอิระวดี มหาบัณฑุละก็ต้องถอยอย่างทุลักทุเล มีหน่วยรบอิสระของชาวยะไข่ไล่ตอดเล็กตอดน้อยตลอด กว่ากองทัพพม่าจะออกไปจนพ้นชายแดนได้
ในช่วงนั้นแม่ทัพใหญ่ของพม่า มหาพันธุละก็เรื่มมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นพลุแตก ขึ้นหน้าหนึ่งทุกวันในพม่า และกลายเป็นพระเอกในดวงใจมาจนถึงทุกวันนี้  ในย่างกุ้งจึงมีอนุสาวรีย์ของท่านผู้นี้นั่งบัญชาการรบบนหลังม้าสถิตอยู่


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 28 ธ.ค. 12, 09:06
ที่แต่งเครื่องแบบหล่ออย่างนั้นเห็นจะมีแค่ระดับนายทัพนายกองไม่กี่คน

รูปยูนิฟอร์มของทหารพม่าทั่วไป เทียบกับผ้าห่อกายของทหารอังกฤษ ช่วงที่ทำสงครามครั้งแรกกัน ตอนนั้นลงไว้แบบไม่ค่อยมีสีสัน ผมหาได้ใหม่ก็มาลงใหม่ให้กะจะๆ จะได้เห็นว่าทหารพม่าตรงกับสมัยรัชกาลที่๓ของเราจริงๆแล้วแต่งตัวอย่างไร สมัยอยุธยารบกับสมเด็จพระนเรศวรก็คงแต่งอย่างงี้นั่นแหละ หาได้วิลิศมาหราเหมือนตำนานที่ท่านมุ้ยวาดฝันไว้ในหนังดังของท่านไม่ หาใช่ว่าเวลารบกับไทยแล้วแต่งตัวซะหล่อเฟี๊ยว ทีรบกับฝรั่งละก็ แต่งอย่างกับขอทาน


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 28 ธ.ค. 12, 10:35
ที่แต่งเครื่องแบบหล่ออย่างนั้นเห็นจะมีแค่ระดับนายทัพนายกองไม่กี่คน

หาได้วิลิศมาหราเหมือนตำนานที่ท่านมุ้ยวาดฝันไว้ในหนังดังของท่านไม่ หาใช่ว่าเวลารบกับไทยแล้วแต่งตัวซะหล่อเฟี๊ยว ทีรบกับฝรั่งละก็ แต่งอย่างกับขอทาน


ก็เป็นการโฆษณาอย่างหนึ่งครับ ให้คนมองว่าบ้านเมืองไม่มีความศิวิไลซ์ สามารถรบได้สบาย ๆ ยึดได้เป็นยึด ครับ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: Oh ที่ 28 ธ.ค. 12, 13:30
ปูเสื่อรอค่ะ  :D


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 ธ.ค. 12, 14:24
ที่แต่งเครื่องแบบหล่ออย่างนั้นเห็นจะมีแค่ระดับนายทัพนายกองไม่กี่คน

ภาพนี้ชื่อว่า "A Burmese Minister of State in Military Dress" ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ The Illustrated London News ฉบับวันเสาร์ที่ ๑๔ พฤศจิกายน ค.ศ. ๑๘๘๕  ปีเดียวกับที่พม่าเสียเมืองโดยสมบูรณ์

 ;D



กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ธ.ค. 12, 20:09
ขอแยกซอยออกไปค่ะ
พิธีกรรมฝังคนเป็นๆลงในหลุมเมื่อสร้างเมือง  เป็นพิธีที่คนไทยบางคนเชื่อเอาจริงๆจังๆว่าไทยเองก็มี      ยิ่งได้ดูละครเรื่อง"เจ้ากรรมนายเวร" ยิ่งเชื่อกันเข้าไปใหญ่ว่าทำกันจริงสมัยอยุธยา  
ในเรือนไทยเคยมีการพูดกันเรื่องนี้ในกระทู้เก่ามาแล้ว     จึงยังไม่พูดถึงอีกในตอนนี้  แต่ขอเล่าว่า มีบันทึกไว้ในพงศาวดารมอญเรื่องราชาธิราช   เล่าความเมื่อครั้งมะกะโทได้เสวยราชสมบัติ เป็นกษัตริย์เมืองเมาะตะมะ     พระร่วงแห่งสุโขทัยซึ่งเป็นพ่อตา พระราชทานพระนามมะกะโทว่าพระเจ้าฟ้ารั่ว  และพระราชทานเครื่องกกุธภัณฑ์ให้ด้วย
เมื่อพระเจ้าฟ้ารั่วสร้างราชธานีใหม่    ในหนังสือบรรยายไว้ตามนี้ค่ะ
 
     ฝ่ายมะกะโทรับพระราชทาน แล้วบ่ายหน้ามาต่อบูรพทิศ ยกพระหัตถ์ขึ้นถวายบังคมสมเด็จพระร่วงเจ้า ก็โสมนัสยินดีนัก แล้วมะกะโทให้หาฤกษ์ปลูกปราสาท โหรถวายฤกษ์นั้นว่า วันพฤหัสบดี เดือนหก แรมสามค่ำ พุทธศักราช ๖๔๘ ปี นักษัตรฤกษ์ยี่สิบสอง เป็นราชาฤกษ์ เมื่อได้เวลาฤกษ์นั้น จะมีหญิงมีครรภ์แปดเดือนเดินมา เป็นนิมิตได้ฤกษ์เอาเสาลงหลุม จึงมุขมนตรีแลคนทั้งปวงครั้นวันฤกษ์ก็พร้อมกันคอยท่าฤกษ์แลนิมิต ถึงฤกษ์เวลากลางวัน พอหญิงมีครรภ์คนหนึ่งเดินมาริมหลุม คนทั้งปวงพร้อมกันว่า ได้ฤกษ์แล้ว ก็ผลักหญิงนั้นลงในหลุม จึงยกเสาปราสาทนั้นลงหลุม โลหิตสตรีนั้นกระเด็นขึ้นมาเป็นอสรพิษแปดตัว อสรพิษเจ็ดตัวนั้นตายในสถานที่นั้น แต่ตัวหนึ่งนั้นเลื้อยไปข้างประจิมทิศ แลโหราทำนายว่า เมืองนี้จะบังเกิดกษัตริย์แปดพระองค์ จะทิวงคตในเมืองนี้เจ็ดพระองค์ แต่พระองค์หนึ่งนั้นจะไปทิวงคตฝ่ายประจิมทิศ ครั้นสร้างปราสาทสำเร็จแล้ว จึงให้พระโหราพฤฒามาตย์ตั้งพระราชพิธีราชาภิเศษ รับพระนามซึ่งสมเด็จพระร่วงเจ้าพระราชทานมานั้น ทรงพระนามชื่อว่า พระเจ้าฟ้ารั่ว แต่รามัญชาวเมืองเมาะตะมะทั้งนั้นเรียกว่า พระเจ้าวาโรตะละไตเจิญภะตาน เป็นปฐมกษัตริย์ในเมืองเมาะตะมะในศักราช ๖๔๓ ปี

    คำบรรยายนี้ อ่านแล้วอดรู้สึกไม่ได้ว่าบรรยายแบบไม่ค่อยจะเต็มปาก  ซัดไปที่เหตุบังเอิญว่า หญิงมีครรภ์แปดเดือนที่ไหนไม่รู้   แถมเกิดจะเดินที่ไหนไม่เดิน  เผลอเดินมาริมหลุมเสาหลักเมืองในเวลาที่ได้ฤกษ์พอดี     ข้อนี้โหราพฤฒามาตย์ทายไว้ล่วงหน้าว่าคุณเธอจะมา แล้วก็แม่นยำเป๊ะเสียด้วย เดินมาจริงๆ
พอเธอเดินมาถึงตรงตามเวลา    คนทั้งปวงก็ร้องว่าได้ฤกษ์ เลยผลักเธอลงไปในหลุมแล้วยกเสาลงหลุม    สรุปว่าฝังกันทั้งเป็น จะเรียกอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากฆ่าคนเอาผีตายโหงเฝ้าเสาหลักเมือง
ดูตามรูปการณ์แล้ว ที่ว่าบังเอิญนั้นเห็นทีจะเชื่อไม่ได้     เห็นชัดๆว่าเตรียมการกันเอาไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว  ผู้หญิงคนนั้นคงจะถูกจับตัวมารออยู่ปากหลุม  รอเวลาถูกผลักตามฤกษ์ยาม    แต่ขออนุญาตเดาต่อว่าผู้แปลคือเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ท่านไม่ได้แปลตรงๆ อาจจะเห็นว่าโหดร้ายเกินไป  หรือมิใช่ธรรมเนียมที่ไทยจะเห็นเรื่องพรรค์นี้เป็นเรื่องธรรมดาสามัญ   หรืออะไรก็ตาม    ท่านก็เลยแปลให้ได้ความพอเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเท่านั้น  แต่ผ่อนเพลาลงว่าผู้หญิงเดินมาเอง   ไม่ได้ถูกจับตัวมา    


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ธ.ค. 12, 20:15
อ่านเรื่องฝังคนทั้งเป็นลงในหลุมหลักเมืองได้ ที่กระทู้เก่า
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=3439.0

พิธีฝังคนทั้งเป็นในหลุมหลักเมือง โดย ส. พลายน้อย

เมื่อละครโทรทัศน์เรื่องหนึ่งนำเหตุการณ์เกี่ยวกับการยกเสาหลักเมืองหรือประตูเมืองว่ามีการฝังคนทั้งเป็นออกเผยแพร่ ทำให้คนสงสัยว่าการกระทำดังกล่าวมีจริงหรือไม่ และในฉากนั้นมีพระสงฆ์นั่งทำพิธีอยู่ด้วยดูไม่เป็นการสมควร เท่ากับนำพระเจ้าไปรู้เห็นเป็นใจกับการฆ่าคน จึงเกิดความสงสัยถามไถ่กันขึ้น บางคนก็ว่าเคยได้ยินได้ฟังมาอย่างนั้น ทำท่าจะเชื่อ แต่บางคนก็สงสัยว่าได้หลักฐานมาจากตำราใด และเชื่อได้หรือไม่

ความเชื่อเรื่องฝังคนทั้งเป็นนี้เข้าใจว่าจะมีการบอกเล่าสืบต่อกันมา เป็นการเชื่อแบบชาวบ้านโดยที่ไม่มีหลักฐานไตร่ตรองจนถึงกับนำมาเขียนเป็นประวัติศาสตร์ก็มี เท่าที่พบมีอยู่แห่งหนึ่งคือการฝังหลักเมืองของเมืองถลาง ในหนังสือ "ประวัติจังหวัดภูเก็ตฉบับฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ" เมื่อพ.ศ. ๒๕๐๐ ได้กล่าวถึงการฝังหลักเมืองไว้ตอนหนึ่งว่า

"เมื่อท้าวเทพกษัตรีและท้าวศรีสุนทรได้ถึงอสัญกรรมแล้ว พระยาถลาง (ทองพูน) ได้เป็นเจ้าเมืองถลาง ได้จัดหาสถานที่เพื่อสร้างเมืองใหม่ขึ้น และได้ตกลงให้สร้างเมืองใหม่ขึ้น ที่ตำบลเทพกษัตรี อำเภอถลางในปัจจุบันนี้ โดยเรียกว่า "บ้านเมืองใหม่" เมื่อจัดหาที่ได้แล้ว จึงได้ประกอบพิธีกรรมขึ้นเพื่อฝังหลักเมืองโดยนิมนต์พระภิกษุสงฆ์รวม ๓๒ รูป เจริญพระพุทธมนต์อยู่ ๗ วัน ๗ คืน แล้วจึงให้อำเภอทนายป่าวร้องหาตัวผู้ที่จะเป็นแม่หลักเมือง (ผู้ที่จะเป็นแม่หลักเมืองได้ต้องเป็นคนที่เรียกกันว่า สี่หูสี่ตา คือกำลังมีครรภ์นั่นเอง) การป่าวร้องหาตัวแม่หลักเมืองนี้ได้ประกาศป่าวร้องไปเรื่อย ๆ ไปตลอดทุกหมู่บ้านว่า โอ้เจ้ามั่น โอ้เจ้าคง อยู่ที่ไหนมาไปประจำที่ ในที่สุดจึงไปได้ผู้หญิงชื่อนางนาคท้องแก่ประมาณ ๘ เดือนแล้ว นางนาคได้ขานตอบขึ้น ๓ ครั้ง แล้วได้เดินตามผู้ประกาศไป ขณะนั้นเป็นเวลาพลบค่ำแล้ว เมื่อไปถึงหลุมที่จะฝังหลักเมือง นางนาคก็กระโดดลงไปในหลุมนั้นทันที ฝากหลุมก็เลื่อนปิด เจ้าพนักงานก็กลบหลุมฝังหลักเมืองเป็นอันเสร็จพิธีการฝังหลักเมือง

ตามเรื่องข้างต้นนี้ไม่มีในพงศาวดาร คนเขียนขึ้นตามที่เคยฝังเขาเล่ากัน หรือจับเอาเรื่อง "ราชาธิราช" เมื่อพระเจ้าฟ้ารั่วสร้างปราสาทมาเป็นพิธีฝังหลักเมืองดังมีข้อความตอนหนึ่งว่า
 
"ครั้นวันฤกษ์พร้อมกันคอยหาฤกษ์แล้วนิมิตกึ่งฤกษ์เวลากลางวัน พอหญิงมีครรภ์คนหนึ่งเดินมาริมหลุม คนทั้งปวงพร้อมกันว่าได้ฤกษ์ แล้วก็ผลักหญิงนั้นลงในหลุม จึงยกเสาปราสาทนั้นลงหลุม"

บางทีจะเป็นเรื่องนี้เองก็ได้ ที่คนเอาไปโจษขานเล่าลือกัน แล้วเลยหลงเข้าใจผิดไปว่า การฝังหลักเมืองหรือประตูเมืองนั้นต้องฝังคนท้องทั้งเป็นหรือคนที่มีชื่อว่า อิน จัน มั่น คง จนพวกฝรั่งฟังไม่ได้ศัพท์จึงเอาไปเขียนอธิบายกันยืดยาว และที่น่าอัศจรรย์ใจก็คือ หนังสือประวัติจังหวัดภูเก็ตเล่มดังกล่าวได้ตีพิมพ์เรื่องตอนนี้ไปได้อย่างไร คนอ่านไม่ได้คิดก็จำเรื่องผิด ๆ ไป
 
ตามตำราพระราชพิธีฝังหลุมพระนคร หรือที่เรียกอีกอยางหนึ่งว่า "ตำราพระราชพิธีนครฐาน" ฉบับโบราณก็มีอยู่หลายฉบับ ได้พรรณนาพิธีการตั้งแต่ต้นจนสุดท้ายอย่างละเอียดพิสดาร ก็ไม่มีตอนใดกล่าวถึงคนชื่อ อิน จัน มั่น คง หรือคนมีท้อง มีแต่ให้เอาดินจากทิศทั้ง ๔ มาปั้นเท่าผลมะตูม สมมติว่าเป็นธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม มีคนถือก้อนดินคนละก้อนยืนปากหลุมทั้ง ๔ ทิศ เมื่อทำพิธีมีโหรผู้ใหญ่ถามถึงก้อนดินแต่ละก้อนนั้นมีคุณสมบัติประการใด ผู้ที่ถือก้อนดินก็ตอบไปตามลำดับ คือธาตุดินมีพระคุณจะทรงไว้ซึ่งอายุพระนครให้บริบูรณ์ด้วยคามนิคมเป็นที่ประชุมประชาชนพลพาหนะตั้งแต่ประถมตามเท่าอวสาน, คนถือธาตุน้ำตอบว่า มีพระคุณให้สมเด็จบรมกษัตริย์แลเสนาอำมาตย์ราษฎรทั้งหลายเจริญอายุวรรณะสุขะพละสิริสวัสดิมงคลทั้งปวง, คนที่ถือธาตุไฟตอบว่า มีพระคุณให้โยธาทหารทั้งปวงแกล้วกล้า มีตบะเดชะแก่หมู่ข้าศึก, คนที่ถือธาติลมตอบว่า มีพระคุณให้เจริญสมบัติธนธัญญาหารกสิกรรมวาณิชกรรมต่าง ๆ เมื่อกล่าวตอบครบแล้วก็ทิ้งก้อนดินนั้นลงในหลุมแล้วเชิญแผ่นศิลายันต์ลงในหลุม และเชิญหลักตั้งบนแผ่นศิลานั้น อัญเชิญเทวดาเข้าประจำรักษาหลักพระนคร

พิธีสำคัญก็มีเพียงเท่านี้ ไม่มีการฝังคนทั้งเป็นแต่อย่างไรเลย

จากนิตยสารสารคดี ปีที่ ๑๖ ฉบับที่ ๑๙๐ เดือนธันวาคม ๒๕๔๓
http://www.sarakadee.com/feature/2000/12/contemporary_siam.htm
 
   


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 ธ.ค. 12, 20:19
ขอแยกซอยออกไปค่ะ
พิธีกรรมฝังคนเป็นๆลงในหลุมเมื่อสร้างเมือง  เป็นพิธีที่คนไทยบางคนเชื่อเอาจริงๆจังๆว่าไทยเองก็มี      ยิ่งได้ดูละครเรื่อง"เจ้ากรรมนายเวร" ยิ่งเชื่อกันเข้าไปใหญ่ว่าทำกันจริงสมัยอยุธยา  

จัดหามาสำหรับบางคนที่ยังไม่เคยดูละครเรื่องนี้

http://www.youtube.com/watch?v=DSznPv_j6NI

 ;D



กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 28 ธ.ค. 12, 20:59
ผมไม่เคยดูละครทีวีเรื่องนี้ แต่คุณเพ็ญอำนวยความสะดวกให้เลยดูซะหน่อย ดูแล้วเชื่ออย่างเดียวว่าคณะละครชุดนี้คงได้รับเวรรับกรรมหนักแน่ๆที่ทะลึ่งเอาพระสงฆ์องค์เจ้ามาเข้าฉากอนุโมทนาการทำปาณาติบาตขนาดฆ่ามนุษย์ ซึ่งทางพุทธศาสนาถือเป็นอนันตริยกรรม

คนไทยสมัยนี้ทำไมถึงไร้ความคิดได้ขนาดนี้ แล้วผู้หลักผู้ใหญ่เขาปล่อยให้ฉายออกอากาศได้อย่างไร


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 28 ธ.ค. 12, 23:51
ระหว่างรอ ขอย้อนกลับไปถกกับคุณหนุ่มสยามหน่อยครับ

อ้างจาก: NAVARAT.C ที่ วันนี้ เวลา 09:06
อ้างถึง
ที่แต่งเครื่องแบบหล่ออย่างนั้นเห็นจะมีแค่ระดับนายทัพนายกองไม่กี่คน

หาได้วิลิศมาหราเหมือนตำนานที่ท่านมุ้ยวาดฝันไว้ในหนังดังของท่านไม่ หาใช่ว่าเวลารบกับไทยแล้วแต่งตัวซะหล่อเฟี๊ยว ทีรบกับฝรั่งละก็ แต่งอย่างกับขอทาน

siamese
อ้างถึง
ก็เป็นการโฆษณาอย่างหนึ่งครับ ให้คนมองว่าบ้านเมืองไม่มีความศิวิไลซ์ สามารถรบได้สบาย ๆ ยึดได้เป็นยึด ครับ

ผมคิดว่าคงไม่ใช่มั้งครับ เพราะความศิวิไลซ์ไม่ใช่ว่าดูที่เครื่องแต่งกายทหารเลว ตอนนั้นฝรั่งก็วาดรูปสถาปัตยกรรมพม่าอย่างสง่าสวยงาม เป็นการแสดงออกว่าประเทศพม่าไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อนเหมือนอาฟริกา เพียงแต่ทหารพม่าไม่ค่อยจะต่างกับนักรบเผ่าซูลูเท่าไหร่

นี่ก็เป็นรูปเขียนการรบในสงครามครั้งที่๑ ที่เห็นความแตกต่างระหว่างทหารทั้งสองฝ่ายอย่างชัดเจน


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 28 ธ.ค. 12, 23:59
ขอเลยไปเอาภาพเปรียบเทียบในสงครามครั้งที่๓มาให้ดู ทหารพม่าในรูปเป็นทหารรักษาวังนะครับ หาใช่ทหารเลวซะที่ไหน ยังแต่งหล่อได้แค่เนี้ยะ ส่วนทหารอังกฤษก็ปรับเครื่องแบบให้เหมาะกับอากาศร้อนชื้น ไม่ให้ตับแตกตาย

เดี๋ยวท่านออกมาจากซอยฆ่าฝังหลุมกันแล้ว ผมจะพาไปสงครามครั้งนั้นเลย


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 ธ.ค. 12, 14:33
สงสัยไปส่งท้ายปีเก่ากันหมดแล้ว ผมต่อเลยก็แล้วกัน

ขอนำท่านไปสู่สถานการณ์ก่อนที่จะเริ่มตึงเครียดระหว่างพม่ากับอังกฤษ ฝรั่งอั้งม้อผู้เฉือนพระราชอาณาจักรพม่าอันยิ่งใหญ่แห่งอุษาคเนย์ออกเป็นสองภาค และเข้าครอบครองพม่าภาคใต้ไว้ในกำมือแล้ว ตั้งแต่สงครามพม่ารบฝรั่งครั้งที่๑


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 ธ.ค. 12, 14:37
หลังจากเสียพม่าตอนล่างให้อังกฤษแล้ว พม่าได้ดิ้นรนหามหาอำนาจเบอร์เดียวกันมาคานอำนาจนักเลงข้างบ้านบ้าง ในปี๑๘๕๖ พระเจ้ามินดงได้ส่งคณะราชทูต นำโดยขิ่นหวุ่น มินจี(Kinwun_Mingyi)ไปฝรั่งเศส และมีโอกาสถวายพระราชสาส์นแด่พระเจ้านโปเลียนที่๓  ณ ปราสาทซังส์ คลูด์ แต่ฝรั่งเศสยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับอังกฤษและสนใจญวนมากกว่า จึงได้แค่ขายอาวุธให้บ้าง ความพยายามของพม่าจึงไม่เป็นผล


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 ธ.ค. 12, 14:40
ราชทูตขิ่นหวุ่น มิงจีท่านนี้ต่อมามีชื่อเสียงโด่งดังในประวัติศาสตร์ของพม่า ในปี๑๘๗๒ ก็ได้เป็นราชทูตไปยุโรปอีกครั้ง เพื่อเข้าเฝ้าถวายพระราชสาส์นและเครื่องราชบรรณาการต่อสมเด็จพระนางเจ้าวิกตอเรีย
ในภาพข้างล่างนี้คือตอนเป็นหนุ่มดาวรุ่งอนาคตสดใส ได้ กลับไปแล้วเจริญในราชการจนพระเจ้ามินดงสถาปนาให้เป็นถึงสมุหนายก ครั้นเปลี่ยนรัชกาลมาเป็นพระเจ้าสีป่อ ขิ่นหวุ่น มิงจี ถึงแม้จะดำรงตำแหน่งเดิม แต่ก็กลายเป็นขุนนางแก่อิทธิพลร่อยหลอ ถูกราชสำนักที่คุมบังเหียนโดยพระราชินี ซึ่งมีพระมารดาเป็นกุนซือใหญ่อีกทีหนึ่ง ริดรอนไปให้ข้าบริวารของตนเสียเยอะ

ท่านผู้อ่านพม่ารบฝรั่งของผมมาแล้วอาจจำได้ ตอนที่ราชสำนักทราบว่าอังกฤษจะบุกแน่ ขิ่นหวุ่น มิงจี ผู้เป็นสมุหนายกเสนอให้รีบประนีประนอม แต่ถูกพระนางศุภยลัตกริ้วจัด บริภาษสวนมาว่าขี้ขลาดตาขาว แถมให้นางพระกำนัลนำสำรับเครื่องแต่งกายสตรีไปให้ที่บ้านเป็นการหยามน้ำหน้าอีกต่างหาก
 
ก็จะไม่ให้เกรงกลัวอำนาจของอังกฤษได้อย่างไร ไปเห็นถึงบ้านเมืองของเขามาแล้วก็ทราบดีว่าในโลกใบนี้ เปรียบลำหักลำโค่นกันแล้ว ใครเป็นหมู่ใครเป็นจ่า ใครเป็นแค่หมาน่อยธรรมดาๆ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 ธ.ค. 12, 14:44
ในปี๑๘๘๔นั้นเอง พอพม่าถูกอังกฤษขู่ตะคอกหนักขึ้น ก็แอบส่งราชทูตคณะหนึ่งไปยังฝรั่งเศส ซึ่งตอนนั้นสถานการณ์การเมืองภายในของตนเองก็วุ่นวายอยู่ พม่าใช้เวลาเจรจาอยู่นานกว่าจะสามารถลงนามในข้อตกลงทำการค้า ส่วนเรื่องการเมืองที่พม่าต้องการจะไปเจรจาให้ฝรั่งเศสทำสนธิสัญญากับตนว่า จะเข้าช่วยทางการทหารเมื่อถูกรุกรานจากประเทศที่สามนั้น กระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศสก็ไม่ยอมนัดหมายไปเจรจาสักที ขอเข้าพบทีไรรัฐมนตรีก็สับขาหลอกทุกครั้ง รอมาจนปี๑๘๘๕ก็ได้ข่าวว่า อังกฤษประกาศสงครามและยึดประเทศของตนไปผนวกเป็นจังหวัดหนึ่งของอินเดียเรียบร้อยไปแล้ว ราชทูตก็สิ้นสถานะ ถูกโรงแรมสั่งเช็คบิลก็ไม่มีเงินจะจ่ายเขา ต้องบากหน้าไปหาพระองค์เจ้าปฤษฎางค์ อัครราชทูตสยามประจำกรุงปารีส ร่ำไห้ขอความช่วยเหลือ พระองค์เจ้าปฤษฎางค์ท่านก็ใจดีเหลือหลายกับอดีตศัตรูเก่า รับเป็นธุระไปช่วยเจรจากับกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศสจนเขารับปาก และให้ความช่วยเหลือชำระหนี้ให้แทนรัฐบาลพม่าที่สลายไปแล้ว ทั้งยังเป็นสปอนเซ่อร์ในการส่งคณะทูตเดินทางกลับบ้านด้วย


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 ธ.ค. 12, 14:52
เอาเป็นว่า ผมต้องแปลไทยเป็นไทยอีกทีหนึ่ง เรียกว่าถอดความก็แล้วกันนิ

พระราชสาส์นจากกษัตริย์ผู้ทรงกฤษดานุภาพยิ่งเหนืออุษาคเนย์ แห่งพระราชอาณาจักรพม่า ถวายแด่ สมเด็จพระกษัตรียาธิราชเจ้าผู้ทรงกฤษดานุภาพยิ่ง แห่งพระราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์

พระขนิษฐาธิราชของหม่อมฉัน – หม่อมฉันขอกราบทูลพระองค์ถึงความปรารถนาที่จะทำในสิ่งซึ่งสอดคล้องกับหน้าที่ความรับผิดชอบแห่งกษัตริย์ผู้ปกครองเสรีอารยประเทศ ในอันที่จะสร้างมิตรกับกษัตริย์พระองค์อื่นที่ยังมิได้มีสัมพันธ์ต่อกัน และเพื่อสร้างเสริมความแน่นแฟ้นในทางพระราชไมตรีให้มั่นคงหากได้มีการสถาปนาต่อกันแล้ว หม่อมฉันได้ประมวลสิ่งเหล่านั้นมาสู่การพิจารณาอย่างจริงจังและรอบคอบเพื่อไตร่ตรองหาหนทางดีที่สุด เพื่อที่จะส่งเสริมมิตรภาพอันประเสริฐที่ดำเนินมาระหว่างประเทศอังกฤษและพม่า บนพื้นฐานของสันติสุขอันยั่งยืนแท้จริง หม่อมฉันมีความปรารถนาอย่างจริงจังที่จะสร้างทวิสัมพันธ์เฉกกษัตริย์ทั้งหลายพึงมีต่อกันโดยอิสระ หม่อมฉันจึงได้แต่งตั้งราชทูตผู้ได้รับความไว้ใจจากหม่อมฉันให้เชิญพระราชสาส์นนี้มาถวายต่อพระองค์

เมื่อเดินทางมาถึงประเทศอังกฤษแล้ว ราชทูตจักได้มีโอกาสแถลงความรู้สึกของหม่อมฉันในเรื่องความสัมพันธ์ฉันมิตรที่หม่อมฉันปรารถนาจะส่งเสริมระหว่างทั้งสองประเทศ หม่อมฉันขอภาวนาให้พระผู้เป็นเจ้าปัดเป่าสิ่งที่ไม่ดีทั้งปวงให้พ้นไปจากพระองค์ และปกป้องคุ้มครองพระองค์และพระเจ้าลูกเธอ ลูกยาเธอ ตลอดจนพระราชวงศ์ ขุนนาง และข้าราชการทั้งปวงด้วย

พระราชทาน ณ พระราชวังรัตนบุระ (Royal Palace of Ratnabon-มัณฑเลย์) ประเทศพม่า ที่ วันแรมแปดค่ำ จุลศักราช 1233 ตรงกับวันที่ 5 กุมภาพันธุ์ คริตส์ศักราช 1872

แต่พม่าก็ไม่ค่อยได้อะไรกลับไปเป็นชิ้นเป็นอันเท่าไหร่ นอกจากฝรั่งจะพาไปเที่ยวไปชมอะไรๆในเชิงข่มเสียมากกว่า อย่างไรก็ดี พระเจ้ามินดงเลยได้ชื่อว่าเป็นสายพิลาป รักสงบ บ้านเมืองจึงอยู่รอดปลอดภัยมาจนสิ้นสมัย เพราะอังกฤษวางใจ เอากำลังทหารไปล่าเมืองขึ้นในซูลูและอัฟกานิสถานแทน



กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 ธ.ค. 12, 14:58
และการไปอังกฤษครั้งนี้ คณะราชทูตพม่าก็ได้แวะไปเจริญทางไมตรีกับฝรั่งเศสด้วย แต่ก็ไม่ได้โฉ่งฉ่างอะไร เพราะเกรงใจอังกฤษอยู่มาก


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 ธ.ค. 12, 17:15
พักยกประเดี๋ยว


ไปเจอรูปที่ศิลปินพม่าเขียน คนละแนวกับของฝรั่งเลยครับ ทหารพม่าแต่งหล่อทั้งนายทั้งพล

ถ้าสงครามครั้งแรกรบกับฝรั่งได้ขึงขังอย่างนี้จริงๆก็คงชนะไปแล้วเนอะ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 ธ.ค. 12, 17:36
ขอแยกซอยใหม่ เล็กๆ   ส่วนซอยผีหลักเมืองนั้นปิดทางเข้าออกไปแล้วค่ะ

เห็นชุดทหารพม่ารักษาวังในค.ห. 20 ของคุณ NAVARAT.C    แกนุ่งแบบที่เราเรียกว่าถกเขมร หรือขัดเขมร  คือนุ่งแบบเดียวกับโจงกระเบน แต่ถกชายผ้าขึ้นมาสูงเหนือเข่าเกือบถึงต้นขา      ชายไทยสมัยก่อนนุ่งผ้าแบบนี้กันเวลาทำกิจกรรมที่ต้องลุยน้ำ เช่นลงไปจับปลา
ไม่ทราบว่าทำไม เรียกว่าถกเขมร   หรือขัดเขมร  อาจจะเห็นแบบอย่างมาจากเขมรละมังคะ   แต่รูปนี้น่าจะเรียกว่าถกพม่าหรือขัดพม่าได้ด้วย

รูปซ้ายคือถกพม่า  รูปขวาเป็นภาพประกอบในเรื่อง ถกเขมร ของม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 29 ธ.ค. 12, 17:39
พักยกประเดี๋ยว


ไปเจอรูปที่ศิลปินพม่าเขียน คนละแนวกับของฝรั่งเลยครับ ทหารพม่าแต่งหล่อทั้งนายทั้งพล

ถ้าสงครามครั้งแรกรบกับฝรั่งได้ขึงขังอย่างนี้จริงๆก็คงชนะไปแล้วเนอะ

น่าสงสารชะตากรรมของพม่ายิ่งนัก  :'(


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 29 ธ.ค. 12, 17:52
ภาพพม่ารบอังกฤษ ปีค.ศ. 1885


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 ธ.ค. 12, 18:19
^
อ้าว กำลังไหว้ครู น๊อคไปอีกแล้วรึเนี่ย?


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 29 ธ.ค. 12, 18:38
^
อ้าว กำลังไหว้ครู น๊อคไปอีกแล้วรึเนี่ย?

55+ มาไวเกินใช่ไหมครับ  :-[


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 29 ธ.ค. 12, 21:04
คุณนวรัตนแปลพระราชสาส์นของพระเจ้ามินดงได้ซาบซึ้งจับใจนัก แต่มีข้อแย้งเล็กน้อย

this eighth day of the Waxing Moon Taboung, 1233, Burmese Era; corresponding with the 5th of Freburary, 1872, Christian Era.

คุณนวรัตนแปลว่า

วันแรมแปดค่ำ จุลศักราช 1233 ตรงกับวันที่ 5 กุมภาพันธุ์ คริตส์ศักราช 1872

Waxing Moon = ข้างขึ้น ส่วน Waning Moon = ข้างแรม

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/4/46/Moon_phases_en.jpg/640px-Moon_phases_en.jpg)

ดังนั้น eighth day of the Waxing Moon ที่ถูกต้องคือ วันขึ้นแปดค่ำ

 ;D


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 29 ธ.ค. 12, 21:33
พระราชสาส์นตอบจากสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย

20th February, 1873.

My Friend, — It is with the utmost gratification that I have received the marks of Your Majesty's friendship presented to me by Your Majesty's Minister Plenipotentiary, tlic Mengyee Maha Saythoo Kenwon Mengyee. I cordially reciprocate the sentiments which they express.

It is, as Your Majesty truly observes, always conducive to the maintenance of peace between Empires, that the Ministers and subjects of one Sovereign should visit the territories of another, and that thus, by the extension of mutual knowledge, the bonds of friendship may be strengthened alike between rulers and between nations.

It has afforded me great pleasure to receive Your Majesty's Envoys, and I have observed with much satisfaction the cordiality with which they have been welcomed by my people in all parts of my dominions which they have visited.

I forward this letter by the hands of a trusted officer, who will deliver it to Your Majesty, together with a portrait of myself, as tokens of my friendship and esteem.

With assurances of the interest which I feel in all that relates to Your Majesty's happiness and prosperity,

I am, Yoiu' Majesty's sincere friend and well-wisher,

' Victoria R.'

พระนางทรงนับพระเจ้ามินดงเป็นเพียงพระสหาย

 ;D



กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 29 ธ.ค. 12, 21:45
พระราชสาส์นอีกฉบับหนึ่งของพระเจ้ามินดงถึงเจ้าชายแห่งเวลส์

 ;D


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 ธ.ค. 12, 10:00
เมื่อวานผมรีบร้อนลงกระทู้ไปหน่อย(กลัวความรวดเร็วของไซมีสหนุ่ม) เลยหลงหูหลงตาไปเรื่องข้างขึ้นข้างแรม ขออภัยและขอขอบคุณคุณเพ็ญ

ความจริงมีเรื่องผิดฉกรรจ์กว่านั้นอีก เพราะโดนคุณวิกี้หลอกให้เอารูปขิ่นหวุ่น มิงจีผิดคนมาลง

เข้าไปหาข้อมูลในเวปพม่าจึงทราบว่า พ่อหนุ่มร่างท้วมคนนั้นเป็นเพียงเลขานุการคณะทูต ชื่ออะไรก็อย่าไปทราบให้รกสมองเลย ส่วนขิ่นหวุ่น มิงจีตัวจริงสูงด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิ ท่านเป็นถึงสมุหนายก ฝรั่งเรียก prime minister ที่ผันตนเองลงไปทำหน้าที่อันสำคัญยิ่ง


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 30 ธ.ค. 12, 10:07
คณะราชทูตพม่า

ภาพจากหนังสือพิมพ์ The Illustrated London News ฉบับวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ค.ศ. ๑๘๗๒

 ;D


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 ธ.ค. 12, 10:07
ความหมายอันลึกซึ้งในพระราชสาส์นนั้น อยู่ที่ข้อความที่ผมถอดความว่า “หม่อมฉันมีความปรารถนาอย่างจริงจังที่จะสร้างทวิสัมพันธ์เฉกกษัตริย์ทั้งหลายพึงมีต่อกันโดยอิสระ” ที่อาจารย์เกิ้นแปลเขาซะเสียหาย กล่าวคือพม่ามีความอึดอัดใจอย่างยิ่งกับรัฐบาลอาณานิคมของอังกฤษในอินเดียที่จะเอาโน่นเอานี่ แบบตะกละเสียไม่มีใครเกิน จึงอยากจะข้ามหัวไปติดต่อกับรัฐบาลอังกฤษโดยตรง โดยอ้างทวิสัมพันธ์ที่ผู้นำสูงสุดของแต่ละประเทศพึงมีสายตรงต่อกันในเรื่องที่สำคัญจริงๆได้  ในที่นี้ พระเจ้ามินดง(ก็คงเป็นความคิดของขิ่นหวุ่น มิงจีท่านนี้นั่นเอง)ทรงมีพระประสงค์อยากจะส่งพระราชสาส์นส่วนพระองค์โดยตรงมายังพระนางวิกตอเรียได้โดยไม่ต้องผ่านพิธีการทูตปกติ จึงโปรดให้เจ้าของความคิดมาล็อบบี้คนอังกฤษเอาเอง

สมัยผมเด็กๆครั้งหนึ่ง โลกอยู่ภายใต้สงครามเย็นอันตึงเครียดระหว่าสหรัฐกับรัสเซีย มีข่าวสำคัญชิ้นหนึ่งว่า ผู้นำของประเทศทั้งสองตกลงที่จะติดตั้งโทรศัพท์ทางไกลสายตรง เชื่อมระหว่างห้องทำงานของประธานาธิบดีทั้งที่ไวท์เฮาส์และเครมลิน และวันหนึ่งก็ได้ใช้งานเมื่อเครื่องบินสอดแนมของสหรัฐถ่ายภาพพบว่า เรือสินค้าของรัสเซียที่กำลังมุ่งตรงไปคิวบานั้น มีส่วนหนึ่งของจรวดขีปนาวุธวางเรียงอยู่บนดาดฟ้าโดยมีผ้าใบคลุมไว้ แต่ไม่มิด เรื่องนี้อเมริกายอมไม่ได้เป็นอันขาด เพราะคิวบาเป็นศัตรูที่อยู่ใกล้ลูกกระเดือกของตนมาก ประธานาธิบดีเคนเนดี้จึงออกทีวีแจ้งประชาชนชาวอเมริกัน ว่ารัฐบาลได้ประกาศคำขาดให้รัสเซียยกเลิกปฏิบัติการดังกล่าวภายใน๒๔ชั่วโมงแล้ว คนทั่วโลกก็ตื่นเต้นตามซิครับ เวลาก็ติ๊กๆต๊อกๆไปเรื่อยๆเหมือนในหนัง ถ้าเลยเส้นตายไป อะไรที่เกิดขึ้นอาจนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่๓ได้ เพราะทุกกองทัพทั้งสองประเทศถูกสั่งให้เตรียมพร้อม แต่เรือรัสเซียลำนั้นก็ยังคงวิ่งเต็มฝีจักรมุ่งหน้าต่อไปโดยรัฐบาลรัสเซียยืนยันหนักแน่นว่า ไอ้ที่เห็นในรูปที่นักบินถ่ายมานั่นมันเป็นท่อโรงกลั่นน้ำมันธรรมดาๆ ไม่ใช่ขีปนาวุธสักหน่อย แต่ก็ปฏิเสธหนักแน่นที่ใครจะบังอาจขอขึ้นไปตรวจค้น

และแล้วพอใกล้เส้นตาย ขณะที่ทั้งสองฝ่ายขู่กันฟ่อๆบ้างแง่งๆบ้าง อยู่ๆเรือรัสเซียก็หันหลังกลับ ข่าวว่า โทรศัพท์สายตรงได้ถูกนำมาใช้ในเหตุการณ์สำคัญนี้เป็นครั้งแรก และได้ผล งานนี้ ประธานาธิบดีเคนเนดี้ได้คะแนนจากคนอเมริกันท่วมท้น ประธานาธิบดีครุสชอฟเสียหน้าเล็กน้อย แต่อ้างว่าที่ยอมเพราะรักสันติภาพ ไม่อยากให้เรื่องเข้าใจผิดเล็กๆกลายเป็นเรื่องใหญ่ ส่วนคนดูที่ลุ้นเหงื่อแตกอยู่ทั่วโลกก็โล่งอก

นับว่าขิ่นหวุ่น มิงจีมีสายตายาวไกลมาก แต่โทษที กษัตริย์พม่ามิได้มีความหมายต่ออังกฤษแม้น้อย แถมมากรุ้มกริ่มขอเป็นพี่เป็นน้อง ใช้ถ้อยคำแสนจะชวนสะดุ้ง
อ้างถึง
พระนางทรงนับพระเจ้ามินดงเป็นเพียงพระสหาย

เออนะครับ ถ้าขอเป็นน้าก็ว่าไปอย่าง พระนางอาจจะหยวนๆให้


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 ธ.ค. 12, 10:31
ในการเดินทางของคณะทูตครั้งนั้น ใช้เรือหลวง Sekkya yinmon พากษ์ไทยว่า เศกยายินม่อน(มั้ง) เป็นพาหนะเดินทางออกจากมัณฑเลย์ใน๑๘กุมภาพันธุ์๑๘๗๒ กว่าจะถึงย่างกุ้งก็๑๓มีนาคม เข้าไปแล้ว

หลังจากนั้นก็รอขึ้นเรือโดยสารชื่อ Tenessarim หรือพากษ์ไทยว่า ตะนาวศรี ซึ่งเป็นของบริษัทเอกชนที่วิ่งรับผู้โดยสารจากเมืองขึ้นแถวนี้ ไปมายังประเทศแม่

จากนั้นก็รอนแรมนับเดือนนับดาวไป แวะโน่นแวะนี่ กว่าจะไปลงเรือจากเรือที่ลิเวอร์พูล มีตัวแทนรัฐบาลอังกฤษมารับ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 ธ.ค. 12, 11:08
เมื่อถึงลอนดอน คณะทูตได้ถือโอกาสไปสถานทูตฝรั่งเศสที่นั่นเพื่อขอวีซ่านักท่องเที่ยวพร้อมขยิบตายิบๆ  กงสุลฝรั่งเศสก็เข้าใจ เป็นเจ้าภาพจัดให้ทันที และจัดหนักขนาดให้โอกาสได้แต่งตัวหล่อเข้าพบประธานาธิบดี สร้างฉากว่าเอาพระไตรปิฎกภาษาพม่าไปให้เป็นของขวัญ แต่ข่าววงในของพม่าซุบซิบว่า พม่าใช้ข้าราชการคนหนึ่งที่ไปเรียนอยู่ปารีสนานแล้ว สามารถใช้ภาษาฝรั่งเศสได้เกินกว่าขอซื้อขนมปังบาแกตกินกับเนย  ท่านขิ่นหวุ่น มิงจีจึงใช้เป็นล่ามแทนฝรั่งในการเจรจาอย่างยาวกับประธานาธิบดี เช่น ขอโอกาสให้คนพม่ามาเรียนทางวิศวกรรมที่ฝรั่งเศสบ้าง แต่ที่หมกเม็ดอันสำคัญ คือขอเชิญฝรั่งเศสไปลงทุนทำรถไฟในพม่า อันหลังนี้เกาถูกที่คัน เพราะฝรั่งเศสมีสัมปทานป่าไม้สักในพม่าตอนเหนือ แต่การนำซุงออกไปขายนอกประเทศต้องล่องมาตามแม่น้ำแล้วผ่านไปยังพม่าใต้ อาณานิคมของมหามิตรซึ่งคอยเก็บภาษีและค่าบริการโหดๆอยู่ ฝรั่งเศสจึงมีแผนที่จะล่องซุงลงทางแม่น้ำโขง ยาวหน่อยแต่เป็นอาณานิคมของตัว ถ้ามีทางรถไฟเชื่อมป่าสัมประทานของตนแถวรัฐฉานไปถึงได้ก็ดี ข้อเสนอของพม่านี้จึงน่าสนใจ

ส่วนขิ่นหวุ่น มิงจีก็มีความหวังลึกๆว่า ถ้าฝรั่งเศสถลำเข้ามาลงทุนขนาดหนักในพม่า ก็คงมีโอกาสชักใยให้เป็นตัวคานอำนาจของอังกฤษได้


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 ธ.ค. 12, 11:35
ในรูปและข่าวที่แพร่ออกไปครั้งนั้น เน้นเรื่องพระไตรปิฎกที่ฝรั่งถือเป็นศิลปวัฒนธรรมที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง พอประธานาธิบดีรับไปก็มอบให้นำออกไปจัดแสดงที่กระทรวงต่างประเทศทันที ไม่ทราบว่าเป็นการสร้างกลลวงต้องการให้อังกฤษเขวหรือเปล่า
อังกฤษตอนแรกจึงไม่ค่อยสนใจนัก  แต่พอทราบในปีต่อมาทีหลังว่า ฝรั่งเศสส่งทีมวิศวกรไปสำรวจแนวที่จะทำทางรถไฟในพม่า อังกฤษก็ควันออกหูฉุยๆทันทีทันใด

ฝรั่งเศสนั้นเล่า เองพอมาพบภูมิประเทศมหาโหดอันเต็มไปด้วยภูเขาและร่องน้ำลำธารในรัฐฉานแล้วก็ถอดใจ ดีดลูกคิดยี่ต๊อกสระตะแล้วว่าเงินลงทุนสร้างทางรถไฟเห็นจะไม่คุ้มกับจำนวนป่าไม้ที่ฝรั่งเศสถือครองอยู่ เพราะในป่าแถบเดียวกันคนอังกฤษก็ไปถือสัมปทานไว้ไม่น้อย แถมคนไทในรัฐฉานเองก็ไม่ใช่ว่าจะญาติดีกับพม่านัก

ดังนั้นผลกระทบที่พม่าได้รับไปเต็มๆก็คือ ต่อจากนั้นไปอังกฤษจะไม่รับราชทูตพม่าที่ลอนดอนอีก ถ้ามีกิจอันใด ก็ให้ไปหาอุปราชของอังกฤษประจำอินเดียสถานเดียว


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 ธ.ค. 12, 11:44
อ้อ  U koung ที่เห็นในบรรยายใต้ภาพนั้น คือคนๆเดียวกันกับ ขิ่นหวุ่น มิงจี

อูควง ไม่ใช่นายควงนะครับ นั่นอดีตนายกไทย อูควงเป็นชื่อตำแหน่งที่ท่านขิ่นหวุ่น มิงจีได้รับเมื่อกลับไปประเทศของตนใหม่ๆ และได้รับการโปรโมทสู่ตำแหน่งสูงสุดในรัชสมัยของพระเจ้ามินดง


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 ธ.ค. 12, 11:46
หนังสือ๒เล่มที่ท่านเขียนไว้ และได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษในสมัยหลัง


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 ธ.ค. 12, 11:55
ครั้นผลัดแผ่นดินมาเป็นรัชสมัยของพระเจ้าสีป่อ ขิ่นหวุ่น มิงจีหรือท่านอูควงก็ดูจะแก่เกินไปจริงๆ สงสัยจะเป็นเพราะความเครียดด้วย สัมพันธภาพกับฝรั่งก็ไม่เป็นไปตามแผน ทำให้คณะผู้ชักหุ่นพระเจ้าแผ่นดินไม่ค่อยจะพอใจ หาเรื่องลดบทบาทอำนาจที่เคยยิ่งใหญ่ลงไปมาก แต่ยังคงให้แต่งชุดหล่ออยู่


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 ธ.ค. 12, 11:57
ทำเนียบของท่าน ซึ่งอยู่ในอาณาบริเวณของพระราชวังมัณฑเลย์นั่นเอง


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 ธ.ค. 12, 13:24
อูควง เพิ่งเจอว่าพม่าให้อ่านออกเสียงว่าอูกวง ทำไงดี ผมล่ออูควงไปแล้ว ไหนๆก็ไหนๆขออูควงต่อแล้วกัน

บั้นปลายชีวิตของขิ่นหวุ่น มิงจีจบไม่ค่อยจะสวย เพราะคนพม่าส่วนหนึ่งจะเห็นว่าท่านขายชาติ ทั้งๆที่ท่านทำไปก็เพื่อจะสงวนรักษาชีวิตของเพื่อนร่วมชาติชาวพม่านั่นเอง
การกระทำที่เกิดข้อตำหนิมากที่สุดคือการที่ท่านให้ม้าเร็วไปแจ้งแม่ทัพที่รักษาด่านหน้าทั้งหมดไม่ให้ยิงก่อนทหารอังกฤษ เวลานั้นอังกฤษเคลื่อนขบวนเรือมาทางแม่น้ำอิระวดีแล้ว ราชสำนักได้ข่าวก็ตกใจ ในที่สุดก็ยอมฟังคำแนะนำของท่านสมุหนายกควง ให้ผ่อนหนักเป็นเบาให้มากที่สุด อย่าแข็งขืนต่อกองทัพอังกฤษ ใช้การทูตนำกองทัพด้วยการเจรจาอย่างเดียว

ท่านหวังว่า การที่พม่าไม่ยิงก่อนอาจทำให้สงครามไม่เกิด ที่ไหนได้ ฝรั่งง้างหมัดมาตั้งแต่ไกล พม่าตั้งการ์ดอยู่เฉยๆแต่ไม่ออกหมัด ฝรั่งไปเข้าใจว่าโง่เองก็ออกหมัดตูมเข้าไป พม่าก็หงายผลึ่ง ปืนของอังกฤษวิถียาวกว่าของพม่าอยู่แล้ว เข้าระยะยิงก่อนก็ต้องยิง ขืนช้าไปเข้าระยะยิงของปืนศัตรูเข้า แม้จะล้าสมัยกว่าแต่อาจมีลูกฟลุ๊กมาโดนให้เจ็บตัวได้

ดังนั้นจึงเกิดวลีพม่า เขียนด้วยอักษรโรมันว่า" U Kaung lein htouk, minzet pyouk " อูกวงเล่นท่วก มึนเสร็จอ้วก( ???? ????) แปลเป็นอังกฤษว่า U Kaung's treachery, end of dynasty หรือถอดความเป็นไทยๆว่า “นายกทรยศ สูญหมดพระราชวงศ์”

เมื่อฝรั่งเข้ายึดครองพระราชวังมัณฑเลย์แบบผู้พิชิต ท่านผู้เฒ่าก็อุตส่าห์ไปเข้าแถวต้อนรับ และรับใช้ระบอบปกครองของอังกฤษในพม่ากับเขาด้วย


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 ธ.ค. 12, 13:33
เดี๋ยวก่อนครับ ช้าก่อน เร็วไปแล้ว ผมไม่ได้ตั้งใจจะไปถึงตอนนั้น
 
ขอดึงกลับมาก่อนครับ เอาเรื่องเบาๆมาดูกันเปลี่ยนอารมณ์บ้าง ทางกระทู้ข้างๆเขาว่ากันเรื่องเชื้อพระวงศ์สายพระเจ้าสีป่อ ผมขอเอาของพระเจ้ามินดงมานำเสนอบ้างเป็นการสลับฉาก


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: POJA ที่ 30 ธ.ค. 12, 13:48
ขาดเรียนไปหลายคอร์ส คราวนี้มาทัน ดีใจมาก
กราบสวัสดีปีใหม่ อาจารย์ทุกท่านด้วยค่ะ   

 :)  :D  ;D


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 ธ.ค. 12, 13:50
สวัสดีปีเก่าครับ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 ธ.ค. 12, 13:55
A queen ? งั้นแปลว่าพระมเหสีองค์หนึ่งของพระเจ้ามินดง จากซ้ายไปขวา Queen Sein-dao (พระนางแสงดาวละกัน) Princess Salin (เจ้าหญิงสาลิน) และ Princess Maing Naung (เจ้าหญิงเมียงนอง)

องค์ล่างสุด Princess Myoung Hla (เจ้าหญิงมองหล้า) ไปบวชเป็นแม่ชีหลังการยึดครองของอังกฤษในปี๑๘๘๕ โดยไปสร้างกุฏิ์ไม้ไผ่ปฏิบัติธรรมอยู่ที่เมืองมินกุนจวบกระทั่งสิ้นพระชนม์ในปี๑๙๑๙ สุสานของพระองค์ยังอยู่ณที่นั้น


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 ธ.ค. 12, 14:13
เจ้าจอมมารดาThrazain สระสะอิ้ง(น่าจะพอไหว) และพระราชธิดา Princess Maing loa (เจ้าหญิงเมียงลัว)  องค์ที่สามนี้เขาว่าทรงพระสิริโฉมงดงามที่สุด Princess Tinctra เอาเป็น เจ้าหญิงตรึงตา ไปเลย


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 ธ.ค. 12, 14:34
เจ้าจอมมารดาในพระเจ้ามินดง

แหมเกรงใจเหลือเกิน ผมอ่านชื่อแต่ละท่านแล้วคงจะออกเสียงแบบพม่าไม่ถูกแน่ๆ ถ้าท่านเจ้าคุณแม่ทัพเข้ามาก็ช่วยแก้ให้ด้วยละกัน หรือคุณเพ็ญผู้รอบรู้จะท้วงติงผมก็ยินดีนะครับ

จากซ้ายไปขวา

Shinbyu-ma-shin  ชินบิวมาชิน
Theinmi               เทียนมีมี่
Lac-cha               แหล่กช้า
Lin ban                ลิ้นบาน
Sein-don             เสี้ยนดง
Thara zain           สระสะอิ้ง
Thanazarat          ธนะสฤษฏ์ (คุ้นๆนะ)
Haling kyun         หะลิงขุ่น


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 ธ.ค. 12, 14:50
พระราชธิดามั่ง

จากซ้ายไปขวา

Pakhan gyi   ผักห่านขจี
Chun daung ชุนดวง
Tene-ta       ตรึงตา
Pin              พิณ (ง่ายที่สุดเท่าที่อ่านมา)
Kyauk-yit    ข่วกยิต
Naung-mon น้องมอญ (ง่ายลำดับสอง)
Salin           สาลิน (ง่ายลำดับสาม)
Ya-me-thin   อย่ามีตีน (อ้าว ไหงอย่างงั้น?)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 ธ.ค. 12, 14:59
พระราชโอรส

ผมเข้าใจว่าเป็นเหล่าพระราชโอรสที่รอดพ้นจากการถูกกำจัด โดยนำไปสำเร็จโทษตามชื่อของกระทู้นี้

Prince Limbin       เจ้าชายลิมบิน
Prince Myin-goon   เจ้าชายมยินกูน
Prince Nyaung Yan เจ้าชายน่องยาน  (เมื่อยามเด็กเดินช้าไป)
Prince Nyaung Ok   เจ้าชายน่องงอก (เมื่อยามเด็กเดินเร็วไป)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 ธ.ค. 12, 15:10
พระราชธิดามั่ง

จากซ้ายไปขวา

Pakhan gyi   ผักห่านขจี
Chun daung ชุนดวง
Tene-ta       ตรึงตา
Pin              พิณ (ง่ายที่สุดเท่าที่อ่านมา)
Kyauk-yit    ข่วกยิต
Naung-mon น้องมอญ (ง่ายลำดับสอง)
Salin           สาลิน (ง่ายลำดับสาม)
Ya-me-tin   อย่ามีตีน (อ้าว ไหงอย่างงั้น?)

^

ชอบชื่อท้ายสุด มากที่สุด  ถอดออกมาได้ความหมายแจ่มแจ้ง



กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 30 ธ.ค. 12, 18:57
ขอแยกซอยใหม่ เล็กๆ   ส่วนซอยผีหลักเมืองนั้นปิดทางเข้าออกไปแล้วค่ะ

เห็นชุดทหารพม่ารักษาวังในค.ห. 20 ของคุณ NAVARAT.C    แกนุ่งแบบที่เราเรียกว่าถกเขมร หรือขัดเขมร  คือนุ่งแบบเดียวกับโจงกระเบน แต่ถกชายผ้าขึ้นมาสูงเหนือเข่าเกือบถึงต้นขา      ชายไทยสมัยก่อนนุ่งผ้าแบบนี้กันเวลาทำกิจกรรมที่ต้องลุยน้ำ เช่นลงไปจับปลา
ไม่ทราบว่าทำไม เรียกว่าถกเขมร   หรือขัดเขมร  อาจจะเห็นแบบอย่างมาจากเขมรละมังคะ   แต่รูปนี้น่าจะเรียกว่าถกพม่าหรือขัดพม่าได้ด้วย

รูปซ้ายคือถกพม่า  รูปขวาเป็นภาพประกอบในเรื่อง ถกเขมร ของม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช

การนุ่งผ้าของชาวพม่า การนุ่งโสร่ง เรียกว่า "ลองจี" การนุ่งลองจีมีหลายแบบ และการนุ่งแบบถกเขมรก็มีสองแบบ

1. สวมโสร่ง (ลองจี) มัดชายผ้าด้วยการผูก แล้วจับชายลอดหว่างขา อัดปลายผ้าไว้ด้านหลัว

2. สวมโสร่ง (ลองจี) แบบราชสำนัก ใช้ผ้าผืนยาว และจับทบไปมา (เหมือนจีบหน้านาง แต่แผ่นใหญ่กว่า) เมื่อทบได้ที่แล้วจะทบผ้าที่หน้าท้องพับลงมาหลาย ๆ พับ แล้วใช้เข็มขัดคาด หากจะถกเขมรก็นำชายผ้าลอดหว่างขา (ตามภาพเก่าที่ อ เทาชมพูสงสัย)

การนุ่งถกเขมรแบบพม่านี้ เรียกว่า "ลองจีกะดาวจ้าย"


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 30 ธ.ค. 12, 19:05
ขอเรียงภาษาพม่าใหม่ดังนี้
king = บายิน หรือ ปีนย์

Prince เจ้าชาย = มินดา

Princes เจ้าหญิง = มิต้ามี

Queen =  มีย์พยา

ภาพล่างนี้อ่านสำเนียงพม่าได้ดังนี้

- Queen Sein-dao เป็นมเหสีชื่อ เซ็นดงมิย์พยา

- Princess Salin อ่านว่า สลินมิด้ามี

- Princess Maing Naung  หม๋ายหน่องมิด้ามี

องค์ล่างสุด Princess Myoung Hla (เจ้าหญิงมองหล้า) ไปบวชเป็นแม่ชีหลังการยึดครองของอังกฤษในปี๑๘๘๕ โดยไปสร้างกุฏิ์ไม้ไผ่ปฏิบัติธรรมอยู่ที่เมืองมินกุนจวบกระทั่งสิ้นพระชนม์ในปี๑๙๑๙ สุสานของพระองค์ยังอยู่ณที่นั้น


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 30 ธ.ค. 12, 19:08
พระราชธิดา Princess Maing loa หม๋ายโหล่งมิต้ามี

Princess Tinctra  ตู่ว์ตีรักเกตาวดี


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 30 ธ.ค. 12, 19:12
Shinbyu-ma-shin  ชินบิวมาชิน
Theinmi              ติโนวมินพยา
Lac-cha              แลเหมียมินพยา
Lin ban                ลิมปันมินพยา
Sein-don             เส่งโต้งมินพยา
Thara zain           ตายาเส่งมินพยา
Thanazarat          ตานาซีนมินพยา
Haling kyun         ไลกุนมินพยา


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 30 ธ.ค. 12, 19:16
กลุ่มพระราชธิดา (มิต้ามี)

จากซ้ายไปขวา

Pakhan gyi   ปะคามจีย์ - คำว่า Gyi แปลว่าพี่สาวคนโต
Chun daung  ชุนตาว
Tene-ta       ไตยยา
Pin              ปี่น
Kyauk-yit     จ่าวยิด
Naung-mon  หน่าวหม่น
Salin           ซาลิน
Ya-me-thin   หย่ามีตี๊น


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 30 ธ.ค. 12, 19:20
กลุ่มเจ้าชาย - มินดา

Prince Limbin       ลิมบินมินดา กับ Ye-nant-tha Khin Khin Gyi ยันนันตะคีคีมาจีย์
Prince Myin-goon   หมยิงกูนมินดา
Prince Nyaung Yan เหง่ายิ้นมินดา
Prince Nyaung Ok   หย่างอ๊อกมินดา


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 30 ธ.ค. 12, 19:55
๗๘ .......เจ้า ๒ องค์นี้ชื่อ นะยองยานองค์ ๑ นะยองโอ๊กองค์ ๑ ร่วมมารดากัน เจ้านะยองยานนับเปนลูกชั้นใหญ่ใน ๓ องค์ แลเปนผู้กำกับหมอรักษาพระเจ้ามินดงอยู่ รู้ว่าจะเกิดจลาจลมารดาบอกให้หนี จึงพาเจ้าน้องหนีไปอาไศรยเรสิเดนต์อังกฤษ

ข้อมูลจาก ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๗ คำให้การนายจาด เรื่องเหตุการณ์ในเมืองพม่าเมื่อพระเจ้ามินดงทิวงคต  (http://th.wikisource.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A3_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88_%E0%B9%97)

ภาพจาก flickr.com (http://www.flickr.com/photos/thuriyasai/6111133869/in/photostream/)

 ;D


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 ธ.ค. 12, 20:01
^
โอ้โหว ทึ่งสุดๆ ไปเอามาจากไหนละเนี่ยพ่อหนุ่มสยาม


เอ้าท่านผู้อ่านทราบไว้นะครับ Ya-me-thin อย่ามีตีน ให้ออกสำเนียงพม่าว่า หย่ามีติ๊น

สงสัยอย่างนึง แหล่กช้า Lac-cha ของผม ไปอ่านว่าแลเหมียได้ยังไหง๋ เป็นงง
ที Nyaung Yan อ่านว่า เหง่ายิ้น แต่ Nyaung Ok กลับอ่านว่า หย่างอ๊อก งงเหมือนกัน

แต่ความจริงก็งงหมดทุกชื่อเลย พม่าเขาให้หลักอะไรในการใช่ภาษาอังกฤษเขียนให้ออกเสียงพม่าก็ไม่ทราบได้


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 ธ.ค. 12, 20:03
^
นะยองยาน กับ นะยองโอ๊ก ที่คุณเพ็ญเอามาบอก ค่อยฟังเข้าท่าหน่อย


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: art47 ที่ 30 ธ.ค. 12, 20:39
แล้วองค์ไหนคือ "พระองค์ปิ่น" กับ "พระองค์เจ้าหญิงดารา" ล่ะครับ  :-\


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 31 ธ.ค. 12, 07:21
^
โอ้โหว ทึ่งสุดๆ ไปเอามาจากไหนละเนี่ยพ่อหนุ่มสยาม

ให้คนพม่าอ่านให้ฟังครับ  ;D


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 31 ธ.ค. 12, 07:27
^


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 31 ธ.ค. 12, 07:51
แล้วองค์ไหนคือ "พระองค์ปิ่น" กับ "พระองค์เจ้าหญิงดารา" ล่ะครับ  :-\

ภาพจาก หนังสือเที่ยวเมืองพม่า - สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ (http://www.digitalrarebook.com/index.php?lay=show&ac=cat_show_pro_detail&pid=79337)

 ;D


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 31 ธ.ค. 12, 08:45
เรื่องคำให้การของนายจาด คนไทยที่ไปอยู่ในเมืองพม่าที่คุณเพ็ญโยงไว้ให้มีข้อความบางตอนน่าสนใจ แต่อ่านในต้นฉบับจะสับสนบ้าง ผมจึงลำดับใหม่และขอนำมาประกอบให้ท่านที่สนใจได้ทราบเรื่องที่มีการบันทึกไว้อีกมุมหนึ่ง

ครั้นณวัน ๑๐ ค่ำ พระโรคกำเริบพระอาการหนักไปเสวยไม่ได้ประธมไม่หลับ พระอาการให้อ่อนระทวยไป จะลุกนั่งต้องพยุงพระกาย ในวันนั้นมีรับสั่งให้หาท่านกิววะเมนยีที่เจ้าพระยากลาโหม ฝรั่งเรียกว่า"เกงหวุ่นเม็งยี" ให้เข้าไปเฝ้าข้างในบนพระมหาปราสาท ที่ทรงพระประชวรนั้น พระเจ้าอังวะทรงปฤกษาข้อราชการแผ่นดินด้วยกิววะเมนยี มีรับสั่งว่าเราป่วยครั้งนี้ก็เปนทุกข์หนักใจอยู่ เห็นว่าอายุจะสั้นจะไม่คืนคงอยู่รักษาแผ่นดินได้เปนแน่แล้ว เราคิดว่าจะตั้งเจ้าสิมโปราชโอรสผู้ใหญ่ของเรา ให้เปนที่อุปราชเสียก่อนทันตาต่อหน้าเราเห็นด้วย แล้วจะได้รักษาแผ่นดินสืบวงษ์ต่อไป ท่านจะเห็นเปนอย่างไรให้ว่ามาตามที่เห็นของท่าน ฝ่ายกิววะเมนยีที่เจ้าพระยากลาโหม จึงกราบทูลว่าควรแล้ว พระเจ้าอังวะมีรับสั่งแก่กิววะเมนยีว่า ท่านเห็นชอบแล้วจงไปปฤกษาเสนาบดีแลข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เสียก่อน ให้เขาทั้งหลายเห็นชอบด้วยพร้อมกันมาก ๆ จึงจะสิ้นคำครหานินทา แลจะได้สิ้นเสี้ยนศัตรูด้วย..

…เข้าใจกันว่า พระเจ้ามินดงตั้งพระไทยรอไว้จนจะถึงทิวงคตเมื่อใด จึงจะมอบเวนราชสมบัติแก่ลูกเธอองค์ใดองค์หนึ่ง ครั้นประชวรลงคราวนี้ผู้อื่นสังเกตเห็นก่อนว่าจะทิวงคต นางอะเลนันดอมเหษีมีแต่ราชธิดา เกรงราชสมบัติจะได้แก่ลูกเธอองค์อื่นคิดจะให้ราชสมบัติได้แก่เจ้าสิมโป ด้วยเจ้าสิมโปรักใคร่อยู่กับเจ้าสุพยาลัดธิดาของนางอะเลนันดอ จึงคบคิดกับเกงหวุ่นเมงยี อรรคมหาเสนาบดี อ้างกระแสรับสั่งของพระเจ้ามินดง สั่งไปให้เสนาบดีปฤกษาว่าลูกเธอองค์ใดควรจะเปนพระมหาอุปราชได้ เกงหวุ่นเมงยีเปนผู้ชักชวนให้ยกย่องเจ้าสิมโป เสนาบดีอื่นมีความกลัวก็ยินยอม นางอะเลนันดอนำความกราบทูลพระเจ้ามินดง ว่าเสนาบดีปฤกษาพร้อมกันว่าเห็นควรจะทรงตั้งเจ้าสิมโปเปนพระมหาอุปราช พระเจ้ามินดงประชวรอยู่มิรู้จะทำประการใดก็ต้องยอม อนึ่ง นามที่เรียกว่า เจ้าสิมโปนี้ ฝรั่งเรียกว่า ทีบอ ไทยเหนือเรียกว่า สี่ป่อ เปนนามเมืองไทยใหญ่เมือง ๑ ด้วยนางผู้เปนชนนีของเจ้าองค์นั้นเปนธิดาเจ้าฟ้าเมืองสิมโป

กิววะเมนยีกราบถวายบังคมลาออกมาประชุมเสนาบดี แลขุนนางผู้ใหญ่ ๆ ก็ลงเปนคำเดียวกันแล้วเข้าชื่อทำคำปฤกษาเห็นพร้อมยอมด้วยขึ้นถวายพระเจ้าอังวะ ๆ มีรับสั่งให้หาเจ้าสิมโปพระราชโอรสผู้ใหญ่ ให้เข้าไปเฝ้าที่ทรงพระประชวรนั้น พระเจ้าอังวะตรัสว่าพ่อเจ็บครั้งนี้เห็นจะไม่รอดเปนแน่ พ่อจะตั้งเจ้าให้เปนมหาอุปราชก่อน แล้วจะได้ครอบครองราชสมบัติดูแลแผ่นดินแทนพ่อ เจ้าจงมีน้ำใจโอบอ้อมอารีกับพี่น้องญาติทั้งปวง แลตั้งใจรักษาทางยุติธรรมราชประเพณีโดยขัติยราชานุวัตร ……


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 31 ธ.ค. 12, 08:52
……….กิววะเมนยีที่เจ้าพระยากลาโหมกราบทูลพระมหาอุปราชว่า บัดนี้พระราชบิดาทรงพระประชวรหนัก ฝ่ายพระเจ้าน้องยาเธอของพระองค์ที่เปนชายนั้นมีถึง ๓๐ พระองค์ มีกำลังผู้คนมากทั้ง ๓๐ พระองค์ ต่างองค์ก็ต่างจะปราถนาเอาราชสมบัติ ถ้าเกิดลุกลามขึ้นจะระงับดับยากเหมือนหนึ่งดูหมิ่นพระยาพยัคฆราช ฤๅไม่เช่นนั้นเหมือนต้นไม้ ถ้าทิ้งไว้ให้ใหญ่รากก็จะหยั่งลงฦก ครั้นจะถอนก็ถอนยาก ถ้าจะขุดถอนก็ให้ขุดถอนเสียแต่ยังอ่อนแลเล็ก อย่าเอาไว้ให้ใหญ่จะถอนยาก พระมหาอุปราชได้ทรงฟังก็ทรงเชื่อทุกประการ จึงรับสั่งว่า ท่านจงคิดจับเอาตัวเจ้าน้องชายที่มีกำลังมาคุมตัวไว้ก่อนอย่าให้เกิดจลาจลได้ กิววะเมนยีจึงสั่งขุนนางให้ออกไปเชิญเสด็จเจ้าชายทั้ง ๓๐ พระองค์ ว่าพระมหาอุปราชมีรับสั่งให้หาเข้ามารับมรฎกที่พระราชบิดาแจก แลจะทรงตั้งให้เจ้าทั้ง ๓๐ พระองค์เปนเจ้าครองเมืองเอกโทตรีตามสมควร จะได้มีกำลังช่วยกันรักษาแผ่นดิน ด้วยเรามีอายุน้อยไม่อาจจะรักษาแผ่นดินได้แต่ผู้เดียวเหมือนพระราชบิดานั้นได้ ให้เจ้าพี่เจ้าน้องเจ้าลุงเจ้าอาว์เข้ามาช่วยกัน คิดราชการให้ตกลงเสียแต่พระชนม์พระราชบิดายังมีอยู่ จะได้เปนที่เย็นพระไทยพระเจ้าแผ่นดินที่ทรงพระประชวรอยู่นั้น เหมือนท่านทั้งหลายเจ้านายพวกนั้นๆมาปรองดองสนองพระเดชพระคุณพระเจ้าอังวะ ให้ท่านหลับพระเนตรสวรรคตเทอญ

เมื่อเจ้านายฝ่ายพระบรมวงษานุวงษ์แลเจ้าน้อง๓๐ พระองค์ ได้ฟังหนังสือรับสั่งของพระมหาอุปราชนั้นแล้ว ก็พระไทยอ่อนสำคัญสัญญาว่าจริงก็พากันเข้ามาเฝ้าทุกพระองค์ ครั้นเจ้านายทั้งหลายที่กระด้างกระเดื่องนั้น เข้ามาในพระราชวังถึงประตูสองชั้น ฝ่ายทหารพระมหาอุปราชที่ซุ่มไว้นั้น ก็กรูกันกลุ้มรุมจับเจ้านายทั้งหลาย แลเจ้าน้อง ๓๐ พระองค์ไปลงเหล็กใส่คุกขังไว้๘ ขณะที่ตรวจหาเจ้านายที่จับได้นั้น ยังขาดอยู่ ๒ พระองค์ คือเจ้าสองพี่น้องที่หนีไปอยู่บ้านท่านกงสุลอังกฤษเสียก่อน
 
เรื่องจับลูกเธอของพระเจ้ามินดงนี้ พอพระเจ้ามินดงประชวรนางอะเลนันดอเห็นว่าจะไม่หายได้ ก็คบคิดกับเกงเวุ่นเมงยี อ้างกระแสรับสั่งของพระเจ้ามินดงให้ทูลเจ้านายลูกเธอว่า พระเจ้ามินดงมีรับสั่งให้เข้าไปเฝ้า ฯ ด้วยมีพระราชประสงค์จะทรงสั่งเสียแลพระราชทานมรฎก นางผู้เปนมารดาเจ้านะยองยาน เจ้านะยองโอ๊กกริ่งเกรงใจว่าจะมีเหตุอันตราย ให้ไปห้ามลูกเสีย เจ้า๒องค์นั้นจึงไม่เข้ามา เจ้าองค์อื่นไม่รู้ความ พากันเข้าไปในวัง พอเข้าไปถึงชั้นใน เกงหวุ่นเมงยีก็ให้จับคุมไว้ทั้งหมด พอรู้ข่าวถึง มารดาของเจ้าที่ถูกจับเหล่านั้น ก็พากันเข้าไปเฝ้าฯจนถึงพระองค์พระเจ้ามินดง ร้องไห้กราบทูลว่า เดี๋ยวนี้เขาจับลูกไว้ พระเจ้ามินดงขัดเคือง ให้คนเชิญรับสั่งไปบอกให้ปล่อยลูกเธอเสียในทันที แลให้ลูกเธอเหล่านั้นขึ้นไปเฝ้าฯให้ถึงพระองค์ ผู้ที่ควบคุมเกรงพระราชอาญา ก็ปล่อยลูกเธอตามรับสั่ง ได้ขึ้นไปเฝ้าฯ พระเจ้ามินดงจึงให้เขียนหนังสือรับสั่ง ตั้งลูกเธอที่เปนชั้นผู้ใหญ่ ให้ไปครองเมืองอย่างเปนเจ้าประเทศราช ๓ พระองค์ แลสั่งว่าลูกเธอที่เปนชั้นเล็กลงมา ใครจะสมัคอยู่ในปกครองของพี่องค์ไหนใน ๓ องค์นั้นก็ให้ไปอยู่ด้วยตามใจสมัค แล้วทรงกำชับสั่งลูกเธอที่ได้เปนเจ้าประเทศราชว่าให้รีบออกไปครองเมืองตามรับสั่ง แลอย่าให้กลับเข้ามาเมืองหลวงเลยเปนอันขาด เว้นไว้แต่ได้เห็นลายพระราชหัดถ์เรียกโดยเฉภาะจึงให้เข้ามา นางอะเลนันดอ รู้เรื่องที่พระเจ้ามินดงตั้งลูกเธอเปนเจ้าประเทศราช ก็ให้รีบไปบอกเกงหวุ่นเมงยี พอเจ้านายทูลลากลับลงมาเกงหวุ่นเมงยีก็ให้จับเจ้านายไว้เสียอิก แลให้เก็บหนังสือรับสั่งไว้เสีย คราวนี้นางอะเลนันดอ ระวังกวดขันมิให้ใครเข้าไปทูลพระเจ้ามินดงได้ พระเจ้ามินดงเลยไม่ทรงทราบเรื่องลูกเธอถูกจับคราวหลัง จนทิวงคต

ครั้นณวัน ๑๑ ค่ำ ปีขาลสัมฤทธิศก จุลศักราช ๑๒๔๐ เวลาบ่าย ๓ โมง พระเจ้าอังวะสวรรคต พระชนมายุได้ ๖๗ พรรษาอยู่ในราชสมบัติ ๒๖ ปี พระมหาอุปราชมีรับสั่งให้เจ้าพนักงานต่อหีบไม้หอมอันพิเศษ แล้วแผ่ทองคำจำหลักเปนลายเครือวัลย์ประดับเนาวรัตนทองคำหุ้มพระหีบแล้ว เชิญพระหีบมารับพระบรมศพพระเจ้าอังวะขึ้นตั้งไว้ ในพระมหาปราสาทที่สวรรคตนั้น พระมหาอุปราช มีรับสั่งให้เจ้าพนักงานโยธาก่อพระมหาปราสาทใหม่ ให้แล้วเสร็จแต่ใน ๗ วัน จะบรรจุพระบรมศพพระเจ้าอังวะ เจ้าพนักงานทุกหมู่ทุกกรมก็ระดมกันทำพระมหาปราสาททั้งกลางวันกลางคืน ๕ วันแล้ว ณ วัน ๑๑ ค่ำ เจ้าพนักงานเชิญพระบรมศพพระเจ้าอังวะออกจากพระราชวังขึ้นตั้งบนบุษบกทองคำ แห่ไปบรรจุไว้ในพระมหาปราสาทที่ก่อใหม่ …..


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 31 ธ.ค. 12, 08:55
ณ วัน๑๑ค่ำ ตั้งการพระราชพิธีราชาภิเศกตามขัติยราชประเพณีของพระมหากระษัตริย์ แล้วเสด็จขึ้นนั่งบนพระแท่นบุษบกตั้งอยู่บนหลังหงษ์ทอง ออกขุนนาง ๆ เข้าเฝ้าทุกตำแหน่งพร้อมด้วยกงสุลต่างประเทศ มีกงสุลจีน แลกงสุลยี่ปุ่น กงสุลญวณ แลกงสุลชาวยุโรป แลเจ้าประเทศราชใหญ่ ๆ ที่ขึ้นแก่กรุงอังวะพระมหาอุปราชเปนพระเจ้าแผ่นดินใหม่ณกรุงมันทลีรัตนภูมิ ทรงตั้งข้าหลวงเดิมที่มีความชอบ เปนขุนนางในตำแหน่งตามคุณานุรูปโดยสมควร ทรงตั้งพระราชมารดาซึ่งเปนพระมหาราชเทวีของพระราชบิดานั้นเปนพระเจ้าล้นฟ้า ราชเทวีองค์นี้ มิใช่พระชนนีของพระเจ้าสิมโป เปนเจ้าฟ้า ราชธิดาของพระเจ้าจักกายแมง รัชกาลที่ ๗ เดิมเปนมเหษีรอง ของพระเจ้ามินดง พม่าเรียกนางผู้นี้ว่า อะเลนันดอ มเหษีใหญ่ ไม่มีราชโอรสธิดา นางนี้มีแต่ธิดา เมื่อมเหษีใหญ่พิลาไลยแล้ว นางนี้ก็เปนใหญ่อยู่ในพระราชวัง เจ้าสุพยาลัดธิดาของนางนี้รักใคร่อยู่กับเจ้าสิมโป จึงเปนเหตุให้นางนี้คิดอ่านชิงราชสมบัติให้แก่เจ้าสิมโป
 
พระเจ้าแผ่นดินใหม่ไม่ได้ทรงตั้งพระมหาอุปราช ทรงว่าราชการแผ่นดินพระองค์เดียว ครั้งนั้นกิววะเมนยีที่เจ้าพระยากลาโหมกราบทูลว่า เจ้าสองพี่น้องหนีไปอยู่ที่บ้านกงสุลอังกฤษ พระเจ้าอังวะใหม่ทรงพระพิโรธนัก……..
 
…………ครั้นณวัน ๒ ค่ำ ปีขาลสัมฤทธิศก เวลา ๕ โมงเช้า เกิดเพลิงไหม้ที่ยอดพระมหาปราสาททองคำ เจ้าพนักงานเอาบันไดพาดขึ้นไปดับได้ พระเจ้าอังวะปูนบำเหน็จรางวัลแก่ผู้ที่ดับไฟไหม้ได้เปนอันมาก แต่ทรงพระวิตกนักมีรับสั่งให้หาโหราจารย์เข้ามาในที่เฝ้า ตรัสถามว่าเพลิงไหม้ยอดพระมหาปราสาทดังนี้จะมีเหตุประการใด โหรกราบทูลว่าจะมีเหตุใหญ่พระเคราะห์ร้ายนัก แลจะมีราชศัตรูภายนอกภายใน คิดร้ายต่อพระองค์เปนแม่นมั่น พระเจ้าอังวะมีรับสั่งให้ เจ้าพนักงานทำพระราชพิธีเสดาะพระเคราะห์ ๓ วัน แล้วทรงทำการพระราชกุศลบำเพ็ญทานแก่พระสงฆ์เปนอันมาก

ครั้นณวัน ๒ ค่ำ ปีขาลสัมฤทธิศกนั้น ขุนนางข้าหลวงเดิมกราบทูลฟ้องกล่าวโทษเยนาเมนยีขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายทหาร ซึ่งเปนตาของเจ้าสุรเมงโย พระราชบุตรของพระเจ้าอังวะพระองค์ก่อน ที่เปนพระไอยกาของพระเจ้าอังวะใหม่นี้ แต่เจ้าสุรเมงโยนั้นมีความผิด ติดคุกขังแต่ในแผ่นดินพระราชบิดาพระเจ้าอังวะใหม่นี้ เยนาเมนยีขุนนางผู้ใหญ่ซึ่งเปนตาของเจ้าสุระเมงโยในคุกนั้นคิดขบถนัดหมายกับเจ้านายหลายองค์ จะทำร้ายแก่พระเจ้า อังวะใหม่ ๆ ทรงทราบแล้ว เสนาบดีผู้ใหญ่เกณฑ์ทหารไปจับตัวเยนาเมนยีมาชำระเปนสัตย์ ซัดถึงมารดาบุตรญาติของเจ้าทั้งสองที่ไปอยู่เมืองกลักตานั้นด้วย แลซัดถึงขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อย ๙๕ คน แลซัดถึงพระเจ้าน้องยาเธอ ๓๐ องค์ ชำระเปนสัตย์ทั้งสิ้น พระเจ้าอังวะมีรับสั่งให้ทหารจับเยนาเมนยีต้นเหตุคน ๑ กับขุนนาง ๙๕ คน เจ้า ๓๐ องค์ ไปฆ่าเสียในเวลากลางคืน มารดาแลบุตรภรรยาญาติของเจ้าทั้งสองที่ไปอยู่เมืองกลักตานั้น ก็รับสั่งให้เอาไปฆ่าเสียด้วยพร้อมกันกับพวกขบถในเวลากลางคืน รวมขุนนางเจ้านายที่ฆ่านั้น ๑๒๕ คน การที่ฆ่าเจ้านายลูกเธอของพระเจ้ามินดงนี้ แต่เดิมพระเจ้าสิมโปไม่ได้ตั้งพระไทยจะฆ่า ถึงสั่งให้สร้างเรือนจำหลังใหญ่ขึ้นในพระราชวัง สำหรับจะขังเจ้านายเหล่านั้นไว้ ด้วยเปนประเพณีเคยมีมาในเมืองพม่า…..

…..พระเจ้าสิมโปก็จะคุมขังเจ้านาย พี่น้องไว้อย่างนั้น แต่หากมีเหตุเกิดขึ้น สงไสยกันว่าเปนความ คิดของนางอะเลนันดอแลนางสุพยาลัด คือเมื่อพระเจ้าสิมโปออกเลียบพระนคร ตามราชประเพณีพม่าให้เอาพานทองไปตั้งไว้ทั้ง ๔ มุมเมือง ราษฎรใครจะถวายฎีกาในวันเลียบพระนคร ก็เอาฎีกาไปส่งให้วางไว้ถวายในพานทอง ฎีกาที่ถวายเมื่อวันพระเจ้าสิมโปเลียบพระนคร มีฟ้องหาเรื่องคิดขบถที่กล่าวนี้ จึงเกิดชำระกันขึ้น แล้วเลยฆ่าฟันกัน แต่เจ้านายผู้หญิงที่ไม่ถูกฆ่าฟันมีหลายองค์ ยังต้องคุมขังอยู่ในวัง จนเมื่ออังกฤษได้เมืองพม่าก็มี


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 01 ม.ค. 13, 00:00
ไม่ว่าใครจะเป็นคนสั่งประหารเจ้านายและบริวารรวมแล้ว๑๒๕ชีวิตก็ตาม เรื่องนี้เมื่อไปถึงหูฝรั่งแล้วคงจะเงียบไม่ได้ กระแสข่าวเรื่องความโหดเหี้ยมของพระราชาองค์ใหม่จึงถูกกระพือไปทั่ว ในพม่าเองนั้น คนที่เบื่อเรื่องชิงราชบัลลังก์กันระหว่างลูกกับพ่อ น้องกับพี่ แล้วฆ่าแกงกักขังกันติดต่อกันมาหลายรัชกาลแล้วก็ใจเหือดแห้ง มีผู้เอาใจออกห่างไปอยู่ฝ่ายอังกฤษมากขึ้นทุกทีโดยเฉพาะในพม่าใต้ ส่วนคนพม่าทางเหนือ ที่ฝรั่งเรียกอย่างเป็นทางการว่าราชอาณาจักรอังวะ ก็ต้องทนอยู่กันต่อไป เมื่อใดได้ไปเห็นความเจริญที่อังกฤษนำเข้ามาในย่างกุ้ง ที่เรียกว่าแรงกูนแล้ว ก็อดเปรียบเทียบไม่ได้ เงินทองที่ในท้องพระคลังพอจะมี กษัตริย์ก็นำไปสร้างพระราชวังวิจิตรพิศดารหลบอยู่ในกำแพงอันสูงตระหง่านและคูเมืองที่มีขนาดใหญ่โตราวกับแม่น้ำ เพื่อปกป้องตนเอง ส่วนภายนอกนั้นเล่า บ้านเมืองถนนหนทางก็สกปรกเป็นสลัม แตกต่างกันลิบลับ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 01 ม.ค. 13, 00:01
ผู้ที่เร่งสถานการณ์ให้เอื้อต่อการอ้างของอังกฤษที่จะลงมือผนวกพม่าก็คือฝรั่งเศส ซึ่งมีสถานกงสุลอยู่ที่มัณฑเลย์ หลังจากที่คณะสำรวจชุดแรกพับแผนการสร้างทางรถไฟเชื่อมแม่น้ำอิระวดีไปแม่โขงแล้ว ในปี๑๘๘๔ไม่ทราบคณะไหนอีกไปตื้อนายแอส กงสุลใหญ่ให้ไปทาบทามพม่า ขอสัมประทานทางรถไฟจากมัณฑเลย์ลงไปพม่าใต้ที่ภูมิประเทศไม่โหดร้ายเท่าไหร่ เพื่อเชื่อมต่อกับทางรถไฟของอังกฤษที่กำลังสร้างขึ้นมา พม่าก็ยอมแต่ขอทำเป็นสัญญาลับ ก็มันจะลับได้อย่างไรไม่ทราบ แค่ฝรั่งเศสไปส่องกล้องคนก็ลือกันให้แซ่ดแล้ว อังกฤษรู้เข้าก็ขู่พม่าทันทีว่าถ้าไม่เลิกสัญญานี้ก็จะเป็นอันขาดสัมพันธไมตรีกัน เพราะถือว่าเป็นหักหน้ากันอย่างแรง แถมส่งคนจากลอนดอนข้ามช่องแคบไปต่อว่าฝรั่งเศสถึงที่ปารีสด้วย ส่งผลให้นายแอสถูกเรียกตัวกลับ แต่แก้เกี้ยวกับพม่าว่าไปรักษาอาการป่วยโรคเมืองร้อน

แต่พม่าก็ไม่พ้นที่จะต้องตกเป็นเหยื่อจิ้งจอกอังกฤษอยู่ดี เมื่อเกิดคดีพิพาทระหว่างบริษัทบอมเบย์เบอร์ม่ากับคนงานป่าไม้สักชาวพม่าเรื่องถูกโกงค่าแรงจนทางราชการต้องออกรับแทน ศาลพม่าสั่งปรับแต่บริษัทไม่ยอม ขอให้ตั้งอนุญาโตตุลาการขึ้นพิจารณาซึ่งหลังจากพิจาณาแล้วก็กลับคำพิพากษา ว่าพม่าเป็นฝ่ายผิด รัฐบาลอาณานิคมอังกฤษในอินเดียก็เข้ามาหนุนบริษัทที่เรียกร้องโน่นนี่นั่น พม่าก็ยอมไม่ได้เช่นกัน  พม่าเองถึงจะมีคณะทูตอยู่ในอินเดีย แต่ก็จนปัญญาที่จะเจรจาต่อรองอะไรกับอังกฤษได้

ภาพข้างใต้เป็นคณะทูตพม่าในวันแต่งตัวหล่อเพื่อเข้าพบอุปราชอังกฤษประจำอาณานิคมอินเดีย


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 01 ม.ค. 13, 00:02
ในปี๑๘๘๔นั้นเอง พอพม่าถูกอังกฤษขู่ตะคอกหนักขึ้น ก็แอบส่งราชทูตคณะหนึ่งไปยังฝรั่งเศส ซึ่งตอนนั้นสถานการณ์การเมืองภายในของตนเองก็วุ่นวายอยู่ พม่าใช้เวลาเจรจาอยู่นานกว่าจะสามารถลงนามในข้อตกลงทำการค้า ส่วนเรื่องการเมืองที่พม่าต้องการจะไปเจรจาให้ฝรั่งเศสทำสนธิสัญญากับตนว่า จะเข้าช่วยทางการทหารเมื่อถูกรุกรานจากประเทศที่สามนั้น กระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศสก็ไม่ยอมนัดหมายไปเจรจาสักที ขอเข้าพบทีไรรัฐมนตรีก็สับขาหลอกทุกครั้ง รอมาจนปี๑๘๘๕ก็ได้ข่าวว่า อังกฤษประกาศสงครามและยึดประเทศของตนไปผนวกเป็นจังหวัดหนึ่งของอินเดียเรียบร้อยไปแล้ว ราชทูตก็สิ้นสถานะ ถูกโรงแรมสั่งเช็คบิลก็ไม่มีเงินจะจ่ายเขา ต้องบากหน้าไปหาพระองค์เจ้าปฤษฎางค์ อัครราชทูตสยามประจำกรุงปารีส ร่ำไห้ขอความช่วยเหลือ พระองค์เจ้าปฤษฎางค์ท่านก็ใจดีเหลือหลายกับอดีตศัตรูเก่า รับเป็นธุระไปช่วยเจรจากับกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศสจนเขารับปาก และให้ความช่วยเหลือชำระหนี้ให้แทนรัฐบาลพม่าที่สลายไปแล้ว ทั้งยังเป็นสปอนเซ่อร์ในการส่งคณะทูตเดินทางกลับบ้านด้วย



กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 01 ม.ค. 13, 00:03
ผมขอหยุดปีใหม่กับเขาบ้างสักสองสามวัน กลับมาแล้วจะต่อตอนบู๊ของพม่ารบฝรั่ง ประกอบภาพที่ท่านอาจจะยังไม่เคยเห็น


ในโอกาสนี้ ผมขออวยพรปีใหม่แด่ทุกท่าน ขอให้ประสพความสุขสมหวังดังใจปรารถนาทุกประการด้วยครับ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 01 ม.ค. 13, 07:17
เข้ามารับพรจากคุณนวรัตน

สี่กระทู้แรกของปี ๒๕๕๖ ของคุณนวรัตนทำเวลาได้สวยงามยิ่ง เรียงเวลาจาก ๐๐.๐๐, ๐๐.๐๑, ๐๐.๐๒ และ๐๐.๐๓

ภาพบรรยากาศร่วมสมัยของพม่าในงานนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่สากลเป็นครั้งแรกของพม่า นับแต่ได้รับเอกราชจากอังกฤษ

ภาพจาก ไทยรัฐ (http://www.thairath.co.th/content/oversea/317140)

 ;D


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 01 ม.ค. 13, 08:49
ผมขอหยุดปีใหม่กับเขาบ้างสักสองสามวัน กลับมาแล้วจะต่อตอนบู๊ของพม่ารบฝรั่ง ประกอบภาพที่ท่านอาจจะยังไม่เคยเห็น


ในโอกาสนี้ ผมขออวยพรปีใหม่แด่ทุกท่าน ขอให้ประสพความสุขสมหวังดังใจปรารถนาทุกประการด้วยครับ


ขอบคุณครับ สวัสดีปีใหม่ ขอให้ท่านสุขภาพแข็งแรง อายุมั่นขวัญยืนครับ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 04 ม.ค. 13, 07:39
ภาพนี้ราวกับส.ค.ส. เลยเอามาประเดิมในฉากสงครามพม่ารบฝรั่งครับ บรรยายหลังภาพว่า Ava Army หรือกองทัพอังวะ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 04 ม.ค. 13, 08:40
อังกฤษเตรียมตัวจะรบกับพม่าไว้ระยะนึงแล้ว พอประกาศสงครามก็เคลื่อนทหารลงเรือ ใช้เวลาไม่นานนัก กองเรือที่ประกอบด้วยเรือลำเลียงและเรือรบคุ้มกันก็มาจอดทอดสมออยู่ที่ปากอ่าวมะตะบัน เตรียมการยกพลขึ้นบกสู่แรงกูน


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 04 ม.ค. 13, 08:41
ชาวพม่าต่างพากันแตกตื่นมาดูกองเรือขนาดใหญ่ทันสมัยที่สุดเท่าที่เคยเห็น และวิพากษ์วิจารณ์ถึงชะตากรรมของฝ่ายเหนือ แน่นอนว่า ข่าวนี้จะทราบไปถึงมัณฑเลย์ด้วยเช่นกัน แต่พม่ายังทะนงในศักดิ์ศรีนักเลงใหญ่ในซอยนี้อยู่ ยังไงๆอังกฤษก็เอาเรือรบที่กินน้ำลึกขนาดนั้นขึ้นไปจ่อคอหอยไม่ได้ ต้องส่งพลเดินเท้าเข้าลุยอยู่ดี ถึงตอนนั้นก็คงพอจะฟัดกันมั๊ง


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 04 ม.ค. 13, 08:43
การยกพลขึ้นบกอังกฤษไม่ได้มีเรือเปิดหัวอะไรอย่างพวกอเมริกันในสมัยสงครามโลกหรอก แต่ไปเกณฑ์เรือพื้นเมืองของพม่ามารับพวกทหารแขกอย่างในภาพ อ่าวมะตะบันบางฤดูกาลจะมีคลื่นใหญ่พอประมาณทีเดียว การยกพลขึ้นบกครั้งนั้นก็ทุลักทุเลอยู่บ้าง มีเสียวให้ลุ้นในช่วงที่คลื่นหัวแตกใกล้กระทบฝั่ง ช่วงนั้นชาวเรือจะต้องกลับลำเอาหัวสู้คลื่น ไม่ให้น้ำเข้าท้าย ดีไม่ดีกลับไม่ทันคลื่นซัดเข้ากลางลำก็มีหวังพลิกท้อง เทกระจาดคนในเรือลงไปลอยคอในทะเลได้


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 04 ม.ค. 13, 10:46
อังกฤษไปรบพม่านี้ถือบทเรียนจากสงครามครั้งก่อนๆที่เอาทหารฝรั่งแท้ๆสวมเครื่องแบบสงครามในยุโรปไปรบ พอเจออากาศร้อนชื้นยุงชุมเข้า ทหารก็ล้มเจ็บเป็นไข้ป่าตายกันมากมายยิ่งกว่าที่ตายเพราะต้องอาวุธ ปืนใหญ่ที่ลากขึ้นไปก็จมปลักโคลน ในที่สุดก็ต้องยอมเลิกทัพเสียที่ครึ่งทาง ปล่อยให้ราชอาณาจักรพม่าส่วนบนหลุดจากกรงเล็บพญาสิงห์ไป
ครั้งที่๓ ฝรั่งฉลาดขึ้นรู้จักใช้บ๋อย โดยเอาชาวอินเดียที่จ้างไว้เป็นทหารไว้ปราบคนอินเดียด้วยกันที่หือ คราวนี้เอามาใช้เป็นทหารเลวอัดพม่าให้คุ้มค่าจ้าง


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 04 ม.ค. 13, 10:54
ทหารอังกฤษเดินทางมารบพม่าครั้งนี้มีความเป็นอยู่ประดุจบรรดาเศรษฐี ที่จัดขบวนไปล่าสัตว์แบบซาฟารีในอัฟริกา ใช้บ๋อยมากมายทั้งเป็นพวกล่า พวกลูกหาบและคนรับใช้ประจำตัวบรรดานายทหาร

คำว่าบ๋อยนี้ มาจากคำที่ทหารอังกฤษเรียกคนรับใช้ในอาณานิคมอินเดียของตนก่อน ตอนหลังมีการนำไปใช้แพร่หลายโดยความหมายเปลี่ยนไปบ้าง ที่อินเดียนั้น ฝรั่งเรียกแขกรับใช้พวกนี้ว่า boy หมดไม่ว่าเด็กหรือแก่ ทั้งผู้หญิงผู้ชายไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ ที่ไม่เรียกชื่อเพราะเรียกยาก คนไทยรับเอาคำนี้มาเรียกพนักงานเสริฟตามภัตตาคารว่าบ๋อย ฟังดูโก้ คนที่ถูกเรียกก็ยืดอกรับ พนักงานแม่บ้านที่โรงเรียนเก่าของผมก็ถูกเรียกว่าบ๋อยมาแต่โบราณกาลเหมือนกัน แต่อย่าจำไปใช้ในเมืองนอกนะครับ ไปส่งเสียงเรียกบ๋อยๆมันจะกลายเป็นไปดูถูกเค้าเข้า ให้เรียกว่า waiter จะถูกต้องตามสเป็ก

เอ๊ะ ท่านประธานที่เคารพ นี่ผมบรรเลงผิดประเด็นหรือเปล่า ไปก้าวก่ายกระทู้ “เก็บตกจากโต๊ะอาหาร” เข้าแล้ว เดี๋ยวคุณตั้งจะเข้ามาประท้วงใหญ่โต ท่านประธานจะให้ผมถอนหรือเปล่าครับ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 04 ม.ค. 13, 11:13


เอ๊ะ ท่านประธานที่เคารพ นี่ผมบรรเลงผิดประเด็นหรือเปล่า ไปก้าวก่ายกระทู้ “เก็บตกจากโต๊ะอาหาร” เข้าแล้ว เดี๋ยวคุณตั้งจะเข้ามาประท้วงใหญ่โต ท่านประธานจะให้ผมถอนหรือเปล่าครับ


เข้ามารอคำตัดสิน  :)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 04 ม.ค. 13, 11:40
ท่านประธานที่เคารพ ข้าพเจ้าเห็นว่าข้อความที่ผู้อภิปรายบรรยายมานั้นมีประโยชน์อย่างยิ่ง เห็นควรให้แทรกเกร็ดความรู้อย่างนี้บ่อย ๆ เป็นระยะ ๆ

 ;D 


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ม.ค. 13, 12:07
ท่านประธานส่งมาให้ค่ะ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 04 ม.ค. 13, 14:13
ขอบคุณคร้าบ ท่านประธานและท่านสมาชิกที่แปรญัติสนับสนุนกระพ้ม

ต่อเลยนะครับ

การที่จะบุกขึ้นเหนือจากแรงกูนไปมัณฑเลย์นั้น ทางที่สะดวกที่สุดต้องไปทางเรือ กองทัพอังกฤษในแรงกูนเองก็มีเรือกลไฟท้องแบนติดตั้งปืนใหญ่ไว้คุ้มครองตัวเองอยู่แล้ว และจะใช้เพื่อการรุกราญในครั้งนี้ด้วย

แต่เรือของกองทัพไม่พอเพียงที่จะใช้ลำเลียงทหารที่ยกกำลังมาในครั้งนี้


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 04 ม.ค. 13, 14:21
ในกาลครั้งนั้นนักธุรกิจชาวสก๊อตได้ไปลงทุนตั้งบริษัทเดินเรือชื่อว่าบริษัท Floatilla เปิดสำนักงานในร่างกุ้งนานแล้ว ใช้เรือกลไฟท้องแบนกินน้ำตื้นหลายขนาด ใหญ่ที่สุดก็มีถึง๓ชั้น เดินขึ้นล่องรับส่งผู้โดยสารและสินค้าตามหัวเมืองริมแม่น้ำต่างๆ ครั้นสงครามเกิด รัฐบาลอังกฤษก็เกณฑ์เรือพวกนี้มาใช้ลำเลียงกองทัพ ไม่ทราบว่าเป็นแผนการที่วางไว้ล่วงหน้าแบบญี่ปุ่นในเมืองไทยสมัยก่อนสงครามหรือเปล่า ตอนนั้นพอญี่ปุ่นยกพลถึงบก ธุรกิจร้านค้าตราอาทิตย์อุทัยต่างๆ นายห้างต่างแปลงร่างออกมาเป็นไอ้มดเอ๊กซ์คาดซามูไรกันเป็นแถว


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 04 ม.ค. 13, 14:31
ส่วนเรือของFloatillaก็เอามาจับยึดโยงเข้าด้วยกันเล็กลำนึงใหญ่ลำนึงแบบแฝดสยาม ซึ่งถ้าจะเรียกว่าแฝดสยองก็น่าจะเข้าแก็ปกว่า แฝดสยองนี้บรรทุกจุมากทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์หนัก ไปถึงทหารคนและทหารม้า

เมื่อพร้อมแล้ว อังกฤษก็เคลื่อนทัพ ไชโยโห่ร้องเป็นภาษาฝรั่งว่า ฮิปฮิป ฮูเล กันเป็นการเอิกเริก


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 04 ม.ค. 13, 14:35
ในกาลครั้งนั้นนักธุรกิจชาวสก๊อตได้ไปลงทุนตั้งบริษัทเดินเรือชื่อว่าบริษัท Floatilla เปิดสำนักงานในร่างกุ้งนานแล้ว ใช้เรือกลไฟท้องแบนกินน้ำตื้นหลายขนาด ใหญ่ที่สุดก็มีถึง๓ชั้น เดินขึ้นล่องรับส่งผู้โดยสารและสินค้าตามหัวเมืองริมแม่น้ำต่างๆ

เพราะเมืองอมรปุระนั้นตั้งอยู่ริมแม่น้ำ มีเรือกลไฟจักรข้างของบริษัทฝรั่งที่ย่างกุ้งชื่อบริษัทเดินเรืออิรวดี (The Irrawaddy Flotilla Company) เดินขึ้นล่องอยู่บ่อย ๆ หวูดเรือกลไฟนั้นระคายเคืองพระกรรณนัก ไม่มีทางที่จะสงบได้ทั้งกลางคืนและกลางวัน นอกจากจะหนวกหูแล้วก็ยังคอยเตือนให้ระลึกถึงอำนาจของฝรั่งในพม่าภาคใต้อีกด้วย...

ตอนนี้นอกจากจะหนวกหูเสียงหวูดเรือแล้ว ยังพาภัยอย่างอื่นมาด้วย

 ;D


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: ศุศศิ ที่ 04 ม.ค. 13, 16:16
เข้าห้องเรียนช้า แต่ตามอ่านรวดเดียวจบ ทั้งที่พันทิป และที่นี่
 :D


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ม.ค. 13, 18:18
(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5490.0;attach=38208;image)

เดาว่าทหารพวกนี้น่าจะเป็นพวกทหารซีปอย (Sepoy) ที่อังกฤษตั้งขึ้น  ด้วยการจ้างทหารพื้นเมืองชาวอินเดียมาฝึกให้รบตามคำสั่งของอังกฤษ อย่างที่คุณนวรัตนเล่าให้ฟังข้างบนนี้

ขอตัดทางแยกไปสู่ซอย"ซีป่าย"
ในสมัยรัชกาลที่ ๒  คงจำกันได้ว่าประเทศเจ้าอาณานิคมเริ่มเมียงมองมายังสยามกันแล้ว     อังกฤษถึงกับส่ง  จอห์น ครอฟอร์ด เป็นราชทูตเข้ามา    ไม่ได้มาคนเดียว  มี  “ทหารซีปอย” (Sepoy) หรือที่อินเดียเรียกว่า “สิปาหิ”  ติดเรือรบเข้ามาด้วย เป็นกองกำลังคุ้มกัน
เมื่อเห็นทหารซีปอย เป็นทหารอาชีพมีระเบียบวินัยเข้มแข็งคึกคักดี  สยามก็เริ่มให้ความสนใจทหารอาชีพแบบทันสมัยที่เราไม่มีมาก่อน  พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดฯ ให้จัดตั้งกองทหารอย่างฝรั่งขึ้นบ้าง เรียกว่า “ทหารซีป่าย” มีเครื่องแบบแตกต่างจากทหารทั่วไป มีหน้าที่รักษาพระองค์  

ต่อมาในรัชกาลที่ ๓  พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดฯให้สมเด็จพระราชอนุชา เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์  (หรือพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว)  ทรงฝึกชาวญวนเข้ารีตที่อพยพเข้ามาในสยาม  ให้เป็นทหารปืนใหญ่ประจำป้อมที่ปากน้ำ และนำเครื่องแบบซีป่ายมาใช้กับทหารกองนี้
ใน พ.ศ. ๒๓๙๔ ปลายรัชกาล  ร้อยเอก อิมเป นายทหารอังกฤษจากอินเดีย เดินทางเข้ามาสมัครเป็นครูฝึกทหาร ทรงรับไว้และเกณฑ์ไพร่หลวงเข้ารับการฝึกหัดทหารแบบฝรั่ง ตั้งเป็นกรมทหารราบขึ้น เรียกว่า “ทหารหน้า”  สำหรับนำขบวนเสด็จ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ม.ค. 13, 18:19
ในสมัยรัชกาลที่ ๔ ครูฝึกทหารรุ่นรัชกาลที่ ๓ ออกจากงานไปด้วยเหตุผลต่างๆ เช่นกลับบ้านบ้าง ย้ายงานบ้าง ร้อยเอกโทมัส ยอร์ช น็อกช์  ที่เป็นครูฝึกทหารหน้า ก็ไปเป็นทูตอังกฤษประจำสยาม   ครูฝึกทหารยุโรปคนใหม่เป็นชาวฝรั่งเศส ชื่อลามาช ซึ่งได้รับโปรดเกล้าฯ เป็น หลวงอุปเทศทวยหาญ

ในสมัยรัชกาลที่ ๕  กรมทหารอย่างยุโรปเจริญขึ้นตามลำดับ เรียกว่า “กรมทหารหน้า” รับไพร่หลวงจากกระทรวงต่างๆ เข้ามาเป็นทหาร มีกำหนด ๕ ปีพ้นประจำการ  ไม่ต้องกะเกณฑ์ เพราะมีผู้สมัครเข้ามาเองเป็นจำนวนมาก
ถึงตอนนี้  ก็มีการสร้างกองบัญชาการเป็นตึกใหญ่ขึ้นในปี พ.ศ.๒๔๒๔เรียกกว่า “ศาลายุทธนาธิการ”   คือตึกกระทรวงกลาโหมในปัจจุบัน ครูฝึกกรมทหารหน้าในรัชกาลนี้ เป็นอดีตนายทหารอิตาเลียน ชื่อ ร.อ.ฟารันโด และ ร.อ.เยรินี เป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อย

สงครามที่มี “กองทหารอย่างยุโรป” เข้าร่วมนั้น  ครั้งแรกในปี พ.ศ. ๒๓๙๕  สมัยต้นรัชกาลที่ ๔  ฝึกได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องไปตีเมืองเชียงตุง โดยมี ร.อ.น็อกช์ ครูฝึก ไปควบคุมด้วยตนเอง

ครั้งสำคัญคือใน พ.ศ. ๒๔๑๗  สมัยรัชกาลที่ ๕ เมื่อจีนฮ่อเข้ายึดทุ่งเชียงคำ กองทัพหลวงพระบางส่งกำลังไปขับไล่ก็แตกพ่ายมา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ จึงโปรดให้ เจ้าหมื่นไวยวรนาถ เป็นแม่ทัพ จัดกำลังรบแบบยุโรป   มีกองทหารราบ ทหารปืนใหญ่ ทหารช่าง ทหารพลาธิการ ทหารเกียกกาย รวมทั้งกองโรงเรียนนายร้อยที่มีอาจารย์ชาวอิตาเลียนคุมไป รวมกำลังพล ๑,๑๓๖ คน  นายทหารทุกคนจ่ายปืนสั้นปร ะจำตัว นักเรียนนายร้อย นายสิบ และพลทหาร จ่ายปืนยาวชไนเดอร์กระสุนคนละ ๖๐ นัด พร้อมปืนใหญ่ ปืนครก ปืนมอร์ต้า เฮาวิตเซอร์และอาร์มสตรอง

เริ่มต้นจากทหารซีป่าย  มาเป็นการฝึกทหารอย่างฝรั่ง  ส่งนักเรียนนายทหารไปเรียนในยุโรปในรัชกาลที่ ๕ และ ๖    กลับมาพัฒนากองทัพไทยในแบบตะวันตก มาจนถึงปัจจุบัน


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ม.ค. 13, 19:36
มาปั่นกระทู้ค่ะ

เรือของบริษัทอิรวดี  สงสัยว่าสยามมีเรือแบบนี้บ้างไหม ในยุคเดียวกัน


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 04 ม.ค. 13, 20:57
^
ฝากคำถามนี้ให้คุณสยามหนุ่มกับคุณเพ็ญช่วยค้นคว้าด้วยครับ แม่น้ำเจ้าพระยาของเรามีเรือเมล์วิ่ง หน้าตาไม่เหมือนกัน และไม่ทราบว่าเริ่มในสมัยไหน

ผมขอนำท่านผู้อ่านไปสู่สมรภูมิรบ แต่ก่อนไป ขอแสดงแผนที่เมืองต่างๆที่ผมจะต้องเอ่ยถึงเสียก่อน

อนึ่ง ชื่อเมืองที่ผมเขียนลงในแผนที่นี้ ขอรับรองเสียงแข็งว่าไม่ได้มั่วมา แต่ลอกเอามาจากเวปที่พอจะเชื่อถือได้ซึ่งผมเอาลิงค์มาโยงให้ด้วย ท่านที่ขี้สงสัยก็เข้าไปอ่านดู ส่วนท่านที่เห็นว่าไม่สลักสำคัญก็ผ่านๆไป เพราะจะไม่มีการออกข้อสอบ หรือให้ทายปัญหาเพื่อส่งไปชิงอิโคโนมี่คาร์อะไรทั้งนั้น

http://www.moc.go.th/opscenter/tk/kcd_pre%202553.pdf

เอาเป็นว่า จุดที่เป็นเขตแบ่งแดนระหว่างพม่าเหนือของสีป่อ กับพม่าใต้ของอังกฤษนั้น อยู่ที่เมืองมินลาก็แล้วกัน




กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 04 ม.ค. 13, 21:03
อ้อ เกือบลืม

เวปที่ว่ามีเมืองYamethin ด้วย อ่านว่า"ยาเมเตน"แฮะ ไม่ยักกะอ่านว่า อย่ามีตีน หรือ หย่ามีติ๋น
แปลว่าเจ้าจอมท่านนั้นเกิดที่เมืองนี้ อยู่ทางเหนือด้วย สาวๆคงสวยมาก


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 04 ม.ค. 13, 21:07
เรือกลไฟชื่ออิระวดีเป็นเรือนำร่อง นำเรือแฝดสยองยี่สิบสามคู่ และเรือปืนคุ้มกัน กะจะข้ามพรมแดนที่เมืองมินลาประมาณเที่ยงวันที่๑๔เดือนพฤศจิกายน

เรือในรูปใหญ่มาก สยามสมัยต้นรัชกาลที่๕คงจะไม่มีนะครับ ผมว่า


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 04 ม.ค. 13, 21:10
ก่อนหน้านี้พอประมาณ กุนซือของพระเจ้าสีป่อได้แนะนำให้พระองค์ว่าจ้างฝรั่งกระล่อนทองสัญชาติอิตาเลี่ยนสองนายชื่อคอมมอตโต้กับโมลินารี(Commotto and Molinari) ให้นายคอมมอตโต้นำเรือกลไฟพระราชพาหนะลำหนึ่ง ลากเรือท้องแบนสองลำที่เอาเสาเหล็กขนาดใหญ่เสี้ยมปลายแหลมมาเชื่อมเรียงกันไว้เป็นตับ กะจะเอาจมขวางร่องน้ำระหว่างเมืองมินลาและเมืองตาแยเมียว(Thayetmyo) เป็นขวากไม่ให้กองเรืออังกฤษผ่านไปได้

จังหวะเดียวกันนี้ที่นายคอมมอตโต้ลากเรือขวากมา แต่ความอุ้ยอ้ายผสมเงอะงะไม่รู้ว่ามะงุมมะงาหราอะไรอยู่ กองเรืออังกฤษโผล่มาเห็นเข้าจนได้ และใช้เรือปืนเล็กๆแต่วิ่งเร็วคล่องแคล่วลำเดียวชื่อแคทลีนวิ่งเข้าโจมตี ยังไม่ทันจะได้ออกอาวุธ ทั้งฝรั่งมังค่าและพม่ามังฆ้องบนเรือหลวงก็โดดน้ำ แล้วแข่งกันว่ายท่าฟรีสไตล์เข้าหาฝั่ง สุดท้ายอังกฤษก็ไปตามลากคอมาเป็นเชลยสงครามได้

ภาพถ่ายเหตุการณ์จริง ขณะที่เรือรบอังกฤษเข้ายึดเรือหลวงของพระเจ้าสีป่อ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 04 ม.ค. 13, 21:13
ส่วนนายโมลินารี่นั้น รับจ๊อบเป็นงานเสริมสร้างป้อมปืนริมฝั่งที่ใต้เมืองมัณฑเลย์ลงมา มีหลักฐานเป็นเอกสารที่นายคนแรกทิ้งไว้บนเรือหลวงที่ยึดไว้ได้ และเมื่อปรากฏเรือโดยสารของบริษัทFlotilla ที่ล่องมาจากมัณฑเลย์เที่ยวสุดท้ายก่อนศึกครั้งนี้จะระเบิดขึ้น กัปตันเรือก็ได้รายงานต่อแม่ทัพอังกฤษว่าเห็นป้อมที่กำลังสร้างดังที่ปรากฏบนแผนผังที่ยึดมาได้ด้วย

ในภาพเป็นเรือกลไฟของพระเจ้าสีป่อที่ให้นายคอมมอตโต้ลากทุ่นปักขวากมา แล้วถูกอังกฤษยึดไว้อย่างง่ายดาย โปรดสังเกตุว่าบนดาษฟ้ามีเสริมผนังกันกระสุนไว้ด้วย แต่ยังไม่ทันได้ลองของ คนบนเรือก็ถอดใจเสียก่อน


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 04 ม.ค. 13, 21:19
หลังจากนั้น กองเรือล่าเมืองขึ้นของอังกฤษก็เดินหน้าต่อไป


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 04 ม.ค. 13, 21:28
บรรยากาศในการเดินทาง


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ม.ค. 13, 21:38
ขอแยกซอยเล็กๆอีกครั้ง

อ้อ เกือบลืม

เวปที่ว่ามีเมืองYamethin ด้วย อ่านว่า"ยาเมเตน"แฮะ ไม่ยักกะอ่านว่า อย่ามีตีน หรือ หย่ามีติ๋น
แปลว่าเจ้าจอมท่านนั้นเกิดที่เมืองนี้ อยู่ทางเหนือด้วย สาวๆคงสวยมาก

ไปเจอรูปเจ้าหญิงแห่ง Yamethin เข้าค่ะ    สวยเอาการ
บรรยายภาพว่าเป็นพระธิดาพระเจ้ามินดง


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 05 ม.ค. 13, 10:04
วันนี้ผมไปค้นหนังสือ “พม่าเสียเมือง” ของท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ออกมาจากหิ้ง และนำมาอ่านในช่วงนี้อีกครั้งหนึ่งอย่างเพลิดเพลิน ใจความที่ท่านนำมาเขียนแม้จะไม่เหมือนที่ผมเอามาจากฝรั่งก็คล้ายกันมาก แต่สำนวนของท่านนั้นเป็นสำนวนบรมครู ใครที่ยังไม่ได้อ่านขอให้ไปอ่านซะ แล้วค่อยกลับมาดูภาพในกระทู้ของผม จะได้รสชาติยิ่งขึ้นดุจกุ้งเผาได้น้ำจิ้มแซ่บๆ

ชื่อเมืองที่เรียกก็ต่างกันไปคนละทาง ต้องโทษแหล่งที่มาของใครของมัน เมืองตาแยเมียว(Thayetmyo)ของผม ในพม่าเสียเมืองเรียกว่าเมืองเสียดเหมี่ยว ท่านเล่าว่าพอเรือรบอังกฤษยึดเรือหลวงของพม่าได้ก็ใช้เรือกลไฟอิระวดีลำใหญ่ลากจูงทั้งลำแม่ลำลูกเข้ามาที่เมืองเสียดเหมี่ยวที่อยู่ฝั่งพม่าใต้ ทหารอังกฤษที่นั่นเห็นเรือวิ่งเข้ามาเป็นพวง มีธงพม่าปักอยู่ด้วยก็นึกว่าถูกบุกจู่โจมเสียแล้ว ต่างรีบบรรจุกระสุนปืนใหญ่เตรียมยิง ทหารอังกฤษบนเรือเห็นเข้าจึงนึกขึ้นมาได้ รีบไปเอาธงพม่าลงเสีย เลยรอดพ้นไปจากการยิงกันเองไป

เมื่อข้ามเขตแดนเมืองหน้าด่านเมืองแรกของพม่าก็คือมินลา ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์เรียกมินหลา ผมมินลามาแล้วก็ขอมินลาต่อไปด้วยความมึน เมืองนี้พม่าสร้างป้อมปืนอย่างแข็งแรงไว้ป้องกันเรือรบศัตรู และยังมีฐานปืนใหญ่สองข้างฝั่งแม่น้ำไว้กะยิงให้ถนัดๆ อย่างที่ผมเคยเอ่ยไว้ตอนต้น ปืนใหญ่ของฝรั่งมันยิงได้ไกลกว่า แม่นกว่า พอส่องกล้องเห็นแนวรับพม่าก็ไม่รอให้ถูกยิงก่อน พอเรือปืนอังกฤษซัดเข้าไปไม่กี่ตับ ฐานปืนใหญ่ริมฝั่งของพม่าก็ย่อยยับไปดังภาพที่ถ่ายมาหลังการรบ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 05 ม.ค. 13, 10:07
ส่วนป้อมใหญ่ที่อยู่ลึกเข้าไปนั้น อังกฤษก็ส่งทหารราบขึ้นบก ให้ลุยขึ้นไปตี โดยใช้เรือปืนยิงนำเข้าไปก่อน บางลูกก็โดนป้อมบางลูกก็หลงเข้าไปในเมือง โดนบ้านเรือนราษฎรเพลิงไหม้ปั่นป่วนไปทั่ว ทหารพม่าในป้อมเห็นว่าขืนอยู่ไปก็ทำอะไรฝรั่งไม่ได้ ขอเผ่นหนีไปตั้งหลักในป่าดีกว่า พอทหารราบบุกไปถึงก็เข้ายึดป้อมได้ง่ายๆ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 05 ม.ค. 13, 10:09
ดูรูปถ่ายจริงๆของป้อมแล้วก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า ทำไมทำทางลาดใหญ่โตไว้อำนวยความสะดวกแก่ศัตรูให้วิ่งขึ้นไปปล้นค่ายได้ง่ายๆอย่างงั้น ผมคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก คุณสยามหนุ่มช่วยถามคนพม่าให้หน่อยว่าเขาคิดยังไง


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 05 ม.ค. 13, 10:14
^
ดูอีกทีหนึ่งก็เหมือนฐานพระเจดีย์ที่สร้างค้างไว้(เพราะส่วนหนึ่งทรุดพังลงมา)นะครับ

ทหารพม่าไปตั้งรับบนนั้นเพราะเห็นเป็นชัยภูมิที่สูง ฝรั่งเลยมั่วว่าเป็นป้อมค่ายไปเลย


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 05 ม.ค. 13, 10:52
^
ดูอีกทีหนึ่งก็เหมือนฐานพระเจดีย์ที่สร้างค้างไว้(เพราะส่วนหนึ่งทรุดพังลงมา)นะครับ

ทหารพม่าไปตั้งรับบนนั้นเพราะเห็นเป็นชัยภูมิที่สูง ฝรั่งเลยมั่วว่าเป็นป้อมค่ายไปเลย

ผมก็มองไม่ออกว่าจะเป็นป้อมได้ เป็นกองอิฐใหญ๋โต คงจะเป็นการสร้างพระเจดีย์ค้างไว้ และถูกดัดแปลงเป็นที่เก็บอะไรสักอย่างเพราะเห็นประตูโค้งด้านหน้าอยู่ด้วย คงเป็นห้องที่เข้าไปได้ เพราะลักษณะการสร้างป้อมควรมิดชิดมากกว่านี้


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 05 ม.ค. 13, 11:07
วันนี้ผมไปค้นหนังสือ “พม่าเสียเมือง” ของท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ออกมาจากหิ้ง และนำมาอ่านในช่วงนี้อีกครั้งหนึ่งอย่างเพลิดเพลิน ใจความที่ท่านนำมาเขียนแม้จะไม่เหมือนที่ผมเอามาจากฝรั่งก็คล้ายกันมาก แต่สำนวนของท่านนั้นเป็นสำนวนบรมครู ใครที่ยังไม่ได้อ่านขอให้ไปอ่านซะ แล้วค่อยกลับมาดูภาพในกระทู้ของผม จะได้รสชาติยิ่งขึ้นดุจกุ้งเผาได้น้ำจิ้มแซ่บๆ


ผมก็คว้ามาอ่านตอนท้าย ๆ เล่มได้อ่านว่า เหล่าบรรดาผู้หญิงที่วิ่งค้นหาสมบัติกันอย่างบ้าคลั่ง รวมทั้งหญิงจากภายนอกวังก็เข้ามารื้อหาสมบัติ ต่างคนต่างตบตีกัน และร้องเสียงหลงเมื่อได้พบสิ่งมีค่าที่ติดไม้ติดมือออกไปได้ บ้างทะเลาะกันเพื่อแย่งสมบัติ ส่วนพระเจ้าสีป่อก็ทำอะไรไม่ได้เลย น่าเศร้ามาก ๆ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 05 ม.ค. 13, 11:23
ผมไปเจอบทความเกี่ยวกับป้อมนี้ครับ ชื่อป้อม  Min-hla ซึ่งสมเด็จกรมพระนริศราฯ ทรงเล่าไว้

http://www.soas.ac.uk/sbbr/editions/file64347.pdf


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 05 ม.ค. 13, 11:29
โครงสร้างป้อมภายในเป็นมวลอิฐ คั่นกลางด้วยแกนดินถม และหุ้มด้วยอิฐภายนอก ซูมให้ชมครับ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 05 ม.ค. 13, 12:36
สรุปว่าสถาปนิกบรมครูอย่างสมเด็จท่านก็ยังมิทรงจะลงให้ว่าเป็นป้อมทหารแต่ต้นตามความเห็นฝรั่ง แต่ก็มิได้ทรงระบุโดยแท้แล้ว มันถูกสร้างขึ้นเพื่อจะให้เป็นอะไร

เอ้า เราไปต่อกัน

ครั้นอังกฤษผ่านเมืองตาแยเมียวมาแล้วก็ฝ่ากระแสน้ำหลากทวนอิระวดีขึ้นไปอย่างช้าๆต่อไป ผ่านเมืองมากวี(Magwe) ที่ในพม่าเสียเมืองเรียกว่าเมืองมะกอย ความจริงมีฐานทัพแต่ไม่มีทหารพม่ายอมอยู่ให้โง่แล้ว เจ้าเลี่ยนสองคนที่ชื่อแบบโก้ว่าคอมมอตโต้กับโมลินารีก็เขย่งเก็งกอยมามอบตัวกับอังกฤษที่เมืองมะกอยนี่ ยอมเป็นเชลยสงครามแทนที่จะตามทหารพม่ากลับไปมัณฑเลย์ให้โดนใส่ตะกร้อเอาช้างเตะ ฐานเบิกพระเนตรพระเจ้าแผ่นดินเอาค่าจ้างไปแล้วทำไม่ได้ดังที่โม้ ข่าวไม่แจ้งว่าเจ้าอิตาเลี่ยนทั้งสองโดนอังกฤษรีดไถต่อยังไงหรือไม่ เป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง เพราะหลังจากนี้แล้วก็ตกจากหน้าประวัติศาสตร์ไปเฉยๆ

๒๒ พฤศจิกายน กองเรือมาถึงเขตเมืองพุกาม บริเวณNyaungu ผมยังไม่ได้ถอดชื่อไว้ ขอเรียกตามท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ว่า “ยองคู” ไปเลย พม่าเอาปืนใหญ่ไปตั้งไว้บนเนินเขาแล้วยิงมาที่อังกฤษ ถูกเรือปืนอังกฤษยิงสวนกับไปสักพักก็เงียบเสียง ทหารพม่าที่นั่นนับพันคนบนนั้นก็ล่องหนหายเข้าป่า


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 06 ม.ค. 13, 09:03
ภาพจากสมรภูมินี้บรรยายไว้สั้นๆว่าถ่ายที่เมืองพุกาม เทียบแบบไทยๆแล้วพุกามใหญ่ระดับอำเภอเมือง ส่วนยองคูก็แค่ระดับตำบลที่อยู่ติดพุกามเท่านั้น บางครั้งจดหมายเหตุต่างๆที่อังกฤษบันทึกจึงมักกล่าวปะปนกัน เรือที่อับปางอยู่อาจจะเป็นเพราะโดนกระสุนปืนใหญ่ของพม่าแต่ไม่จมทันทีก็ได้ จึงลากจูงมาจมไว้ริมตลิ่งมิให้ขวางทางน้ำ และอาจเป็นเหตุที่ทำให้การเดินทางล่าเมืองขึ้นของกองเรือต้องล่าช้าไปหนึ่งวัน ซึ่งบันทึกฉบับที่ผมนำมาเป็นหลักในการดำเนินเรื่องนี้กล่าวไว้ แต่ไม่ได้ระบุถึงสาเหตุ

แม่ทัพพม่าซึ่งมีนามกรว่า Hlethin Atwin Wun เอาละซี หนักอกผมอีกแล้วที่ต้องถอดชื่อให้เป็นไทยๆ ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ท่านยังเลี่ยงไปเขียนว่า “เจ้ากรมเรือหลวงซึ่งเป็นแม่ทัพหน้า” ไม่ยอมออกชื่อมาให้ผมยืมใช้เลย ก็เอาเป็น“เละติ๊นอัศวินหวุ่น”ก็แล้วกัน แกเห็นว่านั่งเพ่งแม่น้ำรออยู่ในฐานที่มั่นเมืองเมียงยางเหนือขึ้นไปทั้งวันทั้งคืนอังกฤษไม่โผล่มา เลยนั่งเทียนเอาเอง โทรเลขไปกราบบังคมทูลพระเจ้าสีป่อว่า เราชนะอังกฤษแล้ว ทำเอาราชสำนักตื่นเต้นยกใหญ่ จัดงานฉลองกันมโหฬารงานช้าง


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 06 ม.ค. 13, 09:09
โทรเลขใบนั้นเองเมื่ออังกฤษยึดพระราชวังมัณฑเลย์ได้แล้วไปพบเข้า ก็เอามาประจานแบบขำกลิ้ง แต่ในวโรกาศในคืนฉลองชัยนั้น พระเจ้าสีป่อได้มีพระราชบัญชาให้จัดคณะขุนนางเชิญทองคำไปพระราชทานแก่นายทัพนายกอง โดยเละติ๊นอัศวินหวุ่นจะได้รับการจัดหนักคนเดียวเป็นทองคำแท่งถึง๑๐วีส(viss) และยังจัดเต็มรางวัลแบบเหรียญและถ้วยทองคำแท้อีก๒๗๐ชิ้น สำหรับนายทหารระดับรองๆลงมาด้วย

แต่ ยังครับยังท่านผู้อ่านที่รัก เวปฝรั่งที่แปลมาจากเอกสารพม่าฉบับหนึ่งบอกว่า คณะนำทองคำพระราชทานน่ะเดินทางออกมาจากมัณฑเลย์แล้ว แต่พอข่าวสะพัดไปทั่วคุ้งน้ำว่า กองเรืออังกฤษโผล่หัวมาอีกแล้ว ขบวนเชิญทองคำพระราชทานก็ล่องหนไปเฉยๆโดยอ้างว่าหลงทาง จบสงครามอังกฤษบันทึกไว้ว่าได้ไปเจอเหลืออยู่ประมาณ๔วีส เละติ๊นอัศวินหวุ่นทราบเข้าก็ไปตามตื้อขอคืนอ้างว่าเป็นสิทธิ์ของตน นายพันเอกสลาเดน(คนนี้จอมเจ้าเล่ห์)ก็ทำเป็นสัตย์ซื่อคืนให้ไป ผมคิดเอาเองว่า ถ้าจริงตามข่าวก็ถือว่าเป็นการสร้างภาพเพราะแกกำลังโดนพระนางศุภยลัตทวงคืนพลอยหงามุกอย่างหนักหน่วงแบบไม่ไว้หน้า และแกอาจจะยักทองคำที่เจอเอาไว้ส่วนหนึ่งด้วยแล้วก็ได้

วีสเป็นหน่วยวัดน้ำหนักที่ใช้ในพม่า ท่านที่อยากทราบว่าทองคำ๑๐วีส(viss)มูลค่าเท่าไหร่ ผมค้นมาให้แล้วดังนี้ครับ
 
๑ วีส = ๓.๖ ปอนด์ หรือเท่ากับ ๑.๖๓๒ กิโลกรัม
๑๐ วีส จึงเท่ากับ ๑๖.๓๒ กิโลกรัม ยกมือเดียวแทบจะไม่ขึ้น
ในบ้านเราทองคำ๑บาท = ๑๕.๒๔๔กรัม
ดังนั้นทองคำ๑๖.๓๒ กิโลกรัม = น้ำหนักทอง ๑๐๗๐.๕๘บาท
ทองคำเยาวราชวันนี้บาทละ ๒๓,๘๐๐.๐๐ บาท
ทองคำ ๑๐๗๐.๕๘บาท จะสามารถเปลี่ยนเป็นเงินไทยในปัจจุบันได้ ๒๕,๔๗๙,๙๒๖.๕๒บาท

ท่านก็ไปฝันต่อเอาเองก็แล้วกันนะครับว่าถ้าท่านเป็นเละติ๊นอัศวินหวุ่น ได้ทองไปขนาดนี้จะเอาไปทำอะไรบ้าง


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ม.ค. 13, 10:16
นายพันเอกสลาเดน(คนนี้จอมเจ้าเล่ห์)ก็ทำเป็นสัตย์ซื่อคืนให้ไป ผมคิดเอาเองว่า ถ้าจริงตามข่าวก็ถือว่าเป็นการสร้างภาพเพราะแกกำลังโดนพระนางศุภยลัตทวงคืนพลอยหงามุกอย่างหนักหน่วงแบบไม่ไว้หน้า และแกอาจจะยักทองคำที่เจอเอาไว้ส่วนหนึ่งด้วยแล้วก็ได้


เรื่องทับทิมพม่านั้น มีเม็ดงามที่สุดสีแดงเข้ม ใหญ่เท่าไข่นกพิลาปตกทอดเป็นพระราชมรดกมาหลายรัชกาล ชื่อว่าหงามุก Ngamauk จนถึงในรัชสมัยพระเจ้ามินดง ทรงถูกอังกฤษบีบคั้นหนัก จึงพยายามดำเนินวิเทโศบายที่จะเอาฝรั่งเศสมาคานอำนาจอังกฤษ โดยเอาทรัพยากรของพม่าที่ฝรั่งอยากได้มาล่อให้โลภ คุณตั้งเล่าไปแล้ว ครั้งหนึ่งทรงเอาพระธรรมรงค์หงามุกมาอวดคณะทูตการค้าที่เดินทางจากปารีสมาดูลาดเลา พวกฝรั่งเศสเห็นเข้าถึงกับตกตะลึง เมื่อถูกพระเจ้ามินดงรบเร้าให้ตีราคา จึงกราบทูลว่าทับทิมนี้มีค่าเท่ากับประเทศหนึ่งประเทศ พระเจ้ามินดงไม่ทันคิดในความหมายแฝง จึงทรงหัวเราะชอบพระทัย ในที่สุดก็ทรงเสียประเทศให้อังกฤษจริงๆ และสิ่งแรกที่อังกฤษปล้นไปจากพระราชวังที่มัณฑเลย์ก็คือ หงามุก ว่ากันว่าพระนางวิกทอเรียได้เคยนำมาประดับมงกุฏองค์หนึ่ง พออดีตพระราชินีไร้บัลลังก์ของพม่าเห็นรูปในหนังสือพิมพ์เข้าโวยวาย หงามุกก็ดำดินหายไป ปัจจุบันก็ยังไม่โผล่

เรื่องของพลอย หรือทับทิมหงามุกที่ท่าน NAVARAT.C เกริ่นไว้ เป็นเรื่องจริงเบื้องหลังปวศ.ที่สนุกแบบมันส์หยดติ๋ง     ดิฉันตามรอยอินทรเนตรไปจนเจอตอนจบของเรื่อง  เลยอยากจะมาแบ่งปันความมันกันบ้าง
แต่จะแทรกไว้ในกระทู้นี้ก็จะยาวเกินไป  และจะไปเสียจังหวะการรบของพม่ากับฝรั่งด้วย   เลยขอแยกไปอีกกระทู้ดีกว่าค่ะ

ติดตามได้ที่นี่
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=5501.new#new
ทับทิมหงามุก Padamyar Ngamauk รัตนะแห่งบัลลังก์พม่า


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 06 ม.ค. 13, 11:09
^


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 06 ม.ค. 13, 11:13
โอ้ยแสงทับทิมแยงตาเหลือเกิน
.
.
เอาละครับ ใกล้เมืองหลวงเข้าไปทุกทีแล้ว เรามาดูแผนที่กันอีกทีดีกว่า กันงง

กองเรือรบได้ยาตราผ่านเมืองปาท่องโก๋ Pakokko ในวันที่๒๔ ข่าวว่าที่นั่นมีทหารจากมัณฑเลย์ประมาณ๑๐๐๐นายถูกส่งมารักษาการ แต่ทหารพวกนี้ก็หลบเอาตัวรอดไปแล้วในทันทีที่เห็นกองเรือขนาดมหึมาโผล่คุ้งน้ำเข้ามา บ่ายคล้อยของวันนั้นเองกองเรือก็เข้าสู่เขตเมืองสำคัญที่ตั้งควบคุมบริเวณที่แม่น้ำสำคัญสองสาย คืออิระวดีกับชินวินมาบรรจบกัน ชื่อว่าเมืองเมียงยาน รายงานของอังกฤษระบุว่าพม่าได้มาตั้งค่ายทหารรออยู่


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 06 ม.ค. 13, 11:26
เมื่อเข้าใกล้ระยะสายตาพอจะส่องกล้องเห็นแล้ว นายทหารอังกฤษจึงสังเกตได้ว่านอกจากปืนใหญ่แล้ว ทหารพม่าที่เรียงรายอยู่บนตลิ่งห่างออกไปสักสามไมล์จากฝั่งนั้น ประมาณได้สัก๒๐๐๐นาย ล้วนมีแต่อาวุธล้าสมัยไร้น้ำยา แต่งกายด้วยเครื่องแบบปอนๆสีแดง ขาว และม่วง นอกจากพวกนายกองเท่านั้นที่มีสัปทนสีทองกั้นเหนือศีรษะล่อเป้าเสียเหลือเกิน แต่กองทัพทั้งสองก็มิได้เปิดฉากรบพุ่ง อาจจะเป็นเพราะใกล้จะค่ำแล้ว รบกันพรุ่งนี้เช้าก็ยังได้ไม่ช้าไป แต่ก่อนที่อรุณจะรุ่งทหารพม่าก็สลายตัวไปหมดแล้วในคืนนั้น ทิ้งปืนใหญ่ที่ถูกทำให้ใช้งานต่อไปไม่ได้แล้วทั้ง๒๑กระบอกไว้ให้เป็นที่ระลึก อังกฤษจึงยาตราทัพเข้าสู่เมืองเมียงยานโดยไร้การต้านทาน

อย่างไรก็ดี เหตุการณ์เดียวกันนี้ ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ได้พรรณนาไว้ในพม่าเสียเมืองไว้อย่างสุดยอด ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของเรื่องดังนี้

"ฝ่ายกองทัพอังกฤษนั้นก็ยกทัพมาตามแม่น้ำอิรวดีจนถึงเมืองเมียงยาน อันเป็นเมืองเจ้ากรมเรือหลวงแม่ทัพพม่ายกทัพหน้าไปรอรับอยู่ กองทัพเรืออังกฤษมาถึงหน้าเมืองเมียงยานในตอนบ่าย บนฝั่งแม่น้ำหน้าเมืองเมียงยานนั้นกองทัพอังกฤษได้เห็นภาพที่งดงามน่าดูที่สุดภาพหนึ่ง ซึ่งมีบรรยายไว้บ่อยครั้งในพระราชพงศาวดารไทยและพระราชพงศาวดารมอญพม่า ภาพนั้นก็คือภาพกองทัพพม่าซึ่งตั้งอยู่อย่างสง่าภาคภูมิเต็มตามตำรับพิชัยสงคราม

บนตลิ่งหน้าเมืองเมียงยานนั้น เจ้ากรมเรือหลวงได้ยาตราทัพออกมาตั้งคอยรับข้าศึกอยู่ ทหารอังกฤษมองไปก็เห็นทหารพม่ายืนอยู่แน่นขนัด ถือหอก ดาบ ปืนและเกาฑัณฑ์ แต่งกายสีต่างๆตามหมวดหมู่ ดูดาษไสวไปด้วยธงเทียวเขียว เหลือง ขาว แดงทุกหมวดกอง ภู่ปลายทวนและทิวยอดหอกนั้นสะบัดอยู่กลางสายลมประดุจดอกอ้อดอกแขมริมฝั่งแม่น้ำ เสียงฆ้องกลองเสียงช้างม้าก็ดังอยู่สนั่นครั่นครื้น มีทหารพม่ามาเซิ้งหน้าทัพเข้ากับจังหวะฆ้องกลองท้าทายข้าศึกอยู่อย่างองอาจ แม่ทัพพม่านั้นยืนช้างกั้นสัปทนประกอบด้วยกระบวนอิสริยยศมีคนเชิญธงชัยมยุระและธงฉาน พร้อมด้วยเครื่องยศและดุริยดนตรีประโคมอยู่ นายกองนายหมวดทั่งปวงนั้นก็แต่งเต็มยศ อันประกอบด้วยแพรพรรณหลากสีประดับกายด้วยสุวรรณอลงกรณ์ยืนม้ากั้นร่มระย้าสีต่างๆอยู่ตามหมวดกองของตน เป็นภาพที่สง่างามน่าชมยิ่งนักและเป็นภาพที่ได้เห็นกันเป็นครั้งสุดท้ายในประวัติศาสตร์ของชาติพม่า

ทหารอังกฤษทั้งปวงตั้งแต่แม่ทัพนายกองตลอดจนไพร่พลเมื่อได้เห็นภาพอันตื่นตาประทับใจเช่นนั้นก็ได้แต่รอเรือไว้แล้วตกตะลึงแลดูอยู่นาน จะใช้ปืนใหญ่ระดมยิงก็มิใคร่จะทำได้ แต่การสงครามก็เป็นการสงคราม เมื่อกองทัพสมัยใหม่จำเป็นต้องรบกับกองทัพอันงดงามที่ยาตราออกมาจากหนังสือพงศาวดารก็จำเป็นต้องทำ แม่ทัพอังกฤษก็สั่งให้เอาปืนใหญ่ระดมยิงเข้าไปยังภาพอันวิจิตรนั้น และระดมยิงเมืองเมียงยานอีกด้วย พอใกล้พลบค่ำแต่ตะวันยังไม่ทันตกดินกองทัพพม่าก็ปลาสนาการไป และอังกฤษก็เข้ายึดเอาเมืองเมียงยานได้"

โปรดอย่าถามผมนะครับว่า อันที่จริงแล้ว เหตุการณ์เย็นวันนั้นเกิดขึ้นอย่างไร แต่ผมขอให้ท่านชมภาพเขียนลายเส้นแม่ทัพนายกองและภาพถ่ายทหารเลวพม่าร่วมสมัย เพื่อสร้างจินตนาการของท่านเองในเรื่องนี้แบบตัวใครตัวมัน


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ม.ค. 13, 11:59
ความเห็นส่วนตัว
น่าจะเป็นอย่างคุณนวรัตนว่า  คือกองทัพพม่าเห็นว่าสู้ไปก็เสียเวลาเปล่า และตายเปล่าอีกด้วย  ไหนๆก็แตกพ่ายกันไปทุกเมืองแล้ว ก็สลายตัวดีกว่า
แต่ภาพที่ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์บรรยายนั้นมีสีสันดราม่าเร้าใจกว่าเยอะ   ถ้าหากว่าทำละครหรือหนัง ก็น่าจะเป็นภาพนี้แหละค่ะ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 06 ม.ค. 13, 16:58
ถ้าเช่นนั้นก็ต้องชมภาพยนตร์พม่าเรื่องนี้ แต่ต้องทนๆหน่อยนะครับ เพราะลงทุนสร้างน้อยจึงออกแนวยี่เกทั้งภาพทั้งเสียง จะดูมั่งข้ามมั่งก็ได้ เน้นตั้งแต่ตอนฝรั่งยกกองเรือมา ซึ่งผู้สร้างไปเช่าเรือเมล์มาเข้ากล้องได้หลายลำเหมือนกัน แต่งบไม่พอจ้างฝรั่งกับแขกจริงๆ จึงมีแต่พม่าปลอมตัวเป็นผู้แสดงแทนแบบไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่  มีฉากพระเจ้าสีป่อกับพระนางศุภยาลัตด้วย แต่ตัวแสดงเป็นขิ่นหวุ่น มิงจีเหมือนในรูปดี เวลาพม่าเขากราบบังคมทูลพระเจ้าแผ่นดินจะยกมือมาตั้งคู่ขนานกันเฉยๆ ไม่ยักพนมเข้าหากันแบบไทย เราดูก็รู้สึกแปลกดี

http://www.youtube.com/watch?v=KmDB_5WOZRA

จากนาทีที่ 0.21:30 เป็นต้นไป


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 07 ม.ค. 13, 00:03
แผนของพม่าแต่แรกคือถ้าทัพหน้าตรึงกองกำลังของอังกฤษไว้ที่เมียงยานได้ ทัพหลวงที่มีกำลังพลกว่า๖๐๐๐นายซึ่งปักหลักอยู่ที่อังวะและสะกายจะยกมาช่วยรุมกินโต๊ะฝรั่ง เมืองที่กล่าวทั้งสองนี้เป็นเมืองหลวงเก่าของพม่า ย้ายเมืองหลวงทีไรก็ไปไหนไกลไม่ได้ ต้องกระจุกตัวอยู่แถวๆเดียวกันนี้แหละ และพระเจ้าแผ่นดินกี่สมัยๆก็มักจะเรียกตนเองว่าพระเจ้าอังวะ คล้ายๆกับของไทยเหมือนกันที่พระราชวงศ์จักรีก็ยัง ณ อยุธยาอยู่แม้ต้นพระราชวงศ์จะเป็นผู้ที่ทรงสร้างกรุงเทพฯ

ที่เมียงยานนี้รายงานของอังกฤษโม้ว่า ข้าราชการพลเรือนชาวพม่าตลอดจนราษฎรและพระสงฆ์องค์เจ้ามาต้อนรับด้วยความยินดี และฟ้องว่าตอนที่ทหารมาตั้งค่ายยึดครองอยู่นั้น ได้ข่มเหงชาวเมืองได้รับความทุกข์เป็นอันมาก


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 07 ม.ค. 13, 00:07
วันที่๒๖พฤศจิกายน
กองเรืออังกฤษเคลื่อนขบวนต่อจากเมียงยานไปนิดเดียวก็ผ่านหมู่บ้านยันดาโบ จุดที่สงครามอังกฤษกับพม่าครั้งแรกในปี๑๘๒๖ยุติลงด้วยการทำสนธิสัญญาต่อกัน สักพักหนึ่งก็เห็นเรือเร็วของพม่าขนาด๔๔ฝีพาย ปักธงขาวที่หัวเรือและอัญเชิญธงประจำพระองค์ไว้ท้ายเรือวิ่งตรงเข้ามาหา ที่นั่งวีไอพีที่หัวเรือนั้น ขุนทหารสองนายนั่งวางท่าเหมือนหุ่นขี้ผึ้งอยู่ ปรากฏนามที่คนไทยเรียกขานได้สบายๆสไตน์นวรัตนดอทซีว่า ขวากเมือง อัศวินหวุ่น(Kyaukmyaung Atwin Wun) สองพยางค์หลังนี้เป็นชื่อตำแหน่ง อีกคนหนึ่งชื่อ เว็จไม่สุด หวุ่นดวก (Wetmasut Wundauk) ทั้งคู่ถอดรองเท้าของตนออกก่อนที่จะขึ้นมาบนเรือของแม่ทัพอังกฤษ เพื่อยื่นสาส์นให้แก่นายพลเพรนเดอกาสต์ (General Prendergast) และพันเอกสลาเดน (Colonel Sladen - ผู้แสดงนำในกระทู้ที่แยกออกไปก่อนหน้านี้ ซึ่งที่นั่นท่านออกนามว่าพันเอกสเลเดน ผมเอาไปตรวจสอบในเวปเสียงอ่านภาษาอังกฤษแล้ว ฝรั่งออกเสียงทั้งสลาเดนและสเลเดน ดังนั้นในกระทู้นี้ผมก็ขอสลาเดนต่อไปนะครับ)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 07 ม.ค. 13, 00:11
สาส์นดังกล่าวขึ้นต้นว่ามาจากรัฐบาลพม่าแต่ไม่มีตราพระราชลัญจกรนกยูงรำแพนประทับ เนื้อความว่าพม่ายินดีปฏิบัติตามคำขาดของอังกฤษในการที่จะจ่ายเงินค่าปรับที่เคยเป็นความต่อกัน และยินดีที่จะทำสัญญาทางพระราชไมตรีขึ้นใหม่ แต่แม่ทัพเพรนเดอกาสต์(รูปข้างล่าง)ปฏิเสธว่าตนไม่มีอำนาจที่จะเจรจาความเมืองใดๆ แต่หากพระเจ้าสีป่อจะยอมมอบพระองค์ มอบกองทัพตลอดจนเมืองหลวงให้อังกฤษ และปรากฏว่าชีวิตและทรัพย์สินของคนยุโรปในมัณฑเลย์ยังคงอยู่รอดปลอดภัยดีอยู่ ก็จะไว้ชีวิตพระองค์และถวายความเคารพต่อพระราชวงศ์ต่อไป ว่าแล้วก็ขีดเส้นตายจะเอาคำตอบภายใน๑๐นาฬิกาของวันรุ่งขึ้น พร้อมทั้งออกคำสั่งให้กองเรือเดินหน้าในบัดเดี๋ยวนั้น แล้วไปจอดพักแรมจ่อเมืองอังวะไว้ที่หมู่บ้านเล็กๆห่างจากตัวเมืองเพียง๗ไมล์

ถึงเวลาเส้นตาย พม่าก็ไม่โผล่มาให้เห็นแม้ผ้าโพกหัว อังกฤษก็กางแผนรบพร้อมและเคลื่อนขบวนไปยังจุดหมายที่กำหนดจะยกพลขึ้นบก พอใกล้จะถึง เรือหลวงลำเมื่อวานก็ปรากฏขึ้นในสายตา จ้ำพรวดๆมาหาเพื่อนำพระราชโทรเลขมาให้ดูความในนั้นว่าทรงยอมรับข้อเสนออย่างไม่มีเงื่อนไข และมีพระราชบัญชาไปยังเสนาบดีที่คุมทหารอยู่ที่สะกายและอังวะมิให้ลั่นกระสุนใส่พวกอังกฤษ โดยขอให้อยู่ในความสงบ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 07 ม.ค. 13, 00:17
ที่ป้อมค่ายเมืองอังวะซึ่งมีกำลังทหารรวมที่ถอยจากสารพัดที่มั่นมารวมกันอยู่ประมาณ๘๐๐๐นาย สองในสามมีอาวุธปืนแต่ที่เหลือมีแต่หอกกับดาบ แต่พร้อมที่สู้ตายกับอังกฤษให้แตกหักเป็นยกสุดท้าย นายพลเพรนเดอกาสต์จึงให้ผู้แทนพระองค์ไปสั่งทหารพม่าที่นั่นวางอาวุธ แต่แม่ทัพชื่อโบมูขิ่น อัศวินหวุ่น (Bohmu Kin Atwin Wun) ปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามหากไม่มีพระราชบัญชามาให้เห็นกับตา และกว่าอังกฤษจะเทียบเรือเข้าฝั่งและส่งทหารขึ้นบกไปปลดอาวุธเอง พวกที่รู้ว่ากษัตริย์ของตนคงจะยอมแพ้ต่ออังกฤษแน่แล้วก็แตกกระสานซ่านเซ็นไปทุกสาระทิศโดยนำอาวุธติดตัวไปด้วย

ทหารอังกฤษจึงได้รับมอบอาวุธเป็นปืนในการยอมแพ้อย่างเป็นทางการของทหารที่เหลือรวมทุกค่ายแล้วไม่ถึงพันกระบอก


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 07 ม.ค. 13, 00:21
ทหารอังกฤษยึดปืนใหญ่ได้เป็นจำนวนมากที่อังวะและสะกาย คัดเอาที่สวยๆไปเป็นโทรฟี่ที่ระลึก๒๘กระบอก อีก๔๖กระบอกถูกถอดชิ้นส่วนออกทำลายทิ้งเสีย ดังส่วนหนึ่งที่เห็นในภาพ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 07 ม.ค. 13, 00:22
ป้อมค่ายที่อังวะอังกฤษยึดส่วนหนึ่งไว้สำหรับทหารรักษาการ ที่ไม่ต้องการก็พังลง กำลังส่วนใหญ่ที่เหลือก็ลงเรือมุ่งหน้าต่อไปมัณฑเลย์


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 07 ม.ค. 13, 06:13
ทหารพม่าที่ยังถืออาวุธพวกนี้ ได้ไปรวมตัวกันเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยในลักษณะกองโจร ทั้งโจรจริงและโจรกู้ชาติ ทำสงครามที่ไม่ได้ประกาศด้วยการที่ดักทำร้ายชาวอังกฤษ ถือเป็นผู้ก่อการร้ายขบวนการแรกๆของชาวเอเซียที่ต่อสู้กับนักล่าอาณานิคมอย่างเป็นรูปธรรม และสร้างความเสียหายให้แก่อังกฤษมากมายถึงขนาดต้องใช้งบประมาณมหาศาลให้กองทัพเข้าไล่ล่ากองโจรกู้ชาติพม่าเหล่านี้ ซึ่งอังกฤษบัญญัติศัพท์ขึ้นเพื่อเรียกโดยเฉพาะว่าพวกดาค้อยท์ (Dacoit) กว่า๓ปีจึงจะปราบให้ราบคาบลงได้ ตรงนี้คือสงครามที่แท้จริงที่พม่ารบอังกฤษแต่คนทั่วไปไม่ค่อยจะได้รับรู้

หากว่าพวกดาค้อยท์นี้ได้รับน้ำเลี้ยงจากมหาอำนาจฝ่ายตรงกันข้ามกับเจ้าอาณานิคม ส่งอาวุธดีๆทัดเทียมกันให้ใช้เหมือนกับพวกเวียตกง(ที่เป็นศัพท์บัญญัติของฝรั่งเพื่อเรียกผู้ก่อการร้ายกู้ชาติชาวญวน) ก็ไม่แน่ว่าผู้ดีอังกฤษจะทนได้ไหม อาจต้องหนีญญ่ายพ่ายจะแจเหมือนทหารฝรั่งเศสและอเมริกันในเวียตนามก็ได้

ผมจะนำท่านตามกองเรืออังกฤษไปมัณฑเลย์ก่อน แล้วจึงจะกลับมาค้นหาเรื่องราวของพวกดาค้อยท์ต่อไป


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: warisa ที่ 07 ม.ค. 13, 06:58
...ขอบพระคูณอาจารย์นวรัตนมากๆค่ะ....ดิฉันติดตามเรื่องพม่ารบฝรั่งที่อาจารย์เขียนตั้งแต่พันทิป...เป็นแฟนพันธุ์แท้ตามมาต่อที่เรือนไทย...บอกตรงๆเข้าเว็บนี้เกร็งมากๆ ;Dกลัวเขียนผิดเขียนถูกเพราะมีผู้มีความรู้ระดับปรมาจารย์เยอะมาก...ขอนั่งหลังห้องฟังอย่างเงียบๆนะคะ...แต่อยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าของไทยใหญ่(หรือไทใหญ่?)ด้วยค่ะ...ด้วยบรรพบุรุษของดิฉันสืบเชื้อสายมาจากไทยใหญ่...เลยอยากรู้เรื่องนี้เป็นพิเศษค่ะ......


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 07 ม.ค. 13, 09:48
คุณวริศราเข้ากระทู้ผมไม่ต้องเกร็งนะครับ ผมไม่ใช่ครูบาอาจารย์จริงๆตามที่เขาอุปโลกน์ ให้ผมเกร็งคนเดียวก็พอ กลัวว่าจะมีกระทู้ภาษาพม่าวันละคำ หรือขออนุญาตแก้ชื่อพม่าที่สะกดผิดงอกขึ้นมาข้างๆกระทู้ผม 8)

พรรคพวกเล่นยกให้ผมเป็นอาจารย์ ตนเป็นศิษย์หลังห้องบ้าง ศิษย์มาสายบ้าง ทำเอาคนที่เข้ามาใหม่ใบ้รับประทานไปหมด ไม่กล้าเขียนแสดงความเห็นอย่างที่เคยเฮกันในพันทิป(ยุคโน้น) อย่างงี้ผมก็เหงาแย่

เรื่องไทใหญ่สักพักน่าจะไปถึงนะครับ คุณวาริซ่าส์เตรียมแก้ชื่อคนไทใหญ่ที่นวรัตนดอทซีตั้งให้ก็แล้วกัน


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 07 ม.ค. 13, 10:05
...ขอบพระคูณอาจารย์นวรัตนมากๆค่ะ....ดิฉันติดตามเรื่องพม่ารบฝรั่งที่อาจารย์เขียนตั้งแต่พันทิป...เป็นแฟนพันธุ์แท้ตามมาต่อที่เรือนไทย...บอกตรงๆเข้าเว็บนี้เกร็งมากๆ ;Dกลัวเขียนผิดเขียนถูกเพราะมีผู้มีความรู้ระดับปรมาจารย์เยอะมาก...ขอนั่งหลังห้องฟังอย่างเงียบๆนะคะ...แต่อยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าของไทยใหญ่(หรือไทใหญ่?)ด้วยค่ะ...ด้วยบรรพบุรุษของดิฉันสืบเชื้อสายมาจากไทยใหญ่...เลยอยากรู้เรื่องนี้เป็นพิเศษค่ะ......

ไทใหญ่ อาศัยอยู่กันมากบริเวณเหนือเชียงรายขึ้นไป บริเวณสิบสองปันนา และดินแดนต่าง ๆ ที่รวมเรียกว่า "รัฐฉาน" ต้นบรรพบุรุณคุณวริศสา มาจากแถวนี้หรือเปล่าครับ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ม.ค. 13, 10:07

พรรคพวกเล่นยกให้ผมเป็นอาจารย์ ตนเป็นศิษย์หลังห้องบ้าง ศิษย์มาสายบ้าง ทำเอาคนที่เข้ามาใหม่ใบ้รับประทานไปหมด ไม่กล้าเขียนแสดงความเห็นอย่างที่เคยเฮกันในพันทิป(ยุคโน้น) อย่างงี้ผมก็เหงาแย่
ระดมพลขาประจำ คุณเพ็ญชมพู คุณ siamese คุณ V_Mee คุณประกอบ ฯลฯ ไปไหนกันหมดค้า  มาช่วยกันตั้งกองเชียร์หลังห้องให้ท่านอาจารย์..ขออำภัย..ท่านนวรัตนดอทซี ได้เฮหน่อย

ป.ล.หัวข้อมันยากเหลือเกินนะคะท่าน   แค่ถอดเสียงพม่าเป็นไทยก็มึนแล้ว
ป.ล. 2  ชนกลางอากาศกับคุณหนุ่มสยาม    มาเร็วปานสายฟ้าแลบ    ;D


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: warisa ที่ 07 ม.ค. 13, 12:06
...ใช่ค่ะคุณหนุ่มสยาม...ดิฉันเป็นคนลำปาง...คุณพ่อบอกว่าคุณทวดเป็นไทใหญ่...เทือกเขาเหล่ากอก็ไม่ทราบมาจากไหนดิฉันก็ไม่ได้ถาม...เนื่องจากคุณพ่อคุณแม่เสียแล้วเลยไม่รู้จะไปถามใครเพราะพี่น้องก็ไม่มีใครสนใจสืบประวัติ...แต่ดิฉันสนใจวิถีการดำรงชีวิตของคนไท...เนื่องจากวัฒนธรรม ความเป็นอยู่มีความคล้ายคลึงกับคนที่อาศัยอยู่ภาคเหนือตอนบนเป็นอันมากค่ะ.....


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 07 ม.ค. 13, 14:00
ระดมพลขาประจำ คุณเพ็ญชมพู คุณ siamese คุณ V_Mee คุณประกอบ ฯลฯ ไปไหนกันหมดค้า  มาช่วยกันตั้งกองเชียร์หลังห้องให้ท่านอาจารย์..ขออำภัย..ท่านนวรัตนดอทซี ได้เฮหน่อย

มาเชียร์คุณนวรัตนดอทซี ด้วยแผนที่รัฐฉาน

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 07 ม.ค. 13, 17:29
ว้าาา เรียกอาจารย์ก็ไม่ได้ซะอีก  แหม่ ท่านนวรัตมาให้ทั้งความรู้อ่านสนุกแบบนี้ ไม่เรียกอาจารย์จะให้เรียกแบบอื่นมันกระดากนี่ครับ  หลบอยู่หลังห้องอู้งานตัวเองมาหลายวัน วันนี้โดนท่านอาจารย์ใหญ่เรียกตัวให้ช่วยขานเสียงซะแล้ว

ตัดสินใจแล้ว  จะให้เรียกท่านลุง ท่านอา มันก็ดูสนิทสนมไป เดี๋ยวเหลวไหลล้อท่านเล่นเลยเถิดแบบก่อนหน้าอีก ไม่ดีๆ   จะเรียกท่านเฉยๆ ก็ดูห่างเหินเกินไปอีก แบบนั้นไว้เรียกพวกนักการเมืองต่อหน้าก็พอแล้ว  ตกลงผมเรียกท่านอาจารย์นวรัตนต่อไปดีกว่า    ;D  ;D  ;D  ;D  ;D


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 08 ม.ค. 13, 06:54
เอาละครับ ตกลง อาจารย์ก็อาจารย์
ว่าแล้วก็ฉายสไลด์ต่อ เชิญนักเรียนหลับตามสบาย

๒๘ พฤศจิกายน

๑๐โมงเช้า กองเรืออังกฤษก็มาถึงฝั่งแม่น้ำหน้าเมืองมัณฑเลย์แต่ทหารยังคงเตรียมพร้อมอยู่ในเรือ ชาวบ้านที่อยากรู้อยากเห็นก็พากันมาไทยมุงอย่างเฉยเมยเหมือนดูเขาเล่นหนังเล่นละครกัน ใครจะไปใครจะอยู่กูก็ไม่เกี่ยว  ก่อนหน้านี้มีพระราชโองการมาป่าวประกาศไม่ให้ผู้ใดต่อต้านขัดขืนกองทัพอังกฤษ ฉะนั้นฉากบู๊จึงไม่น่าจะเกิดขึ้น


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 08 ม.ค. 13, 07:00
เอาละครับ ตกลง อาจารย์ก็อาจารย์
ว่าแล้วก็ฉายสไลด์ต่อ เชิญนักเรียนหลับตามสบาย

๒๘ พฤศจิกายน

๑๐โมงเช้า กองเรืออังกฤษก็มาถึงฝั่งแม่น้ำหน้าเมืองมัณฑเลย์แต่ทหารยังคงเตรียมพร้อมอยู่ในเรือ ชาวบ้านที่อยากรู้อยากเห็นก็พากันมาไทยมุงอย่างเฉยเมยเหมือนดูเขาเล่นหนังเล่นละครกัน ใครจะไปใครจะอยู่กูก็ไม่เกี่ยว  ก่อนหน้านี้มีพระราชโองการมาป่าวประกาศไม่ให้ผู้ใดต่อต้านขัดขืนกองทัพอังกฤษ ฉะนั้นฉากบู๊จึงไม่น่าจะเกิดขึ้น


ช่วงนี้เหตุการณ์ภายในพระราชวังมัณฑเลย์เป็นอย่างไรบ้างครับ วุ่นวายหรือว่าเพิกเฉย หรือว่าพระนางศุภยลัตย์กำลังใช้อิทธิพลอยู่หรือไม่  ???


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 08 ม.ค. 13, 07:08
ใจเย็นนิดนึงครับ จวนถึงตอนนั้นแล้ว

๑๑โมง แม่ทัพอังกฤษให้คนเดินสาส์นถึงอัครมหาเสนาบดี ก็ขอเข้าเฝ้าเพื่อรับมอบพระองค์ของพระเจ้าสีป่อโดยพลันตามที่ทำความเข้าใจกันแล้วแต่วันวาน

เที่ยง มีสาส์นของขิ่นหวุ่น มินจีกลับมาแจ้งว่า ตนจะมาที่เรือธงของกองทัพอังกฤษเพื่อขอเจรจาปรึกษาความในรายละเอียด นายพลเพรนเดอกาสต์อ่านแล้วก็ไม่ว่ากระไร ชวนบรรดานายทหารร่วมโต๊ะเคี้ยว fish and chips ที่จุมโพ่ทำจากปลาคังสดๆตัวบะเริ่มตกได้ท้ายเรือต่อไปอย่างไร้อารมณ์

บ่ายโมง ทหารอังกฤษแต่งเครื่องแบบสนามประดับเครื่องยศและเหรียญตราเต็มพิกัดตามคำสั่งแม่ทัพทยอยยกพลขึ้นบก แล้วจัดแถวเดินสวนสนามไปสู่พระราชวัง ชาวเมืองก็ออกจากบ้านมายืนดูคล้ายกับมีเทศกาลอะไรสักอย่าง ครั้นถึงที่หมายตามแผนแล้วก็กระจายกำลังเข้าล้อมไว้ทั้ง๔ทิศ และระวังประตูวังทุกบานห้ามคนเข้าออก ตอนนี้ร.ป.ภ.ที่ฝังไว้ทั้งเป็นแต่ครั้งกระโน้นพร้อมใจกันลากิจหมด เพราะรู้ว่ามีแต่พวกพม่าด้วยกันเท่านั้นที่จะกลัว ฝรั่งกับแขกไม่กลัวพวกตน อยู่ไปก็เท่านั้น

พระนางศุภยาลัตได้ข่าวว่าทหารอังกฤษมาแล้วก็เสด็จขึ้นไปบนหอคอยของพระราชวังที่สร้างไว้ตรวจเหตุการณ์ภายนอก ครั้นเห็นทหารแขกตาโปนเคราเฟิ้มทั้งกองทัพก็ประชวรพระวาโยหลายตลบ เห..ไหง๋ใครว่าเป็นฝรั่งตาสีฟ้าหมด นี่เห็นอยู่กระหย่อมเดียว พอฟื้นขึ้นมาได้ก็รีบผันพระองค์ไปเก็บสมบัติ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: chounws ที่ 08 ม.ค. 13, 07:42
ใจเย็นนิดนึงครับ จวนถึงตอนนั้นแล้ว
ในฐานะของคนถ่ายภาพ ภาพเหล่านี้ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ช่วยยืนยันข้อเท็จจริงได้แน่นอนอย่างยิ่ง ขอบพระคุณที่เสาะหามาให้ชมกันครับ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 08 ม.ค. 13, 07:58
พระนางศุภยาลัตได้ข่าวว่าทหารอังกฤษมาแล้วก็เสด็จขึ้นไปบนหอคอยของพระราชวังที่สร้างไว้ตรวจเหตุการณ์ภายนอก

หอคอยเดิมถูกอังกฤษทิ้งระเบิดทำลายพร้อมพระราชวังมัณฑะเลย์ในสงครามโลกครั้งที่ ๒

ที่เห็นอยู่เป็นของที่พม่าสร้างขึ้นใหม่

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม09.png)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 08 ม.ค. 13, 08:03
ขอบคุณที่ช่วยเข้ามากันครับ เช้านี้ค่อยหายเหงาหน่อย

ความยุ่งยากของผมอยู่ที่การนำเสนอรูปแบบที่ไม่ใช่เรียงความ แต่หาภาพมาได้แล้วเอามาบรรยายประกอบ ดังนั้นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับภาพที่มีจึงต้องตัดออกบ้างหรือย่อให้สั้นๆ ยอมให้เสียข้อมูลและอรรถรสบ้าง มิฉะนั้นกระทู้จะเทอะทะมาก

แต่ข้อเสียคือช้าไปหน่อย เพราะผมตาเปียกตาแฉะต้องคัดรูป ทั้งอ่านทั้งแปลทั้งนั่งจิ้มพิมพ์ดีด วันนึงไปได้นิดเดียวเพราะมีภาระที่ต้องทำอย่างอื่นด้วย
ระหว่างที่ทิ้งช่วง เข้ามาแลกเปลี่ยนความรู้ เอารูปมาประกอบอย่างข้างบน^ หรือซักถามย้อนเรื่องที่ผมข้ามๆไปกันบ้างก็ได้ครับ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: visitna ที่ 08 ม.ค. 13, 08:33
ได้รายละเอียดดีมาก

เคยอ่านของท่านคึกฤทธิ์  นานมาแล้ว ท่านเขียนชวนติดตาม
แต่พฤติกรรมในราชวงศ์พม่าสุดพึลึกพิลั่น

ดูการจัดกองทัพของพม่าไม่ได้เก่งกาจ
ต้องหวนคิดว่าทำไมเราถึงเสียกรุงศรีฯครั้งที่สอง?


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: chounws ที่ 08 ม.ค. 13, 08:49
ขอบคุณที่ช่วยเข้ามากันครับ เช้านี้ค่อยหายเหงาหน่อย

ความยุ่งยากของผมอยู่ที่การนำเสนอรูปแบบที่ไม่ใช่เรียงความ แต่หาภาพมาได้แล้วเอามาบรรยายประกอบ ดังนั้นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับภาพที่มีจึงต้องตัดออกบ้างหรือย่อให้สั้นๆ ยอมให้เสียข้อมูลและอรรถรสบ้าง มิฉะนั้นกระทู้จะเทอะทะมาก

แต่ข้อเสียคือช้าไปหน่อย เพราะผมตาเปียกตาแฉะต้องคัดรูป ทั้งอ่านทั้งแปลทั้งนั่งจิ้มพิมพ์ดีด วันนึงไปได้นิดเดียวเพราะมีภาระที่ต้องทำอย่างอื่นด้วย
ระหว่างที่ทิ้งช่วง เข้ามาแลกเปลี่ยนความรู้ เอารูปมาประกอบอย่างข้างบน^ หรือซักถามย้อนเรื่องที่ผมข้ามๆไปกันบ้างก็ได้ครับ

ถ้าเช่นนั้นขอบังอาจทำเป็นโฆษณาคั่นรายการให้ คุณนวรัตน์ฯ ได้พักเหนื่อยหน่อยนะครับ
ไปค้นหาด้วย อินทรเนตร (ชอบคำนี้จริงๆเลยขอยืมมานะครับ) ว่ากล้องถ่ายภาพในสมัยนั้นน่าจะเป็นแบบนี้

เป็นกล้อง Daguerreotype camera สร้างโดย La Maison Susse Frères in 1839, พร้อมเลนส์โดย Charles Chevalier


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ม.ค. 13, 09:35
มายกมือถามซ้ำกับอาจารย์หมอ Visitna อีกคนค่ะ  
สงสัยตะหงิดๆตั้งแต่ตอนทหารอังกฤษเดินเรือเข้ามาอย่างสะดวกง่ายดายเหมือนไปปิคนิค   ผ่านเมืองไหน ทหารพม่าเมืองนั้นแค่เห็นก็หนีญะญ่ายพ่ายจะแจตั้งแต่อังกฤษยังไม่ทันกวักมือเรียกให้มาสู้กันด้วยซ้ำ


กองเรือรบได้ยาตราผ่านเมืองปาท่องโก๋ Pakokko ในวันที่๒๔ ข่าวว่าที่นั่นมีทหารจากมัณฑเลย์ประมาณ๑๐๐๐นายถูกส่งมารักษาการ แต่ทหารพวกนี้ก็หลบเอาตัวรอดไปแล้วในทันทีที่เห็นกองเรือขนาดมหึมาโผล่คุ้งน้ำเข้ามา บ่ายคล้อยของวันนั้นเองกองเรือก็เข้าสู่เขตเมืองสำคัญที่ตั้งควบคุมบริเวณที่แม่น้ำสำคัญสองสาย คืออิระวดีกับชินวินมาบรรจบกัน ชื่อว่าเมืองเมียงยาน รายงานของอังกฤษระบุว่าพม่าได้มาตั้งค่ายทหารรออยู่
เหตุผลอย่างหนึ่งที่คุณนวรัตนเคยให้ไว้ ในค.ห.ไหนจำไม่ได้ว่า ชาวบ้านพม่าไม่ได้มีความรู้สึกจงรักภักดีต่อพระเจ้าสีป่อและพระนางศุภยาลัตอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน    เพราะฉะนั้นก็ไม่คิดจะลุกฮือขึ้นสู้อังกฤษ
แต่จากบันทึกฝรั่งที่ให้ไว้    การยึดพม่านั้นง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก   ทำให้นึกสงสัยจริงๆว่าวิญญาณทรหดของทหารพม่าสมัยอลองพญาและมังระ ที่ปักหลักล้อมกรุงศรีอยุธยาจนน้ำท่วมขนาดไหนก็ไม่ถอนทัพ  ล้อมอยู่เป็นปีๆ จนยิงปืนใหญ่เอาไฟสุมรากกำแพงจนพัง เข้ากรุงของเราได้     ความแข็งแกร่งของพวกนี้หายไปไหนกันหมด?

อ้อ  ยังสะดุดใจกับพวกดาค้อยท์ด้วยค่ะ  ขนาดเป็นกองโจรกระจัดกระจายกันไปไม่รวมเป็นทัพใหญ่  อังกฤษยังต้องปราบอีกตั้ง 3 ปี?


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 08 ม.ค. 13, 09:51
เหตุผลที่สองน่าจะเป็นคำสั่งของท่านนายกกวงที่ไม่ให้ทหารพม่ายิงทหารอังกฤษก่อน

อูควง เพิ่งเจอว่าพม่าให้อ่านออกเสียงว่าอูกวง ทำไงดี ผมล่ออูควงไปแล้ว ไหนๆก็ไหนๆขออูควงต่อแล้วกัน

บั้นปลายชีวิตของขิ่นหวุ่น มิงจีจบไม่ค่อยจะสวย เพราะคนพม่าส่วนหนึ่งจะเห็นว่าท่านขายชาติ ทั้งๆที่ท่านทำไปก็เพื่อจะสงวนรักษาชีวิตของเพื่อนร่วมชาติชาวพม่านั่นเอง
การกระทำที่เกิดข้อตำหนิมากที่สุดคือการที่ท่านให้ม้าเร็วไปแจ้งแม่ทัพที่รักษาด่านหน้าทั้งหมดไม่ให้ยิงก่อนทหารอังกฤษ เวลานั้นอังกฤษเคลื่อนขบวนเรือมาทางแม่น้ำอิระวดีแล้ว ราชสำนักได้ข่าวก็ตกใจ ในที่สุดก็ยอมฟังคำแนะนำของท่านสมุหนายกควง ให้ผ่อนหนักเป็นเบาให้มากที่สุด อย่าแข็งขืนต่อกองทัพอังกฤษ ใช้การทูตนำกองทัพด้วยการเจรจาอย่างเดียว

ท่านหวังว่า การที่พม่าไม่ยิงก่อนอาจทำให้สงครามไม่เกิด ที่ไหนได้ ฝรั่งง้างหมัดมาตั้งแต่ไกล พม่าตั้งการ์ดอยู่เฉยๆแต่ไม่ออกหมัด ฝรั่งไปเข้าใจว่าโง่เองก็ออกหมัดตูมเข้าไป พม่าก็หงายผลึ่ง ปืนของอังกฤษวิถียาวกว่าของพม่าอยู่แล้ว เข้าระยะยิงก่อนก็ต้องยิง ขืนช้าไปเข้าระยะยิงของปืนศัตรูเข้า แม้จะล้าสมัยกว่าแต่อาจมีลูกฟลุ๊กมาโดนให้เจ็บตัวได้

ดังนั้นจึงเกิดวลีพม่า เขียนด้วยอักษรโรมันว่า" U Kaung lein htouk, minzet pyouk " อูกวงเล่นท่วก มึนเสร็จอ้วก( ???? ????) แปลเป็นอังกฤษว่า U Kaung's treachery, end of dynasty หรือถอดความเป็นไทยๆว่า “นายกทรยศ สูญหมดพระราชวงศ์”

เมื่อฝรั่งเข้ายึดครองพระราชวังมัณฑเลย์แบบผู้พิชิต ท่านผู้เฒ่าก็อุตส่าห์ไปเข้าแถวต้อนรับ และรับใช้ระบอบปกครองของอังกฤษในพม่ากับเขาด้วย


(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 08 ม.ค. 13, 10:19
ผมอ่านไปเขียนไปก็ยิ่งมีความรู้สึกว่า การที่พม่ารบอย่างไม่เอาจริงน่าจะมาจากคำสั่งของนายกกวง อัครมหาเสนาบดีขิ่นหวุ่น มิงจี ที่ไม่ให้ยิงอังกฤษก่อนอย่างที่เขียนไปแล้ว เพราะยังหวังการเจรจาทางการทูตมากกว่าชัยชนะทางการทหาร

เรื่องคำสั่งนี้ เป็นตราบาปของท่านผู้เฒ่าที่ล้างไม่ออก อ๊วกเสร็จแล้วก็คงยังไม่หายมึน ???

ส่วนเลือดบ้าของพม่าในการรบนั้นคงมีอยู่แน่นอน จะเห็นได้จากการที่ทหารทั้งนั้นไม่ยอมมอบตัววางอาวุธต่ออังกฤษตามพระราชบัญชา แต่เลือกที่จะหนีไปพร้อมอาวุธไปทำสงครามกองโจร จริงอยู่ สมัยนั้นอาจจะไม่ได้มีหลักคิดในเรื่องเอกราชเหมือนสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่๒ แต่น่าจะประมาณว่าคล้ายตอนกรุงแตก คนไทยเองก็จับอาวุธแยกเป็นก๊กเป็นเหล่า ตั้งตัวเป็นใหญ่ไม่ขึ้นต่อกัน เผอิญในกรณีย์ของเราทัพพม่านั้นรีบถอยไปหมด เหลือกำลังมอญของสุกี้พระนายกองไว้รักษากรุงศรีหน่อยเดียว พอไม่มีศัตรูตัวสำคัญตรงนี้ เราเลยรบกันเอง เพื่อชิงความเป็นใหญ่ในแผ่นดินต่อไป

ดาค้อยท์ของพม่าก็เป็นเช่นนั้น มีคนชื่อประหลาดๆตั้งตนขึ้นมาเป็นกษัตริย์และรบกับกับอังกฤษ ซึ่งนวรัตนดอทซีพยายามจะแปลงชื่อประหลาดๆนั้นมาประกอบเรื่องและภาพต่อไป โปรดติดตาม


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 08 ม.ค. 13, 10:41
ปฏิบัติการยึดวังตอนนี้ นายพลเพรนเดอแกสต์มอบหน้าที่ให้นายพันเอกสลาเดนซึ่งมากับกองทัพในตำแหน่งนายทหารฝ่ายการเมือง ในฐานะที่เคยเป็นอัครราชทูตประจำกรุงมัณฑเลย์และคุ้นเคยกับพระราชวงศ์มาก่อน นายคนนี้รู้ทางหนีทีไล่ของพระราชวังอันกว้างใหญ่ไพศาลราวกับเมืองๆหนึ่งดี และได้ใช้ประตูด้านใต้ที่จะพากองทหารจำนวนหนึ่งตบเท้าเข้าไปพร้อมกับตน ซึ่งตอนนั้นเวลาล่วงเข้าไปบ่ายสามโมงแล้ว เมื่อไม่มีการต้านทานใดๆก็เลือกนายทหารที่จะไปด้วยกันไม่กี่คน ให้กรมวังพาเข้าสู่พระราชฐานชั้นในทางประตูหลักด้านตะวันออก ที่นั่น ขิ่นหวุ่น มิงจีอัครมหาเสนาบดีสวมเครื่องแบบเข้าเฝ้าเต็มยศตามราชประเพณีนั่งช้างมาถึง ทักทายเจรจากันหน่อยหนึ่งแล้วก็เข้าไปด้วยกันเพียงสองคนยังพระที่นั่งองค์สำคัญสำหรับออกขุนนางในภาพข้างล่าง ซึ่งบนนั้นทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ยังถืออาวุธอยู่ประจำตำแหน่งโดยครบครัน


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 08 ม.ค. 13, 10:59
รอสักอึดใจเดียวพระเจ้าสีป่อก็เสด็จออกพร้อมพระนางศุภยาลัตและพระราชมารดาที่เสมือนเงาของพระนาง หลังอารัมภกถาแล้ว พระเจ้าสีป่อก็ทรงถอนพระทัย มอบพระราชอาณาจักรและยอมมอบพระองค์ต่อของกองทัพอังกฤษ แต่ทรงร้องขอเวลาสักวันสองวันที่จะเตรียมข้าวของ โดยจะยอมออกจากพระราชฐานส่วนพระองค์ไปประทับที่พระตำหนักฤดูร้อนในสวนหลวง ซึ่งนายพันเอกสลาเดนทูลตอบว่า แม่ทัพใหญ่คงจะไม่รบกวนพระยุคลบาทในคืนนี้ แต่พรุ่งนี้เช้าขอใต้ฝ่าละอองพระบาททรงพร้อมเมื่อนายพลเพรนเดอแกสต์จะมาเข้าเฝ้าด้วยตนเอง เพื่อรับมอบพระองค์ในฐานะเชลย


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 08 ม.ค. 13, 11:06
รอสักอึดใจเดียวพระเจ้าสีป่อก็เสด็จออกพร้อมพระนางศุภยาลัตและพระราชมารดาที่เสมือนเงาของพระนาง หลังอารัมภกถาแล้ว

จริงไหมที่พระเจ้าสีป่อ นั้นตกอยู่ในวงเวียนของโหรและคำทำนายต่าง ๆ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 08 ม.ค. 13, 11:22
เอ… ฝรั่งไม่ได้เขียนเรื่องนี้แฮะ
แต่คำทำนายของโหรที่ว่าเขียนไว้ก่อน หรือหลังเหตุการณ์ไปแล้วเล่า ? ที่บันทึกแบบ “กล่าวกันว่า..”นั้น เขียนที่หลังทั้งนั้น ยังไงๆก็ต้องแม่น

หลังทรงต่อรองได้อีกนิดหน่อย นายพันเอกสลาเดนก็กลับออกมาจากที่เข้าเฝ้าแล้วก็สั่งการให้ทหารอังกฤษตรึงกำลังรักษาการไว้อย่าให้เกินอาณาเขตพระที่นั่งท้องพระโรง  ห้ามเข้าไปยังเขตพระราชฐานส่วนพระองค์ และให้เปิดประตูด้านทิศตะวันตกที่เป็นช่องทางเข้าออกของฝ่ายใน เพื่อให้เจ้าจอมหม่อมห้ามและผู้หญิงในวังรีบย้ายออกไปได้ก่อนที่ฝรั่งจะเข้าครอบครอง พร้อมกับกำชับให้ตรวจตราให้ดี อย่าให้ผู้ใดปลอมตัวเป็นหญิง เข้าออกผ่านจุดนั้นได้ ข่าวไม่แจ้งว่าบรรดากระเทียมทั้งหลายจะยอมให้ออกไปได้ด้วยหรือเปล่า

ผลลัพท์ก็คือ ในคืนนั้นสาวสรรกำนัลในบรรดามีในพระราชวังประมาณ๓๐๐คนเศษก็เรียกญาติโกโหติกาของตน เอาเฉพาะที่เป็นหญิงเข้ามาในวัง อ้างว่าจะมาช่วยท่านขนของ แต่บรรดาสรรพสิ่งที่หยิบฉวยได้ทุกอย่างในเขตพระราชฐานที่ประทับส่วนพระองค์ ไม่รู้ว่าของตนของหลวง ก็แย่งกันทึ้งแย่งกันขนออกจากวังไปทั้งคืน ฝรั่งไม่ได้เขียนว่า พระเจ้าสีป่อทอดพระเนตรเห็นแล้วก็ได้แต่ทำพระเนตรปริบๆดังที่คุณสยามหนุ่มสงสัยหรือเปล่า  แต่เช้าขึ้นมาแล้วปรากฏว่ามีนางในเพียง๑๗คนเท่านั้นที่ยังมั่นคงอยู่หน้าที่ต่อไปด้วยความจงรักภักดี ที่เหลือหายจ้อย

ภาพข้างล่างคือพระราชฐานส่วนพระองค์ของพระนางศุภยลัต ซึ่งอยู่เขตฝ่ายในเหมือนกัน พอฝรั่งเข้าไปแล้วพบว่าข้าวของทุกอย่างเกลี้ยงหมดก็บ่นเจ็บใจไม่น้อย พากันโทษสลาเดนที่ไม่น่าพลาดไปโง่ง่ายๆทำให้ขาดรายได้เข้ากระเป๋าไปแยะ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 08 ม.ค. 13, 11:28
เอาภาพถ่ายหอสังเกตุการณ์ในพระราชวังมัณฑเลย์มาให้คุณเพ็ญฯดูครับ สวยจริง ๆ มีสายไว้ชักรอกด้วย


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 08 ม.ค. 13, 11:32
เอาภาพปืนใหญ่ขนาดจัมโบ้ไซส์ มาให้คุณ NAVARAT.C  ดูครับ ถูกทิ้งไว้ให้ปลวกมันเข้าทำรังเล่น


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 08 ม.ค. 13, 11:45
กระบอกเดียวกันหรือเปล่าหนอ

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 08 ม.ค. 13, 12:27
ในกระทู้เก่าของผมครั้งที่พันทิปมีคนถามคล้ายๆอย่างนี้ว่า เมื่ออังกฤษเข้ายึดวังแล้วที่ว่ามีคนพม่าจากในเมืองมารื้อค้นเอาพระราชสมบัติในวังไปเกือบหมดนั้น เชื่อได้หรือเปล่า ตอนนั้นผมไม่มีจดหมายเหตุของฝรั่งที่ใช้เขียนอยู่นี้ จึงบอกไปตามสามัญสำนึกว่า ฝรั่งสู้อุตส่าห์ลงทุนข้ามน้ำข้ามทะเลมาปล้นพม่า ได้วังอยู่ในกำมือแล้วมีหรือจะโง่ให้ขโมยกระจอกมือเปล่าๆบุกเข้ามาฉกฉวยสมบัติไปต่อหน้าต่อตา ปรากฏว่าฝรั่งโง่จริงแฮะและทำให้ผมพลอยโง่ไปด้วย

แต่เรื่องนี้ฝรั่งไม่ได้บันทึกไว้ว่าทรงทำพระเนตรปริบๆ แต่น่าจะพระเนตรค้างเพราะบอกว่าเช้าวันรุ่งขึ้นนายพันเอกสลาเดนที่นอนเฝ้าอยู่ในพระที่นั่งท้องพระโรงนั่นเองได้รับแจ้งจากมหาดเล็กประจำพระองค์ว่า ทรงเสียพระสติไปเลยที่เห็นหญิงชั้นต่ำจำนวนมากเดินขวักไขว่หยิบนั่นฉวยนี่โดยไม่เกรงกลัวพระองค์ และทรงคิดเลยเถิดไปเองว่าทหารอังกฤษจะบุกเข้าไปทำร้าย นายพันเอกสลาเดนจึงรีบเข้าเฝ้าและได้มีโอกาสตามเสด็จพระนางศุภยลัตและพระนางอเลนันดอพระมารดาไปยังพระราชฐานฝ่ายในส่วนพระองค์ ปรากฏว่าเพชรนิลจินดาเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของพระราชวงศ์ที่เก็บไว้ทั้งหมดยังอยู่ดี จึงเรียกนายทหารคนหนึ่งให้นำลูกน้อง๒๕นายมารักษาการ ตรงจุดนี้น่าจะเป็นช่วงที่หงามุก ทับทิมเม็ดงามคู่พระราชวังได้ถูกนำออกมาปรากฏแก่สายตาของสลาเดน ส่วนเรื่องจะเป็นอย่างไรโปรดติดตามที่กระทู้ข้างๆ และอย่าลืมกลับไปอ่านที่ผมเขียนไว้แล้วในกระทู้พันทิป(ตอนไหนก็ลืมไปแล้ว อ่านไล่ไปทีละตอนก็แล้วกัน ถ้าตาลายหาไม่พบก็ให้ย้อนอ่านตอน๑ใหม่)

แต่ก็เป็นไปได้เหมือนกันที่ฝรั่งจะเขียนอย่างนั้นเพื่อออกตัว เพราะภาพที่เอาสมบัติพม่าในวังมาประมูลกันมันฟ้องว่าสมบัติมีมาก เพราะเอามาประมูลถูกๆแล้วยังมีรายได้เข้าหลวงแทบจะคุ้มทุน ดังนั้นไอ้ที่นินทาว่าน่าจะมีมากกว่านี้เยอะนั้น คนพม่าแห่กันมาขนเอาไปแล้วนะ ไม่ใช่พวกฉัน

นี่คือคิดแบบแผนซ้อนแผนพวกอังกฤษ เปลี่ยนโง่ให้เป็นฉลาด


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 08 ม.ค. 13, 12:36
ซึ่งตอนนั้นเวลาล่วงเข้าไปบ่ายสามโมงแล้ว เมื่อไม่มีการต้านทานใดๆก็เลือกนายทหารที่จะไปด้วยกันไม่กี่คน ให้กรมวังพาเข้าสู่พระราชฐานชั้นในทางประตูหลักด้านตะวันออก

ภาพทหารรักษาการณ์ที่ประตูพระราชวังด้านตะวันออกถ่ายเมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๒๘ (ค.ศ. ๑๘๘๕) โดย Willoughby Wallace Hooper ตำแหน่งหัวหน้าสารวัตรทหาร (Provost Marshal) ของกองทัพอังกฤษ

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 08 ม.ค. 13, 13:19
^
ทหารรักษาวังของพม่า หมดสง่าราศีอย่างสิ้นเชิงเลยนะครับ

ข้างล่างคือภาพส่วนหนึ่งของฝ่ายใน เห็นตำหนักเจ้านายฝ่ายหญิงอยู่ภายในกำแพง รั้วไม้ที่เสริมขึ้นไปและบันไดที่เห็นน่าจะทำขึ้นทีหลังจากถูกยึดครองแล้ว


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 08 ม.ค. 13, 13:56
หลังจากนี้ พระเจ้าสีป่อกับพระมเหสีทั้งสองและพระมารดา ได้เสด็จจากพระราชฐานส่วนพระองค์(ล่างซ้าย)ออกไปยังพระตำหนักฤดูร้อนเล็กๆริมสระบัวมุมหนึ่งในพระราชอุทยาน(ล่างขวา) อังกฤษได้วางทหารรักษาการณ์ไว้โดยรอบสถานที่ซึ่งกษัตริย์พม่าและพระราชินีจะประทับเป็นนักโทษจนกว่าจะถึงกำหนดพีธีการมอบพระองค์อย่างเป็นทางการอันจะมีขึ้นในตอนบ่าย พระเจ้าสีป่อทรงบ่นอย่างขมขื่นที่อังกฤษไม่ยอมให้หมู่ข้าเฝ้าทั้งหลายมาอยู่เป็นเพื่อนพระองค์


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 08 ม.ค. 13, 14:15
หลังจากนี้ พระเจ้าสีป่อกับพระมเหสีทั้งสองและพระมารดา ได้เสด็จจากพระราชฐานส่วนพระองค์(ล่างซ้าย)ออกไปยังพระตำหนักฤดูร้อนเล็กๆริมสระบัวมุมหนึ่งในพระราชอุทยาน(ล่างขวา) อังกฤษได้วางทหารรักษาการณ์ไว้โดยรอบสถานที่ซึ่งกษัตริย์พม่าและพระราชินีจะประทับเป็นนักโทษจนกว่าจะถึงกำหนดพีธีการมอบพระองค์อย่างเป็นทางการอันจะมีขึ้นในตอนบ่าย พระเจ้าสีป่อทรงบ่นอย่างขมขื่นที่อังกฤษไม่ยอมให้หมู่ข้าเฝ้าทั้งหลายมาอยู่เป็นเพื่อนพระองค์

จากแผนผังพระราชวังมัณฑเลย์ ไม่ทราบว่าทรงไปพระราชอุทยานทิศไหน มีอยู่ ๒ ที่ตามที่วงไว้


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 08 ม.ค. 13, 14:21
เจอแล้วครับ สุดท้ายเป็นพระราชอุทยานด้านทิศใต้ซ้ายมือ (วงล่างครับ) ในแผนที่เขียนไว้เลยว่าเป็นที่คุมขังพระเจ้าธีป่อ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 08 ม.ค. 13, 14:27
^
โห เอาอย่างนั้นเลยนะท่าน นับถือ นับถือ

๑๐.๑๕น. ของวันที่๒๙พฤศจิกายน นั้นเอง นายพลเพรนเดอกาสต์ก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูใหญ่ของพระราชวังซึ่งอยู่ทิศตะวันออก พร้อมนายทหารระดับผู้บังคับบัญชา และพร้อมกันเดินตบเท้าเข้าประตูสีชาด ซึ่งเป็นพระทวารเข้าสู่พระราชฐานชั้นใน


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 08 ม.ค. 13, 14:29
เวลา๑๓.๐๐น. เสนาบดีระดับมินจี๔นายได้ถูกส่งมาต้อนรับ และนำคณะนายทหารอังกฤษเข้าเฝ้าพระเจ้าสีป่อ ซึ่งประทับอยู่บนพื้นพระตำหนักโดยมีพระมเหสีทั้งสองอยู่เคียงข้าง ไม่พูดพล่ามทำเพลง นายพลเพรนเดอกาสต์ทูลให้พระองค์พร้อมเสด็จไปยังเรือกลไฟในบัดเดี๋ยวนั้น

(ดนตรี- เชิด)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 08 ม.ค. 13, 14:40
กองทัพอังกฤษเคลื่อนไปล้อมตำหนักพระเจ้าสีป่อและพระนางศุภยาลัต แม่ทัพได้เชิญทั้งสองพระองค์ลงมาเบื้องล่าง พร้อมกับกล่าวว่า "You are under arrested" เท่านั้นเอง

พระเจ้าสีป่อทรงประทับนิ่งด้วยความตกพระทัย ส่วนพระนางศุภยาลัต ทรุดลงกับพื้น ตีอกชกหัว ร่ำไห้ พร่ำรำพันว่า ข้าเสียแผ่นดินไปแล้ว ข้าเสียไปแล้ว....

จาก พันทิป-พม่าเสียเมือง ฉบับ"คนพม่า"บันทึก  (http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/10/K8409694/K8409694.html#20)

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม09.png)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 08 ม.ค. 13, 15:02
ส่วนพม่ารบฝรั่งของนวรัตนดอทซีขอดั้นเมฆบันทึกดังนี้

องค์สีป่อนั้นเล่า ทรงพยายามที่จะขอประวิงเวลาไปอีกสักเพลาหนึ่งแต่ถูกปฏิเสธกลับมาเสียงกร้าว ในที่สุดทรงจำยอมที่จะยันพระวรกายขึ้นและเสด็จพระราชดำเนินมาตามทางที่อังกฤษชี้นำอย่างช้าๆ ผ่านพระราชฐานองค์ใดก็หยุดทอดพระเนตรเป็นครั้งสุดท้ายอย่างอาลัยอาวรณ์ พระอัสสุชลไหลย้อยอาบพระพักตร์ ส่วนพระนางทั้งสามนั้นเล่า ก็มิได้ทรงหยุดที่จะกรรแสงกระซิกๆปิ่มว่าจะขาดใจน่าเวทนายิ่งนักแล้ว  เวรกรรมจริงแท้หนอที่วงศ์กษัตริย์ขัตติยาจะมาสิ้นแผ่นดินพุกามประเทศเอาในรัชสมัยของพระองค์

ครั้นมาถึงประตูพระราชวังอันเป็นที่สุดท้าย เมื่อแลเห็นพาหนะที่อังกฤษจัดไว้เพื่อการเสด็จพระราชดำเนินไปยังที่หมายริมฝั่งมหานทีอิระวดีอันศักดิ์สิทธิ์ เสียงกรรแสงของพระนางก็ถูกกลบไปด้วยเสียงร้องไห้ระงมขึ้นมาของเหล่านางพระกำนัลที่พากันมาส่งเสด็จ

ฉันใดหนอ ทำไมฝรั่งเจ้าจึงต้องหยามพระเกียรติยศเกียรติศักดิ์ของพระเจ้าเหนือหัวแห่งพระราชอาณาจักรอันรุ่งเรืองเกรียงไกรในบูรพทิศอย่างเหลือเชื่อถึงเพียงนี้

นี่นี่ ดูดู๋ มันเล่นไปเช่าแทกซี่ของหม่องอูแจ้ลำนี้มาเลย อพิโธอพิถังเอ๋ย


(ดนตรี-โอด)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 08 ม.ค. 13, 15:12
^
จำได้ว่า ในระหว่างที่เชิญออกจากวังและไปขึ้นเรือนั้น อังกฤษให้ท่านเดินด้วยพระบาท แต่ท่านไม่ยอมจึงต้องหารถเทียมวัวกันให้วุ่นวายอยู่พักหนึ่ง จนหาระแทะได้ท่านจึงเสด็จขึ้นประทับ (พม่าเสียเมือง)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 08 ม.ค. 13, 15:25
แหะ แหะ นั่น"พม่าเสียเมือง"นะน้อง ของพี่มัน"ฝรั่งได้เมือง"คนละเล่มกัน

เป็นครั้งแรกที่พระเจ้าสีป่อได้เห็นบ้านเมืองของพระองค์หลังเสด็จขึ้นครองราชย์ เป็นเวลาเจ็ดปีเศษมาแล้วที่พระองค์ทรงถูกพระมเหษีทั้งสองกับพระราชมารดากักตัวให้เสพย์สุขโลกียสุขอยู่ในพระราชวัง แต่ภาพที่พระองค์เห็นตลอดทางที่ผ่านไปนั้น คือใบหน้าที่เฉยเมยของชาวพม่า นอกจากข้าราชบริพารไม่กี่คนที่ตามมาส่งเสด็จโดยส่งเสียงร่ำไห้แทนเสียงแห่งโยธะวาฑิตแล้ว หามีผู้ใดแสดงกิริยาอาการโศกเศร้าในชะตากรรมของพระราชวงศ์ไม่


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 08 ม.ค. 13, 15:33

^
^
ผมวัดในกูเกลแมปแล้ว จากประตูวังไปถึงริมแม่น้ำ เดินแบบลัดสั้นยังสามกิโลเมตรกว่า ถ้าให้เดินเท้าไปจริงๆ ดนตรีของผมสงสัยต้องให้บรรเลงเพลงพญาโศก


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 08 ม.ค. 13, 15:39
เตรียมตัวเสด็จออกจากพระราชวัง

ภาพวาดฝีมือจิตรกรพม่า Saya Chone

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม09.png)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 08 ม.ค. 13, 17:53

^
^
ผมวัดในกูเกลแมปแล้ว จากประตูวังไปถึงริมแม่น้ำ เดินแบบลัดสั้นยังสามกิโลเมตรกว่า ถ้าให้เดินเท้าไปจริงๆ ดนตรีของผมสงสัยต้องให้บรรเลงเพลงพญาโศก

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 08 ม.ค. 13, 18:05
มายกมือถามซ้ำกับอาจารย์หมอ Visitna อีกคนค่ะ  
สงสัยตะหงิดๆตั้งแต่ตอนทหารอังกฤษเดินเรือเข้ามาอย่างสะดวกง่ายดายเหมือนไปปิคนิค   ผ่านเมืองไหน ทหารพม่าเมืองนั้นแค่เห็นก็หนีญะญ่ายพ่ายจะแจตั้งแต่อังกฤษยังไม่ทันกวักมือเรียกให้มาสู้กันด้วยซ้ำ


กองเรือรบได้ยาตราผ่านเมืองปาท่องโก๋ Pakokko ในวันที่๒๔ ข่าวว่าที่นั่นมีทหารจากมัณฑเลย์ประมาณ๑๐๐๐นายถูกส่งมารักษาการ แต่ทหารพวกนี้ก็หลบเอาตัวรอดไปแล้วในทันทีที่เห็นกองเรือขนาดมหึมาโผล่คุ้งน้ำเข้ามา บ่ายคล้อยของวันนั้นเองกองเรือก็เข้าสู่เขตเมืองสำคัญที่ตั้งควบคุมบริเวณที่แม่น้ำสำคัญสองสาย คืออิระวดีกับชินวินมาบรรจบกัน ชื่อว่าเมืองเมียงยาน รายงานของอังกฤษระบุว่าพม่าได้มาตั้งค่ายทหารรออยู่
เหตุผลอย่างหนึ่งที่คุณนวรัตนเคยให้ไว้ ในค.ห.ไหนจำไม่ได้ว่า ชาวบ้านพม่าไม่ได้มีความรู้สึกจงรักภักดีต่อพระเจ้าสีป่อและพระนางศุภยาลัตอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน    เพราะฉะนั้นก็ไม่คิดจะลุกฮือขึ้นสู้อังกฤษ
แต่จากบันทึกฝรั่งที่ให้ไว้    การยึดพม่านั้นง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก   ทำให้นึกสงสัยจริงๆว่าวิญญาณทรหดของทหารพม่าสมัยอลองพญาและมังระ ที่ปักหลักล้อมกรุงศรีอยุธยาจนน้ำท่วมขนาดไหนก็ไม่ถอนทัพ  ล้อมอยู่เป็นปีๆ จนยิงปืนใหญ่เอาไฟสุมรากกำแพงจนพัง เข้ากรุงของเราได้     ความแข็งแกร่งของพวกนี้หายไปไหนกันหมด?

อ้อ  ยังสะดุดใจกับพวกดาค้อยท์ด้วยค่ะ  ขนาดเป็นกองโจรกระจัดกระจายกันไปไม่รวมเป็นทัพใหญ่  อังกฤษยังต้องปราบอีกตั้ง 3 ปี?

คำถามของท่านอาจารย์ข้อนี้น่าจะคล้ายกับเหตุการณ์ที่เรือรบฝรั่งเศสรุกเข้ามาในแม่น้ำเจ้าพระยาในเหตุการณ์ ร.ศ. ๑๑๒ ที่เล่ากันว่า ชาวสยามก็แห่กันไปดูเรือรบฝรั่งเศสด้วยเป็นของแปลก  ไม่เคยเห็นกันมาก่อน
แต่ชาวสยามที่ป้อมพระจุลจอมเกล้ายิงสู้กับเรือรบฝรั่งเศสนั้นก็เพราะมีนายทหารเรือสัญชาติเดนมาร์คเป็นผู้บัญชาการรบ  ลำพังคนไทยเราด้วยกันเองก็คงจะเป็นแบบเดียวกับพม่า  เพราะเราไม่เคยรบด้วยกองเรือแบบยุโรปมาก่อนครับ  และนี่จึงน่าจะเป็นเหตุสำคัญที่มำให้ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ ทรงสั่งสอนคนไทยให้รักชาติผ่านบทละครและพระราชนิพนธ์ต่างๆ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 08 ม.ค. 13, 19:57
ตำหนักของพระนางศุภยลัต ที่ฝรั่งทำเป็นภาพลายเส้นไว้ ภายหลังจากยึดเมืองได้แล้ว ก็แปลงตำหนักนี้เป็น English Club ครับ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 08 ม.ค. 13, 20:47
เมื่อได้ข่าวว่ากษัตริย์พม่ายอมรับความปราชัยอย่างสมบูรณ์แบบ กองเรือรบอังกฤษที่ทอดสมออยู่ที่อ่าวหน้าเมืองแรงกูนก็ยิงสลุตแสดงความยินดีฉลองชัยชนะไปก้องดินฟ้ามหาสมุทร


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 08 ม.ค. 13, 20:52
มันเป็นช่วงฤดูหนาวในมัณฑเลย์ที่แสงสุริยะจะหม่นลงแต่ก่อนค่ำ แต่ฝูงชนที่รู้ข่าวก็จะพากันมายืนเบียดเสียดยัดเยียดระหว่างเส้นทางที่พระเจ้าเหนือหัวของตนจะเสด็จจากไปโดยไม่มีวันกลับ แต่จุดมุ่งหมายที่สำคัญคือเขาอยากจะเห็นหน้าเจ้าชีวิตของเขาสักครั้งหนึ่ง ราษฎรพม่าไม่เคยเลยทีโอกาสได้เห็นพระองค์และพระองค์ก็ไม่เคยอยากจะเห็นพวกเขา คราวนี้จะเป็นโอกาสเดียวที่จะได้เห็นด้วยความเอื้อเฟื้อของคนอังกฤษ

๑๘.๑๕นาฬิกาโดยประมาณ ฟ้ามืดแล้วพระเจ้าสีป่อและผู้ตามเสด็จได้มาถึงเรือสูรียะ Thooreah (เขามีวงเล็บไว้ว่า"the Sun" อย่างนี้ก็ง่ายกับผมหน่อย) และได้รับการเชิญเสด็จขึ้นไปยังห้องที่ประทับอย่างเรียบร้อย ขิ่นหวุ่น มิงจีและเสนาบดีผู้ใหญ่กับองคมนตรีรวมกันอีก๕คนได้ตามเสด็จด้วย ท่านผู้มีเกียรติเหล่านี้พอถึงแรงกูนก็ถวายบังคมลา หามีใครยอมไปอินเดียกับพระองค์ไม่แม้แต่คนเดียว


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 08 ม.ค. 13, 20:53
คืนนั้น เรือยังจอดนิ่งอยู่ที่ท่า ครั้นรุ่งเช้าจึงได้จุดไฟเร่งไอน้ำ เมื่อได้ที่ก็เปิดหวูดเคลื่อนตัวล่องใต้ โดยมีเรือกลไฟอีกสองลำ บรรทุกทหารราบสองกองร้อยติดตามอารักขา


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 08 ม.ค. 13, 20:54
ไม่ว่าจะผ่านเมืองใด ราษฎรพม่าก็จะพากันมาคอยดูโดยอาการสงบ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 08 ม.ค. 13, 20:58
ขณะเรือผ่านเมืองแปร ในเขตพม่าใต้ของอังกฤษ ไม่ไกลจากแรงกูนเมืองหลวง


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 08 ม.ค. 13, 20:59
๑ ธันวาคม

พระเจ้าสีป่อไม่มีโอกาสที่จะประทับพระบาทลงบนแผ่นดินที่เคยเป็นของพระองค์อีก เมื่อถึงแรงกูนเรือกลไฟพระที่นั่งไปล่องเลยออกสู่ปากอ่าว และเข้าเทียบเรือเดินสมุทรที่ทอดสมอรออยู่ เมื่อนำเสด็จลงเรือใหญ่และถ่ายผู้ติดตามตลอดจนขนสัมภาระเรียบร้อยก็ทำการถอนสมอ ออกเดินทางมุ่งสู่มัดราส


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 08 ม.ค. 13, 21:03
เมื่อเสด็จขึ้นฝั่งที่อินเดีย พระเจ้าสีป่อและพระราชินีทั้งสองของพระองค์ก็สิ้นสุดการเดินทางไกลที่เมืองรัตนคีรี และยังอยู่ในฐานะนักโทษกักบริเวณของรัฐบาลอังกฤษจนกระทั้งเสด็จสวรรคต

ติดตามต่อที่กระทู้นี้ครับ

http://www.reurnthai.com/index.php?topic=2700.30


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 08 ม.ค. 13, 21:06
กระทั่งตอนเย็น กองทัพอังกฤษนำพระเจ้าสีป่อกับพระมเหสีศุภยาลัตลงเรือไปเมืองย่างกุ้งแล้ว ประชาชนก็ยังไม่รู้ว่าเสียแผ่นดินไปแล้ว คิดแต่เพียงว่าเดี๋ยวพระเจ้าญองรัม (เจ้าชายนยองยาน) ก็ขึ้นครองราชย์แทน แม้แต่เกงหวุ่นเมงจี ก็ยังเชื่อแบบนั้น และตัวเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าการจับพระเจ้าสีป่อและพระนางศุภยาลัตนั้นเป็นการวางแผนของตนเอง แต่เสนาบดีมารู้ภายหลังว่าเสียรู้อังกฤษเสียแล้ว เพราะบุคคลที่แต่งกายเป็นเจ้าชาย และนั่งมากับเรืออังกฤษนั้น ไม่ใช่เจ้าชายญองรัม แต่อย่างใด เป็นเพียงล่ามภาษา ชาวเมาะละแหม่งชื่อว่านายบะตัน

ทุกอย่างเป็นเพียงแผนการณ์หลอกลวงของรัฐบาลอังกฤษทั้งนั้น แท้จริงแล้ว พระเจ้าญองรัมสวรรคตไปก่อนหน้านั้นแล้ว ตามการบันทึกของพระธิดาพระเจ้าญองรัม นามว่าเจ้าหญิงถิปตินมะจี ได้กล่าวว่าพระเจ้าญองรัมสวรรคตที่เมืองกัลกัตต้า เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี พ.ศ.  ๒๔๒๘ ขณะพระชนมายุได้ ๓๘ พรรษาเท่านั้น ในขณะที่อังกฤษยกทัพขึ้นมัณฑเลย์เมื่อเดือนพฤศจิกายน หลังพระเจ้าญองรัมสวรรคตไปแล้วประมาณ ๖ เดือน

หากวิเคราะห์อย่างตรงไปตรงมาโดยยึดตามข้อเท็จจริงที่มีการบันทึกไว้ จะพบว่าผู้ดีอังกฤษนั้นไม่ได้เป็นผู้ดีอย่างที่กล่าวอ้างเลย ในการรบกับพม่านั้น คุณภาพของอาวุธ ความยิ่งใหญ่ของกองทัพ รวมไปถึงกำลังทหารของอังกฤษเหนือชั้นกว่าพม่ามาก แต่วิธีการรบนั้นสกปรกจริง ๆ

การยึดประเทศพม่าไม่ได้มีสาเหตุมาจากการที่พระเจ้าแผ่นดินพม่ากินเหล้าเมายา ทำร้ายราชานุวงศ์ ทำร้ายประชาราษฎร์ รวมถึงชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ที่มัณฑะเลย์ รวมไปถึงการที่พม่าไม่ยอมเจรจาสงบศึกกับรัฐบาลอังกฤษ ดังที่อังกฤษกล่าวหาแต่อย่างใด และอังกฤษยังลงข่าวผิด ๆ ดังกล่าวในหนังสือพิมพ์ที่ประเทศอินเดีย และอังกฤษด้วย 

ในหนังสือ A Lord Randolf Churchill เขียนโดยวินสตัน เชอร์ชิล (Winston Churchill) ซึ่งเคยเป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง กล่าวในหนังสือหน้าที่ ๕๑๗ อย่างชัดเจนว่า “เตรียมทัพยึดประเทศพม่าโดยด่วน เพราะรัฐบาลฝรั่งเศสแทรกแซงขัดขวางผลประโยชน์ของรัฐบาลอังกฤษในประเทศพม่า” จะเห็นว่ารัฐบาลอังกฤษต้องการเปิดศึกกับพม่า ด้วยต้องการปกป้องผลประโยชน์ของตนเองทั้งนั้น แต่ทำเป็นอ้างเหตุผลต่าง ๆ นานา และโยนความผิดให้พม่า

หมายเหตุ ในสมัยนั้นลอร์ดรันดอล์ฟเชอร์ชิลเป็นข้าราชการ ตำแหน่งเลขาธิการรัฐอินเดีย (Lord Randolf Churchill, Secretary for the State of India) การบันทึกของนายเชอร์ชิลสอดคล้องกับข่าวในหนังสือพิมพ์รายวันซึ่งตีพิมพ์ในประเทศอังกฤษ และประเทศอินเดียว่าลอร์ดดัฟฟรินซึ่งเป็นข้าหลวงใหญ่ (Lord Arls Dufferin, Chief Governor) ส่งรายงานรัฐบาลอังกฤษทางโทรเลขว่า ณ เวลานี้มีเหตุการณ์สมควรยึดประเทศพม่าโดยการเปิดศึก เพราะพระเจ้าแผ่นดินพม่าปฏิเสธการขอเจรจาคดีป่าไม้อย่างสิ้นเชิง ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงรัฐบาลพม่าพยายามประนีประนอม โดยให้คำตอบไปว่า รัฐบาลพม่ายกเลิกค่าปรับจำนวนเงินสองล้านสามแสนรูปีให้แก่บริษัทบอมเบย์เบอร์มา
 
จาก พันทิป-พม่าเสียเมือง ฉบับ"คนพม่า"บันทึก  (http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/10/K8409694/K8409694.html#22)

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม09.png)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 09 ม.ค. 13, 06:27
^
เรื่องที่คุณเพ็ญโยงไว้ข้างบนนี้ คนที่เป็นคอพม่าตัวจริงเสียงจริงต้องอ่านนะครับ นั่นน่ะ ความรู้เนื้อๆ

ผมอ่านแล้วก็เสียดายบรรยากาศของการเล่นกระทู้ในครั้งกระโน้น จะเห็นว่ามีผู้เข้ามาร่วมแสดงความเห็นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่คิดว่าตนรู้มากหรือรู้น้อย ไม่ทราบเหมือนกันว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นได้หายไปไหนกันหมดแล้ว

อ้างถึง
จำได้ว่า ในระหว่างที่เชิญออกจากวังและไปขึ้นเรือนั้น อังกฤษให้ท่านเดินด้วยพระบาท แต่ท่านไม่ยอมจึงต้องหารถเทียมวัวกันให้วุ่นวายอยู่พักหนึ่ง จนหาระแทะได้ท่านจึงเสด็จขึ้นประทับ (พม่าเสียเมือง)

ผมไปหยิบหนังสือเกี่ยวกับพม่าเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่าน บังเอิญมีข้อความตอนหนึ่งว่า "พระเจ้าสีป่อทรงขออนุญาตที่จะออกจากวังโดยการทรงช้าง หรือขึ้นวอตามพระเกียรติยศ แต่แม่ทัพอังกฤษซึ่งต้องการหยามหน้ากษัตริย์พม่า ได้จัดรถกูบ(ดล้ายเกวียน)เทียมวัวสองตัวมาให้กษัตริย์และพระราชินีทรงออกจากวัง"  

จึงเอามาฝากไว้


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 09 ม.ค. 13, 07:44
กระทู้พม่าเสียเมือง ฉบับ"คนพม่าบันทึก"ของคุณAliz in Wonderlandถูกนำมาฉายใหม่ในกระทู้ของผมโดยคุณเพ็ญชมพูถูกที่ถูกเวลาจริงๆ เพราะภาพชุดต่อไปผมจะนำเสนอตอนที่ลอร์ดดัฟฟริน อุปราชอังกฤษประจำอินเดีย(Viceroy of India) ผู้ซึ่งเสมือนพระเจ้าเหนือหัวองค์ใหม่เสด็จเหยียบเมืองมัณฑเลย์ เมืองขึ้นใหม่เอี่ยมป้ายแดงที่เพิ่งนำเข้ามาผนวกในอาณานิคมอันยิ่งใหญ่ในเอเซียที่อังกฤษภูมิใจหนักหนา

ลอร์ดดัฟฟรินคือใคร คุณAliz in Wonderlandได้แนะนำไว้ว่า

“ในหนังสือ A Lord Randolf Churchill เขียนโดยวินสตัน ชาร์ชิล (Winston Churchill) ซึ่งเคยเป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง กล่าวในหนังสือหน้าที่ 517 อย่างชัดเจนว่า “เตรียมทัพยึดประเทศพม่าโดยด่วน เพราะรัฐบาลฝรั่งเศสแทรกแซงขัดขวางผลประโยชน์ของรัฐบาลอังกฤษในประเทศพม่า” จะเห็นว่ารัฐบาลอังกฤษต้องการเปิดศึกกับพม่า ด้วยต้องการปกป้องผลประโยชน์ของตนเองทั้งนั้น แต่ทำเป็นอ้างเหตุผลต่างๆนาๆและโยนความผิดให้พม่า

หมายเหตุ ในสมัยนั้นลอร์ดรันดอล์ฟเชอร์ชิลเป็นข้าราชการ ตำแหน่งเลขาธิการรัฐอินเดีย (Lord Randolf Churchill, Secretary for the State of India) การบันทึกของนายเชอร์ชิลสอดคล้องกับข่าวในหนังสือพิมพ์รายวันซึ่งตีพิมพ์ในประเทศอังกฤษ และประเทศอินเดียว่าลอร์ดดัฟฟรินซึ่งเป็นข้าหลวงใหญ่ (Lord Arls Dufferin, Chief Governor) ส่งรายงานรัฐบาลอังกฤษทางโทรเลขว่า ณ เวลานี้มีเหตุการณ์สมควรยึดประเทศพม่าโดยการเปิดศึก เพราะพระเจ้าแผ่นดินพม่าปฏิเสธการขอเจรจาคดีป่าไม้อย่างสิ้นเชิง ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงรัฐบาลพม่าพยายามประนีประนอม โดยให้คำตอบไปว่า รัฐบาลพม่ายกเลิกค่าปรับจำนวนเงินสองล้านสามแสนรูปีให้แก่บริษัทบอมเบย์เบอร์มา”

นี่คือพ่อผู้ดีรูปหล่อที่ห่อหุ้มตัวตนแท้จริงซึ่งเป็นโจรปล้นเมืองระดับหัวหน้าผู้ก่อการร้ายสากล


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 09 ม.ค. 13, 08:43
ก่อนจะเดินหน้า ผมขอเข้าเกียร์ถอยหลังเล็กน้อยเพื่อเอาภาพแจ่มๆตอนที่นายพลเพรนเดอกาสต์เข้าเฝ้าพระเจ้าสีป่อมาลงให้ใหม่


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 09 ม.ค. 13, 08:48
ภาพพระตำหนักฤดูร้อนดังกล่าว ฝีมือถ่ายภาพของWilloughby Wallace Hooper มองเห็นเฉลียงหน้าสำหรับเสด็จออกรับเหล่าข้าเฝ้า และครั้งสุดท้ายของพระองค์ คือคณะผู้พิชิต


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 09 ม.ค. 13, 09:13
อีกภาพหนึ่งจาก Archaeological Survey of India Collections ถ่ายเมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๖ (ค.ศ. ๑๙๐๓) ไม่ปรากฏนามช่างภาพ

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 09 ม.ค. 13, 09:36
อีกภาพหนึ่งโดย Archaeological Survey of India



อมยิ้มใหญ่ดีจัง ชอบ ๆ (http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 09 ม.ค. 13, 09:47
(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม02.png)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: warisa ที่ 09 ม.ค. 13, 22:10
...เห็นรูปพระราชวังต่างๆที่อาจารย์เอามาลง...รู้สึกเสียดายๆที่ไม่มีโอกาสได้เห็นพระราชวังไม้ที่สวยงามที่สุดในโลก....ให้สร้างใหม่ยังไงก็ไม่เหมือน...เฮ้อ...รู้สึกสงสารประเทศพม่าด้วยค่ะ...


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 10 ม.ค. 13, 08:00
ไม่ทราบว่าหมายถึงในกระทู้ข้างล่างนี้หรือเปล่า

http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/10/K8404784/K8404784.htmlvp^jouh

สำหรับในกระทู้ที่กำลังเขียนอยู่ ผมพยายามหลีกเลี่ยงที่จะฉายภาพซ้ำ เอามาเท่าที่จำเป็นจริงๆ เพราะภาพใหม่ๆที่ยังไม่ได้นำลงก็มีเยอะอยู่แล้ว



ว่าพลางก็แถมภาพพระตำหนักหอแก้วของพระเจ้าสีป่อให้๑รูป


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 10 ม.ค. 13, 08:01
พระตำหนัก หอทอง ของพระนางศุภยาลัต ๑รูป


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 10 ม.ค. 13, 08:08
๖ มกราคม ๑๘๘๖

ลอร์ดดัฟฟริน อุปราชอังกฤษประจำอินเดียเดินทางมาพร้อมกับท่านผู้หญิงแฮเรียตยังเมืองพม่าเป็นครั้งแรกโดยเรือรบหลวงCliveแห่งราชนาวีอังกฤษ หลังจากการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการยิงสลุตเป็นเกียรติโดยปืนประจำเรือของราชนาวีอังกฤษที่จอดทอดสมออยู่ในอ่าวรวมกัน๓๑กระบอก ลอร์ดดัฟฟรินก็ขึ้นบกและได้รับการสวนสนามทำความเคารพอย่างเต็มรูปแบบในแรงกูน  หลังจากนั้นก็มีพิธีเลี้ยงรับรองที่ทำเนียบรัฐบาลท่ามกลางแขกรับเชิญทั้งข้าราชการ พ่อค้านักธุรกิจ และกลับมาดินเน่อร์ซึ่งข้าหลวงใหญ่และภรรยาจัดให้ตอนสี่ทุ่ม กว่าจะเลิกร่วมเที่ยงคืน

วันรุ่งขึ้นตรงกับวันอาทิตย์ เป็นวันส่วนตัวของท่านลอร์ดและเลดี้

๘ มกราคม ๑๘๘๖ คณะของอุปราชได้ไปยังยังสถานีเคเมนดีน(Kemendine)ของร่างกุ้งแต่ช่วงเช้า เพื่อขึ้นรถไฟขบวนพิเศษไปยังเมืองแปร ไม่ว่าจะจอดที่สถานีใด ข้าราชการอังกฤษก็จะพากันมาต้อนรับและมอบช่อดอกไม้ให้ท่านผู้หญิงตลอดทาง


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 10 ม.ค. 13, 08:12
ขออนุญาตแทรกนิดเดียว

...เห็นรูปพระราชวังต่างๆที่อาจารย์เอามาลง...รู้สึกเสียดายๆที่ไม่มีโอกาสได้เห็นพระราชวังไม้ที่สวยงามที่สุดในโลก....ให้สร้างใหม่ยังไงก็ไม่เหมือน...เฮ้อ...รู้สึกสงสารประเทศพม่าด้วยค่ะ...

ส่วนหนึ่งของพระราชวังมัณฑะเลย์ของจริงที่รอดพ้นจากการทำลายของอังกฤษอยู่ที่วัดชเวนันดอ

http://www.youtube.com/watch?v=pP7e3Ul16fg

ตั้งแต่นาทีที่ ๘.๑๕

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 10 ม.ค. 13, 08:48
๙ มกราคม ๑๘๘๖

คืนที่ผ่านมา ลอร์ดและเลดี้ดัฟฟรินพักแรมบนเรือกลไฟชื่อมินดูน(Mindoon)ที่บริษัทอิระวดีโฟลเตลลาจัดให้ เช้าวันนี้ เรือได้เริ่มออกเดินทางจากแปร(Prome)สู่ที่หมายปลายทางยังมัณฑเลย์

ในหน้าประวัติของบริษัทนี้กล่าวว่า เมือกัปตันได้ทราบว่าเรือมินดูนจะได้รับรองพณหัวเจ้าท่าน ก็ไปสืบมาได้ความว่านายใหญ่ชอบรับประทานซุปหางวัวแบบที่ไม่ได้กินกับข้าวหมกไก่มาก จึงกำชับให้เชฟจัดหาวัตถุดิบนี้ให้เพียงพอ อย่าให้ขาดปากได้

ดังนั้น ในขบวนเรือลำหนึ่งจึงมีผู้โดยสารเป็นวัวที่ยังหายใจอยู่ร่วมเดินทางไปด้วยถึง๑๒ตัว ตลอดการเดินทางก็มีขบวนการแปลงวัวเป็นหมาบ๊อกเซอร์อย่างโหดเหี้ยมเพื่อบำรุงกิเลศของนายใหญ่


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 10 ม.ค. 13, 10:00
เศรษฐีหลายพันหลายหมื่นคนอยากทราบว่า การเดินทางอันน่าหฤหรรษ์ของนายใหญ่และนายหญิงจะเป็นเช่นไร จึงมีบริษัทหลายบริษัทด้วยกัน รวมทั้งโฟลติลลาที่ไม่ทราบว่าใครปลุกผีขึ้นมาในวันนี้ด้วย เปิดบริการเรือสำราญโดยใช้เรือกลไฟอย่างเดียวกับในสมัยอาณานิคม นำนักท่องเที่ยวที่พร้อมจะจ่ายเหล่านี้เดินทางขึ้นล่องอิระวดีในบรรยากาศที่หรูหรา ให้ฟิลลิ่งเหมือนนายใหญ่ที่ทอดสายตามองพระเจดีย์นับพันๆองค์ซึ่งเรียงรายตลอดสองฝั่ง ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถนั่งหรือนอน ในห้องพักแรมอันรโหถานหรือห้องนั่งรับประทานอาหารมื้อใหญ่น้อยทั้งหลาย


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 10 ม.ค. 13, 10:26
รวมทั้งโฟลเตลลาที่ไม่ทราบว่าใครปลุกผีขึ้นมาในวันนี้ด้วย เปิดบริการเรือสำราญโดยใช้เรือกลไฟอย่างเดียวกับในสมัยอาณานิคม

โฟลเตลลา = The Irrawaddy Flotilla Company  (http://www.paukan.com/irrawaddy-flotilla-company.htm) = บริษัทเดินเรืออิรวดี

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม19.png)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 10 ม.ค. 13, 11:00
มีอะไรให้สงสัยหรือครับ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 10 ม.ค. 13, 12:27
อนุญาตแยกซอยลงเรือออกทะเล

flotilla แปลว่า กองเรือ  ถ้าเอามาประกอบคำว่า company น่าจะแปลว่า บริษัทเดินเรือ  จึงสงสัยว่าทำไมคุณนวรัตนไม่ระบุว่าบริษัทนี้คือ บริษัทเดินเรืออิรวดี

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)



กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: warisa ที่ 10 ม.ค. 13, 13:05
...ขอบพระคุณอาจารย์เพ็ญชมพูมากค่ะ....อยากจะทราบต่อไปว่าส่วนที่เอามาสร้างวัดนี้เป็นเศษหนึ่งส่วนเท่าไหร่ของพระราชวังทั้งหมดคะ....ถ้าอังกฤษไม่ทำลายก็คงจะเป็นอีกแห่งหนึ่งของสิ่งก่อสร้างที่สวยที่สุดในโลก....คงจะสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้พม่าได้อย่างมหาศาลแน่ๆ....เสียดายค่ะเสียดายจริงๆ.....


.....อ่านกระทู้ของอาจารย์นวรัตนต้องค่อยๆละเลียดอ่านแบบช้าๆ...กลัวหมดไว555 ;D...เพิ่งมาสนใจประวัติศาสตร์พม่าจากกระทู้ในพันทิป....เสียดาย(อีกแล้ว)ตอนเรียนยังไม่ได้สนใจเรื่องนี้มีเพื่อนพม่าอยู่สองคนเลยไม่ได้ผูกไมตรีไว้...ไม่งั้นคงจะได้ความรู้เพิ่มอีกอีกเยอะเลยค่ะ...


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 10 ม.ค. 13, 14:36
อยากจะทราบต่อไปว่าส่วนที่เอามาสร้างวัดนี้เป็นเศษหนึ่งส่วนเท่าไหร่ของพระราชวังทั้งหมดคะ

อาจารย์เผ่าทองให้ข้อมูลไว้ในรายการข้างบนว่า มีพระที่นั่งลักษณะนี้ในพระราชวังมัณฑะเลย์ทั้งหมด ๑๔๔ หลัง

หลังนี้เล็กที่สุด

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม01.png)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 10 ม.ค. 13, 15:29
อ้างถึง
flotilla แปลว่า กองเรือ  ถ้าเอามาประกอบคำว่า company น่าจะแปลว่า บริษัทเดินเรือ  จึงสงสัยว่าทำไมคุณนวรัตนไม่ระบุว่าบริษัทนี้คือ บริษัทเดินเรืออิรวดี
คุณเพ็ญจะสงสัยไปทำมั้ยยยย   ผมไม่ได้เขียนตำรานี่ครับ อ่านเรื่องพม่าที่ผมเขียนมาตั้ง๕-๖ตอนแล้วน่าจะทราบว่า อันที่จริงผมมิได้มีความรู้อะไรเท่าไหร่เลย ที่เขียนนี่ก็ไปลอกมาจากเวปโน้นเวปนี้ หนังสือนั่นนี่โน่น เอามายำใหญ่เน้นให้คนอ่านสนุกสนานอย่างเดียวแบบความรู้เป็นของแถม บางครั้งลอกเพลินไม่ตรวจสอบก็ผิดข้อเท็จจริงไป คนอ่านที่รู้ก็จะเข้ามาท้วงทางหน้าจอบ้างหลังจอบ้าง ผมก็ยินดีจะแก้ไขให้ถูกต้องทุกครั้งไปเท่าที่หลักฐานปรากฏ คุณเพ็ญลองไปย้อนหาดูซิเออ ผมโดนเรื่องใหญ่ คุณโซเดี๊ยกจากพันทิปหลังไมค์มาประท้วงเรื่องนโปเลียนที่๓ ผมต้องรีบถอยหลังไปเปลี่ยนข้อความใหม่ซะหลายคคห. ไม่บอกละว่าเบอร์อะไรมั่ง ใครขยันที่จะรู้ก็กรุณาไปค้นหาเอาเอง

เถอะนะ บริษัทเรือจะชื่อจริงนามสกุลจริงอย่างไร ถึงผมจะเรียกชื่อฝรั่งผิดพลาดบ้างก็ยังคล้ายกว่าชื่อคนพม่าของนวรัตนดอทซีตั้งแยะ น่าจะหยวนๆ

ถ้าถามว่าทำไมผมไม่ระบุว่า…
งั้นขอเป็นค่ำๆผมจะกลับมาระบุก็แล้วกันครับ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 10 ม.ค. 13, 22:15
หลังจากรอนแรมบนเรือกลไฟมินดูนซึ่งบริษัทเดินเรืออิรวดีให้การรับรองอย่างเลิศหรูประหนึ่งมาพักตากอากาศ ลอร์ดและเลดี้ดัฟฟรินก็มาถึงมัณฑเลย์เมื่อประมาณเวลา๑๑.๐๐น. เมื่อเทียบท่าเรียบร้อยแล้ว ทหารและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ได้ขึ้นเรือไปต้อนรับเพื่อนำนายใหญ่และนายหญิงลงจากเรือขึ้นสู่ฝั่ง ขณะนั้นแตรวงพม่าบรรเลงเพลงพญาเหยียบเมือง ขบวนของอุปราชอินเดียซึ่งต่อไปจะพ่วงคำว่า"และพม่า" ด้วยก็เคลื่อนเข้าสู่ปรำพิธีต้อนรับที่เห็นสีขาวๆ อาคารหลังนี้สร้างลำลองขึ้นสำหรับการนี้โดยเฉพาะ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 10 ม.ค. 13, 22:22
พระที่นั่งแพสาครวิมานของพระเจ้าสีป่อจอดโยงอยู่ไม่ไกลจากนั้นเท่าไหร่ คงจะมีคนชี้นายใหญ่และนายหญิงดูบ้างหรอกน่า


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 10 ม.ค. 13, 22:23
ภายในอาคารปรัมมพิธี ถึงแม้จะสร้างแบบเฉพาะกิจขึ้นชั่วคราว แต่การตกแต่งภายในก็ทำอย่างวิจิตร มีการนำพระราชบัลลังก์ของกษัตริย์พม่าจากพระราชวังมาประดิษฐานสำหรับที่นายใหญ่และนายหญิงจะนั่งยืด ให้ทหารและข้าราชการเข้าทำความเคารพ ในการนี้ได้มีข้าราชการพม่าของอดีตรัฐบาลพม่ามาแสดงการสวามิภักดิ์ด้วย

จบงานนี้สงสัยฝรั่งจะขนพระราชบัลลังก์เหล่านี้ลงเรือกลับไปด้วยเลย


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 10 ม.ค. 13, 22:41
ข่าวแจ้งว่าชาวเมืองพม่าไม่ค่อยออกมาดูขบวนของอุปราชฝรั่งเท่าไหร่ แต่ผมว่าเขากำลังกินข้าวกันมากกว่า จากปรำพิธีรถม้าวิ่งเดี๋ยวเดียวก็เห็นกำแพงเมืองมัณฑเลย์แล้ว


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 10 ม.ค. 13, 22:49
รถม้าวิ่งเข้าประตูเมืองหลักแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตพระราชวัง ซึ่งที่นั่นทหารได้ตั้งแถวรอรับอย่างแข็งขัน

(รูปข้างล่างนี้คนละเหตุการณ์กันนะครับ ขอสารภาพไว้ก่อน)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 10 ม.ค. 13, 22:56
รถม้าของลอร์ดและเลดี้ดัฟฟรินได้มาหยุดหน้าที่พระที่นั่งท้องพระโรงใหญ่ คงไม่มีพิธีต้อนรับนานมั้ง ผมละหิวข้าวแทน


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 10 ม.ค. 13, 23:06
หลังอาหารแล้ว นายใหญ่กับนายหญิงจะทัศนาจรภายในวัง
ภาพนี้ก็ไม่ใช่ภาพเหตุการณ์จริงอีกนั่นแหละ แต่เป็นภาพถ่ายในวันฉลองคริตสมาศที่ผ่านมาของทหารฝรั่งอังกฤษ แขกไม่เกี่ยว


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: warisa ที่ 11 ม.ค. 13, 05:23
....อาจารย์คะ...ดิฉันอยากจะขอความกรุณาให้อาจารย์ลากยาวไปถึงตอนที่ทหารญี่ปุ่นยึดพระราชวัง..คือดิฉันชอบรูปในพระราชวังมากๆน่ะค่ะ...ดูทีไรก็ไม่รู้สึกอิ่มซักที...อยากดูเพิ่มไปอีกเรื่อยๆ...อยากเห็นรูปทหารจากสูงยาว เข่าดี จมูกโด่งมาเป็นขาสั้นๆ เตี้ยๆแบบญี่ปุ่นบ้าง...ดิฉันเคยดูสารคดีสงครามโลกเกี่ยวกับญี่ปุ่นมาบ้างแต่แปลกไม่ค่อยได้เห็นรูปหรือภาพเคลื่อนไหวเกี่ยวกับทหารญี่ปุ่นในพม่ามากนัก....

.....ขอบพระคุณอาจารย์มากๆนะคะ...ได้คืบจะเอาศอก..ฮิๆ ;D...


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 11 ม.ค. 13, 06:38
ตอนนี้เอาแบบลากสั้นไปดูก่อนแล้วกัน จะดูภาพพระราชวังนี้ตอนที่ดีที่สุดต้องเป็นตอนที่ฝรั่งเข้ายึดใหม่ๆครับ สมัยพระเจ้าสีป่อ พม่าก็ไม่ยอมถ่ายรูปไว้ อาจจะเป็นเพราะยังไม่มีความสามารถพอหรือเพราะกฏมฎเฑียรบาลสุดแล้วแต่ ครั้นฝรั่งเข้ามาแล้วก็เริ่มแปลงโฉมเป็นกองบัญชาการ ยิ่งนานยิ่งเพี้ยน การบำรุงรักษาอาคารไม้ก็ทำไม่ได้สมบูรณ์ มาถึงช่วงญี่ปุ่นยึดครองคงเริ่มผุพังมากแล้วก่อนที่จะโดนไฟไหม้วินาสสิ้น

พอได้ทานซุปหางวัวไปอีกชามใหญ่ ตามด้วยพิชเค็กแบบลอนดอนแท้ๆฝีมือหัวหน้ากุ๊กทหาร๑ปั้นพร้อมขนมปัง ลอร์ดดัฟฟรินก็กระปรี้ระเปร่าพอที่จะแลเห็นความงามของศิลปสถาปัตยกรรมพม่าขึ้นมา จึงชวนเลดี้แฮเลียตไปชมพระราชวังกันตามแผนผังที่คนพม่าทำไว้



กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 11 ม.ค. 13, 06:44
ดูไม่รู้เรื่องใช่ไหมครับ ผมก็ไม่รู้เรื่อง

ภาพชุดนี้ไม่ได้ถ่ายในวาระนั้น แต่คงบันทึกหลังมาประมาณปีสองปี พอทดแทนกันได้

ด้านหน้าของพระราชวัง ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางของจักรวาลในคติพม่า


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 11 ม.ค. 13, 06:47
มุมมองในทิศกลับกัน


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 11 ม.ค. 13, 06:51
ท้องพระโรงกลางเรียกว่าหอแก้ว องค์ที่มีหอระวังเหตุบนหลังคาให้ยามขึ้นไปคอยยิงอีแร้ง ไล่ไม่ให้มาเกาะเป็นอัปมงคล


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 11 ม.ค. 13, 06:53
มุมมองอาคารด้านที่หันสู่ทิศเหนือ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 11 ม.ค. 13, 06:54
ด้านที่หันสู่ทิศใต้


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 11 ม.ค. 13, 07:01
อุทยานหลวงฝั่งใต้


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 11 ม.ค. 13, 07:06
กลุ่มอาคารที่อยู่ระหว่างท้องพระโรงกลาง กับท้องพระโรงน้อยที่ประดิษฐานพระราชบัลลังก์ดอกลิลลี่(เรียกแบบฝรั่ง)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 11 ม.ค. 13, 07:11
ดอกลิลลี่นี้ ไทยเรียกว่ามหาหงส์ จะเป็นตระกูลเดียวกับพม่าหรือไม่ผมไม่ทราบ
นี่กลุ่มอาคารเดียวกันกับรูปข้างบน แต่ขยับมุมกล้องออกมาหน่อย


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 11 ม.ค. 13, 07:18
ท้องพระโรงดอกมหาหงส์ เรียกแบบไทยๆหน่อยก็แล้วกัน ถ้าผิดเดี๋ยวคงมีคนทัก( ใครทราบ กรุณาทักด้วยนะครับ ผมจะได้แก้ให้ถูก)
มุมนี้ผมยังไม่ได้นำลงมาก่อน


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 11 ม.ค. 13, 07:24
พระราชบัลลังก์สุวรรณผกามหาหงส์รัตนาสน์ราชวินิจฉัย(ตั้งชื่อให้ซะเลย)

ไม่ทราบว่าดอกลิลลี่อยู่ไหน และพระราชบัลลังก์องค์นี้ไปอยู่ ณ แห่งใดแล้ว


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 11 ม.ค. 13, 07:26
ถัดไปเป็นพระตำหนัก "หอทอง" ของพระราชินี


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 11 ม.ค. 13, 07:29
ลวดลายแกะสลักบนไม้สักทองของพระที่นั่งองค์นี้


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 11 ม.ค. 13, 07:47
รูปถ่ายสมัยโบราณของกลุ่มอาคารในพระราชวังมัณฑเลย์ชุดนี้ ผมมีเท่านี้ ที่เหลือเป็นกำแพงเมืองและปราการเหนือประตูที่จะมาลงปิดท้าย หากที่ผู้ใดมีภาพร่วมสมัยที่ยังไม่เคยลงมาก่อน ถ้าจะกรุณามาผนวกไว้ในช่วงนี้ก็จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเป็นอย่างยิ่งครับ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ม.ค. 13, 08:38
บรรเลงเพลง พญาโอด เป็นแบคกราวน์ ค่ะ

เห็นภาพพระราชวังที่ท่านนวรัตนนำมาให้ดูกัน  แล้วนึกถึงพระเจ้าสีป่อ   เมื่อนั่งระแทะเทียมวัวออกไปสู่ท่าน้ำในวันที่ 26 พฤศจิกายน ค.ศ.1885    ความรู้สึกของพระองค์คงไม่ต่างจากทศกัณฐ์ตอนออกจากกรุงลงกาเป็นครั้งสุดท้าย ไปตายด้วยศรพระราม

ครั้นออกมานอกพระนิเวศน์                                ทอดพระเนตรเหลือบแลซ้ายขวา
พินิจพิศเพ่งดูพารา                                        สนุกดังชั้นฟ้าสุราลัย
เสียดายมหาปราสาท                                      โอภาสดังวิมานแขไข
ทั้งสามแก้วแวววามอร่ามไป                               เคยได้เป็นสุขมาช้านาน
ทีนี้จะแลลับแล้ว                                           ปราสาทแก้วที่เคยเกษมศานต์
เสียดายห้องทองอันโอฬาร                               งามจำรัสชัชวาลตระการตา
เคยฟังเสียงขับนางจำเรียง                                สำเนียงยั่วยวนเสน่หา
เคยภิรมย์สมสุขทุกเวลา                                   อนิจจาแต่นี้จะลับไป
........................................
ขอแปลงเนื้อตอนนี้หน่อยนะคะ

โอ้ว่าแต่นี้นะมัณฑเลย์                                     จะลับตาห่างเหไปสิ้น
แสนสนุกยิ่งกว่าเมืองอินทร์                                เป็นถิ่นที่สามโลกประชุมกัน
จะอยู่ในอำนาจอังกฤษ                                     จะสิ้นฤทธิ์สิ้นสุขเกษมสันต์
สำหรับจะอัปภาคย์ทุกคืนวัน                               สารพันจะได้เดือดร้อน
ยิ่งคิดยิ่งแสนเสียดายนัก                                   แสนสลักอกเพียงต้องศร
แสนเทวษแสนโศกอาวรณ์                                 แสนทุกข์แสนร้อนรำคาญ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 11 ม.ค. 13, 09:04
พระราชบัลลังก์สุวรรณผกามหาหงส์รัตนาสน์ราชวินิจฉัย(ตั้งชื่อให้ซะเลย)

ไม่ทราบว่าดอกลิลลี่อยู่ไหน และพระราชบัลลังก์องค์นี้ไปอยู่ ณ แห่งใดแล้ว

แท้จริงแล้ว ราชบัลลังก์องค์นี้มีนามว่า "ปทุมาสนราชบัลลังก์"  เป็นราชบัลลังก์ ๑ ใน ๘ องค์

จากคำให้การของชาวกรุงเก่ากล่าวถึงนามราชบัลลังก์ทั้งแปด ดังนี้

๑. สีหาสน์ราชบัลลังก์     รูปราชสีห์รับ       สลักด้วยเนื้อไม้ยะมะเน
๒. หงสาสนราชบัลลังก์   รูปหงส์รับ          สลักด้วยไม้ตะเคียน
๓. สังขารสนราชบัลลังก์  รูปสังข์ รับ         สลักด้วยไม้มะม่วง
๔. ภมราสนราชบัลลังก์   รูปภมรรับ          สลักด้วยเนื้อไม้กระวาน
๕. คชาสนราชบัลลังก์    รูปช้างรับ          สลักด้วยเนื้อไม้จะกา
๖. มยุราสนราชบัลลังก์   รูปนกยูงรับ        สลักด้วยเนื้อไม้ป๊อก
๗. มิคาสนราชบัลลังก์    รูปกวางรับ         สลักด้วยไม้มะเดื่อ
๘. ปทุมาสนราชบัลลังก์  รูปบัวปทุมมารับ    สลักด้วยไม้ขนุน

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 11 ม.ค. 13, 09:35
ข้อมูลข้างบนตรงกับที่ ดร. ตานทุน (Than Tun) (http://en.wikipedia.org/wiki/Than_Tun) นักประวัติศาสตร์ชาวพม่าให้ข้อมูลไว้ในบทความชื่อ A Note on Myanmar Thrones  (http://www.myat.50megs.com/articles/thrones.htm) ดังนี้

1. The lion Throne, located in the Nan Oo Pyatthat (Foremost or Main Tower) which is also called the Myay Nan Pyatthat (Earth Palace Tower). It is made of Yamane (Gemelina arborea) wood. All the king’s vassals as wellas the Crown Prince and Ministers came to this hall to pay obeisance to the monarch on the New Year Day, the Beginning of the Buddhist Lent and the End of the Buddhist Lent. Absence on this occasion is taken as a serious ofence amounting to an open rebellion. Foreign envoys are also received by the king in this hall. The Lion Throne of the Lhuttaw is occassionally used by the king when he attends a Lhuttaw meting to pass an important decision.

2. The Hamsa(Hintha, Brahminy Duck) Throne, located in the Jetavana (Zaydawun Zaung, Palace Shrine) used for religious ceremonies. It is made of Thingan (Hopea odorata) wood.

3. The Conch (Sankha, Khayuthin) Throne located in the Baungdaw Zaung where the king attends any kind of religious preachings. It is made of Thayet (Mangifera indica) wood.

4. The Bee (Bhamara, Bee, Beetle) Throne, located in the Glass Palace (Mhan Nan Zaung, Bed Chamber). It is made of Karaway (Cinnamomum inunctum) wood.

5. The Elephant (Gaja, Elephant) Throne, located in the Byedike (Inner Court) where the king presides either to praise or blame a service rendered by his officers. It is made of Saga (Michelia champaca) wood.

6. The Peacock (Marura, Peacock) Throne, located in the Northern Gatehouse where the king attends in person to receive the gifts of the fine horse or elephant. It is made of Pauk (Butea monosperma) wood.

7. The Deer (Miga, Deer) Throne, located in the Southern Gatehouse where the king appears for the discussion. It is made of Yethapan (Ficus glomerata) wood.

8. The Lotus (Paduma, Nelumbium speciosum, Sacred Lotus) Throne ,located in the Western Audience Hall (Anauk Pwedet Zaung) where only the Ladies of the Court attend, once in the year on the sixth day after the Full Moon Day of Thadingyut (Seventh Month of the Myanmar Lunar Year). The exhibition of the gifts or reading the list of gifts is omitted. The king and his chief queen sit on the throne. Ladies come in full ceremonial dress and a strict protocol is observed during the ceremony.

Through an agent the king asks three questions, viz. Is there prosperity in the four quarters of the City? Is the rain evenly spread through out the three rainy months? Does the wife pays due respect to her husband? “Verily, My Lord!” is the expected answer and only the chosen woman could say it.

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)



กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 11 ม.ค. 13, 09:44
^
ผมเคยเขียนไว้เหมือนกันเมื่อครั้งกระโน้น พยายามจะหาก็ตาลาย สมองสับสนไปหมด พอได้พักผ่อนแล้วก็หาเจอว่าเคยเขียนไว้ดังนี้

บัลลังก์องค์ที่8 Paduma ปทุมาสน์มีดอกบัวเป็นสัญญลักษณ์ สำหรับเสด็จออกรับเยาวสตรีที่มีผู้นำมาถวายเป็นพระสนม จะจัดปีละครั้งในวันเพ็ญเดือนหก ในวันนั้นก็จะมีผู้ถวายเครื่องราชบรรณาการอย่างอื่นให้กษัตริย์และพระราชินีด้วย สาวๆที่ถูกนำมาถวายตัวจะแต่งองค์ทรงยศเต็มที่ในพิธีการอันจริงจังนี้ กรมวังผู้ใหญ่จะสอบถามนาง 3 คำถาม

ตัวอย่างว่า
นครนี้จะรุ่งเรืองไปทั่วจตุรทิศหรือไม่
ฝนจะตกทั่งฟ้าตลอดทั้ง3ฤดูกาลหรือไม่
บรรดาเมียทั้งหลายให้ความเคารพสามีดีอยู่หรือไม่

สาวๆเฉพาะผู้ที่ตอบว่า “เจ้าค่ะ ใต้เท้า” เท่านั้นที่ถูกคัดเลือกไว้ถวายพระราชา


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 11 ม.ค. 13, 09:48
^
อ่านที่คุณนวรัตนเคยบรรยายถึงราชบัลลังก์ทั้ง ๘ ได้ที่

http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/10/K8387677/K8387677.html#203

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 11 ม.ค. 13, 12:12
สีหาสนราชบัลลังก์ ของแท้ รอดพ้นจากการทำลายของอังกฤษ เนื่องจากถูกนำไปไว้ที่อินเดีย นำกลับมาที่พม่า พ.ศ. ๒๕๐๑ ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติของพม่า

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png) 


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ม.ค. 13, 13:19
อูควง เพิ่งเจอว่าพม่าให้อ่านออกเสียงว่าอูกวง ทำไงดี ผมล่ออูควงไปแล้ว ไหนๆก็ไหนๆขออูควงต่อแล้วกัน

บั้นปลายชีวิตของขิ่นหวุ่น มิงจีจบไม่ค่อยจะสวย เพราะคนพม่าส่วนหนึ่งจะเห็นว่าท่านขายชาติ ทั้งๆที่ท่านทำไปก็เพื่อจะสงวนรักษาชีวิตของเพื่อนร่วมชาติชาวพม่านั่นเอง
การกระทำที่เกิดข้อตำหนิมากที่สุดคือการที่ท่านให้ม้าเร็วไปแจ้งแม่ทัพที่รักษาด่านหน้าทั้งหมดไม่ให้ยิงก่อนทหารอังกฤษ เวลานั้นอังกฤษเคลื่อนขบวนเรือมาทางแม่น้ำอิระวดีแล้ว ราชสำนักได้ข่าวก็ตกใจ ในที่สุดก็ยอมฟังคำแนะนำของท่านสมุหนายกควง ให้ผ่อนหนักเป็นเบาให้มากที่สุด อย่าแข็งขืนต่อกองทัพอังกฤษ ใช้การทูตนำกองทัพด้วยการเจรจาอย่างเดียว

ท่านหวังว่า การที่พม่าไม่ยิงก่อนอาจทำให้สงครามไม่เกิด ที่ไหนได้ ฝรั่งง้างหมัดมาตั้งแต่ไกล พม่าตั้งการ์ดอยู่เฉยๆแต่ไม่ออกหมัด ฝรั่งไปเข้าใจว่าโง่เองก็ออกหมัดตูมเข้าไป พม่าก็หงายผลึ่ง ปืนของอังกฤษวิถียาวกว่าของพม่าอยู่แล้ว เข้าระยะยิงก่อนก็ต้องยิง ขืนช้าไปเข้าระยะยิงของปืนศัตรูเข้า แม้จะล้าสมัยกว่าแต่อาจมีลูกฟลุ๊กมาโดนให้เจ็บตัวได้

ดังนั้นจึงเกิดวลีพม่า เขียนด้วยอักษรโรมันว่า" U Kaung lein htouk, minzet pyouk " อูกวงเล่นท่วก มึนเสร็จอ้วก( ???? ????) แปลเป็นอังกฤษว่า U Kaung's treachery, end of dynasty หรือถอดความเป็นไทยๆว่า “นายกทรยศ สูญหมดพระราชวงศ์”

เมื่อฝรั่งเข้ายึดครองพระราชวังมัณฑเลย์แบบผู้พิชิต ท่านผู้เฒ่าก็อุตส่าห์ไปเข้าแถวต้อนรับ และรับใช้ระบอบปกครองของอังกฤษในพม่ากับเขาด้วย
ร่างความเห็นเรื่องนี้ไว้แล้ว แต่ยังหาจังหวะลงไปไม่ได้จนใกล้จบกระทู้  ขอขัดจังหวะตรงนี้ละค่ะ

มันก็น่าคิดเหมือนกันว่า  อัครมหาเสนาบดีขิ่นหวุ่น มิงจี แกหูกว้างตากว้างกว่าพรรคพวกร่วมสมัย  จึงคิดว่ารบไปก็เท่านั้น มีแต่ตายกับตายลูกเดียว    ยังไงพม่าก็ไม่รอดจากมหาอำนาจอย่างอังกฤษอยู่ดี       แกก็เลยพยายามสงวนราชอาณาจักรและชีวิตไพร่พลมิให้เปลืองเปล่าไป ด้วยการสั่งมิให้รบ   จะได้เจรจากันด้วยสันติ
เจรจาสันติ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่าแพ้นั่นแหละค่ะ   แต่เป็นการแพ้ชนิดไม่บอบช้ำ   เป็นความฉลาดว่าถ้าชกไม่ไหวก็ชิงโยนผ้าเสีย  ก่อนจะถูกน็อคลงไปสลบ
นอกจากนี้ขิ่นหวุ่นคงจะหวังว่าจะได้เจ้านายใหม่ที่เข้าท่ากว่าพระเจ้าสีป่อและพระนางศุภยาลัต  แต่ข้อนี้แกถูกอังกฤษหักหลัง  เจ้านายใหม่ที่ว่าเกิดสิ้นพระชนม์ไปก่อน ไม่อาจจะเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้แกได้

ไปติดตามประวัติท่านขิ่นหวุ่นจากอินทรเนตร  ได้ความมาว่า หลังจากอังกฤษยึดพม่าได้แล้วในปี 1885    ท่านขิ่นก็ไม่ได้ถูกปลดไปอยู่บ้านเฉยๆ แต่ว่าได้รับบรรจุเข้าเป็นข้าราชพลเรือนในสังกัดอังกฤษ     ทำงานมา 3 ปีก็ได้เครื่องราชอิสริยาภรณ์ดาราแห่งอินเดียเป็นความดีความชอบ   เท่านั้นยังไม่พอ  เมื่อมีสภานิติบัญญัติอังกฤษ(ปกครอง)พม่า ในเวลาต่อมา   แกก็ได้เป็นหนึ่งในสองของชาวพม่าที่ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมาธิการด้วย     
สภานี้มีหน้าที่ออกกฎหมายอะไรก็ตาม ไม่อาจหารายละเอียดมาลงได้  แต่เดาได้ว่ากฎหมายที่อังกฤษบัญญัติออกมานั้นย่อมอำนวยประโยชน์ให้อังกฤษมากกว่าพม่าผู้เป็นเจ้าของสังคมเดิม

ในบั้นปลาย ท่านขิ่นป่วยเป็นอัมพาต แต่ก็อยู่ยืนยาวมาจน ค.ศ. 1908  คืออีก 23 ปีหลังฝรั่งชนะพม่า


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 11 ม.ค. 13, 18:30
เข้ามาดูรูปวังสวยๆ แล้วก็อดสงสัยไม่ได้ ตรงแถวๆ ไหนหนอที่เค้าเอาเจ้านายไปประหารกัน


อ่านประวัติศาสตร์ช่วงนี้ของพม่าฉบับคนพม่าบันทึกจากกระทู้เก่าห้องสมุดใน pantip ก็เห็นว่าทางพม่าออกจะสรรเสริญทีบอและพระนางศุภยาลัตมากไปหน่อย เพราะในสายตาของผมแล้วสองคนนี้ไม่ได้มีคุณงามความดีใดๆ ต่อปวงชนพม่าเลย นอกจากความพยายามที่จะรักษาอำนาจของตนไว้เท่านั้น ใช้เกมส์การเมืองระหว่างประเทศคานอำนาจ  แต่ไม่ได้มีการปรับปรุงคุณภาพชีวิตใดๆ ของประชาชนใต้ปกครอง ถ้าจำไม่ผิดเคยอ่านจากพม่าเสียเมือง รายได้หลักๆ ของพม่าตอนนั้นน่าจะมาจากสัมปทานไม้บ้าง การออกหวยให้คนติดกันงอมแงมทั้งเมืองบ้าง   ชาวบ้านก็ไม่ต้องทำมาหากิน ลุ้นหวยกันเอา  แถมประวัติศาสตร์ฉบับนั้นยังพยายามยกเรื่องการประหารเจ้านายมากมายไปว่าสองคนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องรู้เห็นไปซะอีก  ทั้งที่การเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ก็คือการสนับสนุนอย่างนึงนั่นแหละ



ดังนั้นเราอาจจะต้องเปรียบเทียบพม่าตอนบนที่นายทีบอแกเป็นกษัตริย์อยู่ กับพม่าตอนล่างภายใต้การปกครองอังกฤษว่าประชาชนพม่าแถวไหนมีคุณภาพชีวิตดีกว่ากันด้วย  มีอิสระเสรีในการทำมาค้าขายกว่าไหม มีระบบกฏหมายที่เป็นหลักเป็นฐาน มีระบบการคุ้มครองสิทธิพลเมืองที่ดีกว่าเดิมไหม  เพราะสำหรับประชาชนทั่วไปแล้วผู้ปกครองเป็นใคร เอกราชเป็นใครในช่วงนั้นคงไม่ใช่สิ่งสำคัญมากกว่าว่าชีวิตของชาวบ้านตอนนั้นอยู่ที่ไหนคุณภาพชีวิตจะดีกว่ากัน  ประวัติศาสตร์มักจะพูดถึงการต่อสู้ต่างๆ ของชนชั้นปกครอง แต่ไม่ค่อยบอกว่าวิธีชีวิตของคนภายใต้การปกครองเป็นอย่างไร  ต้องถูกเกณฑ์แรงงานอย่างไร   การเสียเอกราชจริงๆ แล้วอาจจะเป็นแค่การเปลี่ยนสิทธิในการปกครองจากฝ่ายหนึ่งไปเป็นอีกฝ่ายหนึ่ง แต่ผู้ใต้ปกครองก็เหมือนเดิม เพราะไม่ว่าฝ่ายไหนปกครอง ผู้ใต้ปกครองก็ไม่มีสิทธิมีเสียงอะไรแต่อย่างใดเหมือนเดิม


ประวัติศาสตร์ฉบับชาตินิยมก็คงจะชี้ภาพเสนาบดีแบบขิ่นหวุ่น มิงจีว่าเป็นคนขายชาติ เอาตัวรอด  แต่จริงๆ ผมว่าแกแค่ขายนายเท่านั้นแหละ แถมเป็นนายห่วยๆ ซะด้วย แต่ไม่ได้ขายชาติ เนื่องจากประชาชนร่วมชาติไม่ได้มีปากมีเสียงในการปกครองอยู่แล้ว



การเข้ามาของมหาอำนาจตะวันตกไม่ใช่มีแต่เพียงข้อเสียเพียงอย่างเดียวต่อภูมิภาคแถวๆ นี้ ตามที่ประวัติศาสตร์แบบชาตินิยมมักจะให้ภาพไว้ในแนวๆ นั้น เพราะบางชาติก็ปรับตัวได้ดี บางชาติก็ล่มสลายไป แต่การล่มสลายจริงๆ แล้วเป็นการล่มสลายของชนชั้นปกครองหรือผู้มีอำนาจที่มีการเปลี่ยนมือไปมากกว่าจะเป็นการล่มของชาติจริงๆ  การเข้ามาของตะวันตกไม่ได้มีแต่การเข้ามาดูดกลืนทรัพยากรจากตะวันออกแบบที่เรามักจะเชื่อกันมาเพราะตำราเราไม่ชี้ข้อดีอื่นๆ บ้าง เช่น การทำให้ระบบการผูกขาดการค้าหายไป  ทำให้มีการพัฒนาระบบคมนาคมแบบก้าวกระโดด พัฒนาระบบการศึกษา  ทำให้มีการพัฒนาระบบการศาลยุติธรรมแบบมีมาตรฐานที่ไม่ใช่ขึ้นกับผู้ตัดสินเพียวๆ แบบเดิม   และอื่นๆ  แต่ไอ้ที่ห่วยๆ เข้ามาก็มีเช่นเอาฝิ่นมาบังคับขาย  ดังนั้นต้องดูเป็นเรื่องๆ ไป



ประเทศที่ปรับตัวได้ดีที่สุดเห็นจะเป็นญี่ปุ่น ที่เห็นอย่างเขาแล้วทำได้ดีไม่แพ้เขาจนกลายเป็นมหาอำนาจไปในเวลาไม่กี่สิบปี    รองมาก็สยามเพราะชนชั้นปกครองเราในช่วงนั้นเก่งกว่าพม่าเยอะ และที่สำคัญมีสำนึกรับผิดชอบต่อผู้ใต้ปกครองที่ดีกว่าพม่าทำให้เรารอดมาได้แบบเสียวๆ  แต่วิถีชีวิตระบบการปกครองที่ฝังรากมานานหลายร้อยปีทำให้เราไม่อาจพัฒนาไปแบบญี่ปุ่นได้  เพราะวิธีคิดแบบไทยๆ มันต่างจากญี่ปุ่นมาก แม้กระทั่งปัจจุบัน ไม่เชื่อดูจากละครหลังข่าวได้   ละครไทยยังคงตบตีกันแย่งคนรวย ส่วนละครญี่ปุ่นแต่ไหนแต่ไรเน้นเรื่องการสู้ชีวิต พัฒนาตนเองให้เป็นเลิศ    รากเรามันฝังแน่นลึกมากเราถึงแพ้เขา  บ่นๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ


บ่นเสร็จแล้ว กลับไปงีบต่อรออาจารย์มาสรุป อิอิ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ม.ค. 13, 19:11

วิถีชีวิตระบบการปกครองที่ฝังรากมานานหลายร้อยปีทำให้เราไม่อาจพัฒนาไปแบบญี่ปุ่นได้  เพราะวิธีคิดแบบไทยๆ มันต่างจากญี่ปุ่นมาก แม้กระทั่งปัจจุบัน ไม่เชื่อดูจากละครหลังข่าวได้   ละครไทยยังคงตบตีกันแย่งคนรวย
บ่นเสร็จแล้ว กลับไปงีบต่อรออาจารย์มาสรุป อิอิ
ตื่นๆๆๆ ก่อนค่ะคุณประกอบ  แวะไปอ่านในลิ้งค์นี้ก่อน ว่าทำไมละครไทยถึงยังไม่ก้าวไปไหน
http://www.naewna.com/politic/columnist/4766


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 12 ม.ค. 13, 08:26
^
ช้าก่อนเจ้าค่า เจ้าค่าช้าก่อน

อย่าเพิ่งกลับมาเรื่องการเมืองไทยตอนนี้เลยได้โปรดเถิด เชิญย้อนยุคกลับไปเรื่องการเมืองพม่าก่อน ผมจะได้จบกระทู้ของผมได้ในม้วนเดียว นี่นายใหญ่และนายหญิงของผมทางโน้นยังไม่เสร็จภารกิจในพระราชวังมัณฑเลย์เลย


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ม.ค. 13, 08:36
กำลังจะประหมัดกับคุณประกอบอยู่ทีเดียว ว่าด้วยเรื่อง "ใครมาเป็นเจ้าเข้าครอง  คงจะต้องบังคับขับไส..." ท่านอาจารย์ใหญ่กว่าเข้ามาไล่ลงจากเวทีด้วยกันทั้งคู่
เชิญอาจารย์นวรัตนดอทซีบรรเลงเพลงฝรั่งรำเท้าต่อไปจนจบค่ะ   เสร็จแล้วดิฉันจะลากคุณประกอบขึ้นเวทีส่งท้ายอีกครั้ง


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 12 ม.ค. 13, 09:34
ร้องเพลงข้างบนนี้เมื่อไหร่ คุณวีหมีจะเข้ามาร่วมด้วยทันที ขอบอก

ลอร์ดดัฟฟรินและท่านผู้หญิงอยู่ในมัณฑเลย์ระหว่างในที่๑๒ถึง๑๙ กุมภาพันธุ์ ๑๘๘๗ แต่ผมหารายละเอียดไม่เจอว่าแต่ละวันทำอะไรกันบ้าง นอกจากรูปที่หนังสือพิมพ์ลงไว้เป็นข่าว ที่ไม่เป็นข่าวแต่ปรากฏในรายงานอื่นว่านายใหญ่บ่จอยอย่างยิ่งที่ได้รับรายงานก่อนหน้าว่า หลังจากชัยชนะที่ง่ายดายเกินเหตุ ก็มีปฏิบัติการก่อการร้ายเกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวันและลุกลามไปทั่วพม่า ดังนั้น เวลาส่วนใหญ่คือการประชุมนายทหารและกุนซือใหญ่น้อยในอันที่จะกำหนดนโยบายการปกครอง และออกคำสั่งปฏิบัติการทางการทหารให้ปราบปรามเสี้ยนหนามแผ่นดินให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุด

ส่วนภาพที่ปรากฏในสื่อจะเป็นภาพดังเช่นการออกขุนนางในท้องพระโรงหลวง ดังเช่นที่กษัตริย์พม่าเคยทรงกระทำมาแต่ครั้งอดีตดังในภาพนี้ จะเห็นนายใหญ่ในชุดเครื่องแบบเต็มยศยืนรับการคำนับจากข้าราชการพม่าที่ยอมตนเป็นข้าของอังกฤษไปแล้ว

ส่วนภาพล่าง จะเห็นนายหญิงกำลังสังสรรสโมสรกับสาวชาววังทั้งหลาย และบรรดาสมาชิกกลุ่มแม่บ้านทหารตำรวจเป็นการผูกมิตรไมตรี


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 12 ม.ค. 13, 09:45
ในวังก็เริ่มคึกคักขึ้น มีผู้คนมากมายประสงค์จะเข้าพบนายใหญ่และนายหญิงเพื่อฝากเนื้อฝากตัว ขณะนี้ลมวาสนากำลังเปลี่ยนทิศ ผู้ฉลาดพึงกลับตัวให้ทันก่อนคนอื่น เพื่ออำนาจแลตำแหน่งหน้าที่อันจะนำโชคลาภทรัพย์สมบัติมาสู่ตนเองและลูกเมียในวันข้างหน้า


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 12 ม.ค. 13, 09:56
บางวันขณะนายหญิงง่วนอยู่กับชาววังเพื่อศึกษาการถนอมผิวพม่า ไปประกอบกับวิชานัยน์ตาแขกที่เรียนจบจากอินเดียแล้ว นายใหญ่ก็คงยุ่งๆอยู่กับข้าวของที่ยึดมาจากพระราชวัง เลือกเอาที่เด็ดๆไว้ส่งไปกำนัลเพื่อต่อวาสนาของตนเองบ้าง ขยักไว้เองบ้าง ที่รองๆลงมาก็นำออกประมูลให้พวกทหารเอาไปทำกำไรต่อบ้าง แบบโยนกระดูกให้สุนัขรับใช้กิน สุนัขก็ชื่นจาย


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 12 ม.ค. 13, 10:13
และเพื่อให้สื่อเอาออกเผยแพร่ว่าอังกฤษเป็นชาติอารยะ  ท่านลอร์ดก็นำพระพุทธรูปแท้ๆบ้าง รูปประหลาดที่นึกว่าพระพุทธรูปบ้าง เฉพาะที่เหลือเดนเลือกแล้ว นิมนต์พระให้มารับไป บรรยายใต้ภาพว่า คืนพระพุทธรูป(ที่กษัตริย์นำมาไว้ในวัง)แด่พระราชาคณะ(archbishop)และพระสงฆ์ องค์สวยๆส่งไปแสดงที่บริติชมิวเซียมในลอนดอนโน่น

ความจริงฝรั่งไม่ได้อารยะอย่างที่สร้างภาพ พอเผลอก็หลุดภาพเช่นนี้ออกมา นายพลเพรนเดอเกสต์นั่งถ่ายรูปกับบรรดานายทหารหลังยึดพระราชวังมัณฑเลย์ได้ มีพระพุทธรูปวางอยู่แทบเท้าเหมือนโทรฟี่


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 12 ม.ค. 13, 10:24
การแสดงนาฏศิลป์พม่าที่จัดเป็นเกียรติอย่างยิ่งใหญ่ในวันหนึ่ง จะเห็นช้างยืนเข้าคิวรอฟ้อนงวงเพลงพม่าเหล่ในลำดับต่อไปด้วยนั้น นายใหญ่คงยังจัดตำแหน่งให้สมุนบริวารไม่ลงตัว เลยเบี้ยว ให้นายหญิงมานั่งเป็นประธานคนเดียว

แต่เชื่อเถอะ เดี๋ยวตกกลางคืนนายหญิงก็ขอเปลี่ยนโผอีก


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 12 ม.ค. 13, 10:38
ภาพนี้บรรยายแต่เพียงว่า ลอร์ดดัฟฟรินและท่านผู้หญิง ล่องแม่น้ำอิระวดีกลับสู่แรงกูน ไม่ทราบว่าเบื่อบริการของเรือกลไฟของบริษัทเดินเรืออิรวดีแล้วหรือกระไร

หรืออยากจะลองนั่งเรือหางแมงป่องพระที่นั่งของกษัตริย์พม่ามั่ง


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 12 ม.ค. 13, 10:56
เหลือรูปพระราชวังมัณฑเลย์ส่วนนอกอีกเล็กน้อย เลือกมานำเสนอให้ครบเครื่องก็แล้วกัน

กำแพงและคูเมืองขนาดมหึมายักษาในอาเซียนนี้ น่าจะล้อมรอบพระนครมัณฑเลย์ทั้งเมือง และมีพระราชวังอยู่ภายในโดยมีกำแพงวังล้อมอีกชั้นหนึ่ง นอกเขตของพระราชวังก็เป็นที่อยู่อาศัยของราษฎรที่กษัตริย์พระราชทานที่ให้ ส่วนภายนอกกำแพงเมืองก็มีชุมชนอยู่หนาแน่นในช่วงฝรั่งเหยียบเมืองเช่นกัน เข้าใจว่าคงเป็นพวกราษฎรเต็มขั้นทั่วไปที่อพยพ หรือกวาดต้อนมาจากเมืองอื่น


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 12 ม.ค. 13, 11:12
เมืองมัณฑเลย์นี้ตั้งอยู่ไกลฝั่งแม่น้ำพอสมควร เพราะผู้สร้างกลัวกระสุนปืนเรือของฝรั่ง ดังนั้น คูเมืองจึงกลายเป็นแหล่งน้ำสำคัญของราษฎรที่จะอุปโภคบริโภค ผมดูทางกูเกิลเอิร์ธไม่เห็นร่องรอยคลองที่ใช้ผันน้ำจากแม่น้ำมาหล่อเลี้ยง ดังนั้นน้ำในคลองจึงมาจากน้ำฝนที่ไหลบ่ามาจากภูเขา ท่วมขังไม่ถ่ายเทโดยธรรมชาติ น่ากลัวอันตรายจากโรคระบาดยิ่งนัก

สมัยนี้(หวังว่า)พม่าคงจะมีประปาใช้กันแล้ว แต่สมัยโน้นคงตายฮากันเยอะ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 12 ม.ค. 13, 11:21
ประตูเมืองด้านทิศตะวันตก คือทิศที่ไกลแม่น้ำมากที่สุด ประตูนี้จะลัดสั้นสู่ประตูพระราชวัง


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 12 ม.ค. 13, 11:33
ภาพนี้สำหรับคุณสยามหนุ่ม ให้เห็นแท่งคอนกรีตที่ฝังอยู่มุมกำแพงพระนคร คล้ายๆของปาร์คนายเลิศ(สถานทูตอังกฤษมุมถนนวิทยุที่กลายเป็นของนายห้างยักษ์เมืองไทยไปแล้ว) คุณหนุ่มเข้าใจว่าหล่อทับปืนใหญ่โบราณที่ฝังเอาปากกระบอกลงดิน
 
บนกำแพงเมืองมีหอรบ ที่ศัพท์เฉพาะของพม่าเรียกว่าพญาธาตุ (Pyatthat) ::) นี่ผมจะโดนสอบสวนอีกไหมเนี่ย


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 12 ม.ค. 13, 11:35
พญาธาตุบนประตูเมืองด้านทิศใต้ เป็นภาพสุดท้าย


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 12 ม.ค. 13, 11:42
อ้างถึง
กำลังจะประหมัดกับคุณประกอบอยู่ทีเดียว ว่าด้วยเรื่อง "ใครมาเป็นเจ้าเข้าครอง คงจะต้องบังคับขับไส..."


ขอเชิญท่านอาจารย์เทาชมพูเบิกโรงเรื่องพม่าดาค้อยท์เลยครับ ผมจะได้ตามด้วยรูปสนับสนุน


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 12 ม.ค. 13, 12:15
บนกำแพงเมืองมีหอรบ ที่ศัพท์เฉพาะของพม่าเรียกว่าพญาธาตุ (Pyatthat) ::) นี่ผมจะโดนสอบสวนอีกไหมเนี่ย

มิได้เข้าสอบสวน แต่หมายจะส่งเสริม  

Pyatthat พม่าอ่านว่า “เปี๊ยะตั๊ด” ไทยทางเหนือก็มี เรียกว่า "พญาธาตุ" ซึงมาจากคำว่า प्रासाद (ปรา-สะ-ดะ) ในภาษาสันสกฤต ไทยเรานำมาใช้ว่า "ปราสาท"

สนใจอ่านต่อได้ที่   http://chamma.exteen.com/20090827/entry

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ม.ค. 13, 12:53
อ้างถึง
กำลังจะประหมัดกับคุณประกอบอยู่ทีเดียว ว่าด้วยเรื่อง "ใครมาเป็นเจ้าเข้าครอง คงจะต้องบังคับขับไส..."


ขอเชิญท่านอาจารย์เทาชมพูเบิกโรงเรื่องพม่าดาค้อยท์เลยครับ ผมจะได้ตามด้วยรูปสนับสนุน

อ้าว เวรกรรมแล้วซี  :-\
ตั้งใจจะขัดคอคุณประกอบนิดเดียวเท่านั้นเอง ว่าด้วยเรื่องตกเป็นอาณานิคมว่ามันเลวมากกว่าดี      เผลอแป๊บเดียว ถูกท่านอาจารย์ใหญ่กว่า ไล่เข้าป่าไปสมทบกับสงครามกองโจรพม่าเฉยเลย


ดังนั้นเราอาจจะต้องเปรียบเทียบพม่าตอนบนที่นายทีบอแกเป็นกษัตริย์อยู่ กับพม่าตอนล่างภายใต้การปกครองอังกฤษว่าประชาชนพม่าแถวไหนมีคุณภาพชีวิตดีกว่ากันด้วย  มีอิสระเสรีในการทำมาค้าขายกว่าไหม มีระบบกฏหมายที่เป็นหลักเป็นฐาน มีระบบการคุ้มครองสิทธิพลเมืองที่ดีกว่าเดิมไหม  เพราะสำหรับประชาชนทั่วไปแล้วผู้ปกครองเป็นใคร เอกราชเป็นใครในช่วงนั้นคงไม่ใช่สิ่งสำคัญมากกว่าว่าชีวิตของชาวบ้านตอนนั้นอยู่ที่ไหนคุณภาพชีวิตจะดีกว่ากัน  ประวัติศาสตร์มักจะพูดถึงการต่อสู้ต่างๆ ของชนชั้นปกครอง แต่ไม่ค่อยบอกว่าวิธีชีวิตของคนภายใต้การปกครองเป็นอย่างไร  ต้องถูกเกณฑ์แรงงานอย่างไร   การเสียเอกราชจริงๆ แล้วอาจจะเป็นแค่การเปลี่ยนสิทธิในการปกครองจากฝ่ายหนึ่งไปเป็นอีกฝ่ายหนึ่ง แต่ผู้ใต้ปกครองก็เหมือนเดิม เพราะไม่ว่าฝ่ายไหนปกครอง ผู้ใต้ปกครองก็ไม่มีสิทธิมีเสียงอะไรแต่อย่างใดเหมือนเดิม

การเข้ามาของมหาอำนาจตะวันตกไม่ใช่มีแต่เพียงข้อเสียเพียงอย่างเดียวต่อภูมิภาคแถวๆ นี้ ตามที่ประวัติศาสตร์แบบชาตินิยมมักจะให้ภาพไว้ในแนวๆ นั้น เพราะบางชาติก็ปรับตัวได้ดี บางชาติก็ล่มสลายไป แต่การล่มสลายจริงๆ แล้วเป็นการล่มสลายของชนชั้นปกครองหรือผู้มีอำนาจที่มีการเปลี่ยนมือไปมากกว่าจะเป็นการล่มของชาติจริงๆ  การเข้ามาของตะวันตกไม่ได้มีแต่การเข้ามาดูดกลืนทรัพยากรจากตะวันออกแบบที่เรามักจะเชื่อกันมาเพราะตำราเราไม่ชี้ข้อดีอื่นๆ บ้าง เช่น การทำให้ระบบการผูกขาดการค้าหายไป  ทำให้มีการพัฒนาระบบคมนาคมแบบก้าวกระโดด พัฒนาระบบการศึกษา  ทำให้มีการพัฒนาระบบการศาลยุติธรรมแบบมีมาตรฐานที่ไม่ใช่ขึ้นกับผู้ตัดสินเพียวๆ แบบเดิม   และอื่นๆ  แต่ไอ้ที่ห่วยๆ เข้ามาก็มีเช่นเอาฝิ่นมาบังคับขาย  ดังนั้นต้องดูเป็นเรื่องๆ ไป


ตั้งใจจะบอกคุณประกอบว่า ประเทศอาณานิคมทั้งหลายต่างก็ได้ข้อดีจากนายฝรั่งมาบ้าง ไม่ใช่ไม่มีดีซะเลย  อย่างหนึ่งคือวัฒนธรรมฝรั่งถูกปลูกฝังลงในอาณานิคมแข็งแรงเอาการ   เห็นได้อย่างหนึ่งคือหลักสูตรการเรียนการสอนในประเทศอาณานิคมเหล่านี้แข็งแกร่งกว่าประเทศที่ไม่เคยเป็นอาณานิคม     
สมัยอังกฤษครอบครองอินเดีย   นักเรียนอินเดียรู้ภาษาอังกฤษแน่นเปรี๊ยะ  คนเก่งๆสมองดียิ่งแบกวรรณคดีภาษาและวิทยาการอินเดียลงในหัวไว้เพียบ     ข้อนี้ประยุกต์กับมาเลย์เซียได้เช่นกัน  วิชาการที่อังกฤษวางหลักสูตรไว้ให้ทำให้เขาพัฒนาไปได้โลด   
แม้แต่พม่าเอง  คนพม่าเก่งภาษาอังกฤษ ไม่เฉพาะชนชั้นหัวกะทิ  แต่สืบทอดมาถึงชาวบ้านร้านถิ่น     สาวลูกจ้างพม่าที่มาทำงานบ้านเพื่อนดิฉัน  สื่อสารกับนายด้วยภาษาอังกฤษ  เวลาถูกใช้ให้ไปซื้อของ ถ้าสินค้าพิมพ์ชื่ออังกฤษและคำอธิบายภาษาอังกฤษไว้ เธอซื้อได้ถูกต้อง เพราะอ่านฉลากได้คล่องกว่านายเสียอีก

แต่...
ความดีแค่นี้ก็เหมือนอังกฤษเอากุ้งฝอยมามอบให้ หลังจากเอาอวนกวาดปลากะพงไปหมดทะเลแล้ว      สิ่งสำคัญคือทรัพยากรของประเทศนั้นๆไม่ว่าในน้ำหรือบนดิน  ในปราสาทราชวังหรือตามเมืองตามหมู่บ้าน   โดนดูดไปเพิ่มความมั่งคั่งให้นายอย่างไม่อั้น    เหลือไว้แต่ความกระจอกงอกง่อยให้อยู่กันไป 
ของมันก็เห็นๆ   ในเมื่อเข้ามายึดประเทศได้ทั้งที   ก็ต้องเด็ดยอดกลับไปบ้านตัวเอง   ยอดยังไม่พอ ดอกใบทั้งหลายถูกรูดไปเกลี้ยง  เหลือรากฝอยเอาไว้ยืนต้นซังกะตาย  ไม่ถึงกับตายซาก       
หลักฐานที่ยืนยันได้คือถ้าชีวิตที่มีฝรั่งอยู่เป็นนายมันทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นแล้วไซร้  ประเทศอาณานิคมทั้งหลายคงไม่ดิ้นรนต่อสู้เพื่อเอาอิสรภาพคืนมา    ก็คงอยู่กันไปแบบนี้ดีกว่า 
เอาเข้าจริงเมื่ออังกฤษหมดความเป็นมหาอำนาจ  อาณานิคมทั้งหลายก็ขอเป็นไทแก่ตัวกันเป็นแถวๆ   ไม่เห็นมีชนชาติไหนเดินขบวนขอกลับไปอยู่กับเจ้าอาณานิคมเลยสักราย   แถมตอนเป็นอาณานิคมยังมีขบวนการกู้ชาติเกิดขึ้นประเทศโน้นบ้างประเทศนี้บ้าง ยอมตายยอมลำบากกันเพื่อเอาเอกราชคืนมา


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 12 ม.ค. 13, 14:22
(แทรกนิดเดียวคร้าบ)
.
.
อ้างถึง
มิได้เข้าสอบสวน แต่หมายจะส่งเสริม

Pyatthat พม่าอ่านว่า “เปี๊ยะตั๊ด” ไทยทางเหนือก็มี เรียกว่า "พญาธาตุ" ซึงมาจากคำว่า प्रासाद (ปรา-สะ-ดะ) ในภาษาสันสกฤต ไทยเรานำมาใช้ว่า "ปราสาท


ไชโย  ไชโย  ไชโย
รอดตัวไป ขอบคุณคร้าบ

ดังนั้นพญาธาตุจึงไม่ได้แปลว่าหอรบ ดังที่เรียกอาคารน้อยบนกำแพงเมืองของไทย แต่หมายถึงยอดปราสาทที่มีรูปทรงแหลมขึ้นไปสู่สวรรค์ ไทยเรียกส่วนสถาปัตยกรรมนี้ว่ากุฎาคาร ซึ่งเป็นของสูงใช้กับอาคารทางพระพุทธศาสนาและพระมหากษัตริย์เท่านั้น

พม่าเองใช้พญาธาตุในวัดก็เยอะ ในวังก็เยอะ แต่ผมงงว่าพม่าทำพญาธาตุไว้เยอะแยะบนกำแพงเมืองทำไม   คงเป็นเชิงสัญญลักษณ์ไม่จะทำไว้รับเสด็จเวลากษัตริย์มาทรงบัญชาการรบ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ม.ค. 13, 15:20
อ้างถึง
กำลังจะประหมัดกับคุณประกอบอยู่ทีเดียว ว่าด้วยเรื่อง "ใครมาเป็นเจ้าเข้าครอง คงจะต้องบังคับขับไส..."


ขอเชิญท่านอาจารย์เทาชมพูเบิกโรงเรื่องพม่าดาค้อยท์เลยครับ ผมจะได้ตามด้วยรูปสนับสนุน

ตั้งตัวไม่ทัน ขอลาเข้าป่าไปตามรอยกองโจรดาค้อยท์กู้ชาติแห่งพม่าสัก 2-3 วันนะคะ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 12 ม.ค. 13, 18:28
ระหว่างรอ ขอชวนทุกท่านเข้าไปรับบริการสปาแบบพม่ามัณฑเลย์กันหน่อย ใครจะรบจะอยู่หนูไม่เกี่ยว รับรองไม่อู้งานให้หงุดหงิด


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 12 ม.ค. 13, 18:34
^
เห็นแค้มป์ทหารริมกำแพงไหมครับ ภาพถ่ายจากสถานที่จริงที่อาบังทั้งหลายอยู่เป็นอย่างนี้


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 12 ม.ค. 13, 18:39
ไม่ทราบเหมือนกันว่า หลังฉากเสื่อไม้ไผ่สานนั่นเป็นอะไร ท่านผู้อ่านจะเดาเหมือนอย่างผมหรือเปล่าหนอ?
แหม ไปสร้างซะอยู่ใต้พญาธาตุเลย


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 12 ม.ค. 13, 21:28
อา....เจอแล้วครับว่าพญาธาตุมีความหมายในเชิงสัญญลักษณ์ ไม่ได้สร้างให้กษัตริย์เสด็จขึ้นไปจริงๆ

หนังสือของฝรั่งเล่มหนึ่งบอกว่า อังกฤษเมื่อเข้าไปครอบครองพระราชวังมัณฑเลย์แต่แรกได้ทำผิดอย่างแรงด้วยการนำศูนย์อำนวยการกลางของทำเนียบนายเบอนาร์ดข้าหลวงใหญ่อังกฤษไปตั้งอยู่บนกำแพงในพญาธาตุด้านทิศเหนือ ซึ่งมีหลังคาปราสาทเพียง๗ชั้น แทนที่จะไปตั้งอยู่ในท้องพระโรงหลวงอันเป็นที่ตั้งของสีหบัลลังก์ ซึ่งที่นั่นมียอดหลังคาปราสาท๙ชั้น

เรื่องนี้เป็นเรื่องคอขาดบาดตายของพม่า แม้แต่เจ้าประเทศราชในรัฐฉาน พม่ายังยอมให้สร้างหลังคาปราสาททรงนี้ได้เพียง๗ชั้น มีแต่ผู้เป็นใหญ่สูงสุดในแผ่นดินเท่านั้นที่จะอยู่ภายใต้ยอดปราสาท๙ชั้น น้อยกว่านั้นถือว่าไม่ใช่

ในเมื่อพระตำหนักอันเป็นศูนย์กลางของจักรวาลซึ่งอยู่ภายใต้หลังคาปราสาท๙ชั้น มีปราสาท๗ชั้นอื่นๆล้อมรอบอยู่ทุกทิศานุทิศประดุจดาวล้อมเดือน ยังคงว่างอยู่ไม่มีผู้ใดผู้หนึ่งเข้าไปครอบครอง จึงสร้างความคาดเดาให้แก่คนพม่าไปต่างๆนาๆว่า อังกฤษอาจจะรอสถาปนาผู้ใดผู้หนึ่งขึ้นมาเป็นกษัตริย์ก็ได้ และความคิดนึ้ก็ได้ปลุกกระตุ้นผู้นำกองกำลังติดอาวุธทั้งหลายให้มีความหวังที่จะกอบกู้ชาติ ขับไล่ฝรั่งออกไปเพื่อโอกาสที่ตนจะได้เข้าไปสถิตย์อยู่ในพระมหาปราสาท๙ชั้นองค์นั้นแทน

พม่าเป็นชาติที่เชื่อในโชคลางอะไรพวกนี้อย่างมาก ความผิดพลาดที่ไม่รู้ตัวของคนอังกฤษเองจึงสร้างสถานการณ์ที่รุนแรงกว่าที่ควรขึ้นรอบๆเมืองหลวง จากกลุ่มพม่าที่อังกฤษนิยามว่าเป็นพวกดาค้อยต์


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ม.ค. 13, 21:45
ท่านอาจารย์ใหญ่กว่า กดสัญญาณเปิดไฟเขียวให้แล้ว

ท่านที่ติดตามเรื่องนี้มาแต่แรกคงเห็นว่า อังกฤษได้แผ่นดินพระเจ้าสีป่ออย่างง่ายดายจนออกจะสะดวกเกินไปด้วยซ้ำ     แทบจะกลายเป็นว่าทหารอังกฤษยกพลมาปิคนิคมากกว่ามาสงคราม      ไม่ทันจะได้เหงื่อ  มัณฑเลย์ก็อยู่ในอุ้งมืออังกฤษอย่างง่ายดาย   
แต่...ด้วยเหตุนี้ มันก็มีคำว่าแต่ขึ้นมาจนได้

เพราะว่ากองทัพพม่าที่ออกไปตั้งรับพม่าแล้วแตกพ่ายหนีไปทัพแล้วทัพเล่า โดยไม่ทันจะสู้รบกันให้แหลกลาญกันไปข้างหนึ่ง  ไม่ได้แตกหนีไปเฉยๆ  แต่ถืออาวุธที่คลังอาวุธแจกจ่ายมา ติดมือไปด้วย
มัณฑเลย์อยู่ในอุ้งมือทหารอังกฤษก็จริง   แต่ออกไปข้างนอกเมือง   อย่างที่ท่านนวรัตนเกริ่นไว้ข้างบนนี้   พม่ายังมีเขี้ยวเล็บ  ไม่ปล่อยให้สิงโตอังกฤษมากลืนสิงห์พม่าได้ง่ายๆ       
พวกนี้ถือว่ามวยแพ้คนไม่แพ้ อย่างที่เคยบอกไว้ก่อนหน้านี้

ดังนั้น  ดาค้อยท์หรือกองโจรพม่า อันได้แก่กองกำลังติดอาวุธ ก็กระจายไปทั่วทุกแห่งในพม่าใต้      รอโอกาสจะทิ่มแทงอังกฤษเท่าที่จะทำได้  เพื่อรอทีเอาแผ่นดินพม่ากลับมาเป็นของพม่าอีกครั้ง

ฉายหนังตัวอย่างไว้แค่นี้   กำลังแกะรอยตามพวกนี้เข้าป่าอยู่ค่ะ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 12 ม.ค. 13, 22:11
ไม่ทราบเหมือนกันว่า หลังฉากเสื่อไม้ไผ่สานนั่นเป็นอะไร ท่านผู้อ่านจะเดาเหมือนอย่างผมหรือเปล่าหนอ?
แหม ไปสร้างซะอยู่ใต้พญาธาตุเลย

ตากแดดฆ่าเชื้อ ?  ;D


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ม.ค. 13, 22:24
ไม่ทราบเหมือนกันว่า หลังฉากเสื่อไม้ไผ่สานนั่นเป็นอะไร ท่านผู้อ่านจะเดาเหมือนอย่างผมหรือเปล่าหนอ?
แหม ไปสร้างซะอยู่ใต้พญาธาตุเลย

สุขาอยู่หนใด?


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 13 ม.ค. 13, 07:55
หลังจากเนรเทศพระเจ้าสีป่อไม่นาน กบฏพม่าดาคอยต์เปิดฉากยิงทหารอังกฤษในมัณฑเลย์นั่นเลย แต่ก็ใช้กลยุทธแบบกองโจรคือยิงแล้วเผ่น อาศัยความชำนาญในพื้นที่ ฝ่ายไล่ล่าจึงจะมักจะคว้าน้ำเหลว

ผู้ถ่ายภาพเป็นทหารโดยอาชีพ ได้บรรยายภาพไว้ว่า

“ ภาพนี้คงจะทำให้เข้าใจได้ดีว่าทำไมการปฏิบัติการทางทหารในการต่อสู้กับพวกดาคอนต์จึงยากลำบากในสภาพหญ้าสูงขนาดนี้ ระหว่างฤดูหนาวช่วงพฤศจิกายนไปถึงกุมภาพันธุ์ พวกมันจะโผล่ออกมาจากป่าหญ้าและโจมตี ถ้าถูกไล่ล่ามันก็จะยิงแค่สองสามนัดแล้วก็หายเข้าที่ซ่อน มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะตามไปเอาตัวมันออกมา แม้ทหารม้าก็ยังไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิงในการยุทธแบบนี้..”


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 13 ม.ค. 13, 10:51
อ้าวแล้วกัน ผมลืมรูปสำคัญ เป็นรูปถ่ายท่านลอร์ดดรัฟฟรินนั่งเหนือพระราชอาส์นภายใต้สีหบัลลังก์ของพม่า ครั้งมาเหยียบเมืองมัณฑเลย์


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ม.ค. 13, 20:12
ในเมื่ออังกฤษยึดพม่าทั้งเหนือและใต้ได้หมดแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด    ขั้นต่อไปที่ลอร์ดดริฟฟินอุปราชอังกฤษทำก็คือลบล้างความเป็นอาณาจักรอิสระของพม่าออกจากแผนที่ไปเลย    พม่าถูกผนวกเข้าเป็นแคว้นหนึ่งของอินเดียซึ่งอังกฤษตั้งชื่อให้ใหม่ว่า British India  แปลว่าพม่าเป็นเมืองขึ้นของอินเดีย ที่เป็นเมืองขึ้นของอังกฤษอีกทอดหนึ่ง

แต่พม่าก็ไม่ใช่หมูสันในที่อังกฤษจะทุบๆเอาลงทอดมาเคี้ยวเล่นได้ง่ายนัก   พระเจ้าสีป่อกับพระนางศุภยาลัตอาจถูกปลดแบบสายฟ้าแลบได้ง่ายดายก็จริง  แต่ส่วนอื่นๆของอาณาจักรพม่ายังมีกระดูกหมูชิ้นใหญ่บ้างเล็กบ้างให้ติดคออีกหลายชิ้น    ทันทีที่รู้ว่าอังกฤษยึดมัณฑเลย์    แนวร่วมต่อต้านพม่าก็ลุกฮือขึ้นจากหลายพื้นที่ในประเทศ  ไม่ว่าพม่าเหนือ พม่าล่าง  แคว้นฉาน กะฉิ่น ฯลฯ กลายเป็นสงครามกองโจรพม่ารบฝรั่ง ที่ยืดเยื้อไปจนอีก 11 ปีต่อจากนั้น

กลุ่มแรกที่โดดออกมาคือกองกำลังจากแคว้นฉานของเจ้าฟ้า Myinzaing (ขอยอมแพ้เลิกถอดเสียงพม่าเป็นภาษาไทย   ยกความดีความชอบในเรื่องนี้ให้คุณเพ็ญชมพูและคุณ siamese ทั้งหมด)  นำโดยนายทหารชื่อ Bo Manga และมือรองอีกสองคนซึ่งไม่ขอออกชื่อให้ยากไปกว่านี้      
นายทัพโบเลือกเอาวันดี  ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ในคืนวันที่ 31 ธันวาคม 1885 แค่หนึ่งเดือนเศษหลังจากมัณฑเลย์ศิโรราบอังกฤษ  ยกพลบุกเข้าเมืองหลวงชนิดไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ม.ค. 13, 20:41
    เจ้าฟ้า  Myinzaing เป็นพระโอรสองค์หนึ่งของพระเจ้ามินดง  ที่รอดจากถูกประหารหมู่ด้วยฝีมือพระนางอเลนันดอ (และพระนางศุภยาลัต) ไปได้เพราะว่าตอนนั้นยังเยาว์มาก อายุไม่กี่ขวบ      ตอนที่พม่าแพ้อังกฤษ  เจ้าฟ้าเพิ่งอายุได้ 16  ก็ตัดสินใจจับอาวุธขึ้นต่อสู้กับศัตรูที่มาล้มล้างพระราชวงศ์    กลายเป็นหัวหน้าขบวนการกู้ชาติคนแรกของพม่า

    กองกำลังที่บุกมัณฑะเลย์ทำการไม่สำเร็จ   ตรงกันข้ามกลับถูกกองทหารซีป่ายของอังกฤษที่มีอาวุธเหนือกว่าต้านทานและรุกกลับจนต้องถอยไปตั้งหลักที่จ๊อกเซ     แต่อย่างน้อย  ชาวบ้านทั่วประเทศที่ไม่พอใจอังกฤษต่างก็เริ่มได้กำลังใจว่ามีผู้นำมานำประชาชนแล้ว     นอกจากนี้ เจ้าชายยังได้แรงสนับสนุนจากกำลังทางศาสนา คือพระสงฆ์ที่มีกำลังปึกแผ่นแน่นหนาทั่วประเทศ  

    ถ้าหากว่าเรื่องนี้เป็นหนังหรือละคร   เจ้าชายก็คงเป็นพระเอกประสบชัยชนะในตอนจบ   แต่ในชีวิตจริงซึ่งไม่เคยแฮปปี้เอนดิ้งขนาดนั้น    กองกำลังของเจ้าฟ้า Myinzaing  ถูกฝรั่งที่มีทั้งกำลังและอาวุธเหนือกว่ารุกไล่จนต้องถอยกลับไปหลบแถวเทือกเขาฉาน    ณ ที่นั้นเอง  เจ้าชายก็เกิดป่วยเป็นไข้ป่า แล้วสิ้นพระชนม์ลงอย่างปัจจุบันทันด่วน   


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 13 ม.ค. 13, 21:44
กลุ่มแรกที่โดดออกมาคือกองกำลังจากแคว้นฉานของเจ้าฟ้า Myinzaing (ขอยอมแพ้เลิกถอดเสียงพม่าเป็นภาษาไทย   ยกความดีความชอบในเรื่องนี้ให้คุณเพ็ญชมพูและคุณ siamese ทั้งหมด)  นำโดยนายทหารชื่อ Bo Manga และมือรองอีกสองคนซึ่งไม่ขอออกชื่อให้ยากไปกว่านี้      

Myinzaing คือ เจ้าชายมยินซายง์ ขณะนั้นทรงมีพระชันษา ๑๖ ปี เป็นพระราชโอรสในพระเจ้ามินดงที่ประสูติจากพระนางเละต์ปันซิน

Bo Manga  คือ โบ มันคะ

รองอีกสองคนคือ Myedu Myosa - มเยดู เมียวส่า และลูกชายชื่อ Maung Lat - หม่องลัด

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 14 ม.ค. 13, 05:21
เมื่อได้รับรายงานว่ามีการก่อการร้ายขึ้นในมัณฑเลย์ภายหลังชัยชนะอันง่ายดาย ลอร์ดดรัฟฟรินมิได้มองว่าเป็นการกระทำของโจรกระจอกตั้งแต่แรก ด้วยประสพการณ์ในอินเดียที่เคยเผชิญกับเรื่องเช่นนี้มาก่อน จึงได้รีบเดินทางมาวางนโยบายการบริหารการปกครองในพม่าอย่างด่วน กบฏพม่าดาค้อยต์ถูกปราบอย่างรุนแรง เพราะสมัยนั้นสิทธิมนุษยชนยังไม่มีใครจุดประเด็นขึ้นในระดับสากล

ทหารพม่าหัวเมืองที่ยังถืออาวุธอยู่ พวกนี้จะกลายเป็นกบฎเมื่อไหร่ ขึ้นอยู่กับนโยบายของอังกฤษในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ว่า


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 14 ม.ค. 13, 05:24
ก่อนที่นายใหญ่จะมาถึง ทหารอังกฤษก็จับผู้ต้องสงสัยเป็นอันมากมาจองจำอยู่ในคุกพม่าเดิมที่พระราชวังมัณฑเลย์หลายร้อย


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 14 ม.ค. 13, 05:27
ที่แน่ชัดว่าเป็นระดับหัวหน้าก็ประหารเสีย ในข้อหาซ่องโจรก่อการร้ายปล้นฆ่าบ่อนทำลายบ้านเมืองและความสุขของประชาชน โดยเอาไปยิงทิ้งที่ริมกำแพงเมืองให้ชาวบ้านชาวเมืองเห็นกันจะจะ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ม.ค. 13, 09:25
อังกฤษไม่ให้ราคาแก่พวกขบวนการกู้ชาติเหล่านี้เลย   .ให้แต่ค่าหัว    แถมเรียกพวกนี้ว่า ดาค้อยท์ (Dacoits) ซึ่งมาจากภาษาฮินดู  มีความหมายอย่างเดียวกับ bandit หรือโจร เท่านั้นเอง    ถ้าเปรียบเทียบแบบไทยๆ ก็คืออังกฤษเห็นพวกนี้เป็นเหมือนไอ้เสือที่ปล้นสะดมตามชนบทสมัยร้อยปีก่อน     อังกฤษถือตัวเองเป็นทางการบ้านเมือง ต้องปราบปรามเสียให้สิ้นซาก    

วิธีปราบนอกจากตั้งค่าหัวล่อใจชาวบ้าน ไม่เว้นแม้แต่ตั้งค่าหัวเจ้าฟ้าราชวงศ์คองบองในฐานะโจรแล้ว   ก็คือจับตัวมายิงเป้าต่อหน้าต่อตาประชาชนตาดำๆ เพื่อสร้างความหวาดกลัวในหมู่ชาวบ้าน  จะได้หัวหดไม่กล้าร่วมมือกับดาค้อยท์  อย่างในรูปที่ท่านนวรัตนนำมาให้ดูกันข้างบนนี้

อังกฤษมองดาค้อยท์เป็นเชื้อโรค  จึงกรอกยาแรงลงไป   แต่ดาค้อยท์ก็ดื้อยา   เห็นได้จากเจ้าฟ้ามยินซายง์สิ้นพระชนม์ไปแล้ว     ก็ไม่ได้แปลว่าสงครามกู้ชาติจะจบลงง่ายๆแค่นั้น    นอกจากเจ้าชายองค์นี้แล้วก็ยังมีเจ้าชายในราชวงศ์คองบองอีก 2 องค์ที่เป็นพระนัดดาหรือหลานปู่ของพระเจ้ามินดง ชื่อเจ้าชายซอยานงายง์ และเจ้าชายซอว์ยานปายง์  โอรสเจ้าฟ้าเมกขะยา   รวบรวมรี้พลต่อต้านพม่าอยู่เช่นกัน  มีที่มั่นอยู่ที่ช่องกวาในเขตอังวะ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ม.ค. 13, 20:49
   เนื่องจากปักหลักอยู่ที่ช่องกวานี่เอง เจ้าชายดาค้อยท์ทั้งสองจึงได้ชื่ออีกชื่อว่า "สองเจ้าชายช่องกวา"   พระองค์มีแม่ทัพมือดีคู่พระทัยอยู่คนหนึ่งชื่อโบชเวยัน   นายคนนี้เป็นผู้นำท้องถิ่นทำนองกำนันหรือประธานอบต. มาก่อนจะเข้าสวามิภักดิ์   ช่วยกันรวบรวมผู้คนมาได้จนเป็นกองกำลังย่อยๆ  แม้ไม่มากถึงเข้าโจมตียึดเมืองหลวงได้  แต่ก็ก่อกวนอังกฤษอยู่ได้ไม่น้อยในชนบท

    กลางปี 1886  อังกฤษใช้กำลังที่เหนือกว่าเข้าปราบปรามกวาดล้างกองกำลังของเจ้าชายช่องกวา ตั้งค่าหัวให้ถึง 6000 รูปี ไม่ต่างอะไรกับเจ้าชายเป็นโจรร้าย      โบชเวยันต้องหลบหนีเข้าไปอยู่ในป่า  ส่วนเจ้าชายทั้งสองหลบหนีเข้ามัณฑเลย์ โดยอาศัยความร่วมมือของพระสงฆ์ในเมืองหลวงให้หลบซ่อนอยู่ในวัด 
     
    พรรคพวกของเจ้าชายวางแผนสถาปนาเจ้าชายซอว์ยานนายง์ขึ้นเป็นกษัตริย์ไร้บัลลังก์ต่อจากพระเจ้าสีป่อ  เพื่อจะรวบรวมกำลังประชาชน   แต่โชคไม่เข้าข้าง   แผนแตกเสียก่อน   อังกฤษจู่โจมเข้าจับตัวระดับบิ๊กๆได้หมด   เนรเทศเจ้าชายซอว์ยานนายง์ไปกักบริเวณที่ย่างกุ้ง    ส่วนเจ้าชายอีกองค์หนีไปได้   ก็ไปปักหลักอยู่ทางเหนือ   สร้างกองกำลังไว้สู้กับพม่าต่อไป


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ม.ค. 13, 21:12
    ราชวงศ์คองบองนี้ จะว่าไปก็มีเจ้านายใจเด็ดอยู่หลายองค์ไม่ใช่เล่นเหมือนกัน   อย่างน้อยเจ้าชายทั้งสามองค์ที่ว่ามา เห็นชัดว่ากล้าหาญพอจะลุกขึ้นหาทางกู้บัลลังก์และเอาเอกราชของพม่าคืนมา    แม้ว่าตกอยู่ในฐานะเสียเปรียบทุกด้าน  ไม่ต่างจากเอาหนูตัวเล็กๆไปสู้สิงโตก็ตาม     ต้องถือว่าเป็นคราววาสนาชะตาอับของราชวงศ์คองบองโดยแท้ ที่บัลลังก์เกิดไปตกอยู่ในมือผู้หญิงอย่างพระนางศุภยาลัตและผู้ชายอ่อนแออย่างพระเจ้าสีป่อ

    เจ้าชายดาค้อยท์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ 3 องค์ แต่มีอีก   เป็นเจ้าชายผู้เป็นหลานลุงของพระเจ้ามินดง  คือพระบิดาเป็นพระอนุชาชื่อเจ้าฟ้ากะหน่อง     พระโอรสชื่อเจ้าชายเตกตินหมัด(Htiektin Hmat) และเจ้าชายเตกตินเธน (Htirktin Thien)  ตอนที่มัณฑเลย์ถูกยึด ทั้งสององค์ก็เป็นเจ้านายที่ยังติดอยู่ในเมือง แต่ไม่ได้โดนเนรเทศตามพระเจ้าสีป่อ    เมื่ออังกฤษมาเป็นเจ้าเข้าครองเมือง ลงมือบังคับขับไสนานาประการอย่างที่บรรยายไว้ในกระทู้นี้  เจ้านายเชื้อพระวงศ์ทั้งหลายต่างก็ตัดสินใจหลบหนีลี้ภัยออกนอกเมือง รวมทั้งเจ้าชายทั้งสองด้วย   ทรงหนีไปอยู่ที่เมืองชเวโบซึ่งเป็นเมืองเก่าแก่ของพม่า ซึ่งเป็นเมืองต้นตระกูลของราชวงศ์คองบอง


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ม.ค. 13, 21:40
  เมืองชเวโบมีเจ้าเมืองชื่อชเวโบเมียวหวุ่น  นายคนนี้รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี    เมื่ออังกฤษเป็นใหญ่เหนือพม่าเขาก็สวามิภักดิ์ต่อพม่า จึงได้นั่งเก้าอี้เจ้าเมืองต่อเช่นเดิม     แต่ชาวเมืองอาจจะไม่ชอบหน้านายคนนี้เท่าใด   เจ้าชายเตกตินหมัดและเจ้าชายเตกตินเธนจึงสามารถยึดเมือง  ไล่นายเมียวหวุ่นตกเก้าอี้ไปได้ไม่ยาก

  เมื่ออังกฤษได้ข่าวว่าลูกน้องพม่าของตนถูกยึดอำนาจ  ก็ไม่รอช้า ส่งทหาร 2 กองร้อยเข้าไปปราบเจ้าชายที่ตนเองยัดข้อหา "กบฎ" ให้ทันที   ทหารอังกฤษพร้อมด้วยอาวุธปืนเหนือกว่าก็เข้ายึดเมืองกลับมา  เจ้าชายทั้งสองต้องล่าถอยออกจากเมือง แต่ก็ไปปักหลักซุ่มอยู่นอกเมืองคอยโจมตีทหารอังกฤษ  เพราะมีชาวบ้านที่สมัครใจเป็นฝ่ายเจ้านายของตนเข้ามาสมทบกันเรื่อยๆจนขยายใหญ่ไปถึง 2000 คน  กลายเป็นกองทัพประชาชนขนาดใหญ่ขึ้นมา

   อังกฤษเห็นพม่าชักจะรวบรวมกองทัพได้มากกว่าที่คิดก็ตกใจ    ใช้วิธีทุ่มกำลังเข้าตีแตกให้ได้ ส่งทหารมาอีก 2 กองร้อย บวกทหารกรมปืนคาบศิลาอีก 50 คนเข้ามากะลุยกันอีกฝ่ายแตกยับ     ทางฝ่ายเจ้าชายก็ได้ผู้นำท้องถิ่นคือกำนันโบธองและกำนันธันดอว์สินธ์ซอว์โบ เป็นแม่ทัพ  คอยตีโต้กลับอังกฤษ แต่ในเมืองใช้กำลังเข้าสู้ไม่ได้เพราะอาวุธน้อยกว่าและล้าสมัยกว่ามาก   ก็ใช้วิธีรบแบบกองโจรแทน


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 15 ม.ค. 13, 05:39
การรบที่ชเวโบ ศาลทหารอังกฤษภาคสนามกำลังสอบสวนเชลย ก่อนพิพากษาแบบเชือดไก่ให้ลิงดูต่อไป


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 15 ม.ค. 13, 15:59
ภาพซ้ายคือตอนที่ทหารจากเวลส์เข้าตีเมืองชเวโบ ภาพขวามือบรรยายว่าเป็นบ้านคนจีนที่ทำรั้วป้องกันการปล้นของพวกดาค้อยท์

ฝรั่งก็เชื่อแบบฝรั่ง พม่าก็เชื่อแบบพม่า ผมเชื่อว่าอาเสี่ยเจ้าของบ้านคงไม่ไว้ใจฝ่ายไหนทั้งสิ้น


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ม.ค. 13, 16:17
  ในศึกชเวโบเราก็คงทายล่วงหน้าได้ว่า มันเหมือนเอายักษ์มาไล่ทุบมนุษย์ตัวเล็กๆ     ฝ่ายเจ้าชายซึ่งกำลังน้อยกว่า อาวุธก็ล้าสมัยกว่าเป็นฝ่ายแตกพ่าย   เจ้าชายเตกตินเธนสิ้นพระชนม์ในศึกครั้งนี้ แต่เจ้าชายเตกตินหมัตหนีรอดไปได้ ไปหลบซ่อนอยู่ในป่า

  เห็นจะต้องบันทึกเป็นเกียรติประวัติว่าเจ้าชายองค์นี้ทรหดเอาการ    ถึงแม้ว่ามีกำลังคนแค่ 3500 คน เจ้าชายก็รบอย่างไม่คิดชีวิต   มีวิธีไหนจะสู้กับอังกฤษได้ก็สู้   เผชิญหน้าตรงๆไม่ได้ก็ทรงรบแบบกองโจร    ถ้ามีกำลังพอจะเข้าโจมตีเมืองได้ก็โจมตี อย่างเมืองตาเซ (Taze)   แต่ก็ไม่สำเร็จ  ต้องหนีเข้าป่าไปตั้งหลักอีกครั้ง

   ชีวิตในป่าลำบากยากแค้นและเต็มไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บ   เกินกว่าคนที่เกิดมาเป็นเจ้าและอยู่ในเมืองมาตลอดจะทนทานได้   เจ้าชายก็เลยสิ้นพระชนม์ด้วยไข้ป่าแบบเดียวกับเจ้าฟ้ามยินซายง์   
   เป็นอันจบบทบาทกู้ชาติของเจ้าชายสายเลือดเจ้าฟ้ากะหน่องเพียงแค่นี้


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ม.ค. 13, 16:50
   เจ้าชายสามองค์ที่บรรยายมาในค.ห.ข้างบนนี้เป็นเจ้านายในราชวงศ์คองบองของแท้  พิสูจน์ได้ว่าเป็นราชตระกูลสายไหน   แต่ก็มีดาค้อยท์ที่ประกาศว่าตัวเองเป็นเจ้านายอีกหลายคนเหมือนกันที่ประวัติค่อนข้างคลุมเครือ     ถ้ามองในแง่จริงคือบรรดากษัตริย์และเจ้าฟ้าในอดีตนั้นนอกจากมีพระมเหสี พระสนมที่เป็นเจ้าหญิง ก็ยังมีหม่อมๆสามัญชนอีกมากมาย   มีลูกออกมาบางทีก็ปลายๆแถว ไม่รู้ว่าองค์ไหนเป็นองค์ไหน    มองในแง่เท็จก็อาจเป็นได้ว่าเป็นการแอบอ้าง เพื่อสร้างศรัทธาให้ประชาชนพม่า ซึ่งยังไงก็ยังเลื่อมใสและจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์อยู่ดี

   จะจริงหรือจะเท็จ อังกฤษก็ไม่เอาทั้งสองอย่าง    จึงฉวยโอกาสโหมโรงประโคมข่าวว่า พวกนี้ก็แค่ดาค้อยท์ธรรมดา  เป็นเจ้าเก๊ สิบแปดมงกุฎ   ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ     หนึ่งในนี้คือเจ้าชายชะเวโจบะยู (Shwegyobyu)  เดิมเล่ากันว่าเป็นข้าราชการพม่า ทำงานด้านสาธารณสุขให้ทางการอังกฤษ    แต่พอพม่าเสียเมืองก็ตั้งตัวขึ้นเป็นเจ้า   แข็งข้อกับนายเก่า ไปตั้งตนเป็นใหญ่อยู่ที่เมืองกันเล (Kanle) ทางตอนใต้ของมณฑลชินด์วิน
 
   เจ้าชายชะเวโจบะยูองค์นี้ก็เก่งพอจะขยายอำนาจไปทั่วเขตปะจีในเวลาต่อมา    รวบรวมสมัครพรรคพวกเป็นกองทัพย่อยๆได้    กลายเป็นเสี้ยนหนามชิ้นใหญ่ของอังกฤษ   อังกฤษก็ทำอย่างที่เคยทำ คือใช้ลำหักลำโค่นส่งทหารเข้าปราบปรามหนัก  จนเจ้าชะเวโจบะยูต้องถอยเข้าไปหลบอยู่ในเขตเทือกเขาฉิ่น


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 15 ม.ค. 13, 20:32
การรบที่ชินด์วิน การเข้าปะทะซึ่งๆหน้ากับทหารอังกฤษ พม่าดาค้อยท์ไม่มีทางที่จะสู้ได้เลย


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 15 ม.ค. 13, 20:42
นายทหารม้าถ่ายรูปหน้าค่ายพักก่อนออกไปไล่ล่าพวกชนชาติล้าหลังที่บังอาจหือกับมหาอำนาจอย่างสนุกมือ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ม.ค. 13, 21:15
เห็นรูปในค.ห. 269  เหมือนทหารอังกฤษกำลังไปซาฟารีกันอยู่งั้นละค่ะ :-\

นโยบายของแม่ทัพอังกฤษในพม่า เป็นยังไง เห็นได้จากหนังสือราชการที่พลจัตวาไวท์ผู้บัญชาการกองกำลังสนาม มีไปถึงเจ้ากรมพลาธิการทหารที่อินเดีย  ในกลางปี 1886 ที่ศึกปราบกบฏกำลังดุเดือด

แผนการที่จะทำให้เราสถาปนาอำนาจการปกครองได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด  ในขณะเดียวกันก็สร้างความเชื่อมั่นต่างๆได้ คือใช้กำลังทางทหารเข้าควบคุมเขตที่มีปัญหาอย่างเข้มงวดใกล้ชิด 

การรบในพม่า เปลี่ยนจากการยกพลมาทางเรือบรรทุกปืนใหญ่มาถล่มทหารตามรายทาง   มาเป็นการใช้ทหารม้าเข้าจู่โจมฝ่ายตรงข้าม  เพราะการรบแบบกองโจรของอีกฝ่ายคือการดักซุ่มโจมตีอย่างรวดเร็วและรุนแรง จากนั้นก็แยกย้าย ถอยหายวับกันไปตามป่าเขาลำเนาไพร   ทหารราบอังกฤษที่ไม่ชินกับภูมิประเทศเท่าชาวพม่า นอกจากจะเสียเปรียบเรื่องนี้แล้ว ยังทำอะไรพวกกองโจรไม่ถนัด    แต่ทหารม้าจะลุยเข้าถึงไหนถึงกัน   สามารถตามไล่ล่าฝ่ายตรงข้ามแล้วเลือกยิงเอาๆด้วยอาวุธปืนที่เหนือกว่า     
ส่วนฝ่ายดาค้อยต์ก็ต้องวิ่งแหวกหญ้าในสมรภูมิเข้าใช้ดาบหรือไม้พลองกระบองสั้น เข้าต่อสู้ข้าศึก     เรียกได้อีกอย่างว่าวิ่งเข้าไปฆ่าตัวตาย


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 15 ม.ค. 13, 21:31
การใช้เรือบรรทุกปืนใหญ่ยิงสุ่มไปยังจุดที่คิดว่าเป็นที่มั่นทางทหารของพวกดาค้อยท์ริมฝั่งแม่น้ำ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 15 ม.ค. 13, 21:34
การใช้เรือปืน และทหารราบออกตรวจตราไปตามแม่น้ำลำคลองขนาดเล็ก เพื่อค้นหาแหล่งที่ซ่อน


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 15 ม.ค. 13, 21:37
และการใช้ทหารม้าไล่ล่า


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 16 ม.ค. 13, 11:23
อ้างถึง
เนื่องจากปักหลักอยู่ที่ช่องกวานี่เอง เจ้าชายดาค้อยท์ทั้งสองจึงได้ชื่ออีกชื่อว่า "สองเจ้าชายช่องกวา"   พระองค์มีแม่ทัพมือดีคู่พระทัยอยู่คนหนึ่งชื่อโบชเวยัน   นายคนนี้เป็นผู้นำท้องถิ่นทำนองกำนันหรือประธานอบต. มาก่อนจะเข้าสวามิภักดิ์   ช่วยกันรวบรวมผู้คนมาได้จนเป็นกองกำลังย่อยๆ  แม้ไม่มากถึงเข้าโจมตียึดเมืองหลวงได้  แต่ก็ก่อกวนอังกฤษอยู่ได้ไม่น้อยในชนบท

    กลางปี 1886  อังกฤษใช้กำลังที่เหนือกว่าเข้าปราบปรามกวาดล้างกองกำลังของเจ้าชายช่องกวา ตั้งค่าหัวให้ถึง 6000 รูปี ไม่ต่างอะไรกับเจ้าชายเป็นโจรร้าย      โบชเวยันต้องหลบหนีเข้าไปอยู่ในป่า  ส่วนเจ้าชายทั้งสองหลบหนีเข้ามัณฑเลย์ โดยอาศัยความร่วมมือของพระสงฆ์ในเมืองหลวงให้หลบซ่อนอยู่ในวัด


สงสัยจะเป็นวัดนี้นี่เอง ในที่สุดได้เกิดเพลิงไหม้ขึ้นเหลือทรากเท่าที่เห็น บันทึกทางอังกฤษกล่าวลอยๆว่าเกิดอุบัติเหตุ สงสัยทหารอังกฤษเองนั่นแหละที่ตัวการ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 16 ม.ค. 13, 11:33
ทหารอังกฤษมักชอบที่จะตั้งค่ายในวัด นี่ก็เป็นอีกกองกำลังหนึ่งจากมัทราส คงย้ายพวกทหารแขกจากข้างกำแพงเมืองมัณฑเลย์มาอยู่เสียในที่มิดชิดหน่อย พวกนายทหารได้อยู่ในศาลาการเปรียญ บ๋อยก็อยู่ส่วนบ๋อยไม่เห็นในรูป แต่ต่อมาทางกองบัญชาการก็สั่งย้ายกำลังทหารเกือบทั้งหมดให้ไปตั้งในเมืองสำคัญๆในท้องถิ่นชยบท เพื่อง่ายในการติดตามกวาดล้างพม่าดาค้อยต์ต่อไป


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 16 ม.ค. 13, 11:36
ระหว่างอยู่วัดก็คุยกับครูบาไป นี่กำลังฟังพระพม่าเล่าพระพุทธประวัติประกอบภาพ ตอนลูกสาวพญามารรำยั่วกิเลศพระพุทธองค์ในวันที่จะทรงตรัสรู้


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 16 ม.ค. 13, 11:39
^
เอ๋ หรือมันหลอกล่อให้พระฉันเบียรละหว่า


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 16 ม.ค. 13, 11:46
ภาพล้ออีกภาพหนึ่งแสดงถึงการปฏิบัติตนต่อหน้าพระสงฆ์ ในขณะที่พวกทหารก็แสดงกิริยาโอหังในมาดของผู้พิชิต พวกข้าราชการพลเรือนที่อยู่ในพม่ามาจนรู้ขนบธรรมเนียม ก็ปฏิบัติตนอีกอย่าง

ดูในภาพแล้ว พระท่านก็ไม่ถืออัตตาของตนเอง ใครมารูปแบบใดก็เป็นเรื่องของตัวผู้นั้น ท่านก็ดำรงสถานะภาพอย่างที่ท่านเป็น


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 16 ม.ค. 13, 11:55
นี่เป็นอีกภาพหนึ่งที่แปลก บรรยายภาพว่าพวกชาวยุโรปที่พำนักอาศัยอยู่ในมัณฑเลย์ขณะเข้าพบขิ่นหวุ่น มิงจี เรื่องอะไรไม่แจ้ง
เดาไม่ออกว่าเป็นสมัยก่อนอังกฤษยึดครองแล้วหรือก่อน และหน้าตาของท่านสมุหนายกก็ไม่ได้แก่หง่อมจนหนวดหงอกเหมือนภาพอื่นๆ

ที่เอามาลงให้ชมย้อนหลังก็เพื่อให้สังเกตุกิริยาของฝรั่ง ที่รู้ธรรมเนียมกับพวกที่อาจจะรู้ แต่ถือตนไม่ยอมปฏิบัติ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 16 ม.ค. 13, 11:58
"แผนกภาพ"ชักจะไปไกลสมรภูมิพม่ารบฝรั่งแล้ว ขอส่งคืนกลับท่านอาจารย์เทาชมพู"แผนกเรื่อง"ครับ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ม.ค. 13, 17:08
ภาพประกอบจากท่านนวรัตนข้างบนนี้ ทำให้นึกได้ว่าควรจะเอ่ยถึงดาค้อยท์สำคัญอีกพวกหนึ่ง นอกเหนือจากบรรดาเชื้อสายพระราชวงศ์ที่ลุกขึ้นสู้อังกฤษ  คือกลุ่มที่เราอาจจะนึกไม่ถึง เพราะในสังคมไทยสมัยรัชกาลที่ 5  สถาบันสงฆ์ของไทยไม่มีแนวคิดแบบนี้  แม้จะเทศนาเรื่องการเมืองในสมัยนั้นก็ดูเหมือนจะไม่มีพระรูปไหนทำกัน   
แต่พม่าในยุคพม่ารบฝรั่ง  มีขบวนการสงฆ์กู้ชาติด้วย   ขอเรียกอย่างเกรงใจ ไม่อยากใช้คำว่าดาค้อยท์

ดูจากบริบททางสังคมแต่เดิมมา  สถาบันศาสนาของพม่าดูๆไม่ต่างจากของสยาม    คือมีกษัตริย์พม่าเป็นอัครศาสนูปถัมภก    พระสงฆ์บวชเรียน  ศึกษาพระธรรมได้เป็นเปรียญซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้รู้หนังสือ    วัดเป็นศูนย์รวมของเมืองและหมู่บ้าน  สอนหนังสือและรวมศรัทธาของประชาชน   สถาบันกษัตริย์และสถาบันสงฆ์อยู่กันมาอย่างกลมเกลียวนานหลายร้อยปี   
แต่พออังกฤษเข้ามายึดอำนาจ  บัลลังก์กษัตริย์ถูกล้มล้างลงไป   สถาบันสงฆ์ก็เหมือนโดมิโน คือล้มพังพาบลงไปด้วย


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ม.ค. 13, 17:13
   เดิม วัดได้เงินทองที่กษัตริย์พม่าอุปถัมภ์ค้ำจุนวัดต่างๆทั่วประเทศถึงเดือนละ 20,000 รูปี(หรือปีละ 240,000 รูปี)  พออังกฤษเข้ามาเป็นเจ้าเข้าครอง    ขนาดท้องพระคลังยังถูกยึด พระราชทรัพย์ต่างๆเอามาขายเลหลังให้ทหารอังกฤษสนุกมือไป  เราก็คงเดาได้ว่าเงินที่ทะนุบำรุงศาสนาหรือจะเหลือ   ก็พลอยถูกยึดไปด้วย
     อังกฤษเองก็ไม่นับถือพุทธศาสนาอยู่แล้ว   สิ่งที่ตามมาคือลิดรอนสิทธิต่างๆ จนไปถึงขั้นกดดันบีบคั้น   ไม่อาจจะสมานไมตรีกันได้   ผลก็คือพระสงฆ์ตามวัดวาอารามต่างๆ เห็นอังกฤษเป็นปรปักษ์ตัวร้ายที่เบียดเบียนศาสนา  ก็พากันลุกขึ้นต่อต้านอังกฤษ ทั้งในมัณฑเลย์และเมืองต่างๆ   ด้วยการเข้าร่วมมือกับฝ่ายดาค้อยท์อย่างเต็มตัว  
    พระสงฆ์พม่าไม่ได้ถือว่าการต่อสู้เพื่อเอกราชเป็นเรื่องทางโลกที่ทางธรรมจะเกี่ยวข้องไม่ได้      แต่ถือว่าเป็นหน้าที่อย่างหนึ่งที่จะต้องทำเพื่อชาติและศาสนา    พระสงฆ์สำคัญๆจึงลงมือเป็นคนร่างคำประกาศและส่งข่าวสารต่อกันไปเป็นทอดๆตามวัดวาอารามต่าง ๆ ให้ประชาชนลุกฮือร่วมมือกับเจ้าชายดาค้อยท์ โดยเฉพาะเจ้าชายมยินซายง์ผู้มีสายเลือดใกล้ชิดราชบัลลังก์คองบองมากที่สุด  

      พระสงฆ์พม่าเล่นบทบาทเสนาธิการใหญ่  ร่วมมือให้เจ้าชายเข้ามาหลบซ่อนในวัด เพื่อยึดเมืองมัณฑเลย์จากพม่า     แต่แผนแตกเสียก่อน  อังกฤษก็เลยจับกุมพระสงฆ์ระดับหัวกะทิ 4 รูป ส่งเข้าเรือนจำไปทั้งจีวร     แต่ก็ไม่ได้ทำให้พระสงฆ์พม่าเสียขวัญ   ผลก็คือพระสงฆ์ต่างๆยังเป็นกองหนุนให้เจ้านายดาค้อยท์องค์อื่น เช่นเจ้าฟ้ามยินซายง์สู้รบกับอังกฤษต่อไปไม่ย่อท้อ  
     ในประวัติศาสตร์ไทย พระสงฆ์ที่โดดออกมาสู้รบ  เล่นการเมืองเต็มตัว ก็เห็นมีอยู่รูปเดียวคือเจ้าพระฝาง หลังกรุงแตก


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ม.ค. 13, 20:51
ถึงตรงนี้ขอเว้นวรรคเจ้าชายดาค้อยท์ไว้สักช่วงหนึ่ง   เพราะมีหลายองค์เหลือเกิน อ่านจนตาลาย    ขอเล่าถึงพระสงฆ์สำคัญที่เข้าขบวนการกู้ชาติอย่างเต็มตัว   โดยมิได้สึกออกมาเป็นฆราวาส
พระสงฆ์รูปนั้นคือ U Ottama  ขอเรียกว่า พระอาจารย์โอตตะมะ   คำว่า U  อินทรเนตรแปลว่าเป็นคำนำหน้าที่แสดงความยกย่อง   

พระอาจารย์โอตตะมะตัดสินใจเข้าร่วมขบวนการกู้ชาติเต็มตัว  รวบรวมประชาชนในถิ่นที่อยู่ของท่านได้จำนวนมาก ก็ยกกองทัพประชาชนเข้าช่วยเหลือเจ้าฟ้ามยินซายง์   ท่านได้กำลังสมทบจากพระอาจารย์ธอง (U Thaung) พระสงฆ์อีกรูปที่เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านเช่นกัน   รวมกำลังเข้ายึดเมืองสะคุไว้ได้ช่วงสั้นๆ  แต่อังกฤษก็ทุ่มกำลังเข้ายึดเมืองกลับคืนได้ จนพระอาจารย์ทั้งสองต้องล่าถอยไปตั้งหลักที่เมืองปอก   
เมื่อรุกคืบหน้าได้  อังกฤษยื่นคำขาดให้พระอาจารย์โอตตะมะและพระอาจารย์ธองยอมแพ้เสียดีๆ   แต่รูปการณ์ก็พิสูจน์ว่าการรบกับกองทัพพม่าที่มีพระสงฆ์บัญชาการนั้นไม่หมูอย่างที่คิด    อังกฤษต้องเสียนายทหารชั้นร้อยเอกที่เป็นผู้บัญชาการรบไป 2 คนในศึกย่อย 2 ครั้ง


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ม.ค. 13, 21:08
  เมื่ออังกฤษเคี้ยวกองทัพประชาชนของพม่าในครั้งนี้ไม่ลง    ทัพของพระอาจารย์โอตตะมาก็ทวีความแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว   กำนันผู้ใหญ่บ้านในหมู่บ้านต่างๆละแวกนั้นซึ่งไม่มีใครอยากเป็นขี้ข้าอังกฤษอยู่แล้ว ก็พาลูกบ้านชายฉกรรจ์มาสมทบ    ท่านอาจารย์โอตตะมะเก่งพอจะวางแผนการบริหารอย่างรัดกุม    กระจายกำลังคนให้เป็นหูเป็นตาสอดส่องกัน  จนอังกฤษไม่มีทางส่งกองทหารเล็ดลอดเข้ามาถึงถิ่นนี้โดยท่านไม่รู้ตัวล่วงหน้าได้      เรียกได้ว่าท่านอาจารย์โอตตะมะบัญชาการรบแบบนักรบเต็มตัว

   ฝีมือบัญชาการของท่านอาจารย์โอตตะมะ ส่งให้ท่านกลายเป็นปรปักษ์ตัวฉกาจที่อังกฤษเดือดร้อนหนัก   จึงมีการตั้งค่าหัวท่านถึง 2000 รูปี  ใครจับท่านได้ก็กลายเป็นเศรษฐีไป  แต่ก็ไม่มีใครจับท่านส่งให้อังกฤษอยู่ดี     อังกฤษก็แหวกชาวบ้านเข้ามาไม่ถึงตัวท่านจนแล้วจนรอด     ทางการอังกฤษจึงวางแผนใหม่  คือการยัดข้อหา "กบฎ"ให้ท่านอาจารย์โอตตะมะเต็มรูปแบบ   พร้อมกับประกาศนิรโทษกรรมให้ชาวบ้านที่เข้าร่วมในกองทัพ  ถ้าหากว่าใครกลับตัวกลับใจวางอาวุธก็จะไม่เอาโทษ  ปล่อยไปทำมาหากินตามปกติ     
   อังกฤษยังใช้วิธีกดดันอีกว่า ถ้าชาวบ้านคนไหนยังร่วมมือช่วยเหลือท่านอาจารย์โอตตะมะอยู่  จะเจอโทษทัณฑ์รุนแรง ไม่ใช่เฉพาะกับตัวผู้นั้น แต่กับญาติพ่อแม่พี่น้องลูกเมียที่ทำมาหากินอยู่ในหมู่บ้านด้วย  มีสิทธิ์ถูกจับตัวไปยิงทิ้งเอาง่ายๆ     ในเมื่อใช้วิธีปิดประตูตีแมวแบบนี้   ชาวบ้านทั้งหลายก็ไม่มีทางรอด   ไม่ห่วงตัวเองก็ต้องห่วงพ่อแม่ลูกเมีย  จึงจำต้องวางอาวุธมอบตัวกับทางการเป็นจำนวนมาก 
  ด้วยวิธีนี้ ทัพของท่านอาจารย์โอตตะมะก็ร่อยหรอกำลังคนลง    จนท่านเองก็ถูกจับกุมเป็นนักโทษของอังกฤษ หลังจากยืนหยัดต่อสู้มาได้ 3 ปี
 


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 16 ม.ค. 13, 21:11
ผมมีภาพนักโทษการเมืองของอังกฤษในเรือนจำ ประหลาดกว่าหมู่เพราะสวมหมวก และถูกแยกไว้ต่างหาก เดาว่าน่าจะเป็นกลุ่มที่มีฐานะทางสังคมสูงกว่ากัน ในรูปขวานั้น ฝรั่งบรรยายภาพว่าเป็นโรงเรียนภาคค่ำในคุก

อาจเป็นไปได้สูงที่นักโทษเหล่านี้คืออดีตพระสงฆ์ของพม่า


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 16 ม.ค. 13, 21:17
ผมไม่ทราบว่าในสมัยราชาธิปไตยนั้นสถาบันสงฆ์ของพม่าถูกจำกัดบทบาทในการเคลื่อนไหวทางการเมืองแค่ไหน  แต่ดูเหมือนว่าในยุคปัจจุบัน สงฆ์พม่าก็ยังเคลื่อนไหวเรียกร้องทางการเมืองอยู่บ่อยๆ ครั้งสุดท้ายที่ออกมาเดินขบวนเรียกร้องประชาธิปไตย แม้ว่าเป็นแนวอหิงษา ก็ถูกทหารของรัฐบาลยิงกราดไม่ไว้หน้าอินทร์หน้าพรหม ตายทั้งจีวรไปไม่น้อย

ไม่ว่าอย่างไร สงฆ์ควรจะมีศีลข้อหนึ่ง คือถือปาณาติบาตอย่างเคร่งครัด ถ้ามาเป็นผู้นำกองกำลังเข้าเข่นฆ่าศัตรู แม้จะมิได้ลงมือเองก็ถือว่าต้องปาราชิกแล้ว เช่นเจ้าพระฝางในประวัติศาสตร์ไทย เมื่อแพ้ ท่านก็ไม่เอาไว้ เพราะถือว่าไม่ใช่พระ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ม.ค. 13, 21:32
ความจริงมีเจ้าชายอีกหลายองค์ที่เป็นผู้นำขบวนการต่อต้านอังกฤษ  ถูกยัดข้อหาว่าเป็นดาค้อยท์เสมอหน้ากันหมด  เช่นเจ้าชายบายินกัน   เจ้าชายจีมยินดายง์ และเจ้าชายเซะต์จา

ชะตากรรมของเจ้าชายดาค้อยท์พวกนี้คล้ายๆกันจนกล่าวรวมกันได้  คือทรงรวบรวมชาวบ้านพม่าเข้าสู้กับอังกฤษอย่างทรหด    รุกบ้างหนีบ้างอยู่หลายครั้ง  เป็นสงครามกองโจรที่ก่อกวนอังกฤษอย่างได้ผลอยู่นานเป็นปี    แต่เมื่อปะทะกันหลายครั้งเข้า น้ำน้อยก็แพ้ไฟเป็นธรรมดา      เจ้าชายพวกนี้ยอมสละชีพในสมรภูมิทั้งหมด  โดยเฉพาะเจ้าชายเซะต์จาและไพร่พลนั้นสู้อังกฤษจนคนสุดท้าย

แต่ก็มีเหมือนกัน ที่บางคนยอมวางอาวุธ กลับใจเข้าสวามิภักดิ์กับพม่า เช่นเจ้าชายหม่องหม่องทิน     อังกฤษก็ไม่ได้ทำอะไร  ก็ปูนบำเหน็จให้รับราชการเป็นอันดี    เห็นได้ว่าเป้าหมายของอังกฤษคือให้พวกนี้เลิกรังควานอังกฤษเสียเท่านั้น     เหตุผลก็เห็นๆกันคืออังกฤษยึดมัณฑะเลย์ได้ง่ายดายก็จริง  แต่ก็ต้องมาทำสงครามกองโจรกับประชาชน ยืดเยื้อเปลืองอาวุธและชีวิตทหารฝ่ายตนอยู่ยาวนานหลายปี     ยิ่งสงครามถูกทอดไปเนิ่นช้าเท่าใด  อังกฤษก็เปลืองงบประมาณมากขึ้นเท่านั้น      อะไรจะประหยัดได้ก็อยากประหยัดเอาไว้  

ผลพลอยเสียของอังกฤษอีกอย่างหนึ่งในการทำสงครามกองโจรกับดาค้อยท์  คืออังกฤษมีนโยบายระบายคนในอาณานิคมอื่นเข้ามาทำมาหากินในพม่า    อาณานิคมที่ว่านี้คืออินเดีย    เมื่ออังกฤษผนวกพม่าเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอินเดีย   พื้นที่พม่ายังมีที่ว่างเหลืออยู่มากในชนบท   อังกฤษก็เห็นเป็นโอกาสดีจะเอาชาวอินเดียมาตั้งถิ่นฐานที่นี่   นอกจากระบายความแออัดในอินเดียแล้ว  ยังเป็นการผสมปนเปชาติพันธุ์อย่างฉลาด    บั่นทอนความรู้สึกชาตินิยมของพม่าให้จางลง   ช่วยให้รวมตัวกันไม่ถนัดอีกด้วยในระยะยาว  
แต่พวกดาค้อยท์นี่แหละที่กลายเป็นกระดูกชิ้นใหญ่มิให้นโยบายนี้ทำให้สะดวกง่ายดาย    เพราะชาวอินเดียทั้งหลายที่อพยพย้ายถิ่่นเข้ามาถูกดาค้อยท์รังควานจนอยู่ไม่เป็นปกติสุข     เนื่องจากพม่าเองก็รังเกียจคนต่างถิ่นที่เข้ามาแย่งที่ทำมาหากินของตน    


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 16 ม.ค. 13, 21:52
เคยแปลกใจว่าทำไมภาพการโจมตีพวกดาค้อยท์ของอังกฤษจึงมีเป้าหมายเป็นวัดเสียหลายแห่ง มาถึงตอนนี้ก็ถึงบางอ้อ สงฆ์ของพม่าส่วนใหญ่ส่วนหนึ่งทีเดียวที่สนับสนุนการสู้รบต่อต้านเจ้าอาณานิคมอย่างเปิดเผยเช่นเดียวกับฆราวาสนั่นเอง


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 16 ม.ค. 13, 22:04
การรบที่มินลา พม่าดาค้อยท์ใช้วัดเป็นฐานซ่องสุมกำลังเช่นกัน


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ม.ค. 13, 22:08
เท่าที่ขอให้อินทรเนตรส่องหาพระสงฆ์ในพม่า ว่าท่านคิดอย่างไรเรื่องการเมือง  เผื่อจะเข้าใจขึ้นมาบ้างว่าเหตุใดพระสงฆ์ในกระทู้นี้ถึงลุกขึ้นจับอาวุธสู้อังกฤษได้อย่างเปิดเผย    ในสายตาประชาชนก็ยังเลื่อมใสศรัทธาท่านเหล่านี้เหมือนเดิม   ก็ไปเจอคำให้สัมภาษณ์ของท่านAshin Sopaka พระสงฆ์พม่า ซึ่งเป็นแอคทิวิสท์รูปหนึ่งในยุคปัจจุบัน  
ได้ความมาอย่างนี้ค่ะ

He said, lies in Buddhist doctrine that explicitly calls for the alleviation of human suffering: "If the people are suffering, then we have a responsibility - of course it [the suffering] is because of the political situation… [and] the political situation is connected to everything.

ท่านกล่าวว่า หลักคำสอนทางพุทธศาสนาคือกำหนดอย่างชัดแจ้งให้ลดละเลิกทุกข์องมนุษย์  " ถ้าประชาชนเป็นทุกข์  พวกอาตมาก็ถือเป็นความรับผิดชอบที่จะต้องลดละเลิกทุกข์ให้พวกเขา    แน่ละว่าทุกข์ในที่นี้เกิดจากสถานการณ์ทางการเมือง  และสถานการณ์การเมืองก็มีผลโยงไปถึงทุกเรื่อง"

ขอตีความอีกที เป็นส่วนตัวว่า หลักการของพุทธศาสนาที่ว่านี้เห็นจะไม่ใช่ลดละเลิกกิเลสของมนุษย์แต่ละคน  แต่เป็นการลดละเลิกทุกข์ที่เกิดขึ้นในสังคม    ถ้าพบว่าทุกข์ที่ว่านั้นเกิดจากใครเป็นคนก่อ  ก็ไปแก้ตรงใครคนนั้น  
ถ้าทุกข์ของชาวพม่าเกิดจากอังกฤษเข้ามาในพม่า    ก็ไปแก้ที่ชาวอังกฤษในพม่า ให้ออกไปเสีย
ถ้าคำตอบนี้ถูกต้อง  ชาวบ้านพม่าก็มองว่าพระสงฆ์อย่างท่านโอตตะมะมาปัดเป่าบรรเทาทุกข์ให้พวกเขา  เท่ากับท่านทำตามหน้าที่หลักของท่าน


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 17 ม.ค. 13, 06:23
พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนทางแก้ทุกข์ให้สังฆสาวกแบบนี้

ถ้าพระคิดว่ามีหน้าที่แก้ปัญหาทางการเมืองโดยลงไปเล่นกับการเมืองเสียเอง นอกจากจะแก้ทุกข์ให้ใครไม่ได้แล้ว ตัวเองก็จะยิ่งทุกข์หนักเข้าไปอีก ลงนรกตั้งแต่ยังไม่มรณภาพ



กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ม.ค. 13, 12:42
เรื่องขบวนการสงฆ์กู้ชาติมีอะไรมันๆให้บรรยายได้อีกมาก   จึงขอยกตัวอย่างพระสงฆ์ในขบวนการกู้ชาติพม่าอีกสัก 2-3 รูปนะคะ     เพื่อให้เห็นภาพรวมว่ามิได้มีแต่พระอาจารย์โอตตะมะเท่านั้นที่ลงจากธรรมาสน์ เข้าสู่สนามรบอย่างเปิดเผย      แต่ยังมีพระอาจารย์รูปอื่นๆอีกหลายรูป ที่ลงลุยในสมรภูมิอย่างอาจหาญไม่น้อยไปกว่ากัน  จนเรียกได้ว่าเป็นเรื่องธรรมดาในยุคนั้น
 
พระสงฆ์อีกรูปหนึ่งที่เป็นหัวหน้าขบวนการกู้ชาติ  เป็นหลวงพ่อระดับเจ้าอาวาส      ประวัติศาสตร์พม่าเรียกว่าหลวงพ่อมยันซอง(Mayanchaung) ไม่ใช่ชื่อแต่เป็นตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดมยันซอง    ตัวท่านเป็นพระพม่าเชื้อสายไทยใหญ่   คงเป็นพระสงฆ์ดังที่ชาวไทยใหญ่และพม่านับถือกันมาก   จึงมีคอนเนคชั่นที่ใกล้ชิดกับราชบัลลังก์   ถึงขั้นก่อนสงคราม  ท่านได้รับพระราชโองการจากพระเจ้าสีป่อให้ซ่องสุมผู้คนไว้สู้กับอังกฤษที่จะยกทัพมารุกราน      บารมีท่านก็กว้างขวางเสียด้วย   เห็นได้จากสามารถขอความร่วมมือจากหลวงพ่อดังๆอีก 3 วัดคือเจ้าอาวาสวัดจอกกาลัต  เจ้าอาวาสวัดเปกการเลต  และเจ้าอาวาสวัดชเวเล รวบรวมชาวบ้านพม่าเชื้อสายไทยใหญ่ขึ้นมาเป็นกองกำลังใหญ่ในพม่าตอนใต้ได้สำเร็จ   


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ม.ค. 13, 12:48
   อ่านมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกว่าในสังคมพม่า   สัมพันธภาพระหว่าง "วัด" กับ "วัง" น่าจะมากกว่าสังคมไทย  คือช่วยเหลือเกื้อกูลกันหลายด้าน  ยามศึกก็รบ  ยามสงบก็ทะนุบำรุงศาสนา    วัดจึงกลายเป็นกำลังเสริมความมั่นคงของราชอาณาจักรด้วย   ไม่ใช่พาคนไปสู่สวรรค์นิพพานกันด้านเดียว
   ถ้าเป็นอย่างนี้  พระสงฆ์ก็คือผู้ที่ชุมชนพึ่งพาได้ทุกด้านไม่เฉพาะทางใจ       ดังนั้น พระสงฆ์พม่าลุกขึ้นมาบัญชาการรบในยามบ้านเมืองคับขันก็เลยเป็นเรื่องธรรมดา   ไม่มีชาวบ้านคนไหนไปตั้งปุจฉาว่าไม่ใช่กิจของสงฆ์   เผลอๆอาจเป็นได้ว่าพระพม่าที่ไม่ยุ่งกับทางโลก อาจจะไม่ได้รับศรัทธาเท่าพระพม่าที่พาชาวบ้านไปรบเสียด้วยซ้ำ
  
กลับมาเรื่องรบอีกครั้งค่ะ
ยังไม่ทันที่หลวงพ่อมยันซองจะทันยกทัพชาวบ้านที่เตรียมไว้เข้ามาช่วยพระเจ้าสีป่อ    มัณฑะเลย์ก็แตกเสียก่อน   แต่กองทัพที่หลวงพ่อตั้งเอาไว้ไม่ได้สลายตัวไปอยู่ดี     ตรงกันข้าม หลวงพ่อกลับลงมือเล่นงานพม่าอย่างไม่รั้งรอให้เสียเวลา    เริ่มต้นด้วยแค่เวลาสองสัปดาห์หลังอังกฤษยึดมัณฑะเลย์    สงครามสงฆ์ที่นำโดยหลวงพ่อเปกกาเลตก็บุกเข้ายึดเมือง 3 เมืองพร้อมกันคือเมืองวินบาดอว์ สิตตังและการาเว แบบสายฟ้าแลบ

การรบครั้งนี้ดุเดือดเอาการ   ทหารอังกฤษที่ไม่ทันตั้งตัว แทบจะหนีญะญ่ายพ่ายจะแจ  เห็นได้จากหนังสือที่ส่งไปขอระดมพลจากส่วนกลางให้มาช่วย    เนื้อความในนั้นอาจทำให้คนไทยอ่านแล้วกลืนน้ำลายดังเอื๊อกว่าขนาดนั้นเชียวหรือ   คือ

" หลวงพ่อเปกกาเลตเป็นผู้นำชาวไทยใหญ่ประมาณ 300 คนบุกเข้ายึดเมือง  เผาและปล้นสะดม 3 เมือง คือวินบาดอว์  สิตตัง  การาเว  ลำดับต่อไปน่าจะเป็นเมืองชเวจิน  ขอให้ส่งกำลังมาช่วยด่วน"


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ม.ค. 13, 13:27
   หลวงพ่อเปกกาเลตเป็นแม่ทัพคนหนึ่งของหลวงพ่อมยันชอง    เมื่อมาถึงยุทธวิธีรบของหลวงพ่อมยันชองเอง ก็ต้องถือว่ารบแบบมีชั้นมีเชิง  คือแยกย้ายกำลังกันออกเป็นหลายสาย  สายหนึ่งเข้าตัดสายโทรเลขเพื่อจตัดกำลังกองทหารอังกฤษมิให้ส่งข่าวไปขอความช่วยเหลือจากเมืองหลวงได้   สายที่เหลือก็แยกย้ายกันเข้าตีหลายเมืองพร้อมกัน

  วิธีตี ก็คือยกทัพแห่กันเข้าไปทั้งผ้าเหลืองให้ชาวเมืองเห็น   เกณฑ์เสบียงอาหารและเงินทองจากชาวบ้าน  เวลาเข้าก็เคลื่อนขบวนราวกับขบวนแห่งานวัด    ตีฆ้องกลองดังสนั่น   ดิฉันเข้าใจว่าน่าจะเป็นวิธีแสดงอย่างเปิดเผยให้ทหารพม่าและชาวบ้านในเมืองรู้ว่านี่คือพระนำทัพเข้ามา  ใครจะยิงท่านได้ลงคอก็ให้รู้ไป

   กำลังของหลวงพ่อมยันชองไม่มากพอจะยึดเมืองไว้ได้    จึงใช้วิธีโจมตีแล้วถอยหนีออกไปก่อนทหารอังกฤษจะตีแตกพ่าย  จากนั้นก็กลับเข้ามาอีก  พร้อมด้วยสมัครพรรคพวกที่เพิ่มเข้ามาสมทบ   โจมตีแล้วถอย โจมตีแล้วถอยอยู่อย่างนี้  สามวันสามคืน ล่อให้กระสุนฝ่ายอังกฤษหมด  นายชอว์ข้าหลวงเมืองจายก์โตที่เจอไม้นี้เข้าต้องเผ่นหนีออกจากเมืองเอาชีวิตรอดไป
   
   ทางการตั้งค่าหัวหลวงพ่อมยันชองถึง 2000 รูปี


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ม.ค. 13, 13:43
หลวงพ่อมยันซองทำศึกแบบใช้ทั้งไม้นวมและไม้แข็ง   ไม้นวมคือท่านมีพระราชโองการพระเจ้าสีป่อติดตัวไปด้วย  ไปถึงเมืองไหนก็ประกาศให้ชาวบ้านเข้าร่วมมือกับทัพของท่าน   ไม้แข็งคือสำทับต่อว่าถ้าหมู่บ้านไหนไม่ร่วมมือก็จะเผาและปล้นทรัพย์สินไป   ถ้าเจอคลังอาวุธในเมืองก็เข้าปล้นแล้วยึดอาวุธไปเพิ่มพูนเขี้ยวเล็บให้กองกำลังของท่าน     นอกจากนี้หลวงพ่อยังตัดสายโทรเลขและทำลายประตูน้ำ  บั่นทอนกำลังของอังกฤษ และตัดหนทางไม่ให้ขอกำลังมาสมทบจากย่างกุ้งได้ด้วย

อังกฤษทุ่มกำลังจากพม่าเหนือ ทั้งคนทั้งอาวุธเข้าปราบปรามขบวนการกู้ชาติของหลวงพ่อมยินชอง  ในฐานะที่เป็นเสี้ยนหนามชิ้นใหญ่   ในตอนแรกก็ไม่ได้ผล   เพราะเมื่ออังกฤษบุกมาถึงเมืองมยินชองแหล่งเดิมของหลวงพ่อ  พบว่ากลายเป็นเมืองร้างไปแล้ว  ชาวบ้านอพยพไปหมด พร้อมกับทำลายสิ่งก่อสร้างเสียไม่มีเหลือ     มิให้อังกฤษใช้ประโยชน์ได้
อีกด้านหนึ่ง  หลวงพ่อก็ดำเนินการจิตวิทยาต่อต้านควบคู่ไปกับการรบ  คือปล่อยข่าวว่าอังกฤษแพ้แล้วที่มัณฑะเลย์  ส่วนพระเจ้าสีป่อก็ไม่ได้ถูกเนรเทศ แต่ถูกทหารอังกฤษจับตัวไปแค่เมืองย่างกุ้ง   จนชาวบ้านแถวนั้นพากันเชื่อ พากันเข้ามาสมทบกับหลวงพ่อ เข้าร่วมรบเพื่อกษัตริย์พม่าอันเป็นสถาบันที่พวกเขาจงรักภักดีมาก่อน

อย่างไรก็ตาม อังกฤษก็กวาดล้างอย่างหนัก ถึงกับขอกำลังพลเพิ่มจากอินเดียมาสมทบ      กำลังฝ่ายหลวงพ่อซึ่งขาดแคลนทั้งอาวุธและกำลังคนที่ตายลงไปเรื่อยๆจากการปะทะแต่ละครั้งก็เริ่มอ่อนแอลง    หลวงพ่อต้องหลบอยู่ตามเทือกเขาเมืองตองอู จนถูกจับได้ในที่สุด
วาระสุดท้ายของหลวงพ่อมยันชอง ก็คือถูกตัดสินอย่างอาชญากร คือประหารชีวิตด้วยการแขวนคอประจานหน้าสถานีตำรวจเมืองจายก์โต ที่หลวงพ่อเคยได้รับชัยชนะจนข้าหลวงฝรั่งต้องหนีแจ้นเอาชีวิตรอดมาแล้ว      หลวงพ่อต้องพลีชีวิตเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 1886   ในฐานะดาค้อยท์ในสายตาอังกฤษ และวีรบุรุษในสายตาประชาชนพม่า


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ม.ค. 13, 14:47
กืนเนื้อที่ฝ่าย"ภาพ"  ด้วยการเอาภาพประกอบมาดูกันบ้าง  

รูปนี้คืออาวุธของดาค้อยท์พม่าที่อังกฤษยึดได้    เห็นแล้ว อยากจะถามว่าเป็นอาวุธร่วมสมัยกับอยุธยาตอนปลาย สมัยอลองพญารึเปล่าเนี่ย  หรือว่าจะถอยหลังไปถึงสมัยบุเรงนอง


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ม.ค. 13, 14:50
ทหารอังกฤษกับซีปอยปราบดาค้อยท์
รูปล่าง  ทหารฝรั่งสะพายกระสุนกันเป็นตับ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ม.ค. 13, 15:31
ยังสงสัยอยู่อีกเรื่องหนึ่ง ว่าด้วยฝีมือการรบของขบวนการสงฆ์พม่า

ถ้าพูดเรื่องการศึกษา   พระพม่าก็คงเช่นเดียวกับพระไทยคือได้เล่าเรียนเขียนอ่าน  เพราะต้องศึกษาพระไตรปิฎก      ดังนั้นหลวงพ่อมยันชองมีพระราชโองการพระเจ้าสีป่ออยู่ในมือก็ไม่แปลก   จะอ่านเองลอกเองก็สะดวกง่ายดายอยู่แล้ว      แต่ด้านการรบล่ะ?

กองทัพของพระอาจารย์/หลวงพ่อเหล่านี้มีพระสงฆ์ลูกวัดเป็นทหารในกองทัพด้วยอย่างไม่มีข้อสงสัย     เป็นไปไม่ได้ที่หลวงพ่อเจ้าอาวาสแต่ละวัดจะทิ้งวัดออกรบอยู่รูปเดียว  ส่วนพระลูกวัดอื่นๆก็ทำวัตรเช้าวัตรเย็นกันในวัดไปตามปกติ     ในยามศึก หลวงพ่อวัดไหนลงมือรวบรวมไพร่พล  พระลูกวัดทั้งวัดก็ต้องเข้าไปสมทบเป็นพลทหารหรือนายสิบอยู่ด้วย
คำถามคือพวกนี้เรียนการต่อสู้มาจากไหน    ยังไงก็ต้องมีพื้นฐานบ้างไม่มากก็น้อย    เพราะจะให้เรียนพระปริยัติอย่างเดียว ไม่เคยแตะอะไรอีก   เห็นทีว่าใจคงไม่ถึง จนกล้าออกสนามรบ

ดิฉันก็เลยคิดว่าในวัด น่าจะมีวิชาต่างๆที่สอนรวมทั้งศิลปะการป้องกันตัวด้วย   หรืออย่างน้อย..เอ้า....ศิลปะมวย หรือกระบี่กระบอง  ให้เณรออกกำลังกายกัน   อาจจะเพิ่มเติมถึงขั้นเพลงอาวุธ     ทำนองเดียวกับมหาเถรกุโสดอที่เป็นอาจารย์ของจะเด็ด และมังตรา  ถ่ายทอดศิลปวิทยาการให้ลูกศิษย์
นึกเลยไปถึงหลวงจีนวัดเส้าหลินเสียแล้ว     เลยขอหยุดตรงนี้ดีกว่าค่ะ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ม.ค. 13, 10:09
ขบวนการกู้ชาติของพม่าแม้ว่ากระจายไปทั่วพม่า แต่ก็ถูกปราบปรามจนกระทั่งค่อยๆหายกันไปทีละกลุ่ม     วิธีปราบปรามของอังกฤษนอกจากมีอาวุธเหนือกว่า  ระดมพลจากอินเดียเข้ามามากกว่า รวมแล้วเป็นจำนวนหลายหมื่น ก็ยัง "เชือดไก่ให้ลิงดู" ชนิดไม่ปรานีปราศรัย   เหมือนกับชนชาวพม่าเป็นอะไรอีกอย่างที่ไม่ใช่มนุษย์มีเลือดเนื้อมีชีวิตเหมือนกัน   
 
ในช่วงการกวาดล้างฝ่ายต่อต้าน   อังกฤษยิงทิ้งโจรที่จับได้วันละหลายราย   ตายแล้วศพก็ถูกแห่ประจานไปรอบเมืองเพื่อให้ชาวบ้านหวาดกลัว จะได้ไม่กล้าเอาเยี่ยงอย่าง     ความโหดเหี้ยมมีมากถึงขั้นที่ว่า เพียงแค่สงสัยว่าชาวบ้านคนไหนเป็นฝ่ายตรงข้าม ก็ลากตัวมายิงทิ้งได้เลยโดยไม่ต้องหาหลักฐานให้เสียเวลา    วิธีนี้อังกฤษเห็นว่าได้ผลชะงัด ที่จะทำให้ประชาชนตกอยู่ในความกลัว  ยอมสงบอยู่ใต้การปกครองอย่างไม่มีเงื่อนไข

วิธีนี้ดำเนินอยู่ยาวนานถึง 11 ปี  กว่าอังกฤษจะกวาดล้างดาค้อยท์ลงไปได้หมดประเทศ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ม.ค. 13, 11:51
นอกจากเจ้าชายเชื้อสายราชวงศ์คองบอง  พระสงฆ์สำคัญๆ แล้ว  ดาค้อยท์ยังรวมถึงสามัญชนที่ลุกฮือขึ้นต่อต้านอังกฤษทั่วประเทศอีกด้วย   ขอยกตัวอย่างมาสักรายหนึ่ง ที่ขึ้นชื่ออยู่ในประวัติศาสตร์พม่าในช่วงนี้
ดาค้อยท์คนนี้ชื่อโบส่วย (Bo Swe)  เขาเป็น thugyi  หัวหน้าหมู่บ้าน  หรือทางไทยน่าจะเทียบได้กับกำนัน  โบส่วยสืบตระกูลกันมาหลายชั่วคนในหมู่บ้านมินดัต ติดเขตแดนพม่าตอนล่าง     เขาไม่เคยเห็นด้วยเลยที่อังกฤษรุกรานพม่ามาตั้งแต่ยึดพม่าเหนือนั่นเลยทีเดียว  ก็ต่อต้านมาตลอด ขนาดลอบโจมตีก่อกวนทหารอังกฤษทางชายแดนอยู่หลายครั้ง
 
จนอังกฤษยึดมัณฑะเลย์ได้ อังกฤษเรียกตัวโบส่วยไปสอบสวน ตักเตือนให้เลิกกระทำการ ก่อนปล่อยตัวกลับหมู่บ้าน  แต่แทนที่โบส่วยจะยอมจำนนเพราะเห็นพม่าตกเป็นเมืองขึ้นไปเรียบร้อยแล้ว    กลับฮึดสู้  ไปซ่องสุมผู้คนอยู่บนเทือกเขาทุรกันดาร ซึ่งเป็นที่ที่เขาจะได้เปรียบทหารอังกฤษ
หนึ่งเดือนหลังมัณฑเลย์ถูกยึด    โบส่วยก็คุมกำลังเข้ายึดสถานีตำรวจของอังกฤษที่ชายแดน  ปะทะกับนายทหารที่ประจำอยู่    สามารถยิงนายทหารผู้บังคับการที่นั่นบาดเจ็บได้ ก่อนจะต้องล่าถอยไปเมื่อมีกำลังทหารมาสมทบตีโต้เขา

โบส่วยมีกำลังน้อยกว่า  จึงใช้วิธีแบบกองโจร คุมลูกน้องเข้าโจมตีทหารอังกฤษที่ประจำอยู่ตามเมืองต่างๆ   แหย่เข้าไปให้ระส่ำระสาย  เปลืองกำลังพลแล้วก็ถอยหนีกลับขึ้นไปซุ่มซ่อนตัวบนเทือกเขา   ผลงานของโบส่วยผู้ชำนาญภูมิประเทศมากกว่ากลายเป็นหนามยอกอกอังกฤษจนตั้งค่าหัวให้ถึง 5000 รูปี     โบส่วยก็สวนกลับไม่น้อยหน้า  ตั้งค่าหัวนายแฟร์ รองข้าหลวงอังกฤษประจำเขตเป็นเงิน 500 รูปี


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 20 ม.ค. 13, 06:46
ผมขอคั่นรายการสักเล็กน้อยนะครับ เพื่อเอาภาพเก็บตกมาสลับฉาก
ภาพเหล่านี้น่าจะอยู่ตามคคห.ที่ผมบรรยายผ่านมาแล้ว แต่ไม่เป็นไร ดูกันตอนนี้ก็ได้


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 20 ม.ค. 13, 06:48
ความคิดเห็นที่ 116
อ้างถึง
กองเรือรบได้ยาตราผ่านเมืองปาท่องโก๋ Pakokko ในวันที่๒๔ ข่าวว่าที่นั่นมีทหารจากมัณฑเลย์ประมาณ๑๐๐๐นายถูกส่งมารักษาการ แต่ทหารพวกนี้ก็หลบเอาตัวรอดไปแล้วในทันทีที่เห็นกองเรือขนาดมหึมาโผล่คุ้งน้ำเข้ามา บ่ายคล้อยของวันนั้นเองกองเรือก็เข้าสู่เขตเมืองสำคัญที่ตั้งควบคุมบริเวณที่แม่น้ำสำคัญสองสาย คืออิระวดีกับชินวินมาบรรจบกัน ชื่อว่าเมืองเมียงยาน รายงานของอังกฤษระบุว่าพม่าได้มาตั้งค่ายทหารรออยู่

ภาพค่ายดังกล่าวที่เป็นแค่มูลดินกำบังกระสุนที่พม่าทิ้งไว้ ใต้ภาพบอกว่ามีธงขาวปักไว้ด้วย


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 20 ม.ค. 13, 06:50
ความคิดเห็นที่ 121
อ้างถึง
วันที่๒๖พฤศจิกายน
กองเรืออังกฤษเคลื่อนขบวนต่อจากเมียงยานไปนิดเดียวก็ผ่านหมู่บ้านยันดาโบ จุดที่สงครามอังกฤษกับพม่าครั้งแรกในปี๑๘๒๖ยุติลงด้วยการทำสนธิสัญญาต่อกัน สักพักหนึ่งก็เห็นเรือเร็วของพม่าขนาด๔๔ฝีพาย ปักธงขาวที่หัวเรือและอัญเชิญธงประจำพระองค์ไว้ท้ายเรือวิ่งตรงเข้ามาหา ที่นั่งวีไอพีนั้น ขุนทหารสองนายนั่งวางท่าเหมือนหุ่นขี้ผึ้งอยู่ ปรากฏนามที่คนไทยเรียกขานได้สบายๆสไตน์นวรัตนดอทซีว่า ขวากเมือง อัศวินหวุ่น(Kyaukmyaung Atwin Wun) สองพยางค์หลังนี้เป็นชื่อตำแหน่ง อีกคนหนึ่งชื่อ เว็จไม่สุด หวุ่นดวก (Wetmasut Wundauk) ทั้งคู่ถอดรองเท้าของตนออกก่อนที่จะขึ้นมาบนเรือของแม่ทัพอังกฤษ เพื่อยื่นสาส์นให้แก่นายพลเพรนเดอกาสต์ (General Prendergast) และพันเอกสลาเดน (Colonel Sladen)

ภาพเรือรบของพม่าลำที่ว่าข้างบน คือลำนี้เลยละครับ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 20 ม.ค. 13, 07:02
ความคิดเห็นที่ 134
อ้างถึง
๒๘ พฤศจิกายน

๑๐โมงเช้า กองเรืออังกฤษก็มาถึงฝั่งแม่น้ำหน้าเมืองมัณฑเลย์แต่ทหารยังคงเตรียมพร้อมอยู่ในเรือ ชาวบ้านที่อยากรู้อยากเห็นก็พากันมาไทยมุงอย่างเฉยเมยเหมือนดูเขาเล่นหนังเล่นละครกัน ใครจะไปใครจะอยู่กูก็ไม่เกี่ยว  ก่อนหน้านี้มีพระราชโองการมาป่าวประกาศไม่ให้ผู้ใดต่อต้านขัดขืนกองทัพอังกฤษ ฉะนั้นฉากบู๊จึงไม่น่าจะเกิดขึ้น

ภาพอังกฤษขณะยกพลขึ้นบกอีกรูปหนึ่ง มีชาวบ้านมานั่งเฝ้าชมเหมือนมาดูพิธีต้อนรับเมียรัฐมนตรีที่จะมาเป็นประธานในงานทอดกฐินของวัดประจำหมู่บ้าน


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 20 ม.ค. 13, 07:07
ความคิดเห็นที่ 158
อ้างถึง
๑๐.๑๕น. ของวันที่๒๙พฤศจิกายน นั้นเอง นายพลเพรนเดอกาสต์ก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูใหญ่ของพระราชวังซึ่งอยู่ทิศตะวันออก พร้อมนายทหารระดับผู้บังคับบัญชา และพร้อมกันเดินตบเท้าเข้าประตูสีชาด ซึ่งเป็นพระทวารเข้าสู่พระราชฐานชั้นใน

ภาพกองทหารขณะเดินแถวมาถึงกำแพงเมืองชั้นนอก นายพลนายพลเพรนเดอกาสต์นั่งอยู่บนหลังม้า มีชาวเมือง(ดูท่าจะเป็นชาวยุโรปนะ)มาขอจับมือแสดงความยินดี


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 20 ม.ค. 13, 07:11
นี่ก็ภาพเหตุการณ์ในวันนั้น น่าจะเป็นตอนขึ้นจากเรือใหม่ๆ

บรรยายใต้ภาพว่าข้าราชการชาวพม่ามาแสดงความยินดี


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 20 ม.ค. 13, 07:16
เหตุการณ์เดียวกันที่หน้าประตูเมือง

อ้าว ภาพบนเป็นคนยุโรป ภาพนี้เป็นพม่าไปซะแล้ว


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 20 ม.ค. 13, 07:51
ภาพชุดสุดท้ายก่อนกลับไปเรื่องขบวนการกู้ชาติพม่านะครับ

ข้างล่างเป็นภาพภายในคุก"เล็ตมายูน"อันมีชื่อเสียงของมัณฑเลย์ ซึ่งเป็นคุกที่ไม่จำเป็นต้องมีลูกกรงในห้องจองจำนักโทษ และปรากฏว่ามีฝรั่งมิชชันนารีได้เข้าไปเป็นนักโทษในคุกนี้ด้วย ดังนั้น การยึดครองพม่าเพื่อปลดปล่อยคุกเล็ตมายูน อังกฤษจึงถือว่าเป็นความชอบธรรมประการหนึ่ง

แต่แล้วอังกฤษก็อดมิได้ที่จะใช้วิธีโหดเหี้ยมปานกันเพื่อกำหราบพม่าดาค้อยต์


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 20 ม.ค. 13, 07:56
อย่างเช่นเอาพวกดาคอนต์ที่รบเก่งๆ ฆ่าทหารอังกฤษไปหลายนาย ไปทำพม่าแดดเดียวที่ทางสามแพร่งเป็นต้น


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 20 ม.ค. 13, 07:58
ทุกสมรภูมิรบนั้น ส่วนใหญ่แล้วก็ไม่เอาไว้เชลย


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 20 ม.ค. 13, 08:05
หมู่บ้านใดที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นผู้สนับสนุนขบวนการกู้ชาตินั้น จะเผาทิ้งแล้วกวาดต้อนชาวบ้านไปอยู่ถิ่นอื่นให้ไกลออกไปยังพม่าใต้ ซึ่งเป็นเขตปกครองของอังกฤษ ซึ่งกำลังมีโครงการมากมายที่จะพัฒนาและต้องการแรงงานราคาถูกเป็นจำนวนมาก

พวกที่ยังไม่ไว้ใจ ก็จะนำใส่เรือไปขังในคุกของเมืองแรงกูน


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 20 ม.ค. 13, 08:13
พวกดาคอยท์ที่มอบตัว อังกฤษถือเป็นนักโทษมีจำนวนน้อยมาก


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 20 ม.ค. 13, 08:15
พวกนี้จะอยู่ในคุกหลายปี กว่าอังกฤษจะแน่ใจว่าสิ้นพิษสงแล้วจึงให้อิสระภาพ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 20 ม.ค. 13, 10:25
อย่างเช่นเอาพวกดาคอนต์ที่รบเก่งๆ ฆ่าทหารอังกฤษไปหลายนาย ไปทำพม่าแดดเดียวที่ทางสามแพร่งเป็นต้น

เคยเห็นภาพเดียวกันนี้ แบบเน่าเฟะ ครับ  :-X


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: art47 ที่ 20 ม.ค. 13, 11:28
อย่างเช่นเอาพวกดาคอนต์ที่รบเก่งๆ ฆ่าทหารอังกฤษไปหลายนาย ไปทำพม่าแดดเดียวที่ทางสามแพร่งเป็นต้น

เคยเห็นภาพเดียวกันนี้ แบบเน่าเฟะ ครับ  :-X

อยากเห็น :-\


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 20 ม.ค. 13, 11:37
^
ไอ๋หย้า


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 20 ม.ค. 13, 17:03
อยากเห็นด้วยคนครับ  ;)  :-*


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 20 ม.ค. 13, 18:30
เอ้า..จัดแบบนี้ให้ก็แล้วกัน


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ม.ค. 13, 20:14
^
กลายเป็นพม่าห้าดาว(ย่าง)ไปแล้ว  :P

ต่อจากค.ห. 301    
น่าชมเชยโบส่วยอยู่อย่างหนึ่งว่า   ในวัย 50 กว่าปี ซึ่งในสมัยปลายศตวรรษที่ 19 ก็ถือว่าชราพอๆกับ 70 กว่า   โบส่วยจะเลือกเล่นบทกำนันผู้ใหญ่บ้านนั่งเคี้ยวหมาก เล่นกับหลานๆไปวันๆก็จะไม่มีใครว่า   ชีวิตความเป็นอยู่ในหมู่บ้านบ้านนอก   ไม่เปลี่ยนแปลงมากนักไม่ว่าคนครอบครองเป็นพระเจ้าสีป่อง หรือทหารอังกฤษ     เคยลำบากหรือสบายในด้านไหนก็อยู่อย่างนั้นไปตามประสาพวกเขา

โบส่วยกลับเลือกที่จะจับอาวุธขึ้นต่อสู้   เพื่อปกป้องแผ่นดินและต่อต้านผู้รุกราน   ยอมทิ้งบ้านช่องไปซ่อนตัวอยู่อย่างลำบากลำบนกลางเทือกเขา       ทั้งๆเขาก็รู้ว่าหนทางจะชนะนับเป็นศูนย์    ไม่ว่าด้วยอาวุธสมัยพระเจ้าเหา  ผู้คนที่รวบรวมมาได้เป็นจำนวนหลักร้อย   เสบียงอาหารก็ขาดแคลน  เงินทองก็ไม่มี     แถมยังถูกล่าตัวตั้งค่าหัว    
แต่โบส่วยก็ไม่ย่อท้อต่อความเสียเปรียบเหล่านี้   ยังคงคุมลูกบ้านเข้าปะทะกับทหารอังกฤษอย่างสุดชีวิต   ผลคือวีรกรรมที่เมืองงาเป     โบส่วยสามารถเด็ดชีวิตฝ่ายอังกฤษไปถึง 8 ราย แถมบาดเจ็บอีก 26 ราย  ซึ่งถือเป็นความสูญเสียอย่างหนักของอังกฤษ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ม.ค. 13, 20:21
โบส่วยกลายเป็นกระดูกหมูชิ้นใหญ่ขวางคอหอยฝรั่ง  ให้กลืนไม่เข้าคายไม่ออก    จนถึงขั้นรองเจ้าเมืองชาวอังกฤษเล่นไม้นวม ขอประนีประนอม   ด้วยการตั้งเงื่อนไขล่อใจให้โบส่วยทำตัวเป็นผู้กลับใจ ออกจากป่ามาช่วยราชการบ้านเมือง แล้วจะตั้งเป็นผู้ช่วยข้าหลวงเมืองงาเป    ไม่เอาโทษทั้งเขาและลูกน้องอีก     

ถ้าเป็นคนที่ใจอ่อนกว่าโบส่วยก็คงจะออกจากป่าด้วยความยินดี   ได้ทั้งเงินได้ทั้งกล่องแบบนี้หาได้ง่ายๆที่ไหน  จากกำนันกลายเป็นซี 9 แบบนี้   แต่โบส่วยปฏิเสธอย่างไม่ไยดี      ตั้งหน้าตั้งตารบกับฝรั่งไม่คิดชีวิตต่อไป
อังกฤษเห็นโบส่วยไม่เอาด้วยแน่ ก็ใช้กลวิธีเดิมๆคือทุ่มกำลังทหารทั้งทหารม้าและทหารราบม้าจากอินเดียเข้ามาเริ่มกวาดล้างดาค้อยท์      ตามล่าโบส่วยและพรรคพวกราวกับเหล่าพรานล่าสัตว์ผิวขาวบุกเข้าอินเดียไปยิงเสือตามสบาย     ในเมื่ออังกฤษทุ่มกำลังหนัก  น้ำน้อยอย่างโบส่วยก็ต้องแพ้ไฟเป็นธรรมดา

เมื่อกองทหารอังกฤษจู่โจมเข้าล้อมจับที่มั่นสุดท้ายของโบส่วย    โบส่วยกับลูกน้องเดนตาย 10 คนก็ต่อสู้จนตัวตาย ไม่ยอมให้ถูกจับกุม   เป็นอันจบชีวิตวีรบุรุษชาวบ้านแต่เพียงนี้


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ม.ค. 13, 20:35
ดาค้อยท์ระดับผู้นำชาวบ้านมีอีกหลายคน    ทุกคนพยายามกู้ชาติคล้ายๆกัน คือพาลูกบ้านจับอาวุธตามมีตามเกิดขึ้นต่อสู้กับทหารอังกฤษ    ในตอนแรกก็ก่อความเสียหายให้อังกฤษมากพอดู   แต่อังกฤษก็ใช้วิธีเอาไฟล้อมน้ำน้อยบ้าง  ปิดประตูตีแมวบ้าง    ดาค้อยท์บางคนก็ต้องยอมจำนน เมื่อจนมุม   แล้วถูกส่งตัวเข้าคุกไปอยู่อย่างทรมานทรกรรมในนั้น       แต่บางคนก็เลือกยอมตายในสมรภูมิดีกว่าถูกจับเป็นเชลย

สงครามกองโจรดาค้อยท์เหล่านี้ดำเนินอยู่ 11 ปีกว่าอังกฤษจะปราบได้ราบคาบ      แม้ยึดเมืองหลวงและจับพระเจ้าสีป่อได้ง่าย  แต่รอบๆเมืองหลวง และรอบบัลลังก์นั้นไม่ง่ายเลย 
เรื่องนี้ แม้ว่าพระเอกดาค้อยท์ตายตอนจบกันทุกคน     แต่ก็ตายอย่างวีรบุรุษ  ตายเพื่อปกป้องราชบัลลังก์และแผ่นดิน    ได้คะแนนนิยมจากคนโพสต์ไปมากโข ชนิดกวาดเรียบไม่เหลือคะแนนไว้ให้ฝ่ายชนะเอาเลย     ทั้งๆด้านอื่นดิฉันก็ชอบอังกฤษมาก โดยเฉพาะทางด้านวรรณคดี   และวัฒนธรรมหลายอย่าง

ต่อไปนี้ขอส่งเวทีคืนกลับไปสไตล์นวรัตนดอทซี เจ้าของกระทู้   ตามที่แฟนานุแฟนรออยู่   ใช้เนื้อที่บนเวทีมามากพอแล้ว
แต่มีโอกาสเมื่อไหร่จะขอแยกซอยไปเล่าว่าอังกฤษคิดยังไง ที่พี่ท่านมองเท่าไหร่ก็เห็นตัวเองเป็นพระเอก   ส่วนอาณานิคมนั้นเป็นผู้ร้ายไปซะเฉยเลย


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ม.ค. 13, 08:18
เรื่องสำคัญที่ลอร์ดดัฟฟริน อุปราชแห่งอินเดียรีบออกเดินทางไปมัณฑเลย์โดยด่วน และจัดประชุมบรรดาขุนทหารและกุนซือใหญ่ซะหลายวันคือ เรื่องกำหนดนโยบายที่จะบริหารปกครองพม่า เพราะขณะนั้นมีเรื่องการปะทุของกลุ่มกองกำลังติดอาวุธขึ้นมาต่อต้านอังกฤษเกิดขึ้นแล้ว ดังที่ท่านอาจารย์ใหญ่เล่าให้ฟังข้างบนนั่น  และยังมีคำถามที่คนทั้งปวงรอคำตอบก็คือ จะปกครองพม่าโดยยกผู้ใดผู้หนึ่งขึ้นเป็นกษัตริย์แทนพระเจ้าสีป่อหรือไม่ เรื่องนี้ท่านลอร์ดฟันธงไปเลยว่าไม่ แถมยังให้ผนวกเอาพม่าเข้าเป็นมณฑลหนึ่งของราชอาณาจักรอินเดียของอังกฤษไปเลย แค่เสนอญัตติเดียวนี้ที่ประชุมก็อภิปรายกันได้เป็นวัน ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย พอนายใหญ่ฟังพวกตัวรองๆถกเถียงกันเหน็ดเหนื่อยแล้ว ก็ทุบโต๊ะสรุปว่า ให้แบ่งราชอาณาจักรพม่าเดิมออกเป็นสองเขต คือเขตรัฐพม่าแท้ๆแต่ให้ผนวกรัฐมอญกับรัฐยะไข่(หรืออารกัน)ไปด้วย ส่วนอีกเขตหนึ่งเรียกว่า เขตภูเขาหรือเขตชายแดน ซึ่งได้แก่นครรัฐที่เป็นเมืองขึ้นของพม่าทั้งหมด ได้แก่พวกไทใหญ่(ฉาน) คะฉิ่น ชิน กะเหรี่ยง คะยา ส่วนพวกปลีกย่อยหลังเขาไปไกลๆเช่น พวกยวน ลื้อ เขิน นาคา อาข่า ลีซอ มูเซอ อะไรเหล่านั้น ให้ปล่อยไว้ก่อน

นายใหญ่ได้อรรถาธิบายแผนการซึ่งเรียกขานด้วยความภูมิอกภูมิใจว่า “นโยบายการแบ่งแยกและปกครอง” (divide and rule) ที่อังกฤษใช้สำเร็จเป็นอย่างดีมาแล้วในอินเดีย เพราะพวกแขกจะพะวงถึงเรื่องการฆ่ากันเองก่อนจะฆ่าคนอังกฤษ บัดนี้ตนได้ผสมสูตรสำเร็จสำหรับที่จะใช้ในพม่ามาให้ปฏิบัติเรียบร้อยแล้ว

ด้วยเหตุนี้ จึงมีนครรัฐเสรีภายใต้การคุ้มครองของอังกฤษเกิดขึ้นคือชิน คะฉิ่น สาละวิน ส่วนฉานได้เป็นสมาพันธรัฐ สำหรับกระเหรียงหลังเขาติดชายแดนสยามไม่มีไม้สักหรือบ่อพลอย ให้เป็นอิสระไปเลย การมองการณ์ไกลของนายใหญ่นี้วิเศษมาก เพราะบัดนี้บนแผ่นดินพม่าที่เปลี่ยนชื่อเรียกแก้เคล็ดขัดยอกเป็นสหภาพเมียนมาร์นั้น ก็ยังฆ่ากันอยู่ หาได้เลิกราไม่


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ม.ค. 13, 08:37
ในเขตพม่าแท้ซึ่งเป็นแผ่นดินทองอู่ข้าวอู่น้ำนั้น ลอร์ดดัฟฟรินได้แต่งตั้งข้าหลวงใหญ่อังกฤษ และข้าหลวงจังหวัดเข้าปกครองเมืองต่างๆ ให้เอาข้าราชการเก่าพม่าที่ยอมสวามิภักดิ์เป็นหนังหน้าไฟเข้าชนกับราษฎรทั้งเรื่องให้คุณให้โทษ แต่มีคนอังกฤษหรืออินเดียเป็นนายคอยกำกับอีกทีนึง โดยมีกองกำลังทหารและตำรวจแขกสนับสนุน  ขณะที่การปกครองในเขตภูเขาหรือชายแดน ซึ่งยากลำบากที่จะหักเอาด้วยกำลังทหาร จะใช้การปกครองโดยอ้อม คือ ปล่อยให้เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินของเมือง หรือแคว้นที่เคยปกครองกันมาแต่ดั้งเดิมดำรงสถานะต่อไป แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องอยู่ภายใต้การคุ้มครองของกองทัพอังกฤษและปฏิบัติตามคำแนะนำของที่ปรึกษาที่อังกฤษแต่งตั้งขึ้น ด้วยวิธีนี้ อังกฤษก็จะได้ทรัพยากรสำคัญคือไม้สักไปโดยไม่ต้องรบ เอางบประมาณทางการทหารที่หากจะต้องจัดไว้ในระดับเตรียมทำสงครามไปส่วยพวกเจ้าฟ้าพญาเมืองจะดีกว่า ประหยัดกว่า

เมื่อที่ประชุมเงียบลงแล้ว ก็แต่งตั้งแม่ทัพนายกองออกไปประจำเมืองหลักและหัวเมืองสำคัญต่างๆ และสั่งการกำชับให้ผู้รับผิดชอบออกไปทำการเจรจาต้าอวยกับบรรดาเจ้าทั้งหลายในรัฐฉานและคะฉิ่นโดยเร็ว เพื่อเสนอผลประโยชน์ที่ดีกว่าให้ก่อนที่พวกเจ้านายพม่าดาค้อยท์จะไปติดสินบน ระดมกำลังจากเมืองเหล่านั้นมาเล่นงานอังกฤษ

เมื่อลงตัวแล้วก็เรียกประชุมใหญ่ ออกท้องพระโรงแจ้งให้ข้าราชการพม่าสวามิภักดิ์รับทราบ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ม.ค. 13, 09:52
เมื่อส่งนายใหญ่กลับออกไปยังถิ่นพำนักนอกประเทศแล้ว พวกข้าราชการทหารตำรวจก็เริ่มปฏิบัติการตามแผนยุทธการ ในภาพนายทหารระดับผู้บัญชาการไปพบพระราชาคณะผู้เป็นใหญ่แห่งสงฆ์พม่าทั้งปวงเพื่อขอความร่วมมือ

ความจริงสงฆ์พม่าส่วนใหญ่ท่านไม่เอาด้วยกับการเมืองเรื่องปาณาติบาตอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าท่านจะมุ่งนิพพานสถานเดียวโดยไม่อินังขังขอบกับทุกข์เฉพาะหน้าของชาวบ้าน แต่เป็นเพราะศีลของท่านกำกับการควรไม่ควรในการประพฤติปฏิบัติให้สมสมณสารูปอยู่ ท่านคงมีวิธีการของท่านโดยไม่จำเป็นต้องออกไปเป็นหัวหน้าดาค้อยท์ เพราะไม่ว่าอย่างไร คงจะหาสถาบันใดที่จะเป็นที่พึ่งทางใจให้คนในชาติได้เทียบเทียมสถาบันศาสนาไม่

คำตอบที่อังกฤษได้รับในวันนั้น ก็คงไม่ได้ช่วยอะไร พระที่ออกไปเป็นหัวหน้าพม่าดาค้อยท์ก็คงไม่รับฟังคำแนะนำตักเตือนของคณะสงฆ์อยู่แล้ว


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ม.ค. 13, 09:56
หลังจากนั้น ก็มีการออกไปป่าวประกาศประชาสัมพันธ์แก่ชาวบ้านชาวเมือง สมัยนี้เรียกว่าการปฏิบัติการทางจิตวิทยา สมัยโน้นเรียกสั้นๆว่า ขู่


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 21 ม.ค. 13, 09:57
เอ้า..จัดแบบนี้ให้ก็แล้วกัน

มันเป็นภาพที่ไม่ค่อยงดงามเท่าไรดอกครับ ภาพไก่ย่างนี่น่ารับประทานกว่าเยอะเลย  8)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ม.ค. 13, 10:10
รูปพม่าดาค้อยท์ที่ถูกขึงขาหย่างตากแดด เวปฝรั่งบางเวปอธิบายว่าเป็นพวกผู้ก่อการร้ายที่ถือโอกาสเข้าปล้นบ้านเรือนราษฏร ถูกชาวบ้านจับได้แล้วเอามาลงโทษ ผมอ่านแล้วไม่เชื่อเพราะตากล้องที่ถ่ายภาพดังกล่าวเป็นฝรั่งแท้แน่นอน ถ้าเป็นอารยะชนจริงแล้วไปเห็นอย่างนั้น ต้องช่วยเหลือเอาลงมาก่อน ไม่ใช่มัวแต่ถ่ายรูป

นี่ขนาดไม่เคยเห็นรูปที่คุณสยามหนุ่มว่า ถ้ามีรูปที่ถ่ายหลังจากนั้นด้วยแล้ว ก็ชัดแจ้งว่าอังกฤษเป็นจอมบงการประหารเชลยด้วยวิธีการป่าเถื่อนนี้จริงๆ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ม.ค. 13, 10:28
ก่อนลงมือปฏิบัติการ ก็ลงมือซ้อมรบเป็นการข่มขวัญศัตรูไปในตัว แค่เครื่องแบบก็กินขาดแล้ว



กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 21 ม.ค. 13, 10:32
นี่ขนาดไม่เคยเห็นรูปที่คุณสยามหนุ่มว่า ถ้ามีรูปที่ถ่ายหลังจากนั้นด้วยแล้ว ก็ชัดแจ้งว่าอังกฤษเป็นจอมบงการประหารเชลยด้วยวิธีการป่าเถื่อนนี้จริงๆ

ภาพอันน่าสยดสยองเหล่านี้ เมื่อปรากฏในสื่อของอังกฤษก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างอื้ออึง  หนังสือพิมพ์ไทมส์ของลอนดอน ฉบับวันที่ ๒๑ มกราคม ค.ศ. ๑๘๘๖ ตีพิมพ์รายงานของนายมอยแลน (Moyan) ผู้สื่อข่าวในพม่าตอนหนึ่งว่า "ภาพอันสยดสยองพองขนที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกจากการประหารชีวิตที่เจ้ากรมสารวัตรทหารสั่งการนั้น เป็นสิ่งที่น่าอัปยศอดสูยิ่งนัก" ยังมีรายงานต่อไปอีกว่า หลายครั้งที่เจ้ากรมสารวัตรทหารซึ่งเป็นช่างภาพสมัครเล่นตัวยง สั่งให้ชลอการประหารชีวิต เพื่อจะได้จัดวางตำแหน่งกล้องเล็งไปที่ตัวนักโทษ และลั่นไกกล้องในจังหวะเดียวกันที่คำสั่งยิงเป้าดังขึ้น

ภาพที่ว่าน่าจะเป็นภาพนี้

ที่แน่ชัดว่าเป็นระดับหัวหน้าก็ประหารเสีย ในข้อหาซ่องโจรก่อการร้ายปล้นฆ่าบ่อนทำลายบ้านเมืองและความสุขของประชาชน โดยเอาไปยิงทิ้งที่ริมกำแพงเมืองให้ชาวบ้านชาวเมืองเห็นกันจะจะ

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5490.0;attach=38528;image)

เจ้ากรมสารวัตรทหารในทีนี้คือ Willoughby Wallace Hooper (http://www.museumsyndicate.com/artist.php?artist=1122)

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม18.png)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ม.ค. 13, 10:35
^

สมัยโน้นเรียกว่าการปฏิบัติการทางจิตวิทยา สมัยนี้เรียกสั้นๆว่าปฏิบัติการโหด

ภาพล่าง
ทหารปืนใหญ่ แม้จะกระบอกเล็กกว่า แต่เบา เคลื่อนย้ายได้ง่าย ยิงด้วยกระสุนกระทบแตก อานุภาพการทำลายชีวิตสูง
เครื่องแบบที่ใส่ ราวกับจะไปสวนสนามของทหารรักษาพระองค์

พม่าเห็นแล้วก็ครั่นคร้าม แต่ก็ใช่ว่าจะหัวหด


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ม.ค. 13, 11:15
เห็นฝรั่งมังฆ้องซ้อมรบกันเอิกเริกเพื่อทำสงครามกับพวกพม่าดาค้อยท์  ชาวบ้านก็ระดมพลสวนสนามแต่งเต็มยศพร้อมอาวุธครบมือ อวดแสนยานุภาพมั่ง ใครจะรบกับใครก็ว่าไปแต่จะมารังแกพวกข้อยเป็นได้เห็นดีกัน


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ม.ค. 13, 11:22
บ้างก็มีการสร้างรั้วป้องกันอย่างแข็งแรง(ตามข่าว) สุนัขน่ะคงผ่านไม่ได้แน่ แต่คนนี่ผมยังสงสัย เอามือฝรั่ง(ที่สวมทอปบู๊ต)ถีบเบาๆจะล้มทั้งแถบหรือเปล่า?


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ม.ค. 13, 11:25
ส่วนหมู่บ้านนี้สร้างแข็งแรงน่านับถือ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ม.ค. 13, 12:23
อังกฤษจะเริ่มปฏิบัติการปลดปล่อยเขตพม่าแท้ที่ตั้งใจเขมือบทั้งหมดก่อน หนึ่งในความเร่งด่วนก็คือการส่งกำลังทหารไปยังโมกอก เมืองที่อุดมไปด้วยเหมืองทับทิมพม่าที่ทุกราชวงศ์หวงแหนนักหนา ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องจะเข้าไปเสนอหน้ามิได้ พลอยทุกเม็ดที่เอาขึ้นมาจากดินต้องขายให้ราชสำนักเท่านั้น เมื่อสิ้นราชวงศ์กษัตริย์ไปแล้วก็เกิดสูญญากาศครั้งใหญ่ ทำให้พลอยดีๆหายไปเข้ากระเป๋าใครต่อใครอังกฤษย่อมทนไม่ได้ที่จะให้ชาติอื่นมาชุบมือเปิบ



กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ม.ค. 13, 12:29
ไม่นานโมกอกก็ถูกกลับมาโดนผูกขาดอีกโดยคนอังกฤษ ที่มีพ่อค้าไปตั้งโต๊ะนั่งรอประมูลซื้อทับทิมถึงที่เหมืองเลย


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ม.ค. 13, 12:36
ส่วนในเรื่องของการปราบปรามพวกพม่าดาค้อยท์นั้น ทหารอังกฤษเคลื่อนกำลังจากค่ายที่เมืองพุกามไปยังท้องที่ต่างๆที่ได้ข่าวว่ามีการซ่องสุมกำลัง หรือมีปฏิบัติการลอบทำร้ายคนอังกฤษ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ม.ค. 13, 12:47
ตอนแรกก็คงไม่ทราบในรายละเอียดหรอกว่า กองกำลังกบฏนี้จัดตั้งขึ้นโดยใครเป็นหัวหน้า ใครเป็นผู้นำ เหตุเกิดที่ไหนก็ตามไปที่นั่น
หลังการกวาดล้างที่มัณฑเลย์แล้ว พวกดาค้อยท์ก็หนีไปตามหัวเมืองต่างๆ ทหารอังกฤษก็จัดกำลังตามไปบดขยี้

ในภาพเป็นการไล่ล่าที่ตองอู เมืองหลวงเก่าที่คนไทยคุ้นชื่อดี อยู่ไม่ไกลพุกามเท่าไหร่ สมเด็จพระนเรศวรทรงเคยมาตั้งค่ายล้อมเมืองนี้เหมือนกัน


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ม.ค. 13, 12:54
นี่เป็นการรบที่ สีดอ(Zeedaw) ผมถามคุณวิกี้แล้ว คุณวิกี้ก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน แต่คงไม่ใช่ช้างก็แล้วกัน


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ม.ค. 13, 15:39
ขอแทรกหน่อย
หน้าตาลอร์ดดัฟฟริน เป็นยังงี้ค่ะ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ม.ค. 13, 15:54
ขอเลี้ยวออกจากถนนใหญ่ ไปลงซอยเล็กๆชื่อว่าอังกฤษกับพระสงฆ์พม่า

เล่าถึงขบวนการสงฆ์กู้ชาติที่อังกฤษประณามว่าเป็นสงฆ์ดาค้อยท์ไปแล้วก่อนหน้านี้      ความจริงพระสงฆ์ที่ท่านไม่มายุ่งกับการเมืองก็มีอยู่อีกมากในพม่า    แต่ความจริงมีอยู่ว่า ถึงท่านไม่ยุ่งกับการเมือง  การเมืองก็ไปยุ่งกับท่านเข้าจนได้     เพราะเมื่ออังกฤษมาเป็นเจ้าเข้าครองแล้ว  ไม่ได้บังคับขับไสเฉพาะพระเจ้าสีป่อเท่านั้น แต่เคี่ยวเข็ญเย็นค่ำกรำไปถึงประมุขของสถาบันสงฆ์คือสมเด็จพระสังฆราชของพม่าในยุคนั้นด้วย

อังกฤษเข้าปกครองพม่าตอนล่างมาระยะเวลานานพอสมควร ก่อนมากลืนพม่าตอนบน   จึงตระหนักว่าในราชอาณาจักรนี้ สถาบันสงฆ์กุมศรัทธาชาวบ้านไว้ไม่น้อยกว่าสถาบันกษัตริย์กุมความจงรักภักดี     ดังนั้นตอนแรกที่ยึดมัณฑเลย์ได้ อังกฤษก็ไม่ได้แตะต้องทำร้ายพระสงฆ์ที่อยู่สงบๆในวัดวาอาราม     ซ้ำยังเอาอกเอาใจด้วยการถวายข้าวสารเสบียงอาหารมิให้ขาดแคลน เมื่อทหารอังกฤษจำเป็นต้องไปเบียดเบียนเนื้อที่ ด้วยการพำนักอยู่ในวัด    และสมทบปัจจัยให้เมื่อวัดต้องการสร้างนั่นสร้างนี่


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ม.ค. 13, 16:05
บุคคลสำคัญที่อังกฤษเล็งว่าจะต้องเอามาเป็นพันธมิตรให้ได้คือพระสังฆราช หรืออดีตพระครูตองธา  พระอุปัชฌาย์ของพระเจ้าสีป่อมาก่อน     พระสังฆราชองค์นี้ท่านอยู่อย่างสงบตามแบบของท่าน ไม่ได้มายุ่งวุ่นวายอะไร  อังกฤษก็เลยมองว่าเป็นคนหัวอ่อน น่าจะเกลี้ยกล่อมมาเป็นพวกได้  ก็เลยคืบเข้าไปด้วยการถวายข้าวสารปัจจัยเอาใจไว้ก่อน  
จากนั้นอังกฤษมานึกได้ว่าตำแหน่งพระสังฆราชนี้เป็นตำแหน่งสถาปนาโดยพระเจ้าสีป่อ   บัดนี้ไม่มีพระเจ้าสีป่อแล้ว  ถ้าจะคงอำนาจพระสังฆราชไว้เพื่อประโยชน์ฝ่ายฝรั่ง  อังกฤษก็ต้องสถาปนาพระสังฆราชเสียเอง จะองค์ใหม่องค์เก่าค่อยว่ากัน     แต่ว่าฝรั่งเป็นคริสตศาสนิกชนไม่ใช่พุทธศาสนิกชน จะมารับรองพระสังฆราชพุทธมันก็ไม่ได้

ลอร์ดดรัฟฟรินก็เลยต้องดิ้นรนหาหนทางออก  ด้วยการสอดส่ายสายตาไปมองว่าใครที่ใหญ่ในฝ่ายพุทธศาสนาพอจะมาทำหน้าที่แทนพระเจ้าสีป่อได้   ในที่สุดก็เล็งไปที่ฮ่องเต้ของจีนซึ่งเป็นชาวพุทธ จะให้มาสถาปนาพระสังฆราชพม่าตามคำบงการของอังกฤษ    แต่ก่อนจะเลอะเทอะกันไปมากกว่านี้   ที่ประชุมผู้บริหารเห็นว่าไปกันใหญ่ก็เลยระงับแผนเสียก่อน


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ม.ค. 13, 16:06
อย่างไรก็ตาม  เมื่อพระสังฆราชมิได้สนใจจะเล่นการเมือง   อังกฤษก็นำการเมืองไปเล่นถึงกุฏิของท่าน   ด้วยการกดดันให้พระสังฆราชลงนามประกาศบัพพาชนียกรรมพระสงฆ์รูปหนึ่งที่ไปสนับสนุน เป็นกำลังหนุนให้ฝ่ายเจ้าชายดาค้อยท์ ที่พม่าเรียกว่าพวกกบฏ
  
นอกจากนี้  อังกฤษยังกดดันให้พระสังฆราชลงนามในประกาศอีกหลายฉบับ  เช่นประกาศให้พระสงฆ์ทั่วประเทศร่วมมือกับฝรั่งอังกฤษ   ประกาศห้ามพระภิกษุสงฆ์ร่วมมือสนับสนุนผู้ต่อต้านอังกฤษไม่ว่ากลุ่มไหน      แต่ในเมื่อประกาศเหล่านี้ทั้งชาวบ้านและพระสงฆ์จำนวนมากมิได้เห็นด้วย  ก็เลยกลายเป็นแค่ใบปลิว   ชาวบ้านที่ต่อต้านอังกฤษก็ต่อต้านต่อไป   พระสงฆ์ที่เข้าร่วมรบเป็นฝ่ายดาค้อยท์ก็ยังรบต่อไป   ไม่รับรู้คำสั่งของพระสังฆราช
มิหนำซ้ำ พระสังฆราชท่านยังเคราะห์ร้าย ถูกชาวบ้านชาวเมืองมองว่าเป็นฝ่ายอังกฤษ  เอาใจออกห่างพม่า   จึงไม่ได้รับการยอมรับนับถือทั้งจากชาวบ้านและพระที่ผละไปเข้าขบวนการกู้ชาติ   ถูกมองว่าเป็น "สังฆราชหุ่น" ของอังกฤษ เท่านั้น

พระสงฆ์ที่ผละจากวัดไปสู่สมรภูมิเหล่านี้    แม้ว่าพ่ายแพ้อังกฤษ ถูกปราบปราม ถูกจับ ถูกประหารเหมือนนักโทษชั้นต่ำ   แต่ท่านก็ทิ้งผลงานต่อต้านอังกฤษเอาไว้ ให้เป็นวีรกรรมในสายตาของพระสงฆ์รุ่นต่อๆมา   ทำให้เกิดเจตนารมณ์ที่จะสืบทอดอุดมการณ์พระสงฆ์เข้าวงการเมืองมาตั้งแต่ยุคนั้น   จนถึงยุคนี้
เพราะฉะนั้นข่าวต่างประเทศที่เสนอภาพพระสงฆ์เดินขบวนประท้วงรัฐบาลก็ดี  พระสงฆ์อดข้าวประท้วงก็ดี  หรือพระสงฆ์เผยแพร่หนังสือหนังหาต่อต้านเหตุการณ์ทางการเมืองก็ดี   โปรดทราบว่ามาจากบทบาทของพระสงฆ์สมัยอาณานิคมนี้เองค่ะ

กลับสู่ถนนใหญ่ตามเดิมค่ะ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 08:39
เป็นเรื่องที่น่าสลดสังเวชแท้

ไม่นานต่อมาในปี๑๙๐๐นั้นเอง ท่านก็ได้ละสังขาร ชาวพม่าในมัณฑเลย์ได้จัดพิธีปลงศพท่านอย่างใหญ่โต


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 09:44
ก่อนจะดำเนินเรื่องประกอบภาพของผมต่อไป ขอนำแผนที่มาให้สังเกตกันอีกสักภาพหนึ่ง เมืองต่างๆที่ผมแสดงตำแหน่งและชื่อไว้ ส่วนใหญ่เป็นเมืองที่คนไทยเราคุ้นชื่ออยู่แล้ว ที่แปลกๆออกไปคือชื่อเมืองที่จะปรากฏในการบรรยายภาพของหนังสือพิมพ์อังกฤษ มีหลายชื่อเหมือนกันที่ฝรั่งเขียนไว้แต่ผมหาไม่เจอ

อย่างไรก็ดี จะเห็นได้ว่า อังกฤษจะวางขอบเขตปฏิบัติการไว้เฉพาะในแถบภูมิประเทศที่ไม่ยากต่อการเข้าถึง โดยถือเส้นทางคมนาคมทางน้ำเป็นสำคัญ ในพื้นที่สีส้มซึ่งเป็นเขตพม่าแท้ที่ยึดมาใหม่ในสงครามครั้งนี้ อังกฤษต้องทุ่มทุนเอาไว้ให้อยู่หมัด ส่วนในเขตสีฟ้าและสีชมพู อังกฤษก็เอาเท่าที่จะกำหลาบได้ง่าย เหนือๆบนภูเขาขึ้นไป ติดกับพรมแดนสยาม ลาวและจีนนั้น คำนวณกำไรขาดทุนแล้ว ปล่อยให้พวกเจ้าฟ้าพญาเมืองว่ากันไปแบบเดิมๆดีกว่า

ตรงนี้ด้วยกระมังที่อังกฤษไม่ได้รุกฆาตจะเอาเชียงใหม่เช่นรัฐไทยใหญ่ในเขตฉาน ดังข่าวลือสมัยต้นรัชกาลที่๕ ถึงขนาดที่พระองค์ทรงต้องรีบอภิเษกเจ้าดารารัศมี และปฏิรูปการปกครองหัวเมืองที่เป็นประเทศราชทั้งหมด นับเป็นโชคดีที่อังกฤษไม่พร้อมในตอนนั้น ซึ่งเรื่องนี้ไทยเราต้องขอบคุณพม่าดาค้อยท์ด้วย การต่อสู้แบบยอมตายของพวกเขาทำให้งบประมาณทางการทหารของอังกฤษบานทะโรค คิดแบบพ่อค้าแล้วไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่ได้มา

ท่านที่อ่านกระทู้พม่าเก่าๆของผมคงจำได้ ในที่สุดบริษัทอินเดียเบอร์ม่าอันยิ่งใหญ่ของเครือจักรภพอังกฤษ สปอนเซ่อร์หลักของการทำสงครามยึดพม่าก็ล้มละลายไปในเวลาไม่ช้าไม่นาน เพราะค่าใช้จ่ายอันมหาศาลที่รัฐบาลเรียกเก็บนั่นเอง


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 22 ม.ค. 13, 11:19
อังกฤษกินเมืองพม่าด้านเหนือเกือบประชิดริมแม่น้ำโขง แบบนี้ก็ต้องมาเจอกับฝรั่งเศสกันสักหน่อยแล้ว  ;D คาดว่าคงจะเมือง Buffer State เกิดขึ้นอีกเป็นแน่แท้ ... แบบนี้ประเทศจีนตอนใต้ก็ถูกไฟรนก้นประเทศอยู่นะเนี่ย...

การที่ยึดดินแดนได้ทางเหนือของพม่า ไม่ทราบว่าเกี่ยวกับเส้นทางสายชา (Tea) ด้วยหรือเปล่า เพราะที่อินเดียตอนเหนือก็มีเมืองดาจิหลิง ที่อังกฤษนำพันธุ์ชาจากเมืองจีนมาปลูกไว้ ซึ่งการยึดเมืองพวกนี้ได้ทำให้การค้าขายระหว่างอินเดียไปจีน ก็คล่องตัวมากขึ้น


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 22 ม.ค. 13, 11:25
ไปเจอแผนที่การท่องเที่ยวที่บอกสถานที่สำคัญตามเมืองต่าง ๆ ของพม่าในกูเกิ้ล นำมาให้ชมครับว่า แต่ละภาคของพม่า มีอะไรดี ๆ บ้าง อย่างน้อยอังกฤษในสมัยนั้นก็มีนักสำรวจ เดินทางมาถ่ายภาพ ทำหนังสือขายกันบ้างแล้ว


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 12:51
โฮ้ย...ยังรบกันไม่เสร็จเล้ย จะชวนไปเที่ยวซะแหล๋ว

คนหนุ่มนี่ใจร้อนจิงจิ้ง


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 15:54
ข้อความโดย: เทาชมพู
อ้างถึง
เจ้าฟ้า Myinzaing เป็นพระโอรสองค์หนึ่งของพระเจ้ามินดง ที่รอดจากถูกประหารหมู่ด้วยฝีมือพระนางอเลนันดอ (และพระนางศุภยาลัต) ไปได้เพราะว่าตอนนั้นยังเยาว์มาก อายุไม่กี่ขวบ ตอนที่พม่าแพ้อังกฤษ เจ้าฟ้าเพิ่งอายุได้ 16 ก็ตัดสินใจจับอาวุธขึ้นต่อสู้กับศัตรูที่มาล้มล้างพระราชวงศ์ กลายเป็นหัวหน้าขบวนการกู้ชาติคนแรกของพม่า

กองกำลังที่บุกมัณฑะเลย์ทำการไม่สำเร็จ ตรงกันข้ามกลับถูกกองทหารซีป่ายของอังกฤษที่มีอาวุธเหนือกว่าต้านทานและรุกกลับจนต้องถอยไปตั้งหลักที่จ๊อกเซ แต่อย่างน้อย ชาวบ้านทั่วประเทศที่ไม่พอใจอังกฤษต่างก็เริ่มได้กำลังใจว่ามีผู้นำมานำประชาชนแล้ว นอกจากนี้ เจ้าชายยังได้แรงสนับสนุนจากกำลังทางศาสนา คือพระสงฆ์ที่มีกำลังปึกแผ่นแน่นหนาทั่วประเทศ

ถ้าหากว่าเรื่องนี้เป็นหนังหรือละคร เจ้าชายก็คงเป็นพระเอกประสบชัยชนะในตอนจบ แต่ในชีวิตจริงซึ่งไม่เคยแฮปปี้เอนดิ้งขนาดนั้น กองกำลังของเจ้าฟ้า Myinzaing ถูกฝรั่งที่มีทั้งกำลังและอาวุธเหนือกว่ารุกไล่จนต้องถอยกลับไปหลบแถวเทือกเขาฉาน ณ ที่นั้นเอง เจ้าชายก็เกิดป่วยเป็นไข้ป่า แล้วสิ้นพระชนม์ลงอย่างปัจจุบันทันด่วน
ภาพนี้ผู้ถ่ายภาพบรรยายว่าเป็นค่ายของเจ้าฟ้ามยินซายง์ มินทา(Myinzein Myntha) ในรัฐฉานบริเวณชายๆเขตที่ติดต่อกับรัฐพม่า ไม่ไกลจากมัณฑเลย์นักยังไม่ทันขึ้นเทือกเขาสูงเลย ที่ประทับนี้น่าจะเป็นที่สิ้นพระชนม์ของพระองค์ด้วย


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 16:00
อังกฤษใช้ทั้งเรือกลไฟของบริษัทอิระวดี โฟลติลล่าเจ้าเก่า กับเรือลำเลียงพลของกองทัพพม่ามาใช้บรรทุกทหาร วิ่งทวนน้ำขึ้นเหนือ เพื่อปฏิบัติการตามแผนยุทธศาสตร์ที่วางไว้


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 16:06
การปะทะกับพม่าดาคอยต์มีไปตลอดทาง นี่เป็นที่ โชยกลิ่น(Shouy Gheen) ผมก็หาไม่เจอว่ากลิ่นที่โชยมานั้นเป็นกลิ่นอะไร อยู่ที่ไหน


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 16:15
ใต้มัณฑเลย์มาหน่อยนึงนั้น แม่น้ำอิระวดีได้แยกสาขาออกไปอีกสายหนึ่งชือแม่น้ำชินดวิน(Chindwin) เขตที่พวกชินอยู่ แต่ยังไม่ทันไปถึงที่นั่นเลย ทหารอังกฤษก็เจอศึกหนักไปตลอด ต้องถอยกลับฐานบ่อยๆ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 16:23
การซุ่มโจมตีแบบกลยุทธกองโจรนั้น ได้ผลเนืองๆ ทหารอังกฤษสูญเสียมาก ในภาพนี้บรรยายว่าการปะทะกันในรูป ทหารช่างเหลือรอดกลับไปคนเดียว


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 22 ม.ค. 13, 16:26
การปะทะกับพม่าดาคอยต์มีไปตลอดทาง นี่เป็นที่ โชยกลิ่น(Shouy Gheen) ผมก็หาไม่เจอว่ากลิ่นที่โชยมานั้นเป็นกลิ่นอะไร อยู่ที่ไหน

ภาพเดียวกับหน้าปกหนังสือเล่มนี้  มีคำบรรยายว่า "นักรบฝ่ายต่อต้านชาวพม่าเข้าโจมตีกองทหารอังกฤษใกล้เมืองชเวจิน (Shwegyin)"

ชเวจิน (Shwegyin) กับ โชยกลิ่น (Shouy Gheen) น่าจะเป็นเมืองเดียวกัน

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 22 ม.ค. 13, 16:34
ภาพในหนังสือหน้า ๙๑ พร้อมคำบรรยาย

เนื้อความในหน้า ๙๒ น่าจะเป็นเหตุการณในภาพนี้

ในวันที่ ๑๑ มกราคม ค.ศ. ๑๘๘๖ กองทหารอังกฤษภายใต้การนำของนายพันตรีโรบินสัน (Major Robinson) ได้รุกเข้าโจมตีฝ่ายต่อต้าน แต่กลับถูกดักซุ่มโจมตีเสียก่อน รายงานสั้น ๆ ทางโทรเลขมีว่า

นายพันตรีโรบินสันและและทหาร ๗๐ นายรุกไปตามถนนมุ่งสู่ตองธาเลเสก (Thaungthalezeik - ห่างจากเมืองชเวจินไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ ๓๐ กิโลเมตร) เพื่อเข้าปราบปรามพวกเหล่าร้าย พวกโจรซ่อนตัวอยู่ตามโขดหิน ทหารจึงระงับการยิง ทำให้ถูกยิงจากพวกที่ซุ่มอยู่ ทหารสีป่อยนายหนึ่งตาย อีกนายหนึ่งถูกยิงบาดเจ็บ นายพันตรีโรบินสันบาดเจ็บสาหัส นายวอร์ด (Mr. Ward) บาดเจ็บเล็กน้อย พลทหารสองนายบาดเจ็บ กองทหารล่าถอยไปที่เมเตน (Metain)

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 16:39
^
อ้อ เป็นอย่างนี้นี่เอง

แต่ฝรั่งเขียนอย่างนี้จริงๆ พาเอาผมเข้าป่าไปเลย

เมื่อเค้าShouy Gheenมา ผมก็โชยกลิ่นตามไปด้วย


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 16:52
พอฝรั่งตายหนักเข้า ก็รู้ว่าไม่ได้รบกับหมู เรียกบ๋อยอินเดียมาเป็นกองหน้าดีกว่า ตอนแรกนึกว่าไปจะรบกับหมู เลยเกรงใจอาบัง


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 16:55
แขกพวกนี้อึด ยุงกัดไม่เจ็บ เคยแก้ผ้ารบมาก่อนที่ฝรั่งจะเอามาฝึกแล้วให้แต่งเครื่องแบบหล่อๆทั้งนั้น


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 17:01
แถมแขกยังมีความรู้ในการใช้ช้าง ยุทธสัมภาระหนักๆก็เอาไปแนวหน้าได้สะดวก ฝรั่งต้องยอมแพ้แขกในเรื่องนี้

สมัยสงครามระหว่างพม่ารบอังกฤษครั้งแรกที่ฝรั่งมาชวนสยามไปเป็นพันธมิตรร่วมรบ ก็หวังพึ่งกองทัพช้างให้ช่วยลำเลียงปืนใหญ่นี่แหละ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯท่านก็ใช้บ๋อยเป็น เกณฑ์ให้หัวเมืองมอญไปช่วยรบในนามของไทยแต่แบบไม่ได้ออกหน้าออกตา ส่วนกรุงเทพก็ส่งคนไปดูยุทธวิธีของฝรั่งด้วย


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 17:14
ช่วงแรกของการรบ พม่ายังมีกระสุนพอใช้ แต่รบนานเข้า พวกอังกฤษตายเยอะก็จริงแต่พม่าตายมากกว่า แถมกระสุนก็ชักร่อยหรอ จะยิงมากก็ไม่ได้


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 17:16
ครั้นอังกฤษเสริมอาวุธหนักเข้ามาได้ ลางแพ้ก็เริ่มชัด พม่าดาคอยต์ก็ต้องถอยร่นเข้าป่าลึกเข้าไปอีก


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 18:04
ทหารอังกฤษก็รุกไล่ตามไปอย่างช้าๆ ข้อสำคัญ ได้แรงงานทหารแขกมาทำค่ายป้องกันไม่ให้พม่าดาค้อยต์บุกเข้ามาลอบโจมตีง่ายๆ ภาพนี้ผู้ถ่ายบอกจนปัญญาเหมือนกัน ไม่รู้ว่าถ่ายจากที่ไหน


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 18:07
เห็นค่ายกระจอกๆอย่างนี้แหละ ถ้าพม่ามาลอบยิงเป็นโดนสวนกลับไปได้ผลเหมือนกัน


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 18:14
ในที่สุดดาค้อยต์ก็ถูกต้อนจนต้องอยู่ในค่าย ซึ่งผิดอีก แทนที่จะสลายตัวกลับไปกระจุกกันอยู่รอคอยลูกปืนใหญ่ของฝรั่ง ดังที่ท่านอาจารย์เทาชมพูเล่าไว้ ที่มั่นสุดท้ายของพม่าดาค้อยต์ไม่ว่ากลุ่มพระกลุ่มเจ้า ในที่สุดก็พ่ายแพ้หมด


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 18:19
ในขณะที่การปราบปรามดาค้อยต์ในส่วนที่เป็นพม่าแท้ กองทัพจำนวนหนึ่งก็มุ่งหน้าสู่ดินแดนที่ไกลออกไปในรัฐฉาน ชินและคะฉิ่น


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 18:28
ชนพื้นเมืองในรัฐที่เป็นเมืองขึ้นของพม่า มิได้จงรักภักดีกับพม่าอยู่แล้ว และยังมิได้คิดว่าฝรั่งเป็นศัตรูของชนเผ่าของตน ฝรั่งก็อ้างว่าที่รุกเข้ามาเพราะติดตามพวกพม่าดาค้อยต์ ในขณะเดียวกันก็มีโอกาสได้แสดงอำนาจปืนเป็นการขู่ขวัญเจ้่าถิ่น เพื่อประโยชน์ในการเจรจาตามแผนที่วางไว้ด้วย


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 18:36
ขอให้ท่านดูมาดของฝรั่งในการเจรจากับพวกหัวหน้าเผ่าชาวชินทั้งหลาย อย่างนี้ฝรั่งขออะไรก็คงได้หมดแต่ก็คงไม่รู้จะขออะไร พวกนี้ยากจนขนาดหนักมีแต่ผ้าเตี่ยวพันกาย ฝรั่งจะขอติดมือกลับบ้านเป็นที่ระลึกก็เกรงจาย


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 18:43
พวกไทใหญ่ในรัฐฉานบางเมืองมีการต้านทานกองทหารอังกฤษบ้าง และถูกจัดให้เป็นดาค้อยต์เหมือนกัน แต่ด้วยอาวุธที่ด้อยกว่าอดีตทหารพม่า การสู้รบจึงจบลงอย่างรวดเร็ว


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 18:49
ทหารอังกฤษถึงหมู่บ้านชื่อปินทา(Pyntha)ในรัฐฉาน


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 19:00
ข่าวศึกไปถึงซอบา(Sawbwa) หรือเจ้าฟ้าแห่งเมืองสีป่อ เมืองขึ้นที่สำคัญของพม่าในรัฐฉานที่ราชสำนักต้องส่งเจ้านายไปปกครองเสมอ พระเจ้าสีป่อที่ได้พระนามดังกล่าวก็เพราะทรงมีเชื้อสายของเมืองนี้ ในภาพซอบากำลังประทับรับฟังบรรดาอำมาตย์ทูลถวายคำปรึกษา โดยมีพระมเหษีและพระธิดาทรงอยู่ด้วยอย่างสนพระทัย


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 19:14
และพระองค์ก็เป็นเจ้าเมืององค์แรกที่เสด็จมามัณฑเลย์เพื่อรับนโยบายของอังกฤษ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 22 ม.ค. 13, 19:16
เจ้าฟ้าเมืองสีป้อขณะนั้นคือ เจ้าขุนแสง (Sao Hkun Hseng)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 22 ม.ค. 13, 19:24
เจ้าขุนแสงและมหาเทวี


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 19:55
ภาพถ่ายกับภาพวาดหน้าตาไม่ค่อยเหมือนกันเท่าไรนะครับ อาจจะเป็นคนละวัยก็ได้

มาตอนนั้นเจ้าขุนแสงคงจะได้เที่ยวตลาดเช้าเมืองมัณฑเลย์ ซึ่งเข้าสูภาวะปกติแล้ว
ผมเพิ่งจะสังเกตุเห็นกำแพงไม้อยู่ด้านหลัง แสดงว่าอยู่นอกเขตกำแพงพระนคร


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 20:01
เอาภาพเมืองมัณฑเลย์มาให้ชมอีกครั้งหนึ่ง โปรดสังเกตุ มีกำแพงด้านนอกของกำแพงพระนครอีกชั้น ทำด้วยไม้ กำแพงทั้งสองชั้นมีคูเมืองกว้างใหญ่คั่นอยู่ น่าเสียดายที่สิ่งเหล่านี้ไม่มีโอกาสได้ป้องกันอริราชศัตรูเลย


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: dantoki ที่ 22 ม.ค. 13, 20:19
ติดตามซีรีส์ชุดนี้อยู่อย่างเงียบๆ ครับ  ;D


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 20:33
^
ขอบคุณครับ

เจ้าขุนแสง ซอบาหรือเจ้าฟ้าแห่งเมืองสีป่อ ทรงต้อนรับนายพลอังกฤษที่วังของท่าน


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 22 ม.ค. 13, 20:41
คราวนี้คงได้ใช้แผนที่รัฐฉานแล้ว

มาเชียร์คุณนวรัตนดอทซี ด้วยแผนที่รัฐฉาน

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5490.0;attach=38309;image)

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 20:43
^
ขอบคุณครับ

รายต่อไปที่อังกฤษส่งตัวแทนไปเข้าเฝ้าคือซอบาแห่งเมืองยองห้วย(Nyoungwe) เมืองนี้เป็นไทยใหญ่แท้ๆอยู่ต้นน้ำของทะเลสาบอินเล ปัจจุบันหายไปจากแผนที่เมียนมาร์ แต่เมืองและประวัติศาสตร์ยังคงอยู่ เจ้าฟ้าเมืองยองห้วยนั้น สมัยนายพลเนวินขึ้นมาเป็นผู้นำเผด็จการพม่าได้ส่งทหารไปจู่โจมฆ่าล้างราชวงศ์ ที่หนีตายได้อย่างหัวซุกหัวซุนก็มาอยู่เมืองไทย อย่างเช่น เจ้าเสือหาญฟ้า ณ ยองห้วยเป็นน้องใหม่จุฬารุ่นเดียวกับผม ท่านเรียนวิศวะได้ไม่นานก็ไปอยู่แคนาดา เดี๋ยวนี้ดูรูปในเน็ทแล้วเห็นท่านแก่ไปเยอะ(พอๆกับผม) แต่ยังมีบทบาทในการเคลื่อนไหวเรียกร้องความมีสิทธิทัดเทียมของรัฐฉานอยู่


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ม.ค. 13, 20:45
จำชื่อน้องใหม่ที่ชื่อเจ้าเสือหาญฟ้า ณ ยองห้วยได้   แต่ไม่รู้ว่าท่านหายไปไหน    มารู้จากอินทรเนตรนี่เองค่ะ

http://www.khonkhurtai.org/index.php?option=com_content&view=article&id=177:2010-01-19-06-03-08&catid=36:2009-11-30-06-15-06

ตอนเด็กๆ มีนักเรียนรุ่นน้องคนหนึ่ง  มีคำว่า เจ้า นำหน้าชื่อ   แต่ไม่ใช่เจ้าเชียงใหม่  หรือลำปาง หรือน่าน เพราะใช้นามสกุลว่า "ขุนศึก"   มารู้ประวัติทีหลังว่าคุณพ่อเธอชื่อเจ้าฟ้าขุนศึกเม็งราย     ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเจ้าที่ไหน รู้แต่ว่านอกประเทศไทย     
เพิ่งมารู้จากอินทรเนตรว่าเป็นเจ้าฟ้าเชียงตุง   คงจะเป็นเมืองเดียวกับ เมืองตุง ในแผนที่ของคุณเพ็ญชมพูข้างบนนี้


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ม.ค. 13, 20:58
รูปกำแพงเมืองมัณฑเลย์ในค.ห. 375  เห็นแล้วนึกถึงกำแพงเมืองของกรุงศรีอยุธยา   คงจะแบบเดียวกัน   คือมีคูเมืองกั้นอีกทีหนึ่ง  และมีกำแพงเมืองชั้นนอกอยู่รอบนอกอีกที      ลักษณะรวมกันแล้วคงใหญ่โตน่าเกรงขาม   สุนทรภู่ถึงรำพึงไว้ใน "นิราศพระบาท"ว่า

กำแพงรอบขอบคูก็ดูลึก                    ไม่น่าศึกอ้ายพม่าจะมาได้
ยังให้มันข้ามเข้าเอาเวียงชัย                    โอ้อย่างไรเหมือนบุรีไม่มีชาย
หรือธานินสิ้นเกณฑ์จึงเกิดยุค            ไพรีรุกรบได้ดังใจหมาย
...........................................................
ในขบวนการกู้ชาติของพม่า ก็คงมีคนรำพึงคล้ายๆอย่างนี้เหมือนกัน   เพียงแต่เปลี่ยนคำว่า "พม่า" เป็น "อังกฤษ"


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 22 ม.ค. 13, 20:58
ตอนเด็กๆ มีนักเรียนรุ่นน้องคนหนึ่ง  มีคำว่า เจ้า นำหน้าชื่อ   แต่ไม่ใช่เจ้าเชียงใหม่  หรือลำปาง หรือน่าน เพราะใช้นามสกุลว่า "ขุนศึก"   มารู้ประวัติทีหลังว่าคุณพ่อเธอชื่อเจ้าฟ้าขุนศึกเม็งราย     ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเจ้าที่ไหน รู้แต่ว่านอกประเทศไทย      
เพิ่งมารู้จากอินทรเนตรว่าเป็นเจ้าฟ้าเชียงตุง   คงจะเป็นเมืองเดียวกับ เมืองตุง ในแผนที่ของคุณเพ็ญชมพูข้างบนนี้

เชียงตุง เป็นคนละเมืองกับ เมืองตุง

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 21:14
ฝรั่งเขียนว่า นายพันตรีไรเคส(Raikes)กำลังต้อนรับ Sawbwa of Kale อันนี้ต้องขอให้คุณเพ็ญหาชื่อในแผนที่ให้พบโดยด่วน ก่อนที่จะถูกถอดคำตามสบายสไตล์นวรัตนดอทซี

ดูแล้วแปลกๆแฮะ ยื่นมือซ้ายเข้าหากัน


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 21:26
เมืองสำคัญอีกเมืองหนึ่งที่นายพลเพรนเดอกาสต์ได้ดั้นด้นไปหาด้วยตนเองคือBhamo ท่านเจ้าคุณแม่ทัพที่เคยประจำการอยู่ที่พันทิปบอกไว้ว่าให้เรียกว่าบ้านหม้อ เหมาะกับสไตล์นวรัตนดอทซียิ่งนัก แต่เอาเถอะ ขอเขียนให้ดูเหน่อๆแบบพม่าหน่อยเป็นบานม่อก็แล้วกัน

เมืองนี้อยู่ริมแม่น้ำอิระวดี ทางตอนกลางของคะฉิ่นเลย ป่าไม้อุดมสมบูรณ์มาก


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 21:32
เจ้าเมืองที่นี่เรียกว่าหวุ่นแห่งบานม่อ(Woon of Bhamo) ฟังดูเป็นพม่าดีนะครับ เหมือนอะแซหวุ่นกี้

นี่เป็นเรือประจำตำแหน่งท่านหวุ่น เวลาจะไปไหนมาไหนทางแม่น้ำ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ม.ค. 13, 21:33

เชียงตุง เป็นคนละเมืองกับ เมืองตุง

โอ้! ไอ ซี
ตาลายมองไม่เห็นเชียงตุง


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 21:38
^
วันนี้แหม่มแต่งตัวแปลก


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 22 ม.ค. 13, 21:40
ฝรั่งเขียนว่า นายพันตรีไรเคส(Raikes)กำลังต้อนรับ Sawbwa of Kale อันนี้ต้องขอให้คุณเพ็ญหาชื่อในแผนที่ให้พบโดยด่วน ก่อนที่จะถูกถอดคำตามสบายสไตล์นวรัตนดอทซี

ตำแหน่งเมืองกะเล

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)



กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 21:58
^
กะเล อ้าว ไม่ใช่กาลีเหรอ?

โอ้ อยู่เกือบสุดชายแดนอินเดีย มิน่า มาดามไรเคสจึงอยากไปเที่ยวช๊อปปิ้ง ให้สาละมีหาจับกังมาหามโซฟาขึ้นเขาลงห้วยดั้นด้นไปจนถึง คงนึกว่าเหมือนแถวพาหุรัต



กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ม.ค. 13, 22:02
รูปนี้เคยลงหรือยังคะ  ไม่รู้ว่าเป็นเหตุการณ์ไหน


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 22:08
^
ลงแล้วครับ เป็นตอนที่แม่ทัพพม่าวางอาวุธอย่างเป็นทางการที่อังวะ
.
.

นายพลเพรนเดอกาสต์ได้ไปเยี่ยมคำนับท่านหวุ่นที่วังบานม่อ ดูมาดของทั้งสองฝ่ายแล้ว ครือกัน

ผมเดาว่าคงคุยเรื่องผลประโยชน์ถ้าอังกฤษจะขอเข้ามาทำไม้สัก โดยจะจ่ายค่าภาคหลวงให้ ท่านหวุ่นคงเห็นว่า ตอนเป็นเมืองขึ้นพม่ามีแต่ต้องเสียส่วย แล้วแต่พม่าจะเรียกเป็นไม้สักปีละกี่ท่อนๆก็ว่าไป ไม่ได้เงินจากพม่าสักจ๊าดเดียว แต่นี่อังกฤษจะให้เงินตอบแทน มันช่างดีเสียนี่กระไร

ท่านหวุ่นคงยังไม่รู้หรอกว่า อังกฤษจะส่งเครื่องจักรกลมาตัดไม้ไปปีหนึ่งๆเป็นจำนวนมหาศาล แต่แบ่งผลประโยชน์ให้จี๊ดเดียว


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 22 ม.ค. 13, 22:13
^
ลงแล้วครับ เป็นตอนที่แม่ทัพพม่าวางอาวุธอย่างเป็นทางการที่อังวะ

ที่ป้อมค่ายเมืองอังวะซึ่งมีกำลังทหารรวมที่ถอยจากสารพัดที่มั่นมารวมกันอยู่ประมาณ๘๐๐๐นาย สองในสามมีอาวุธปืนแต่ที่เหลือมีแต่หอกกับดาบ แต่พร้อมที่สู้ตายกับอังกฤษให้แตกหักเป็นยกสุดท้าย นายพลเพรนเดอกาสต์จึงให้ผู้แทนพระองค์ไปสั่งทหารพม่าที่นั่นวางอาวุธ แต่แม่ทัพชื่อโบมูขิ่น อัศวินหวุ่น (Bohmu Kin Atwin Wun) ปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามหากไม่มีพระราชบัญชามาให้เห็นกับตา และกว่าอังกฤษจะเทียบเรือเข้าฝั่งและส่งทหารขึ้นบกไปปลดอาวุธเอง พวกที่รู้ว่ากษัตริย์ของตนคงจะยอมแพ้ต่ออังกฤษแน่แล้วก็แตกกระสานซ่านเซ็นไปทุกสาระทิศโดยนำอาวุธติดตัวไปด้วย

ทหารอังกฤษจึงได้รับมอบอาวุธเป็นปืนในการยอมแพ้อย่างเป็นทางการของทหารที่เหลือรวมทุกค่ายแล้วไม่ถึงพันกระบอก


(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5490.0;attach=38298;image)

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 22:18
ถนนสายเอกของเมืองบานม่อ นายพลคงบอกท่านหวุ่นว่า ไม่นาน ท่านจะได้ทำถนนเทคอนกรีต สองข้างสร้างตึกแถวเซ้งให้พวกเถ้าเก๋เถ้าเก๋เนี้ย ร่ำรวย ร่ำรวย ร่ำรวย


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ม.ค. 13, 22:21
^
ค.ห. 392

Gomennasai  ตาลายอีกแระ..


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 22:23
ท่านหวุ่นก็ตาลายเหมือนกัน

คงเดินไปฝันไป อีกหน่อยเราจะได้ถอยเดมเล่อร์สักคันมาขี่เล่นบ้างละนิ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 22:25
เห ท่านผู้อ่านของกระพ๋มตาลายบ้างหรือเปล่าละนี่


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 22:35
 ;Dไม่นานเกินรอ อังกฤษก็มาสร้างค่ายอันมั่นคง นัยว่ามาเพื่อคุ้มครองบานม่อ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 22:36
ภาพถ่ายจริงๆภายในค่าย จะเห็นเต้นท์นายทหารแบบที่ออกไปซาฟารีด้วย


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 22:38
ภาพถ่ายอีกประตูหนึ่งของค่าย


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ม.ค. 13, 22:41
ทรัพยากรที่อังกฤษกอบโกยไปจากพม่า คงจะคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม เมื่อเทียบกับงบประมาณที่ใช้ในการปราบปรามก้างขวางคอชื่อดาค้อยท์
นึกถึงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจริงๆ เมื่อดูภาพทั้งหมดที่ท่านนวรัตนนำมาลงให้ดูกัน

ใครมาเป็นเจ้าเข้าครอง                   คงจะต้องบังคับขับไส
เคี่ยวเข็ญเย็นค่ำกรำไป                   ตามวิสัยเชิงเช่นผู้เป็นนาย
เขาจะเห็นแก่หน้าค่าชื่อ                   จะนับถือพงศ์พันธุ์นั้นอย่าหมาย
ไหนจะต้องเหนื่อยยากลำบากกาย           ไหนจะอายทั่วทั้งโลกา

http://www.youtube.com/watch?v=bKdAw1g6xiA

น้อมรำลึกถึงพระปรีชาสามารถในพระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรีที่ทรงพาประเทศไทยรอดปากเหยี่ยวปากกามาได้ทุกยุคทุกสมัย  ภาพประกอบอย่างในกระทู้นี้จึงไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของสยาม


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 22:51
ทรัพยากรที่อังกฤษกอบโกยไปจากพม่าคืออะไร

๑ ข้าว เมื่อผนวกพม่าบนและพม่าล่างเข้าด้วยกันแล้ว ข้าวจากพม่าได้ถูกส่งออกในปริมาณที่มากที่สุดในโลก
ภาพนี้จะเห็นกองข้าวเป็นภูเขาเลากาข้างหลังแถวกุลี เพื่อรอการส่งออก


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 22:53
๒ ไม้สัก ไม้สักจากพม่าถูกส่งออกในปริมาณมากที่สุดในโลกเช่นกัน
ภาพข้างล่างเป็นแพซุงไม้สัก(อยู่ใต้ลูกบวบไม้ไผ่) มาถึงแรงกูนเพื่อรอแปรรูปและส่งออก


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 22:59
๓ น้ำมัน
อังกฤษพบน้ำมันมหาศาลในยานองยาน(yanaungyan) ไม่ไกลจากมัณฑเลย์เท่าไหร่
ในภาพอังกฤษได้สั่งเครื่องสูบน้ำมันจากอเมริกาเข้ามาปั้มน้ำมันดิบขึ้นมาเป็นการใหญ่ เพื่อการส่งออกไปให้อังกฤษใช้


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 23:10
อังกฤษทำแสบอะไรไว้

อังกฤษเอาชนชาติต่างๆมาฝึกอาวุธ แล้วบรรจุเป็นตำรวจที่ปฎิบัติการเช่นทหาร เพื่อส่งไปประจำการในเขตต่างชนชาติกัน เพื่อประโยชน์ในการปกครองของอังกฤษผู้เป็นนาย พวกนี้เป็นศัตรูกันมาแต่เดิม จึงได้กระทำการที่ก่อให้เกิดความเกลียดชังซึ่งกันและกันยิ่งขึ้น  จนรู้สึกว่าจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้อย่าว่าแต่จะรวมเป็นประเทศเดียวกันเลย


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ม.ค. 13, 23:13
ท่านอ่านมาถึงบรรทัดสุดท้ายแล้วนี้ ในฐานะที่เป็นคนไทย ท่านคิดอย่างไรกันบ้างครับ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: dantoki ที่ 22 ม.ค. 13, 23:51
โชคดีมากครับที่ประเทศไทยไม่ต้องเป็นขี้ข้าฝรั่งพวกนี้  ไม่งั้นมันขู่เอาไปหมดแน่ ป่าไม้ เงินทอง ข้าวของมีค่า พวกนี้โจรในคราบผู้ดีชัดๆ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 23 ม.ค. 13, 07:05
ท่านอ่านมาถึงบรรทัดสุดท้ายแล้วนี้ ในฐานะที่เป็นคนไทย ท่านคิดอย่างไรกันบ้างครับ

ขอบพระคุณคุณ NAVARAT.C ที่ตีแผ่พม่ารบฝรั่งให้อ่านกัน ทั้งนี้ผมเคยทราบว่าอังกฤษดำเนินนโยบาย Divided and Ruled ซึ่งสยามเองก็พลอยโดนหางเลขไปกับเขาเหมือนกัน เชื่อว่าทางราชสำนักสยามเองก็รู้จากข่าวและรายงานไม่มากก็น้อยว่าเมืองนั้นพ่ายให้กับยุโรปชาติไหน เช่น จีนแพ้สงครามฝิ่น, อันนัมสิ้นแก่ฝรั่งเศส, พม่า-มลายูพ่ายอังกฤษ, แล้วก็เหลือ "สยาม"

ท่ามกลางวิกฤตต่าง ๆ ผมว่านโยบายการบริหารด้านการทูตและการต่างประเทศในยุคปลายรัชกาลที่ ๔ ถึง ต้นรัชกาลที่ ๕ เรื่อยมาจนถึงยุคมีกระทรวงการต่างประเทศนั้น น่าศึกษาวิธีการที่จะนำพาประเทศให้รอดปลอดภัย


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ม.ค. 13, 08:04
ข้อความนี้ ผมตัดตอนมาจากบทความที่คุณCrazyHOrse(ประทานโทษที่ขอพาดพิง)เคยลงไว้ในเน็ทนานแล้ว

ความรู้สึกแปลกแยกเกลียดชังระหว่างชนชาติพม่าและชนชาติอื่นๆ เป็นผลลัพธ์ที่เกิดจากความตั้งใจของอังกฤษซึ่งเป็นเจ้าของอาณานิคม เพราะหากประชาชนในอาณานิคมสามารถรวมตัวเป็นปึกแผ่นและมีพลังเมื่อใด ย่อมต้องเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของเจ้าอาณานิคมเมื่อนั้น ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า หนึ่งในสาเหตุแห่งความร้าวฉานระหว่างชนชาติพม่าและชนชาติอื่น ๆ คือ นโยบายแบ่งแยกและปกครองของประเทศอังกฤษตลอดระยะเวลาที่อังกฤษปกครองพม่าและชนกลุ่มน้อย

อังกฤษได้พยายามให้สิทธิในการปกครองตนเองกับชนกลุ่มน้อย และยกระดับสถานะให้เท่าเทียมหรือเหนือกว่าชาวพม่า ทางด้านรัฐฉาน อังกฤษได้รวมแคว้นต่างๆของบรรดาเจ้าฟ้าไทใหญ่ขึ้นเป็น สหพันธ์รัฐฉาน(Federated of Shan States) และจัดตั้งสภาผู้นำแห่งสหพันธ์รัฐฉาน (Federal Council of Shan Chiefs) ซึ่งประกอบด้วยเจ้าฟ้าแคว้นต่างๆ เพื่อทำหน้าที่ดูแลเรื่องของกิจการภายในรัฐฉาน

แต่ตลอดเวลาในการเป็นเจ้าอาณานิคม อังกฤษมีรายได้จากการขายทรัพยากรธรรมชาติในดินแดนชนกลุ่มน้อยเป็นเงินจำนวนมหาศาล โดยแบ่งปันผลกำไรส่วนหนึ่งให้เจ้าของพื้นที่บ้างเล็กน้อย อาทิเช่น อังกฤษมีรายได้จากการถลุงแร่ที่เมืองน้ำตู้ปีละ 10 ล้านปอนด์ แต่แบ่งให้ชาวไทใหญ่ไม่ถึงแสนปอนด์ นอกจากนี้ อังกฤษยังเก็บภาษีจากชาวบ้านทุกทาง เช่น ภาษีหลังคาเรือน ภาษีทำนา ทำสวน ทำไร่ สินค้า แร่ ไม้ เป็นต้น  

การรีดนาทาเร้นผลประโยชน์เอาจากราษฎรเหล่านี้ อังกฤษกระทำผ่านบ๋อยชาวพม่าของตน ใครรับใช้อังกฤษได้ดีก็เรียกมาตบรางวัลให้เป็นคราวๆไป


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 23 ม.ค. 13, 08:11
เชื่อว่าทางราชสำนักสยามเองก็รู้จากข่าวและรายงานไม่มากก็น้อยว่าเมืองนั้นพ่ายให้กับยุโรปชาติไหน เช่น จีนแพ้สงครามฝิ่น, อันนัมสิ้นแก่ฝรั่งเศส, พม่า-มลายูพ่ายอังกฤษ, แล้วก็เหลือ "สยาม"

พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ ร.ศ. ๑๑๒

http://www.youtube.com/watch?v=3GXFHI5StMM

และทรงลงท้ายเป็นคำฉันท์ว่า กลัวจะป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ทำให้เสียกรุง

   เจ็บนานนึกหน่ายนิตย์....................มนะเรื่องบำรุงกาย
   ส่วนจิตบ่มีสบาย..........................ศิระกลุ้มอุราตรึง
   แม้หายก็พลันยาก........................จะลำบากฤทัยพึง
   ตริแต่จะถูกรึง.............................อุระรัดและอัตรา

   กลัวเป็นทวิราช                     บ่ตริป้องอยุธยา
   เสียเมืองจึงนินทา                 บ่ละเว้นฤวางวาย
   คิดใดจะเกี่ยงแก้                   ก็บ่พบซึ่งเงื่อนสาย
   สบหน้ามนุษย์อาย                 จึงจะอุดแลเลยสูญ


(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley14.png)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: warisa ที่ 23 ม.ค. 13, 08:24
...พูดถึงไม้สัก...เศรษฐีไม้สักพม่าเข้ามาตั้งรกรากในลำปางเยอะมากค่ะอาจารย์...ในสมัยรัชกาลที่5..ลำปางเป็นศูนย์กลางค้าไม้ของภาคเหนือ...มีบริษัทใหญ่ๆของอังกฤษร่วมกับพ่อค้าพม่าเข้ามาทำการสัมปทานป่าไม้มากมายเช่นห้างบอมเบย์เบอร์ม่า...ห้างบริติสบอร์เนียว ห้างหลุยส์ทีเลียวโนเวนส์...ทำให้ลำปางมีกลุ่มชาติพันธุ์ที่หลากหลายรวมทั้งชาวจีนที่ได้ทำการค้าขายทั่วไปด้วย..และตอนนี้นามสกุลที่มีชื่อเสียงของคนลำปางส่วนใหญ่เป็นคนเชื้อสายพม่าค่ะ....ที่ดิฉันพูดมาทั้งหมด..ก็ไม่ทราบว่าจะเกี่ยวพันกับบริษัทค้าไม้ในพม่าช่วงอังกฤษเข้าครอบครองหรือเปล่า...เชิญท่านผู้รู้ช่วยกรุณาขยายความด้วยค่ะ....ขอบพระคุณมากค่ะ.... ;D


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: warisa ที่ 23 ม.ค. 13, 08:37
...ขอบพระคุณอาจารย์มากๆค่ะที่ให้ความรู้เรื่องฝรั่งรบพม่าอย่างละเอียดยิบ...รวมทั้งเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยและแทรกอารมณ์ขันให้รู้สึกเพลิดเพลิน...ขอบพระคุณอาจารย์เทาชมพู อาจารย์เพ็ญชมพูและอาจารย์ท่านอื่น ๆที่เข้ามาให้ความรู้เพิ่มเติมทำให้เนื้อหาสมบูรณ์ขึ้น...ทำให้อ่านสนุกและไม่รู้สึกเบื่อเลยค่ะ....

....อาจารย์คะ..คือดิฉันไปอ่านเรื่องท่องไปในเกาหลีเหนือในเว็บพันทิปในห้องบลูฯ...รู้สึกอินไปกับประเทศนี้...มันลึกลับและน่าค้นหา...ถ้าอาจารย์มีข้อมูลและอยากจะเขียนเกร็ดประวัติศาสตร์ให้เป็นวิทยาทานแก่ผู้ซึ่งด้อยทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิอย่างดิฉันหรือผู้แอบอ่าน ;)ซึ่งคิดว่ามีพอสมควรในเว็บนี้จะเป็นพระคุณอย่างสูงค่ะ_/|\_


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ม.ค. 13, 09:25
สยามเปิดประเทศในสมัยรัชกาลที่๔ โดยการยินยอมทำสนธิสัญญาเบาวริ่งกับอังกฤษและฝรั่งชาติอื่นๆ เป็นการปลดแรงอัดที่จะระเบิดเป็นสงครามยึดเมืองขึ้นไปได้เยอะมาก เพราะฝรั่งสามารถเข้ามาทำมาค้าขาย แสวงหากำไรได้ตามปรารถนา

ไม้สักเป็นทรัพยากรอันสำคัญที่อังกฤษต้องการ เมื่อเปลี่ยนรัชกาล นายหลุยส์ โทมัส ลีโอโนแวนส์ ลูกชายของแหม่มแอนนาซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯทรงถือเป็นเพื่อนได้ขอพระราชทานสัมปทานป่าไม้สักทางภาคเหนือ โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ลำปาง อดีตเมืองขึ้นของพม่า ร่วมกับบริษัทยักษ์ใหญ่อื่นๆที่ทำกิจการป่าไม้ในพม่าอยู่แล้ว แต่สยามก็ได้ค่าภาคหลวงเข้าแผ่นดินปีละจำนวนมาก เมื่อเทียบกับที่อังกฤษจ่ายให้เจ้าฟ้ารัฐอิสระต่างๆ ซึ่งอังกฤษตีฐานะให้เพียงผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น

สมัยโน้น เมื่อโค่นไม้ลงต้นหนึ่ง ผู้รับสัมปทานจะต้องปลูกเพิ่มให้สาม และก็มิได้ให้โค่นลงทุกต้นที่เห็น แต่โค่นได้หนึ่ง เว้นสี่ เวลาออกสำรวจตีตรา เจ้าพนักงานกับผู้รับสัมปทานจะไปด้วยกัน สมมติเมื่อตีตราให้โค่นต้นแรก ก็ต้องเว้นต้นสอง สามและสี่ ไปตีตราใหม่เอาต้นที่ห้า วิธีนี้ฝรั่งชาติแถบสแกนดิเนเวียได้ใช้อยู่กับการทำป่าไม้สนในประเทศแถบโน้น เขาตัดไม้ส่งออกกันเป็นล่ำเป็นสันมาร่วมสองร้อยปี แต่มีพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้น ผิดกับบ้านเรา หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง สัมปทานได้ตกมาอยู่ในมือของบรรดาอาเสี่ยหมด การตีตราไม้ก็ว่าไปตามกฎหมายแต่ภาคปฏิบัติแล้ว เจ้าพนักงานป่าไม้มีเงินจิ้มก้องให้อยู่เฉยๆ คนของเสี่ยขอยืมค้อนไปตีตราเอาเอง เรื่องปลูกกล้าไม้ทดแทนก็ลืมเสียเถิด ไม่นานป่าไม้เมืองไทยก็ร่อยหรอลงเกือบหมด มาถึงรัฐบาลน้าชาติเลยประกาศยกเลิกสัมปทานทำป่าไม้ทั่วประเทศ หวังจะรักษาป่าที่เหลือไว้ ที่ไหนได้ พอเจ้าของป่าถอย(หรือแกล้งถอย)ออกไป ขบวนการตัดไม้เถื่อนก็เข้ามาแทนที่ทันทีทันควัน คราวนี้ไม่มีกติกาอะไรคุมอีกแล้ว ผลสุดท้ายพื้นที่ป่าของไทยก็แทบราบพนาสูญ เหลือแต่บนภูเขาที่ยากในการเอาไม้ลงมา นอกนั้นพอไม้ใหญ่หมดป่าก็เผาซากทิ้งแล้วเปลี่ยนไปปลูกพืชไร่แทน วิ่งเต้นอีกนิดหน่อยรัฐก็ออกโฉนดที่ดินให้ รวยแล้วรวยอีก รวยกันไม่เลิก

บร๊ะ จะเล่าเรื่องของพม่า ไฉนเถลไถลไปเล่าเรื่องของเราเข้าละเนี่ย แล้วเรื่องเกาเหลาเกาหลีก็จะให้เล่าอะไรอีกละคร๊ะ ลุงไม่รับนิมนต์นะน้อง


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 23 ม.ค. 13, 09:33

บร๊ะ จะเล่าเรื่องของพม่า ไฉนเถลไถลไปเล่าเรื่องของเราเข้าละเนี่ย แล้วเรื่องเกาเหลาเกาหลีก็จะให้เล่าอะไรอีกละคร๊ะ ลุงไม่รับนิมนต์นะน้อง


นิมนต์เจ้าคะ.... แล้วพม่านั้นเริ่มตะหนักว่า ถึงเวลาแล้วที่ควรจะปลดแอกเป็นเอกราชจากอังฤษซะที ยินว่าก็มีอยู่ให้เห็นมาเรื่อย ๆ (เที่ยบระยะก็ราวสมัยรัชกาลที่ ๖ - ๗ ของไทย) ก็มีการประท้วง กบฏเกือก ด้วยกันอยู่เนือง ๆ คุณ NAVARAT.C สนใจเรื่องปลดแอก ไหมครับ  :D


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ม.ค. 13, 09:44
ไม่มีพักยก เข้ามุมให้น้ำเลยเหรอ พ่อหนุ่ม


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ม.ค. 13, 10:00
ให้ท่านพักยกสัก 2-3 นาทีเถอะค่ะ   คุณหนุ่มสยาม   เดี๋ยวท่านก็ลุกขึ้นเต้นฟุตเวิร์คได้เองแหละ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ม.ค. 13, 10:33
ออยยาสุมินาไซ ซียูอะเกง

ระฆังขึ้นยกใหม่เมื่อไหร่ ผมไม่ออกมาก็ให้กรรมการนับหนึ่งถึงสิบไปเรื่อยๆนะคร้าบ
ทิวาสวัสดิ์


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: warisa ที่ 23 ม.ค. 13, 11:10
....ไม่มีเกาหลีก็ได้ค่ะอาจารย์ ;D...ถ้างั้นจะรอติดตามจนถึงพม่าปลดแอกเลยนะคะ ;)...ขอบพระคุณอาจารย์มากค่ะ...

....อาจารย์คะ...โอยาสุมินาไซค่ะ  ;D....


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: sirinawadee ที่ 23 ม.ค. 13, 13:49
อ่านกระทู้แล้วสะท้อนใจค่ะ นึกไม่ออกว่าถ้าเราตกเป็นเมืองขึ้นแล้วจะถูกบังคับขับไสกันอย่างไรบ้าง

และก็แอบท้อใจหน่อยๆ ว่า หลักการแบ่งแยกแล้วปกครองไม่ใช่เรื่องใหม่ เกิดมาซ้ำแล้วซ้ำอีก มีตัวอย่างให้ดูไม่รู้จักกี่ประเทศ
แถวๆ นี้ก็ยังไม่วายถูกเขาแบ่งให้เล่นกีฬาสี เล่นมาตั้งหลายปีแล้วไม่รู้จักเลิกเสียที


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: sirinawadee ที่ 23 ม.ค. 13, 13:59
พ่อเคยเป็นนักเรียนไฮสกูลที่ปีนัง สมัยอังกฤษยังปกครองอยู่

พ่อเล่าว่า ฝรั่งใหญ่โตมาก คนท้องถิ่นก็เกรงกันไปหมด ใครเดินมาขอให้เป็นฝรั่งเท่านั้น ทั้งจีนทั้งมาเลย์เรียก sir sir กันให้ขรม.. ฝรั่งก็วางท่าโก้รับ

มารู้เอาตอนหลังว่า ตาคนนี้ถูก Governor เชิญตัวลงเรือจากอังกฤษให้มาซ่อมโรลสรอย แกเป็นช่างซ่อมรถค่ะ .. เดินเสียคับถนน
 8)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 23 ม.ค. 13, 16:45
อย่าว่าแต่กีฬาสีที่เล่นกันเอาเป็นเอาตายเลยครับ  เวลานี้นักวิชาการตัวเป็นไทยใจเป็นทาสยังพยายามปลูกฝังความเชื่อแก่ศิษย์ว่า ที่เราต้องเสียดินแดนในสมัย ร.ศ. ๑๑๒ เป็นเพราะความอ่อนด่อยเชิงการทูตของรัฐบาลสยามในสมัยนั้น  ทั้งยังปลูกฝังให้เชื่อว่าการที่ล้านนารวมเข้ากับสยามนั้นเป็นเพราะรัชกาลที่ ๕ ทรงหวังสูบทรัพยากรธรรมชาติจากแผ่นดินล้านนา  อยากให้ทุกท่านที่ได้อ่านเรื่องพม่ารบฝรั่งของท่าน Navarat c. นี้  ช่วยกันนำไปเผยแพร่ให้มากๆ  เพื่อให้คนไทยที่มีใจเป็นทาสได้ตื่นจากความงมงายกันเสียที


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: werachaisubhong ที่ 23 ม.ค. 13, 17:19
เข้ามาอ่านแต่ยังอ่านไม่จบครับ มัวแต่แอบอยู่หลังห้องครับ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 23 ม.ค. 13, 17:56
ท่านอ่านมาถึงบรรทัดสุดท้ายแล้วนี้ ในฐานะที่เป็นคนไทย ท่านคิดอย่างไรกันบ้างครับ


ในฐานะคนไทย ผมคิดว่าชาติตะวันตกนี่มันเลวจริงๆ มาสูบทรัพยากรเราไปบำรุงความร่ำรวยของตน กดขี่ชนพื้นเมือง   แต่นี่เป็นสิ่งที่วิถีคิดแบบชาตินิยมที่ปลูกฝังอยู่ทั้งในบทเรียนและวัฒนธรรมเราอย่างได้ผล ชวนให้เราคิดอย่างนั้น  ดังนั้นผมจะไม่มองความแตกต่างของวิถีชีวิตของชาวบ้านว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง  ไม่มองว่าชาวบ้านทั่วไปมีชีวิตที่ดีขึ้นหรือเลวลงอย่างไร  มีอิสระเสรีที่จะทำมาหากินโดยไม่โดนเกณฑ์แรงงานมากขึ้นไหม  มีระบบยุติธรรมหรือการดูแลรักษาความปลอดภัยมากขึ้นหรือเปล่า  ดังนั้นผมจะมองเห็นแต่ข้อเสีย เห็นแต่ฝรั่งเป็นยักษ์มาร  แต่จริงๆ แล้วพอคิดให้ลึกไปอีกนิด  "พม่าแดดเดียว" ตำรับอังกฤษ กับ"พม่าทุบ" ที่สีป่อ  เมีย และแม่ยายรู้เห็นเป็นใจเอาญาติมาทุบฝังลงหลุมทั้งลูกเด็กเล็กแดงชายหญิง แบบไหนมันชั่วช้ากว่ากัน?  



เหมือนการเปิดประเทศของเราตามสนธิสัญญาเบาริ่ง  ผมจำได้แต่ว่าตอนเรียนมีแต่ความรู้สึกว่าฝรั่งมันเลว มันบังคับเรา มันมาหาผลประโยชน์ของเรา    มองไม่เห็นว่าหรือไม่ได้รับการสอนว่าแต่อย่างน้อยมันทำให้ระบบการค้าที่ถูกผูกขาดโดยกลุ่มขุนนางหรือเจ้านายมันลดลงไป และเป็นที่มาของการที่เราต้องปรับปรุงประเทศอย่างขนานใหญ่  



ถ้าเอาพม่ามาเปรียบกับไทยในยุคสมัยเดียวกัน  ต้องนับว่าเราโชคดีกว่ามากที่พระมหากษัตริย์ของเรามีสายพระเนตรกว้างไกล  และมีสิ่งที่ไม่ขอใช้คำราชาศัพท์ว่าแต่ละพระองค์ทรงรู้สึกถึงภาระหน้าที่ที่จะรับผิดชอบชีวิตของราษฎรด้วย  มีทั้งพระเดชและพระคุณ  ไม่ได้เอาแต่หาความสุขสำราญแบบสีป่อ  เมีย และแม่ยาย ที่มีแต่พระเดช ทั้งที่ข้อจำกัดเรื่องทรัพยากรคนของเรากับพม่าน่าจะคล้ายๆ กันมาก คือมีแต่ปริมาณ แต่ด้านความรู้แบบสมัยใหม่ที่จะเอาไปสู้ฝรั่งยังขาดแคลนมาก   ถ้ากษัตริย์ของเราและคนแวดล้อมในยุคสมัยนั้นมีแนวคิดหรือเป็นกษัตริย์แบบกษัตริย์อยุธยาสมัยราชวงศ์บ้านพลูตาหลวง   ผมคิดว่าเราคงได้อยู่ในเครือจักรภพหรือกลายเป็นบ้านพี่เมืองน้องกับเวียดนามในฐานะอดีตอาณานิคมด้วยกันเป็นแน่เท้  
 


ในฐานะคนยุคหลัง เรามองการเสียบ้านเสียเมืองของพม่า เรามองการรุกรานของตะวันตกในสายตาแบบคนเอเชียที่ถูกรุกราน  แต่ถ้าเราเป็นฝรั่งในเวลานั้นเราคงมองว่าเป็นความชอบธรรมของเราที่จะนำพาความเจริญไปสู่ดินแดนห่างไกล  ดังนั้นคำตอบที่แน่ชัดจึงฟันธงไม่ได้  เพราะต้องถามว่าจะมองจากมุมไหน  แต่ละมุมก็ฟังดูเข้าท่าดีทั้งนั้น  แต่ถ้าในฐานะพลเมืองโลก  ตัดความคิดเรื่องชาตินิยมออกไป  ผมมองว่าหลักๆ คือการเปลี่ยนถ่ายผู้ปกครองจากชาวพม่าด้วยกันแต่เป็นเจ้า มาเป็นอังกฤษ



นโยบายแบ่งแยกและปกครองเป็นเรื่องธรรมดามากที่ชาติที่เป็นผู้ปกครองทั้งหลายกระทำกับผู้ใต้ปกครอง ปลูกฝังความเกลียดชังระหว่างกันเพื่อให้มัวแต่ระวังรบกัน ง่ายต่อผู้ปกครองที่จะจัดการ วิธีแบบนี้ไม่ได้มีแต่อังกฤษใช้  แม้แต่รัฐบาลทหารพม่าหลังรับเอกราชก็ยังใช้  หรือแม้แต่ระบบการเมืองไทยในปัจจุบันจะเห็นภาพนี้ได้ไม่ยาก  ถ้าจะบอกว่าอังกฤษเลว ก็ต้องมองด้วยว่าหลังอังกฤษออกไปคนพม่าปกครองกันเองแล้วเป็นอย่างไร  ดีกว่าเกาหลีเหนือแค่ไหนเชียว  ย่ำแย่กว่าสมัยอยู่ใต้อังกฤษอีก


ดังนั้นสำหรับผมแม้อาจจะขัดใจหลายๆ ท่าน ก็ต้องบอกว่าผมมองผู้ปกครองชาติใดไม่สำคัญ สำคัญว่าใครสามารถทำให้วิธีชีวิตของผู้คพลเมืองมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่ากัน  อะไรดีก็ต้องบอกว่าดีกว่า อะไรไม่ดีก็ต้องยอมรับว่าไม่ดี  จะมองแต่ข้อไม่ดีอย่างเดียวก็ออกจะอคติไป   แต่อย่างไรก็ตาม มรดกความขัดแย้งที่อังกฤษทิ้งไว้ให้จนเป็นปัญหาถึงปัจจุบัน เช่นความขัดแย้งระหว่างชนแต่ละชาติในพม่า หรือเรื่องที่เศร้ามากคือเรื่องพวกโรฮิงญา ที่อังกฤษขนมาทิ้งไว้ ก็เป็นสิ่งที่ควรจะต้องประนามอังกฤษและเรียกร้องให้เข้ามามีส่วนรับผิดชอบด้วย



นอกจากนี้ถ้าจะมองการรอดพ้นการเป็นเมืองขึ้นของเราว่าดีพอแล้ว  เราควรจะเปรียบเทียบกับญี่ปุ่นที่ประสบปัญหาคล้ายๆ กันด้วย  ในขณะที่การปรับปรุงของเรามุ่งไปที่การเลียนแบบจะให้เจริญแบบฝรั่ง แต่เพราะวิธีคิดของเราเน้นอะไรง่ายๆ สบายๆ ซื้อเค้ามาใช้แล้วก็แล้วกัน วันนี้เราจึงยังรับจ้างทำของอยู่เลย  แต่ของญี่ปุ่นเน้นว่าอะไรที่เอ็งทำได้ ตรูก็ทำเองได้เหมือนกัน และเน้นที่จะทำเอง  สุดท้ายปลายทางระดับการพัฒนาเลยต่างกัน



ปล  ท่านอาจารย์ V_Mee    ว่าพวกนักวิชาการไทยใจทาส  ผมสงสัยว่าเค้าใจเป็นทาสใครครับแต่คิดว่าไม่ใช่ฝรั่งหรอกกระมัง  แต่น่าจะเป็นพวกแอนตี้ระบบกษัตริย์มากกว่า  พวกนี้จะมองประวัติศาสตร์ทุกอย่างเป็นความผิดพลาดของพระมหากษัตริย์ มองเห็นแต่ความไม่ดี  มองว่าการปรับปรุงพัฒนาทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปเพื่อเสริมความมั่นคงของอำนาจของสถาบัน  และจะมองไม่เห็นสำนึกความรับผิดชอบต่อราษฎรที่พระมหากษัตริย์ไทยทรงรู้สึก  ทรงมี และทรงแสดงออกมาผ่านพระราชกรณียกิจต่างๆ มาหลายรัชกาลแล้ว


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ม.ค. 13, 18:45
ยังหลับอยู่


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ม.ค. 13, 22:23
ฝันไป ใครว่าไว้น้อ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ม.ค. 13, 23:11
^
โบราณท่านเรียกว่าฝันหาเรื่อง(ให้คนอื่น  ขึ้นเวทีแทน)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 24 ม.ค. 13, 06:36
ตอบคุณประกอบ
นอกจากนี้ถ้าจะมองการรอดพ้นการเป็นเมืองขึ้นของเราว่าดีพอแล้ว  เราควรจะเปรียบเทียบกับญี่ปุ่นที่ประสบปัญหาคล้ายๆ กันด้วย  ในขณะที่การปรับปรุงของเรามุ่งไปที่การเลียนแบบจะให้เจริญแบบฝรั่ง แต่เพราะวิธีคิดของเราเน้นอะไรง่ายๆ สบายๆ ซื้อเค้ามาใช้แล้วก็แล้วกัน วันนี้เราจึงยังรับจ้างทำของอยู่เลย  แต่ของญี่ปุ่นเน้นว่าอะไรที่เอ็งทำได้ ตรูก็ทำเองได้เหมือนกัน และเน้นที่จะทำเอง  สุดท้ายปลายทางระดับการพัฒนาเลยต่างกัน

สำหรับความเห็นข้างบนน่าจะกิดขึ้นในช่วงรับความช่วยเหลือจากต่างชาติ  ซึ่งทำให้คนไทยเราง่อยเปลี้ยเสียขา  รอรับแต่ความช่วยเหลือเพียงอย่าเดียว  ไม่คิดจะพึ่งพาตนเอง  แต่หากมองย้อนกลับในสมัยรัชกาลที่ ๕ และ ๖ สมัยที่เราเริ่มเรียนรู้วิทยาการสมัยใหม่  เราจ้างฝรั่งมาคนหรือสองคนมาทำแผนที่และให้ให้สอนคนไทยให้รู้จักทำแผนที่  จนเราสามารถทำแผนที่ใช้เองได้  เราจ้างฝรั่งเยอรมันมาขุดอุโมงค์ขุนตาลและเดินรถไฟสายเหนือ  จ้างอังกฤษมาทำทางรถไฟสายใต้  พอประกาศสงครามโลกครั้งที่ ๑ เราจับวิศวกรเยอรมัน  และให้ทหารช่างขุดอุโมงค์ขุนตาลจนสำเร็จ  ทั้งยังรวมกรมรถไฟสายเหนือสายใต้เป็นกรมรถไฟหลวง  จนฝรั่งชาติอังกฤษมานั่งรถไฟไทยและกลับไปเขียนชมว่านั่นรถไฟไทยน้ำในแก้ราบเรียบไม่มีกระฉอก  แต่พอเข้าเขตมมลายาก็รู้เลยเพราะน้ไในแก้วเริ่มกระฉอกไปมา  เรามาหยุดเรียนรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีกันเมื่อไร  นักวิชาการประวัติศาสตร์ท่านคงรู้ดีแต่คร้านที่จะเอ่ยถึง

ปล  ท่านอาจารย์ V_Mee    ว่าพวกนักวิชาการไทยใจทาส  ผมสงสัยว่าเค้าใจเป็นทาสใครครับแต่คิดว่าไม่ใช่ฝรั่งหรอกกระมัง  แต่น่าจะเป็นพวกแอนตี้ระบบกษัตริย์มากกว่า  พวกนี้จะมองประวัติศาสตร์ทุกอย่างเป็นความผิดพลาดของพระมหากษัตริย์ มองเห็นแต่ความไม่ดี  มองว่าการปรับปรุงพัฒนาทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปเพื่อเสริมความมั่นคงของอำนาจของสถาบัน  และจะมองไม่เห็นสำนึกความรับผิดชอบต่อราษฎรที่พระมหากษัตริย์ไทยทรงรู้สึก  ทรงมี และทรงแสดงออกมาผ่านพระราชกรณียกิจต่างๆ มาหลายรัชกาลแล้ว

ในประเด็นนี้ก็คงจะเป็นเพราะพวกนักวิชาการตัวเป็นไทยใจเป็นทาสนี้ไปร่ำเรียนมาจากชาติตะวันตก  ที่พระมหากษัตริย์ของชาติเหล่านั้นเคยกดขี่ข่มเหงราษฎรของตนไว้จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์ให้ได้ศึกษาเล่าเรียนกัน  เมื่อนักวิชาการไทยแต่ตัวพวกนั้นไปร่ำเรียนมาก็คิดว่ากษัตริย์และขุนนางไทยจะต้องกดขี่ราษฎรเหมือนพวกตะวันตก  โดยไม่นึกเฉลียงเสียบ้างว่า อะไรที่ดีสำหรับตะวันตก  ไม่จำเป็นที่จะต้องดีหรือเหมาะสมสำหรับบ้านเราเสมอไป  เราจำต้องรับมาและประยุกต์ให้เหมาะสมแก่บ้านเรา 


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 24 ม.ค. 13, 08:30
ในฐานะคนยุคหลัง เรามองการเสียบ้านเสียเมืองของพม่า เรามองการรุกรานของตะวันตกในสายตาแบบคนเอเชียที่ถูกรุกราน  แต่ถ้าเราเป็นฝรั่งในเวลานั้นเราคงมองว่าเป็นความชอบธรรมของเราที่จะนำพาความเจริญไปสู่ดินแดนห่างไกล  ดังนั้นคำตอบที่แน่ชัดจึงฟันธงไม่ได้  เพราะต้องถามว่าจะมองจากมุมไหน  แต่ละมุมก็ฟังดูเข้าท่าดีทั้งนั้น  แต่ถ้าในฐานะพลเมืองโลก  ตัดความคิดเรื่องชาตินิยมออกไป  ผมมองว่าหลักๆ คือการเปลี่ยนถ่ายผู้ปกครองจากชาวพม่าด้วยกันแต่เป็นเจ้า มาเป็นอังกฤษ.......

ดังนั้นสำหรับผมแม้อาจจะขัดใจหลายๆ ท่าน ก็ต้องบอกว่าผมมองผู้ปกครองชาติใดไม่สำคัญ สำคัญว่าใครสามารถทำให้วิธีชีวิตของผู้คพลเมืองมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่ากัน  อะไรดีก็ต้องบอกว่าดีกว่า อะไรไม่ดีก็ต้องยอมรับว่าไม่ดี  จะมองแต่ข้อไม่ดีอย่างเดียวก็ออกจะอคติไป   แต่อย่างไรก็ตาม มรดกความขัดแย้งที่อังกฤษทิ้งไว้ให้จนเป็นปัญหาถึงปัจจุบัน เช่นความขัดแย้งระหว่างชนแต่ละชาติในพม่า หรือเรื่องที่เศร้ามากคือเรื่องพวกโรฮิงญา ที่อังกฤษขนมาทิ้งไว้ ก็เป็นสิ่งที่ควรจะต้องประนามอังกฤษและเรียกร้องให้เข้ามามีส่วนรับผิดชอบด้วย

เรื่องความชอบธรรมที่จะนำความเจริญมาสู่ดินแดนไกล คงไม่ใช่ความคิดที่แท้จริงของพวกจักรวรรดินิยมดอก เป็นเพียงข้ออ้างที่สวยหรู  หากต้องการนำความเจริญมาโดยแท้จริง รูปแบบของมิชชันนารีฝรั่งในเมืองไทยน่าสรรเสริญกว่ามาก

ส่วนเรื่องผู้ปกครองเป็นชาติใดไม่สำคัญ เป็นหลักการที่สวยหรูอีกเช่นกัน ทุกคนมีความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้องด้วยกันทั้งนั้นไม่ว่าฝรั่ง พม่า หรือ ไทย  
 
อังกฤษปกครองพม่าก็เพื่อประโยชน์ของอังกฤษ พม่าปกครองเชียงใหม่ก็เพื่อผลประโยชน์ของพม่า ไทยปกครองเขมรก็เพื่อผลประโยชน์ของไทย

อังกฤษเอากุ้งฝอยมามอบให้ หลังจากเอาอวนกวาดปลากะพงไปหมดทะเลแล้ว      สิ่งสำคัญคือทรัพยากรของประเทศนั้นๆไม่ว่าในน้ำหรือบนดิน  ในปราสาทราชวังหรือตามเมืองตามหมู่บ้าน   โดนดูดไปเพิ่มความมั่งคั่งให้นายอย่างไม่อั้น    เหลือไว้แต่ความกระจอกงอกง่อยให้อยู่กันไป  

เห็นด้วยกับที่คุณเทาชมพูว่า

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley16.png)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ม.ค. 13, 08:32

ในฐานะคนไทย ผมคิดว่าชาติตะวันตกนี่มันเลวจริงๆ มาสูบทรัพยากรเราไปบำรุงความร่ำรวยของตน กดขี่ชนพื้นเมือง   แต่นี่เป็นสิ่งที่วิถีคิดแบบชาตินิยมที่ปลูกฝังอยู่ทั้งในบทเรียนและวัฒนธรรมเราอย่างได้ผล ชวนให้เราคิดอย่างนั้น  ดังนั้นผมจะไม่มองความแตกต่างของวิถีชีวิตของชาวบ้านว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง  ไม่มองว่าชาวบ้านทั่วไปมีชีวิตที่ดีขึ้นหรือเลวลงอย่างไร  มีอิสระเสรีที่จะทำมาหากินโดยไม่โดนเกณฑ์แรงงานมากขึ้นไหม  มีระบบยุติธรรมหรือการดูแลรักษาความปลอดภัยมากขึ้นหรือเปล่า  ดังนั้นผมจะมองเห็นแต่ข้อเสีย เห็นแต่ฝรั่งเป็นยักษ์มาร  แต่จริงๆ แล้วพอคิดให้ลึกไปอีกนิด  "พม่าแดดเดียว" ตำรับอังกฤษ กับ"พม่าทุบ" ที่สีป่อ  เมีย และแม่ยายรู้เห็นเป็นใจเอาญาติมาทุบฝังลงหลุมทั้งลูกเด็กเล็กแดงชายหญิง แบบไหนมันชั่วช้ากว่ากัน?  

เมื่อวานนี้ไม่ว่างเลยทั้งวัน  วันนี้มีเวลาจีบพลู เคี้ยวหมากตั้งแต่เช้า เลยขึ้นเวที มาช่วยคุณ V_Mee รุมเด็กชายประกอบ 2 ต่อ 1  สานฝันสไตล์นวรัตนดอทซี ให้จบ  เผื่อท่านจะใจอ่อนทำตามคำขอของแฟนานุแฟนขึ้นมาบ้าง

พ่อประกอบถามเรื่องเลวสองเรื่องว่าอย่างไหนเลวกว่ากัน   ฉันว่ามันเหมือนพ่อประกอบถามว่าให้เลือกว่าจะถูกตีหัวแตกกระโหลกร้าวกับตีซี่โครงหักหลายซี่   จะเลือกเอาอย่างไหน            มันก็แย่ทั้งสองอย่างละพ่อเอ๋ย     พ่อจะเอาอะไรมาวัดขนาดกว้างยาวลึกของความชั่วที่พม่าทำกับชาวบ้านอังกฤษ  กับพระเจ้าสีป่อและพระนางศุภยาลัตทำกับญาติๆ     แต่ถ้าให้ฉันวัดโดยเอาปริมาณและผลกระทบต่อประชาชนเป็นเกณฑ์   ฉันว่าพม่าแดดเดียวเลวกว่า   เพราะมันเป็นการกระทำในวงกว้างกว่ามาก  
ชาวบ้านไหนๆทั่วประเทศที่จับอาวุธขึ้นปกป้องแผ่นดิน  เขาก็อยู่ในข่ายโดนย่างทั้งเป็น    แล้วยังเป็นการเชือดไก่ให้ลิงประชาชนดู จนหวาดสยองไม่กล้าหือ  ก่อให้เกิดบรรยากาศของยุคสยองขวัญขึ้นในความรู้สึกของประชาชนทั่วไป   กดหัวประชาชนลงติดดินไม่ให้โงหัวขึ้น      ส่วนทุบลงหลุมนั้น เขาทำกันเฉพาะกลุ่มในครอบครัวเขา    พระเจ้าสีป่อไม่ได้ตามมาทุบราษฎรในเมืองต่างๆทั่วไปหมดนี่จ๊ะ  

ถ้าฉันต้องเกิดเป็นชาวบ้านสามัญชนไร้เชื้อสายในสมัยนั้นแล้วเลือกได้ว่าจะอยู่กับพระเจ้าสีป่อหรืออยู่กับอังกฤษ   ฉันก็อยู่กับพระเจ้าสีป่อดีกว่า  อย่างน้อยก็หายใจทั่วท้องว่าตื่นมาไม่ตายแน่    แต่ถ้าอยู่กับอังกฤษ ตื่นมาก็ไม่รู้ว่าจะหายใจไปได้กี่นาที   เพราะถึงฉันไม่ได้ต่อต้าน  แต่จู่ๆทหารแขกลูกน้องฝรั่งเข้ามาชี้หน้าว่าลุงของพี่เขยของน้องสะใภ้ของลูกเมียเก่าของสามีฉันถูกหาว่าเป็นดาค้อยท์   ให้เอาญาติใหญ่น้อยไปประหารให้หมด    ฉันก็มีสิทธิ์อาบแดดเดียวกันวันนั้นเอง โดยไม่มีสิทธิ์เถียงซักคำ

ว่าแต่พ่อประกอบจะไปแดดเดียวกะฉันด้วยไหม    ทหารแขกเค้าให้สิทธิ์ซัดทอดได้ด้วยนะเออ  จะได้ไปเป็นเพื่อนกันไงล่ะ



กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ม.ค. 13, 08:35
โพสต์เสร็จเพิ่งเห็นค.ห.ของคุณเพ็ญชมพู  เป็นอันว่าคุณประกอบเจอ 3 ต่อ 1  เห็นจะต้องสวมวิญญาณจา พนม ซะละมังคะ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 24 ม.ค. 13, 09:57
เรื่อง "พม่าแดดเดียว" เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความโหดร้ายของทหารอังกฤษเท่านั้น  มีอีกตัวอย่างความโหดร้ายของทหารอังกฤษมานำเสนอ

ในวันที่ ๓๐ มกราคม ค.ศ. ๑๘๘๙ กองกำลังฝ่ายอังกฤษหน่วยหนึ่งเข้าโจมตีหมู่บ้านเหว่ตอน (Hweton) ทางภาคใต้ของกามายง์ (รัฐกะฉิ่น) ทหารอังกฤษเริ่มต้นด้วยการเผาข้าวเปลือกที่ชาวบ้านเก็บเกี่ยวมากองไว้ และเมื่อยึดหมู่บ้านได้ ก็เผาทำลายหมู่บ้านทิ้งก่อนที่จะถอนกำลังออกไป สองวันต่อมา ขณะที่ชาวบ้านกำลังชุมนุมกันอยู่ใกล้ ๆ หมู่บ้านที่ถูกเผาไปนั้น กองทหารอังกฤษจำนวนหนึ่งบุกกลับเข้าไปยังหมู่บ้านที่เพิ่งถูกเผาทำลายไปแห่งนั้น และลงมือสังหารทั้งคนแก่และเด็ก ผู้ชายและผู้หญิง รวมทั้งหมดแล้ว มีหมู่บ้านถึง ๔๖ หมู่บ้าน ๖๓๙ ครัวเรือน ข้าวเปลือกน้ำหนักประมาณ ๒๓๐,๐๐๐ กิโลกรัม และวัวควายอีกจำนวนหนึ่งที่ถูกทำลายลงไปในระหว่างปฏิบัติการทางทหารครั้งนี้

จาก หนังสือพม่ากับการต่อต้านจักรวรรดินิยมอังกฤษ ค.ศ. ๑๘๘๕-๑๘๙๕ เขียนโดย นินิเมียนต์ หน้า ๑๔๙-๑๕๐

พม่าหรือไทยคงไม่ชอบ หากอังกฤษนำความเจริญมาให้ด้วยวิธีนี้

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley16.png)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ม.ค. 13, 10:24
อ่านแล้วนึกถึงปฏิบัติการณ์ของทหารอเมริกันที่ทำต่อชาวเวียตนามในหมู่บ้าน  My Lai  ในยุคสงครามเวียตนาม
http://www.pbs.org/wgbh/amex/vietnam/trenches/my_lai.html
เคยอ่านนิตยสารที่มีคนถ่ายรูปเหตุการณ์นี้ไว้อย่างละเอียด (ก็คงทหารอเมริกันที่บุกเผาทำลายและสังหารหมู่นั่นแหละ)  เป็นภาพน่าสะอิดสะเอียนที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 24 ม.ค. 13, 10:25
อังกฤษปกครองพม่าก็เพื่อประโยชน์ของอังกฤษ

ในวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ค.ศ. ๑๘๘๖ ลอร์ดดัฟเฟอรินและคุณหญิง พร้อมด้วยเสนาบดีต่างประเทศ มหาดไทย และกลาโหมของรัฐบาลอินเดีย เดินทางมาถึงมัณฑะเลย์เพื่อศึกษาสถานการณ์ก่อนที่จะทำการตัดสินใจขั้นสุดท้ายในปัญหาที่เกี่ยวกับชะตากรรมของพม่า การตัดสินใจครั้งนี้ปรากฏอยู่ในบันทึกทางราชการของลอร์ดดัฟเฟอริน ลงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ค.ศ. ๑๘๘๖ ที่เขียนขึ้นระหว่างยังอยู่ที่มัณฑะเลย์ ในบันทึกข้อความฉบับนี้ เขาได้เสนอแนะว่า

ข้าพเจ้าเห็นด้วยว่าการผนวกพม่าเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิ และทำการปกครองดินแดนแห่งนี้โดยตรงโดยข้าราชการอังกฤษ เป็นหนทางที่ดีที่สุดที่จะประกันความสงบสุขและความรุ่งเรืองของบริเวณพม่าตอนบน รวมทั้งผลประโยชน์ของจักวรรดิและผลประโยชน์ทางธุรกิจของเรา

ในวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พม่าจึงถูกผนวกเข้าอยู่ในอาณานิคมอินเดียของอังกฤษ และในวันที่ ๑ มีนาคม ก็มีฐานะเป็นจังหวัดหนึ่งของอาณานิคมแห่งนี้

ข้อมูลจากหนังสือเล่มเดียวกัน

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley20.png)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 24 ม.ค. 13, 12:27
ไม่ได้มาช่วยรุมคุณประกอบหรอกครับ แต่เข้ามาเติมเต็มข้อมูลที่ผมลงไปแล้ว
อ้างถึง
อังกฤษทำแสบอะไรไว้

อังกฤษเอาชนชาติต่างๆมาฝึกอาวุธ แล้วบรรจุเป็นตำรวจที่ปฎิบัติการเช่นทหาร เพื่อส่งไปประจำการในเขตต่างชนชาติกัน เพื่อประโยชน์ในการปกครองของอังกฤษผู้เป็นนาย พวกนี้เป็นศัตรูกันมาแต่เดิม จึงได้กระทำการที่ก่อให้เกิดความเกลียดชังซึ่งกันและกันยิ่งขึ้น  จนรู้สึกว่าจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้อย่าว่าแต่จะรวมเป็นประเทศเดียวกันเลย

อังกฤษยืมมือบ๋อยชาวพื้นเมืองในนามของตำรวจ เข่นฆ่าฝ่ายตรงข้าม ไม่ว่าจะเป็นศัตรูของอังกฤษหรือศัตรูของพวกตน


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 24 ม.ค. 13, 12:45
กองกำลังของไทใหญ่ในรัฐฉานที่อังกฤษเห็นว่าเป็นนักรบโดยธรรมชาติ เอามาฝึกและติดอาวุธให้ อรรถาธิบายผ่านสื่อไปยังคนอังกฤษในเมืองแม่ว่า "เลี้ยงโจรไว้จับโจร" (set a thief to catch a thief)

ว๊าว นี่คือทฤษฏีอมตะ เดี๋ยวนี้ตำรวจแถวนี้ยังใช้กันอยู่เลย


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 24 ม.ค. 13, 14:16
^
รูปที่แล้วเกือบดูไม่ออกว่าใส่หมวก หรือเอากระดาษหนังสือพิมพ์มาวางไว้บนหัวกันแดด

รูปข้างล่างก็แปลกสุดๆ อีตาพม่าที่แต่งชุดฝรั่งนั่งโก้แอ๊คท่าถ่ายรูปร่วมกับสมุนซ้ายขวาในรูปนี้ถูกระบุว่าชื่อ Myob hmong (ผมไม่พากษ์ไทยละ เกรงใจคุณเพ็ญ) ข่าวว่าแกเป็นหัวหน้าดาค้อยต์เหมือนกัน แต่เป็นประเภทที่เข้ามอบตัวกับอังกฤษ

ไม่รู้จริงมั้ยจริง


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 24 ม.ค. 13, 15:21
ฮิฮิ   โดนรุมเลย   สมน้ำหน้า  แต่ยังครับ ยังไม่เข็ด  ;D  ;D  ;D เพราถือคติว่า ยิ่งถ้าได้แลกเปลี่ยนความคิดมุมมองกับท่านผู้รู้  ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อการเพิ่มรอยหยักในสมองและมุมมองต่างๆ ดังนั้นจึงยังไม่เข็ด ตอนนี้เลยสวมวิญญาณบัวขาวก่อน  จาพนมมันออกจะแอ็คติ้งไป บู๊ไม่แหลกราญพอ


ขอตอบท่านอาจารย์ V_Mee ก่อน สำหรับเรื่องการพัฒนาที่ทำให้เราแตกต่างจากญี่ปุ่น   เพราะผมสงสัยว่า เราเปิดประเทศในช่วงใกล้ๆ กัน  ความรู้ในวิทยาการตะวันตกตอนเริ่มต้นมีพอๆ กัน เราออกจะมีเอกภาพในเรื่องการปกครองมากกว่าญี่ปุ่นที่มีหลายๆ แคว้นด้วยซ้ำ  ทั้งสองประเทศเริ่มต้นจากการซื้อวิทยาการเหมือนกัน จ้างต่างชาติเหมือนกัน  มีการส่งนักเรียนไปเรียนเมืองนอกเหมือนกัน แต่ทำไมปลายทางจึงต่างกัน?


ญี่ปุ่นใช้เวลา 30-40 ปีหลังเปิดประเทศก็สามารถมีกองทัพเรือขนาดใหญ่  สามารถต่อเรือรบเอง ผลิตเครื่องยนต์เอง ฯลฯ ปลายๆ ศตวรรษที่ 19 ก็สามารถรบกับจีน ทำตัวเป็นผู้ล่าอาณานิคมแบบฝรั่งได้  ส่วนประเทศเราก็มีการพัฒนาปรับปรุงเช่นกัน  แต่ไม่ได้ถึงขนาดญี่ปุ่น  แสดงว่าต้องมีปัจจัยอื่น   ถ้าจะว่าเพราะพลเมืองญี่ปุ่นมีมากกว่าก็ไม่น่าใช่  เกาหลีใต้พลิกฟื้นจากไม่มีอะไรเลยหลังสงครามเกาหลี ประชากรน้อยกว่าไทย วันนี้ก็แซงเราไปแล้ว  ตามทันพี่ยุ่นแล้ว


คำตอบนี้สำหรับผม ได้มาจากการดูละครญี่ปุ่น กี่เรื่องๆ จุดขายจะเป็นเรื่องความพยายาม  ความสู้อุปสรรคชีวิต  ตัวละครมีมิติ มาเปรียบเทียบกับละครไทย เน้นตัวเอกรวย ตัวละครไม่ค่อยมีมิติ  ดีก็ดีนางเอก ร้ายก็รายนางอิจฉา  เรื่องราวเน้นการแย่งชิงหัวใจเศรษฐี  งอนง้อกัน  รวยโดยวิธีลัดกันทั้งนั้น   นี่เรื่องใหม่ช่อง 3 ก็เน้นตบกันอีกแล้ว     จะเห็นความแตกต่างของวิธีคิดของพลเมืองที่สะท้อนผ่านรสนิยมตรงนี้ได้ดีครับ 


ส่วนเรื่องพม่าแดดเดียวหรือพม่าทุบ  จริงๆ คำตอบของผมมันเลวทั้งคู่ครับ ไม่มีอันไหนเลวน้อยกว่าใคร   ยิ่งถ้าเราเป็นผู้ถูกกระทำโดยตรงโดนทุบหรือตากแดดก็ไม่เอาทั้งนั้น   ปัญหาหลักๆ ที่ผมคิดคือเวลาเรามองประวัติศาสตร์  เรามักจะมีอคติในเรื่องของชาตินิยมที่ถูกปลูกฝัง ดังนั้นฝ่ายที่รุกรานจะมีภาพความไม่ชอบธรรมมากกว่าเสมอ แต่ถ้ามองไปที่การปฏิบัติจริงๆ  สิ่งที่ชาวบ้านประสบพบเจอ  อาจจะเลวร้ายจากทั้งสองฝ่าย ถูกบีบให้เลือกข้าง อยู่ตรงกลางไม่ได้ ไม่มีใครคุ้มครอง  ตอนไหนใครมีอำนาจกว่าก็ต้องเข้ากับเขา พอเขาหมดอำนาจ กลายเป็นชาวบ้านเองถูกแก้แค้นโดยอีกฝ่ายในฐานะผู้สนับสนุน เป็นตาสีตาสาซวยเสมอ   แต่ถ้าตัดอคติออกไป  บางครั้งการปกครองโดยคนชาติเดียวกันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดีกว่าเสมอไปก็ได้ 


การปฏิบัติต่อผู้ที่เห็นต่างอย่างรุนแรงและโหดเหี้ยม ไม่ได้มีแต่อังกฤษ อเมริกา  เยอรมัน ญี่ปุ่นในต่างยุคต่างสมัยกันกระทำต่อชาติที่ถูกรุกรานเท่านั้น  ในชาติเดียวกันการปฏิบัติอย่างเลวร้ายผลักไสผู้ที่เห็นต่าง หรือแม้แต่ไม่มีทางเลือกก็มีเช่นกัน  เหตุการณ์แบบฆ่า ข่มขืน ขับไล่คนทั้งหมู่บ้าน  เผาทุกอย่าง  เกิดขึ้นจากทุกฝ่ายเสมอเวลาผู้กระทำคิดว่าผู้ถูกกระทำเป็นฝ่ายตรงข้าม  และจะไม่ขึ้นกับเชื้อชาติเลย ดังนั้นทหารพม่าในยุคหลังที่ทำกับชนกลุ่มน้อยก็มี   ทหารไทยทำกับชาวบ้านไทยที่คิดว่าสนับสนุน ผกค ก็มี  ฮูตูรวันดาทำต่อฮูตูเองก็มี  ทหารซีเรียทำกับฝ่ายต่อต้านก็มี  คนรัสเซียหรือเกาหลีเหนือที่ถูกเอาตัวไปไว้ในกูลักโดยคนชาติเดียวกันก็มี  ทหารอิรักหรืออัฟกันเองทำต่อชาวบ้านในอิรักและอัฟกานิสถานก็มี   ดังนั้นเรื่องเลวร้ายพวกนี้เกิดขึ้นเสมอเมื่อฝ่ายหนึ่งคิดว่าตัวชอบธรรมกว่าที่จะกระทำได้ และฝ่ายนี้มักไม่สนใจเรื่องเชื้อชาติของผู้ถูกกระทำเลย จะชาติเดียวกันก็ทำได้ครับ และเรื่องพวกนี้ยังเกิดขึ้นจนถึงปัจจุบัน


ส่วนที่เรามองว่าตะวันตกเข้ามา เค้ามาสูบเลือด ดึงทรัพยากรออกไปแต่ฝ่ายเดียวผมมองว่ามันไม่ได้จะเป็นแบบนั้นไปทั้งหมด เช่นการเข้ามาพม่า อังกฤษต้องการไม้สัก  อัญมณี  ในขณะที่อังกฤษสูบทรัพยากรเหล่านี้ออกไป แต่อังกฤษเองก็ต้องมีการลงทุนในเรื่องสาธารณูปโภคต่างๆ  ต้องการแรงงานมากขึ้น มีการกระจายรายได้มากขึ้น  มีตลาดเกิดขึ้นเพราะอังกฤษเอาทรัพยากรออกไปผลิตสินค้า ก็ต้องการตลาดส่งออกเช่นกัน  ชนพื้นเมืองมีรายได้มากขึ้นจากการขายแรงงาน อำนาจการซื้อก็มากขึ้น  แม้จะไม่ถึงขนาด win-win ก็เถอะ  ในขณะที่สมัยสีป่อ ชาวบ้านไม่รู้จะทำอะไร นอกจากปลูกข้าวกับเล่นหวย แถมถูกเกณฑ์แรงงานฟรีๆ ด้วย


ผมไม่ได้มาแก้ตัวแทนอังกฤษเพราะผมไม่ได้นิยมฝรั่ง  แต่ผมมาออกความเห็นเพื่อค้านลัทธิชาตินิยมสุดโต่ง  เพราะมันเป็นที่มาของความขัดแย้งแบบไม่จำเป็นและเป็นเครื่องมือที่ผู้ปกครองเอามาใช้ปั่นหัวประชาชนเสมอเลย   ชาตินิยมสุดโต่งทำให้ผู้คนมักจะมองอะไรเห็นด้านเดียว และมักจะมองว่าเป็นความชอบธรรมของตนที่จะกระทำอะไรบางสิ่งบางอย่าง  หรือเกลียดชังผู้อื่นโดยไม่ต้องสนใจว่าผู้นั้นเป็นใคร มีชีวิตจิตใจนิสัยใจคออย่างไร  ขอแค่คิดว่าอยู่อีกฝ่ายเท่านั้นก็มีความชอบธรรมพอที่จะเกลียดได้แล้ว  ทุกวันนี้เราสามารถเห็นแนวคิดชาตินิยมสุดโต่งที่อยู่ในความคิดของคนรุ่นใหม่ได้ง่ายมากผ่านตาม web board ต่างๆ  facebook หรือแม้แต่เว็บดราม่า ผ่านการแสดงออกความเกลียดชัง ความเห็นที่ร้อนแรงแต่มีมุมเดียวตื้นๆ แคบๆ   เราปลูกฝังกันจนประสบความสำเร็จเกินไปจริงๆ 


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 24 ม.ค. 13, 15:35
อ้อ  ผมลองจินตนาการเปลียนคำว่าฝรั่งกับอังกฤษ เป็นคำว่าสยาม  สมมุติว่าการรุกรานนี้มากจากสยามซึ่งเป็นมหาอำนาจ  มิใช่จากอังกฤษ  ชื่อท่านลอร์ดต่างๆ เปลี่ยนเป็นพระยาแทน  การแทรกแซงของฝรั่งเศสเปลี่ยนเป็นเวียดนาม   ไม่มีชาติตะวันตกใดๆ เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งนี้ เป็นการรุกของสยามล้วนๆ เพื่อรุกรานหม่าและคานอำนาจเวียดนามที่กำลังแผ่อิทธิพลเข้ามาในพม่า   ผมพบว่าความรู้สึกต่างๆ เปลี่ยนไปคนละเรื่องเลยครับ  ถ้าท่านใดทำแบบผมแล้วพบว่าความรู้สึกเปลี่ยนไปเช่นกัน แปลว่าเราติดกับดักชาตินิยมเหมือนๆ กันแล้ว  :-*  :-*


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ม.ค. 13, 16:51
ดิฉันว่ามันไม่เกี่ยวกับชาตินิยมนะคะคุณประกอบ       ถ้าคุณ V_Mee คุณเพ็ญชมพูและดิฉันชาตินิยมสุดโต่งก็คงไม่เข้าข้างพม่า เพราะเป็นศัตรูของเรามาตั้งแต่อยุธยาตอนกลาง    ทำเอาเราเสียเมืองไปตั้ง 2 หน        เมื่ออ่านพบว่าพม่าถูกกระทำย่ำแย่ขนาดนี้  นักชาตินิยมไทยสุดโต่งน่าจะตีปีกเสียด้วยซ้ำ

ดิฉันไม่ชอบอังกฤษเพราะรู้สึกเหมือนเห็นยักษ์กำลังไล่ตีเด็กตัวเล็กๆที่แข็งใจสู้สุดฤทธิ์สุดเดช  แล้วก็ถูกจับหักคอเรียบวุธ   จากนั้นยังอ้างเสียอีกว่า เด็กมันเกเร ก็ต้องถูกลงโทษเป็นธรรมดา


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 24 ม.ค. 13, 18:29
มิได้ครับมิได้ ผมไม่ได้หมายความว่าท่านอาจารย์หรือท่านอื่นๆ เป็นนักชาตินิยมสุดโต่งครับ โปรดอย่าได้เข้าใจผมผิดไป  กราบขออภัยที่เขียนไปไม่แจ่มชัด  บ๊ะ หารูปไหว้ไม่เจอ แบบนี้ต้องโดนไม้่เรียวซักทีสองที  ;D


ผมเพียงแต่จะโยงไปว่าพวกนักชาตินิยมสุดโต่งมักจะแสดงอารมณ์ออกมารุนแรง เช่นแสดงความเกลียดชังผ่านภาษาออกมาอย่างรุนแรง ซึ่งเราจะไม่เจอเห็นกระทู้นี้ แต่ในกระทู้ที่ท่านนวรัตนยกมาจาก pantip ที่เป็นประวัติศาสตร์พม่าในมุมฝ่ายพม่า ผมเห็นการแสดงอารมณ์ที่รุนแรงของคนไทยผ่านภาษาออกมาหลายความเห็นเลย   จนแม้แต่เร็วๆ นี้ที่มีคำลือออกว่าว่าฟิลิปปินส์ด่าคนไทยว่าไอ้ไทย  คนจำนวนไม่น้อยไม่ทันไตร่ตรองอะไรเลย ทั้งด่า ทั้งดูถูกฟิลิปปินส์กันใหญ่  หรือผมเองจนบัดนี้ก็ยังเกลียดฝรั่งเศสอยู่เลย ถามว่าทำไมเกลียดก็ต้องตอบว่าเพราะร้อยกว่าปีก่อนมันมาเอาดินแดนเราไป ทั้งที่เรื่องนี้มันนานก่อนผมเกิดแล้ว แต่ป่านนี้ผมเองยังปล่อยวางไม่ได้เลย  ตัวเหตุผลในหัวบอกนี่มันเรื่องเก่าแล้ว แต่ตัวอารมณ์บอกมันรุกรานเรา  แค้นว้อยย  สรุปจนบัดนี้กีฬาอะไรมีฝรั่งเศส กัมพูชาแข่ง ผมเชียร์ให้แพ้เสมอ  ;D  นี่ก็สุดโต่งแบบนึง ดังนั้นความคิดเรื่องชาตินิยมอาจจะทำให้ทัศนคติ หรือการมองภาพรวมของเหตุการทั้งหมดเบี่ยงเบนหรือไม่กระจ่างชัด หรือมองไม่เห็นมุมอื่นๆ ที่อาจจะซ่อนหรือถูกบังอยู่



ในแง่หนึ่งที่ท่านอาจารย์มองว่าอังกฤษคือนักเลงใหญ่ที่รังแกเด็กที่ไม่มีทางสู้ อันนี้ผมก็เห็นด้วยครับ   แต่อาจจะมองว่าเหมือนหมู่บ้านใหญ่รังแกหมู่บ้านเล็กมากกว่า  เพียงแต่ผู้ใหญ่บ้านของบ้านหมู่บ้านเล็กไม่ได้เรื่องด้วย เค้าจึงรังแกได้ พอบ้านแตกก็เลยกระจัดกระจายกันไป   แต่หมู่บ้านเล็กข้างๆ ผู้ใหญ่บ้านเก่งกว่า  ยืดหยุ่นกว่า อะไรยอมได้ก็ยอมและรับเอาข้อดีๆ ของหมู่บ้านใหญ่มาเร่งปรับปรุงตัวเอง เลยรอดปากเหยี่ยวปากกามาได้    ผมเองในแง่หนึ่งก็สงสารพม่า แต่ในอีกแง่ผมก็สงสัยตัวเองว่าผมสงสารพม่าเพราะพม่าเหมือนเด็กโดนรังแก ผมจึงเข้าใจความเจ็บปวดของพม่าตรงนี้ได้ดี   เพราะไทยเราก็เคยโดนรังแกแบบเดียวกัน ดังนั้นในเรื่องการถูกรุนรานนี้เราจึงเข้าใจความเจ็บปวดของพม่า และเห็นใจพม่าจนลืมความบาดหมางที่พม่าเคยมารุกรานไทยไปได้ ซึ่งจะโยงไปกับเรื่องชาตินิยมไปได้อีกนั่นแหละ 



ดังนั้นผมจึงรู้สึกว่าเวลาพูดเรื่องในประวัติศาสตร์แล้วมันจะมีหลายมุมมาก ขึ้นกับว่าจะเอามุมของใครมามอง  และมองมุมไหนมันเหมือนจะมีเหตุผล  มีความชอบธรรมไปหมด   เรามองพม่าในมุมของคนไทยที่เจ็บปวดกับการเคยถูกรังแกเหมือนกัน   หรือเราจะมองพม่าในมุมของอังกฤษที่บอกว่าระบบการปกครองเก่าเป็นอุปสรรคต่อการทำมาค้าขายและเข้าถึงทรัพยากรมหาศาลของพม่า  รวมทั้งความวุ่นวายต่างๆ ที่ตามมาด้วยทำให้ต้องเร่งกำจัดด้วยความรุนแรง เพราะไม้นวมไม่ได้ผล  หรือที่จริงพวกอังกฤษอาจจะเลวและไม่มีมนุษยธรรมเองอยู่ก่อนแล้ว แต่ผมเองนั่นแหละที่พยายามหาข้อดีของอังกฤษมาคานมากเกินไป       หรือแม้แต่จะมองในมุมอาบังโพกหัวอยู่อินเดียไม่มีอะไรทำ มาสมัครเป็นทหารซีปอยมารบพอมีเงินส่งไปทางบ้านได้ ญาติทางบ้านพลอยได้รับความเกรงอกเกรงใจไปด้วย มาเป็นทหารรุกรานพม่าถ้าไม่ตายซะก่อนก็ดีกว่าอยู่ว่างๆ ที่อินเดีย  ดังนั้นทุกเหตุการณ์เมื่อมีฝ่ายใดเสียประโยชน์ก็จะมีคนได้ประโยชน์เสมอมากน้อยต่างกันไป ทั้งคนต่างชาติ คนในชาติของตนเอง  อยู่ที่เราจะเลือกมองจริงๆ 



ถ้ามองในมุมของชาวบ้านพม่าแดดเดียวที่ผมก็สงสัยว่าคนระดับตัวเล็กๆ สู้ไปเพื่ออะไร หรือถูกตากแดดเพื่ออะไร เพราะสุดท้ายคนที่มีอำนาจเจรจาหรือเลือกที่จะสู้หรือวางอาวุธก็คือระดับใหญ่ๆ แกนนำไม่กี่คนอีกนั่นแหละ   คนที่ถูกตากอาจจะเป็นชาวบ้านเล็กๆ ที่ไม่มีทางเลือก โดนเค้าเกณฑ์มาก็ต้องทำ ถ้าไม่ทำครองครัวตัวที่อยู่ในเขตอิทธิพลของฝ่ายที่เกณฑ์ก็อาจจะเดือดร้อนไปอีก เค้าให้รบก็ต้องรบ ให้เลิกก็เลิก ไม่งั้นลูกเมียจะลำบาก และส่วนหนึ่งที่รบก็ไม่รู้ว่าเพราะถูกแกนนำเขียนเสือให้วัวกลัวหรือเปล่า   ดังนั้นชาวบ้านพวกนี้น่าสงสารที่สุด 


ในกลุ่มต่อต้านที่สู้สุดฤทธิ์ ผมก็ยังขี้สงสัยต่อว่าเป็นการสู้เพื่อรักษาเขตอิทธิพลของตัวของมูลนาย หรือเป็นการสู้เพื่อปลดแอกพม่าทั้งมวลออกจากเงื้อมมืออังกฤษแบบอุดมคติจริงๆ  หรือสู้เพื่อเพิ่มราคาค่าตัว เพราะไม่ว่าจะแบบไหน แกนนำตัวเบ้งๆ แม้จะเสี่ยงตายแต่เป็นคนที่เสี่ยงตายน้อยที่สุด และได้ผลประโยชน์คุ้มค่ามากที่สุดถ้าเจรจากันได้หลังควันปืนสงบ และเป็นพวกที่เหลือชื่อจารึกอยู่ในประวัติศาสตร์เสมอ 


ข้อดีที่สุดที่ได้อ่านกระทู้นี้คือยิ่งทำให้ผมสำนึกว่าเราโชคดีแค่ไหนที่พระมหากษัตริย์ของเราในยุคสมัยเดียวกันแตกต่างจากพม่ามากขนาดไหน ทำให้ชาวบ้านร้านตลาดเราแทบจะไม่ต้องเดือดเนื้อร้อนใจกับการเข้ามาของต่างชาติแบบที่คนพม่าโดน   เพียงแต่นักประวัติศาสตร์แนวไม่เอาเจ้า(ผมไม่คิดว่าพวกนี้เป็นขี้ข้าฝรั่ง แต่คิดว่าพวกนี้น่าจะมีพื้นฐานจากการอิจฉาหรือหมั่นไส้การมีฐานันดรมากกว่า เพราะฝรั่งเองยังมีพวกโปรเจ้าหรือคนดังอยู่มากเช่นกัน) จะอคติกับสถาบันมากแบบที่ท่าน V_Mee ว่ามาก  ทุกวันนี้ผมเป็น frined ติดตาม อาจารย์ ส. คนดังที่ชอบวิพากษ์วิจารณ์สถาบันจาก facebook เสมอ ตามคติรู้เขารู้เราเอาไว้ ยิ่งไม่เห็นด้วยกับเขายิ่งต้องติดตามความคิดเขา 


แม้จะสงสัยว่านี่ผมกำลังเบี่ยงประเด็นป่วนกระทู้อยู่หรือเปล่านี้  กราบขออภัยท่านนวรัตนไว้ด้วย   แต่ยังยินดีรับไม้เรียวอยู่นะครับ เด็กดื้อไม่โดนตีบ้างจะได้ดียาก    :-[  ดังนั้นท่านอาจารย์ทุกท่านเฆี่ยนได้ตีได้กำราบได้ไม่มีน้อยใจหนีไปวิกไหนครับ   ดื้อตาใส   ยิ่งวิก pantip เค้าเปลี่ยนระบบจนไม่น่าเข้าไปเท่าไหร่แล้ว  วนเวียนปั่นป่วนอยู่แถวนี้แหละ  ;D


ปล ผมยังหาภาพพม่าแดดเดียวเวอร์ชั่นโหดหนอนขึ้นไม่เจอเลย ตามไปหาผลงานของอีตาตากล้องตามที่ท่านผู้รู้ให้ไว้ก็เจอแต่ภาพเสือบ้าง ชาวบ้านอินเดียจนๆ บ้าง ภาพสงครามพม่าเหมือนที่ลงไว้ในกระทู้นี้บ้าง แต่ยังหาภาพเวอร์ชันโหดมาดูไม่ได้ซักที   ???


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: dantoki ที่ 24 ม.ค. 13, 18:36
ทำไมฝรั่งถึงเก่งครับในสมัยนั้น ไปไหนคนกลัวหัวหด  ขนาดชาติใหญ่ๆ อย่างพี่จีนก็ไม่เว้น เทคโนโลยีด้านอาวุธก็ใช่ว่าจะก้าวหน้าจนยิงไหนแตกนั่น ยุทธวิธีการรบก็ใช่ว่าจะเก่งเลิศเลออะไร อีกอย่างคนอังกฤษไม่ถูกโรคกับเมืองร้อน ถ้าผมสามารถย้อนเวลากลับไปสู่อดีตได้ ผมจะหลอกยิงให้เรียบเลยครับ โดยใช้ยุทธวิธีแบบเดียวกับเวียดกงรบอเมริกัน คือหลบอยู่ในรู แล้วคอยแอบยิงมันตอนเผลอ สักพักพอเปลืองคนเปลืองงบเข้า ก็ถอยเองแหละ แต่เวียดนามมีพี่เบิ้มคอยส่งอาวุธให้นี่เนอะ ไม่งั้นคงแพ้อเมริกาอ่ะแหละ

เท่าที่มองเห็นปัญหา น่าจะเกิดจากสมัยก่อนเทคโนโลยีการผลิตอาวุธนั้นตามหลังฝรั่งอยู่หลายก้าว อาวุธหลายๆ อย่างยังต้องสั่งซื้อจากฝรั่ง ผลิตเองยังไม่ได้ หรือได้ก็คุณภาพไม่ดีพอเท่ากับที่ฝรั่งมันมี


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 24 ม.ค. 13, 18:53
อ้างถึง
แม้จะสงสัยว่านี่ผมกำลังเบี่ยงประเด็นป่วนกระทู้อยู่หรือเปล่านี้  กราบขออภัยท่านนวรัตนไว้ด้วย

ไม่เลยครับ ไม่เลย
ผมเป็นคนตั้งคำถามไว้ อยากให้ท่านๆได้แสดงทัศนะกันโดยเสรี


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 24 ม.ค. 13, 19:35
ที่คุณประกอบกล่าวว่า สยามกับญี่ปุ่นเปิดประเทศในเวลาไล่เลี่ยกัน  แต่ทำไมสยามจึงพัฒนาช้ากว่าญี่ปุ่น
คงต้องย้อนกลับไปดูที่ปัจจัยพื้นฐานหลายๆ อย่าง  ญี่ปุ่นมีภูมิประเทศและภูมิอากาศที่แตกต่างจากสยามโดยสิ้นเชิง  ชาวญี่ปุ่นจึงต้องดิ้นรยต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดมากกว่าชาวสยามที่ชีวิตเรื่อยๆ มาเรียงๆ  เพราะสยามอยู่ในภูมิภาคที่สมบูรณ์พร้อมท้งอาหารการกินและภูมิอากาศที่ไม่ทารุณโหดร้ายเหมือนญี่ปุ่น  อีกประการคือ การปลูกฝังเรื่องชนชั้นนักรบของญี่ปุ่น  ทำให้คนญี่ปุ่นชินชากับการสู้รบ  ซึ่งต่างจากชาวไทยที่รักสนุกรักสบายมากกว่า  คัวอย่างที่เห็นได้ชัดจากภาพยนต์ญี่ปุ่น  เมื่ออเมริกันส่งเรือดำเข้ามาขู่ให้ญี่ปุ่นเปิดประเทศ  บรรดาซามูไรของญี่ปุ่นนั้นก็เตรียมการต่อสู้กันเต็มที่  แต่เมื่อย้อนมาดูเหตุการณ์ ร.ศ. ๑๑๒ ในบ้านเรา  เมื่อฝรั่งเศสส่งเรือรบเข้ามาในลำน้ำเจ้าพระยา  คนไทยแห่ไปดูเรือฝรั่งเพราะเป็นของแปลก

ส่วนเรื่องการศึกษานั้นข้อด้อยของสยามคือ การหวงวิชาความรู้ไว้ในสายสกุล  ไม่ยอมถ่ายทอดให้คนนอก  จึงทำให้การสืบทอดวิชาความรู้ไม่ต่อเนื่อง  และไม่แพร่หลาย  ในข้อนี้คิดว่าญี่ปุ่นน่าจะไม่มีข้อจำกัดเช่นสยาม  ฉะนั้นเมื่อญี่ปุ่นเปิดประเทศและส่งคนไปเล่าเรียนวิทยาการจากตะวันตก  ญี่ปุ่นจึงดูดกลืนความรู้แล้วมาแปลเป็นภาษาญี่ปุ่น  ทำให้ชาวญี่ปุ่นได้เรียนรู้วิทยาการสมัยใหม่อย่างรวดเร็ว  ส่วนสยามนั้นแม้จะส่งนักเรียนไปเล่าเรียนในยุโรป  แต่เพราะความสุขสบายที่เคยชินกันมาช้านาน  เมื่อไปเล่าเรียนจึงนอกจากได้วิทยาการสมัยใหม่ลับมา  แต่ก็พหพาวิชาจีบสาวและเมาสุรากลับมาด้วย  จึงทำให้การถ่ายทอดวิทยาการจากตะวันตกด้อยกว่าญี่ปุ่นอย่างเห็นได้ชัด

ปัจจัยสำคัญอีกประการคือ ระบบจัดเก็บภาษี  เนื่องจากญี่ปุ่นมีการปกครองแบบนครรัฐ  เจ้านครแต่ละรัฐจึงมีการสร้างระบบภาษีเพื่อสะสมเงินทุนในการสร้างเสริมกำลังรบไว้ต่อสู่กับรัฐอื่นๆ  ระบบจัดเก็บภาษีของญี่ปุ่นจึงก้าวหน้ากว่าระบบภาษีของสยามไปมาก  เมื่อญี่ปุ่นก้าวเข้าสู่ยุคเปิดประเทศจึงมีเงินทุนมากพอที่จะพัฒนาประเทศ 

แต่ที่ญี่ปุ่นแพ้สยามอย่างแน่นอนคือ การดำเนินวิเทโศบายทางการทูตของสยามในสงครามโลกครั้งที่ ๑ เพราะเมื่อครั้งเปิดประเทศนั้น  อเมริกาใช้สนธิสัญญานานกิงเป็นต้นแบบ  เช่นเดียวกับที่เซอร์จอห์น บาวริง เอามาใช้เป็นต้นแบบทำสัญญากับสยาม  แต่เมื่อสงครามโลกครั้งที่ ๑ สงบลง สยามทำสัญญาใหม่กับอเมริกา  ซึ่งทำให้สยามหลุดพ้นจากภาษีร้อยชักสามและสามารถยกเลิกสิทธิสภาพนอกอาณาเขต  และสยามได้ใช้สัญญานี้เป็นต้นแบบในการเจรจากับอีก ๑๒ ชาติ  แต่เหนืออื่นใดรัฐบาลอเมริกันได้ใช้สัญญาที่ทำไว้กับสยามเป็นต้นแบบในการทำสัญญาฉบับใหม่กับญี่ปุ่น และจีน  ซึ่งทำให้ชาติคุ่สัญญาของญี่ปุ่นและจีนต้องเดินตามรอยอเมริกัน  ที่กล่าวมานี้ก็เพื่อจะชี้ให้เห็นว่า สยามก็มีดีเหมือนกัน  แต่ไม่ใคร่จะนำมาบอกกล่าวกันเท่านั้นเอง


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 24 ม.ค. 13, 20:07
ถ้ามองในมุมของชาวบ้านพม่าแดดเดียวที่ผมก็สงสัยว่าคนระดับตัวเล็กๆ สู้ไปเพื่ออะไร หรือถูกตากแดดเพื่ออะไร เพราะสุดท้ายคนที่มีอำนาจเจรจาหรือเลือกที่จะสู้หรือวางอาวุธก็คือระดับใหญ่ๆ แกนนำไม่กี่คนอีกนั่นแหละ   คนที่ถูกตากอาจจะเป็นชาวบ้านเล็กๆ ที่ไม่มีทางเลือก โดนเค้าเกณฑ์มาก็ต้องทำ ถ้าไม่ทำครองครัวตัวที่อยู่ในเขตอิทธิพลของฝ่ายที่เกณฑ์ก็อาจจะเดือดร้อนไปอีก เค้าให้รบก็ต้องรบ ให้เลิกก็เลิก ไม่งั้นลูกเมียจะลำบาก และส่วนหนึ่งที่รบก็ไม่รู้ว่าเพราะถูกแกนนำเขียนเสือให้วัวกลัวหรือเปล่า   ดังนั้นชาวบ้านพวกนี้น่าสงสารที่สุด 


ในกลุ่มต่อต้านที่สู้สุดฤทธิ์ ผมก็ยังขี้สงสัยต่อว่าเป็นการสู้เพื่อรักษาเขตอิทธิพลของตัวของมูลนาย หรือเป็นการสู้เพื่อปลดแอกพม่าทั้งมวลออกจากเงื้อมมืออังกฤษแบบอุดมคติจริงๆ  หรือสู้เพื่อเพิ่มราคาค่าตัว เพราะไม่ว่าจะแบบไหน แกนนำตัวเบ้งๆ แม้จะเสี่ยงตายแต่เป็นคนที่เสี่ยงตายน้อยที่สุด และได้ผลประโยชน์คุ้มค่ามากที่สุดถ้าเจรจากันได้หลังควันปืนสงบ และเป็นพวกที่เหลือชื่อจารึกอยู่ในประวัติศาสตร์เสมอ 

เพื่อ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

คุณนินิเมียนต์เธอว่าไว้อย่างนั้นจริง ๆ

(http://ptcdn.info/emoticons/emoticon-smile.png)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 24 ม.ค. 13, 20:10
ทำไมฝรั่งถึงเก่งครับในสมัยนั้น ไปไหนคนกลัวหัวหด  ขนาดชาติใหญ่ๆ อย่างพี่จีนก็ไม่เว้น เทคโนโลยีด้านอาวุธก็ใช่ว่าจะก้าวหน้าจนยิงไหนแตกนั่น ยุทธวิธีการรบก็ใช่ว่าจะเก่งเลิศเลออะไร อีกอย่างคนอังกฤษไม่ถูกโรคกับเมืองร้อน

เท่าที่มองเห็นปัญหา น่าจะเกิดจากสมัยก่อนเทคโนโลยีการผลิตอาวุธนั้นตามหลังฝรั่งอยู่หลายก้าว อาวุธหลายๆ อย่างยังต้องสั่งซื้อจากฝรั่ง ผลิตเองยังไม่ได้ หรือได้ก็คุณภาพไม่ดีพอเท่ากับที่ฝรั่งมันมี

คุณนินิเมียนต์ให้ความเห็นว่า


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 24 ม.ค. 13, 20:13
คุณนินิเมียนต์เป็นใคร


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ม.ค. 13, 20:23
วางไม้เรียวที่เตรียมไว้ให้เด็กชายประกอบลงก่อน    ขอตอบคุณ dantoki  ด้วยข้อความที่ร่างไว้  มันเข้ากันพอดี

กำลังจะประหมัดกับคุณประกอบอยู่ทีเดียว ว่าด้วยเรื่อง "ใครมาเป็นเจ้าเข้าครอง  คงจะต้องบังคับขับไส..." ท่านอาจารย์ใหญ่กว่าเข้ามาไล่ลงจากเวทีด้วยกันทั้งคู่
เชิญอาจารย์นวรัตนดอทซีบรรเลงเพลงฝรั่งรำเท้าต่อไปจนจบค่ะ   เสร็จแล้วดิฉันจะลากคุณประกอบขึ้นเวทีส่งท้ายอีกครั้ง

ตอนนี้ท่านนวรัตนดอทซีกดปุ่มเปิดไฟเขียวให้แล้ว   ดิฉันจะกลับมาพูดเรื่องที่ค้างอยู่
เรื่องแรกคือทำความเข้าใจกับแนวคิดของอังกฤษเจ้าอาณานิคม ที่ดำรงตนเป็นผู้รุกรานที่เป็นพระเอกเสมอ   ว่ามาที่มาอย่างไร

เคยเล่าพื้นหลังไว้ในกระทู้โปรตุเกสเข้าเมือง  ว่าอังกฤษกับฝรั่งเศสทำสงครามกันมายืดเยื้อหลายร้อยปี  ผลัดกันแพ้ชนะกันมาหลายหน   จนถึงสงครามวอเตอร์ลูเมื่อค.ศ. 1815  จักรพรรดินโปเลียนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ดยุคแห่งเวลลิงตันแม่ทัพอังกฤษ    อังกฤษกับฝรั่งเศสก็ได้สติขึ้นมาว่าจะรบกันไปทำไมให้เปลืองชีวิตผู้คนและเงินทองเปล่าๆ     ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปทำมากินจากดินแดนอื่นๆดีกว่า     จากนั้น เจ้าอาณานิคมทั้งสองก็กลายเป็นพระราหูที่อมดินแดนตะวันออกไว้เกือบหมด

การปฏิวัติอุตสาหกรรมในปลายศตวรรษ ทำให้เครื่องจักรเข้ามาแทนแรงงานคน   ของต่างๆแทนที่จะผลิตด้วยมือทีละชิ้นก็กลายเป็นยกโหลผลิตขึ้นมาเป็นร้อยเป็นพัน   ข้อนี้รวมทั้งอาวุธด้วย   อังกฤษมีเหล็กของตนเอง อุตสาหกรรมถลุงเหล็กก้าวหน้ามากจนทำให้อาวุธยุทโธปกรณ์เอย  เครื่องจักรเครื่องกลในเรือเอย  พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว   เมื่อเรือเดินด้วยเครื่องจักรได้   โลกก็ถูกย่อให้เล็กลง    
อาวุธยุทโธปกรณ์จากโรงงานอุตสาหกรรมนี่เองที่ทำให้อังกฤษมีปืนใหญ่  ปืนกล  ปืนหลายแบบที่ยิงง่ายใช้คล่อง อานุภาพการทำลายล้างสูงกว่าปืนโบราณคร่ำคร่าของโปรตุเกสที่เคยเอามาขายประเทศทางตะวันออกเมื่อร้อยสองร้อยปีก่อน     ทำให้เข้ายึดครองดินแดนต่างๆได้ง่ายดังพลิกฝ่ามือ
  
เหตุผลอีกอย่างคืออังกฤษรู้จักระบบทหารรับจ้างมานานแล้ว   เมื่อยึดอินเดียได้ก็ไม่ปล่อยชาวบ้านเอาไว้เฉยๆ  จับมาฝึกอาวุธ สร้างวินัย แต่งเครื่องแบบโก้ รายได้ดี    แล้วส่งพวกนี้เป็นกองทหารไปรบกับชาวพื้นเมือง  แทนที่ตัวเองจะต้องเสี่ยงตายโดยตรง    เปลืองเงินไม่เท่าไหร่แต่สงวนชีวิตทหารอังกฤษไว้ได้   คุ้มกว่าเยอะค่ะ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 24 ม.ค. 13, 20:26
ฝรั่งเก่งที่ใช้แขกเป็น แขกเก่งที่ใช้ช้างเป็น


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 24 ม.ค. 13, 20:44
พม่าก็เก่งที่ใช้ภูมิประเทศให้เป็นประโยชน์เป็น แต่อาวุธมันโบราณ ล้าสมัยมากไปหน่อยเท่านั้น

อย่างไรก็ดี ผมเชื่อว่าพวกพม่าที่เข้าสู้รบไม่ใช่ชาวบ้านที่เอาหอกเอาดาบไปสู้กับทหารแขกทหารฝรั่งอย่างที่อาจารย์มินิมิ้นต์ว่าหรอก น่าจะเป็นฝ่ายสนับสนุนด้านเสบียงอาหารมากกว่า ผู้ที่เข้าสู้รบตัวจริงคือทหารพม่าที่ไม่ยอมวางอาวุธนั่นแล้ว
 
พม่าดาค้อยท์พวกนี้ ถ้ามีการจัดตั้งดีๆ มีมหาอำนาจส่งอาวุธให้สักหน่อย อาจดังพอๆกับคนญวนที่ใช้อาวุธโซเวียตขับไล่ฝรั่งเศสและอเมริกันกลับบ้านได้


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 24 ม.ค. 13, 21:24
ฮิฮิ โดนตีแล้วแต่ยังไม่เข็ดหลาบ ครูบาอาจารย์อิดหน้าระอาใจไปตามกัน แต่ยังดื้อครับยังดื้อ


ที่ท่านอาจารย์เพ็ญชมพูว่ามาว่าชาวพม่าสู้เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์   ตามประวัติศาสตร์ฉบับคุณป้านินิเมียนต์ ผมเห็นว่าเป็นการเขียนประวัติศาสตร์โดยนักประวัติศาสตร์ในยุคหลังและเป็นการเขียนแบบมุ่งเน้นเรื่องชาตินิยม  คล้ายๆ กับตำราประวัติศาสตร์ที่ตาม ร.ร. ประเทศต่างๆ ใช้ในการสอนเพื่อเพิ่มความภาคภูมิใจในชาติของตน มุ่งเน้นความเป็นชาตินิยม และออกไปในแนวทางปลุกใจและกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกผู้อ่านไม่น้อย  ดังนั้นจึงขอแย้งป้านินิเมียนต์หน่อย  เพราะแกดูจะเอาแนวคิดแบบอุดมคติของคนยุคปัจจุบันไปยัดเยียดให้ชาวพม่าตอนนั้นมากไปหน่อย ซึ่งมันอาจจะถูกของแกก็ได้ แต่ผมยังมีข้อแย้งดังนี้ครับ



ในเรื่องชาติผมไม่แน่ใจนักว่าสำนึกความคิดว่านี่ชาติของเรา ต้องปกครองโดยเราเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วอย่างแรงกล้าในความรู้สึกนึกคิดของผู้คนพม่าในสมัยนั้น หรือเป็นสิ่งที่ถูกสร้างกันขึ้นมาในยุคหลังประมาณเมื่อซักร้อยปีมานี่เอง  ผมไม่ทราบว่าความรู้สึกแบ่งแยกแตกต่างกันระหว่างความเป็นชาติหรือชนเผ่าในความรู้สึกนึกคิดของคนพม่าสมัยนั้นเป็นเช่นไร  และคำว่าชาติในความรู้สึกนึกคิดของผู้คนสมัยนั้น น่าจะต่างกับสมัยนี้   ปัจจุบันที่ชนกลุ่มต่างๆ ในพม่าทั้งพม่า มอญ กะเหรี่ยง ไท ว้า ฯลฯ ไม่ลงรอยกัน ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่อังกฤษกระตุ้นความต่างขึ้นมา  แต่ก่อนหน้าก็เหมือนมันไม่มีเอกภาพอยู่ก่อนแล้ว ในประเทศพม่าบางช่วงพม่าใหญ่ บางช่วงมอญมีอำนาจ  ดังนั้นคำว่าชาติของคุณป้านินิเมียนต์นี่ผมเลยยังไม่เชื่อแกนัก การต่อสู้ของผู้ต่อต้าน อาจจะไม่ใช่การสู้เพื่อชาติในความหมายแบบคนสมัยนี้


ส่วนต่อมาคือคำว่าศาสนา  อ่านจากกระทู้นี้ก็รู้สึกได้ว่าอังกฤษก็ไม่ได้เหยียบย่ำศาสนาพุทธเท่าไหร่   ถ้ายุ่งเกี่ยวก็เห็นจะเป็นเพราะพระสงฆ์ไปเป็นแกนนำต่อต้านอังกฤษมากกว่า  จริงๆ ถ้าดูเรื่องการรุกรานได้อาณานิคมต่างๆ ประเด็นการล้มล้างศาสนาเก่าอวยแต่ศาสนาคริสต์ดูเหมือนจะไม่ใช่ประเด็นหลักเลย   เพราะเสรีภาพในการนับถือศาสนายังคงอยู่  ทหารอาบังก็ยังเป็นซิกข์โพกหัว  กุรข่ายังคงเป็นฮินดู  อังกฤษไม่ได้ยัดเยียดบังคับเรื่องศาสนา  แม้จะมีการเผยแพร่ศาสนาก็จะผ่านทางมิชชันนารี แต่ไม่ได้ส่งเสริมด้วยกองทัพ   ดังนั้นจะบอกว่าชาวพม่าสู้เพื่อศาสนา ผมก็ยังไม่เห็นด้วยเท่าไหร่อีก  รู้สึกแต่ว่าประเด็นศาสนาเป็นเรื่องที่แกนนำฝ่ายต่อต้านที่เป็นพระหยิบยกมาเพื่อใช้ในการสร้างความรู้สึกและรวบรวมกำลังมากกว่า  เพราะเมื่อใดที่ดึงศาสนาเข้ามาเป็นสาเหตุในการทำสงครามแล้ว เรื่องไม่ชอบธรรมกลายเป็นชอบธรรมขึ้นมาทันที ภาพการต่อสู้เพื่อปกป้องพระพุทธศาสนาแบบคุณป้าเลยไม่ชัดนักสำหรับผมอีก


สุดท้ายสู้เพื่อพระมหากษัตริย์   ถ้าบอกว่าระบบกษัตริย์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับการเมือง  ต้องมองต่อว่าจริงๆ แล้วพลเมืองพม่า หม่องทิน หม่องอู ที่ไม่ได้เป็นขุนนางก็คงไม่มีส่วนร่วมทางการเมืองใดๆ  หรือเรียกร้องสิทธิใดๆ ทางการเมืองได้อยู่แล้ว อำนาจทางการเมืองที่แท้จริงอยู่ในแวดวงชนชั้นสูงกลุ่มเดียว  พลเมืองมีหน้าที่ถูกเกณฑ์แรงงานเป็นข้าเท่านั้น  เขาให้ทำอะไรก็ทำ การศึกษาก็น้อยกว่า ทำให้มุมมอง  ความสนใจจะมีส่วนร่วมทางการเมือง และทัศนคติ ตลอดจนแนวคิดเรื่องชาตินิยมน่าจะน้อยกว่าคนสมัยนี้  คนที่มีกรอบความคิดที่แปลกๆ แบบผมคงไม่ค่อยมีนัก หรือถึงมีก็คงโดนกำจัดไปหมดแล้ว  


ถ้าเอาพระมหากษัตริย์ไทยในยุคเดียวกันมาบอกว่ากษัตริย์คือศูนย์รวมใจของคนทั้งชาติอันนั้นคงไม่มีข้อโต้แย้ง  แต่สำหรับพม่าดูเหมือนระยะห่างระหว่างสถาบันกษัตริย์และพลเมืองทั่วไปดูจะห่างไกลกันยิ่งนัก  ยิ่งไอ้ธรรมเนียมพอขึ้นครองราชย์ก็ต้องสร้างเมืองใหม่ วังใหม่ ยิ่งดูจะเป็นการเบียดบังราษฏรมาก  สยามเลิกเอาคนไปลงหลุมเอาเสาทับมาก่อนหน้าไม่รู้กี่ร้อยปีแล้ว  พม่ายังทำอยู่เลย  นี่ก็เห็นความแตกต่างระหว่างสถาบันนี้ของทั้งสองชาติแล้ว    


เมื่อกษัตริย์พม่าใช้แต่พระเดชแบบนี้  ที่ยังดำรงอำนาจอยู่ได้น่าจะด้วยความกลัวมากกว่าความรัก  เพียงแต่ที่ยังไม่ล้มเพราะในประเทศตัวเองยังไม่มีใครมีศักยภาพพอจะล้มได้ หรือมีระบบการคานอำนาจกันที่ยังอยู่ในสมดุลที่ดี  แต่เจออังกฤษที่ศักยภาพเหนือกว่าเข้า สมดุลเก่าใช้ไม่ได้  ระบบที่ล้มเหลวรอวันสลายก็ล่มลงอย่างง่ายดาย    เห็นได้จากวันที่นั่งเกวียนไปลงเรือไม่มีใครโศรกเศร้าอาลัยเท่าไหร่   ชาวบ้านที่ไปมุงดูกันคงด้วยความอยากรู้อยากเห็นมากกว่า     ดังนั้นกษัตริย์อย่างพระเจ้าสีป่อจึงไม่น่าจะมีสถานะเป็นศูนย์รวมจิตใจมากเท่าระบบกษัตริย์เมืองไทย  แต่ยังมีสถานะในการนำมาใช้อ้างความชอบธรรมในการต่อสู้ได้   ดังนั้นจึงยังคงเป็นภัยต่อการปกครองของอังกฤษทำให้อังกฤษไม่ยอมให้พระเจ้าสีป่อกลับพม่าได้   แต่ถ้าจะบอกว่าคนพม่าสู้เพื่อกษัตริย์ของตัว ผมยังไม่สามารถปักใจเชื่อได้


ทั้งนี้ไม่ได้บอกว่าอังกฤษดีนะครับ   เพียงแต่ผมเห็นว่าผู้ปกครองพม่าในสมัยนั้นก็ไม่ได้ดีกว่าอังกฤษ สุดท้ายทำให้ต้องสิ้นชาติสิ้นแผ่นดินไป แต่ผลกระทบส่วนใหญ่ในแง่ไม่ดีจากการเปลี่ยนแปลงผู้ปกครองน่าจะตกอยู่กับคนชั้นนำเดิมมากกว่าชาวบ้านร้านตลาดทั่วๆ ไปมาก   และองค์ประกอบเรื่องราวต่างๆ มันมีความซับซ้อนมากกว่าที่จะตัดสินจากมุมมองของคนปัจจุบันล้วนๆ  


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ม.ค. 13, 21:30
เคยคิดอยู่เหมือนกันว่า การรบแบบกองโจรของดาค้อยท์ ถ้าจะเอาชนะทหารอังกฤษได้ ต้องมีท่อน้ำเลี้ยง    อย่างน้อยก็ต้องมีเสบียง   และอาวุธให้ใช้ไม่ขาดแคลนกระสุน  พูดง่ายๆคือต้องมีคนหนุนหลังระดับบิ๊กเบิ้ม  
ในสมัยนั้นพวกที่จะช่วยได้ก็มีฝรั่งเศส ซึ่งกำลังตั้งกองอยู่ทางฝั่งแม่น้ำโขง    แต่ฝรั่งเศสข้ามมาไม่ถึงพม่า  และอาจไม่มีนโยบายจะรบกับอังกฤษด้วย     ดาค้อยท์จึงเป็นพวกน่าสงสารมากที่ต้องสู้ไปตามมีตามเกิด    

ส่วนเหตุผลของพวกเขาก็อาจแตกต่างกันไปแต่ละกลุ่ม  เจ้าฟ้าดาค้อยท์ทั้งหลายสู้แบบเห็นอังกฤษเป็นอริราชศัตรูของราชวงศ์คองบอง   ขบวนการสงฆ์เป็นพันธมิตรของเจ้านาย และไม่ต้องการให้ศัตรูต่างชาติต่างศาสนามาย่ำยีประเทศ    
ส่วนชาวบ้านก็สู้เพราะอยู่กันเองถึงลำบากยากแค้นประสาชาวบ้านก็ยังดีกว่ามีใครมาเป็นเจ้าเข้าครอง      อังกฤษเป็นคนแปลกหน้า  ไม่ใช่กษัตริย์ซึ่งเป็นสถาบันอยู่คู่ประเทศมาหลายร้อยปีจนปลูกฝังความเคารพเลื่อมใสในตัวสถาบัน   ไม่ว่าพระเจ้าสีป่อจะอ่อนแอแค่ไหนก็ตาม

อังกฤษปฏิบัติกับประเทศแต่ละประเทศที่ตัวยึดได้แตกต่างกัน    มิได้ให้ความเท่าเทียมอย่างที่เราอาจจะเข้าใจกันเช่นนั้น    อย่างมลายู  อังกฤษส่งเสริมบางส่วนให้เจริญก้าวหน้าแบบตะวันตก เห็นตัวอย่างได้จากสิงคโปร์ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของมลายู และเกาะปีนังก็ดูหรูหราปานจำลองเมืองอังกฤษลงมา      เพราะอังกฤษเอาสิงคโปร์เป็นเมืองการค้า  มีเจ้าเมืองเป็นชาวอังกฤษประจำอยู่  ก็ปรับปรุงบ้านเมืองให้สะดวกสบายหน่อย    พลอยทำให้ชาวเมืองได้อานิสงส์ไปด้วย    
แต่อังกฤษมิได้สนใจจะพัฒนาพม่าให้เจริญแบบนั้น    ยังคงปล่อยเอาไว้ในสภาพที่แทบจะไม่กระเตื้องขึ้นเลย  เพียงแต่บังคับให้เรียนภาษาอังกฤษเพื่อสื่อสารกันสะดวก         ทรัพยากรต่างหากที่อังกฤษสนใจมากกว่า
พม่าตกอยู่ใต้อำนาจอังกฤษด้วยความขมขื่นมายาวนาน   จนสามารถเรียกร้องความเป็นไทแก่ตัวคืนกลับมาได้หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นี่เอง     แต่ความเจริญที่หยุดชะงักอยู่ใต้อำนาจอังกฤษก็เหมือนบ้านเมืองถูกฟรีซมาหลายสิบปี    ปัญหาเดิมๆเช่นการแบ่งแยกระหว่างชนเผ่าต่างๆที่อังกฤษจัดการไว้ให้ ก็ยังสะสางไม่เสร็จจนบัดนี้


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: dantoki ที่ 24 ม.ค. 13, 21:44
คาดว่าหลังพม่าแตก คงมีเจ้านายของพม่าหลายก๊กหลายก๊วนตั้งกลุ่มกองขึ้นมาสู้กับอังกฤษ เพราะคงต้องการเอกราชและราชบัลลังก์คืน ส่วนพวกชาวบ้านทั้งหลายเมื่อเจ้านายจับปืนลุกขึ้นสู้ ก็คงจะเออออไปด้วยแหละครับ ไม่เกี่ยวกับความเชื่อ ศาสนาหรือระบอบอกษัตริย์อะไรมากมายหรอก อีกอย่างคงคิดว่าดีเลวยังไงก็ขอสะสางกันเอง ดีกว่าให้พวกผิวขาวผมแดงเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย ซึ่งก็ไม่เข้ามาเปล่าๆ แต่ดันหยิบเอาทรัพยากรนู่นนี่นั่นติดมือไปด้วย เป็นผมเองเจอแบบนี้ก็คงไม่ชอบหรอก


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: dotdotdot ที่ 25 ม.ค. 13, 05:04
อ้างถึง คห 422

 "พม่าแดดเดียว" ตำรับอังกฤษ กับ"พม่าทุบ" ที่สีป่อ  เมีย และแม่ยายรู้เห็นเป็นใจเอาญาติมาทุบฝังลงหลุมทั้งลูกเด็ก

เล็กแดงชายหญิง แบบไหนมันชั่วช้ากว่ากัน?

เมื่อเป็นเมืองขึ้นเขาแล้ว พม่า ตายน้อยกว่ากี่ศพถ้านับได้ ? 

" มองไม่เห็นว่าหรือไม่ได้รับการสอนว่าแต่อย่างน้อยมันทำให้ระบบการค้าที่ถูกผูกขาดโดยกลุ่มขุนนางหรือเจ้านายมัน

ลดลงไป และเป็นที่มาของการที่เราต้องปรับปรุงประเทศอย่างขนานใหญ่ "

ได้ขุนนาง นายทุน  ที่แต่งตั้งโดย อังกฤษ  ขึ้นมาแทน เจ้า และ ขุนนาง เดิม ชีวิตชาวพม่า ดีขึ้นไหม?


"ในฐานะคนยุคหลัง เรามองการเสียบ้านเสียเมืองของพม่า เรามองการรุกรานของตะวันตกในสายตาแบบคนเอเชียที่

ถูกรุกราน  แต่ถ้าเราเป็นฝรั่งในเวลานั้นเราคงมองว่าเป็นความชอบธรรมของเราที่จะนำพาความเจริญไปสู่ดินแดนห่าง

ไกล "

Afghanistan,Iraq,Libia and Syria to follow.

"ดังนั้นคำตอบที่แน่ชัดจึงฟันธงไม่ได้  เพราะต้องถามว่าจะมองจากมุมไหน  แต่ละมุมก็ฟังดูเข้าท่าดีทั้งนั้น  แต่ถ้าใน

ฐานะพลเมืองโลก  ตัดความคิดเรื่องชาตินิยมออกไป"

เกิดที่ พม่า ก็ต้องเป็นชาว พม่า ต้อง รักและตอบแทนแผ่นดินที่ตนเกิด เช่นเดียวกับชาวไทย หรือ สยาม ก็ต้องรักและ

หวงแหนอิสระของประเทศ อีกอย่าง ถ้ามีเรื่องขัดหมางกันในบ้าน ก็ไม่ควรไปเรียกให้คนนอกบ้านมาตีคนในบ้าน ถึงแม้

ว่าคนในบ้านนั้นๆจะเลวสักเพียงใดก็ตาม

"ก็ต้องมองด้วยว่าหลังอังกฤษออกไปคนพม่าปกครองกันเองแล้วเป็นอย่างไร  ดีกว่าเกาหลีเหนือแค่ไหนเชียว  ย่ำแย่กว่าสมัยอยู่ใต้อังกฤษอีก"

อังกฤษ เข้าไปขนเอาวัสดุดิบไป ถ้าเป็นชาว อังกฤษ ก็ต้องคิดเช่นประโยคบน

"นอกจากนี้ถ้าจะมองการรอดพ้นการเป็นเมืองขึ้นของเราว่าดีพอแล้ว  เราควรจะเปรียบเทียบกับญี่ปุ่นที่ประสบปัญหาคล้ายๆ กันด้วย  ในขณะที่การปรับปรุงของเรามุ่งไปที่การเลียนแบบจะให้เจริญแบบฝรั่ง แต่เพราะวิธีคิดของเราเน้นอะไรง่ายๆ สบายๆ ซื้อเค้ามาใช้แล้วก็แล้วกัน วันนี้เราจึงยังรับจ้างทำของอยู่เลย  แต่ของญี่ปุ่นเน้นว่าอะไรที่เอ็งทำได้ ตรูก็ทำเองได้เหมือนกัน และเน้นที่จะทำเอง  สุดท้ายปลายทางระดับการพัฒนาเลยต่างกัน"

ญี่ปุ่น เขารับของที่เป็นประโยชน์ไว้ แล้วทิ้งสิ่งเหลวไหลของ ฝร้่ง ออกไป   ส่วนไทย รับสิ่งที่ชนชั้นปกครอง ( ที่เรียกตัวเอง ว่า สื่อ และ นักการเมือง ) ยัดให้ แล้วกลืนลงไปโดยไม่รุ้ ว่ามันคืออะไรกันแน่ เช่น คำว่า ประชาธิปไตย เมื่อ อเมริกา ยื่นของเล่นใหม่ โดยการร่างกฎกติกาการเมืองใหม่ให้ ญี่ปุ่น เขาก็เล่นตามกติกา ส่วนไทยเราต้องการแค่เรียนการใช้คำว่า ประชาธิปไตย โดยไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงของคำๆนั้น  แล้วก็เห็น ฝรั่ง ดีไปหมดแทบทุกอย่าง ฝร้่ง ที่ดีๆมีแยะ ทั้งที่บ้านเขา และนอกประเทศเขา ที่เลวของเขาก็มีมาก แต่ขนาดเลวของเขา  เขาก็รักประเทศชาติของเขา เขาไม่คิดว่าการเป็นเมืองขึ้นของคนต่างชาติจะดีกว่าเป็น ไท

...





กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ม.ค. 13, 09:31
สวัสดีค่ะคุณ dotdotdot  ไม่เจอเสียนาน   เข้ามาอ่านเงียบๆอยู่นานแล้วละมังคะ  

อันที่จริงความรู้สึกของดาค้อยท์ ไม่ว่าทหารหรือชาวบ้านธรรมดาที่ลุกขึ้นต่อสู้อังกฤษ เราก็พอจะเดาได้โดยสามัญสำนึก  
พวกเขาอยู่ในบ้านของเขาดีๆ  ทำมาหากินไปตามประสา    มีใครไม่รู้เอาปืนมายิงประตูบ้าน  ตบเท้าเข้ามายึดโฉนดบ้านเป็นของตัวเอง หยิบของกินของใช้ ของมีค่าในบ้านไปตามใจชอบ  แล้วบอกว่าความเป็นอยู่จะดีขึ้น ถ้ายอมให้พวกเขาเข้ามาเป็นเจ้าของบริหารจัดการบ้าน    ขัดขืนก็ต้องตายสถานเดียว
เจ้าของบ้านเดิมจะพยักหน้าหงึกๆ แล้วบอกว่าโอเค ก็นับว่าดีกว่าพวกกระผมทำมาหากินกันเอง   กระนั้นหรือ

อย่าว่าแต่ยึดประเทศเลย  แม้แต่ยึดที่ดินทำมาหากินอย่างที่เป็นข่าวในทีวีอยู่บางครั้ง  ในรูปของการเวนคืนบ้าง ไล่ที่บ้าง   ชาวบ้านก็ไม่ยอมอยู่แล้ว  ต่อให้ได้ค่าชดเชยก็ตาม


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 25 ม.ค. 13, 10:14
ข้าพเจ้าอ่านเรื่องไม่เข้าใจเองหรืออย่างไร ทำไมจากประวัติศาสตร์พม่าข้าพเจ้าได้กลิ่นการเมืองไทยโชยมา และคงไม่ใช่กลิ่นหอมฟุ้งเสียด้วย

ละเว้นกระทู้ประวัติศาสตร์สักทีละกัน


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ม.ค. 13, 10:20
มองการเมืองพม่าแล้วย้อนดูการเมืองไทย   ก็นำข้อเตือนใจจากประวัติศาสตร์พม่ามาเป็นอุทาหรณ์สอนใจได้ค่ะ

การเมืองเป็นเรื่องน่าระอิดระอาใจก็เพราะว่าคนที่พูดกันเรื่องการเมือง หันจาก"เรื่อง"มาเล่นงาน"คน" โดยพูดอย่างเอาเป็นเอาตายกัน   
อีกอย่างคือพูดด้วยอารมณ์ มากกว่าเหตุผล
ในกระทู้นี้ ดิฉันเห็นว่าต่างฝ่ายต่างก็ยังให้เกียรติอีกฝ่ายดี  ทะเลาะออกนอกลู่นอกทางกันเมื่อไร ดิฉันจะลบค.ห.เอง ค่ะ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 25 ม.ค. 13, 16:15
แหะๆ  คุณ han_bing ชักจะเบื่อกลิ่นการเมืองในกระทู้ประวิัติศาสตร์ซะแล้ว


แต่เรื่องราวในประวัติศาสตร์มักจะซ้ำรอยเสมอ  โครงเรื่องคล้ายๆ เดิม เปลี่ยนแต่สถานที่ ตัวละคร และองค์ประกอบเล็กๆ น้อยๆ  ดังนั้นประวัติศาสตร์จึงไม่ใช่แค่เรื่องของใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ ซึ่งเป็นประวัติศาสตร์แบบฉบับน่าเบื่อ เรียนไปเพื่อจำชื่อคนกับวันเวลา สถานที่ เอาไว้สอบหรือตอบคำถามในเกมส์โชว์  ดังนั้นจึงไม่ยากจะคาดการณ์ว่ามันอาจถูกโยงมาถึงเหตุการณ์ปัจจุบันได้ เพราะการกระทำบางอย่างของคน ไม่ว่ายุคไหนๆ ก็อาจมีแรงจูงใจ และการกระทำที่เหมือนหรือคล้ายคลีงกัน


นอกจากนั้นประวัติศาสตร์มันไม่ใช่ของสำเร็จรูป  เหตุการณ์เดียวกันบันทึกโดยคนละคนกัน คนละมุมมอง เรื่องราวก็จะต่างออกไป  ไม่มีฝ่ายไหนยอมรับว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด  ทุกฝ่ายจะต้องอ้างความชอบธรรมเสมอ


เมื่อได้มีโอกาสอ่านหรือศึกษาประวัติศาสตร์จากหลายแหล่ง หลายแบบ  ทำให้ความรู้สึกเวลาอ่านเรื่องในประวัติศาสตร์ของผมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป  คือไม่ค่อยจะคล้อยตามสิ่งที่ถูกเขียนมากนัก ไม่ได้หมายถึงจากกระทู้นี้ แต่เมื่ออ่านเรื่องประวัติศาสตร์พม่าฉบับคุณป้า ซึ่งตามไปอ่านได้จาก link ไปยัง pantip  มันกลายเป็นประวัติศาสตร์มุมเดียว  มีทั้งการแก้ตัวให้พระเจ้าสีป่อ เช่นไม่รู้เห็นการประหารพระญาติพระวงศ์ หรือยกเรื่องการต่อสู้ของดาคอยท์มาเป็นการต่อสู้แบบอุดมคติ สูงส่ง เพื่อพิทักษ์ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งผมดื้อเองไม่คิดว่าดาคอยท์ส่วนใหญ่  โดยเฉพาะระดับล่างๆ  จะต่อสู้โดยมีแรงจูงใจอุดมคติแบบนั้น  เพราะยังมีแรงจูงใจอื่นที่เป็นไปได้  เช่นความกลัว  ความไม่แน่ใจชีวิตที่มีทหารต่างชาติกำกับ   หรือแม้แต่ถูกบงคับและชักจูงจากหัวหน้าโดยวิธีการจิตวิทยาต่างๆ  เหมือนกับที่ชาวเขา ชาวชนบทไทยที่กลายเป็นคอมมิวนิสต์เมื่อ 30-40 ปีก่อนนั่นแหละ โดยที่ไม่เข้าใจว่าคอมมิวนิสต์จริงๆ เป็นอย่างไรด้วยซ้ำ   แต่ถูกสอนว่าคนชนบทถูกลัทธิทุนนิยม ข้าราชการรังแก  หรือแม้แต่ถูกบังคับเพราะอยู่ในเขตอิทธิพลอะไรทำนองนั้น



ผมทราบดีว่าการแสดงความคิดเห็นของผมออกจะสร้างความไม่เห็นด้วยหรือแม้แต่ขัดเคืองให้หลายๆ ท่าน โดยเฉพาะผมออกจะต่อต้านแนวคิดเรื่องชาตินิยมเป็นพิเศษ อันนันก็เพราะส่วนตัวของผมเองที่ปัจจุบันผมไม่เห็นด้วยกับความคิดชาตินิยมเท่าไหร่นัก ไม่ใช่ไม่รักชาติ แต่ความคิดชาตินิยมที่เกินขอบเขตทำให้ผู้คนคิดว่าเราเหนือกว่า  เราด้อยกว่า เราชอบธรรมกว่า และใช้ศักดิ์ศรีมาเป็นตัวตัดสินมากกว่าเหตุผล ผมได้เห็นผลของความคิดแบบชาตินิยมที่ฝรั่งอังกฤษคิด และแสดงออกผ่านตัวอักษรและการกระทำออกมาป็นการเหยียดเอเชีย   ได้เห็นคนไทยเหยียดชาติเพื่อนบ้าน  ได้เห็นตัวผมเองเหยียดคนจีน   โดยเฉพาะช่วงนี้ได้อ่านความคิดเห็นของคนไทยจำนวนไม่น้อยเกี่ยวกับเรื่องโรฮิงญาทำให้ผมรู้สึกว่าความเมื่อมีเรื่องชาตินิยมเข้ามาเกี่ยว มนุษยธรรมของคนจะหายไปได้มาก  เพราะกลายเป็นว่าเรามองคนที่ด้อยกว่าเราแบบเหมารวมเหมือนไม่ใช่คนไปแล้ว  ทำให้ความเห็นในกระทู้นี้จึงออกจะรุนแรงและค้านกับมุมมองคนอื่นไปไม่น้อย ต้องขออภัยทุกท่านด้วย 


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 26 ม.ค. 13, 07:53
สำหรับตาคอยท์แม้จะรักชาติเพียงใด  แต่เมื่อถูกอังกฤษจับได้มักจะประสบชะตากรรมเดียวกัน คือ ตายหรือถูกทรมานอย่างสาหัส
เหตุที่อังกฤษสามารถทำเช่นนั้นได้  เพราะอังกฤษถือหลักกฎหมายนานาชาติว่า ผู้ที่จะกระทำสงครามทางบกได้นั้นต้องเป็นทหารหรือพลเรือนที่เข้าองค์ประกอบ  ซึ่งต่อมาได้มีการกำหนดไว้ในสนธิสัญญาว่าด้วยกฎและแบบธรรมเนียมการสงครามทางบกซึ่งที่ประชุมสันติภาพ ณ กรุงเฮก (Haque Peace Conference)  เมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม  พ.ศ. ๒๔๔๒ มาตรา ๑ – ๓ ว่า
“มาตรา ๑ บรรดากฎหมายแบบธรรมเนียม  ทั้งอำนาจและน่าที่ในการสงครามนั้น  ใช่ว่า   กำหนดไว้สำหรับกองทัพทหารบกที่จัดประจำอยู่ฝ่ายเดียว  ต้องใช้สำหรับกองอาสาและกองสมัคซึ่งได้จัดขึ้นต้องตามกฎ  ดังจะว่าต่อไปนี้ด้วย
(๑)  ต้องมีผู้บังคับบัญชาซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในความประพฤติของผู้ที่อยู่ใต้บังคับ. 
(๒)  ต้องมีเครื่องหมายอันชัดเจน  ให้เห็นได้แต่ไกล. 
(๓)  ต้องถืออาวุธโดยเปิดเผย. 
(๔)  จะกระทำการศึกต้องให้ถูกกับกฎหมาย  และแบบธรรมเนียมการสงคราม 
แม้ว่ากองอาสาหรือกองสมัคกระทำการเป็นส่วนของกองทัพอันหนึ่ง  หรือ กระทำการรวบรวมอยู่ในกองทัพในที่ใดๆ ก็ดี  ให้พึงเข้าใจและเรียกว่า เป็นกองทัพบกเหมือนกัน.
มาตรา ๒ แม้ว่ามีกองทัพข้าศึกรุกเข้ามาใกล้เฃตที่ซึ่งไม่มีกำลังทหารปกครองอยู่  และพลเมืองในบริเวณนั้นถืออาวุธเฃ้าต่อสู้กองทัพที่รุกเข้ามาโดยหามีเวลาที่จะจัดการให้ต้องกับที่ว่าไว้ในมาตรา ๑ ไม่ก็ดี  ถ้าแม้ว่าพลเมืองเหล่านั้นประพฤติตามกฎหมายและแบบรรมเนียมการสงครามไซร้  ก็ให้นับว่าเป็นผู้กระทำการสงครามได้.
มาตรา ๓ กองทัพของประเทศที่กระทำการสงครามทุกฝ่ายมีได้ทั้งพลรบและผู้ช่วยพลรบ บุคคลทั้งสองจำพวกนี้เมื่อถูกจับกุม  ให้ได้รับความเลี้ยงดูตามกฎหมายที่ว่าด้วยชะเลยศึกทุกประการ”

บทบัญญัติของสนธิสัญญาสันติภาพ ณ กรุงเฮกนี้เอง  จึงเป็นที่มาของกองเสือป่าในสยามประเทศ  ซึ่งได้รับการฝึกหัดให้ปฏิบัติการกองโจรแบบเดียวกับตาคอยท์  แต่ถ้าถูกจับจะต้องได้รับการปฏิบัติเยี่ยงทหารที่ตกเป็นเชลยสงคราม  มิใช่ประสบชะตากรรมเดียวกับพวกตาคอยท์


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ม.ค. 13, 08:51
ผมทราบดีว่าการแสดงความคิดเห็นของผมออกจะสร้างความไม่เห็นด้วยหรือแม้แต่ขัดเคืองให้หลายๆ ท่าน โดยเฉพาะผมออกจะต่อต้านแนวคิดเรื่องชาตินิยมเป็นพิเศษ อันนันก็เพราะส่วนตัวของผมเองที่ปัจจุบันผมไม่เห็นด้วยกับความคิดชาตินิยมเท่าไหร่นัก ไม่ใช่ไม่รักชาติ แต่ความคิดชาตินิยมที่เกินขอบเขตทำให้ผู้คนคิดว่าเราเหนือกว่า  เราด้อยกว่า เราชอบธรรมกว่า และใช้ศักดิ์ศรีมาเป็นตัวตัดสินมากกว่าเหตุผล ผมได้เห็นผลของความคิดแบบชาตินิยมที่ฝรั่งอังกฤษคิด และแสดงออกผ่านตัวอักษรและการกระทำออกมาป็นการเหยียดเอเชีย   ได้เห็นคนไทยเหยียดชาติเพื่อนบ้าน  ได้เห็นตัวผมเองเหยียดคนจีน   โดยเฉพาะช่วงนี้ได้อ่านความคิดเห็นของคนไทยจำนวนไม่น้อยเกี่ยวกับเรื่องโรฮิงญาทำให้ผมรู้สึกว่าความเมื่อมีเรื่องชาตินิยมเข้ามาเกี่ยว มนุษยธรรมของคนจะหายไปได้มาก  เพราะกลายเป็นว่าเรามองคนที่ด้อยกว่าเราแบบเหมารวมเหมือนไม่ใช่คนไปแล้ว  ทำให้ความเห็นในกระทู้นี้จึงออกจะรุนแรงและค้านกับมุมมองคนอื่นไปไม่น้อย ต้องขออภัยทุกท่านด้วย  

ดิฉันอ่านความเห็นของคุณประกอบไปมาหลายตลบ พยายามทำความเข้าใจว่าคุณหมายถึงอะไรกันแน่    ปรากฏว่า คำที่คุณประกอบใช้ คือ "ส่วนตัวของผมเองที่ปัจจุบันผมไม่เห็นด้วยกับความคิดชาตินิยมเท่าไหร่นัก" ทำเอาดิฉันเข้ารกเข้าพงไปหลายกิโลเมตร  กว่าจะเดินลมปราณย้อนกลับมาตั้งหลักได้ว่าที่จริงคุณประกอบไม่ควรใช้คำว่า "ชาตินิยม" ต่างหากล่ะคะ

คือยังงี้นะคะ คุณประกอบ เมื่อดิฉันอ่านคำขยายความของคุณข้างบนที่ quote มานี่แล้ว    มันไม่ใช่ชาตินิยมหรอกค่ะ     สิ่งที่คุณเรียกว่าชาตินิยมหรือชาตินิยมสุดโต่งนั้น  จริงๆแล้วคือคำว่า discrimination   เป็นคนละคำกับ nationalism  (หรือชาตินิยม)แทบจะโดยสิ้นเชิง

ชาตินิยมนั้นคือความรู้สึกผูกพันห่วงใยต่อประเทศชาติที่ตัวเองสังกัดอยู่  จะโดยกำเนิดหรือตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัยก็ตามแต่    มีความปรารถนาดีจะเห็นประเทศเจริญก้าวหน้าไปในทางดี    ปรารถนาให้คนที่อยู่ในประเทศเดียวกันผาสุกร่มเย็น     อะไรจะทำให้เกิดความดีชนิดนี้ได้เขาก็เลือกทำก่อนอย่างอื่น แม้จะต้องเสียสละความสุขส่วนตัวบ้างก็ยอม       ถ้าหากว่าประเทศถูกคนถิ่นรุกรานหรือเอารัดเอาเปรียบ เขาก็จะไม่นิ่งดูดาย แต่จะลุกขึ้นทำอะไรสักอย่างที่ทำได้ เพื่อประเทศของเขาจะรอดพ้นจากความเดือดร้อน

แต่การข่มเหงรังแกคนชาติอื่นก็ดี    การดูถูกเหยียดหยามคนมีสัญชาติ/เชื้อชาติอื่น ไปจนรังเกียจเดียดฉันท์  กีดขวาง ขัดขวางไม่ให้คนเหล่านั้นได้รับการปฏิบัติด้วยมนุษยธรรมดี  ไม่ว่าจะมีเหตุผลแค่หมั่นไส้เฉยๆ หรือเห็นตัวเองดีกว่าก็ตาม เหตุผลอะไรไม่สำคัญ   ทั้งหมดนี้คือ discrimination   ประเภทหนึ่ง ค่ะ  
การที่คุณเหยียดคนจีน เรียกว่า racial discrimination คือเอาเชื้อชาติเป็นหลัก    เหมือนอังกฤษเหยียดหยามชาวอาณานิคม   เรียกว่า "คนพื้นเมือง " แต่พวกเขาชาวอังกฤษเมื่ออยู่ในอังกฤษ ยังไงก็ไม่เรียกว่าชาวอังกฤษพื้นเมือง    
ส่วน  discrimination อื่นก็เช่น sexual discrimination  คือเพศนิยมสุดโต่ง   เช่นยึดมั่นว่าเพศชายทำงานบริหารได้ดีกว่าเพศหญิงแน่นอน   เพราะงั้น ถ้าให้เลือกระหว่างโอบาม่ากับฮิลลารี   ฉันไม่ดูหรอกเรื่องนโยบายหรือประสบการณ์  แค่เธอเป็นผู้หญิงฉันก็ไม่ลงคะแนนให้แล้ว  

ชาตินิยมเป็นสิ่งที่คนในชาติควรมี  มันช่วยรวมความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของผู้อาศัยอยู่บนแผ่นดินเดียวกัน ไม่แบ่งแยก  แต่ discrimination   คือสิ่งที่ผิดทั้งกฎหมายในบางประเทศ ผิดต่อสิทธิมนุษยชน  และผิดต่อศีลธรรมในหลายๆศาสนาด้วย      ถ้าคุณประกอบไม่เอามารวมกับคำว่าชาตินิยม     ดิฉันว่าคนอ่านกระทู้จะเข้าใจได้ชัดเจนว่าคุณพยายามสื่ออะไร  และดิฉันคิดว่าไม่มีใครไม่เห็นด้วยกับคุณหรอกค่ะ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 26 ม.ค. 13, 15:06
แห่ะๆ  ขออภัยท่านอาจารย์ที่ผมใช้คำผิดพลาดครับ ผมใช้คำว่าชาตินิยมในความหมายของ discrimination จริงๆ นั่นแหละครับ  >:(  แต่จะไปใช้คำว่าการแบ่งแยก หรือความรู้สึกเหนือกว่าทางชาติพันธุ์ มันก็ยาว มันไม่มีคำภาษาไทยที่เหมาะสมตรงกับคำนี้ เลยไปใช้ว่าชาตินิยมซะ ทำเอาเข้ารกเข้าพงไปเลย


ส่วนที่ผมบอกว่าผมเหยียดคนจีน มันไม่ใช่การเหยียดในลักษณะว่าผมเหนือว่าหรือคนไทยสูงส่งกว่า แต่เป็นลักษณะของการตั้งแง่ใน strereotype (ไม่รู้ว่าภาษาไทยใช้ว่าอะไรดี) ของชาวจีนแผ่นดินใหญ่โดยเฉพาะหนุ่มสาวที่ผมได้เจอใน ตปท มากกว่า เช่นการล้งเล้งเสียงดังในที่สาธารณะ   ความไม่มีมารยาทในการปฏิบัติตัวต่อผู้อื่น  เช่นขาดความเกรงใจ  ความเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้  ที่แปลกคือคนจีนแผ่นดินใหญ่ที่มีครอบครัว มีอายุหน่อย รวมถึงจีนไต้หวัน จีนฮ่องกง กลับมีลักษณะร่วมในแง่ลบพวกนี้น้อยกว่า  ที่ยกเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อบอกว่าแม้ผมเองที่พยายามอยากจะตัดอคติออกไป ยังทำไม่ได้เลย บ๊ะ จากพม่าข้ามมาจีนซะแล้ว


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 26 ม.ค. 13, 15:26
ความรู้สึกเหนือกว่าทางชาติพันธุ์ มันก็ยาว มันไม่มีคำภาษาไทยที่เหมาะสมตรงกับคำนี้ เลยไปใช้ว่าชาตินิยมซะ ทำเอาเข้ารกเข้าพงไปเลย

ความรู้สึกเหนือกว่าทางชาติพันธุ์ = เชื้อชาตินิยม = racism

การเหยียดเชื้อชาติ = racial discrimination

(http://ptcdn.info/emoticons/emoticon-smile.png)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 ม.ค. 13, 14:51
ภาพข้าหลวงชาวอังกฤษกับการประชุมผู้นำหมู่บ้านชาวพม่า ขอให้สังเกตชาวบ้านนั่งพนมมือแต้ รับคำสั่งจากเจ้านายชาวอังกฤษ

รอคุณนวรัตนดำเนินรายการต่อ

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3276.0;attach=9565;image)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ม.ค. 13, 17:33
รอคุณนวรัตนดำเนินรายการต่อ

แฟนคลับเรียกร้องแล้วค่ะ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 28 ม.ค. 13, 17:38
ฮิฮิ  ชาวบ้านเคยชินกับการปฏิบัติกับเจ้านายอย่างไร  พอมีนายใหม่มาก็ปฏิบัติต่อแบบเดิม   ส่วนพวกฝรั่งก็ภูมิใจกับความเหนือกว่าของตนต่อไป ตกทอดมาจนถึงปัจจุบัน ยิ่งพวกไม่มีอะไรให้ภูมิใจในตัวเองก็ยิ่งถือสีผิวแรง

เมื่อวานนี้ไปซื้อของในซุเปอร์มาเก็ต โดนฝรั่งเหยียดผิวอีกแล้ว  ปีนึงผมโดน 2-3 ครั้งได้  ;D  


หลังจากโดนผมปั่นป่วนกระทู้พักหนึ่ง ไม่รู้ว่าท่านนวรัตเบื่อจนหนีหายไปไหนแล้ว  ยังไงกลับมาแล้วอย่าลืมเอาภาพพม่าแดดเดียวแบบโหดมาฝากผมด้วยนะครับ เป็น link เฉยๆ ก็ได้  จะได้ดูไว้เป็นมรณานุสติ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ม.ค. 13, 18:38
ก่อนท่านซุปตาร์จะแหวกม่านออกมาอีก  ขอคั่นโปรแกรมด้วยคำอธิบายว่าทำไมอังกฤษจึงเห็นตัวเองเป็นพระเอก    ตามที่เกริ่นเอาไว้ในหลายค.ห. ก่อน

ในขณะที่พม่าตอนบนยังปกครองด้วยระบบเจ้ากับข้า ไม่ต่างจากยุคกลางของยุโรป เมื่อหลายศตวรรษก่อน   อังกฤษในศตวรรษที่ 19 ก็ก้าวไปสู่ระบบทุนนิยม (Capitalism) เต็มตัวแล้ว     จะไม่ขออธิบายในเชิงวิชาการให้มันยืดเยื้อ   ใครสนใจไปเปิดหาคำว่า Capitalism เอาเองจากกูเกิ้ลนะคะ
อย่างหนึ่งที่จะสรุปได้ง่ายๆคือ  ระบบทุนนิยมนี้ทำให้เกิดแนวคิด "มือใครยาวสาวได้สาวเอา" ขึ้นมาอย่างถูกต้องในสังคม     นอกจากนี้หลักการทางวิทยาศาสตร์ที่กลายมาเป็นข้อสนับสนุนปรัชญาชีวิตของคนอังกฤษสมัยนั้นคือทฤษฎีวิวัฒนาการของของชาร์ลส์ ดาร์วิน  ว่าด้วยข้อ Survival of the fittest  คือผู้ที่เหมาะสมที่สุดเท่านั้นที่จะอยู่รอดได้      ดิฉันจะไม่อธิบายทฤษฎีนี้มากเพราะสมาชิกเรือนไทยส่วนใหญ่เรียนสายวิทย์กัน  ย่อมรู้เรื่องนี้มากกว่าดิฉันเสียอีก


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ม.ค. 13, 18:44
แต่ที่จะพูดก็คือ อังกฤษรับเอาทฤษฎีอยู่รอดนี้มาประยุกต์ใช้อย่างเต็มภาคภูมิ โดยเอาดีเข้าตัวและเอาชั่วยกให้ฝ่ายตรงข้าม      คือการเดินทางไกลไปถึงดินแดนไหนก็ตาม    ถ้าค้าขายกันได้ดี  เป็นที่ถูกใจอังกฤษ ก็ไม่เป็นไรไม่ว่ากัน   แต่ถ้าไม่ถูกใจอังกฤษเมื่อไร  การรุกรานเพื่อเอาชนะ  กินหัวกินหางกินกลางตลอดตัวก็เกิดขึ้น โดยอังกฤษไม่ถือว่าตัวเองผิด    เป็นความผิดของผู้ชนะงั้นเหรอ ที่แข็งแกร่งกว่า    มันช่วยไม่ได้ที่พม่าไม่เก่งจริง(นี่หว่า)  ก็ต้องแพ้เป็นธรรมดา     ในเมื่อตัวพม่าเองอ่อนแอกว่าเองก็ย่อมสูญเสียประเทศไป    แบบเดียวกับสัตว์ที่อ่อนแอก็ย่อมร่อยหรอ หรือสูญพันธ์ไปจากป่าดงพงไพร   หลีกทางให้สัตว์ที่แข็งแรงกว่าได้อยู่กันเป็นฝูงสืบลูกสืบหลานต่อไป  

ในเมื่อคิดแบบนี้  ก็เหมือนกับพูดว่า ไม่ใช่ความผิดของเสือที่มันเกิดมาเพื่อกินกวาง  ในขณะเดียวกันก็ไม่จำเป็นต้องเรียกร้องความยุติธรรมให้กวางที่ถูกเสือกิน     เมื่อเราเห็นกวางพยายามสู้เสือ  เราก็ย่อมรู้โดยอัตโนมัติว่าอีกพักมันก็หมดท่า  ถูกเสือขย้ำตายจนได้ เป็นกฎธรรมชาติที่ผู้อ่อนแอจะพ่ายแพ้ผู้ที่แข็งแรงกว่า    ผู้ด้อยกว่าจะพ่ายแพ้ผู้เหนือกว่า    รู้แล้วก็ไม่ต้องไปสะดุ้งสะเทือนอะไรทั้งนั้น

รูปในค.ห. 461 ที่คุณเพ็ญชมพูนำมาลง สอดคล้องกับทฤษฎี Survival of the fittest     มันไม่ใช่อย่างคำพังเพยที่ว่า The best man wins  หรือ คนดีย่อมมีชัย   แต่จะเป็นว่า ใครชนะคนนั้นแหละคนดี   ก็อย่างที่นั่งเต๊ะท่าให้ชาวบ้านกราบไหว้อยู่นั่นไงคะ  คนดีทั้งนั้น


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 ม.ค. 13, 18:59
มีภาพคนดีอีกภาพหนึ่ง คราวนี้อยู่ในบ้าน  สี่สาวมานั่งคอยรับใช้หรืออาจจะให้เจ้านายดูตัว

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5510.0;attach=38733;image)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 28 ม.ค. 13, 20:01
ผมมิได้หายไปไหนครับ คงสลับลงไปนั่งเป็นผู้ดูผู้รู้บ้าง
 
การที่ผมเอารูปพม่าเก่าๆมาเล่าเข้าแนวประวัติศาสตร์ในกระทู้นี้ ก็หวังเอาความสนุกเป็นตัวชู เอาความรู้เป็นตัวแฝง บัดนี้มีหลายท่านนำภาพถ่ายร่วมสมัยเด็ดๆและความรู้แท้ๆเข้ามาเสริมบ้าง เอาความเห็นต่างมาถกกันด้วยภูมิปัญญาบ้าง เช่นนี้ ก็สมมาตรปรารถนาของผมแล้ว เพราะผู้ที่เข้ามาอ่านจะได้รับรสชาติอันหลากหลาย และได้รับสาระประโยชน์ไปเต็มๆ

พอดีกับที่ผ่านมาผมไปต่างจังหวัดเสียสามสี่วันด้วย เพิ่งจะกลับถึงบ้านเมื่อเย็นนี้ ที่ผ่านมานั้น ผมเข้าไปอ่านกระทู้ได้ แต่ไม่สะดวกที่จะเขียน จึงดูเหมือนเงียบไปเลย ความจริงแล้วผมได้การบ้านมาข้อใหญ่และกำลังทำอยู่ แต่ยังไม่เสร็จพร้อมส่งครับ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ม.ค. 13, 20:06
มีภาพคนดีอีกภาพหนึ่ง คราวนี้อยู่ในบ้าน  สี่สาวมานั่งคอยรับใช้หรืออาจจะให้เจ้านายดูตัว

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5510.0;attach=38733;image)
นายคนดีในรูปนี้ท่าทางกรุ้มกริ่มจนออกนอกหน้า    คุณนายคงไม่ได้ตามมาจากอังกฤษด้วย   เลยมีโอกาสเล็งตะละแม่ทั้งหลายในรูปนี้ว่าคนไหนเข้าท่าที่สุด


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ม.ค. 13, 21:00
ความจริงแล้วผมได้การบ้านมาข้อใหญ่และกำลังทำอยู่ แต่ยังไม่เสร็จพร้อมส่งครับ

ยกเชี่ยนหมากมานั่งรอแถวหน้าค่ะ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ม.ค. 13, 21:08
สำหรับตาคอยท์แม้จะรักชาติเพียงใด  แต่เมื่อถูกอังกฤษจับได้มักจะประสบชะตากรรมเดียวกัน คือ ตายหรือถูกทรมานอย่างสาหัส
เหตุที่อังกฤษสามารถทำเช่นนั้นได้  เพราะอังกฤษถือหลักกฎหมายนานาชาติว่า ผู้ที่จะกระทำสงครามทางบกได้นั้นต้องเป็นทหารหรือพลเรือนที่เข้าองค์ประกอบ  ซึ่งต่อมาได้มีการกำหนดไว้ในสนธิสัญญาว่าด้วยกฎและแบบธรรมเนียมการสงครามทางบกซึ่งที่ประชุมสันติภาพ ณ กรุงเฮก (Haque Peace Conference)  เมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม  พ.ศ. ๒๔๔๒ มาตรา ๑ – ๓ ว่า
“มาตรา ๑ บรรดากฎหมายแบบธรรมเนียม  ทั้งอำนาจและน่าที่ในการสงครามนั้น  ใช่ว่า   กำหนดไว้สำหรับกองทัพทหารบกที่จัดประจำอยู่ฝ่ายเดียว  ต้องใช้สำหรับกองอาสาและกองสมัคซึ่งได้จัดขึ้นต้องตามกฎ  ดังจะว่าต่อไปนี้ด้วย
(๑)  ต้องมีผู้บังคับบัญชาซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในความประพฤติของผู้ที่อยู่ใต้บังคับ. 
(๒)  ต้องมีเครื่องหมายอันชัดเจน  ให้เห็นได้แต่ไกล. 
(๓)  ต้องถืออาวุธโดยเปิดเผย. 
(๔)  จะกระทำการศึกต้องให้ถูกกับกฎหมาย  และแบบธรรมเนียมการสงคราม 
แม้ว่ากองอาสาหรือกองสมัคกระทำการเป็นส่วนของกองทัพอันหนึ่ง  หรือ กระทำการรวบรวมอยู่ในกองทัพในที่ใดๆ ก็ดี  ให้พึงเข้าใจและเรียกว่า เป็นกองทัพบกเหมือนกัน.
มาตรา ๒ แม้ว่ามีกองทัพข้าศึกรุกเข้ามาใกล้เฃตที่ซึ่งไม่มีกำลังทหารปกครองอยู่  และพลเมืองในบริเวณนั้นถืออาวุธเฃ้าต่อสู้กองทัพที่รุกเข้ามาโดยหามีเวลาที่จะจัดการให้ต้องกับที่ว่าไว้ในมาตรา ๑ ไม่ก็ดี  ถ้าแม้ว่าพลเมืองเหล่านั้นประพฤติตามกฎหมายและแบบรรมเนียมการสงครามไซร้  ก็ให้นับว่าเป็นผู้กระทำการสงครามได้.
มาตรา ๓ กองทัพของประเทศที่กระทำการสงครามทุกฝ่ายมีได้ทั้งพลรบและผู้ช่วยพลรบ บุคคลทั้งสองจำพวกนี้เมื่อถูกจับกุม  ให้ได้รับความเลี้ยงดูตามกฎหมายที่ว่าด้วยชะเลยศึกทุกประการ”

บทบัญญัติของสนธิสัญญาสันติภาพ ณ กรุงเฮกนี้เอง  จึงเป็นที่มาของกองเสือป่าในสยามประเทศ  ซึ่งได้รับการฝึกหัดให้ปฏิบัติการกองโจรแบบเดียวกับตาคอยท์  แต่ถ้าถูกจับจะต้องได้รับการปฏิบัติเยี่ยงทหารที่ตกเป็นเชลยสงคราม  มิใช่ประสบชะตากรรมเดียวกับพวกตาคอยท์


ดาค้อยท์ไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเชลย   แต่เจอชะตากรรมแบบโจรผู้ร้าย  แม้แต่พระสงฆ์ก็ถูกจับแขวนคอประจานให้คนทั่วไปเห็น  เพราะอังกฤษถือหลักข้างบนนี้อย่างเถรตรง   
อ่านแล้วก็เห็นใจว่า แค่เจอข้อ 2 ว่าต้องมีเครื่องหมายอันชัดเจนเห็นแต่ไกล  ดาค้อยท์ก็สอบตกไปแล้ว   ก็ในเมื่อชาวบ้านรวบรวมคน แบบตามมีตามเกิดเข้าสู้กับอังกฤษ   จะเอาเครื่องแบบ เอาธง เอาเครื่องหมายที่ไหนมาแต่งให้ถูกระเบียบกองทัพ    แล้วยังต้องทำศึกให้ถูกต้องตามกฎหมายของฝ่ายตะวันตกอีกด้วย   เฮ้อ...   


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 28 ม.ค. 13, 22:00
ข้อบัญญัติว่าด้วยการทำสงครามทางบกข้างต้นนั้นเอามาฝากคุณประกอบที่เคยคิดเห็นว่า รัชกาลที่ ๖ ทรงตั้งเสือป่ามาแข่งกับทหารครับ
ในเมื่อเสือป่าเข้าองค์ประกอบตามข้อกำหนดนั้นทุกประการ  ยามที่เสือป่าซึ่งเป็นบุคคลพลเรือนเช่นเดียวกับตาคอยท์ถูกจับในยามสงครามจึงต้องได้รับการปฏิบัติด้วยมนุษยธรรม    ไม่หมือนตาคอยท์ที่โดนอังกฤษทารุณกรรมสารพัด


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 29 ม.ค. 13, 00:10
แห่ะๆ ท่าน V_Mee จำได้ด้วย ว่าก่อนนั้นผมเคยแสดงความไม่ค่อยเห็นด้วยกับการตั้งเสือป่าเท่าไหร่เพราะคิดว่าทหารก็มีอยู่แล้ว ตอนนั้นไม่ได้นึกถึงประเด็นของสนธิสัญญาที่กรุงเฮกครับ  :(


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 ม.ค. 13, 05:48
เอามาให้คุณประกอบคนอยู่ลอนดอนแปลเอาเอง

Another solution he found was to establish the Wild Tiger Corps, or Kong Sua Paa , a paramilitary organisation of Siamese of "good character" united to further the nation's cause. He also created a junior branch which continues today as the National Scout Organization of Thailand. The King spent much time on the development of the movements as he saw it as an opportunity to create a bond between himself and loyal citizens; volunteer corps willing to make sacrifices for the king and the nation. It was also a way to single out and honor his favorites. At first the Wild Tigers were drawn from the king's personal entourage (it is likely that many joined in order to gain favour with Vajiravudh), but an enthusiasm among the population arose later.

Of the adult movement, a German observer wrote in September 1911:

This is a troop of volunteers in black uniform, drilled in a more or less military fashion, but without weapons. The British Scouts are apparently the paradigm for the Tiger Corps. In the whole country, at the most far-away places, units of this corps are being set up. One would hardly recognise the quiet and phlegmatic Siamese
.


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 ม.ค. 13, 08:53
ข้อบัญญัติว่าด้วยการทำสงครามทางบกข้างต้นนั้นเอามาฝากคุณประกอบที่เคยคิดเห็นว่า รัชกาลที่ ๖ ทรงตั้งเสือป่ามาแข่งกับทหารครับ
ในเมื่อเสือป่าเข้าองค์ประกอบตามข้อกำหนดนั้นทุกประการ  ยามที่เสือป่าซึ่งเป็นบุคคลพลเรือนเช่นเดียวกับตาคอยท์ถูกจับในยามสงครามจึงต้องได้รับการปฏิบัติด้วยมนุษยธรรม    ไม่หมือนตาคอยท์ที่โดนอังกฤษทารุณกรรมสารพัด

อยากให้คุณ V_Mee เล่าเรื่องเสือป่าบ้างค่ะ   โดยเฉพาะรายละเอียดที่รู้กันยากแบบนี้   


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 ม.ค. 13, 18:26
หมู่นี้ผมมักจะได้ยินบ่อยๆว่า เมื่อก่อนนั้นไทยกับญี่ปุ่นมีความเจริญพอฟัดพอเหวี่ยงกันแบบเผลอๆไทยจะเจริญกว่าเขาด้วยซ้ำไป ผู้ที่แสดงความเห็นเช่นนี้มักจะอ้าง เป็นต้นว่า ในสมัยอยุธยาญี่ปุ่นยังต้องมาขอซื้อปืนใหญ่ของไทยเลย แม้แต่วัฒนธรรมบางอย่างเช่น การบรรจุอาหารในกล่องแบบเบนโตะ ญี่ปุ่นก็เอาแนวความคิดไปจากปิ่นโตของเรา หรือดนบุรีอันเป็นข้าวราดหน้าต่างๆ อย่างข้าวหน้าหมูที่ญี่ปุ่นเรียกทงคัตสึ ดนบุรี ก็เอาหลักคิดไปจากข้าวราดแกงของไทยที่มาเห็นในยุคธนบุรีไปโน่น แต่ก่อนผมอ่านแล้วก็ได้แต่นึกขันๆในฤทธิ์ชาตินิยมขึ้นสมองเกินขนาดของคนเขียน

แต่หลังๆนี่ชักขันไม่ออก เพราะเวปเสรีหลายสำนักเล่นแพร่เรื่องนี้อย่างถี่และหนักขึ้นมาก เอาความเห็นเรื่องไทยกับญี่ปุ่นเคยทัดเทียมกันมาเล่นแบบลามปามไปว่า เพราะความไม่ดีต่างๆนานาของระบอบการปกครองของสยามและหัวหน้ารัฐบาลสมัยนั้น ได้ทำให้ประเทศล้าหลังญี่ปุ่น ทั้งๆที่เปิดรับอารยะธรรมตะวันตกพร้อมๆกัน สยามเริ่มต้นออกสต้าร์ทด้วยการมีรถรางก่อนญี่ปุ่นด้วยซ้ำ แต่เดี๋ยวนี้ชินกันเซนของญี่ปุ่นทิ้งไทยไปแบบไม่เห็นฝุ่นแล้ว

แม้จะไม่เห็นด้วย ผมก็ไม่คิดจะเข้าไปถกเถียงอะไรกับเขา เพราะเห็นเบื้องหลังในการจุดประเด็นดังกล่าวของคนพวกนั้นว่าหวังผลอย่างอื่น ไม่คิดจะอยากรับฟังความเห็นของใครนอกจากพวกของตน
แต่เมื่อคุณประกอบคนกันเองยกความคิดคล้ายๆกันนั้นมาตั้งปุจฉา ผมจึงเห็นว่าถึงเวลาที่จะต้องค้นคว้ามาถกกันในเรื่องของข้อเท็จจริง  ตามประเด็นดังนี้
…… สำหรับเรื่องการพัฒนาที่ทำให้เราแตกต่างจากญี่ปุ่น   เพราะผมสงสัยว่า เราเปิดประเทศในช่วงใกล้ๆ กัน  ความรู้ในวิทยาการตะวันตกตอนเริ่มต้นมีพอๆ กัน เราออกจะมีเอกภาพในเรื่องการปกครองมากกว่าญี่ปุ่นที่มีหลายๆ แคว้นด้วยซ้ำ  ทั้งสองประเทศเริ่มต้นจากการซื้อวิทยาการเหมือนกัน จ้างต่างชาติเหมือนกัน  มีการส่งนักเรียนไปเรียนเมืองนอกเหมือนกัน แต่ทำไมปลายทางจึงต่างกัน?
ญี่ปุ่นใช้เวลา 30-40 ปีหลังเปิดประเทศก็สามารถมีกองทัพเรือขนาดใหญ่  สามารถต่อเรือรบเอง ผลิตเครื่องยนต์เอง ฯลฯ ปลายๆ ศตวรรษที่ 19 ก็สามารถรบกับจีน ทำตัวเป็นผู้ล่าอาณานิคมแบบฝรั่งได้ 
 
คือเราต้องเห็นข้อเท็จจริงต้องตรงกันให้ได้ก่อนว่า ขณะเมื่อฝรั่งเข้ามาบีบบังคับให้รับกติกาของเขา ทำให้ต้องพัฒนาประเทศให้เคียงบ่าเคียงไหล่กับฝรั่งได้ ณ วันนั้นญี่ปุ่นกับไทย มีต้นทุนความเจริญทัดเทียมกันหรือไม่ หลังจากนั้น เราจึงจะไปว่ากันต่อในประเด็นอื่นๆต่อไปได้โดยปราศจากอคติ ซึ่งจะว่าไป เกือบทั้งหมดผมก็เห็นด้วยกับคุณประกอบอยู่

เรื่องนี้ไม่น่าจะสั้น ผมจึงขอแยกกระทู้ออกไปตั้งเป็นกระทู้ใหม่เรื่อง“จริงหรือไฉน: ญี่ปุ่นกับไทยออกเส้นสต๊าร์ทเดียวกันเมื่อถูกฝรั่งดันให้วิ่ง” เพราะเนื้อหามันจะไม่เกี่ยวกับกระทู้นี้เท่าไหร่ ถ้าสนใจในหัวข้อที่ว่าท่านก็สามารถเข้าไปอ่านได้ตามนี้

http://www.reurnthai.com/index.php?topic=5521.0

ส่วนกระทู้นี่ ก็ขอให้เราว่ากันในเรื่องอันเนื่องจากพม่ารบฝรั่งต่อไปตามเดิมครับ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 ม.ค. 13, 20:07
ท่านอาจารย์ใหญ่กว่าโยกย้ายจากพม่าไปญี่ปุ่นเสียแล้ว   สงสัยว่ากระทู้พม่ารบฝรั่งเห็นจะต้องจบลงเพียงแค่นี้ละมังคะ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: Diwali ที่ 30 ม.ค. 13, 00:44
อ้าว!!!!.....

จะจบแล้วหรือครับ
 ??? ??? ??? ???
งั้ัน ผมขอเข้ามาลงชื่อไว้ก่อนจบแล้วกันนะครับ คุณครูทุกๆท่าน


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 01 ก.พ. 13, 11:34
ส่วนกระทู้นี่ ก็ขอให้เราว่ากันในเรื่องอันเนื่องจากพม่ารบฝรั่งต่อไปตามเดิมครับ

กระทู้ไม่น่าจบ             ยังไม่ครบกระบวนความ
เนื้อหาน่าติดตาม          ต่อจากนั้นเป็นฉันใด

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley01.png)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ก.พ. 13, 21:10
กระทู้ดูไม่ออก                      จะให้บอกต่อแบบไหน
คุณเพ็ญฯรู้หรือไร                   เชิญแถลงไขไปก่อนเอง


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 02 ก.พ. 13, 21:50
(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5490.0;attach=38866;image)

สัญญาที่ปางหลวง  (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87)         สัญญาลวงใครต่อใคร
หกสิบหกปีที่ผ่านไป        สัญญาไม่เคยเป็นจริง

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley20.png)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ก.พ. 13, 22:27
ข้างบนนี้เป็นพม่ารบกันเอง  มิใช่พม่ารบฝรั่งตามหัวข้อกระทู้นะคะ
อย่างไรก็ตาม ถ้าจะให้เล่าต่อก็เล่าได้ค่ะ  แต่เล่าได้สั้นๆ เท่านั้น   มันยาก

หลังจากอังกฤษปราบดาค้อยท์ราบคาบไปแล้ว   และรวมพม่าเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ "บริติช อินเดีย" พูดง่ายๆคือเอาพม่าทั้งประเทศยุบเป็นจังหวัดหนึ่งของอินเดียซึ่งเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษอีกที     พม่าก็ไม่ยักหมดฤทธิ์อย่างที่อังกฤษประสงค์    ดูเหมือนว่าเลือดนักสู้จะคุกรุ่นอยู่ในชาวพม่า เพื่อจะเรียกร้องความเป็นไทแก่ตัวกลับคืนมาให้ได้

กลุ่มใหม่ที่ลุกขึ้นต่อต้านพม่า ไม่ใช่เชื้อสายราชวงศ์พม่าอีกแล้ว แต่เป็นปัญญาชนคนรุ่นใหม่ของพม่า    พวกนี้มีการศึกษาแบบตะวันตกตามที่อังกฤษวางหลักสูตรทำความสะอาดสมอง ให้ชาวอาณานิคมซึมซับรับวัฒนธรรมของตนไป    แต่คนรุ่นใหม่ของพม่่าพอฉลาดทันฝรั่งก็กลับเป็นหอกข้างแคร่  หาวิธีเรียกร้องสิทธิเสรีภาพให้ประเทศของตนขึ้นมาอีกครั้ง
ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งน่าจะสืบสายมาจากกลุ่มเดิมที่มีพลังเข้มแข็งอยู่แล้วในสังคม  คือสถาบันสงฆ์ซึ่งไม่เคยชอบหน้าฝรั่งมาตั้งแต่พม่าตกเป็นอาณานิคม      พระสงฆ์รุ่นใหม่ยังสืบทอดเจตนารมณ์พระสงฆ์ดาค้อยท์ในการต่อต้านพม่าต่อมา แต่ในรูปแบบใหม่คือแบบอหิงสา   อดข้าวจนมรณภาพในคุก     ทำให้ท่านกลายเป็นวีรบุรุษของชาวพม่ามาจนทุกวันนี้

ความพยายามของพม่าสัมฤทธิ์ผล  กลับเป็นประเทศอิสระอีกครั้งในค.ศ. 1948  หลังสงครามโลกครั้งที่สองจบลง พร้อมกับอวสานของยุคอาณานิคม

จบได้รึยังคะ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 03 ก.พ. 13, 23:10
จบได้รึยังคะ

สงสัยจะยังครับ   ได้ยินแว่วๆ ว่าอาจจะมีชั้นเรียนใหม่ พม่ารบพม่า น่าสนใจมากๆ เพราเป็นตัวอย่างที่ดีว่าการรบราฆ่าฟันกันเอง เกลียดกันเอง ทำให้ประเทศหยุดนิ่งได้มากขนาดไหน  ;D  ;D  ;D  ;D


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ก.พ. 13, 08:39
ถ้าคุณประกอบจะเปิดชั้นเรียนติววิชาพม่ารบพม่า  ก็เชิญด้วยความยินดีค่ะ    ดิฉันสมัครเป็นนักเรียนแถวกลาง


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 04 ก.พ. 13, 08:42
พม่าไม่ได้รบพม่าครับ แต่ พม่ารบดาค้อยท์

ตัวเคยเป็นดาค้อยท์รบฝรั่ง พอได้บัลลังก์คืนก็ทำแบบฝรั่ง ปราบชนต่างเผ่าพันธุ์ที่ไม่ต้องการเป็นพม่า

เข้ามาแจ้งเท่านั้น ไม่ได้จะเปิดคอร์สออะไร


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ก.พ. 13, 08:50
อ้าว  เปลี่ยนชื่อวิชาเป็นพม่ารบดาค้อยท์ก็ได้นะคะ  ไม่ได้ว่าอะไร
เด็กชายประกอบลงทะเบียนเรียนแล้ว 1 คน


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 04 ก.พ. 13, 14:17
ก่อนจะถึงวิชาศึกสายเลือดในพม่า (โดยอาจารย์ประกอบหรืออาจารย์นวรัตน ?) ขออนุญาตเล่าเรื่องศึกพม่ากับฝรั่งยกสุดท้าย

ศึกครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงใกล้ ๆ กับเหตุการเปลี่ยนการปกครองในไทย (พ.ศ. ๒๔๗๓-๒๔๗๕) ผู้นำคือ Saya San เรียกแบบไทย ๆ ว่า อาจารย์ซาน มีลักษณะเดียวกับกบฏผีบุญในภาคอีสานของไทยในสมัยรัชกาลที่ ๕  เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกว้างขวางและรุนแรง ขยายไปเกือบทั่วประเทศพม๋า (เกิดใน ๑๒ จังหวัดจาก ๒๐ จังหวัด) จากตอนล่างถึงตอนบน เลยเข้าไปถึงรัฐฉานด้วย อังกฤษปราบอยู่ ๒ ปี ฝ่ายกบฏถูกจับ ๙ พันคน บาดเจ็บล้มตายกว่า ๓ พันคน ถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ ๓๕๐ คน รวมทั้งหัวหน้ากบฏคืออาจารย์ซานด้วย

รูปอาจารย์ซานบนธนบัตรราคา ๙๐ จ๊าต

 ;D


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 04 ก.พ. 13, 14:44
อาจารย์ซานเกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๒  พี่ชายถูกอังกฤษฆ่าตาย ต่อมาบวชเป็นพระและเป็นหมอยาแผนโบราณด้วย เดินทางไปรักษาโรคชาวพม่าตั้งแต่เหนือจรดใต้ จึงได้รับความเคารพจนคนพม่าเรียกว่า อาจารย์ (Saya) อาจารย์ซานเข้าร่วมกับขบวนการชาตินิยมของกลุ่ม General Council of Burmese Association (GCBA) จนเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๖ อายุได้ ๔๕ ปี อาจารย์ซานได้รับเลือกเป็นประธานกรรมการพิเศษของ CCBA มีหน้าที่สำรวจสภาพชาวนาและนโยบายการเก็บภาษีอากรของอังกฤษ เมื่อเห็นความทุกข์ยากของชาวนามากขึ้น จึงเกิดความคิดต่อต้านอังกฤษ ชักชวนชาวนาให้ไม่ยอมเสียภาษี ซึ่งได้รับการตอบสนองจากชาวพม่าอย่างรวดเร็ว

ในช่วงนั้นเป็นระยะเวลาที่เศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ทำให้ราคาข้าวในพม่าตก มีผลต่อชาวนาพม่าอย่างมาก  ในเวลาเดียวกัน อังกฤษออกกฎหมายการเก็บภาษีแบบใหม่คือเก็บภาษีรายหัวเป็นเงินตราแทนที่จะเป็นเงิน สินค้า หรือแรงงานแบบเก่า นอกจากนี้อังกฤษยังออกกฎหมายเกี่ยวกับป่าไม้ คือห้ามไม่ให้ตัดไม้ไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ชาวนาที่พึ่งไม้ไผ่และไม้ต่าง ๆ เพื่อทำฟืนหรือปลูกสิ่งก่อสร้าง จึงถูกกระทบกระเทือนอย่างหนัก จึงเป็นเหตุผลสำคัญให้ชาวนาหันไปร่วมมื่อกับอาจารย์ซาน

อาจารย์ซานพาสมัครพรรคพวกโจมตีสถานีป่าไม้ สถานีตำรวจ  ผู้ใหญ่บ้านที่ร่วมมือกับอังกฤษ แขกออกเงินกู้ก็ไม่ละเว้น ขบวนการของอาจารย์ซานขยายวงไปอย่างรวดเร็ว จนถึงประกาศตั้งตนเองเป็นกษัตริย์  ใช้เครื่องทรงแบบกษัตริย์ สร้างพระราชวังใหม่ขนานนามว่า นครพุทธราชา แจกจ่ายเครื่องรางของขลังให้ชาวนาที่รวมตัวเป็นกองทัพต่อสู้กับอังกฤษ  ตั้งชื่อขบวนการของตนว่า สมาคมครุฑ (Galon Athins) เพื่อต่อสู้กับ นาค คืออังกฤษ

น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ ขบวนการครุฑถูกนาคปราบปรามในที่สุด เพราะเมื่อเผชิญกับกองทัพและอาวุธทันสมัย ครุฑก็ถูกฆ่าตายเป็นใบไม้ร่วง อังกฤษใช้กองทัพที่ประกอบด้วยทหารอินเดียและทหารกระเหรี่ยงถึง ๑๒,๐๐๐ คน  แต่กระนั้นก็ต้องใช้เวลาปราบถึงเกือบ ๒ ปี

อาจารย์ซานถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ โดยปฏิเสธที่จะอุทธรณ์ เผชิญการแขวนคออย่างทระนง พร้อมทั้งกล่าวคำสุดท้ายทิ้งไว้ว่า

"เกิดชาติหน้าครั้งใด ขอให้ข้าพิชิตอังกฤษตลอดไป"

เก็บความจาก หนังสือ พม่า : ขบวนการนักศึกษากับประวัติศาสตร์อันระทึกใจ ของ ดร. ชาญวิทย์ เกษตรศิริ (http://www.openbase.in.th/files/tbpj078.pdf) หน้า ๖๘-๗๓

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley20.png)



กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 04 ก.พ. 13, 16:40
อ้างถึง
ก่อนจะถึงวิชาศึกสายเลือดในพม่า (โดยอาจารย์ประกอบหรืออาจารย์นวรัตน ?) ขออนุญาตเล่าเรื่องศึกพม่ากับฝรั่งยกสุดท้าย

ขอเชิญอาจารย์เพ็ญชมพูเล่าต่อไปเลยครับ กำลังสนุก


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 04 ก.พ. 13, 17:07
อาจารย์(ตัวจริง)มาต่อเรื่องแล้ว  ;D เด็กๆ แบบเราก็ต้องมาเข้าชั้นเรียนต่อ  8)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 ก.พ. 13, 09:06
บรรยายให้เหล่าท่านซายา (อาจารย์) ฟัง หากต้องการแสดงความเห็นในประเด็นใด ท่านซายาทั้งหลายช่วยเสริมด้วย  ;)

เมื่อสู้ด้วยวิธีบู๊ไม่สำเร็จ ก็ต้องใช้วิธีบุ๊น

ในช่วงเดียวกับที่ขบวนการของอาจารย์ซานออกปฏิบัติการในชนบท ในรั้วมหาวิทยาลัยนักศึกษามีบทบาททางการเมืองมากขึ้น มีการพูดไฮด์ปาร์ก มีการเขียนบทความวิพากษ์วิจารณ์ มีการศึกษาลัทธิการเมือง  

ก่อนสอบไล่ พ.ศ. ๒๔๗๙ ผู้นำนักศึกษา ๒ คนคือ ทะขิ่นอูนุ นักศึกษานิติศาสตร์ ประธานองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยย่างกุ้ง และ ทะขิ่นอองซาน บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ขององค์การนักศึกษาชื่อ Oway (แปลว่าเสียงเพรียกของนกยูง) และประธานขบวนการนักศึกษาพม่า ถูกมหาวิทยาลัยลงโทษทางวินัยเนื่องจากกรณีพูดไฮปาร์กโจมตีอาจารย์บางคน และกรณีบทความต้องห้ามในหนังสือพิมพ์ Oway

กองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ Oway ใน พ.ศ. ๒๔๗๙ ทะขิ่นอองซานอยู่แถวนั่ง คนที่ ๒ จากซ้าย

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/3/3d/Oway_magazine_committee.jpg/640px-Oway_magazine_committee.jpg)

นักศึกษาประท้วงโดยการนอนขวางทางเข้าประตูห้องสอบ ทำให้ต้องงดสอบไล่ การประท้วงลามเข้าไปยังเจดีย์ชเวดากอง และได้รับการสนับสนุนจากพระสงฆ์ โรงเรียนต่าง ๆ ในต่างจังหวัดร่วมประท้วงด้วยการงดสอบไล่

ทะขิ่นอองซานเกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๘ ทะขิ่นอูนุเกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๐ ทั้งคู่เรียกตนเองว่า "ทะขิ่น" อันมีความหมายว่า "เจ้านาย" (เป็นคำที่คนพม่าใช้เรียกคนอังกฤษ) เพื่อสร้างความเท่าเทียมกับคนอังกฤษ ทั้งคู่เป็นสมาชิก "สมาคมเราชาวพม่า" (Dobama Asiayone) ที่ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๘  ประเด็นของการประท้วงภายในกลายเป็นเรื่องรอง และใช้เป็นข้ออ้างในการประท้วง ประเด็นหลักคือการต่อสู้กับจักรพรรดินิยมอังกฤษ

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

ภาพการประท้วงของสมาคมเราชาวพม่า


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 ก.พ. 13, 10:04
เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองเกิดขึ้นและลามมาถึงพม่า ทะขิ่นอองซานได้รวมตัวเพื่อนนักศึกษาตั้งกลุ่ม "เพื่อนสามสิบ" (The Thirty Comrades) หนีออกไปอยู่กับฝ่ายญี่ปุ่นและฝึกอาวุธที่เกาะไหหลำใน พ.ศ. ๒๔๘๓ และกลับมาพม่าพร้อมกับกองทัพญี่ปุ่น ทะขิ่นอองซานได้เป็นรัฐมนตรีกลาโหม ในสมัยที่ญี่ปุ่นยึดครองพม่า (เมื่ออายุได้ ๒๘ ปี) และเป็นผู้ก่อตั้ง "กองทัพพม่า" (ซึ่งเพื่อนของตนคือ เนวิน ได้เป็นผู้นำในเวลาต่อมา) กองทัพนี้ร่วมมือกับญี่ปุ่นในชั้นแรก และกลายเป็นเสมือน "เสรีไทย" ที่ต่อต้านญี่ปุ่นเมื่อภายหลัง และเจรจาได้เอกราชจากอังกฤษเมื่อ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๑ แต่ทะขิ่นอองซานซึ่งตอนนี้ถูกเรียกว่า "นายพลอองซาน" แล้ว ถูกลอบสังหารเสียก่อนเมื่อ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๙๐  นายพลอองซานได้รับการขนานนามว่าเป็น "บิดาแห่งเอกราชของพม่า"

ภาพนายพลอองซานบนธนบัตรพม่า ความจริงมีปรากฏบนธนบัตรหลายราคา หลายรุ่น ภาพที่เลือกมานี้คิดว่าหล่อที่สุด

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3276.0;attach=9565;image)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 ก.พ. 13, 10:30
เซอร์ฮิวเบิร์ต รานซ์ ข้าหลวงอังกฤษ และเจ้าส่วยแต้ก เจ้าฟ้าเมืองยองห้วย ประธานาธิบดีคนแรกของสหภาพพม่า ในพิธีประกาศเอกราชของพม่า วันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๑

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 ก.พ. 13, 10:35
หลังจากพม่าประกาศเอกราช นายกรัฐมนตรีคนแรกคือ ทะขิ่นนุ หรือ อูนุ

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 ก.พ. 13, 10:41
ทะขิ่นเนวิน หนึ่งในสมาชิกกลุ่ม "เพื่อนสามสิบ" ที่มีบทบาทในการต่อสู้เพื่อเอกราชของพม่า เมื่อได้เอกราชแล้ว เนวินเลือกที่จะมีอาชีพเป็นทหารแต่สถานการณ์ทางการเมืองที่ผันผวนในช่วง พ.ศ. ๒๕๐๑ ทำให้เนวินได้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีชั่วคราว และต่อมาก็กลายเป็นผู้กุมอำนาจอย่างเด็ดขาดทั้งทางการเมืองและการทหารตั้งแต่ ๒ มีนามคม พ.ศ. ๒๕๐๕  เนวินจบชีวิตลงในวัย ๙๒ ปี เมื่อต้นเดือนธ้นวาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ เวลา ๗.๓๐ น. และอีกเพียง ๖ ชั่วโมงถัดมา ร่างของอดีตผู้ทรงอำนาจมากที่สุดของพม่าก็ถูกฌาปนกิจโดยมีญาติและมิตรเพียง ๒๕ คนได้เข้าร่วมในพิธีศพนี้ ไม่มีข่าวสดุดี ไม่มีพิธีกรรมและไม่มีการไว้อาลัยจากรัฐบาลทหารพม่าแต่อย่างใด

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley18.png)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 07 ก.พ. 13, 09:44
รอลุ้นอยู่นาน เห็นกระทู้นิ่งไปแล้ว

อ้างถึง
บรรยายให้เหล่าท่านซายา (อาจารย์) ฟัง หากต้องการแสดงความเห็นในประเด็นใด ท่านซายาทั้งหลายช่วยเสริมด้วย  

เมื่อสู้ด้วยวิธีบู๊ไม่สำเร็จ ก็ต้องใช้วิธีบุ๊น

ในช่วงเดียวกับที่ขบวนการของอาจารย์ซานออกปฏิบัติการในชนบท ในรั้วมหาวิทยาลัยนักศึกษามีบทบาททางการเมืองมากขึ้น มีการพูดไฮด์ปาร์ก มีการเขียนบทความวิพากษ์วิจารณ์ มีการศึกษาลัทธิการเมือง  

ก่อนสอบไล่ พ.ศ. ๒๔๗๙ ผู้นำนักศึกษา ๒ คนคือ ทะขิ่นอูนุ นักศึกษานิติศาสตร์ ประธานองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยย่างกุ้ง และ ทะขิ่นอองซาน บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ขององค์การนักศึกษาชื่อ Oway (แปลว่าเสียงเพรียกของนกยูง) และประธานขบวนการนักศึกษาพม่า ถูกมหาวิทยาลัยลงโทษทางวินัยเนื่องจากกรณีพูดไฮปาร์กโจมตีอาจารย์บางคน และกรณีบทความต้องห้ามในหนังสือพิมพ์ Oway

กองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ Oway ใน พ.ศ. ๒๔๗๙ ทะขิ่นอองซาน อยู่แถวนั่ง คนที่ ๒ จากซ้าย

ซายาอาจารย์เพ็ญชมพู(ตัวจริง) จะไม่เล่าเรื่องของทะขิ่นอองซาน หรืออู อองซาน หรือบายหยก อองซาน หรือนายพลอองซาน วีรบุรุษหมายเลข๑ ของพม่าสักหน่อยหรือครับ


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 07 ก.พ. 13, 13:12
ประวัติทะขิ่นอองซาน หรือ อูอองซาน หรือ โบจ๊อกอองซาน (Bogyoke-ไม่ใช่บายหยกเน้อ  ;)) หรือ นายพลอองซาน ยาวนะ

ถ้าท่านซายานวรัตน อยากจะฟัง ก็จะเล่า  โปรดติดตามด้วยใจระทึก

ที่กระทู้ นายพลอองซาน : วีรบุรุษผู้กู้ชาติพม่า  (http://www.reurnthai.com/index.php?topic=5528.msg118810;topicseen#msg118810)

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5510.0;attach=38733;image)



กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: นางมารน้อย ที่ 23 พ.ค. 13, 16:16
ต้องขออนุญาตขุดกระทู้ขึ้นมาเพราะเพิ่งได้มีโอกาสมาตามอ่าน

ขอขอบคุณทุกท่านที่กรุณาได้ให้ความรู้ต่างๆ โดยเฉพาะคุณนวรัตน์ดอทซี คุณวี มี ท่านอ.เทาชมพู ท่านอ.เพ็ญชมพูคุณประกอบ ค่ะ

ท่านอ.เทาชมพูเป็นผู้ที่ตีโจทย์ของคุณประกอบแตก ก็พลอยทำให้ดิฉันได้เข้าใจความหมายที่ชัดเจนของคำว่า ชาตินิยม กับ Discrimination ด้วย

ซึ่งดิฉันเคยคิดมาตลอดว่าชาตินิยมแบบสุดโต่งนั้นมันไม่ค่อยดีนัก จนวันนี้ได้เข้าใจแล้วว่าจริงๆมันไม่ใช่ชาตินิยม แต่มันคือการ Discrimination อย่างหนึ่ง ซึ่งคำนี้หาคำำไทยมาแปลตรงตัวแทบไม่มี แต่ดิฉันเรียนเอกญี่ปุ่นมาจึงเข้าใจดีถึงคำนี้เพราะคำๆนี้มีตรงตัวชัดๆในภาษาญี่ปุ่น คือ ซะเบะซึ【差別】เพราะที่ญี่ปุ่นเองปัญหาเรื่อง Discrimination เคยเป็นสิ่งที่เป็นปัญหาอยู่เหมือนกัน แม้ปัจจุบันจะเบาบางไปมากแล้ว แต่ก็ยังพอมีอยู่บ้าง ส่วนในไทยดิฉันไม่เคยฉุกคิดถึงคำว่า Discrimination มาก่อนเลย มักจะใช้คำว่าชาตินิยมอยู่เสมอๆ วันนี้ได้เข้าใจแจ่มแจ้งแล้วค่ะ

ยังติดตามอ่านไปเรื่อยนะคะ 


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 พ.ค. 13, 17:43
กระทู้เก่าของคุณ NAVARAT.C มักจะถูกดึงกลับขึ้นมาเป็นระยะ จากสมาชิกใหม่ที่เข้ามาอ่านค่ะ

กระทู้นี้มีอะไรให้พูดถึงได้อีกนิดหน่อย เรื่องคำที่คุณ"นางมารน้อย" ติดใจ  คือ discrimination  ดิฉันยังหาศัพท์บัญญัติตรงๆของคำนี้ไม่ได้    คนไทยแปลได้หลากหลายแล้วแต่ว่าจะนำไปประกอบกับคำอะไร  เช่น racial discrimination ก็คือการเหยียดผิว 

ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization of the United Nations)ได้ทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญเซเรส เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2522 แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท อันเนื่องมาจากการที่ทรงเป็นผู้มองเห็นการณ์ไกล และทรงพยายามที่จะยกระดับเศรษฐกิจกับสวัสดิการทางสังคม 
บนเหรียญมีคำจารึกไว้ว่า "To give without discrimination"  คือ "ให้โดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง"  แสดงถึงน้ำพระราชหฤทัยที่ทรงเมตตาต่อปวงชน โดยไม่เลือกเพศ วัย  เผ่าพันธุ์ ศาสนา ฯลฯ  ทุกคนล้วนอยู่ในข่ายพระมหากรุณาธิคุณเท่าเทียมกัน  ดังคำประกาศสดุดีตอนหนึ่งว่า

“โดยที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ แห่งประเทศไทย มีพระราชหฤทัยอันเปี่ยมไปด้วยคุณธรรม พระราชทานพระมหากรุณาอนุเคราะห์เกื้อกูลพสกนิกรชาวไทยทั้งมวลอยู่เสมอมิได้ขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ขัดสนจนยากในท้องถิ่นชนบท ดังเห็นได้จากการที่ทรงทุ่มเทอุทิศทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นกำลังพระวรกาย หรือกำลังทรัพย์ โดยไม่ทรงคำนึงถึงพระองค์เองเลยแม้แต่น้อย พระราชทานความร่วมมือแก่องค์การสังคมสงเคราะห์กับองค์การกุศลต่างๆ อันมุ่งที่จะหาทางบรรเทาความทุกข์ร้อนของประชาชนที่ยากจนทั้งหลาย โดยจัดหาอาหารเลี้ยงดูผู้อดอยากขาดแคลน ตลอดจนแสวงหาที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ที่มีอันต้องตกระกำลำบาก รวมทั้งบรรดาเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรทั้งหลายทั้งปวง”


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: ราชปักษา ที่ 11 มี.ค. 19, 10:15
ขอช่วยลงภาพ ประกอบเนื้อหา

รูปภาพกองทัพพม่าสมัยปรับปรุงก่อนเสียเมืองยุคพระเจ้าสีป่อ คาดว่า พม่าน่าจะเริ่มปรับโฉมกองทัพเป็นอย่างนี้ เร็วที่สุดก็รัชสมัยพระเจ้าสราวดี ก่อนสงครามพม่า-อังกฤษครั้งที่ 2

(https://static.greatbigcanvas.com/images/singlecanvas_thick_none/the-granger-collection/troops-of-the-burmese-army-under-king-thibaw-min-1885,2411622.jpg?max=1000)

สังเกตุว่า ชุดแต่งหน้าตาไม่ละม้าย ทหารพม่าที่ตะบันใส่เราในศึก 9 ทัพแล้ว แต่แบกปืนเป็นอาวุธแทนดาบ และเครื่องแต่งก็คล้ายๆกำลังทหารอินเดีย Sepoy (ขออภัยขอรับกระผมไม่ได้กระแดะ แต่ไม่รู้จะสะกดคำนี้เป็นไทยยังไงให้ถูกดี)

ภาพนี้ จากหนังสือพม่ารบไทย โดย  ดร.สุเนตร ชุติณธรานนท์
(https://i.pinimg.com/originals/75/f7/8a/75f78afd113999a845085681947ad81f.jpg)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: ราชปักษา ที่ 11 มี.ค. 19, 10:24
ยังไง ก็ดี ถ้าพิจารณาแล้ว กองกำลังแบบฝรั่งในพม่า คงไม่ได้มีจำนานมากมากอะไรนัก สังเกตุว่า ภาพทหารพม่าที่ถ่ายรูปติดกล้องอังกฤษมา ก็ยังเป็นพลรบโพกผมนุ่งโสร่งที่ชาวสยามคุ้นตาตามภาพยนตร์กันอยู่

ขอยืมภาพเก่าท่านอาจารย์ขอรับ
(https://f.ptcdn.info/974/053/000/ox96mofnhiJm0UMxfFN-o.jpg)


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 03 เม.ย. 21, 11:44
บันทึกท้ายกระทู้ของคุณนวรัตน  ;D

จาก https://www.facebook.com/1174884455908584/posts/4039371116126556/


กระทู้: “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 เม.ย. 21, 19:58
 ;D