ในเวลาที่พระเจ้าตากได้เริ่มทำการ re-unification สยามนั้น
วิสฺสณุโลกราชา กลายเป็นเจ้าฝาง ศูนย์อำนาจอยู่ที่เมืองฝาง ไม่ใช่เมืองพิษณุโลก
นครราชสีมาราชา กลายเป็นเจ้าพิมาย ศูนย์อำนาจอยู่ที่พิมาย ไม่ใช่เมืองโคราช
วชิรปาการราชา คือเจ้าตาก ตั้งมั่นอยู่ที่ธนบุรี
เหลือแต่ นครสิริธมฺมราชา ที่ยังอยู่ที่เมืองนคร
อนึ่ง ตามพงศาวดาร นครราชสีมาราชา
ไม่ใช่ พระยากำแหงสงคราม หรือ พระยานครราชสีมาอย่างแน่นอน
เพราะโดนวางแผนลอบทำร้ายเสียชีวิตในงานทำบุญตั้งแต่กรุงยังไม่แตก
ดังนั้นประเด็นนี้จึงไม่สามารถนำมาเชื่อมโยงได้ว่า วชิรปราการราชาคือ พระยากำแพงเพชรแต่อย่างใดครับ
นอกจากจะเหมารวมว่าชุมนุมในอาณาเขตของเมืองใหญ่ให้ใช้ชื่อเมืองใหญ่นั้นแทน
ฝางคือพิษณุโลก พิมายคือนครราชสีมา และ ตากคือกำแพงเพชร ?
เรื่องช่วงเวลาสำหรับเอกสารนี้คงเอาแน่นอนไม่ได้ครับ เพราะไม่ได้เจาะจงชัดเจน เพียงแต่อธิบายกว้างๆ เท่านั้น ซึ่งก็น่าเชื่อว่าชุมนุมเหล่านี้ได้แยกตนเป็นอิสระตั้งแต่กรุงยังไม่เสียให้พม่าแล้วครับ
"วิสฺสุณโลกราชา" หมายถึงเจ้าพระพิษณุโลกแน่นอนครับ ไม่ใช่เจ้าพระฝาง เพราะสังคีติยวงศ์ยังกล่าวต่อไปว่าชนทั้งหลายในเมืองพิษณุโลกได้ยกเป็นกษัตริย์ และได้รบกับ
"วรสฺวางคภิกฺขุนา" ซึ่งก็คือพระภิกษุจากเมืองสวางคบุรีหรือเจ้าพระฝางถึงสามครั้งไม่แพ้ชนะ จนกระทั่งวิสฺสุณโลกราชาถึงแก่กาลกิริยาไปเอง สอดคล้องกับพระราชพงศาวดาร
"นครราชสีมาราชา" ก็หมายถึงพระยานครราชสีมาอย่างแน่นอน เพราะสังคีติยวงศ์กล่าวต่อไปว่านครราชสีมาราชาถูกมหาชนฆ่าตาย แล้วยกพระราชบุตรของพระเจ้ากรุงศรีอยุทธยานามว่า
"เทพฺพิวิจนาเมน" ซึ่งก็คือกรมหมื่นเทพพิพิธขึ้นเป็นกษัตริย์ สอดคล้องกับพงศาวดารที่ระบุว่ากรมหมื่นเทพพิพิธลอบฆ่าพระยานครราชสีมาแล้วยึดเมืองได้ แต่สังคีติยวงศ์ไม่ได้กล่าวเรื่องหลวงแพ่งน้องพระยานครราชสีมามายึดเมืองคืนแล้วให้กรมหมื่นเทพพิพิธไปอยู่พิมายซึ่งเกิดขึ้นหลังจากนั้น แต่ข้ามไปตอนพระเจ้ากรุงธนบุรียกทัพมาตีเมืองนครราชสีมาเลย
ส่วนเรื่องสถานที่ว่าว่าศูนย์กลางไปอยู่พิมายนั้น สังคีติยวงศ์ได้เหมารวมไว้กับนครราชสีมาอย่างที่กล่าวมาครับ ดังที่ยังกล่าวว่ากรมหมื่นเทพพิพิธ
"ได้สำนักอยู่ในเมืองนครราชสีมาบุรนั้น"ดังนั้นชื่อเหล่านี้จึงบ่งบอกถึงเจ้าเมืองอย่างไม่น่าสงสัยครับ
ดังนั้นเมื่อวิสฺสุณโลกราชาคือเจ้าพระยาพิษณุโลก นครสิริธมฺมราชาคือเจ้านครศรีธรรมราช (เดิมเป็นพระปลัด แต่ได้ว่าราชการเมืองนครอยู่ก่อน) นครราชสีมาราชาคือพระยานครราชสีมา ความเป็นไปได้มากที่สุดของวชิรปาการราชาก็ควรจะเป็นพระยากำแพงเพชรอย่างในพงศาวดารครับ
ส่วนเรื่องเมืองศูนย์กลางของชุมนุมไม่น่าจะเกี่ยวกับชื่อเรียกโดยตรง อย่างที่สังคีติยวงศ์ไม่เคยเรียกกรมหมื่นเทพพิพิธว่า
"นครราชสีมาราชา" หรือ
"วิมายราชา" และสังคีติยวงศ์ก็กล่าวถึงพระเจ้ากรุงธนบุรีว่า "ธนปุเร วสนฺเตน วชิรปาการรญฺโญ" หรือ "พระราชาวชิรปาการราชดำรงอยู่ในเมืองธนปุร" ซึ่งเข้าใจว่าความหมายจริงๆ น่าจะเป็น "พระยากำแพงเพชรได้ครองเมืองธนบุรี" ครับ
ส่วนในประเด็นที่ว่า ได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระยากำแพงเพชร คุมกองเรือ ในเดือนสิบสองน้ำนองตลิ่งนั้น
ค่อนข้างขัดกับเอกสารอื่นครับ
ในศึกท้ายๆก่อนตีฝ่าออกจากกรุง พระยาตากสนับสนุนการรบของพระยาเพชรบุรีซึ่งคุมกองเรือ
ตอนนั้นยังเป็นพระยาตาก และไม่น่าจะได้เลื่อนตำแหน่งเพราะผลการรบไม่ได้รับชัยชนะ
และในเวลานั้น เมืองกำแพงเพชรไม่ได้อยู่ใต้อำนาจการควบคุมของสยามแล้ว
จึงเป็นเรื่องแปลกที่จะตั้ง ให้พระยาตากเป็นเจ้าเมืองที่พม่ายึดไว้แล้วและถือเป็นการให้ความดีความชอบ
ตามพงศาวดารระบุว่าเลื่อนเป็นพระยากำแพงเพชร แล้วให้ยกทัพเรือไปกับพระยาเพชรบุรี ไม่ใช่ว่ายกทัพเรือไปแพ้ไปแล้วถึงตั้ง ซึ่งก็ปรากฏว่าก่อนสงครามนั้นพระยาตากมีผลงานอยู่ในการรบที่ค่ายปากน้ำประสบ เวลาไล่เลี่ยกับศึกบ้านระจัน โดยกล่าวว่าทัพกรุงถูกตีแตกจนจมื่นศรีเสาวรักษ์ จมื่นเสมอใจราชต้องหนีข้ามแม่น้ำไป แต่พระยาตากยังรบรออยู่แล้วหนีมาภายหลัง ถ้าจะทำความชอบในช่วงนี้จนได้เลื่อนยศก็ดูไม่เป็นการแปลกประหลาดครับ
ส่วนเรื่องที่ตั้งเป็นเจ้าเมืองกำแพงเพชร ในกรณีที่เกิดขึ้นจริง ก็เห็นตรงตามคุณ CrazyHOrse ที่จะคาดว่ารอรบชนะพม่าถอยไปแล้วค่อยให้พระยาตากไปครองเมืองกำแพงเพชร ประกอบกับช่วงเวลานั้น เมืองกำแพงเพชรและอีกหลายเมืองถูกพม่าตีแตกหรือหนีเข้าป่ากันหมด น่าจะทำให้ตำแหน่งเจ้าเมืองว่างลงหลายเมือง จึงอาจจะหวังให้พระยาตากไปครองเมืองกำแพงเพชรหลังจากเสร็จศึกก็ได้ครับ
ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไรครับ ในประวัติศาสตร์ก็มีตัวอย่างอยู่หลายครั้งหลายชาติที่ตั้งคนของตนให้เป็นเจ้าเมืองที่ไม่ได้อยู่ในเขตอำนาจของตน แต่ตั้งไว้ล่วงหน้าเพื่อรอยึดมาได้แล้วให้ไปครองในอนาคต อย่างเช่นในสมัยสามก๊ก ตามประวัติศาสตร์เล่าปี่ตั้งม้าเฉียวให้เป็นผู้ว่าราชการมณฑลเหลียงโจว ซึ่งตอนนั้นเหลียงโจวเป็นเขตอิทธิพลของโจโฉเป็นต้น คงคาดไว้ว่ารอพิชิตวุยก๊กได้จึงให้ม้าเฉียวกลับไปครอง
ส่วนเรื่องประเด็นที่ว่าในหลักฐานอื่นๆ จำนวนมายังคงเรียกพระยาตาก ก็เป็นเรื่องที่น่าขบคิดต่อไปครับ