ขอพักเรื่องบะหมี่ปูไว้ก่อน แต่ขอบอกว่าปี 2510 ยังมีบะหมี่ปูทะเลขายแยะอยู่พอสมควร ที่หน้าร้านจะแขวนก้ามปูทะเลสีแดงๆ เอามาร้อยต่อๆกัน นัยว่าเป็นโลโก้ขอเชิญมากินบะหมี่ปูทะเลที่นี่ แต่สมัยนี้ไม่เจอ คงไม่กล้ามาแขวน แค่เนื้อปูม้ายังแบบผงๆเลย เป็นยวงๆเหมือนตะก่อน ไม่มีแล้วครับ
(มีเจ้าหนึ่ง บะหมี่ปู เย็นๆถึงดึกมาขายปากซอยสำราญราษฎร์ เยื้องเจ้าผัดไทยลือชื่อ เนื้อปูทะเลเคยกินมีที่เป็นยวงเหมือนกัน คนขายเป็นผู้หญิงอีสาน ตอนนี้ยังคงขายอยู่มั้ง พูดมากเดี๋ยวจะผิดนโยบายของบอร์ด อิอิ แต่ข้อยบ่ได้มีเจตนายังงั้นจริงๆ)
ที่ขอพักเรื่องบะหมี่ปู เพราะนึกถึงเย็นเตาโฟ เป็นก๋วยเตี๋ยวที่ฮิต หากินง่ายกว่าบะหมี่ปู แถมนายแพทย์ท่านหนึ่ง ลืมชื่อไปแล้ว จำได้เพียงนามสกุลว่า ชุณหสวัสดิ์ อะไรทำนองนี้ เขียนบรรยายสรรพคุณว่าเป็นอาหารที่รวมจักรวาล ผืนแผ่นดิน มหาสมุทร อุดมสมบูรณ์เสียยิ่งนัก เจ้าที่ลือชื่อที่สุดคือเย็นเตาโฟวัดแขก น้ำซุปรสชาติออกหวานใสๆ พริกตำอร่อย เครื่องครบ ปลาหมีก เลือดหมู เต้าหู้ ผักบุ้ง ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ บางและแคบกว่าที่อื่น คิดว่าเป็นข้อดีเด่นของร้านนี้นอกจากรสชาติ ร้านอยู่ข้างวัดแขก แต่กลางวันคิวยาวไปถึงบางรัก (ขอโม้ตามประสา อิอิ) ที่รู้จักเพราะบ้านลุงอยู่ซอยเดโช ไปหาทีไร คนในบ้านก็ไปซื้อมาให้ คนขายเป็นผู้ชาย หน้ากลมแต่คางแหลม ยิ้มใจดี นุ่งกางเกงขาสั้น 3 ส่วน ไม่เคยเห็นนุ่งขายาว สวมเสื้อคอปกลายสก็อต พื้นขาวลายเขียว
แต่ความจริง ในซอยเดโชนี่แหละ ตอนเย็นๆ มีอาม้าคนหนึ่ง อายุในราว 40 ปีมั้งตอนนั้น ผิวคล้ำ (คนจีนมักจะผิวขาว) รูปร่างหนา แข็งแรง หาบเย็นเตาโฟมาขาย ปลาหมึกชิ้นหนาๆ เลือดหมูก้อนเขื่องนิดๆ นิ่ม ต้นผักบุ้งดูเถื่อนๆ ไม่เขียวนวลลออเหมือนร้านดัง แต่กรอบ เป็นเจ้าที่อร่อยอีกเจ้า รสชาติบ้านๆ เถื่อนๆ แซ่บถึงใจเพราะน้ำส้มพริกขี้หนูตำ สีเขียวๆ ไม่ออกแดง สมัยนั้นไม่เคยเห็นใครใส่พริกป่นลงไปด้วย แต่จริงๆแล้วใส่นิดหน่อย แซ่บยิ่งขึ้น เรียกว่าต้มยำ
ถ้าตั้งร้านแข่งกันอยู่ข้างๆ ไม่ทราบว่าใครจะอยู่ใครจะไประหว่างเย็นตาโฟวัดแขกกับอาม้าคนนี้
เคยไปกินก๋วยเตี๋ยวเจ้าหนึ่งแถวถนนพระราม4 จะเรียกว่าเคยก็ไม่ใช่ เพราะกินเกือบ 10 ปี เนื่องจากทำงานแถวนั้น เย็นเตาโฟของเจ้านี้คือเย็นเตาโฟวัดแขก 90%
ไม่มีรูป เพราะอัพไม่เป็น หาก็ไม่เก่งเหมือนผู้ทรงคุณวุฒิในนี้