เรือนไทย

General Category => วิเสทนิยม => ข้อความที่เริ่มโดย: han_bing ที่ 20 เม.ย. 11, 21:54



กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 20 เม.ย. 11, 21:54
ไม่ได้เข้ามาเรือนไทยเสียนาน

              ล่าสุดนี้อยู่ในจีนแล้วต้องไปแสดงความสามรถทางวัฒนธรรมของชาติไทยอีกรอบ รำไปก็เหนื่อย เลยไปนั่งทำขนมจีบไทยที่เป็นรูปตัวนก กับช่อม่วงด้วยความวิริยะเพื่อแสดงความงามของวัฒนธรรมไทย
จริงๆว่าจะทำขนมอาลัว ขนมทองเอก และขนมสัมปันนีแสดงด้วยเพราะว่ามันไม่ต้องอบ กวนแล้วก็กินได้

              แต่เนื่องจากว่าขาดประสบการณ์ทำของหวานทั้งปวง ตอนทำขนมสัมปันนีมันเลยแป้งไม่สุก ทุกวันนี้สงสัยว่าพลาดตอนไหน เพราะก็คั่วแป้งแล้ว เอากวนในกระทะก็แล้ว แต่มันก็ยังไม่สุก หรือต้องคั่วแป้งจนเป็นสีเหลือง

             งานที่ว่าผ่านไปแล้วด้วยดีกับขนมจีบไทยและช่อม่วง แต่สัมปันนีนี้ยังคาใจอยู่ลึก

             ท่านใดผ่านตาวานบอกทีเถิด สวัสดี

             ปล. ด้วยหาแป้งข้าวเจ้าไ่ด้เลยเอาแป้งทำฮะเก๋ามาทำแทน โก้มาก


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 21 เม.ย. 11, 11:42

แหมนึกถึงคุณหาญอยู่เชียวค่ะ

ปั้นขนมจีบได้ค่าตัว ๕๐ ชั่งแล้วนะคะ

หมู่นี้ดิฉันโดนตามตัวไปหาหนังสือกับเพื่อน ๆ     ตอนสงกรานต์ทำกระทงทองไส้ครีมไก่เป็นของว่าง 

ว่าจะทำหมูผัดใส่กระเทียมดองก็ทำไม่ทัน    สหายที่นับถือสั่งว่าผัดไส้พิซซาจะง่ายกว่า

หลังสุดได้ไทยเขษมรวมเล่มใหญ่มา  ๑๑ เล่ม   สภาพดีมาก    เห็นหนังสือเก่าก็ตื้นตันใจ 

กินอะไรไม่ลง    ขนาดตาลลอยแก้วในน้ำตาลสดยังเหลือในตู้เย็นเลยค่ะ



กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: tb ที่ 21 เม.ย. 11, 20:19
ทั้งสวยและภูมิใจในความเป็นไทย


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 22 เม.ย. 11, 12:54
เรียนคุณวันดี

            คิดถึงเช่นกันครับ เพราะตอนกวนสัมปันนีแล้ววินาศนี้อยากจะถามใครสักคนจริงๆว่าพลาดตรงไหน นี้ถ้าคราวหน้ามีคนเรียกให้ไปแสดงอีกจะเพิ่มสาคูไส้หมูด้วย แหม คิดไปเรากว่าจะปั้นอะไรก็หลังขดหลังแข็ง พอคนกินจับใส่ปาก...พริบตาเดียวก็หมด เฮ้อ...

            เธอจะรู้ไหมหนาว่าฉันเหนื่อย

            นี้จะมีคนจ้างไปรำไทยด้วย ให้ค่าจ้างสูงจนขออย่าให้เขาล้มงาน

            สาธุ...

            อนึ่ง วันนี้เข้ามาดู เลยอยากเล่าสู่กันฟัง เรื่องพิมพ์ขนมของจีน ข้าพเจ้าด้วยตั้งหน้าตั้งตาทำสัมปันนี (พร้อมกับน้องชาวไทยอีกหมู่ใหญ่) ด้วยว่าได้พิมพ์ไม้มา สวยมากๆ เป็นพิมก์สั่งตรงมาจากเมืองแต้จิ๋ว หรือภาษาจีนกลางเรียกว่าเฉาโจว (潮州chao zhou) แกะสลักด้วยมือ ราคาแพงจับใจ แต่กลั้นใจซื้อด้วยความอยากได้

            พิมพ์นี้ไซร้จริงๆเขาเอาไว้ทำขนมผิง กำลังคนอยู่ว่าภาษาจีนกลางแท้ๆเขาเรียกว่าอะไรด้วยศัพท์ที่รู้มีแต่ทางจีนมาเลย์ใช้

            ไว้ได้ความเพิ่มแล้วจะมาเล่าสู่กันฟัง




กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 26 เม.ย. 11, 06:12
เคยเห็นรูปมะปรางริ้วที่ปอกลายต่าง ๆ ในหนังสือฉบับหนึ่งค่ะ

ปอกแล้วชุบน้ำเชื่อมเรียงในจานแก้ว    งามเหลือหลาย


       สมัยก่อนมีมีดทองเล่มเล็กๆ   ใช้คว้านและสลักผลไม้   จับไม่ถนัดเลย

เคยทำ เจลโล ใส่ในเงาะคว้าน  เสียเวลามากมาย

ต่อมาทำเจลโลในถ้วยของหวานแล้วใส่ฟรุตสลัด    พัฒนาการไปอีกโดยใช้พีชครึ่งลูกควำ่ในถ้วยขนม
บรรณาธิการหนุ่มน้อยคนหนึ่ง  เคยมาร่วมกลุ่มที่บ้าน  เธอแปลหนังสือไปก็กินพีชเจลโล หรือเยลลี่ไปเรื่อยๆ
นับได้สิบกว่าถ้วย        หลังสุดใช้ถ้วยเล็กจิ๋วใส่เงาะหรือลิ้นจี่  แล้วหยอดเจลโลพอดีคำ

เรื่องพายเรื่องถ่อนั้น  ดิฉันไม่สู้ท่านผู้ใดค่ะ            

คิดถึง จขกท  ผู้สัญญาว่าจะพาดิฉันไปหาของกินกลางวันคือเป็ดพะโล้
แต่ต้องออกไปพบกันแต่เช้าตรู่  และต้องไปก่อนสิบโมงเช้าเพราะเป็ดหมด
คนที่ไม่อยู่เมืองไทยนี่เป็นนักกินแทบทุกคน




กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 26 เม.ย. 11, 12:44
จริง...

คนไม่อยู่เมืองไทยมักอยากกินอาหารไทย

วันหยุดยาวเด็กไทยในนานกิงจะนัดทำขนมไทย

อันได้แก่ สัมปันนี ทองเอก ทองชมพูนุช และเสน่ห์จันทน์ เนื่องด้วยไปซื้อพิมพ์ไม้อย่างดูแต่ราคาถูกจากโรงงาน

จริงๆข้าพเจ้าซื้อมาก่อนเพื่อน และแพงกว่าเพื่อน สุดท้ายถึงรู้ว่าอีกเว็ปไซด์ที่เป็นโรงงานขายเองถูกกว่าครึ่งหนึ่ง

อนึ่ง

กำลังเถียงกันว่าขนมทองเอกใช้แป้งสาลีหรือถั่งเขียวเราะเปลือกบดละเอียด

ผู้รู้วานบอกด้วย

สวัสดี


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 26 เม.ย. 11, 12:53

ทำไมไม่ทำครองแครงคะ   ไม้เซาะร่องแผ่นเดียว

ใคร ๆ ก็ช่วยทำได้    ใครทำใครกิน

เจ้าของสถานที่ไม่ต้องเก็บล้าง

ทำให้อร่อยไม่ยากนะคะ    ถูกสตังค์  กินง่าย  เก็บง่าย

ทองม้วนก็ทำง่าย  ต้องอาศัยคนผสมเก่ง ๆ     แต่หน้าเตาร้อนน้่จะเหมาะกับอากาศหนา

เดี๋ยวหาคำตอบให้ค่ะ   กองตำราไว้แถวนี้แล้ว


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 26 เม.ย. 11, 22:19
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ แต่ที่ไม่ทำครองแครงเพราะว่าหัวหน้าคณะ (คือกระผม) ไม่ชอบกินครองแครง แล้วหาไม่ได้

ส่วนน้องม้วนคณะหาพิมพ์ไม่ได้ และในเมืองจีนมีขายทั่วไป (ไม่น่าเชื่อแต่เป็นเรื่องจริง) เลยไม่ทำ

ที่ทำขนมดังกล่าว เพราะว่าได้พิมพ์สวยๆมา

และที่สำคัญ เราใ้ช้ไมโครเวฟทำ

อันนี้เรื่องมันอยู่ที่การคั่วแป้งและเคี่ยวกะทิให้เป็นน้ำเชื่อกะทิครับ

เดิมตอนคั่วแป้งทำขนมข้างต้นใช้เวลาคั่ว ๔๐ นาทีถึง ๗๕ นาที ลองทำแล้ว เมื่อยมาก

แล้วต่อมาไปดูสูตรทำขนมผีงแบบมาเลเซียที่เรียกว่า "keih bang kit" หลายเว็ปไซด์ที่่เหล่าแม่บ้านวัยสาวแนะนำว่าให้ใช้เตาไมโครเวฟคั่วแป้ง เอาเข้าเตาสัก ๕ นาทีแล้วอบด้วยไฟแรงที่สุด ทุกๆหนึ่งนาทีให้นำมาคนที่หนึ่ง เป็นเสร็จ

แต่ทำจริงๆใช้เวลาประมาณ ๑๑ - ๑๒ นาที จะดีกว่า ไม่รู้เพราะเตาไมโครเวฟของเรามันโบราณไปหรือเปล่า

ส่วนน้ำตาลที่ต้องเคี่ยวกับกะทิจนข้น เห็นเว็ปไซด์การทำขนมเขาว่าเอาเข้าเตาไมโครเวฟ ๑๐ - ๑๕ นาที ทุกๆ ๕ นาทีให้เอามาคนทีหนึ่ง ก็เสร็จ

เลยลองทำตามดู ผลคือ ภายในครึ่งชั่วโมงที่อย่างเสร็จงดงามดั่งคั่วแป้งชั่วโมงกว่า เี่คี่ยวกะทิครึ่งชั่วโมง แต่ทั้งหมดทำภายใน เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง

เสร็จแล้วเอาส่วนผสมมากวนไฟอ่อนด้วยเตาไฟฟ้า เวลาประมาณ ๕ - ๑๐ นาที

แล้วก็เอาเข้าพิมพ์ไม้

เร็วสะดวก และขนมนี้หากินยากกกกกกกกกกกกมาก

ทุกคนจึงกรี้ดกราดกันมาก

กระผมทำขนมชนิดเป็นคนแรก โดยถึง ๕ ครั้งกว่าจะได้สูตรลงตัว สี่ครั้งแรกทิ้งหมด...บางทีเอาไปต้มแล้วก็ทำเป็นบัวลอยแทน

ไว้ทำแล้วจะถ่ายรูปมาลงเรือนไทย

อนึ่ง...

โปรดเมตตาบอกสูตรดั้งเดิมด้วยนะครับ เพราะยังเถียงกันอยู่

แล้วอีกข้อ

ทองเอกจริงๆใ้ช้ไข่กี่ฟองครับ...

อันนี้เป็นที่ถกเีถียงกันมากถึงการใช้ไข่ในขนมไทย เพราะพี่คนหนึ่งที่ชอบกินขนมไทยบอกว่าต้องมันเยิ้ม แล้วบางเว็ปไซด์บอกว่าแป้ง ๑ ถ้วยตวงใส่ไข่ ๓ - ๔ ฟองก็พอ นอกนั้นใช้สีผสมอาหาร

แต่บางเว็ปไซด์ใช้ไข่ถึง ๘ ฟองต่อแป้ง ๑ ถ้วยตวง

เลยถกเีถียงกันระหว่างเดินไปตลาดว่า

ขนมไทยใช้ไข่เยอะแค่ไหนในการทำ

โปรดเมตตา...

สวัสดี


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 26 เม.ย. 11, 23:35
ทองเอก ตำราท่านผู้หญิงเปลี่ยน

น้ำตาลทรายหนัก  ๒๕ บาท
เมล็ดอัลมันด์ฤาแขกเรียดว่า ว่ำอาด่ำ  หนัก           ๑๒ บาท
ไข่เป็ด                                                        ๗ ฟอง
ถ้าใช้ไข่ไก่                                                  ๑๔ ฟอง
น้ำหญ้าฝรั่นหนัก                                             ๒ บาท
น้ำดอกไม้เทศหนัก                                           ๑ บาท
ทองคำเปลว

แช่เมล็ดอัลมันด์ให้เปลือกล่อน  ตำให้ละเอียด
น้ำตาลทรายเชื่อมแล้วกรอง
ไข่เป็ด หรือ ไข่ไก่  ใช้แต่ไข่แดง     ตีให้ขึ้นฟู

เอาอัลมันด์ที่ตำไว้นั้นเทลงในน้ำตาลทราย  ตั้งไฟ  กวน  อย่าให้ไหม้
เมื่อข้นดีแล้ว  ใส่ไข่ น้ำดอกไม้เทศและน้ำหญ้าฝรั่น  กวนไปจนเข้ากันดี
เมื่อค่นพอจะกดพิมพ์  เกลี่ยทองคำเปลวนิด ๆ ลงที่พิมพ์
ควักขนมอัดลงไป

เมื่อเคาะออกทองก็ติดหน้า  ใส่โถอบ หรือจะอบควันเทียนก็ได้

อย่างของสมเด็จพระพันวษา   ใช้เมล็ดแตงแทนอัลมันด์        ถ้าต้องใช้เร็ว  ไม่ต้องอบก็ได้



กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 27 เม.ย. 11, 06:13
โอ้...แสดงว่าแต่โบราณมาเราใช้เมล็ดอัลมอนด์

สรุปการถกเถียงกันว่าเป็นแป้งสาลีหรือแป้งถั่วทองเป็นอันพับไปจนสิ้น



กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 27 เม.ย. 11, 06:17
เอ้...คุณวันดีครับ เลยสงสัยต่อไป แล้วอย่างขนมจ่ามงกุฎนี้เขาใช้แป้งอะไรหรือครับ เพราะเห็นว่าบางคนอธิบายว่าเป็นแป้งชนิดเดียวกันกับที่ทำขนมทองเอก

แ้ล้วแป้งสาลีนี้ในขนมตระกูลทองนี้มีใช้บ้างไหมครับ

แล้วเมล็ดแตงนี้เมล็ดแตงโมใช่ไหมครับ

รบกวนอีกแล้ว

แล้วมาตราส่วนบาทหนึ่งหนักเท่าใดกันนี้


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 27 เม.ย. 11, 08:03
สัมปะนี

สำหรับนักเรียนมัธยมปีที่ ๑ - ๒ - ๓
หลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการ
โดย อาจารย์สัมฤทธิ์  สุวรรณบล
พิมพ์ที่โรงพิมพ์เจริญธรรม  พระนคร  ๒๕๐๒


ขนมสัมปะนี
น้ำตาลทรายเม็ดใหญ่  ๑ กก. = ๔ ถ้วยครึ่ง
แป้งมัน ๑  กก. =  ๗ ถ้วย
มะพร้าวขาว  ๒ กก.
สีขนม  ดอกมะลิ  กระดังงา

อบน้ำด้วยดอกมะลิ กระดังงาค้างคืนไว้
คั้นกะทิ  ด้วยน้ำดอกไม้ข้น  ๖ ถ้วย
เอาน้ำตาลเชื่อมกับน้ำดอกไม้ข้น ๆ        พอเดือด  กรองด้วยผ้าขาวบาง

เอาน้ำเชื่อมกับกะทิ  เคี่ยวด้วยกระทะทองจนงวดเกือบเป็นยางมะตูม
(ระวังอย่าให้ข้นเกิน  จะร่วนตกทราย)

ยกมากวนข้างล่างด้วยพายคนไปทางเดียวจนเย็นเป็นสีขาว

เอาแป้งใส่กระทะทอง  คั่วทีละน้อย ๆ  จนสุก        อย่าให้เหลือง
ร่อนอีกครั้งใส่ชามไว้

เอาแป้งใส่ในน้ำตาลที่คน  ทีละน้อยๆ         ใช้พายตะล่อมให้เข้ากันเป็นก้อนกลม     

ใส่สีตามความต้องการ

ยกขึ้นตั้งไฟให้ละลาย          พอเดือด  รีบยกลงมากวนข้างล่าง       กวนพอเป็นก้อนชิมได้

ตักใส่ภาชนะ  เอาผ้าขาวบางชุบน้ำบิดให้หมาด ๆ  คลุมไว้


อัดใส่พิมพ์ห้แน่น  เอามีดปาดหน้าให้เรียบ  เคาะออกจากพิมพ์



ใส่โหลอบด้วยดอกมะลิ  กระดังงาซึ่งรมควันเทียนเสียก่อน





กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 27 เม.ย. 11, 08:48
สัมปะนี

ตำราของหลานแม่ครัวหัวป่า  จ.จ.ร.
พิมพ์ที่เสริมวิทย์บรรณาคาร  ๒๕๑๗


ข้าวเหนียวข้าวสาร       ๑ ทะนาน
น้ำตาลทราย              ๑  ๑/๒ กก.
มะพร้าว                   ๓  ผล
ไข่ไก่                       ๒  ฟอง(ขอบคุณขบวนการที่เตือนค่ะ)

ตำข้าวเหนียวให้ละเอียด
ขูดมะพร้าวด้วยกระต่ายจีน      คั้นกะทิ      ละลายแป้งกับน้ำตาล
ตั้งไฟ  กวน  อย่าให้ไฟแรงนัก
ต่อยไข่  เอาไข่แดงออก

ก่อนจะใส่ไข่  เอาแป้งที่กวนแตะเล็บ  ถ้าเห็นว่าไม่ติด   เอาไข่ขาวและน้ำสักครึ่งชามพรมลงในแป้ง

เมื่อเห็นว่าขาวดีแล้ว     เทขนมลงบนกระดาษที่ทาน้ำมันมะพร้าว
จะตากแดด หรือจะตัด  จะปั้นเป็นก้อน  หรือรูปร่างอย่างไรก็ได้



กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 27 เม.ย. 11, 09:06
อ่านสูตรแล้วน่าทานมากครับ คุณ wandee อยากทราบว่า ๒ สูตรนี้ต่างกันตรงที่แป้งที่เอามาทำ

๑. สูตรแรกใช้แป้งมัน
๒. สูตรสองใช้แป้งข้าวเหนียว

จึงสงสัยว่าทำไมขนมในลักษณะนี้จึงได้มีการเปลี่ยนชนิดแป้งได้ถึงขนาดนี้ ถ้ายกตัวอย่างการทำเบเกอรี่ หากใช้แป้งผิดสูตรจะทำให้ขนมไม่เป็นขนมเอาเสียเลย  :o


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 27 เม.ย. 11, 09:29
ขนมจ่ามงกุฎ

       ในการเก็บหนังสืองานศพ  เห็นหนังสือที่ไหนก็ต้องยืนละห้อยจนเพื่อนๆทนไม่ได้  ต้องยกให้

เมื่อไม่นานมานี้  ได้หนังสือของ คุณหญิงเจือ  นครราชเสนี(๒๔๓๗ - ๒๕๒๔)   อ่านด้วยความเลื่อมใสและเคารพ

ท่านเป็นธิดาคนแรกของ พระยาประเสริฐสุนทราสัย (กระจ่าง  สิงหเสนี) และคุณหญิงตุ่ม

มีพี่น้องร่วมมารดา ๘ คน  ต่างมารดาอีก ๙ คน

ได้สมรสกับพระยานครราชเสนี(สหัด  สิงหเสนี)


น้องสาวของท่านเล่าว่าท่านทำขนมไทยได้สวยงามและอร่อย  

ขนมสัมปนี  ท่านกวนแล้วใส่สีเขียวอ่อน  ชมภูอ่อน  ปั้นคำเล็ก ๆห่อกระดาษสีจักหัวท้ายเป็นฝอย ๆ


ขนมจ่ามงกุฎนั้น เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ทองเอกกระจัง  หรือดาราทอง      ขนมนี้โอชาเพราะมีรสหวานมัน
ของทองเอกและแป้งผสมไข่  รวมทั้งเม็ดแตงโมฉาบน้ำตาล

จารึกความรู้ว่า จ่ามงกุฎ  มีชื่ออื่นอีก



หนังสือเล่มนี้ มี ประวัติย่อของเจ้าพระยาอภัยราชา(ปิ่น)       เจ้าพระยาบดินทรเดชา(สิงห์)
และเรื่อง เดชบดินทร์  ของ คุณปรีดา  ศรีชลาลัย

หนังสืองานศพดี ๆ  กำลังจะเป็นหนังสือหายากแล้วค่ะ


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 27 เม.ย. 11, 09:55

เจ้าสัวไซมีส

       ที่ท่านเปรยมาก็ไม่ผิด     แต่ไม่ถูกทีเดียว

โรงงานแป้งสาลีในเมืองไทยจ้่างนักวิทยาศาสตร์อาหารมาทดสอบและควบคุมคุณภาพของแป้งที่ส่งเข้ามาอยู่เสมอ

ดิฉันนั้นไม่สามารถทำขนมไทยยาก ๆ ได้  เพราะถ้าไม่เคยเห็นการทำ  หรือมีผู้ถ่ายทอดเคล็ดวิชา  ก็ทำออกมาไม่ดีนัก

อาศัยอ่านหนังสือมามาก       เมื่ออยู่ต่างประเทศอ่านตำราอะไรก็พอทำตามได้  ผลคือกินได้ขายออก(แขกยอมกิน)

เมื่อมาเมืองไทย  ทำขนมง่ายๆ  ทำแล้วเละ  เพราะคุณภาพของแป้งไม่เหมือนกัน

     เสน่ห์ของขนมไทย  โดยเฉพาะขนมหรืออาหารโบราณ   อ่านแล้วเพลินตาเพลินใจ

ลอยดอกไม้สด   จุดเทียนอบ   เด็ดกลีบกุหลาบแปะ

เมื่อคุณหาญตั้งใจเสียเหลือเกิน     ก็เป็นห่วง  อยากสนับสนุน  คือเชียร์เต็มแรง

ความสนใจในเรื่องสารพัดไทยของคุณหนุ่มไซมีสก็จับใจดิฉันเช่นกัน

คงมีโอกาสได้ทำอาหารง่ายๆไปให้คุณไซมีสชิมเมื่อพวกเรานัดไปเจอกันที่พอจดหมายเหตุในคราวต่อไป


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 27 เม.ย. 11, 09:56
เอาขนมจ่ามงกุฎ (ต้นฉบับ) มาฝากคุณวันดีครับ เป็นการเจียนใบตอง (ทำเตี่ยวคาด) ให้มีลักษณะยอดแหลม ตัวขนมทรงสามเหลี่ยม จึงเรียกว่า "ขนมจ่ามงกุฎ"

เครื่องปรุงตามสูตรตำบลบางช้าง
แป้งข้าวเจ้า  1 ถ้วย
แป้งถั่ว  2 ½ ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย  2 ¾ ถ้วย
กะทิ  4 ถ้วย
ถั่วลิสงคั่วหั่นชิ้นเล็ก  ¼ ถ้วย
ใบตองสำหรับห่อ
วิธีทำ
1 นวดแป้งทั้งสองชนิดรวมกัน ใส่กะทิ 2 ถ้วยลงทีละน้อย นวดไปเรื่อยๆ อย่างน้อย 20 นาที พักแป้งไว้ 30 นาที
2 ผสมน้ำตาลทรายกับกะทิ 2 ถ้วยที่เหลือ ยกตั้งไฟกลาง
3 ผสมแป้ง (ข้อ1) กับน้ำเชื่อม (ข้อ2) ลงในกระทะทอง กวนจนเป็นเงา เมื่อแป้งข้นควรใช้ไฟอ่อน กวนต่อไปจนแป้งเริ่มจับเป็นก้อน ใส่ถั่วลิสงที่เตรียมไว้ กวนให้ถั่วและแป้งกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ เมื่อแป้งร่อนจากกะทะทองค่อยยกลง
4 ตักแป้งพอดีคำ ห่อใบตอง รีดให้ชายตองพนมเข้าหากันเป็นทรงปลายแหลม กลัดด้วยไม้กลัด
หมายเหตุ
ตำรับของท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ จากตำราแม่ครัวหัวป่าก์ ใช้แป้งข้าวเหนียว ซึ่งจะมีเนื้อสัมผัสต่างจากต้นตำรับที่ใช้แป้งข้าวเจ้า
ตำรับรุ่นใหม่ใช้ถั่วลิสงคั่วเพิ่มเนื้อสัมผัส ส่วนตำรับที่บอกนี้ใช้แป้งข้าวเจ้านวดจนนุ่ม ด้วยเนื้อสัมผัส
อาจจะใช้ข้าวตากคั่ว หรือ เมล็ดแตงโมคั่วแทนถั่วลิสงคั่วได้


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 27 เม.ย. 11, 15:26
ไหนๆก็ไหนๆขอเอาสูตรทำคุ๊กกี้แบบมาเก๊าที่ขึ้นชื่อมาฝาก รายละเอียดภาพประกอบอยู่ในกระทู้เรื่องอาหารโปรตุเกส

วิธีทำคุ๊กกี้อัลมอนด์แบบมาเก๊ามีดังนี้

๑ แป้งถั่วเขียว ๓๕๐ กรัม ทั้งนี้แป้งถั่วเขียวในจีนกับในไทยไม่เหมือนกัน เพราะในไทยมันคือแป้งถั่วทอง ที่ทำจากถั่วเขียวปอกเปลือกแล้ว จะไม่มีกลิ่นถั่วแรงเท่าไรนัก แต่ของจีนนี้ไม่ปอกเปลือก เขาทำเป็นแป้งเลย กลิ่นถั่วเขียวสะใจมากๆ สีเขาก็เขียวๆ ถ้าไม่ชอบหรือหาไม่ได้ ใช้แป้งถั่วทองไทยธรรมดาๆนี้แหละดีแล้ว

๒ น้ำตาลป่น ๒๐๐ กรัม

๓ น้ำมันหมู (ถ้าไม่ชอบเอาน้ำมันเนยแทนก็ได้) ๑๕๐ กรัม

๔. อัลมอนด์คั่วแล้วป่นปริมาณพอเหมาะ คือใส่แล้วให้มันได้กลิ่นๆอวนๆ

๕ หมูแผ่น ปริมาณพอเหมาะที่จะเอามายัดไส้ ทั้งนี้หมูแผ่นก่อนใช้ ให้เอาไปแช่เหล้ากับน้ำตาลไว้ข้ามคืนก่อน พอจะใช้ให้เอามาลวกให้น้ำร้อนแล้วผึ่งไว้ให้แห้ง

วิธีการทำก็คือเอาของทุกอย่างมาผสมกัน

ยกเว้นหมูแผ่น เพราะว่าจะมาเอาทำไส้

เมื่อแป้งปั้นเป็นก้อนได้ที่

นำแป้งที่ผสมแล้วปั้นเป็นก้อน

นำมาใส่พิมพ์ขนมครึ่งหนึ่ง

แล้วก็วางหมูแผ่นที่แช่เหล้ากับน้ำตาลไว้ข้ามคืน และเอามาลวกน้ำร้อนอีกรอบพร้อมผึ่งให้แห้งใส่ลงไป

ส่วนท้ายนำแป้งอีกส่วนมาปิด กดแน่นๆให้เป็นเนื้อเดียวกัน

เคาะออกจากพิพม์ แล้วนำเข้าเตาอบเป็นเวลา ๒๕ นาที ใช้อุณหภูมิ ๑๕๐ องศา

เขาว่า ขณะอบให้เปิดฝาเตาไว้ครึ่งหนึ่ง เนื่องจากจุดประสงค์เพียงให้คุ๊กกี้แห้งลงสักหน่อยก็พอแล้ว

อันนี้ไม่เคยลองทำ แต่นำมาแลกเปลี่ยน

สามารถดูข้อมูลและภาพประกอบการทำมาจากเว็ปไซด์ต่อไปนี้

http://www.zhongshantour.com.cn/static/2010-04-15/1271318339865292.html

http://baike.baidu.com/view/606419.htm

ตรงนี้ใส่ลงมาเพราะนำมาพิจารณาดูเห็นได้ว่าในเอเชียของเราก็มีการนำเมล็ดอัลมอนด์มาผสมให้ได้กลิ่นในอาหารนานแล้ว

แต่อัลมอนด์นี้ปลูกได้ในจีนหรือไม่ไม่ทราบ

แต่ว่าปรกติขายกันกิโลกรัมละ ๖๐๐ บาทไทย

เป็นที่น่าสยดสยองนัก


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 27 เม.ย. 11, 16:16
ขนม จ่ามงกุฏ ไม่ใช่อย่างในรูปข้างล่างนี้เหรอคะ  ???
น่าตาเหมือนมงกุฏ มากกว่าแบบที่คาดเตี่ยวใบตองนะคะ(ดูคล้ายขนมเทียนแก้วค่ะ)


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 27 เม.ย. 11, 16:25
ขนม จ่ามงกุฏ ไม่ใช่อย่างในรูปข้างล่างนี้เหรอคะ  ???
น่าตาเหมือนมงกุฏ มากกว่าแบบที่คาดเตี่ยวใบตองนะคะ(ดูคล้ายขนมเทียนแก้วค่ะ)

ขนมจ่ามงกุฎแบบคุณดีดี เป็นแบบสมัยใหม่ เปิ๊ดสะก๊าด สมัยรัชกาลที่ ๕ เนื่องจากมีการรองด้วยแผ่นแป้งแล้วครับ สำหรับจ่ามงกุฎแบบใบตองเป็นของโบราณครับ

จัดให้ทั้งถาดให้ไว้ทานอร่อยๆนะครับ


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 27 เม.ย. 11, 18:44
ขอบคุณค่ะ  ;D
ทานหมดถาดนี้ ต้องจ้ำม่ำแบบในรูปแน่เลยค่ะ...


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 เม.ย. 11, 18:49
กระทู้นี้แยกออกมาจากกระทู้ "มะปรางริ้ว" ตามที่คุณเพ็ญชมพูเสนอมาหลังไมค์   พร้อมทั้งตั้งชื่อให้เสร็จสรรพว่า "ขนมไทยแม่เอ๊ย"   เพราะเห็นว่าวงสนทนาหันไปสนใจขนมมากกว่ามะปราง   มีท่าทีว่าจะคุยกันไปได้อีกยาว  และน่าสนุกด้วย  
เพราะขนมไทยโบราณมีมากมายแทบนับไม่ถ้วน   บางอย่างก็เหลือแต่ชื่อ  บางอย่างก็ชวนให้ถกเถียงกันว่า คือขนมอะไร   เช่นขนมแชงม้า  ในบทกล่อมเด็กที่ว่า

"โอละเห่โอละหึก  ลุกขึ้นดึกๆทำขนมแชงม้า  "


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 28 เม.ย. 11, 09:44
ขนมไทยโบราณมีมากมายแทบนับไม่ถ้วน   บางอย่างก็เหลือแต่ชื่อ  บางอย่างก็ชวนให้ถกเถียงกันว่า คือขนมอะไร   เช่นขนมแชงม้า   ในบทกล่อมเด็กที่ว่า

"โอละเห่โอละหึก  ลุกขึ้นดึกๆทำขนมแชงม้า  "

ชื่อแปลกค่ะ เพิ่งเคยได้ยิน "ขนมแชงม้า" เลยไปถามรอยอิน ท่านบอกว่า

"ขนมแชงมา-ขนมแชงม้า

          ขนมแชงมา หรือ ขนมแชงม้า  เป็นชื่อขนมที่มีอยู่ในบทร้องเล่นของเด็กว่า  "โอ้ละเหโอ้ละหึก ลุกขึ้นแต่ดึกทำขนมแชงมา..."  
ขนมแชงมา คือขนมซึ่งปัจจุบันเรียกว่า  ขนมปลากริมไข่เต่า    แต่เดิมขนมนี้เป็นขนม ๒ ชนิด  คือ ขนมปลากริม กับ ขนมไข่เต่า.  
ขนมปลากริม ใช้แป้งข้าวเจ้าปั้นเป็นตัวยาว ๆ ต้มน้ำใส่น้ำตาลปึก  เป็นขนมที่มีสีน้ำตาล.  
ขนมไข่เต่า ใช้แป้งปั้นเป็นรูปกลม ๆ  ต้มกับกะทิและแป้งให้น้ำข้นเล็กน้อย เป็นขนมที่มีสีขาว ใส่เกลือพอเค็ม. บางคนก็ปั้นตัวขนมเป็นตัวยาว ๆ เหมือนกัน ทั้งขนมปลากริมและขนมไข่เต่า.  
ต่อมามีการนำขนม ๒ อย่างนี้มารับประทานด้วยกัน ทำให้มีรสดีขึ้น และเรียกว่า  ขนมแชงมา.  แต่ปัจจุบันก็กลับไปเรียกว่า ขนมปลากริมไข่เต่า"



กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 เม.ย. 11, 12:46
เอารูปขนมมาให้ดูกันบ้างดีกว่าค่ะ

ขนมโสมนัส

(http://i262.photobucket.com/albums/ii90/jjbd_photo/food%209/6-15.jpg)


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 เม.ย. 11, 12:56
ขนมน้ำดอกไม้


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 28 เม.ย. 11, 13:09
เห็นขนมน้ำดอกไม้ทีไร ชวนให้นึกถึง "ขนมบุหลันดั้นเมฆ" เพียงแต่นำใส้ใส่ตรงกลาง


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 28 เม.ย. 11, 13:26
ขนมดอกจอก เกิดจากแป้งติดแม่พิมพ์ ใครหนอช่างคิดประดิษฐ์ทำ


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 28 เม.ย. 11, 13:28
หวานจับใจ ด้วยขนมมะตูมเชื่อม


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 28 เม.ย. 11, 13:34
จัดไปอย่าให้เสีย ถ่ายเองก่อนรับประทานที่บ้าน
๑. ขนมลูกจันทน์
๒. ขนมกลีบลำดวน
๓. ขนมจ่ามงกุฎ
๔. ทองหยอด
๕. เม็ดขนุน
๖. ทองเอก
๗. มะพร้าวแก้ว
๘. ข้าวเหนียวแก้ว
๙. ขนมปุยฝ้าย


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 28 เม.ย. 11, 13:39
ลูกชุบ หอมหวาน ถาดนี้คนให้มาลองชิม ปั้นได้งามเลิศ


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 28 เม.ย. 11, 13:45
ขวัญใจวัยเยาว์ น้ำตาลปั้นครับ ปั้นรูปลิง กับ ต้นมะพร้าวนี้เห็นโดยประจำ  ;D


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 เม.ย. 11, 13:50
เคยจำได้ถึงขนมอย่างหนึ่ง   เป็นน้ำตาลหลากสีทำเป็นรูปนกรูปคนอย่างข้างบนนี้  คนจีนนำมาขาย เสียบไม้วางขายเป็นแถว  แต่ถูกห้ามกินเพราะผู้ใหญ่บอกว่าคนขายใช้วิธีเป่า  น้ำลายลงไปในน้ำตาล สกปรก 
ยังเสียดายมาจนทุกวันนี้

ยกขนมเสน่ห์จันทร์มาวางเข้าขบวนค่ะ


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 เม.ย. 11, 13:54
ช่อม่วง

ช่อม่วงเหมาะมีรส                     หอมปรากฏกลโกสุม
คิดสีสะไบคลุม                         หุ้มห่มม่วงดวงพุดตาน


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 เม.ย. 11, 13:58
ขนมเทียน

รสรักยักลำนำ               ประดิษฐ์ทำขนมเทียน
คำนึงนิ้วนางเจียน           เทียนหล่อเหลาเกลากลึงกลม


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 28 เม.ย. 11, 14:09
เคยจำได้ถึงขนมอย่างหนึ่ง   เป็นน้ำตาลหลากสีทำเป็นรูปนกรูปคนอย่างข้างบนนี้  คนจีนนำมาขาย เสียบไม้วางขายเป็นแถว  แต่ถูกห้ามกินเพราะผู้ใหญ่บอกว่าคนขายใช้วิธีเป่า  น้ำลายลงไปในน้ำตาล สกปรก 
ยังเสียดายมาจนทุกวันนี้

ยังมีขายตามท้องถนนที่ประเทศจีนอยู่ครับ คนจีนถือว่าเป็นงานศิลปะแขนงหนึ่ง เป็นขนมที่ทำมาแต่โบราณตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิง เชียวนะครับ


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 28 เม.ย. 11, 14:18
ขนมเทียน

รสรักยักลำนำ               ประดิษฐ์ทำขนมเทียน
คำนึงนิ้วนางเจียน           เทียนหล่อเหลาเกลากลึงกลม

น่าสงสัยว่า ทำไม "ขนมเทียน" ไม่เป็นกลมๆ ยาวๆ เหมือนเทียนนะคะ


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 เม.ย. 11, 14:20
คงไม่มีปัญญาตามไปกินถึงประเทศจีนอยู่ดีละค่ะ    :(

ขนมจีบ
หมายถึงขนมจีบไทย     หารูปอย่างที่เคยกินตอนเด็กๆไม่ได้     สมัยก่อนเป็นแป้ง ห่อเป็นรูปหม้อ  มีไส้อยู่ข้างใน   ส่วนที่รวบปลาย พับเป็นจีบเรียงกันเหมือนพลีต   แต่ที่เจอในเน็ต  จีบตรงก้นแทน  
รูปนี้เขาทำเป็นตัวนก น่ารักดี เลยเอามาให้ดูกัน

และ...ขนมจีบในกาพย์เห่เครื่องคาวหวาน   ไม่ใช่ติ่มซำนะคะ

ขนมจีบเจ้าจีบห่อ               งามสมสอประพิมพาย
นึกน้องนุ่งจีบถวาย              ชายพกกลีบจีบแนบเนียน


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 28 เม.ย. 11, 14:33
ถุงทอง ค่ะ ชอบ อร่อย..
เป็นขนมไทยหรือเปล่าเอ่ย...


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 28 เม.ย. 11, 14:37
ยกมือถามหน่อยครับ  

เคยได้ยินว่า  ขนมจ่ามงกุฎนั้น มี ๒ อย่าง
อย่างที่ทำเป็นมงกุฎฝรั่งอย่างหนึ่ง
ซึ่งว่ากันว่าเป็นของใหม่ที่เพิ่งมีสมัยรัชกาลที่ ๕
เกิดแต่ความสร้างสรรค์ของแม่ครัวฝ่ายในช่างคิดประดิดประดอยให้สวยงาม


กับขนมจ่ามงกุฎที่ห่อใบตองอย่างขนมใส่ใส้
ที่ตัวขนมรวมกันเป็นก้อนเดียว  อันนี้ผมไม่เคยเห็น
เคยแต่ได้ยินคนเล่าให้ฟัง

อยากทราบว่า  ข้อมูลนี้ถูกต้องหรือไม่ ???


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 28 เม.ย. 11, 14:44
ขนมเบื้อง หนึ่งในฝีมือสตรีไทยโบราณ นอกจากจะต้องจีบขนมจีบไทยให้ได้งามแล้ว ยังต้องละเลงขนมเบื้องให้เป็นด้วย

 "ศรีมาลาละเลงแผ่นบางบาง แซะใส่จานวางออกไปให้

สร้อยฟ้าไม่สันทัดอึดอัดใจ  ปามแป้งใส่ไล้หน้าหนาสิ้นที

พลายชุมพลจึงว่าพี่สร้อยฟ้า ทำขนมเบื้องหนาเหมือนแป้งจี่

พระไวยตอบวาหนาหนาดี ทองประศรีว่ากูไม่เคยพบ

ลาวทำขนมเบื้องผิดเมืองไทย แผ่นผ้อยมันกระไรดังต้มกบ

แซะม้วนเข้ามาเท่าขากบ พลายชุมพลดิ้นหรบหัวร่อไป

ฝ่ายนางศรีมาลาชายตาดู ทั้งข้าไทยิ้มอยู่ไม่กลั้นได้

อีไหมร้องว้ายข้อยน้อยอายใจ ลืมไปคิดว่าทำขนมครก"



กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 28 เม.ย. 11, 14:51
ยกมือถามหน่อยครับ  

เคยได้ยินว่า  ขนมจ่ามงกุฎนั้น มี ๒ อย่าง
อย่างที่ทำเป็นมงกุฎฝรั่งอย่างหนึ่ง
ซึ่งว่ากันว่าเป็นของใหม่ที่เพิ่งมีสมัยรัชกาลที่ ๕
เกิดแต่ความสร้างสรรค์ของแม่ครัวฝ่ายในช่างคิดประดิดประดอยให้สวยงาม


กับขนมจ่ามงกุฎที่ห่อใบตองอย่างขนมใส่ใส้
ที่ตัวขนมรวมกันเป็นก้อนเดียว  อันนี้ผมไม่เคยเห็น
เคยแต่ได้ยินคนเล่าให้ฟัง

อยากทราบว่า  ข้อมูลนี้ถูกต้องหรือไม่ ???
ถูกต้องครับ ผมได้วิธีการทำและภาพประกอบไว้อีกกระทู้ สงสัยคุณหลวงไม่โปรด จึงมิได้เห็น งั้นขอนำมาให้ชมนะครับ


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 28 เม.ย. 11, 14:53
ยกมือถามหน่อยครับ  

เคยได้ยินว่า  ขนมจ่ามงกุฎนั้น มี ๒ อย่าง
อย่างที่ทำเป็นมงกุฎฝรั่งอย่างหนึ่ง
ซึ่งว่ากันว่าเป็นของใหม่ที่เพิ่งมีสมัยรัชกาลที่ ๕
เกิดแต่ความสร้างสรรค์ของแม่ครัวฝ่ายในช่างคิดประดิดประดอยให้สวยงาม


กับขนมจ่ามงกุฎที่ห่อใบตองอย่างขนมใส่ใส้
ที่ตัวขนมรวมกันเป็นก้อนเดียว  อันนี้ผมไม่เคยเห็น
เคยแต่ได้ยินคนเล่าให้ฟัง

อยากทราบว่า  ข้อมูลนี้ถูกต้องหรือไม่ ???

ไปได้ข้อมูลมาจาก http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2008/09/D7030893/D7030893.html ความคิดเห็นที่ 7 ค่ะ

"จ่ามงกุฎของแท้แต่โบราณ ที่ทำด้วยแป้งข้าวเจ้ากวนกับกะทิ น้ำตาลทราย ต้องไปสมุทรสงครามค่ะ ในตลาดแม่กลอง ดอนหอยหลอด มีขายค่ะ
สมเด็จพระเทพฯท่านทรงให้อนุรักษ์ไว้ กลัวว่าของดั้งเดิมจะสูญหายค่ะ

ส่วนจ่ามงกุฎที่ทุกคนเรียกกัน ชื่อจริงๆที่ถูกต้อง คือ ทองเอกกระจัง หรือ ดาราทอง ค่ะ
หน้าตาเหมือนเครื่องหมายดาราในเครื่องราชอิศริยาภรณ์ คล้ายๆมงกุฏฝรั่ง เลยเรียกผิดๆกันมา ทั้งๆที่เป็นขนมใหม่ เพิ่งมีมาสมัย ร.๗-๘ เองค่ะ เพราะเป็นขนมที่ชนะการประกวดในงานฉลองปีใหม่ สมัยจอมพล ป.
อายุขนมตัวนี้ อายุน้อยกว่าระบบประชาธิปไตยไทยอีกนะคะ "

ภาพบนเป็นจ่ามงกุฎแบบโบราณ
ภาพล่างเป็นจ่ามงกุฏที่เราเห็นทั่วไปตามท้องตลาด ซึ่ง ชื่อจริงคือ ทองเอกกระจัง หรือ ดาราทอง ค่ะ
 ;D


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 เม.ย. 11, 17:27
ขนมลำเจียก

ลำเจียกชื่อขนม                      นึกโฉมฉมหอมชวยโชย
ไกลกลิ่นดิ้นแดโดย                  โหยไห้หาบุหงางาม


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 เม.ย. 11, 19:47
ขนมกรุบ


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 เม.ย. 11, 19:51
ขนมหม้อตาล    เมื่อก่อนต้องไปซื้อที่สะพานหัน


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 28 เม.ย. 11, 19:56
เคยทานกันไหมครับ แห้งติดคอดีนักแล  "ขนมขี้มอด"


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 เม.ย. 11, 20:23
เคยได้ยินชื่อขนมขี้มอด  แต่ไม่เคยกิน   ทำด้วยอะไรคะ
มีขนมอยู่อย่างหนึ่งที่ไม่ชอบกินเลย  รู้สึกว่ารสชาติระหว่างข้าวเหนียวกับน้ำเชื่อมมันไม่เข้ากัน     ความที่ไม่ชอบ เลยจำชื่อได้แม่น
เข้าใจว่าตอนนี้น่าจะหากินยากแล้ว

ข้าวต้มน้ำวุ้น


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 28 เม.ย. 11, 20:27
เคยได้ยินชื่อขนมขี้มอด  แต่ไม่เคยกิน   ทำด้วยอะไรคะ
เครื่องปรุง / ส่วนผสม


1. ข้าวตาก (ข้าวสวยที่เหลือจากทานตอนเย็น เอามาตากเก็บไว้) 3 ถ้วยตวง
2. มะพร้าวขูดขาว  2 ถ้วยตวง
3. น้ำตาลทรายละเอียด 1 ถ้วยตวง
4 เกลือป่น 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ
1. คั่วข้าวตากให้เหลืองนวลและกรอบ แล้วนำใส่ครกโขลกให้ละเอียดตอนที่ยังร้อนอยู่ แล้วตักใส่

จานพักไว้
2. คั่วมะพร้าวจนเป็นสีเหลืองทองโดยทั่ว ก็นำมาโขลกให้เหมือนข้าวตาก

3. ผสมข้าวคั่ว มะพร้าวคั่ว กับน้ำตาลทรายและเกลือให้เข้ากัน


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 เม.ย. 11, 20:28
ส่วนขนมชนิดนี้  ชอบ
ขนมลืมกลืน


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 28 เม.ย. 11, 20:31
ทำง่ายๆ "กล้วยแขก"


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 28 เม.ย. 11, 20:34
จัดให้เหมาะกับฤดูร้อน "ข้าวเหนียวมะม่วง"

บ้างชอบแบบโบราณ ทานกับ มะม่วงอกร่อง

บ้างบอกว่าไม่ชอบเสี้ยน แต่ชอบ มะม่วงน้ำดอกไม้ หอมเย็นๆ  :D


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 เม.ย. 11, 22:37
สังขยาหน้าตั้งไข่              ข้าวเหนียวใส่สีโศกแสดง
เป็นนัยไม่เคลือบแคลง        แจ้งว่าเจ้าเศร้าโศกเหลือ

ข้าวเหนียวสังขยา


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 เม.ย. 11, 22:41
ขนมครก กินกันกาแฟร้อนๆ ตอนเช้า  อร่อยที่สุด


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 เม.ย. 11, 09:17
หน้าร้อน  กินทับทิมกรอบหวานๆ เย็นๆ  ใส่น้ำแข็งทุบ แล้วชื่นใจ


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 29 เม.ย. 11, 09:26
ขนมโบราณมาก ไม่เคยเห็นเลย "ขนมดอกดิน"

ดอกดิน ควรนับสงเคราะห์เข้าในพวกเห็ดได้ชนิดหนึ่ง ชอบขึ้นตามป่าแขมป่าแฝกรูปแลสีคล้ายดอกอัญชันเขียว แลเปนกิ่งก้านงามคล้ายดอกไม้ เพราะฉนั้น คนจึ่งสมมตเรียกว่าดอกดินตามดอกเปนยางเลือก ๆ ครั้นบานแก่วันแล้วก็ร่วงโรยเน่าไปเหมือนเห็ดต่าง ๆ แต่คนชอบเก็บมาทำขนมชนิดหนึ่ง คล้าย ๆ ขนมกล้วย เรียกว่าขนมดอกดินเมื่อเขาได้ประสมเข้ากับเเป้งซึ่งจะทำขนม แล้วก็พาแป้งนั้นสีเขียวเปนสีม่วงไปหมด นอกจากทำขนมชนิดนี้ก็ไม่เห็นใช้ทำอะไรได้อีก

หนังสือวชิรญาณ วันพฤหัศบดี ที่ ๑ เดือน ตุลาคม รัตนโกสินทร์ศก ๑๑๐


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 29 เม.ย. 11, 09:32
ภาพดอกดิน และขนมดอกดิน ค่ะ
หน้าตาคล้ายขนมเปียกปูนเลยนะคะ...
รสชาติเป็นอย่างไรบ้างใครเคยทาน เล่าหน่อยนะคะ... ;D


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 29 เม.ย. 11, 09:38
^
ดอกดินสวยจังเลย

มาต่อด้วย "ขนมด้วง" ทานกับน้ำตาลคลุกงาขาว ราดน้ำกะทิ


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 29 เม.ย. 11, 09:42
ขนมดอกดิน มีอีกเวอร์ชั่นหนึ่งค่ะ

มาจาก ตลาดวิเศษชัยชาญ ค่ะ คู่กันกับ ขนมไข่ปลา
เวลาทานก็ทานกับมะพร้าวขูดฝอย โรยด้วยน้ำตาลผสมงาขาว
มันจะหอมๆ มันๆ หน่อยๆ หนุบๆ หวานนิดๆ  อันนี้เขาว่ามานะคะ...ยังไม่เคยทาน..ฮิฮิ ;D


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 เม.ย. 11, 09:44
เคยกินขนมทอง เมื่อตอนเด็กๆ       คุณ siamese กับคุณ DD เคยเจอที่ไหนทำขายบ้างไหมคะ

เป็นขนมทอดรูปร่างเหมือนโดนัท ด้านบนเคลือบน้ำตาลแข็งสีน้ำตาล  น่าจะเป็นน้ำตาลปี๊บหรือน้ำตาลมะพร้าว      
มานึกตอนนี้แล้วสงสัยว่าจะดัดแปลงจากโดนัทฝรั่ง    แต่โดนัทสมัยก่อนโรยน้ำตาลป่น   ไม่ใช่หน้าน้ำตาลเคลือบแข็งสีสวยๆอย่างสมัยนี้

รูปบนคือโดนัท  รูปล่างคือขนมทอง

(http://www.geekologie.com/2009/06/05/doughnut%20day.jpg)


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 29 เม.ย. 11, 10:10

เป็นขนมทอดรูปร่างเหมือนโดนัท ด้านบนเคลือบน้ำตาลแข็งสีน้ำตาล  น่าจะเป็นน้ำตาลปี๊บหรือน้ำตาลมะพร้าว       
มานึกตอนนี้แล้วสงสัยว่าจะดัดแปลงจากโดนัทฝรั่ง    แต่โดนัทสมัยก่อนโรยน้ำตาลป่น   ไม่ใช่หน้าน้ำตาลเคลือบแข็งสีสวยๆอย่างสมัยนี้

รูปบนคือโดนัท  รูปล่างคือขนมทอง

[/quote]


ไม่เคยทานขนมทองเลยครับ เห็น อ.เทาชมพูอธิบายมา พร้อมรูปประกอบ นึกหิวอยากลองชิม "ขนมทอง" ขึ้นมาทันใด :-[


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 เม.ย. 11, 10:29
ถ้างั้นคงไม่มีขายตามร้านแล้ว  หรือมีก็หายากมาก 

เคยกินขนมรังผึ้งไหมคะ

(http://learners.in.th/file/nusleck/dscn1984640x480.jpg)

มันก็คือ waffle นี่เอง แต่ว่าใช้แป้งข้าวเจ้าทำ   ฝรั่งเขากินเป็นอาหารเช้า เป็นของคาว   แต่เราเอามากินเป็นขนม


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 29 เม.ย. 11, 11:18
^
ชอบมากครับ แม่ผมเรียก "ฮ่อเหล่าเท็ง" ครับ  ;D


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 29 เม.ย. 11, 11:22
บัวลอยไข่หวาน หอมกรุ่นใบเตยและน้ำกะทิ หากลูกใหญ่กว่านี้ใส่ไส้ถั่ว เป็นขนมทางใต้ เรียกว่า "ขนมโค"


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 29 เม.ย. 11, 11:25
ขนมใส่ไส้ หรือ ขนมสอดไส้


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 29 เม.ย. 11, 11:29
ภาพจากหอจดหมายเหตุ เอามาฝาก อ.เทาชมพูครับ

"ยายจ๊ะ..ยายขายขนมอะไร ?"

รู้สึกว่าขนมห่อของไทยสมัยก่อนห่อใหญ่มาก


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 เม.ย. 11, 11:36
^

ยายจ๋า  ขายข้าวหมากรึเปล่า

ป.ล. คุณยายคนนี้หน้าสวยมากนะคะ  สาวๆคงเป็นนางงามเชียวละ


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 29 เม.ย. 11, 13:18
^ เห็นด้วยกับท่านอาจารย์เทาชมพูค่ะ คุณยายหน้าหวานมาก...สาวๆ คงสวยน่าดู...

นำอุปกรณ์ในการทำขนมไทยมาแนะนำค่ะ

พิมพ์ทองม้วน ค่ะ
บรรพบุรุษของเรามีความละเมียดละมัยมากเลยนะคะ
แม้แต่พิมพ์ขนมยังมีรายละเอียดที่ทำให้ตัวขนมมีลวดลายสวยงาม...


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 29 เม.ย. 11, 13:24
พิมพ์ขนมดอกจอก..
จุ่มแป้ง แล้วจุ่มในน้ำมัน พอพองสวยตักขึ้น
สวยเหมือนดอกไม้เลย


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 29 เม.ย. 11, 13:29
พิมพ์กระทงทองค่ะ ..  ;D
จุ่มแป้งบางๆ แล้วจุ่มในน้ำมัน พอสุกจะหลุดออกจากพิมพ์
ใส่ไส้ตามต้องการ จัดให้ดูสวยงาม...


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 29 เม.ย. 11, 13:35
ตามอารมณ์คุณดีดีไม่ทันเลย พลิกมาเล่นอุปกรณ์เสียแล้ว ไฉนเลย...ขอตามด้วย "เบ้าขนมครก"

คุณดีดีว่า เจ้าเบ้าขนมครก อุปกรณ์นี้เกิดมาสมัยอยุธยา หรือ รัตนโกสินทร์ ? เพราะผมคิดว่ามันเป็นอุปกรณ์พิเศษนะครับ
ไม่เหมือนขนมทั่วไป แม้ว่าส่วนผสมจะพื้นๆ คือ มีแป้ง มีกะทิ น้ำตาล แต่การที่เราลุกมาหยอดใส่เบ้าพิมพ์นี้ มันต้องมีที่มา
อย่างขนมไทยโดยสามัญ เราปั้น คลึง บีบ จับ ได้ แต่สำหรับ "ขนมครก" ไม่มีเบ้าพิมพ์ทำไม่ได้นะ

แล้วก็ช่างคิดนะครับ ทำเป็นหลุมพอตัว มีฝาละมีน้อยๆ ปิด


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 29 เม.ย. 11, 13:43
ท่านsiamese ลองเข้าไปอ่าน ประวัตขนมครก ที่  http://writer.dek-d.com/bowgee/story/view.php?id=248912  (http://writer.dek-d.com/bowgee/story/view.php?id=248912)ดูนะคะ
มีประวัติและชื่อเต็มของขนมครก ด้วยค่ะ น่ารักมาก ... ;D

อุปกรณ์ชิ้นต่อไปที่จะนำมาให้ดูเป็นที่โรยฝอยทองค่ะ
โบราณเราใช้ใบตองทำเป็นกรวย แต่เดี๋ยวนี้พัฒนาค่ะ
แต่หน้าตาและส่วนประกอบของขนมก็ยังเหมือนเดิมนะคะ
คือมีไข่และนำตาล โรยลงบนน้ำเชื่อมเดือดๆ
แล้วใช้ไม้เขี่ยขึ้นมาจัดให้เป็นแพสวยงาม...


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 29 เม.ย. 11, 13:57
ขนมเบื้อง ก็ต้องมีอุปกรณ์เฉพาะในการทำนะคะ เรียกว่า กระจ่าสำหรับละเลงขนมเบื้อง

ลักษณะ ประกอบด้วยส่วนตัวกระจ่า ซึ่งทำจากกะลา ขัดเงา ตัดออกมา เป็นวงกลม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 นิ้ว และด้ามเป็นไม้ดัดให้โค้งงอเล็กน้อย เพื่อความสะดวกในการละเลง แต่สมัยโบราณอาจมีการแกะสลักด้าม เพื่อความสวยงาม

วิธีการใช้ ใช้ละเลงขนมเบื้อง ซึ่งต้องอาศัยศิลปะและความชำนาญ ในการละเลง ต้องใช้เวลาในการฝึกฝนมาก ตั้งกระทะขนมเบื้องให้ร้อนเช็ดด้วยน้ำมันพอให้ลื่นไม่ติดกระทะ ใช้กระจ่าจุ่มแป้งแล้วมาละเลงให้เป็นวงกลม ต้องเร็วเพราะแป้งจะแห้งเสียก่อน จากนั้นใส่ไส้ พอสุกแซะออกโดยพับครึ่ง

ขนมเบื้องปัจจุบัน เพี้ยนไปจากต้นฉบับดั้งเดิมมากมาย บางเจ้ามีการปาดครีมขาวข้นหนา โรยด้วยสารพัดไส้...
(อันนี้รับไม่ได้ น่าจะเปลี่ยนชื่อ ไม่น่าเรียกขนมเบื้องเลย  :()


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 29 เม.ย. 11, 14:17
แหนบ ค่ะ แหนบ  ;D
ใครจะนึกว่าคนโบราณจะเห็นประโยชน์จากแหนบ ในการทำขนมคะ...แล้วก็ทำได้สวยงามมากๆ ด้วย

วิธีการใช้ เมื่อปั้นแป้งเป็นโครงร่างตามต้องการ ใช้แหนบบีบริมให้เกิดรอยหยัก ในกรณีขนมปั้นสิบและขนมจีบ
ถ้าเป็น ขนมช่อม่วง ปั้นเป็นก้อนกลมและจีบตั้งแต่ส่วนกึ่งกลางของลูกกลม ให้เป็นกลีบดอกด้านใน และจีบไล่ออกมา เป็นกลีบดอกด้านนอก

สวยเหมือนดอกไม้เลยนะคะ...


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 29 เม.ย. 11, 14:35
ลอดช่อง ก็ต้องมีอุปกรณ์ในการทำค่ะ

ชื่อก็บอกแล้วว่า ลอดช่อง ก็ต้องเป็นขนมที่ไหลออกมาตามช่อง
อุปกรณ์สมัยก่อนจะเป็นกะลามะพร้าวเจาะรูเล็กๆ เพื่อให้แป้งขนมไหลออกมาทางรูหล่นลงไปในน้ำเดือด
ปัจจุบันเป็นกระบอกโลหะพร้อมที่กด แบบในภาพค่ะ
จากนั้นตักแป้งที่ผสมไว้ใส่ในกะลาหรือกระบอก ตัวแป้งจะไหลลอดออกมาทางรู ลงในน้ำเดือด
พอสุกตักขึ้นพักไว้ในน้ำเย็น พอจะรับประทานตักตัวขนมใส่ถ้วยราดด้วยน้ำกะทิผสมน้ำตาล หอมหวาน
ปัจจุบันเราใส่น้ำแข็งด้วย หวานหอมเย็นชื่นใจค่ะ...


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 29 เม.ย. 11, 15:04
พิมพ์ขนมเรไร (ขนมรังไร)  ค่ะ ขนมชื่อไพเราะ สีหวาน หอม และรสชาติอร่อย ค่ะ  ;D

พิมพ์จะเป็นไม้ 2 ชิ้น ประกบกัน ชิ้นบนเซาะเป็นหลุมแล้วเจาะรูเล็กละเอียด
ชิ้นล่างทำเป็นปุ่มยื่นออกมาให้พอดีกับหลุมในชิ้นบน เพื่อเวลากดจะดันแป้งให้ลอดออกมาทางรูด้านบนเป็นเส้นฝอยยาว
ตัวแป้งใช้แป้งข้าวเจ้าและแป้งท้าวยายม่อมผสมกะทิ กวนให้สุก ใส่สีหวานๆ ปั้นเป็นก้อนแล้ววางบนปุ่มบนพิมพ์อันล่าง
บีบก้านทั้ง 2 ของพิมพ์เข้าหากัน แป้งจะลอดออกมาเป็นเส้นฝอย เกลี่ยให้พอคำแล้วปาดออกมาใส่รังถึงนึงให้สุก
เวลาทาน พรมกะทิ โรยมะพร้าวขูดและน้ำตาลผสมงาคั่ว...


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 29 เม.ย. 11, 15:12
ขนมไข่ ตอนเด็กๆชอบทานมากครับ รู้สึกว่าแบบพิมพ์กลมๆ จะอร่อยกว่าพิมพ์ยาวรี  ;)

เมื่อหยอดแป้งใส่พิมพ์แล้วจะตั้งวางบนเตาถ่าน ส่วนฝากจะมีถ่านกลบเช่นกัน คงเป็นการดัดแปลงจากขนมกุฎีจีน ทำเตาให้เล็กพอขายตามรถเข็นได้


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 29 เม.ย. 11, 15:23
เดี๋ยวนี้ก็เพี้ยนไปแล้วค่ะ มีหน้า มีไส้แปลกๆ ด้วย... :(


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 29 เม.ย. 11, 16:15
ตังเมหลอด ค่ะ
เคยทานสมัยเด็กๆ อร่อยหรือเปล่าจำไม่ได้แต่จำได้ว่าสนุกค่ะ...
เวลาจะซื้อ เราจะมุงกันรอบรถ เป็นรถเข็นหรือรถถีบจำไม่ค่อยได้แล้ว
ที่กะบะจะมีช่องให้หยอดเหรียญ พอหยอดแล้วจะมีเข็มหมุนติ้วเลย
เข็มจะหยุดที่ตัวเลข แล้วพ่อค้าก็จะบอกเราว่าได้กี่อัน
แล้วเขาก็จะดึงตังเมหลอด ออกมาแล้วตัด ห่อกระดาษไขเล็กๆ ส่งให้เรา
คนที่หยอดตังแล้วได้หลายอันกว่าเพื่อน ก็จะรู้สึกยืดนิดๆ ...
แล้วถ้าเราได้หลายอันพ่อค้าก็จะดึงอันผอมๆ เรียวๆ ฮึ เทคนิคการขาย... ;D

ปัจจุบันพัฒนาได้สวยงามและแลดูสะอาดดีค่ะ อันนี้ชื่นชม..


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 เม.ย. 11, 10:57
ขนมไข่ ตอนเด็กๆชอบทานมากครับ รู้สึกว่าแบบพิมพ์กลมๆ จะอร่อยกว่าพิมพ์ยาวรี  ;)

เมื่อหยอดแป้งใส่พิมพ์แล้วจะตั้งวางบนเตาถ่าน ส่วนฝากจะมีถ่านกลบเช่นกัน คงเป็นการดัดแปลงจากขนมกุฎีจีน ทำเตาให้เล็กพอขายตามรถเข็นได้

ขนมไข่เป็นของโปรดตอนเด็กๆ    เวลากินจะต้องไปซื้อที่สะพานหัน  ที่นั่นเป็นแหล่งรวมขนม   ไปยืนดูคนขายเทแป้งใส่พิมพ์อย่างในรูปนี้    สักครู่ก็พอสุกก็แคะออกจากพิมพ์  ร้อนๆ  ไม่มีไส้ ไม่มีลูกเกต   แค่เนื้อขนมกับรสขนมก็อร่อยที่สุดแล้วค่ะ


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 เม.ย. 11, 11:00
เด็กรุ่นนี้รู้จักขนมเหนียวไหมคะ       ไม่ได้กินมาหลายปีแล้ว ไม่รู้จะไปซื้อที่ไหน


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 30 เม.ย. 11, 11:03
เด็กรุ่นนี้รู้จักขนมเหนียวไหมคะ       ไม่ได้กินมาหลายปีแล้ว ไม่รู้จะไปซื้อที่ไหน


ยังพอมีขายตามตลาดนัดครับ  ;D เมื่ออาทิตย์ก่อนยังซื้อทานเลย น้ำตาลเชื่อมสีน้ำตาลไหม้ หอมกรุ่น ต้องโรยด้วยข้าวพองตามภาพของ อ. เลยครับ


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 เม.ย. 11, 11:31
ต้องไปหาตามตลาดนัดเสียแล้ว  :D

ขนมถ้วยฟู กับขนมตาล ยังพอมีขายค่ะ
คุณป้าถือเคล็ดว่าถ้าทำบุญบ้าน   ต้องหาขนมถ้วยฟูมาเป็นของหวานถวายพระ  จะได้เฟื่องฟู


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 30 เม.ย. 11, 13:07
ภาพนี้ มีขนมอะไรบ้างเอ่ย... ;D


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: Pangram ที่ 30 เม.ย. 11, 14:26
เป็นอาลัวที่สวยน่ารักที่สุด ..ใช่อาลัวไหมคะ
ถาดบน (หรือควรจะเรียกว่าราง หรือจานเปล) ขอเดาว่าเป็นขนมต้มค่ะ
ส่วนซากุระชมพูสวยด้านล่าง เดาไม่ออกค่ะ ขอมั่วว่าเป็นขนมชั้นค่ะ (ผิดแน่เลย)

ตามอ่านมาจนถึงหน้านี้  เฮ่อ.. จะขาดใจ
อยากทานจังเลย  :'(


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: ธีร์ ที่ 30 เม.ย. 11, 14:36
ขนมอาลัวกุหลาบสวยน่าทานจังครับ

ขนมที่เห็นในกระทู้นี้ยังพอหาทานได้ แต่ว่ามีขนมอยู่อีก 1 อย่างหาทานยากจังทั้งใน ก.ท.ม. และต่างจังหวัด

ขนมข้าวแขกครับ ปัจจุบันยังหาทานไม่ได้เลยครับ



กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 เม.ย. 11, 16:06
ย้อนกลับเอาขนมแชงมา หรือแชงม้า หรือแฉ่งม้า มาให้ดูอีกครั้ง  เพราะไปเจอบทดอกสร้อย พระนิพนธ์ในสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เข้าค่ะ

          โอเอย โอละเห่                       คิดถ่ายเทตื่นนอนแต่ก่อนไก่
     ทำขนมแชงมาหากำไร                    เกิดขัดใจกันในครัวทั้งผัวเมีย
     ผัวตีเมียด่าท้าขรม                         ลืมขนมทิ้งไว้ไม่คนเขี่ย
     ก้นหม้อเกรียมไหม้ไฟลวกเลีย            ขนมเสียเพราะวิวาทขาดทุนเอย

      (http://4.bp.blogspot.com/_eA1mlSf-C-4/TCDdbmwnATI/AAAAAAAALI0/cqGfrSp6apY/s1600/%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2.jpg)

    ภาพล่างสุดเป็นภาพวาดจากนิทานพื้นบ้าน บนหน้าต่างพระอุโบสถวัดพระเชตุพน    ตรงกับบทร้องเรื่องขนมแชงม้า


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 30 เม.ย. 11, 16:18
บทความเรื่อง "ตำนานอาหารไทย..ขนมแชงมา (http://www.design.in.th/children/vocab/thai/magazine.html)" โดย "สันติ เศวตวิมล" นิตยสาร "ผู้หญิง" ปีที่ ๑๕ ฉบับที่ ๓๐๔ ปักษ์แรก เมษายน ๒๕๔๑  หน้า ๑๕๘-๑๖๐

ขนมแชงมา

(http://www.design.in.th/children/images/shangma1.jpg)

เรื่อง ขนมแชงมา หรือ ขนมแฉ่งม้า เป็นเรื่องที่ควรศึกษา และค้นคว้าหาข้อยุติให้ได้ น่าเสียดายที่คนไทยในปัจจุบัน ไม่สู้จะสนใจเรื่องอาหารหวานคาวของบรรพบุรุษนัก นับวันประวัติตำนานแม้กระทั่งสูตรวิธีปรุงทั้งหลายกำลังถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา ฉะนั้นจึงอย่าได้แปลกใจเลยว่า เด็กเล็กสมัยนี้รู้จักขนมเค้ก ขนมคุ้กกี้ มากกว่าขนมเรไร ขนมสอดไส้ ฯลฯ หรือแม้แต่ ขนมแชงมา สมัยยังเด็กจำได้ว่าเมื่อผู้ใหญ่กล่อมลูกหลานที่นอนหลับอยู่ในเปลญวนหรือเปลไทย ขณะแกว่งไกวให้เด็ก ๆ เคลิ้มนั้น ก็มักได้ยินเพลงกล่อมเด็กมากมาย หลายเพลง อย่างเช่นเพลงนี้ ผู้ใหญ่จะร้องว่า

โอละเห่ โอละหึก ลุกขึ้นแต่ดึกทำขนมแฉ่งม้า ผัวก็ตี เมียก็ด่า ขนมแฉ่งม้าก็คาหม้อแกง

เป็นอันว่า ขนมแชงมา หรือ ขนมแฉ่งม้า นี้ ยังเป็นที่สงสัยกันอยู่ว่ามีลักษณะรูปร่างหน้าตาอย่างไร เรื่องนี้มีการถกเถียงสอบถามกันมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๔ ถึงรัชกาลที่ ๕ พระองค์เจ้าจรูญโรจน์เรืองศรี พระโอรสในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ เคยบันทึกไว้ว่า

ขนมแชงม้า รูปพรรณสีสัน กลิ่นรสของขนมเป็นอย่างไรไม่ทราบ เป็นแต่ชื่อลอยมาอย่างนั้น ถึงมีผู้เฒ่าผู้แก่ก็มิได้เคยพบเคยเห็น ได้ยินแต่เสียงคนทั้งหลายกล่อมเด็กว่า โอละเห่ โอละหึก ลุกขึ้นแต่ดึกทำขนมแชงม้า ฯลฯ แต่บางคนก็ว่าขนมหม้อแกงนั้นเอง เดิมชื่อ ขนมแชงม้า ครั้นเกิดความผัวเมียตีกันขึ้น ขนมไม่ทันสุกคาหม้อแกงอยู่ คนทั้งหลายจึงได้เรียกว่า ขนมหม้อแกง ตั้งแต่นั้นมา นี่แหละ ความจะเท็จจริงอย่างไร ก็ไม่ทราบแน่

เรื่องนี้เป็นเหตุทำให้ท่านผู้หญิง เปลี่ยน ภาสกรวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญอาหารหวานคาว เมื่อสมัยรัชกาลที่ ๕ และเป็นผู้แต่ง ตำราอาหารชื่อ แม่ครัวหัวป่าก์ เคยติดตามเรื่องราวความเป็นมาของขนมแชงมา และบันทึกไว้ว่า

ขนมนี้เป็นของโบราณ ได้ยินแต่แม่หญิงกล่อมเด็ก ต่อ ๆ กันมา ดังข้างบนนี้ จะเป็นอย่างใด ทำด้วยอะไร ไต่ถามผู้หลักผู้ใหญ่มามากแล้ว ก็ไม่ได้ความชัดเจนลงได้ คนหนึ่งก็ว่า คือขนมนั้นบ้าง นี้บ้าง แต่ว่าเป็น ขนมไข่เต่า นั่นเอง ที่ว่าเช่นนี้ ถูกกันสามสี่ปากแล้ว เวลาวันหนึ่ง อุบาสิกาเนย วัดอัมรินทร์ ได้ทำขนมมาให้ วางลงถาดมาสองหม้อแกง ได้ถามว่าอะไร อุบาสิกาเนย บอกว่า ขนมแชงมา เป็นขนมโบราณ ทำมาเพื่อจะเลี้ยงคนที่อยู่ในบ้าน จึงได้ตักออกมาดู หม้อหนึ่งเป็น ขนมไข่เต่า อีกหม้อเป็น ขนมปลากริม จึงได้ ถามออกไปอีกว่า เช่นนี้เขาเรียก ขนมปลากริม ขนมไข่เต่า ไม่ใช่หรือ อุบาสิกาเนย บอกว่า โบราณใช้ผสมกัน ๒ อย่าง จึงเรียกว่า ขนมแชงมา ถ้าอย่างเดียวเรียก ขนมไข่เต่า ขนมปลากริม รับประทานคนละครึ่งกัน จึงให้ตักออกมาดู ก็ตัก ขนมปลากริม ลงชามก่อน แล้วตัก ขนมไข่เต่า ทับลงหน้า เมื่อจะรับประทาน เอาช้อนคน รับประทานด้วยกัน ได้ความเป็นหลักฐานเพียงเท่านี้




กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 30 เม.ย. 11, 16:29
ตำรับ ขนมปลากริม

จากหนังสือ ตำราปรุงอาหาร ของ นางสมรรคนันทพล (จีบ บุนนาค) หลานแม่ครัวหัวป่าก์ พิมพ์เมื่อ พ.ศ.๒๔๗๖ โรงพิมพ์ สยามบรรณกิจ ถนนเจริญกรุง สี่กั๊กพระยาศรี พระนคร เขียนไว้ว่า

เครื่องปรุง: แป้งมันสำปะหลัง แป้งท้าวยายม่อม น้ำปูนใส มะพร้าว น้ำตาลมะพร้าว น้ำดอกมะลิสด

วิธีปรุง: พรมด้วยน้ำปูนใสให้แป้งละเอียดเข้ากัน เอาแป้งมันสำปะหลังกับแป้งท้าวยายม่อมอย่างละเท่ากัน เคล้ากันเข้าอย่าให้เหลว แล้วนวดด้วยน้ำร้อนกำลังเดือดจนเหนียวปั้นเป็นตัวได้ เอาลงวางกับกระดานสำหรับทำขนม คลึงด้วยไม้กลม อย่าให้บางหรือหนานัก แล้วใช้มีดตัดเป็นตัวเล็ก ๆ ยาวประมาณ หนึ่งองคุลี เอาลงตะแกรง ปูด้วยใบตอง เกลี่ยให้สวย ขูดมะพร้าว คั้นกะทิ ด้วยน้ำดอกมะลิ ละลายน้ำตาลเสียทีเดียว แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง ลงในกระทะทอง ตั้งไฟให้เดือด จึงเทแป้งที่ตัดไว้ลงไป พอแป้งสุกใสแล้วเป็นใช้ได้

 ;D


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: pathuma ที่ 30 เม.ย. 11, 17:16
ตังเมหลอด ค่ะ
เคยทานสมัยเด็กๆ อร่อยหรือเปล่าจำไม่ได้แต่จำได้ว่าสนุกค่ะ...
เวลาจะซื้อ เราจะมุงกันรอบรถ เป็นรถเข็นหรือรถถีบจำไม่ค่อยได้แล้ว
ที่กะบะจะมีช่องให้หยอดเหรียญ พอหยอดแล้วจะมีเข็มหมุนติ้วเลย
เข็มจะหยุดที่ตัวเลข แล้วพ่อค้าก็จะบอกเราว่าได้กี่อัน
แล้วเขาก็จะดึงตังเมหลอด ออกมาแล้วตัด ห่อกระดาษไขเล็กๆ ส่งให้เรา
คนที่หยอดตังแล้วได้หลายอันกว่าเพื่อน ก็จะรู้สึกยืดนิดๆ ...
แล้วถ้าเราได้หลายอันพ่อค้าก็จะดึงอันผอมๆ เรียวๆ ฮึ เทคนิคการขาย... ;D

ปัจจุบันพัฒนาได้สวยงามและแลดูสะอาดดีค่ะ อันนี้ชื่นชม..
ยังจำบรรยากาศนีได้ครับ กรรไกรอันสั้นๆ ตัดใส่ใบตอง ถ้าให้อร่อยต้องมีถั่วลิสงคั่วผสมด้วย


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 เม.ย. 11, 20:29
เคยกินขนมลิ้นแมวไหมคะ


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 01 พ.ค. 11, 07:00
อันนี้ไม่เกี่ยวข้องกับประวัติขนมไทยใดๆทั้งสิ้น

เนื่องในวันหยุดยาวช่วงเทศกาลแรงงานของจีนนักเรียนไทยกลุ่มใหญ่ได้รวมตัวกันทำขนมสัมปันนี เนื่องจากมีคนซื้อพิมพ์ไม้ทำขนมมาสิบกว่าพิมพ์

ปรกติการทำสัมปันนีตอนทำคนเดียวทำทีละนิดก็ไม่ค่อยมีอะไร เพราะว่าทำคนเีดียวปริมาณขนมก็น้อย

แต่คราวนี้ทำกันหลายคนแป้งก็หลายถุง ฝุ่นแป้งก็คลุ้งเต็มครัวของหอ กองคั่วแป้งก็คั่วไป กองเคี่ยวน้ำตาลก็เคี่ยวไป กองกวนก็กวนไป กองพิมพ์ลายขนมก็พิมพ์ไป ส่วนใครไม่ทำอะไรต้องอยู่กองเก็บล้าง ทำเยอะไม่เยอะไม่ทราบจะบรรยายอย่างไร

เอาเป็นว่าใช้เวลาทำตั้งแต่เที่ยงถึงหนึ่งทุ่มกว่าจะเสร็จ คนต่างชาติในหอหันมาถามว่างานอะไรหรือ น้องคนหนึ่งตอบด้วยความคะนองหรือความเหนื่อยก็ไม่รู้ว่า "เทศกาลสัมปันนี"

คนเขาก็เชื่อกันนะ เพราะอีกไม่นานมันจะเป็นเทศกาลไหว้ขนมบ๊ะจ่างอยู่แล้ว

ข้าพเจ้าเหนื่อยไหม ไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไร เพราะเป็นคนทำเป็น เลยไปทำให้คนอื่นๆดูก่อน แล้วมาอยู่กองพิมพ์ แต่ว่าระหว่างพิมพ์ต้องชิมขนมไปเรื่อยๆเพราะแต่ละคนทำแล้วก็วิ่งมาให้ชิม ดีไม่ดีก็ต้องชิมหมด

น้ำตาลตกไม่ตกทราย แป้งสุกไม่สุก แห้งพอไหม แห้งไปไหม ฯลฯ

กินจนไม่กล้ากินสัมปันนีอีกนานเลย

ไอ้ที่ไม่สุก หรือกวนผิดวิธีแล้วม้ันเหนียวเกินไปนี้ก็ไม่น้อย หลายกิโลกรัมอยู่ ตอนนี้ต้องเอามานั่งทำเป็นบัวลอยแทน

แล้วเลยเกิดความคิดขึ้นมาว่าทำปลากริมไข่เตาดีกว่า ไหนๆก็ไหนๆ แป้งก็เหลืออยู่แล้ว

จึงอยากถามว่าขนมปลากริมไข่เตานี้้น้ำเป็นสองสี แต่ละสีต่างกันอย่างไร และใส่อะไรบ้าง

เมตตาบอกทีเพราะขนมที่เสียทุกคนพร้อมใจยกให้ข้าพเจ้า และบอกว่าให้ข้าพเจ้าหาทางทำให้มันอร่อย ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

สวัสดี


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 01 พ.ค. 11, 09:25

       คนเราถ้าได้ล้อมวงทำอะไรด้วยกันได้  ก็จะสามัคคีหรือเสียสละทำอะไรด้วยกันได้อีกมากในเวลาต่อไป

ด้วยความเข้าใจและเห็นใจว่า เราต้องแบ่งหน้าที่กันทำ  และเสียสละเก็บครัวและล้างจานชาม  เอาขยะไปทิ้ง

แวะมาบอกว่า  น้ำหนัก ๑ บาท คือ ๒ ช้อนชาค่ะ

ที่บ้านฝนตกแต่ตีห้า    ต้นไม้ชอบมาก

อาหารและผลไม้แพงขึ้นแต่ก็ยังเลือกซื้อหามากินได้สารพัด



กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 พ.ค. 11, 08:17
แวะเอาตะโก้มาส่ง ในเช้าวันจันทร์
ยังไม่มีใครตอบเลยค่ะ ว่าเคยกินขนมลิ้นแมวหรือเปล่า


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 พ.ค. 11, 08:18
แถมด้วยขนมไข่หงส์   ซึ่งเป็นชื่อใหม่ของขนมไข่เหี้ย คิดค้นโดยเจ้าจอมแว่น หรือเจ้าคุณเสือ ในรัชกาลที่ ๑


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 02 พ.ค. 11, 08:31
แถมด้วยขนมไข่หงส์   ซึ่งเป็นชื่อใหม่ของขนมไข่เหี้ย คิดค้นโดยเจ้าจอมแว่น หรือเจ้าคุณเสือ ในรัชกาลที่ ๑

นอกจากนี้แล้ว การทานไข่ของตัวเหี้ย ต้องไปขุดตามป่าแถวจอมปลวก ซึ่งมีการวางไข่ ๒ ครั้ง และนำมาต้มกินเหมือนในภาพ คาดว่าในสมัยรัชกาลที่ ๑ ท่านโปรดที่จะเสวยไข่เหี้ย แต่ด้วยอาจจะไม่ตรงกับฤดูวางไข่ เจ้าจอมแว่นจึงได้คิดค้นขนมถวาย

ดูจากขนมที่ได้ประดิษฐ์ขึ้น ตัวเนื้อไข่สีเหลืองแทนด้วยแป้งทอด ส่วนน้ำตาลเคลือบคงหมายความถึงเปลือกไข่


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 02 พ.ค. 11, 08:37
เคยกินขนมลิ้นแมวไหมคะ

ยังไม่เคยกิน ขนมลิ้นแมวเลยค่ะ...
ชื่อแปลกๆ ดี เลยเข้าไปหาข้อมูลในเน็ทดูค่ะ ...
พบว่า ขนมลิ้นแมว มี 2 ชนิดค่ะ
-ชนิดที่อาจารย์เทาชมพู เอามาให้ดู เป็นขนมลิ้นแมว แบบใหม่ หน้าตาคล้ายคุ๊กกี้ หรือ ตูเล่ (Tuiles) ของฝรั่งเศสค่ะ
-ส่วนอีกชนิดหนึ่ง น่าจะเป็นของไทยโบราณนะคะ เพราะหน้าตาคล้ายขนมเปียกปูน ....

ชื่อลิ้นแมว เนื้อขนมน่าจะสากๆ แห้งๆ เหมือนลิ้นแมวมั้งคะ.... ;D


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 02 พ.ค. 11, 11:35
ขนมตะลุ่ม ค่ะ  ;D
ขนมไทยโบราณอีกชนิดหนึ่งที่ยังพอมีให้เห็นอยู่บ้าง
หน้าตาคล้าย ขนมถ้วย เลยนะคะ แต่ขนมถ้วยสีขาวจะอยู่ข้างบน...


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 02 พ.ค. 11, 12:07
ข้าวเกรียบว่าว กะ ข้าวเกรียบงา ค่ะ  ;D
น่าจะโบราณดั้งเดิมของไทยแท้ๆ เลยนะคะ...


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 02 พ.ค. 11, 12:29
ขนมขี้หนู ค่ะ  ;D

ขนมขี้หนู เป็นขนมไทยโบราณ บ้างเรียก ขนมทราย ทำจากแป้งข้าวเจ้า น้ำเชื่อม โรยหน้าด้วยมะพร้าว การรับประทาน ตักใส่ภาชนะ (จานแบนๆ) โรยด้วยมะพร้าวแก่ขูดฝอยตามชอบ ขนมที่ดีจะต้องเป็นเหมือนเม็ดทรายละเอียด ร่วนซุย ไม่จับเป็นก้อน หวานเล็กน้อย หอมชื่นใจ


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 02 พ.ค. 11, 12:34

คุณดีดีว่า เจ้าเบ้าขนมครก อุปกรณ์นี้เกิดมาสมัยอยุธยา หรือ รัตนโกสินทร์ ? เพราะผมคิดว่ามันเป็นอุปกรณ์พิเศษนะครับ
ไม่เหมือนขนมทั่วไป แม้ว่าส่วนผสมจะพื้นๆ คือ มีแป้ง มีกะทิ น้ำตาล แต่การที่เราลุกมาหยอดใส่เบ้าพิมพ์นี้ มันต้องมีที่มา
อย่างขนมไทยโดยสามัญ เราปั้น คลึง บีบ จับ ได้ แต่สำหรับ "ขนมครก" ไม่มีเบ้าพิมพ์ทำไม่ได้นะ

แล้วก็ช่างคิดนะครับ ทำเป็นหลุมพอตัว มีฝาละมีน้อยๆ ปิด

เดี๋ยวนี้ไม่มีเบ้าพิมพ์ ก็ทำขนมครกได้ค่ะ ทำเป็น ขนมครกม้วน ค่ะ
เฮ้อ! ชักเพี้ยนไปกันใหญ่แล้วนะคะ ขนมไทย... :(


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 02 พ.ค. 11, 12:42
มีภาพแม่ค้า ขายขนม มาฝาก 2 ภาพค่ะ
สมัยไหนก็ไม่รู้...


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 02 พ.ค. 11, 12:59

คุณดีดีว่า เจ้าเบ้าขนมครก อุปกรณ์นี้เกิดมาสมัยอยุธยา หรือ รัตนโกสินทร์ ? เพราะผมคิดว่ามันเป็นอุปกรณ์พิเศษนะครับ
ไม่เหมือนขนมทั่วไป แม้ว่าส่วนผสมจะพื้นๆ คือ มีแป้ง มีกะทิ น้ำตาล แต่การที่เราลุกมาหยอดใส่เบ้าพิมพ์นี้ มันต้องมีที่มา
อย่างขนมไทยโดยสามัญ เราปั้น คลึง บีบ จับ ได้ แต่สำหรับ "ขนมครก" ไม่มีเบ้าพิมพ์ทำไม่ได้นะ

แล้วก็ช่างคิดนะครับ ทำเป็นหลุมพอตัว มีฝาละมีน้อยๆ ปิด

เดี๋ยวนี้ไม่มีเบ้าพิมพ์ ก็ทำขนมครกได้ค่ะ ทำเป็น ขนมครกม้วน ค่ะ
เฮ้อ! ชักเพี้ยนไปกันใหญ่แล้วนะคะ ขนมไทย... :(
สมัยนี้ก็ต้องปรับตัวของขนมครก ให้ทันสมัยขึ้นตามยุคดิจิตอลกระมังครับ  จากขนมครกธรรมดา สู่ขนมครกชาววัง (ไม่รู้วังไหน คนขายยังไม่รู้เลยว่าวังอะไร) ต่อด้วยขนมครกม้วน ไม่แน่ภายหน้าอาจจะมี ขนมครกใส่ครีมซอส ใส่สีต่างๆ ขนมครกแห้งก็ได้  ;D


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 02 พ.ค. 11, 13:01
ขนมนี้หอมหวาน ด้วยกลิ่นใบจาก และทำด้วยวิธีการย่าง เอาแป้งข้าวเหนียวดำ ผสมกับมะพร้าว แล้วห่อใบจาก นำไปย่าง หอกกรุ่น แถบตะวันออกกินกันมาก เช่น แปดริ้ว จันทบุรี ตราด ที่ถูกต้องควรเรียกว่า "ขนมใบจาก" แต่เรียกกันง่ายๆว่า "ขนมจาก"


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 02 พ.ค. 11, 13:07
ขนมไข่แมงดา ทำด้วยไข่แดง หยดลงในน้ำเชื่อม ประเภทเดียวกับทองหยอด


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 02 พ.ค. 11, 13:09
ขนมไข่แมงดาฉาบ เป็นขนมโบราณที่เอ่ยไว้ในเรื่องสี่แผ่นดิน ทำด้วยไข่แมงดามาเชื่อมกับน้ำตาล จับตัวจนแข็งหวานจัด เป็นขนมที่แม่พลอยได้กินเมื่อเข้าวังใหม่ๆ โดยป้าสายนำมาให้ทาน


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 02 พ.ค. 11, 13:12
ขนมไข่แมงดา ต้องทานคู่กับ ข้าวเหนียวตัด ค่ะ
อร่อยมาก หวานมันเค็ม ครบรส เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีขายแล้วค่ะ ;D


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 02 พ.ค. 11, 13:15
ข้าวเหนียวตัด ตอนนี้เห็นแต่หน้าถั่วดำ

ลองดูความคิดสร้างสรรค์สักหน่อย ขนมไทยไปไกลมากนะครับ "เทียนแฟนซี" ครับ


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 02 พ.ค. 11, 13:18
เต้าส่วน เหมือนมากเลยครับ

ให้คลิกไปดูยังมีขนมไทยน่ารักๆมากเลยครับ http://www.sweetcandle.net/category.htm?cate_id=3&page=1


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 02 พ.ค. 11, 13:20
ขนมตาล พื้นบ้านง่ายๆ


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 02 พ.ค. 11, 13:34
ถามหน่อย   มีใครรู้จักขนมคันหลาวบ้างไหม ???


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 02 พ.ค. 11, 13:40
ถามหน่อย   มีใครรู้จักขนมคันหลาวบ้างไหม ???
ขนมคันหลาว คือ ขนมเล็บมือนางครับ


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 02 พ.ค. 11, 14:27
แล้วขนม ๔ ถ้วยล่ะ มีอะไรบ้าง


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 02 พ.ค. 11, 14:47
^
^
ไข่กบ, นกปล่อย, บัวลอย และอ้ายตื้อ

 ;D


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 02 พ.ค. 11, 14:53
มีหลักฐานซึ่งปรากฏอยู่บนศิลาจารึกได้กล่าวถึงชื่อขนมไทยไว้ 4 ชนิด แต่ไม่ได้ระบุเอาไว้ชัดเจนว่าอยู่ในสมัยใด เป็นจารึกชื่อขนมที่ทำเลี้ยงคนในคราวขุดสระ   เป็นการจารึกแบบลายแทงสมัยเก่าในแท่ง ศิลาจารึก  ขนมที่ปรากฏชื่อก็คือ "ไข่กบ   นกปล่อย  บัวลอย  อ้ายตื้อ" ซึ่งก็คือ "เม็ดแมงลัก ลอดช่อง ข้าวตอก และข้าวเหนียวดำ" รับประทานโดยตักใส่มาในถ้วยโดยมีน้ำกะทิแยกมาไว้เติมต่างหาก ใครชอบอะไรก็สามารถเลือกได้ตามใจชอบ
            จากหลักฐานดังกล่าวเชื่อว่า อาจเกิดในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ประมาณปี พ.ศ. 2215 - 2220 ขณะนั้นบ้านเรือนอยู่ในความสงบสุข ไม่มีศึกสงคราม ราษฎรอยู่กันอย่างผาสุข แผ่นดินมีความอุดมสมบูรณ์ การเพาะปลูกอยู่ทั่วราชอาณาจักร มีบริโภคกันอย่างเหลือเฟือ จนมีการแลกเปลี่ยนซื้อขายกับต่างประเทศ ทั้งประเทศแถบตะวันตก และประเทศในเอเชียด้วยกัน
            ในสมัยโบราณ เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว หลังจากนวดข้าวหรือช่วยกันทำงานต่างๆเสร็จแล้ว พวกผู้หญิงจะเตรียมขนมทั้งสี่ชนิดนี้ไว้เลี้ยงหลังเลิกงานอยู่เสมอ จนเรียกการเลี้ยงขนมแบบนี้ว่า "ประเพณี 4 ถ้วย"


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 02 พ.ค. 11, 15:09
รอยอินท่านเก็บความหมายไว้ด้วยนะเออ

กินสี่ถ้วย ก. กินเลี้ยงในงานมงคล [สี่ถ้วย คือ ขนม ๔ อย่าง อย่างละถ้วย ได้แก่ ไข่กบ (สาคูหรือเมล็ดแมงลัก), นกปล่อย (ลอดช่อง), มะลิลอย (ข้าวตอก), อ้ายตื้อ (ข้าวเหนียว) มีน้ำกะทิใส่ชามอยู่กลาง].

 ;D
 
 


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 พ.ค. 11, 17:27
ขอต่อด้วยวุ้นกะทิ


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 พ.ค. 11, 19:12
เคยกินขนมลิ้นแมวไหมคะ

ยังไม่เคยกิน ขนมลิ้นแมวเลยค่ะ...
ชื่อแปลกๆ ดี เลยเข้าไปหาข้อมูลในเน็ทดูค่ะ ...
พบว่า ขนมลิ้นแมว มี 2 ชนิดค่ะ
-ชนิดที่อาจารย์เทาชมพู เอามาให้ดู เป็นขนมลิ้นแมว แบบใหม่ หน้าตาคล้ายคุ๊กกี้ หรือ ตูเล่ (Tuiles) ของฝรั่งเศสค่ะ

ค่ะ  หน้าตามันสมชื่อลิ้นแมว  แผ่นค่อนข้างกลม บางๆ สีนวลออกชมพู    พอถึงลิ้นก็ละลาย  รสชาติอร่อยแบบคุ้กกี้ค่ะ  แต่นิ่มนวลกว่ามาก
ครั้งหนึ่งมติชนจัดไปเยี่ยมชมบ้านโบราณในกรุงเทพ   ดิฉันก็ได้ไปด้วย    เขาพาไปชมบ้านเก่าของตระกูลบุนนาคที่เจริญพาสน์  เสียดายที่ดิฉันลืมชื่อคุณหญิงผู้เป็นเจ้าของบ้านไปแล้ว   เดี๋ยวจะต้องไปค้นหนังสือ  หาชื่อท่าน
บ้านนี้ลูกหลานท่าน ซึ่งอยู่ในวัยคุณป้าคุณยาย ทำขนมลิ้นแมวมาเลี้ยงแขก   ยังจำรสชาติได้จนทุกวันนี้ว่าอร่อยมาก


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 พ.ค. 11, 19:48
ขนมเปียกปูน  เมื่อก่อนมีแต่สีดำสนิท โรยมะพร้าวขูด     ขนมเปียกปูนใบเตยสีเขียว  ตามมาทีหลัง


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: bangplama ที่ 03 พ.ค. 11, 00:12
เคยกินขนมลิ้นแมวไหมคะ

ยังไม่เคยกิน ขนมลิ้นแมวเลยค่ะ...
ชื่อแปลกๆ ดี เลยเข้าไปหาข้อมูลในเน็ทดูค่ะ ...
พบว่า ขนมลิ้นแมว มี 2 ชนิดค่ะ
-ชนิดที่อาจารย์เทาชมพู เอามาให้ดู เป็นขนมลิ้นแมว แบบใหม่ หน้าตาคล้ายคุ๊กกี้ หรือ ตูเล่ (Tuiles) ของฝรั่งเศสค่ะ

ค่ะ  หน้าตามันสมชื่อลิ้นแมว  แผ่นค่อนข้างกลม บางๆ สีนวลออกชมพู    พอถึงลิ้นก็ละลาย  รสชาติอร่อยแบบคุ้กกี้ค่ะ  แต่นิ่มนวลกว่ามาก
ครั้งหนึ่งมติชนจัดไปเยี่ยมชมบ้านโบราณในกรุงเทพ   ดิฉันก็ได้ไปด้วย    เขาพาไปชมบ้านเก่าของตระกูลบุนนาคที่เจริญพาสน์  เสียดายที่ดิฉันลืมชื่อคุณหญิงผู้เป็นเจ้าของบ้านไปแล้ว   เดี๋ยวจะต้องไปค้นหนังสือ  หาชื่อท่าน
บ้านนี้ลูกหลานท่าน ซึ่งอยู่ในวัยคุณป้าคุณยาย ทำขนมลิ้นแมวมาเลี้ยงแขก   ยังจำรสชาติได้จนทุกวันนี้ว่าอร่อยมาก

เคยมีโอกาสได้ชิมขนมลิ้นแมวของตระกูลบุนนาค เมื่อลัก๒ปีมาแล้ว ยังจำรสชาติได้ว่าอร่อยมาก พอจะกินอีกเพื่อนทำตาเขียวพูดเสียงดุว่า"ของเมียกูหากินยากนะโว้ย" บังเอิญว่าวันนั้นเพื่อนผมเขาแลกรถกันใช้ ภรรยาของเพื่อนหวงลิ้นแมวของผมเป็นพวกสายบุนนาค  เกือบตายเพราะลิ้นเสียแล้วเรา


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 พ.ค. 11, 20:04
^
ในที่สุด   ก็เจอคนติดใจขนมลิ้นแมวฝีมือตระกูลบุนนาคเหมือนกัน   :D   
เสียดายว่าจนป่านนี้ยังไม่รู้ข่าวเลยว่าท่านๆเหล่านั้น ทำขนมไปวางขายที่ไหนบ้างนะคะ     จะได้ตามไปอุดหนุน 

เอารูปขนมไทยโบราณอีกชนิดหนึ่งมาให้ชม    ขนมกง เป็นขนมมงคลสำหรับงานแต่งงานมาแต่สมัยโบราณ   


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 03 พ.ค. 11, 20:08
ขนมลิ้นแมวที่ว่า เป็นขนมที่ได้อิทธิพลตะวันตกหรือเปล่าครัย

เพราะพบสูตรในเว็ปไซด์พันทิพย์ ได้มีการกล่าวถึงส่วนผสมและวิธีทำของขนมลิ้นแมว

ต่อไปนี้เป็นสูตรการทำขนม

ดูคล้ายๆคุกกี้ลิ้นแมว

ติดตามได้จากเว็ปไซด์ต่อไปนี้ http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2008/09/D6951242/D6951242.html





กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 พ.ค. 11, 20:10
ขนมเก่าแก่โบราณอีกอย่างหนึ่งคือขนมกลีบลำดวน  รูปร่างเหมือนดอกลำดวน


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 พ.ค. 11, 20:12
ตอบคุณหาญบิง
อาจเป็นได้ว่าขนมลิ้นแมวฝีมือตระกูลบุนนาคมีเค้ามาจากขนมฝรั่ง   แต่เขาไม่ได้ม้วนอย่างในสูตรที่คุณนำมาลง  คิดว่าละเลงให้บางเหมือนขนมเบื้องแต่แผ่นเล็กๆ ค่อนข้างกลม  เหมือนในรูป   


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 03 พ.ค. 11, 20:27
ไหนๆก็ไหนๆ ผมเอาวิธีทำขนมกงที่พบจากเว็ปพันทิพย์มาลงต่อด้วย

ดูได้จากเว็ปไซด์ต่อไปนี้ http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2008/09/D6951242/D6951242.html

เป็นสูตรของหม่อมเจ้าหญิงสิบพัน โสนกุล


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: bangplama ที่ 03 พ.ค. 11, 21:31
วันนี้ลองถามเพื่อนอีกว่าใครเป็นคนรับช่วงสูตรขนมนี้มา
เพื่อนบอกว่า"ก็พ่อตากูเป็นคนไปสอนทำ" พ่อภรรยาที่ว่าชื่อ ประดิษ(ไม่มี"ฐ์") บุนนาค
ขนมนี้ยังมีขายอยู่แถวๆ เจริญพาสน์


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 พ.ค. 11, 21:36
^
สงสัยจะแหล่งเดียวกัน


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 พ.ค. 11, 08:13
เพื่อนที่อเมริกาอยากกินข้าวแต๋น    พอส่งไปให้เขาบอกว่าเป็นขนมนางเล็ด  ไม่ใช่ข้าวแต๋น    เลยไม่รู้ว่าสองอย่างนี้แตกต่างกันอย่างไร
ใครทราบบ้างคะ


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 พ.ค. 11, 08:55
ผ่านเพชรบุรีทีไรเป็นต้องแวะซื้อ
ขนมหม้อแกง


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 04 พ.ค. 11, 09:50
วันนี้ลองถามเพื่อนอีกว่าใครเป็นคนรับช่วงสูตรขนมนี้มา
เพื่อนบอกว่า"ก็พ่อตากูเป็นคนไปสอนทำ" พ่อภรรยาที่ว่าชื่อ ประดิษ(ไม่มี"ฐ์") บุนนาค
ขนมนี้ยังมีขายอยู่แถวๆ เจริญพาสน์

เรียนถามคุณbangplama ค่ะ
ร้านที่ขายชื่ออะไรคะ และอยู่ตรงไหนของเจริญพาสน์ คะ
พูดถึงขนมลิ้นแมวกันจนอยากลองซื้อหามารับประทาน ค่ะ  ;D


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 พ.ค. 11, 09:54
ใจตรงกันค่ะ    ถ้ารู้จักร้าน  ก็จะไปเจริญพาสน์เหมือนกัน
กินกับกาแฟ เข้ากันมากค่ะ  คุณ DD


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: bangplama ที่ 04 พ.ค. 11, 15:33
สอบถามเพื่อนแล้วครับ เพื่อนบอกว่าของเจ้านี้ไม่มีวางขายแล้ว
แต่ไม่ทราบว่าแถวนั้นมีเจ้าอื่นทำขายอยู่อีกหรือไม่
เพื่อนบอกว่าภรรยาจะเป็นคนสั่งทำ แล้วเพื่อนผมมีหน้าที่ขับรถไปรับขนม


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: bangplama ที่ 04 พ.ค. 11, 17:21
มีข่าวดีแจ้งให้ทราบว่าไม่ต้องไปฝั่งธนบุรี เพราะ ลูกสาวของคุณประดิษ
ยังทำขนมลิ้นแมว เยลลี่ และคัสตาร์ด ขายอยู่ที่ตลาดบองมาร์เช่ ครับ


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 04 พ.ค. 11, 18:05
 ;D ดีจังเลย ตลาดบองมาร์เชไปบ่อย ชื่อร้านอะไรคะ  ;D


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 04 พ.ค. 11, 19:39
ต้องเปิดอ่านกระทู้นี้ดูขนมทุกวันเชียว หน้าตาขนมไทยวันนี้ เปลี่ยนไปมากนะคะ

รูปกลีบลำดวนที่อาจารย์เทาชมพูนำมาลง เป็นสีธรรมชาติ และ ดูแล้วหอมเทียนอบน่าทานกว่าแบบปัจจุบันที่ใส่สีสารพัด 
สวยไปอีกแบบ

ขนมลิ้นแมว สมัยก่อนเคยเห็นขายแถวบ้านค่ะ (ซอยร่วมฤดี) แต่เราเรียกกันว่าขนมไข่กรอบ

ขนมที่อยากกินมาก และหาไม่ได้ ถามใครก็ไม่มีใครรู้วิธีทำ คือ ตังเมหลอด ที่กินกับแป้งโรตีค่ะ

เวลาจะห่อ ต้อเอาตังเมมาทั้งแพวางลงไปแล้วก็แป้งพัน น้ำตาลจะกรอบซุยร่วนที่เดียว

อยากทราบมากว่า เขาทำน้ำตาลนั้นกันอย่างไร มหัศจรรย์มากสำหรับดิฉันค่ะ

ใครมีวิธีทำมาเล่าสู่กันฟัง จะเป็นพระคุณค่ะ และที่สำคัญ หาซื้อทานได้ที่ไหนอีกบ้าง


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 พ.ค. 11, 19:49
ไม่น่ามาเตือนความหลังให้คิดถึงตังเมหลอดเลยค่ะ   ไม่ได้กินมาหลายสิบปีแล้ว   :'(

มีอีกอย่างที่เคยกินตอนเด็กๆ  ไปยืนมองคนขายเทน้ำตาลลงไปในเครื่องปั่น  สักครู่ก็จะมีละอองเหมือนใยสำลีสีสวยๆ ผุดขึ้นมา เขาก็เอาไม้แหย่ลงไปเป็นแกนให้ใยนั้นจับเป็นก้อนพองฟู  ใหญ่พอสมควร ส่งให้เรา
หลังๆก็พัฒนามาใส่ถุงพลาสติคแทน


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 พ.ค. 11, 19:51
ใครยังจำโรตีสายไหมได้บ้าง


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 พ.ค. 11, 19:53
น้ำตาลเป่าแบบนี้ละค่ะที่ถูกห้ามกิน   ไปเจอรูปเลยเอามาลงอีกครั้ง  แม้ว่าเคยคุยกันมาแล้วในกระทู้นี้
ก็เพราะเป็นของต้องห้ามนี่แหละ จึงยังคิดถึงจนบัดนี้


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: bangplama ที่ 05 พ.ค. 11, 10:21
^
เคยได้ลิ้มรส ปีละครั้งเมื่อยังเป็นเด็ก จะมีคนขายที่มากับคณะงิ้วประจำปี
ตลาดบางยี่หน ไปยินรอก็ดูเขาทำ ตื่นตาตื่นใจดี เตี่ยก็ยอมให้ซื้อได้เพราะไม่ได้กินทุกวัน
คงไม่ทำให้ฟันผุหรอก


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 พ.ค. 11, 13:43
นึกออกแล้วว่าเจ้าของบ้านบุนนาค ที่มีตำรับขนมลิ้นแมวคือใคร
   
ท่านชื่อคุณหญิงอรสุมพลาภิบาล  (อายุยืน บุนนาค)  เป็นธิดาพระยาราชานุประพันธ์ (ทุ้ย บุนนาค)   คุณหญิงสมรสกับพระยาอรสุมพลาภิบาล (เด่น บุนนาค) เจ้ากรมพระธรรมนูญ กระทรวงทหารเรือ   
ท่านเป็นแม่เลี้ยงของคุณประดิษ ที่คุณ Bangplama เล่าถึงไงคะ

ถ้าคุณดีดีหาร้านขายที่บองมาเช่ไม่เจอ   ลองไปทำรับประทานเองก็ได้  มีวิธีทำอยู่ในลิ้งค์นี้
http://www.nuihome.com/?p=1137


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 พ.ค. 11, 15:49
ขนมโบราณอีกอย่างที่เกือบลืมนึกถึงไปแล้ว  คือกระเช้าสีดา   ขนมที่ใส่ในกระเช้าคือมะพร้าวแก้ว


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 05 พ.ค. 11, 21:17
แวะมาคว้าขนมกินค่ะ

คุณ Han Bing ขา หากสามารถหาวิธีทำตังเมกรอบ ที่ห่อกับโรตีกินเหมือนโรตีสายไหมได้ จะเป็นพระคุณยิ่งค่ะ
หวังว่าคนจีนในแผ่นดินใหญ่จะยังจำและ ทำได้ มันสาปสูญไปจากประเทศไทยนานมาก


 



กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 พ.ค. 11, 22:04
ใครเคยกินขนมดอกโสนบ้างคะ


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: bangplama ที่ 06 พ.ค. 11, 09:19
ขนมดอกโสนยังหารับประทานได้อยู่ครับ
เมื่อสมัยยังเป็นเด็กก็เคยพายเรือเก็บดอกโสนตามชายคลอง
นำไปต้มจิ้มน้ำพริกมากกว่าจะนำมาทำเป็นขนม


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 พ.ค. 11, 10:02
ดอกโสนยังมีอยู่สองข้างเมื่อไปชานเมืองด้านพุทธมณฑล    ออกดอกเหลืองไสวอยู่ตามที่ดินว่างๆ ข้างทาง  แต่อีกไม่นานเมื่อตึกแถวและหมู่บ้านจัดสรรตามมาเต็มเนื้อที่    ดอกโสนคงหายไปหมด     อดกินกันทั้งขนมดอกโสนและดอกโสนจิ้มน้ำพริก


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 พ.ค. 11, 10:07
ข้าวตู  เอามาลงในกระทู้หรือยังคะ


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 พ.ค. 11, 13:40
ขนมไป๋ หรือขนมถาดเกสร


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: bangplama ที่ 06 พ.ค. 11, 15:39
"ท่านเป็นแม่เลี้ยงของคุณประดิษ"
จริงๆแล้วคุณประดิษเป็นลูกของภรรยาลำดับที่๓ของพระยาอรสุมพลาภิบาล (เด่น บุนนาค) เจ้ากรมพระธรรมนูญ กระทรวงทหารเรือ   
แต่คุณหญิงอรสุมพลาภิบาล  (อายุยืน บุนนาค) ท่านเป็นภรรยาใหญ่


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 พ.ค. 11, 15:42
ก็เป็นแม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยงนั่นแหละค่ะ  เพราะท่านเป็นภรรยาของเจ้าคุณพ่อ แต่ไม่ใช่แม่คุณประดิษ


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 06 พ.ค. 11, 15:53
จากข้าวน้ำนมสีเขียว กลายเป็น "ขนมข้าวเม่าคลุก" หอมกลิ่นข้าว


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 06 พ.ค. 11, 15:55
"ไข่ในรัง" หรือ "ฝอยเงิน"
๑. นำไข่ขาวมากรองด้วยผ้าขาวบาง พักไว้
๒. ใส่น้ำตาล น้ำลงในกระทะทอง   ตั้งไฟจนเดือด  ใส่ไข่ขาว ลงในกรวยโรยไข่ โรยลงในน้ำเชื่อมจนเต็มกระทะ ตักขึ้น แช่ไว้ในน้ำเชื่อมใส ทำจนหมด
๓. ตักฝอยเงินขึ้นจากน้ำเชื่อมใส พักให้สะเด็ดน้ำเชื่อม  จึงนำ มาจัดเรียงลงในถ้วยตะไล   โดยให้มีลักษณะเหมือนรังนก นำไปผึ่งลมให้แห้ง   จึงแกะออกมาวางแล้วใส่ไข่แมงดา ลงไปในรัง รังละ  10-15 ฟอง   โดยให้มีลักษณะพูน ๆ จึง จะสวยงาม


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 06 พ.ค. 11, 15:57
ขนมจี่


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 06 พ.ค. 11, 15:58
ครองแครงกรอบ ผมชอบทานครับ เผ็ดพริกไทยดี


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 06 พ.ค. 11, 16:00
ขนมต้ม แสนอร่อย มีมาแต่กรุงสุโขทัย


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 พ.ค. 11, 16:01
^
ทุกอย่างน่ากินมากค่ะ  ขอแลกกับข้าวกระยาสารท


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 06 พ.ค. 11, 16:04
 ;D กระยาสารทก็ชอบครับ จัดให้ "ขนมละอองฟ้า" ชื่อเพราะมาก

๑ ผสมแป้งข้าวเจ้ากับกะทิ จนแป้งพอรวมตัวกัน (แต่อย่าให้ แป้งเละจะยีไม่ได้) นำนำยีผ่านตะแกรงลงบนผ้าขาวบาง ที่ชุบน้ำบิดพอหมาด ๆ นำไปนึ่งน้ำเดือดไฟแรง 25 นาที ยกลง
๒ ใส่น้ำลอยดอกมะลิ น้ำตาล ลงในหม้อ ตั้งไฟ พอเดือด ยก ลง กรองด้วยผ้าขาวบาง ทิ้งไว้ให้เย็น เก็บเป็นส่วนน้ำเชื่อม
๓ ขนมสุก (ส่วนผสมข้อ 1 ) เทใส่ชาม ใส่น้ำเชื่อมลงผสม คนให้ทั่ว ปิดฝาทิ้งไว้ 20 นาที เปิดฝาก็จะเห็นแป้งฟูขึ้น เอาส้อมเขี่ยให้ขนมฟูขึ้นอีก
๔ นำขนมที่ฟูดีอบด้วยควันเทียนให้หอม รับประทานกับมะพร้าวทึนทึก
 



กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 พ.ค. 11, 16:04
ครองแครงกะทิ ก็น่ากินพอๆกับครองแครงกรอบ


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 06 พ.ค. 11, 16:07
ขนมนี้โบราณมาก อ.เทาชมพูเคยเห็นไหมครับ เคยเห็นแบบนี้แต่เป็น "เปลือกส้มโอสีขาวๆ นำมาเชื่อมให้แข็ง"

"ขนมฟักเขียว"
๑ ผสมแป้งมัน แป้งข้าวเจ้า แป้งเท้ายายม่อม ลงในชามผสม ใส่หัวกะทิ 1/3 ถ้วย นวดนาน 15 นาที ใส่น้ำตาล นวดต่อจนน้ำตาลละลาย
๒ใส่ฟักเขียว หัวกะทิที่เหลือ เกลือ ผสมให้เข้ากัน
๓ ใส่น้ำในก้นลังถึง 3/4 ตั้งไฟให้เดือด นำถ้วยตะไลหรือถ้วยนึ่งให้ร้อนจัด ตักขนมหยอดให้เต็ม นึ่ไฟกลาง ประมาณ 15-20 นาที จนสุก


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 06 พ.ค. 11, 16:10
นี่เลย ฤดูทุเรียนออกแล้ว กินกันให้พุงหลามไปเลย  ;)

"ข้าวเหนียวทุเรียน"


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 06 พ.ค. 11, 16:15
ขนมปุยฝ้าย รู้จักตั้งแต่วัยเยาว์เลย ป้าผมทำอร่อยมาก ด้วยเคยเรียนการเรือนกับเจ้าจอมสมัยรัชกาลที่ ๕ ทำทีไรหอมกลิ่นแป้งขนมอบอวล
ปุยฝ้ายจะให้หน้าแตกสวย เขามีเคล็ดลับ เอามะนาวทาหน้าขนมตอนนึ่ง เท่านี้ก็งามแล้ว

(เคยอ่านสูตรในแม่ครัวหัวป่าก์ ของเจ้าคุณภาสกรวงศ์ฯ ใช้ส่วนผสมที่สมัยนี้ไม่ทำแล้ว คือ การเอาลิ้นทะเลมาบดผสม ลิ้นทะเลคือกระดองของปลาหมึก)


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 พ.ค. 11, 16:23
คุณแม่ดิฉันทำขนมปุยฝ้ายอร่อย   แต่ไม่ได้ใช้น้ำมะนาวทาหน้าขนมให้แตก  ท่านทำง่ายๆคือใช้มีดกรีดเอา  มันก็แตกจริงๆ
ไม่เคยกินขนมฟักเขียว  แต่เคยกินเปลือกส้มโอแช่อิ่ม
เป็นคนไทยอาภัพ เพราะไม่กินทุเรียน(คนทั้งบ้านเขากินกันทั้งนั้น) เลยไม่เคยกินข้าวเหนียวน้ำกะทิทุเรียนค่ะ   คนอื่นๆเขากินกัน เราก็ได้แต่เลี่ยงไปกินข้าวเหนียวสังขยาแทน
สังขยาฟักทอง ก็น่ากินนะคะ


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 06 พ.ค. 11, 17:29
ข้าวเหนียวเปียกลำไยค่ะ... ;D


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 06 พ.ค. 11, 17:41
ขนมถ้วยค่ะ  ;D
หน้าตายังเหมือนเดิม แต่ความรู้สึกไม่เหมือนเดิมค่ะ

จำได้ว่าเมื่อก่อนจะมีแม่ค้า หาบขนมถ้วยมาขายที่หน้าบ้าน
พวกเด็กๆ ต้องนั่งยองๆ ล้อมวงรอบหาบ แล้วมือหนึ่งถืออาวุธเป็นพายอันเล็กๆ ค่ะ
แล้วก็เอื้อมมือหยิบถ้วยตะไลที่มีขนมหน้าสีขาวกะทิมันย่อง มาค่อยๆ เอาไม้พายแคะ
ตักรับประทาน เวลาทานต้องทานพร้อมกันทั้งตัวสีน้ำตาลอ่อนที่มีรสหวาน และหน้าสีขาวกะทิที่มีรสมันเค็ม
เสร็จแล้ววางถ้วยซ้อนๆ กัน แล้วหยิบถ้วยใหม่มาทาน จนถ้วยเป็นตั้งสูงเกือบล้ม
อร่อย และสนุกมากค่ะ...

เดี๋ยวนี้ไม่มีหรอกค่ะที่จะได้ตักรับประทานเดี๋ยวนั้น
แม่ค้าจะแคะใส่กล่องโฟมไว้ให้เสร็จเรียร้อยแล้ว พร้อมช้อนพลาสติกหรือไม้จิ้มหนึ่งอัน
เราก็แค่จ่ายตังแล้วก็หิ้วกลับไปทานที่บ้าน....


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 06 พ.ค. 11, 17:48
ขนมพระพาย ค่ะ  ;D
เป็นขนมที่ใช้ในพิธีแต่งงานใช้แป้งข้าวเหนียวนวดกับน้ำดอกมะลิ ใส่สีต่างๆ
หุ้มไส้ที่ประกอบด้วยถั่วเขียวเลาะเปลือกบดละเอียด ผสมกับกะทิ และน้ำตาล
ปั้นเป็นก้อนกลมๆ เมื่อหุ้มเสร็จแล้ว นำมาวางบนใบตองที่ตัดเป็นแผ่นกลมๆ นึ่งจนสุก พรมด้วยหัวกะทิ


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 06 พ.ค. 11, 17:55
ปลาแห้งกะแตงโมค่ะ ...เป็นขนมหรือเปล่าเอ่ย...


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 06 พ.ค. 11, 17:57
ประเภทเดียวกันค่ะ หน้าร้อนๆ ทานแล้วชื่นใจ
ม้าฮ่อ.... ;D


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 06 พ.ค. 11, 18:00
จัดให้อีกจานค่ะ
มังกรคาบแก้ว...


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 06 พ.ค. 11, 18:08
ทานเล่นอีกจานค่ะ..
ข้าวตังเมี่ยงลาว...ชอบค่ะ

ยังจำรสชาติ เมี่ยงลาว ที่เคยทานตอนเด็กๆ ได้
เปรี้ยวผักดอง หวานน้ำตาลปึก และกรอบมันกากหมูใหม่ๆ
ทานคู่กับข้าวตังทอดใหม่ๆ หอมๆ โอ้ย! อร่อยมากกกก

เดี๋ยวนี้เพี้ยนไปจนไม่กล้าซื้อทานเลยค่ะ... :(


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 พ.ค. 11, 20:01
เมี่ยงลาว มี 3 รสคือเปรี้ยวปนเค็มของผักกาดดอง และหวานของน้ำตาล    เดี๋ยวนี้มีแต่ออกหวาน
ส่วนข้าวตังก็คือข้าวตังจริงๆ    ทอดเหลืองกรอบ  ไม่ใช่ข้าวเกรียบญี่ปุ่น


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 พ.ค. 11, 20:05
ที่จริงพวกข้าวตังเมี่ยงลาว  ข้าวตังหน้าตั้ง   สาคูไส้หมู ข้าวเกรียบปากหม้อ  หรุ่ม  ล่าเตียง ฯลฯ  คือพวกที่มีรสคาวๆพวกนี้จัดเป็นของว่าง   ไม่ใช่ของหวานหรือขนม 
แต่จะเอามาไว้ในกระทู้นี้ก็ได้ค่ะ  รำลึกความหลังถึงอาหารไทยรสชาติดั้งเดิมที่หากินยากแล้ว
เคยกินขนมถ้วยแบบที่คุณ DD เล่ามา สัก 20 ปีก่อนหน้านี้ค่ะ

เอาขนมหยกมณีมาวางไว้กลางวง


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 06 พ.ค. 11, 23:43
^
เห็นขนมหยกมณี ชวนให้นึกถึง "แม่มณี" กับ "คุณหลวงเทพฯ" ในทวิภพ ซึ่งทะลุมิติข้ามกาลเวลามาช่วยคลี่คลายปัญหา ร.ศ. ๑๑๒ แม่คุณหลวงเทพฯ ได้ทำขนมหยกมณีเพื่อรับลูกสะใภ้ (แม่มณี)  ;)


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 พ.ค. 11, 08:26
จำแม่นจริง  :D

ขนมโก๋ เมื่อก่อนไม่มีรูปร่างสีสันสวยงามอย่างตอนนี้   เป็นขนมแป้งขาวๆสากๆ  กินแล้วฝืดคอ


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 07 พ.ค. 11, 19:30
เห็นมังกรคาบดาบของคุณ D:D: เลยมางาบ...ไปชิม ยังไม่ทันหมดคำ ก็มีขนมใหม่ ๆ มาอีก

กินแล้วต้องร้องเพลง ช้าง ๆ ๆ ๆ ๆ น้องเคยเห็นช้างหรือเปล่า


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 พ.ค. 11, 19:36
รวมมิตรถ้วยนี้เอามาฝากคุณร่วมฤดีค่ะ   ร้องเพลงช้างๆๆๆ จบแล้วก็เชิญรับประทานได้เลย


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 พ.ค. 11, 19:38
ขนมขี้หนู  ลืมไปได้ยังไง


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 พ.ค. 11, 19:42
ขนมสาลี่ เมื่อก่อนเป็นรูปสี่เหลี่ยมสีชมพูสด แบบเดียว   เดี๋ยวนี้หลากสีสัน มีลูกเกตด้วย


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 07 พ.ค. 11, 20:17
สาลี่สมัยใหม่ ไม่มีกลิ่นนมแมวกันแล้ว ใครหาที่ไหนทำแบบใส่นมแมว แจ้งด่วน...
(ถามแมวที่บ้านแล้ว เขาว่า"ผมเป็นผู้ชายเลยไม่รู้คำตอบฮะ....")

กินขนม แล้วก็อยากฟังดนตรีไทยบ้าง เรือนไทย-ศิลปะวัฒนะธรรม ยังขาดแหล่งความรู้เกี่ยวกับดนตรีไทย

อ้อนวอนพระเจ้าให้ประทานผู้รู้มาให้สักคนเถิด จะได้ครบถ้วยกระบวนความ


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 พ.ค. 11, 11:43
เคลิ้มตามคุณร่วมฤดี   ถ้ากินขนมไทย (รวมของว่างและของหวาน)บนนอกชานเรือนไทย ที่เจาะเพดานให้ต้นจันทน์ขึ้นมาแผ่สาขาร่มรื่นในยามบ่าย   นั่งอยู่ตรงช่องลมโกรกสบายระหว่างหอนั่งกับหอนอน
มีจะเข้เดี่ยวเพลงพัดชา  หรือลมพัดชายเขา   คงคลายร้อนเดือนพฤษภาคมลงไปได้มาก

ของหวานชามนี้ เป็นปรปักษ์อย่างยิ่งกับความผอม (และเป็นมิตรดียิ่งของความอ้วน)  จึงกินได้แต่ตอนเด็กๆ   
คุณแม่ราดน้ำหวานเฮลบลูบอย รสสละ ลงไปบนเกล็ดน้ำแข็งไสละเอียด   ราดนมข้นตามลงไป โรยขนมปังปอนด์หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ   
ไว้เป็นความสุขยามบ่าย ในหน้าร้อน 

ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติฯ  มีร้านอาหารแบบบุฟเฟ่ต์อยู่ร้านหนึ่ง  เป็นร้านกว้างขวางอยู่สุดหอประชุม      มีของหวานแบบนี้ละค่ะ   ให้ตักผสมกันเอง    ต้องกัดฟันเดินผ่านไปจิ้มผลไม้ใส่จานแทน


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 08 พ.ค. 11, 11:56
สาลี่สมัยใหม่ ไม่มีกลิ่นนมแมวกันแล้ว ใครหาที่ไหนทำแบบใส่นมแมว แจ้งด่วน...
(ถามแมวที่บ้านแล้ว เขาว่า"ผมเป็นผู้ชายเลยไม่รู้คำตอบฮะ....")

กินขนม แล้วก็อยากฟังดนตรีไทยบ้าง เรือนไทย-ศิลปะวัฒนะธรรม ยังขาดแหล่งความรู้เกี่ยวกับดนตรีไทย

อ้อนวอนพระเจ้าให้ประทานผู้รู้มาให้สักคนเถิด จะได้ครบถ้วยกระบวนความ


ดูกระทู้ขนมหอมหวานไปด้วย ฟังเพลงระนาดลาวดวงเดือนไปด้วย บรรยากาศเย็นใจดีครับ
http://www.youtube.com/watch?v=NwZZfbXdXN4&feature=related


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 08 พ.ค. 11, 17:03
อุ๊ย.....ชอบมาก ๆ  ๆ ค่ะ ขอบพระคุณเหลือเกินสำหรับลาวดวงเดือนค่ะ

เรือนไทยมีใครเล่นดนตรีไทยไหมเอ่ย ใครอธิบายศัพท์แสงทางดนตรีไทยให้ฟังได้บ้าง แวะเข้ามาบ้างนะคะ
 หน้าทับปรบไก่งี้ เพลง เถา เพลงตับ อูย อารายกันบ้างก็ไม่รู้ ไม่มีความรู้เอาเลยค่ะ

ดีแต่เสพด้วยโสตะประสาทเท่านั้น เฮ้อ...ทำไมรู้น้อยยังงี้


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 พ.ค. 11, 21:10
ใครในกระทู้นี้ ยังทันกินทอฟฟี่ไทยห่อด้วยกระดาษแก้วหลากสีแบบนี้บ้างคะ  มีหลายรส  เข้มข้น หวานมัน และหวานจัด
เชื่อว่าคุณร่วมฤดีคงรู้จัก  อาจจะเคยกินทอฟฟี่ไป ช้อนลูกน้ำไปด้วยอย่างร่าเริงบันเทิงใจ
เป็นขนมหวานที่ทำให้ฟันผุได้ชะงัดนัก


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 พ.ค. 11, 21:25
ขนมชนิดนี้มาจากเมืองจีน   แต่ก็กลายเป็นขนมไทยไปแล้วในสายตาคนไทย   
เมื่อตอนเด็กๆ ดิฉันได้กินเฉพาะตอนตรุษจีน   จะมีคนไทยเชื้อสายจีนที่รู้จักนับถือกันกับทางบ้าน  นำขนมเข่งใส่ถาดมาให้
จำได้แต่ว่าแป้งขนมเข่ง  หนืดๆ เหนียวๆ  มีรสหวานหน่อยๆ
คุณหาญบิงคงรู้จักขนมเข่งดี    ในประเทศจีน มีขนมเข่งสูตรเดียวกับในไทยหรือเปล่าคะ   หรือว่าเปลี่ยนแปลงไปแล้ว


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: Maneerat ที่ 08 พ.ค. 11, 21:55
ชอบทาน ขนมทองหยิบค่ะ  ใครมีสูตรรบกวนด้วยนะคะ


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 พ.ค. 11, 09:29
กระทู้นี้ทำให้ความทรงจำเรื่องขนม ที่เคยกินสมัยเด็ก พรั่งพรูกลับมา
ล่าสุดนึกถึงขนมชนิดหนึ่ง เป็นแป้งยาวบิดเป็นเกลียว   ลงทอด  เนื้อกรอบๆหวานๆ
นึกชื่อไม่ออก พิมพ์ส่งเดชให้ลุงกู๊กค้นให้ ว่า ขนมเกลียว  ปรากฏว่าใช่จริงๆ


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 พ.ค. 11, 09:32
ชอบทาน ขนมทองหยิบค่ะ  ใครมีสูตรรบกวนด้วยนะคะ

ดิฉันไปเจอสูตรทำทองหยิบในเน็ต

ส่วนผสม

ไข่เป็ด                      ๑๐      ฟอง

น้ำตาลทราย              ๑       กิโลกรัม

น้ำลอยดอกมะลิ          ๕       ถ้วยตวง

วิธีทำ

        ๑. ผสมน้ำ น้ำตาลทราย ตั้งไปให้เดือด พอเหนียว ตักน้ำเชื่อมขึ้นใส่ถาดไว้พอประมาณ ส่วนที่เปลือตั้งไฟต่อไป

        ๒. แยกไข่แดง ไข่ขาว

        ๓. ตีไข่แดงให้ขึ้น ไข่จะเปลี่ยนเป็นสีนวล

        ๔. ตักไข่ที่ตีได้ที่แล้วหยอดลงในน้ำเชื่อม  ที่ตั้งอยู่บนไฟอ่อน  ให้เป็นวงกลม   พอสุกกลับอีกด้านหนึ่งลง

        ๕. ตักแผ่นทองหยิบขึ้นวางในน้ำเชื่อมที่เตรียมไว้ ใช้นิ้วหัวแม่มือ นิ้วกลาง นิ้วชี้ ของมือซ้าย หยิบไข่ ตามด้วย

           นิ้วหัวแม่มือนิ้วชี้ ของมือขวา หยิบขึ้นใส่ในถ้วยตะไล

 http://www.thaigoodview.com/library/studentshow/st2545/5-6/no16/thongyip1.html


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 09 พ.ค. 11, 09:59
เห็นขนมเกลียวแล้วชวนให้นึกถึง "ขนมก้านบัว" ขนมนี้น่าจะรับแบบอย่างมาจากจีน เช่นเดียวกัน


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 พ.ค. 11, 12:28
ขนมทองพลุ เป็นขนมที่ชอบมากตอนเด็ก  ฝีมือคุณแม่  กินกับนมข้นหรือน้ำเชื่อมก็ได้
ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ บอกว่ามาจากเอแคลร์ของฝรั่ง
จำได้ถึงกระทะที่ใส่น้ำมัน ตั้งไฟจนร้อน   แล้วคุณแม่ก็ตักแป้งที่ผสมแล้ว หยอดลงไปเป็นลูกกลมๆ  มันจะพองฟูขึ้นมาเป็นลูกสีเหลืองทอง ก็เขี่ยขึ้นมาวางใส่จาน

ส่วนผสม

แป้งสาลี 1 ถ้วยตวง
เนย 3 ช้อนโต๊ะ
ไข่ไก่ 4 ฟอง
น้ำ 1 ถ้วยตวง
เกลือป่น 1/8 ช้อนชา
น้ำมันสำหรับทอด 4 ถ้วยตวง
วิธีทำ :
1. ผสมน้ำ เกลือป่น เนย ใส่กระทะทอง ตั้งไฟให้เดือด ปิดไฟ
2.ร่อนแป้งลงในเครื่องปรุงตามข้อ 1 คนอย่างเร็ว
3.ใส่ไข่ไก่ทั้งฟอง จำนวน 3 ฟอง และไข่แดง 1 ฟอง คนให้เข้ากัน
4.ใส่น้ำมันในกระทะตั้งไฟกลางจนน้ำมันร้อน ตักหยอดทีละลูก เมื่อสุกเหลืองแล้วตักขึ้น
5. รับประทานกับน้ำเชื่อม ผสมกับน้ำ 1 ถ้วยตวง ตั้งไฟเคี่ยวจนเหนียว ใส่น้ำหวานสีแดง ให้มีสีสวยตามชอบ

http://www.thaigoodview.com/library/studentshow/2549/m6-4/no16-20-34/kanomthai/sec16p03.htm


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 พ.ค. 11, 17:23
ลืมขนมที่ทำง่าย มีวัตถุดิบให้ทำง่ายกันทุกบ้านไปได้ยังไง
เมื่อก่อนนี้   เกือบทุกบ้าน ไม่ว่าใหญ่เล็กยังไงก็ยังมีเนื้อที่พอปลูกต้นกล้วยไว้หลังบ้าน     ใช้ประโยชน์ได้สารพัด    ดิฉันยังจำได้ถึงวันเวลาที่คนขายหมูห่อเนื้อหมูใส่ใบตอง ผูกเชือกกล้วยให้คนซื้อหิ้วกลับ      ซื้อเศษเนื้อไปต้มให้หมา   คนขายก็กวาดเศษเนื้อชิ้นเล็กชิ้นน้อย ใส่กระทงใบตองใบใหญ่ส่งมาให้     
ของหวานที่มีกล้วยเป็นส่วนประกอบ ไม่ต้องไปหาซื้อที่ไหน  กล้วยน้ำว้า กล้วยไข่ จากต้นมีให้กินเสมอ  แม้กระทั่งกล้วยหักมุกเผา กินเวลาป่วย กินอะไรอื่นไม่ได้ ถูกห้ามว่าแสลงไปหมด 

ขนมกล้วยก็เลยทำง่าย หาง่าย เสียจนเบื่อไปเลย 
เดี๋ยวนี้ ดงกล้วยหลังบ้านคงหายากแล้วละมังคะ  โดยเฉพาะในเมืองหลวง


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 พ.ค. 11, 17:24
ชอบกล้วยเชื่อมที่เป็นสีน้ำตาลไหม้แบบนี้ค่ะ


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 พ.ค. 11, 17:24
ของหวานที่ไม่เคยตกยุค  กล้วยบวชชี


กระทู้: ขนมไทยแม่เอ๊ย
เริ่มกระทู้โดย: ลุงไก่ ที่ 08 ก.ค. 11, 14:56
ขนมตาล พื้นบ้านง่ายๆ

เรื่องทำขนมหวาน ไม่ใช่งานของเรา ... ก็เพราะทำไม่เป็นสักอย่างน่ะครับ

ได้เรื่องวิธีทำขนมตาลมาฝาก

http://www.oknation.net/blog/pajondotcom/2011/07/07/entry-1