1. เรือนขนมปังขิงเป็นเรือนไม้ที่สามารถจะถอดเป็นชิ้นๆ ย้ายไปปลูกที่ใหม่ได้อย่างเรือนไทยอย่างอื่นหรือไม่คะ ?
ทำได้ครับ เรือนขนมปังขิงในบ้านเรามาพร้อมระบบตะปูก็จริง แต่เท่าที่เคยเข้าไปชมๆโครงสร้างยังคงยึดด้วยสลักไม้อยู่ ตัวอย่างอาคารที่ย้ายปลูกสร้างใหม่คือ พระที่นั่งวิมานเมฆ
2. การฉลุลายใช้มือบวกฝีมือช่างล้วนๆ หรือมีอุปรณ์กลไกใดช่วย แล้วช่างที่ฉลุลายเป็นช่างฝีมือเฉพาะ หรือช่างที่แกะไม้ก็ทำได้คะ ?
มีอุปกรณ์ช่วยบ้าง แต่เป็นกลุ่มอุปกรณ์ที่ไม่ซับซ้อนอะไร และช่างฝีมือทั่วไปก็ทำได้ เพราะแค่ฉลุออก
แต่ในส่วนที่มีการแกะให้นูนด้วย อันนั้นช่างฝีมือ
3. ลวดลายที่ฉลุมีลายเฉพาะไหมคะ เช่น ดอกไม้ดอกประเภทนั้นประเภทนี้เท่านั้น หรือลายชื่อเฉพาะ หรือสุดแล้วแต่จินตนาการของช่างคะ
ขอตอบในส่วนที่รู้นะครับ
ในส่วนของมลายูจะมีกลุ่มลายฉลุมาตั้งแต่ก่อนการเข้ามาของเรือนขนมปังขิง ทำให้ลายมีความเฉพาะและซื่ออยู่แล้ว เช่นลายช่องลมใต้ชายคาคือกลุ่มบัวคว่าบัวหงาย(หัวใจ)
ลายฉลุเหนือหน้าต่าง ฯลฯ
ส่วนทางเหนือเท่าที่ทราบ จะเรียกกลุ่มลายที่เชิงชายว่า น้ำค้าง และส่วนประดับยอดหลังคาว่า ปีกผีเสื้อ
4. การขึ้นทะเบียนเป็นอาคารอนุรักษ์ (อาคารของเอกชน เจ้าของยังมีชีวิตอยู่) จะต้องให้ทางราชการเป็นผู้เล็งเห็นเองว่าควรจะอนุรักษ์
หรือเจ้าของไปยื่นเรื่องร้องขอเองคะ แล้วมีหลักเกณฑ์อย่างไร ?
ได้พยายามหาความรู้จากหน่วยงานที่คิดว่าเกี่ยวข้องแล้วค่ะ ทางเว็บไชท์ไม่มีรายละเอียดชัดเจน โทร.ไปก็โดนโอนสายต่อหลายทอด
เสร็จจากโอนสายต่อก็ให้เบอร์อื่นติอต่อใหม่อีกหลายหน่วย โทร.ไปตามที่บอกหมด จนระทดท้อ แต่ก็ไม่ได้รับความรู้ใดเลย
จึงคิดว่ามาขอพึ่งเว็บบี้ดีกว่า เพราะมีท่านผู้รู้มากมายคอยกรุณาให้ความรู้
กำลังทำอยู่ครับ แชร์ประสบการณ์ คือทางเจ้าของต้องไปยื่นเรื่องแจ้ง จากนั้นทางกรมศิลป์ฯจะส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ หากอาคารมีคุณค่าก็จะขึ้นทะเบียนและสามารถของบมาซ่อมแซมดูแลได้
แต่
หากทางเจ้าของจะบูรณะเองต้องได้รับอนุญาติจากกรมศิลป์ฯก่อน
จะว่าเฉพาะรอมาตรวจ คิวก็อาจจะเป็นปีแล้วครับ
ขอขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ