กระทู้: ช่วยด้วยครับผมโดนเปลี่ยนหัวข้อวิทยานิพนธ์กระทันหันใครมีความรู้เข้ามาช่วยผมหน่อย เริ่มกระทู้โดย: soodhod ที่ 21 มี.ค. 10, 13:28 ก่อนอื่นผมขอท้าวความก่อนว่าตอนนี้ผมอยู่เมืองจีนกำลังจะทำวิทยานิพนธ์แต่ปรากฎว่าหัวข้อที่เตรียมมาไม่ผ่าน
อาจารย์แกเลยบอกให้เปลี่ยนหัวข้อเป็นเปรียบเทียบภาษาต่างประเทศในภาษาไทยและภาษาจีน ผมหละแย่เลยเพราะไม่มีข้อมูลอะไรเลย ::) หาจากทางเนทก็ได้มาประมาณหนึ่งแต่ก็ยังไม่พอ พอดีมีคนแนะนำว่าเวปนี้มีแต่เซียนด้านภาษาไทยเลยอยากขอแนะนำถามคำถามที่อยากรู้ดังนี้ ๑)ภาษาไทยมีภาษาต่างประเทศเชบาลี,สันสกฤตฯลฯ ปนอยู่ประมาณกี่เปอร์เซ็นต์ครับ ๒)ภาษาต่างประเทศอะไรที่มีอยู่มากที่สุดในภาษาไทย ๓)ภาษาไทยรับเอาภาษาต่างประเทศเข้ามามากที่สุดในยุคใน สุโขทัย,อยุธยาหรือรัตนโกสินทร์และเป็นภาษาอะไร รบกวนขอแหล่งที่มาของข้อมูลด้วยนะครับจะได้เอาไปลงเป็นไว้ท้ายวิทยานิพนธ์ ขอบคุณล่วงหน้าครับ กระทู้: ช่วยด้วยครับผมโดนเปลี่ยนหัวข้อวิทยานิพนธ์กระทันหันใครมีความรู้เข้ามาช่วยผมหน่อย เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 21 มี.ค. 10, 15:32 เรียนคุณสุดโหดทราบ (ไม่ทราบว่าอ่านว่าอย่างนี้หรือไร)
ขณะนี้อยู่ที่เมืองใด มหาวิทยาลัยใด ด้วยข้าพเจ้าอยู่ในจีนเช่นกัน แต่เรียนในเมืองนานกิง มหาวิทยาลัยหนานจิงซือฟ้าน ข้อมูลที่ท่านประสงค์ขณะนี้ข้าพเจ้าเองไม่มีอยู่กับตัว แต่อาจารย์ของข้าพเจ้าที่กำลังจะเรียนปริญญาเอกที่ในเมืองหางโจว ท่านเป็นอาจารย์ภาษาไทยในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มาก่อนโดยท่านทำวิจัยเรื่องวรรณคดีไทยที่ได้รับอิทธิพลจีน อาจช่วยด้านการรับอิทธิพลภาษาจีนหรือต่างชาติของไทยได้ไม่มากก็น้อย และให้รายชื่อข้อมูลได้บ้าง ด้วยเหตุนี้ หากมีสิ่งใดพอจะให้ช่วย โปรดติดต่อผ่านทางอีเมลล์ดังนี้ han_bing_phum_h@hotmail.com หากประสงค์ส่งหมายเลขโทรศัพท์ในจีนลงไปด้วยโปรดส่งเข้ามาทางเมลล์ดังกล่าว จะติดต่อไปภายหลัง สวัสดี กระทู้: ช่วยด้วยครับผมโดนเปลี่ยนหัวข้อวิทยานิพนธ์กระทันหันใครมีความรู้เข้ามาช่วยผมหน่อย เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 มี.ค. 10, 19:46 ยังไม่อยากตอบคำถามของคุณ เพราะกำลังห่วงว่า มันจะเป็นเส้นทางลำบาก ตั้งแต่เริ่มแรกที่คุณตกลงใจทำวิทยานิพนธ์ในเรื่องที่คุณไม่มีพื้นความรู้มาก่อน
ที่จริง เมื่อหัวข้อเดิมไม่ผ่าน คุณน่าจะมีหัวข้อสำรอง เสนออาจารย์ และบอกได้ว่าขอบเขตของการวิจัยคืออะไร มีการปรับเปลี่ยนอย่างไรให้ลงตัวกันทั้งฝ่ายคุณและอาจารย์ คืออาจารย์ก็คุมวิทยานิพนธ์ได้ ส่วนคุณก็ทำได้เองตั้งแต่จุดเริ่มต้น จากคำถามทั้งสามข้อ แสดงว่าคุณแทบจะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับภาษาต่างประเทศในภาษาไทย ขอบเขตคำถามก็กว้างขวางมาก เพราะภาษาต่างประเทศมีทั้งภาษาตะวันออก เช่นบาลี สันสกฤต ทมิฬ จีน ลาว เขมร ชวา มลายู ภาษาตะวันตกก็โปรตุเกส อังกฤษ ฝรั่งเศส เวลาดิฉันคุมวิทยานิพนธ์นักศึกษา อย่างแรกที่ถามคือคุณมีขอบเขตการวิจัยแค่ไหน เพื่อป้องกันไม่ให้เนื้อหากว้างเกินไป ไม่งั้นจะหลงทางเอาง่ายๆ อย่างที่สองคือคุณมีสมมุติฐานว่าอะไร กระทู้: ช่วยด้วยครับผมโดนเปลี่ยนหัวข้อวิทยานิพนธ์กระทันหันใครมีความรู้เข้ามาช่วยผมหน่อย เริ่มกระทู้โดย: soodhod ที่ 22 มี.ค. 10, 08:03 ขอบคุณคุณhan_bing ครับสำหรับคำแนะนำ
ส่วนคุณเทาชมพู วิทิยานิพนธ์ผมแบ่งหัวข้อเรียบร้อยแล้วคือ ๑)วิธีการรับเอาคำภาษาต่างประเทศมาใช้ ๑.๑)วิธีการรับเอาคำภาษาต่างประเทศมาใช้ในภาษาจีน ๑.๒)วิธีการรับเอาคำภาษาต่างประเทศมาใช้ในภาษาไทย ๑.๓)เปรีบเทียบกันระหว่างไทยจีน ๒)ปัจจัยที่เกิดผลกระทบต่อการรับเอาภาษาต่างประเทศมาใช้ ๒.๑)ปัจจัยที่เกิดผลกระทบต่อการรับเอาภาษาต่างประเทศมาใช้ของจีนเช่น การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม,การเมือง,ศาสนา ๒.๒)ปัจจัยที่เกิดผลกระทบต่อการรับเอาภาษาต่างประเทศมาใช้ของไทยเช่น การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม,การเมือง,ศาสนา ๒.๓)เปรียบเทียบกนระหว่างไทยจีน เช่น ศานาพุทธ โลกาภิวัฒน์ มีประมาณนี้ครับแต่เท่าที่ผมรู้คือสมัยสุโขทัยเรารับเอาภาษา ตปท มาจาก บาลี,สันกฤตเพราะพุทธศาสนา และภาษาเขมรมาเพราะอิทธิพลทางการเมือง สมัยอยุธยา เรารับเอาภาษา ตปท มาเพราะการแลกเปลียนวัฒนธรรมและการค้าขายและมัยนี้ ภาษา ตปท เข้ามาค่อนข้างหลากหลาย สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นก็มีภาษาอังกฤษและฝรั่งเศ,จีน,มอญ สมัยรัตนโกสินทร์ตอนกลาง รัชกาลที่ห้าก็มีภาษา ตปท เข้ามาอีกเพียบ สมัยรัตนโกสินทร์ช่วงสงครามโลก เรารับเอาภาษา ตปท มาจากจีนเพราะมีคนจีนอพยพเข้ามาค่อนข้างมาก ประมาณสี่สิบปีถึงปัจจุบันเราก็รับเอาภาษาอังกฤษเข้ามาค่อนข้างมากโดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี ที่ผมอยากรู้คือภาษาไทยในยุคปัจจุบันมี คำภาษา ต่างประเทศอยู่ประมาณกี่เปอร์เซ็นต์ และมีภาษาอะไรมากที่สุด ส่วนเรื่องการเข้ามาของภาษาในแต่ละยุคนั้นไม่ทราบว่าที่ผมรู้ผิดถูกประการใดรบกวนผู้รู้ช่วยเพิ่มเติมด้วยครับ ขอบคุณครับ กระทู้: ช่วยด้วยครับผมโดนเปลี่ยนหัวข้อวิทยานิพนธ์กระทันหันใครมีความรู้เข้ามาช่วยผมหน่อย เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 22 มี.ค. 10, 08:42 น่าเห็นใจคุณ soodhod ที่ต้องเปลี่ยนหัวข้อวิทยานิพนธ์กะทันหัน และหัวข้อที่อาจารย์ของคุณให้ทำนั้น คุณเองก็ยังไม่ได้สำรวจข้อมูลเท่าที่ควร
ผมดูหัวเรื่องที่คุณแบ่งในวิทยานิพนธ์หัวข้อใหม่แล้ว สงสัยว่า ขอบเขตการวิจัยกว้างขนาดไหน ถ้าคุณจะเปรียบเทียบดูภาษาต่างประเทศในภาษาไทยทุกสมัยกับภาษาต่างประเทศในภาษาจีนทุกสมัย ในความเห็นของผม เห็นว่า เช่นนั้นกว้างไป อาจจะทำให้คุณลงลึกไปได้ไม่มาก และการศึกษาภาษาไทยสมัยเก่านั้น คุณต้องอ่านหนังสือเอกสารภาษาไทยจำนวนมาก คุณจะเอาเวลาไปรวบรวมข้อมูลได้ทันหรือ เรื่องเอกสารภาษาจีนแต่ละยุคสมัยนั้นมีมาก คุณคงหาอ่านได้ไม่ยาก เป็นไปได้คุณน่าจะกำหนดระยะเวลาของภาษาที่จะศึกษาให้สั้นลง เพื่อจะได้กำหนดเอกสารที่ต้องศึกษาได้ ต่อมา ความเข้าใจเกี่ยวกับภาษาต่างประเทศในภาษาไทยของคุณยังต้องค้นเพิ่มเติมอีกหลายส่วน ที่คุณเขียนมานั้น ยังมีบางส่วนที่ไม่ครบถ้วน เช่น เรื่องการรับภาษาสันสกฤต เข้ามาใช้ในภาษาไทย ไทยไม่ได้รับเพราะพุทธศาสนาเพียงอย่างเดียว แต่ได้รับมาจากศาสนาพราหมณ์ฮินดูด้วย และก็ไม่ได้รับผ่านอินเดียโดยตรงทั้งหมด โดยมากไทยน่าจะรับผ่านเขมรมาอีกทอดหนึ่ง พอมาช่วงสมัยรัชกาลที่ ๕ เป็นต้นมา การรับเอาภาษาสันสกฤตมาใช้ในภาษาไทยจะเป็นการรับมาจากหนังสือฝรั่งตะวันตกที่ได้ค้นคว้าเกี่ยวกับภารตวิทยาไว้มากมาย สังเกตได้จากพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ ๖ และพระนิพนธ์ของ น.ม.ส. เป็นต้น เรื่องภาษาเขมรนั้น ที่ไทยรับเอาใช้ ก็เป็นเพราะคนไทยกับคนเขมรได้ติดต่อและอาศัยอยู่ด้วยกันในดินแดนแถบนี้มานาน ส่วนภาษาชวามลายู อันนี้น่าจะมาจากวรรณคดีอิเหนาดาหลังกับบางส่วนได้รับจากการติดต่อสัมพันธ์กันโดยตรง ฉะนั้น ขอแนะนำว่า ถ้าจะศึกษาภาษาต่างประเทศที่มีอยู่ในภาษาไทยและภาษาจีน น่าจะเลือกศึกษาเฉพาะภาษใดภาษาหนึ่งที่ไทยและจีนรับเอามาใช้ เช่น ภาษาสันสกฤต เพราะจีนก็รับเอาพุทธศาสนามหายานมาเหมือนกัน ไทยก็เองก็รับเอาพุทธศาสนามหายานมาบ้างเหมือนกัน ก็น่าจะเปรียบเทียบกันได้ดี หรือถ้าเป็นภาษาตะวันตกก็น่าจะศึกษาได้ โดยเราอาจจะกำหนดยุคสมัยที่ใกล้เคียงกันมาเปรียบเทียบศึกษา อันนี้น่าจะมีขอบเขตชัดเจนกว่า ส่วนเรื่องภาษาไทยในยุคปัจจุบันมี คำภาษา ต่างประเทศอยู่ประมาณกี่เปอร์เซ็นต์ และมีภาษาอะไรมากที่สุด เป็นคำถามที่ต้องเปิดพจนานุกรมแล้วไล่นับดู เท่าที่บอกได้ คือ ภาษาไทยมีคำที่มาจากภาษาสันสกฤตมากที่สุด รองลงมาคือภาษาบาลี มีคนบอกว่าถ้ายกเอาคำที่มาจากภาษาบาลีและสันสกฤตออกจากคำภาษาไทยแล้ว พจนานุกรมราชบัณฑิตยสถานอาจจะบางกว่าเป็นอยู่ปัจจุบันสักครึ่งหนึ่งหรือ ๑ ใน ๓ ที่เดียว |