เมืองดาหาจัดแจงแต่งบ้านเมืองรับทูตเมืองล่าสำนั้นน่าสนุก
ทำให้เห็นลักษณะการรับทูตสมัยก่อนรัชกาลที่ ๕ ซึ่งยังใช้แบบแผน
อย่างเดียวกับสมัยกรุงศรีอยุธยา ราชสาส์นนั้นสำคัญ
เสมอด้วยองค์พระเจ้าแผ่นดิน จึงต้องขึ้นยานมาศแห่เข้าเมือง
ส่วนผู้นำราชสาส์นนั้น เดินตามพระราชสาส์น ธรรมเนียมอย่างนี้
ฝรั่งมังค่าไม่เข้าใจ เห็นว่าชาวสยามไม่ให้เกียรติทูต
แต่ไปให้เกียรติกระดาษของพระเจ้าแผ่นดิน
ไม่ใช่ไม่เข้าใจ แต่เป็นเล่นแง่ในการทูต หากผิดใจเกิดกันขึ้น ก็อ้างถึงสิทธิ์นำเรือรบเข้ากำลังหักหาญ ยึดแผ่นดิน
การที่จะเข้าผูกมิตรระหว่างประเทศ ต้องศึกษาธรรมเนียมกันและกันมาก่อนแล้ว ทางยุโรปถือว่าตนเป็น Authorized Representative ชอบด้วยอำนาจทั้งปวง ไม่ใช่มาไหว้กระดาษ ส่วนการต้อนรับทูตอย่างใหญ่ มีอีกครั้งเมื่อ ท่านเซอร์ จอห์น บาวริ่ง เสนอที่อยากจะให้สยาม ต้อนรับทูตอย่างใหญ่เสมอเมื่อครั้งรับทูตฝรั่งเศส สมัยสมเด็จพระนารายณ์
เหตุการณ์ไหว้กระดาษ (พระราชสาส์น) นี้ยังมีเหตุการณ์ที่ฝรั่งต้องเจอที่ปักกิ่ง สมัยจักรพรรดิ์เฉียนหลง มีราชทูตจากยุโรปส่งพระราชสาส์นมาขอทำการค้าด้วย ทางการจีนจึงนำพระราชสาส์น แห่ขึ้นเกี้ยวงดงาม ให้ราชทูตเดินตาม หลังจากนั้นมีพระบรมราชโองการตามออกมาให้คณะราชทูต ข้าราชสำนักชาวจีนต่างโค้งคำนับพระราชโองการ ด้วยถือเสมือนฮ่องเต้มาเอง แถมยังบังคับให้ชาวยุโรปคุกเข่า ก้มโค้งหมอบกับพื้น ๙ ครั้ง อย่างธรรมเนียมจีนอีกด้วย ... จีนถือว่าประเทศใหญ่ เป็นศูนย์กลางแห่งโลก มิเกรงกลัวผู้ใด