siamese
|
ความคิดเห็นที่ 60 เมื่อ 13 ก.ย. 14, 09:38
|
|
สร้างภาพด้วยกระดาษอัลบูมิน ทำอย่างไร
เมื่อเราถ่ายภาพด้วยระบบกระจกเปียกแล้ว นำกระจกเปียกใส่น้ำยาสร้างภาพเรียบร้อยแล้ว นำไปทาบกับกระดาษอัลบุมิน แล้วนำไปตากแดด เพื่อให้แสงส่องภาพจากกระจกลงไปยังกระดาษอัลบุมิน ตากแดดไว้ครึ้่งชั่วโมง ก็สร้างภาพทำ copy ได้แล้วครับ
เป็นวิธีการที่ง่าย กระชับ นำภาพเหล่านี้ไปโชว์ในงานแกเลอรี่ ได้สบายๆ เหล่านี้จึงก่อให้เกิดกระแสว่า สถาบันมีชื่อต่างๆ จากทางยุโรปจะส่งช่างภาพไปถ่ายภาพสถานที่ บุคคลต่างๆ ทั่วโลกแล้วนำภาพมาโชว์เก็บเงินสร้างความร่ำรวยไปได้มากครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 61 เมื่อ 13 ก.ย. 14, 09:49
|
|
อ.ศักดา ยังค้นหาต่อไปว่า ในพ.ศ. ๒๔๐๔ นั้น สยามประเทศได้รับเอาการถ่ายภาพด้วยระบบ Wet Plate หรือกระจกเปียกและกระดาษอัลบูมิน (กระดาษไข่ขาวเคลือบสารไวแสง) เข้ามายังสยามแล้ว โดยช่างถ่ายรูปชาวสวิส "ปีแอร์ โรซิเยท์" ปีแอร์ โรซิเยท์เป็นครูสอนช่างถ่ายภาพแบบกระจกเปียกที่ญี่ปุ่นก่อนเดินทางเข้ามายังสยาม เพื่อถ่ายภาพบุคคล วิวทิวทัศน์เมืองไทยไว้หลายภาพเช่นกัน เป็นการเปิดหน้าประวัติศาสตร์การถ่ายภาพของไทยในอีกรูปแบบหนึ่งทีทันสมัย ภาพผลงานของปีแอร์ โรซิเยท์ คือ ภาพพระเมรุสมเด็จพระเทพศิรินทราฯ ในรัชกาลที่ ๔ (เห็นแล้วตะลึงกว่าไหมครับ ) ผมคิดว่าเรามึนกันคนละเรื่องแล้ว ผมไม่ได้ชวนมึนในคุณภาพของภาพใดภาพหนึ่ง ผมมึนในเนื้อหาว่าตกลงแล้ว พระบรมฉายาลักษณ์ภาพใดแบบใดแน่ ระหว่างภาพของของอาจารย์พิพัฒน์และอาจารย์ศักดา ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าส่งไปถวายควีนวิกทอเรีย และยังจะมีความเห็นของอาจารย์เอนกกำลังรอคิวอยู่อีก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 62 เมื่อ 13 ก.ย. 14, 09:54
|
|
แต่เนื้อหาที่คุณหนุ่มนำมาลงตอนนี้ก็เหมาะเหม็ง เพราะจะได้ปูพื้นให้ท่านผู้อ่านได้ทราบว่า ภาพของอาจารย์ศักดาเป็นถาพที่ถ่ายลงแผ่นเงิน ส่วนของอาจารย์พิพัฒน์เป็นภาพที่ถ่ายจากกระจกแล้วอัดภาพลงกระดาษอัลบูมิน ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่อังกฤษต่อยอดดาแกโรไทป์ของฝรั่งเศส
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 63 เมื่อ 13 ก.ย. 14, 09:58
|
|
อ.ศักดา ยังค้นหาต่อไปว่า ในพ.ศ. ๒๔๐๔ นั้น สยามประเทศได้รับเอาการถ่ายภาพด้วยระบบ Wet Plate หรือกระจกเปียกและกระดาษอัลบูมิน (กระดาษไข่ขาวเคลือบสารไวแสง) เข้ามายังสยามแล้ว โดยช่างถ่ายรูปชาวสวิส "ปีแอร์ โรซิเยท์" ปีแอร์ โรซิเยท์เป็นครูสอนช่างถ่ายภาพแบบกระจกเปียกที่ญี่ปุ่นก่อนเดินทางเข้ามายังสยาม เพื่อถ่ายภาพบุคคล วิวทิวทัศน์เมืองไทยไว้หลายภาพเช่นกัน เป็นการเปิดหน้าประวัติศาสตร์การถ่ายภาพของไทยในอีกรูปแบบหนึ่งทีทันสมัย ภาพผลงานของปีแอร์ โรซิเยท์ คือ ภาพพระเมรุสมเด็จพระเทพศิรินทราฯ ในรัชกาลที่ ๔ (เห็นแล้วตะลึงกว่าไหมครับ ) ผมคิดว่าเรามึนกันคนละเรื่องแล้ว ผมไม่ได้ชวนมึนในคุณภาพของภาพใดภาพหนึ่ง ผมมึนในเนื้อหาว่าตกลงแล้ว พระบรมฉายาลักษณ์ภาพใดแบบใดแน่ ระหว่างภาพของของอาจารย์พิพัฒน์และอาจารย์ศักดา ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าส่งไปถวายควีนวิกทอเรีย และยังจะมีความเห็นของอาจารย์เอนกกำลังรอคิวอยู่อีก คือต้องลงอธิบายไว้ครับ เพราะว่าเทคโนโลยีด้านการถ่ายภาพด้วยระบบต่างๆ เติบโต อย่างมากในยุโปร และไทยเองก็เป็นหนึ่งในซึกโลกตะวันออกที่มีการถ่ายภาพ ไม่น้อยหน้ากว่าญี่ปุ่นและจีน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 64 เมื่อ 13 ก.ย. 14, 10:08
|
|
^ สงสัยว่าไม่ได้อ่านคคห.ถัดลงมาข้างบน ^
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 65 เมื่อ 13 ก.ย. 14, 10:34
|
|
เหตุผลหนึ่งที่บาทหลวงฝรั่งเศสทั้งสองท่านช่วยอะไรไม่ได้มากอาจเป็นเพราะกล้องที่ได้มาใหม่นี้เป็นแบบทัลบอลโรไทป์ ที่นายทัลบอลคนอังกฤษคิดค้นวิธีการถ่ายภาพแบบใช้กระจกและกระดาษอัดที่ท่านไม่คุ้นเคย
อย่างไรก็ดี เกี่ยวกับปัญหาที่ผมมึนตึ๊บ อาจารย์อเนก นาวิกมูลก็แสดงความเห็นไว้ในหนังสือประวัติการถ่ายรูปยุคแรกของเมืองไทยว่าดังนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 66 เมื่อ 13 ก.ย. 14, 10:43
|
|
สงเคราะห์ผู้มีปัญหาทางสายตา
|
คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 67 เมื่อ 13 ก.ย. 14, 11:48
|
|
ขอทวนอีกครั้งหนึ่งว่า การถ่ายภาพไปถวายสมเด็จพระนางเจ้าวิกทอเรียตามพระความในพระราชหัตถเลขานั้น ต้องกระทำในระหว่างช่วงปี ๒๓๙๙ ซึ่งได้รับกล้องมา ถึงปี ๒๔๐๐ ที่ส่งคณะราชทูตสยามไปอังกฤษ
แสดงว่าเทคโนโลยี่ในสยามไปถึงระบบ Wet Plate หรือกระจกเปียกและกระดาษอัลบูมินแล้ว ก่อนหน้าที่ช่างถ่ายรูปชาวสวิส "ปีแอร์ โรซิเยท์" จะเข้ามาวาดลวดลายยังสยามในพ.ศ.๒๔๐๔ ตามที่คุณหนุ่มว่าหลายปี เพียงแต่อุปกรณ์ของเขาอาจจะทันสมัยขึ้นไปอีกเท่านั้น
แต่พระบรมฉายาลักษณ์ที่ทรงพระมหามงกุฏ และอีกองค์หนึ่งที่ทรงฉายพร้อมสมเด็จพระราชินีและสมเด็จเจ้าฟ้าบนพระเพลา น่าจะถ่ายทำก่อนหน้านั้นไปอีก ถ้าไม่ใช่บาทหลวงเข้ามาเป็นผู้ถ่ายในวัง เจ้านายองค์ใดองค์หนึ่งที่คุณหนุ่มว่านั่นแหละ อาจจะทรงเป็นช่างภาพก็ได้ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครกล่าวถึง
และประเด็นที่สำคัญ พระบรมฉายาลักษณ์ที่อาจารย์ศักดาไปพบนี้ เข้าไปอยู่ในพระราชวังวินเซอร์ได้อย่างไร และเมื่อไหร่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 68 เมื่อ 14 ก.ย. 14, 11:19
|
|
“…ข้าพเจ้าได้นำนาฬิกาเพชรมาประดับ ทั้งได้นำดาบสองคมที่ท่านได้พระราชทานมาให้เมื่อสองสามปีก่อนมาถือประดับไว้ข้างโต๊ะ ซึ่งวางแท่นสำหรับบรรจุกระปุกหมึก และปืนลูกโม่กับปืนยาวไว้ ซึ่งของเหล่านี้ล้วนเป็นมงคลราชบรรณาการจากท่านทั้งสิ้น แล้วยังได้ถ่ายภาพพระราชินีผู้เป็นที่รักของข้าพเจ้าอีกภาพหนึ่ง กับให้ช่างระบายสีภาพทั้งสองนี้อย่างดี ฝากท่านราชทูตมาทูลเกล้าถวายสมเด็จพระนางเจ้าด้วย”
กว่าจะทราบว่าอะไรเป็นอะไร ก็ต้องเปิดค้นในเล่มที่สาม ของอาจารย์เอนก นาวิกมูล จึงจะทราบที่มาที่ไปอย่างถูกต้อง คือเป็นพระบรมฉายาลักษณ์คนละรายการกันที่ส่่งไปกับคณะราชทูตสองคณะ ให้นำขึ้นทูลเกล้าถวายควีนวิกทอเรีย และทำให้เราทราบอีกว่า ในแต่ละพ.ศ. การถ่ายภาพของเราเป็นแบบใด น่าจะถ่ายโดยใคร
|
คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 69 เมื่อ 14 ก.ย. 14, 20:06
|
|
นอกจากนายโหมด จะเป็นผู้ชื่นชอบวิชาการถ่ายภาพแล้ว ยังมีเจ้านายอีกองค์ที่หลงไหนเสน่ห์ในการชักรูปเงา คือ "พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นอลงกตกิจปรีชา และพระโอรส" ซึ่งบุคคลทั้ง ๒ ก็ได้ศึกษาการถ่ายภาพในยุคต้นๆ ด้วยเช่นกัน ผมว่ามันเป็นเทคโนโลยีอันทันสมัยประเภทหนึ่งที่เดินทางเข้ามายังสยามประเทศ ทำให้กลุ่มเจ้านายที่มีใจรักศึกษา ได้หันมาเล่นกับเทคโนโลยีดังกล่าวนี้ แล้วท่านเป็นองค์ที่เท่าไหร่กันบ้างล่ะ มีผลงานของท่านมาอวดบ้างได้ไหม หยิบ ๒ ภาพนี้มาให้ชมกันครับ ภาพซ้ายมือ ถ่ายโดยจอห์น ทอมสัน ถ่ายที่วังพระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นอลงกตกิจปรีชา คงเป็นภาพพระโอรสของท่าน (สังเกตุแจกกันแก้วใสข้างตัวเด็กนะครับ) ภาพขวามือ เป็นภาพพระโอรสของพระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นอลงกตกิจปรีชา ใต้ภาพเขียนว่า "เจ้าโมรา" ถ่ายภาพกับเครื่องมือคู่ใจคือ กล้องถ่ายภาพ ๒ เลนส์ (แจกันใบเดียวกันกับภาพซ้ายมือ)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 70 เมื่อ 14 ก.ย. 14, 20:20
|
|
คุณพี่อรรถดา เข้ามาอ่านกระทู้นี้ตลอดครับ เห็นมีการกล่าวถึงพระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นอลงกตกิจปรีชา ผู้สามารถเป็นช่างกล้องได้ จึงได้ส่งภาพที่สะสมนำมาให้ดูผลงานของพระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นอลงกตกิจปรีชา โดยการ์ดด้านหลังปรากฎยี่ห้อของท่านอยู่ แต่ไม่ทราบว่าท่านเปิดสตูดิโอที่ใด และบุคคลในภาพเป็นใคร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 71 เมื่อ 14 ก.ย. 14, 20:24
|
|
รายละเอียดด้านหลังยี่ห้อ กรมหมื่นอลงกตกิจปรีชา แสดงว่าในยุคนั้น ใครที่เปิดสตูดิโอถ่ายภาพ ต้องมีชื่อตัวเองกำกับเสมือนเป็นผลงานของบุคคลนั้นๆ ไม่ว่า ฟรานซิส จิตร, แชตเล่อร์ ก็ตาม แต่การพิมพ์กระดาษนี้ เขาสั่งพิมพ์กันหรืออย่างไร น่าสงสัย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 72 เมื่อ 14 ก.ย. 14, 20:30
|
|
หม่อมเจ้าชายโมรา เป็นพระโอรสองค์แรกในพระองค์เจ้านิลรัตน กรมหมื่นอลงกฏกิจปรีชา ประสูติเมื่อพ.ศ. 2385 สิ้นชีพิตักษัยวันที่ 28 เมษายน 2430 พระชันษา 46 ปี ไม่ได้ทรงกรม เมื่อทราบปีประสูติ คะเนจากพระชันษาในภาพนี้ ก็พอจะทำให้คาดคะเนต่อไปได้ว่ารูปนี้ถ่ายราวๆพ.ศ.ใด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 73 เมื่อ 15 ก.ย. 14, 06:43
|
|
รายละเอียดด้านหลังยี่ห้อ กรมหมื่นอลงกตกิจปรีชา แสดงว่าในยุคนั้น ใครที่เปิดสตูดิโอถ่ายภาพ ต้องมีชื่อตัวเองกำกับเสมือนเป็นผลงานของบุคคลนั้นๆ ไม่ว่า ฟรานซิส จิตร, แชตเล่อร์ ก็ตาม แต่การพิมพ์กระดาษนี้ เขาสั่งพิมพ์กันหรืออย่างไร น่าสงสัย พิมพ์อะไรขนาดเล็กๆทีละใบอย่างนี้ คงไปจ้างเขาทำบล๊อก แล้วมาอัดเอาเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 74 เมื่อ 15 ก.ย. 14, 06:58
|
|
คุณพี่อรรถดา เข้ามาอ่านกระทู้นี้ตลอดครับ เห็นมีการกล่าวถึงพระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นอลงกตกิจปรีชา ผู้สามารถเป็นช่างกล้องได้ จึงได้ส่งภาพที่สะสมนำมาให้ดูผลงานของพระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นอลงกตกิจปรีชา โดยการ์ดด้านหลังปรากฎยี่ห้อของท่านอยู่ แต่ไม่ทราบว่าท่านเปิดสตูดิโอที่ใด และบุคคลในภาพเป็นใคร ต้องขอขอบคุณคุณอรรถดาที่มีน้ำใจนะครับ ทำให้น่าคิดว่าช่างภาพคนแรกของสยามจะเป็นกรมหมื่นอลงกตหรือนายโหมดกันแน่ อย่างไรก็ดี ภาพนี้ไม่ได้เป็นตัวจริงจากแผ่นเงินซึ่งถ่ายจากกล้องของบาดหลวงที่ขายให้ หรืออาจจะใช่แต่ใช้กล้องแบบกระจกก็อปปี้ภาพจากแผ่นเงินมาอีกทีในภายหลังไม่รู้ได้ แต่คุณภาพของภาพถ่ายด้อยกว่าของทอมสันอยู่เห็นๆ ทั้งคอนทราสต์ของรูปและความคมชัด อันเกิดจากเลนช์
|
คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|