เรือนไทย

General Category => ภาษาวรรณคดี => ข้อความที่เริ่มโดย: นิลกังขา ที่ 19 พ.ย. 03, 17:46



กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 19 พ.ย. 03, 17:46
 กระทู้เดิมของคุณ Paganini ผมขอยกมาตั้งต่อตรงนี้ครับ

ใครชอบวรรคทองบทไหนอีกบ้างครับ

ตอนนี้ผมกำลังคิดถึงบทขับในเวนิสวาณิช พระราชนิพนธ์แปล ร. 6 จากผลงานเดิมของเชกสเปียร์ (จากความจำนะครับ ขออภัยถ้าตกหล่น)

... ความเอยความรัก
เริ่มสมัคชั้นต้น ณ หนไหน?
แรกเพาะเหมาะกลางหว่างหัวใจ
หรือเริ่มในสมองตรองจงดี
เมื่อจะเกิดเป็นไฉนใครรู้บ้าง
อย่าอำพรางตอบสำนวนให้ควรที่
ใครถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงรตี
ผู้ใดมีคำตอบขอบใจเอยฯ

...ตอบเอยตอบถ้อย
เกิดเมื่อเห็นน้องน้อยอย่าสงสัย
ตาประสบตารักสมัคไซร้
เหมือนหนึ่งให้อาหารสำราญครัน,
แต่ถ้าแม้สายใจไม่สมัค
เหมือนฆ่ารักเสียแต่เกิดย่อมอาสัญ
ได้แต่ชวนเพื่อนยามาพร้อมกัน
ร้องรำพันสงสารรักหนักหนา เอยฯ

เชกสเปียร์เป็นกวีเอกของโลกผู้เห็นซึ้งถึงชีวิต ดังนั้นแม้แต่เรื่องรักๆ เชกสเปียร์ก็อภิปรายไว้ได้อย่างลึกซึ้งคมคาย ไม่ใช่แต่เพราะพริ้งอย่างเดียว

นั่นสิ ความรักเกิดที่หัวใจรึว่าสมองหนอ? ที่จริงเรื่องอารมณ์ ความรู้สึกรักๆ ใคร่ๆ นี่ มันน่าจะเป็นเรื่องของหัวใจ แต่ก็ไำม่ใช่หัวใจแท้ล้วนๆ อาจจะเป็นเรื่องต้องตรองต้องคิดด้วยก็ได้ ตามที่คนตอบเขาตอบไว้ รักเกิดที่ตาสบกัน ฟังดูก็หวานเจื้อย แต่ผมรู้ว่าเป็นไปได้จริง ประเภทเห็นกันหนเดียวก็สะดุดหรือกระตุกวูบ แล้วก็ลืมไม่ลง ถ้าไม่เรียกว่ารักแรกพบ ซึ่งเป็นศัพท์ที่อาจจะหวานเลี่ยนไปหน่อย ก็อาจจะเรียกเสียว่าความประทับใจครั้งแรกก็ได้

แต่ความรักนั้นต้องมีสองฝ่าย และต้องยินยอมพร้อมใจกัน บังคับกันไม่ได้ ถ้าแม้ว่าสายใจเธอ "ไม่สมัค(ร)" ก็เป็นอันว่ารักที่เกิดที่ตาก็ดับลงไปตั้งแต่เกิดนั่นเอง หรือถ้าหากฝ่ายหนึ่งใช้สมองมากเกินไป คิดมากกว่ารู้สึก มัวแต่กลัวอยู่ว่าสายใจเธอจะไม่สมัครหรือเธออาจจะมีคนอื่นที่สมัครใจเป็นคู่แล้ว ก็เลยไม่ได้เดินหน้าเสียที ก็มีสิทธิ์ที่จะแห้ว เอ๊ย ก็มีสิทธิ์ที่จะต้อง "ร้องรำพันสงสารรักหนักหนาเอยฯ" ...


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 19 พ.ย. 03, 17:51
 อีกบทที่แว่บๆ เข้ามาในหัวอยู่ตอนนี้ แต่จำไม่ได้หมด ดูเหมือนจะมาจาก ท้าวแสนปม พระราชนิพนธ์ ร. 6 เหมือนกัน

...ในลักษณ์นั้นว่าน่าประหลาด
เป็นชาตินักรบแกว่นกล้า
เหตุไฉนย่อท้อรอรา ...

ต่อไปอีกยาวครับ แต่จำไม่ได้แม่นแล้วเดี๋ยวจะผิด


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 พ.ย. 03, 20:05
 มาต่อให้ค่ะ

ในลักษณ์นี้ว่าน่าประหลาด.............เป็นเชื้อชาตินักรบกลั่นกล้า
เหตุไฉนย่อท้อรอรา.......................ฤาจะกล้าแต่เพียงวาที
เห็นแก้วแวววับที่จับจิต..................ไยไม่คิดอาจเอื้อมให้ถึงที่
เมื่อไม่เอื้อมจะได้อย่างไรมี..............อันมณีฤาจะโลดไปถึงมือ
อันของสูงแม้ปองต้องจิต.................หากไม่คิดปีนป่ายจะได้หรือ
ไม่ใช่ของตลาดที่อาจซื้อ...................ฤาแย่งยื้อถือได้โดยไม่ยอม
ไม่คิดสอยมัวคอยดอกไม้ร่วง............คงชวดดวงบุบผชาติสะอาดหอม
ดูแต่ฝูงภุมรินเที่ยวบินดอม...............จังได้ออมอบกลิ่นสุมาลี

ขอเอามาเสริมอีกบท

โอ้น้ำค้างกลางหาวหนาวละห้อย
อย่าหยดย้อยหยุดบ้างน้ำค้างเอ๋ย
โอ้ดอกดวงพวงพะยอมอย่าหอมเลย
พี่อยากเชยชมชูเรณูนวล

โอ้พระจันทร์อันสว่างกระจ่างแจ้ง
อย่าเข้าแฝงเมฆมนลมบนหวน
ขอชมต่างหน้าน้องละอองนวล
อย่าเพ่อด่วนลับเหลี่ยมเมรุไกร

โอ้ว่าดวงดาราในอากาศ
เดียรดาษแวมวามงามไสว
ลอยประโลมเลื่อมฟ้านภาลัย
เหมือนดวงใจของพี่ที่เลื่อนลอย

พี่อยากได้ดวงดาวอันวาววับ
นึกขยับแล้วขยาดไม่อาจสอย
ชมแต่แสงสุกสว่างอยู่พร่างพร้อย
พี่บุญน้อยนึกปองไม่ต้องการ

ฝีปากคล้ายสุนทรภู่มาก ความจริงเป็นของนายมี ศิษย์สุนทรภู่แต่งไว้ใน "นิราศพระแท่นดงรัง"


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 19 พ.ย. 03, 22:37
 ขอเรียนถามอีกแล้ว 5555  หวังว่าคงจะไม่รำคาญกับนักเรียนคนนี้นะครับคุณเทาชมพู
นิราศพระแท่นดงรัง--ตกลงเป็นข้อยุติแล้วเหรอครับว่าไม่ใช่ของสุนทรภู่
ขอบคุณท่านอาวุโสนิลกังขาครับที่ให้เครดิต จริงๆเป็นกระทู้ของเราทุกคนครับ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 พ.ย. 03, 08:38
 นิราศพระแท่นดงรัง มี 3 เรื่อง  3คนแต่งค่ะ  
เรื่องหนึ่งเป็นผลงานของสุนทรภู่
อีกเรื่องที่ดิฉันยกมา เป็นของนายมี หรือหลวงศุภมาตรา
และสุดท้ายเป็นพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

สำนวนกลอนของนายมี   ไพเราะและลีลาคล้ายกัน  จนทำให้ตอนแรกนักวรรณคดีเข้าใจกันว่าเป็นผลงานของสุนทรภู่
แต่เมื่อค้นพบนิราศพระแท่นดงรังของสุนทรภู่  จึงได้รู้ว่า เป็นคนละคนกัน

ขอยกมาอีกตอนที่ขึ้นชื่อที่สุดนะคะ

โอ้สงสารสุริยาฟ้าพยับ
จะเลื่อนลับยุคุนธรศิงขรเขา
พระอาทิตย์ดวงเดียวเปลี่ยวเหมือนเรา
กำสรดเศร้าโศกมาเอกากาย

ถึงมีเพื่อนเหมือนพี่ไม่มีเพื่อน
เพราะไม่เหมือนนุชนาฏที่มาดหมาย
มีเพื่อนเล่นก็ไม่เหมือนกับเพื่อนตาย
มีเพื่อนชายก็ไม่เหมือนกับเพื่อนชม

ถึงจะมีวิมานสถานทิพย์
ให้ลอยลิบเลิศมนุษย์สุดประถม
ถ้าไม่มีคู่เคียงเรียงภิรมย์
จะเตรียมตรมตรึกหาเป็นอาจิณ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 20 พ.ย. 03, 12:16
 ขอบคุณครับคุณเทาฯ (ที่ส่งสาส์นรักมาให้ผมแทนนางอุษา...)

เป็นอันว่า ปีนก็ปีน?

แต่ยังกลัวตกต้นไม้ครับ ขอส่งอีกบทเข้าประกวด

เจ้าของตาลรักหวานขึ้นปีนต้น
ระวังตนตีนมือระมัดมั่น
(จำไม่ได้-)
ถ้าพลั้งพลันอกหัก เอ๊ย เจ็บอกเหมือนตกตาลฯ

ของครูสนุทรภู่อีกใช่ไหมครับ เดิมท่านแต่งไว้ในบริบทอีกอันหนึ่ง ดูเหมือนเรื่องอย่าหลงลมปากคนปากหวานไม่จริงใจอะไรนี่แหละ แต่ผมขออนุญาตครูท่านเอามาตีความใหม่ก็แล้วกัน ไหนๆ ก็มีพูดถึงป่ายๆ ปีนๆ ระวังตกต้นไม้ และเจ็บอก อยู่ด้วยแล้วนี่

ขอบคุณสำหรับสำนวนกลอนของเสมียนมีด้วยครับ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 พ.ย. 03, 13:16
 เจ้าของตาลรักหวานขึ้นปีนต้น
ระวังตนตีนมือระมัดมั่น
เหมือนคบคนคำหวานรำคาญครัน
ถ้าพลั้งพลันเจ็บอกเหมือนตกตาล
ค่ะ

คุณนิลกังขาคะ  ดิฉันไม่ได้ส่งสาส์นรักให้คุณแทนนางอุษานะคะ  
ถ้าหากว่าจะส่งเมื่อไรละก็  คงเป็นอันนี้แทนค่ะ

ไม่คิดสอยมัวคอยดอกไม้ร่วง............คงชวดดวง- -ชาติสะอาดหอม
ดูแต่ฝูงภุมรินเที่ยวบินดอม...............จังได้ออมอบกลิ่นสุมาลี

ลืมบอกไปค่ะ แม่หญิงเรไรตอบสาส์นมาทางดิฉัน  เห็นบ่นทำนองน้อยอกน้อยใจ
ว่า ตัวเองไม่อยากขวางกลาง    เพราะคุณนิลกังขาถามหาเธอ หวังให้คุณแจ้งโผล่ออกมามากกว่า  
ว่าแล้วก็หายตัวไปเลยค่ะ   ไม่รู้จะตามที่ไหน


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 20 พ.ย. 03, 14:15
 ขอส่งสารมาสมานไมตรีสมร
ถึงเรไรแม่หญิงอย่านิ่งงอน
วอนกลับมาสโมสรร่วมเรือนไืทย...

อันนี้ไม่ใช่วรรคทอง เป็นวรรคตะกั่วฝีมือผมเอง ภาษาประลองยุทธกำลังภายในเรียกว่า "ข้าพเจ้าสำแดงความทุเรศแล้ว ขอผู้กล้าผู้อาวุโสทั้งหลายเมตตาชี้แนะ"

ผมกะคุณแจ้ง เลขาธิการสมาคมชาวสวนกล้วยแห่งประเทศไทย ไม่ได้เป็นกล้วยแฝดติดกันซักหน่อย แล้วเทียบกะคุณแจ้ง แม่หญิงเรไรก็เป็นศรีเรือนไทยอยู่แล้ว แม่หญิงไม่ต้องกลัวเลยว่าจะมาแทรกกลางระหว่างเรา 2 คนครับ จะให้ดี เชิญควงคู่กันมาร่วมความครึกครื้นได้ทั้งคู่เลยยิ่งดี ครับผม

เรียนคุณครูเทาชมพู ผมน่ะเริ่มคิดจะสอยดอกไม้สวรรค์อยู่แล้วครับ ไม่ใช่ไม่คิด คิดหนักด้วย แต่ว่า... ยัง "นึกขยับแล้วขยาดไม่อาจสอย"... ครูมี เอีย คุณหลวงศุภมาตราช่วยเหลนศิษย์ด้วย...

เฮ้อ...

"อย่าเอื้อมเด็ดดอกฟ้า... มาถนอม
สูงสุดมือมักตรอม... จิตไข้
เด็ดแต่ดอกพยอม... ยามยาก
สูงก็สอยด้วยไม้ (บ๊ะ- สอยอีกแล้ว)... อาจเอื้อมเอาถึงฯ"


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 พ.ย. 03, 17:17
 นกขมิ้น
เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

เขาคลอขลุ่ยครวญเสียงเพียงแผ่วผิว
ชะลอนิ้วพลิ้วผ่านจากมานหมอง
โอดสะอื้นอ้อยอิ่งทิ้งทำนอง
เป็นคำพร้องพริ้งพรายระบายใจ

โอ้ดอกเอ๋ยเจ้าดอกขจร
นกขมิ้นเหลืองอ่อน จะนอนไหน
ค่ำลงแล้วแนวพนาและฟ้าไกล
เจ้านอนได้ทุกเถื่อนท่าไม่อาทร

แล้วหวนเสียงเรียงนิ้วขึ้นหวิวหวีด
เร่งอดีตดาลฝันบรรโลมหลอน
ถี่กระชั้นสั่นกระชากใจจากจร
ระเรื่อยร่อนเร่มาเป็นอาจิณ

โอ้ใจเอ๋ยอ้างว้างวังเวงนัก
ไร้แหล่งพักหลักพันจะผันผิน
เพิ่มแต่พิษผิดหวังยังย้ำยิน
ระด่าวดิ้นโดยอนาถแทบขาดใจ

ข้าเคยฝันถึงฟ้ากว้างกว่ากว้าง
ฝันถึงปางทับเปลี่ยวเรี่ยวน้ำไหล
ถึงช่อเอื้องเหลืองระย้าคาคบไม้
ในแนวไพรนึกเหมือนเป็นเพื่อนเนา

รู้รสแรงแห่งทุกข์และสุขสิ้น
บนแผ่นดินแผ่นเดียวเปลี่ยวและเหงา
จิบน้ำใจจนทั่วเจียนมัวเมา
ไร้ร่มเงารังเรือนและเพื่อนตาย

เขาเคลียนิ้วเนิบนุ่มเสียงทุ้มพร่า
เหมือนหวนหาโหยไห้น่าใจหาย
เจ้าขมิ้นเหลืองอ่อนนอนเดียวดาย
จะเหนื่อยหน่ายหนาวน้ำค้างที่กลางดง

เสียงฉับฉิ่งหริ่งรับขยับเร่ง
จะพรากเพลงเพื่อนยินสิ้นเสียงส่ง
เขาเบือนนิ้วผิวแผ่วแล้วราลง
เสียงนั้นคงเน้นครางอย่างห่วงใย

เจ้าดอกเอยดอกขจรอาวรณ์ถวิล
นกขมิ้นเหลืองอ่อนจะนอนไหน
เขาวางขลุ่ยข่มน้ำตาว้าเหว่ใจ
ตอบไม่ได้ดอกหนาข้าคนจร

 http://www.geocities.com/thailiterature/np3.htm

งานในยุคเริ่มต้นในวัยหนุ่มของเนาวรัตน์ เน้นทางด้านอารมณ์คร่ำครวญทั้งรักและโศก    ได้แรงบันดาลใจจากเพลงไทยเดิม วรรณคดีไทย  ศิลปะต่างๆมาเป็นเนื้อหาของงาน
อ่านไม่ยาก ไพเราะเพราะพริ้ง เหมือนความฝันบรรเจิดของชายหนุ่ม

ต่อมางานของเขาจะเริ่มเข้มข้นแกร่งกร้าวขึ้น  เป็นอิทธิพลจากการเมืองยุคขวาพิฆาตซ้าย  วรรณกรรมเพื่อชีวิต
ต่อมาก็เป็นการแสวงหาทางด้านธรรมะ  ในวัยที่มากขึ้นตามลำดับ

งานชิ้นหลังๆของเนาวรัตน์งดงาม  กลั่นกรองสร้างอย่างมีฝีมือ  แต่ดิฉันชอบงานชิ้นแรกๆ ที่ดูว่ามีหัวจิตหัวใจของเขาอยู่ในนั้นมากกว่า


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 21 พ.ย. 03, 00:59
 คุณครูเทาชมพูครับ กระทู้นี้ผมอึ้งครับ ไร้ภูมิที่จะมาแสดงได้แต่อ่านและซาบซึ้งครับ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 พ.ย. 03, 09:44
 เอาบทนี้มาฝากอีกบทค่ะ

ขอบฟ้าขลิบทอง

   มิ่งมิตร........    
เธอมีสิทธิ์ที่จะล่องแม่น้ำรื่น
ที่จะบุกดงดำกลางค่ำคืน    
ที่จะชื่นใจหลายกับสายลม

ที่จะร่ำเพลงเกี่ยวโลมเรียวข้าว    
ที่จะยิ้มกับดาวพราวผสม
ที่จะเหม่อมองหญ้าน้ำตาพรม    
ที่จะขมขื่นลึกโลกหมึกมน
 
   ที่จะแล่นเริงเล่นเช่นหงษ์ร่อน    
ที่จะถอนใจทอดกับยอดสน
ที่จะหว่านสุขไว้กลางใจคน    
ที่จะทนทุกข์เข้มเต็มหัวใจ

    ที่จะเกลาทางกู้สู่คนยาก    
ที่จะจากผมนิ่มปิ้มเส้นไหม
ที่จะหาญผสานท้านัยน์ตาใคร    
ที่จะให้สิ่งสิ้นเธอจินต์จง

    ที่จะอยู่เพื่อคนที่เธอรัก    
ที่จะหักพาลแพรกแหลกเป็นผง
ที่จะมุ่งจุดหมายประกายทะนง    
ที่จะคงธรรมเที่ยงเคียงโลกา

   เพื่อโค้งเคียวเรียวเดือนและเพื่อนโพ้น    
เพื่อไผ่โอนพลิ้วพ้อล้อภูผา
เพื่อเรืองข้าวพราวแพร้วทั่วแนวนา    
เพื่อขอบฟ้าขลิบทองรองอรุณ

อุชเชนี เป็นนามปากกาของอาจารย์ประคิน ชุมสาย ณ อยุธยา  จบจากคณะอักษรศาสตร์  จุฬาฯ
เป็นศิลปินแห่งชาติ   ถ้าจำไม่ผิดปีเดียวกับเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
และเป็นนิสิตเก่าดีเด่นของคณะอักษรศาสตร์ด้วยค่ะ
ปัจจุบันอาจารย์ประคินอายุ 80 กว่าแล้ว  เจอกันครั้งสุดท้ายก็ยังแข็งแรงดี
นามปากกาของท่านมาจากชื่อเดิมคือ เออเชนี  Eugenie  ท่านนับถือศาสนาคริสต์ค่ะถึงมีชื่อเป็นฝรั่ง

ลีลาสำนวนของ อุชเชนี คมและหวานจับใจ  เป็นลีลาที่ไร้อายุจริงๆ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 22 พ.ย. 03, 16:01
 ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ท่านเป็นผู้แต่งกลอนบทนี้ด้วยใช่ไหมครับ

มีสองขามายืนบนผืนภพ
มีตาครบคู่สมองมาส่องหน
มี ...
มีกมลมาเพื่อเชื่อตนเอง

และั

ฉันอยู่เพื่อดวงใจผู้ไร้ญาติ
ผู้แร้นแค้นแคลนขาดทุกสิ่งสรรพ์...

จำกลอนของอาจารย์ไม่ค่อยได้ จำได้แต่ขาดๆ วิ่นๆ แต่ได้ความรู้สึกว่าอาจารย์ค่อนข้างจะเป็นนักมนุษยนิยมทีเดียว

ดูเหมือนอีกบทก็ไพเราะมาก ผมจำได้แค่สองบาท

ถึงโลกเป็นเวทีที่ต่อสู้
เราจะอยู่อย่างมิตรนั้นผิดหรือ?


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 22 พ.ย. 03, 16:05
 ของท่านเนาว์ กวีซีไรต์ ผมก็ชอบ คิดว่าที่ชอบที่สุดคือ เพียงความเคลื่อนไหว ครับ ใช้คำสร้างภาพได้ภาพ บทแรกๆ ของกลอนชุดนี้ ตั้งแต่ "เพียงเหยี่ยวกระหยับปีกกลางเปลวแดด..." ไปจนถึง "ก็รู้ว่าในหัวอกมีหัวใจ" นั้นผมชอบมากกว่าบทหลังจากนั้นไปจนจบ คือ บทหลังๆ นั้นก็ชอบ แต่ผมออกรู้สึกว่ามีความหมายเป็นเรื่องเป็นราวเฉพาะเจาะจงกว่า คือในบริบทของ 14 ตุลา 16 เมื่อ "ก็รู้ว่าประชาชนจะชิงชัย" เป็นความจำกัด ณ จุดหนึ่งในประวัติศาสตร์ แต่ส่วนแรกนั้นเป็นสากลกว่า อ่านเมื่อไหร่ก็ได้ไม่จำกัดเวลา อ่านทีไรได้รสทีนั้น


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 พ.ย. 03, 11:18
 บทที่คุณนิลกังขายกมา  ดิฉันหาไม่พบ  จำได้แต่บทนี้ ที่ชอบมาก

       ทำใจตนดลเป็นเช่นสวนขวัญ
แดนตะวันวามจรัสรัศมี
ความคิดคู่ตรูตรองสองเรานี้
ท่องปถพีเคียงกันนิรันดร

อยากจะเอาไปแปะไว้ที่สวน จริงๆ

ต่อไปก็คือ " เพียงความเคลื่อนไหว" ของเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
ชั่วเหยี่ยวกระหยับปีกกลางเปลวแดด
 ร้อนที่แผดก็ผ่อนเพลาพระเวหา
พอใบไม้ไหวพลิกริกริกมา
ก็รู้ว่าวันนี้มีลมวก
 
เพียงกระเพื่อมเลื่อมรับวับวับไหว
ก็รู้ว่าน้ำใสใช่กระจก
เพียงแววตาคู่นั้นสั่นสะทก
ก็รู้ว่าในหัวอกมีหัวใจ  

สองบทนี้ความหมายกว้างไกลกว่าบทหลังๆซึ่งกลายมาเป็นบทปลุกใจการต่อสู้ระหว่างชนชั้น   ปัจจุบันกลายเป็นอดีตไปแล้ว  เลยยกมาแค่ 2 บทดีกว่า

ไปดูละครเวทีคู่กรรม ที่โรงละครกรุงเทพ  มีเพลงหนึ่งเกี่ยวกับสงคราม ทำนองเพลงให้บรรยากาศที่คุกคามของสงครามมหาเอเชียบูรพา ต่อคนไทย
คนแต่งเนื้อแต่งเก่งมาก  รับกับทำนองเพลงที่ฟังระทึกใจน่ากลัว  เสียดายที่ยังหาเนื้อทั้งเพลงไม่ได้
จำได้ท่อนเดียว คือ
" บทเพลงแห่งความตายร่ายระบำ"
น่าจะได้อิทธิพลของเนาวรัตน์มาบ้าง   เท่าที่รู้คนแต่งก็ชาวเทวาลัยเดียวกับดิฉันละค่ะ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 23 พ.ย. 03, 12:57
 โคลงโลกนิติผมก็ชอบหลายบทครับ

มีบทหนึ่งยังกะไฮกุ หรือเรื่องสั้นหักมุมจบเลย

จ่ายทรัพย์วันละบาทซื้อ มังสา
นายหนึ่งเลี้ยงพยัคฆา ไป่อ้วน
สองสามสี่นายมา กำกับ กันแฮ
บังทรัพย์สี่ส่วนถ้วน เสร็จสิ้นเสือตายฯ (เวรกรรม!)

ตรงกับที่ฝรั่งเขาเรียกว่า Who guards the guards?

อีกบทดูเหมือนอยู่ในหนังสืิอดรุณศึกษา แต่งโดยหลวงปู่ ฟ. ฮีแลร์ เจษฎาจารย์คาทอลิกปูชนียบุคคลของโรงเรียนอัสสัมชัญ ผู้รู้ภาษาไทยดีกว่าคนไทยสมัยนี้หลายคน ทั้งๆ ที่ตัวท่านเป็นฝรั่งแท้ๆ

อาทิตย์ส่องแสงจ้า ถูกจันทร์
จันทร์ก็มีสีสัน แจ่มฟ้า
พระทรงประทานปัญ- ญาแก่ เราเฮย
เราก็อาจว่า "ข้า แจ่มด้วยดวงใจ"ฯ

ผมขออนุญาตหลวงปู่บราเดอร์ฮีแลร์ ตีความใหม่ปลอบใจเพื่อนร่วมชะตากรรมเดียวกะผม คือไม่หล่อ ไม่ "แจ่ม" ด้วยรูปโฉม ว่า ยังไงๆ ก็ขอใช้ปัญญา คารมเป็นต่อ เอ๊ย- ขอแจ่มด้วยดวงใจแทนละกันครับ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 11 ธ.ค. 03, 12:28
อ่า ... ไม่ค่อยได้แจมซะนาน เพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กลับการศึกษา
และ นักศึกษา (สาวๆ )

เลยขอเอาวรรคทองของหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล มาแจมครับ

กล้วยไม้มีดอกช้า ........... ฉันใด
การศึกษาก็เป็นไป ........ เช่นนั้น
แต่ออกดอกคราวใด ........ งามเด่น
งานสั่งสอนปลูกปั้น .......... เสร็จแล้วแสนงาม


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 11 ธ.ค. 03, 12:40
 จากโคลงโลกนิติ

เจ็ดวันเว้นดีดซ้อม.............ดนตรี
อักขระห้าวันหนี..................เนิ่นช้า
สามวันจากนารี...................เป็นอื่น
วันหนึ่งเว้นล้างหน้า.............อับเศร้าศรีหมอง

แถมอีกอันแล้ว

กระเหว่าเสียงเพราะแท้.........แก่ตัว
หญิงเลิศเพราะรักผัว..............แม่นหมั้น
นักปราชญ์มาตรรูปมัว............หมองเงื่อน..งามนา
เพราะเพื่อรสธรรมนั้น............ส่องให้เห็นงาม


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 11 ธ.ค. 03, 12:42
 ไหนๆก็ไหนแล้ว อันนี้ผมก็ชอบ

นารายณ์วายเว้นจาก.................อาภรณ์
อากาศขาดสุริยะจร.....................แจ่มหล้า
เมืองใดบ่มีวร.............................นักปราชญ์
แม้นว่างามล้นฟ้า........................ห่อนได้งามเลย


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 12 ธ.ค. 03, 15:31
 Born men are we all          and one,
brown, black by the sun     culture.
Knowlege can be one         alike.
Only heart differs               from man to man.

ขอร่วมสนุกด้วย  แต่ก็ต้องขออนุญาตฉายซ้ำนะครับ  บางท่านคงเคยผ่านตา จากครั้งก่อนๆ  ที่ผมเคยนำมาเผยแพร่ใน net

ระยะหลังไม่ค่อยมีวัตถุดิบใหม่ๆ เพราะไม่ค่อยได้อ่านอะไรเพิ่มเติม ประท้วงรัฐบาล เดี๋ยวนี้หนังสือแพงเหลือเกิน  แล้วปากก็ว่าจะเร่งรัดปฏิรูปการศึกษา  ถ้าหนังสือยังแพงเช่นนี้ต่อไป  ก็ยากที่จะสร้างคนในชาติให้มีคุณภาพได้  เมื่อขาดอาหารสมอง  ปัญญาก็ย่อมแคระแกร็นเป็นธรรมดา  เมื่อไรซูเปอร์นายกฯของเราถึงจะเล็งเห็นเสียทีหนอ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 12 ธ.ค. 03, 17:09
 มาต้อนรับคุณถา่วภักดิ์ครับ

หนังสือใหม่ แพงจริงอย่างว่าเสียด้วย ตอนนี้ผมสตางค์ก็ไม่ค่อยมี เวลาก็ไม่ค่อยมี เลยไม่ค่อยได้อ่านหนังสือ เท่าที่พอทำได้คือเอาหนังสือเก่าๆ มาอ่านอีกรอบเท่าที่จะมีเวลาครับ

ในเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกันนี้ ในหลวง ร. 6 ท่านทรงพระราชนิพนธ์ไว้ว่า

นานาประเทศล้วน นับถือ
คนที่รู้หนังสือ แต่งได้
ใครเกลียดหนังสือคือ คนป่า
ใครเยาะกวีไซร้ แน่แท้คนดงฯ

ดังนั้นถ้าจะมีทางทำยังไงให้คนที่รักหนังสือแต่จำต้องเกลียดหนังสือเพราะไม่มีสตางค์ ได้มีโอกาสรักหนังสือได้ง่ายสบายกระเป๋าขึ้น รัฐบาลก็น่าจะสนับสนุนนะครับ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ธ.ค. 03, 17:30
 หายหน้าไปนานนะคะคุณถาวภักดิ์   ขอต้อนรับเข้าร่วมวงค่ะ  ไม่แวะไปวงกระทู้อื่นบ้างหรือคะ

โคลงภาษาอังกฤษที่ยกมา  ขอยกบทภาษาไทยมาให้อ่านกันที่นี่
เป็นโคลงพระบรมราโชวาทในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  พระราชทานสมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ  (พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าอยู่หัว) เมื่อทรงศึกษาที่ประเทศอังกฤษ

ฝูงชนกำเนิดคล้าย.........คลึงกัน
ใหญ่ย่อมเพศผิวพรรณ........แผกบ้าง
ความรู้อาจเรียนทัน.............กันหมด
ยกแต่ชั่วดีกระด้าง..............อ่อนแก้ฤๅไหว

ขอต่อเรื่องหนังสือด้วยคนนะคะ

หนังสือ
คำต่อคำนี่แหละคือสื่อภาษา
มือต่อมือนี่แหละมีชีวิตชีวา
หน้าต่อหน้านี่แหละหนอใจต่อใจ

เปิดหนังสือเพื่ออ่านงานความคิด
เปิดชีวิตเพื่ออ่านความฝันใฝ่
เปิดทางทองเพื่ออ่านการก้าวไกล
เปิดทางชัยเพื่ออ่านสันติธรรม

จาก "เปิดหนังสือ"
ใน  "ตากรุ้งเรืองโพยม"
ของ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

ถ้าลงแล้วขอเอามาลงอีกครั้งค่ะ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: นนทิรา ที่ 13 ธ.ค. 03, 00:17
 ดิฉันชอบเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ยุคแรกๆมาก "เปิดหนังสือ"นี่ก็ชอบ ส่วนดิฉันชอบโคลงโลกนิติบทนี้ค่ะ จำไว้เป็นเหมือนเครื่องเตือนใจ

พระสมุทรสุดลึกล้น.....คณนา
สายดิ่งทิ้งทอดมา.......หยั่งได้
เขาสูงอาจวัดวา..........กำหนด
จิตมนุษย์นี้ไซร้............ยากแท้ หยั่งถึง

จำได้ว่าเคยเห็น โคลงโลกนิติ บทนี้ แปลเป็นภาษาอังกฤษด้วยค่ะ คงจะแปลโดยคุณชายเสนีย์ ปราโมช แต่หาที่เคยจดไว้ไม่เจอค่ะ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 15 ธ.ค. 03, 16:40
 Fathomed deep through the seas........may be.
Measurable are the seas....................in depth.
Scaled can mountains be....................in height.
Immeasurable is the depth.................this heart of man.

โชคดีที่ยังพอจำได้อยู่ครับ  แต่เตือนก่อนนะครับว่า  ออกมาจากความจำที่ไม่ค่อยน่าไว้วางใจเท่าไร  บทที่แล้วก็รู้สึกมีที่ผิด  แค่อ่านเล่นเพลินๆนะครับ  อย่าเอาไปอ้างอิง  เดี๋ยวจะมีผู้นึกว่าเป็นความผิดพลาดของผู้แต่งให้เป็นที่ระคายเคืองต่อความเป็นอัจฉริยะของท่านอาจารย์เสนีย์


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 23 ธ.ค. 03, 17:58
 ความรู้ดูยิ่งล้ำ.............. สินทรัพย์  
คิดค่าควรเมืองนับ........ ยิ่งไซร้  
เพราะเหตุจักอยู่กับ ..... กายอาต มานา
โจรจักเบียนบ่ได้..........เร่งรู้เรียนเอา

อ้างถึงความคิดเห็นเพิ่มเติมที่ 18
ผมกลับรู้สึกว่า หนังสือสมัยนี้ ค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับสมัยที่ผมเป็นเด็ก ตำราเรียนในมหาวิทยาลัยสมัยนั้น เล่มหนึ่ง เกือบพอหรือแพงกว่าค่าลงทะเบียนเรียนที่จุฬา ฯ ทั้งเทอม
(วิชาที่ผมเรียนนะครับ แต่ผมคิดว่าวิชาอื่นก็ไม่น่าจะหนีกันเท่าไร) พอมาเทียบค่าหน่วยกิตกับราคาหนังสือสมัยนี้แล้ว นับว่าถูกมาก
ผมเดี๋ยวนี้ รู้สึกขอบพระคุณคนทำหนังสือให้อ่าน ราคาที่พอจะสู้ไหว ผมจะซื้อทันทีเป็นการให้กำลังใจคนทำหนังสือขายครับ
เพราะผมเห็นว่า หนังสือดี ๆ หายไปจากตลาดหลายเล่มแล้ว
อย่าง"วิทยาสาร" หรือ"ชัยพฤกษ์"
บางคน เห็นใจคนอ่านแบบทำร้านหนังสือแบบให้คนเข้าไปอ่านไม่ต้องซื้อ อย่างร้าน"ดอกหญ้า" ได้ยินว่า เขาขาดทุนอยู่หลายล้าน(เป็นสิบล้าน จำตัวเลขไม่ได้ครับ) ก็อยากวิงวอนนักอ่านว่า ถ้าช่วยกันซื้อหนังสือได้ ช่วยกันเถอะครับ

แต่ก็น่าเห็นใจสำหรับบางท่านที่ขัดสน เพราะแม้แต่อาหารบางคนก็ยังลำบากที่จะหา ดังนั้นหนังสือไม่ต้องไปคิดถึงเลย

สำหรับโคลงโลกนิติของคุณจ้อที่อ้างถึงในความคิดเห็นเพิ่มเติมที่ 16 ที่ว่า
"สามวันจากนารี .... เป็นอื่น"
นี่ ผมสงสัยมานานว่า ที่เป็นอื่นนั้น หมายถึงใครครับ
บุรุษ หรือ นารี ที่เป็นอื่น

มาถึงวรรคทองอีกวรรคหนึ่งที่ผมชอบนะครับ

"อันความรู้รู้กระจ่างเพียงอย่างเดียว ..... แต่ให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล"

ผมสงสัยอยู่ว่า เดี๋ยวนี้ โรงเรียน พยายามยัดเยียดความรู้ให้เด็กมากไปหรือเปล่า ขอพอแค่นี้ก่อนครับ เพราะชักนอกประเด็น


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 24 ธ.ค. 03, 10:23
 แหม  ถ้าคุณนิรันดร์อยู่ตรงหน้า  จะกระชากแว่น แล้วควักแบงค์ออกมาฉีกแบบอาเสี่ยกิมหงวนให้ดู

ที่กล่าวไว้เรื่องหนังสือแพง ก็เพราะเข้าใจว่ามีเหตุจากกระดาษแพงกว่าที่ควร  ด้วยกระบวนการทางภาษีที่รัฐบาลอุ้มชูอุตสาหกรรมกระดาษพิมพ์เขียนภายในประเทศ  

และในขณะเดียวกันก็เกิดกระบวนการพัฒนามูลค่าเพิ่มเชิงพาณิชย์ในแวดวงหนังสือเรียนภาคบังคับตามหลักสูตรของกระทรวงฯ  ที่แต่เดิมหนังสือ-ตำราเรียนเพียงเล่มเดียวก็สามารถส่งต่อให้นักเรียนรุ่นต่อๆไปเรียนได้อีกหลายรุ่น  ในขณะที่ตำราสมัยใหม่ที่ผ่านมากลับบังคับให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดในตำรา  ทำให้ไม่สามารถส่งต่อตำราให้รุ่นน้องได้เหมือนก่อน  เป็นเหตุให้เกิดความต้องการกระดาษพิมพ์เขียนสูงขึ้นมหาศาล  เป็นการช่วยรักษาระดับราคากระดาษพิมพ์เขียนในตลาดได้อีกทางหนึ่ง

แต่จะแพงเกินจริง เกินสมควรหรือไม่ คงไม่ใช่ประเด็น  ประเด็นอยู่ที่  ความรู้ควรเป็นสิทธิอันเท่าเทียมกันที่พลเมืองของประเทศพึ่งได้รับ  เพื่อกำจัดความเหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรมในชาติ  มิฉะนั้นแล้วประเทศของเราก็คงจะมีสังคมแบบละครน้ำเน่า ไม่พัฒนา เป็น Banana Republic มีคนเพียงหยิบมือเดียวใช้ชีวิตอย่างหรูหรา แวดล้อมด้วยคนรับใช้ และลิ่วล้อที่ไร้การศึกษา  ทำมาหากินไม่เป็นเอาแต่นั่งซุบซิบนินทา อิจฉาริษยากันเอง รีดนาทาเร้นหากินอยู่บนหลังคนด้อยโอกาส  แล้วยังดูถูกดูหมิ่นเขาเสียอีกว่าเป็นตาสีตาสา คนบ้านนอกคอกนา

และในเมื่อคนชาติเดียวกันยังดูถูกกันเอง แล้วจะหาคนชาติไหนมายกย่องให้เกียรติ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 24 ธ.ค. 03, 13:42
 อย่าดุเดือดนักสิครับ
ผมเพียงมองว่า หนังสือเรียน มันไม่ได้แพงอะไรนักหนา

ที่ผมเห็นมากับตาก็คือ โรงเรียนแห่งหนึ่ง ได้รับหนังสือแจกจากกระทรวง กองเป็นภูเขา
ท่านอาจารย์ผู้มีพระคุณทั้งหลายกลับไม่เอาไปแจกเด็ก ปล่อยให้ให้ปลวกขึ้นเล่น
แต่ติดต่อร้านค้าหนังสือเอามาจำหน่ายเป็นหนังสือแบบฝึกหัดที่ต้องทำลงไปในเล่มเลย เพราะหนังสือพวกนี้ให้เปอร์เซ็นกับผู้ขายสูงมากถึง 35-40% ของราคาปก
เรียกว่า คนขาย(ครูในโรงเรียนนั่นแหละ)ได้มากกว่าคนแต่งหนังสือเสียอีก
มีบางวันก็สั่งห้ามเด็กเอาหนังสือมาโรงเรียนเพราะเป็นหนังสือที่ห้ามขายแล้วจะมีเจ้าหน้าที่มาตรวจพอดี

หนังสือแบบนี้ มันแพงก็เพราะ 35-40% นี่แหละครับ คนแต่งได้แค่ 8-10% เท่านั้น บางทีได้ไม่ถึงด้วยเพราะแอบพิมพ์เกินแล้วไม่จ่ายผู้แต่งอีกต่างหาก

เลิกโกรธกันนะครับ ไม่ดีหรอกมันเป็นเครื่องเศร้าหมอง
เอาเป็นว่าผมขอโทษก็แล้วกัน

เอ หนังสือพล นิกร กิมหงวน นี่ แพงหรือ ถูก เมื่อเทียบกับหนังสือเรียน คุณถาวภักดิ์ เป็นเจ้าคุณปัจนึกหรือครับ ถึงต้องถอดแว่นก่อน(แฮะ ๆ อย่าโกรธอีกนะ แบบว่าล้อเล่นนิดหน่อย)

แล้่วจะมีใครตอบผมเรื่อง
"สามวันจากนารี ... เป็นอื่น"  ไหมนี่
สงสัยมาตั้งแต่ตอนเป็นนักเรียนแล้ว


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: kenkorn ที่ 26 พ.ค. 05, 22:01
 เติมสีฟ้าอีกนิดนะทะเล
ในบทกวีก่อนเพลงเดือนเพ็ญที่คาราบาว
ร้องแสงสดไม่ทราบว่าต่อว่าอย่างไร

ช่วยหน่อยนะครับ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: raerae ที่ 31 พ.ค. 05, 17:27
 ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร
ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน
แม้อยู่ในใต้ฟ้าสุธาธาร
ขอพบพานพิศวาสมิคลาดคลา
แม้เนื้อเย็นเป็นห้วงมหรรณพ
พี่ขอพบศรีสวัสดิ์เป็นมัจฉา
แม้เป้นบัวตัวพี่เป็นภุมรา
เชยผกาโกสุมปทุมทอง
แม้เป็นถ้ำอำไพใคร่เป็นหงส์
จะร่อนลงสิงสู่เป้นคู่สอง
ขอติดตามทรามสงวนนวลละออง
เป็นคุ่ครองพิศวาสทุกชาติไป


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: ดารากร ที่ 31 พ.ค. 05, 21:27
 หาแถงแง่ฟ้าหาง่าย
เบื่อหน่ายบงนักพักตร์ผิน
หาเดือนเพื่อนเถิรเดินดิน
คือนิลนัยนาหาดาย

เพ็ญเดือนเพื่อนดินสิ้นหา
เพ็ญเดือนเลื่อนฟ้าหาง่าย
เดือนเดินแดนดินนิลพราย
เดือนฉายเวหาศปราศนิล

จาก กนกนคร ค่ะ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: phoenix ที่ 09 มิ.ย. 05, 20:47
 ถึงคลองขวางบางจากยิ่งตรมจิต
ใครช่างคิดชื่อบางไว้กางกั้น
ว่าชื่อจากแล้วไม่รักรู้จักกัน
พิเคราะห์ครันฤๅมาพ้องกับคลองบาง

ทั้งจากที่จากคลองเป็นสองข้อ
ยังจากกอนั้นก็ขึ้นในคลองขวาง
โอ้ว่าจากช่างมารวบประจวบทาง
ทั้งจากบางจากไปใจระบม

แสนวิบากหลากใจอาลัยเหลียว
เห็นเวียงวังก็ยิ่งเสียวถึงเคยสม
ประสานสองหัตถ์ประนังตั้งประนม
น้อมบังคมเทวารักษาวัง

ขอฝากน้องสองชนกช่วยปกเกศ
อย่ามีเหตุอันตรายเมื่อภายหลัง
ใครปองชิดขอให้ตายด้วยรายชัง
เทพทั้งชั้นฟ้าได้ปรานี


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 10 มิ.ย. 05, 00:14
ถึงโรงเหล้าเตากลั่นควันโขมง
มีคันโพงผูกสายไว้ปลายเสา
โอ้บาปกรรมน้ำนรกเจียวอกเรา
ให้มัวเมาเหมือนหนึ่งบ้าเป็นหน้าอาย
ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก
สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน
ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป
แต่เมาใจนั้นประจำทุกค่ำคืน


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 10 มิ.ย. 05, 14:55
 อ.นิรันดร์พิมพ์ผิดครับ  ต้อง...สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน

นึกถึงเพราะราชนิพนธ์อันแสนหวานในพระพุทธเจ้าหลวงที่พระราชทานให้เจ้าจอบสดับ กำกับกำไลพระราชทาน

กำไลมาศชาตินพคุณแท้
ไม่ปรวนแปรเป็นอื่นย่อมยืนสี
ดังใจตรงคงคำร่ำพาที
จะร้ายดีขอให้เห็นเป็นเสี่ยงทาย
ตาปูทองสองดอกตอกสลัก
ตรึงความรักรับไว้อย่าให้หาย
แม้รักร่วมสรวมไว้ให้ติดกาย
เมื่อใดวายสวาสดิ์วอดจึงถอดเอย

ถ้าเป็นคนหนุ่มแต่งคงไม่ประทับใจจำติดหัวไม่รู้ลืมอย่างนี้  เพราะเป็นพระราชนิพนธ์ในพระพุทธเจ้าหลวง ในช่วงพระชนมายุที่ต้องแบกรับพระราชภาระกิจอย่างหนักหน่วงเหลือคณานับ  ทั้งยังทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจเป็นล้นพ้น  กลับกอรปไปด้วยน้ำพระทัยพระราชทานความอาทรอย่างลึกซึ้งละเอียดอ่อนให้กับเด็กสาวกำพร้าตัวเล็กๆคนหนึ่ง ที่แม้จะปฏิบัติดังนางบำเรอ ก็ไม่มีผู้ใดจะบังอาจตำหนิว่ากล่าวได้

สมแล้วที่แม้เวลาผ่านไปเป็นร้อยปี ประชาชนชาวไทยยังกราบไหว้บูชาประดุจเทพเจ้า

....เห็นจะสิ้นอายุพระนคร
ให้อาวรณ์ผู้รักษาหามีไม่
เป็นป่าหญ้ารกดังพงไพร
แต่จะสาบสูญไปทุกทิวา
คิดมาก็เป็นน่าอนิจจัง
ด้วยกรุงเป็นที่ตั้งพระศาสนา
ทั้งอารามเจดีย์ที่บูชา
ปฏิมาฉลององค์พระทรงญาณ
ก็ทลายยับยุ่ยเป็นผุยผง
เหมือนพระองค์เสด็จดับสังขาร
ยังไม่สิ้นศาสนามาอรธาน
ทั้งเจดีย์วิหารก็สูญไป....

นี่เป็นส่วนต้นของเพลงยาวพระนิพนธ์ในกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท(บุญมา)  เห็นอ.เทาฯ ตัดส่วนพระราชปณิธานจากพระราชนิพนธ์นิราศท่าดินแดงใน ร.1 แล้วนึกถึงเสด็จกรมพระราชวังบวรฯ ที่ทรงเหนื่อยยากตรากตรำพระวรกายเจ็บร้อนแทนแผ่นดิน
นี่ก็ทรงเป็นอีกพระองค์หนึ่งที่ทรงมีความชัดเจนในพระศรัทธาอันลึกซึ้งในพระพุทธศาสนา

เห็นพระรูปถวายพระแสงดาบคู่พระหัตถ์ขุนศึกสองแผ่นดิน เป็นพุทธบูชา ที่หน้าวัดมหาธาตุครั้งใด ความรู้สึกอันบรรยายได้ยากก็พากันหลั่งไหลจนร้อนหัวตา นึกอยากถวายบังคมกราบซบที่พระบาทให้นานแสนนานทุกครั้งไป


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 11 มิ.ย. 05, 21:30
 ขอบคุณที่ทักท้วงครับ  
แก้แล้วนะครับคุณถาวภักดิ์


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 11 มิ.ย. 05, 22:27

ขออนุญาตแก้ไขนะครับ
กล้วยไม้มีดอกช้า ........... ฉันใด
การศึกษาก็เป็นไป ........ เช่นนั้น
แต่ออกดอกคราวใด ........ งามเด่น
งานสั่งสอนปลูกปั้น .......... เสร็จแล้วแสนงาม
ท่านผู้ประพันธ์ท่านว่า "ออกดอก" นั้นไม่สุภาพชวนให้นึกถึงโรคของบุรุษ  ท่านจึงใช้ "ดอกออก" ครับ  พอดีมีลายมือท่านผู้ประพันธ์อยู่  เลย Copy มาฝากครับ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: สียะตราหนึ่งหรัด ที่ 18 มิ.ย. 05, 03:01
 อยู่เพื่ออะไร

      ฉันอยู่เพื่อบุคลที่ฉันรัก  
  ซึ่งใจซื่อถือศักดิ์สุจริต
      และรักฉันมั่นมานปานชีวิต
   ในความผิดความหลงปลงอภัย
       ฉันอยู่เพื่อหน้าที่ที่พันผูก
   เพื่อฝังปลูกความหวังพลังไข
        เป็นท่อธารรักท้นล้นพ้นไป
    หล่อดวงใจแล้งรื่นให้ชื่นบาน
        ฉันอยู่เพื่อค้นหาสัจจะ
    กลางโมหะอาเกียรเบียฬประหาร
         เพื่อสื่อแสงแจ้งสว่างพร่างตระการ
    กลางวิญญาณมืดมิดอวิชชา
         ฉันอยู่เพื่อดวงใจที่ไร้ญาติ
    ที่แร้นแค้นแคลนขาดวาสนา
         เพื่อรอยยิ้มพริ้มยลปนน้ำตา
     บนดวงหน้าโศกช้ำระกำกรม
         ฉันอยู่เพื่อเยื่อใยใจมนุษย์
     บริสุทธิ์สอดผสานงานผสม
         เป็นเกลียวมั่นขันแกร่งแรงกลืนกลม
     พายุร้ายสายลมมิอาจคลอน
         ฉันอยู่เพื่อความฝันอันเพริศแพร้ว
     เมื่อโลกแผ้วหลุดพ้นคนหลอกหลอน
          เมื่ออามิสฤทธิ์แรงแท่งทองปอนด์
     มิอาจคลอนใจคนให้หม่นมัว
          ฉันอยู่เพื่อยุคทองของคนยาก
     ที่เขาถากทรกรรมซ้ำปั่นหัว
           เพื่อความถูกที่เขาถมจมทั้งตัว
      เพื่อความกลัวกลับกล้าบั่นอาธรรม
           เพื่อโลกใหม่ใสสะอาดพิลาศเหลือ
      เมื่อคนเอื้อไมตรีอวยไม่ขวยขำ
           เพื่อแสงรักส่องรุ่งพุ่งเป็นลำ
      สว่างนำน้องพี่มีชัยเอย

                                                        อุชเชนี

เขียนจากความทรงจำครับ ถ้าผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยครับ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: โชติธนรัตน์ ที่ 19 มิ.ย. 05, 16:13
 ได้ยลน้องน้องนวลพักตร์พักตร์ผ่องผิว
เจ้างามโฉมโฉมชื่นจิตจิตเจียนปลิว
ดูดิ่งลิ่วลิ่วลอยเลื่อนเลื่อนลงดิน
จะหาไหนไหนจะเหมือนเหมือนโฉมสมร
จริตงอนงอนงามเฉิดเฉิดโฉมฉิน
มารยาทยาตรเยื้องย่างอย่างกินริน
พี่แดดิ้นดิ้นโดยรักรัดรึงใจ
      กลอนหงส์คาบพวงแก้ว
      พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 21 มิ.ย. 05, 17:10

. . . . ต้นหญ้าผลิดอกได้ . . . . . ทันใจ
การศึกษาเป็นไป . . . . . . . . . . . เช่นนั้น
ดาววัยรุ่นทำไฉน . . . . . . . . . . . ตามอย่าง แน่เฮย
กลอนเปล่าวิบัติสบั้น . . . . . . . . . สื่อให้เรียนเอา

. . . . .บอกจำจำง่ายได้ . . . . . . . . ไม่ทำ
ผรุสวาทออกเพียงคำ . . . . . . . . . แม่นแท้
เด็กเล็กกลับเที่ยวนำ . . . . . . . . . . ไปพร่ำ ทั่วนา
ตัวอย่างยินเพียงแม้ . . . . . . . . . . ครึ่งครั้งทำตาม


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: นธ.นรินทร ที่ 30 มิ.ย. 05, 18:52
 จาก คห.11

มีสองขามายืนบนผืนภพ
มีตาครบคู่สมองมาส่องหน
มีสองมือถือพิทักษ์รักค่าตน
มีกมลมาเพื่อเชื่อตนเอง

ถ้าผมจำไม่ผิดไม่ใช่ของ อ.เนาวรัตน์ นะครับ รู้สึกคนแต่งจะถือ วนิดา สถิตานนท์ หรือไม่อย่างไรไม่ทราบ (เพราะนานมากแล้ว) กลอนบทนี้อยู่ในแบบเรียนภาษาไทย ม.6 หลักสูตร 2524 ชื่อกลอนคือ เพื่อศักดิ์นักสู้ เต็ม ๆ คือ (คงมีบางวรรคผิด ถึงจะเป็นกลอนที่ผมชอบ แต่ว่าก็ลืม ๆ ไปบ้าง วานใครมีเวลาว่าตรวจสอบความถูกต้องด้วยนะครับ)

ไม่ต้องการ...
ความสงสารปานใดจากใครสิ้น
ไม่ชอบมีชีวิตติดแผ่นดิน
โดยถูกหมิ่นถูกสมเพชเวทนา
ไม่คิดง้อขอให้ใครช่วยเหลือ
ความจุนเจือจากใครไม่เคยหา
ไม่ชอบให้ใครกล่อมย้อมอุรา
เรื่องพึ่งพาอาศัยไม่ต้องการ
ไม่เคยหวังกำลังใดจากใครหมด
ทั้งศักดิ์ยศสดใสลาภไพศาล
ไม่หวังให้ใครหนุนบุญบันดาล
ชอบผลงานทุกอย่างสร้างด้วยตัว
ไม่เคยหวังพลังใดจากใครด้วย
ยอมมอดม้วยมิให้ใครคุ้มหัว
ไม่ชอบให้ใครประมาทว่าหวาดกลัว
วานคนชั่วช่วยใดไม่เคยคิด
ขอภูมิใจในศักดิ์ของนักสู้
ขอเป็นผู้ทรนงความทรงสิทธิ์
ขอจองหองผยองศรียิ่งชีวิต
ขอมีจิตโอหังกำลังตน
มีสองขามายืนบนผืนภพ
มีตาครบคู่สมองมาส่องหน
มีสองมีถือพิทักษ์รักค่าตน
มีกมลมาเพื่อเชื่อตนเอง

ส่วนวรรคทองฯ ที่ผมชอบนะหรือครับ

เป็นวรรคหนึ่งของงานเขียนที่อาจจะไม่มีใครรู้จักมากนัก นักเขียนชื่อ รมย์ รติวัน ในรวมเรื่องสั้นเรื่อง ปุยนุ่นกับดวงดาว  

"ดาวตกลงมาจากฟ้าทุกคืน แต่ดาวก็ไม่เคยหมดไปจากฟ้า... ก็เหมือนกับความหวังของมนุษย์นั่นแหละ ที่แม้จะผิดหวังสักกี่ครั้งก็ตาม แต่มนุษย์ก็ไม่เคยหมดหวัง"


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: นธ.นรินทร ที่ 30 มิ.ย. 05, 18:54
 อ้อ
เห็นหลายคน post โคลงโลกนิติ ผมชอบบทหนึ่งครับ ชอบที่สุด

  ก้านบัวบอกลึกตื้น          ชลธาร
มรรยาทส่อสันดาร           ชาติเชื้อ
โฉดฉลาดเพราะคำขาน    ควรทราบ
หย่อมหญ้าเหี่ยวแห้งเรื้อ   บอกร้าย  แสลงดิน


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: ลลิน ที่ 12 ส.ค. 05, 19:51
 โศกเสียเถิดขวัญแม้หวั่นไหว
ร้องเสียเถิดใจแม้อยากร่ำ
เจ็บเถิดจงเจ็บเพื่อจดจำ
ช้ำเถิดหากช้ำเพราะก้าวไป

รักเถิดจงรักหากรักแท้
แพ้เถิดหากแพ้เพื่อเริ่มใหม่
ยอมเถิดหากยอมเพื่อหลอมใจ
ล้มเพื่อจะได้ลุกขึ้นยืนฯ

กลอนสองบทนี้จากบทกวีนิพนธ์เรื่อง บนปีกปรารถนา ของคุณพจนาถ พจนาพิทักษ์ค่ะ  อ่านแล้วรู้สึกฮึดสู้ดี เลยถือเป็นวรรคสุดโปรดวรรคหนึ่ง

อีกวรรคก็จากเรื่องวารีดุริยางค์ค่ะ  

ขอกายเจ้าจงเป็นเช่นต้นไม้
ยืนอยู่ได้โดยภพสงบนิ่ง
เพื่อแผ่ร่มและเป็นหลักให้พักพิง
แต่งดอกพริ้งผลัดฤดูอยู่ชั่วกาล
และใจเจ้าจักเป็นเช่นสายน้ำ
ใสเย็นฉ่ำชื่นแล้วไหลแผ่วผ่าน
เพื่อเลี้ยงชีพชโลมไล้ให้เบิกบาน
เพียงพ้องพานผิวแผ่วแล้วผ่านเลย

กำลังอยากจะมีใจเหมือนสายน้ำในแง่ที่ "ใสเย็นฉ่ำ" อย่างนี้ค่ะ แต่ในแง่ธรรมชาติของน้ำ ที่จะไหลลงต่ำเสมอนี่  คงต้องขอตัว  จริงมั๊ยคะ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ส.ค. 05, 09:58
 ข้อความที่ยกมานี้ ไม่ใช่กวีนิพนธ์
แต่มีความหมาย ที่สอนใจ และทันสมัยในโลกไซเบอร์
ถือเป็นวรรคทองสำหรับดิฉัน
ก็เลยขอยกมาให้อ่านด้วยกันค่ะ

 http://www.palungjit.com/board/showthread.php?t=5595
ตอบคำถามเรื่อง**กรรมที่ทำบนอินเตอร์เน็ต**โดย พี่ดังตฤณ

--------------------------------------------------------------------------------

ถาม – การเขียนข้อความหรือนำเสนอเนื้อหาอะไรผ่านอินเตอร์เน็ตโดยใช้นามแฝง ถือเป็นกรรมหรือไม่? เพราะไม่มีใครรู้จักชื่อเรา ไม่มีใครเห็นหน้าเรา ไม่มีใครได้ยินเสียงเรา เหมือนเราไม่มีตัวตน

ผมเห็นว่าคำถามนี้จะนำไปสู่ความเข้าใจเรื่องกรรมได้ลึกซึ้งขึ้น เพราะคนส่วนใหญ่ยังนึกว่าการก่อกรรมเป็นเรื่องที่ต้องโชว์ตัว โชว์เสียง หรืออย่างน้อยก็ต้องมีชื่อแซ่ของเจ้าตัวปรากฏเป็นที่รับรู้เสียก่อน ความเข้าใจดังกล่าวนั้นคลาดเคลื่อนนะครับ กรรมนั้นคือเจตนา ต่อให้คุณนอนคิดร้ายอยู่บนยอดเขา ไม่มีใครเห็น คุณก็ทราบชัดอยู่แก่ใจ และสามารถสำเหนียกรู้สึกได้ว่าใจคุณดำมืดเพราะโดนเมฆหมอกอกุศลทาบทับแล้ว

สำหรับกรรมที่ทำอยู่ในใจจริงๆ มีผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจคุณเองคนเดียวนั้น เรียกว่า ‘มโนกรรม’ สำหรับมโนกรรมนั้นจะสำเร็จสมบูรณ์เต็มขั้นในทันทีที่ตั้งใจคิดและมีความยินดีกับความคิดนั้น หากจะพูดว่ามโนกรรมคือกรรมที่ก่อแล้วยังไม่ทันส่งผลกระทบดีร้ายกับผู้อื่นก็คงได้ ตัวอย่างเช่นคุณคิดจะด่าเขา แต่ระงับใจไม่ด่า อย่างนั้นก็เป็นเพียงมโนกรรมอันเป็นอกุศล มีผลให้จิตคุณทุกข์ร้อนอยู่คนเดียว ยังไม่เป็นวจีกรรม ยังไม่มีเสียงกระทบหูใครให้ใจเป็นทุกข์ขึ้นมา

แต่หากคลื่นความคิดแรงจนทะลักรั้วกั้น หลุดจากสมองไปกระทบผู้อื่น ไม่ว่าจะทางภาษาพูดหรือภาษาเขียน ทำให้เขาเกิดความเข้าใจว่าคุณคิดอย่างไร ตรงนั้นจัดว่าเป็นวจีกรรมได้หมด พูดง่ายๆว่า ‘ภาษา’ นั่นเองคือเครื่องมือก่อวจีกรรมของมนุษย์

ฉะนั้นคุณจะแอบเขียนอะไรทางอินเตอร์เน็ตโดยใช้นามแฝงเฉพาะกิจ ไม่มีใครอื่นรู้เห็น ไม่มีใครรู้จักเลย แม้เพียงครั้งเดียวก็นับว่าสร้างวจีกรรมไปแล้วหนึ่งครั้ง และกรรมก็จะติดตามคุณเป็นเงาตามตัว ไม่ผิดต่างไปจากกรรมอื่นๆที่กระทำโดยเปิดเผยหน้าตาตัวตน เจตนาเกิดขึ้นที่จิตของคุณ กรรมก็เกิดที่จิตของคุณเช่นกัน เพราะกรรมคือเจตนา เจตนาคือกรรม ดังที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่าบุคคลคิดแล้วจึงก่อกรรมทางกาย วาจา ใจ

อินเตอร์เน็ตเปิดโอกาสให้เราเห็นอะไรหลากหลายจริงๆ แม้แต่การทำงานของกรรม อย่างเช่นที่ผมรู้จักหลายๆคน เห็นกรรมทางวาจาของเขาในเบื้องต้น แล้วได้เห็นพัฒนาการหรือความเสื่อมทรามทางจิตใจในเวลาต่อมา เป็นไปตามวิธีคิดเขียนให้ดีให้ร้ายแก่ผู้อื่น

ผู้ก่อความวุ่นวาย นานไปย่อมมีจิตใจที่วุ่นวาย ปั่นป่วนเหมือนพายุ และแสดงแนวโน้มที่จะฟุ้งซ่านแส่ส่ายไปในเรื่องเหลวไหล พูดจาจับต้นชนปลายไม่ติดมากขึ้นเรื่อยๆ

ผู้ก่อกระแสความเยือกเย็น นานไปย่อมมีจิตใจเยือกเย็น สงบราบคาบผาสุก และแสดงแนวโน้มที่จะแน่วนิ่งหนักแน่นในเรื่องเป็นเหตุเป็นผล พูดจามีต้นมีปลายมากขึ้นเรื่อยๆ

บอกได้เลยครับว่าวจีกรรมที่เกิดขึ้นในโลกอินเตอร์เน็ตนั้น อาจจะให้ผลเร็วและแรงเสียยิ่งกว่าวจีกรรมที่เกิดขึ้นในโลกความเป็นจริงเสียอีก ที่เป็นเช่นนี้เพราะอะไร? เพราะบนอินเตอร์เน็ตอาจมีผู้รับคำพูดของคุณจำนวนมาก ขอให้ลองนึกดู หากคุณพูดเบาๆว่า ‘ไอ้โง่’ ก็อาจมีคุณคนเดียวในโลกที่ได้ยินเสียงอกุศลของตัวเอง แต่ถ้าคุณพิมพ์คำว่า ‘ไอ้โง่’ ลงในกระทู้ของเว็บบอร์ดที่มีผู้เข้าเยี่ยมชมคับคั่ง คุณไม่มีทางปรับให้ดังหรือเบาได้ตามใจชอบได้เลย คุณทำอกุศลกรรมกับคนแบบไม่เลือกหน้าเข้าแล้ว คำด่านั้นอาจทำให้คนนับพันนับหมื่นเกิดความแสลงใจ ความแสลงใจของคนนับไม่ถ้วนนั่นแหละ จะย้อนกลับมาก่อเหตุให้คุณแสลงใจยิ่งกว่าพวกเขาได้

ผมเห็นแล้วนึกเสียดายครับ หลายคนยังเป็นเด็ก และมีความสนุกที่จะขีดเขียนข้อความฝากไว้ในอินเตอร์เน็ตด้วยความคึกคะนอง บางทีไม่รู้ตัวเลยว่าเอาอนาคตมาทิ้งเสียด้วยการสนทนาแบบไร้หน้าไร้เสียงนี่เอง

โอกาสก่อกรรมในยุคไอทีของพวกเรานี้ มีได้เป็นร้อยเป็นพันเท่ามากกว่ายุคอื่นครับ กระดิกนิ้วง่ายๆไม่กี่ที ผลอาจใหญ่หลวงยิ่งกว่าพยายามพูดในห้องประชุมใหญ่หลายๆอาทิตย์เสียอีก หากจิตตั้งไว้ดีแล้วก็สบายตัวไป แต่หากจิตยังตั้งไว้ในมุมมืด อย่างนั้นก็คงน่าเป็นห่วงหน่อยล่ะ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ส.ค. 05, 07:27
 อันข้าไทยได้พึ่งเขาจึงรัก
แม้ถอยศักดิ์สิ้นอำนาจวาสนา
เขาหน่ายหนีมิได้อยู่คู่ชีวา
แต่วิชาช่วยกายจนวายปราณ.

ทราบว่าเป็นของท่านสุนทรภู่ แต่ไม่ทราบที่มาอันละเอียดกว่านี้

วันที่ 23 ส.ค. 2548 - 06:49:25
โดย: บูรพ์  [IP: 203.113.67.68,,]


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: ju ที่ 29 ส.ค. 05, 22:04

ไปอ่านบทนี้มาจาก pantip.com  ค่ะ

...เพ็ญพระจันทร์นั้นสว่างแต่ข้างขึ้น
กระต่ายมึนเมาเพ็ญจนเป็นบ้า
แต่ทรามวัยใสสุกทุกเวลา
ให้ตัวข้าเมามึนทั้งขึ้นแรม ฯ

.............................น.ม.ส.

แล้วก็ ลทกวี ของท่านอังคารค่ะ

เสียเจ้าราวร้าวมณีรุ้ง
มุ่งปรารถนาสิ่งใดในหล้า
มิหวังกระทั่งฟากฟา
ซบหน้าติดดินกินทราย

จะเจ้บจำไปถึงปรโลก
ฤๅรอยโศกรู้ร้างจางหาย
จะเกิดกี่ฟากฟ้ามาตรมตาย
ก็อย่าหมายจะให้ หัวใจ

แต่บทหนึ่งที่  อ่านแล้วลืม  ก็มีค่ะ แต่ชอบมาก  ของ  อาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์    ที่บอก ประมาณว่า

อนิจจา ฉันทำชีวิตหล่นหายไปช่วงหนึ่ง  ช่วงที่เป็นบุหงาลดาวัลย์


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: ju ที่ 29 ส.ค. 05, 22:06
 ขอโทษค่ะ  พิมพ์ผิด  บทกวี // ฟากฟ้า   ค่ะ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 30 ส.ค. 05, 18:30
 แม้นแผ่นดินสิ้นชายที่พึงเชย
อย่ามีคู่เสียเลยจะดีกว่า


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: ครูหมูอ้วน ที่ 30 ส.ค. 05, 22:41
 ."..เพ็ญพระจันทร์นั้นสว่างแต่ข้างขึ้น
กระต่ายมึนเมาเพ็ญจนเป็นบ้า
แต่ทรามวัยใสสุกทุกเวลา
ให้ตัวข้าเมามึนทั้งขึ้นแรม ฯ "

ชอบมากเลยค่ะ  ไม่เคยอ่านมาก่อน
วรรคทองจริง ๆ    ขอบคุณที่นำสิ่ง ดี ๆ มาให้อ่านค่ะ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 02 ก.ย. 05, 19:44
 ต้องกราบขออภัยมาล่วงหน้าครับ เพราะบทกวีต่อไปนี้ไม่ใช่วรรคทอง แต่ติดใจการนำเสนอครับ
บทนี้เป็นของขรรค์ชัย บุนปาน แต่งเป็นโคลงกระทู้ ชื่อว่า ผีซ้ำด้ำพลอยครับ
ผี เหวผีห่าบ้า..................กระบวนผี
ซ้ำ ซากสากกระเบือตี...............ตะพดต้อง
ด้ำ ขวานบิ่นราวบุรี....................ไร้บุรุษ
พลอย ดิบพล่อยยอกย้อน.........เขยิบขึ้นพลอยหุง

นำมาจากศิลปวัฒนธรรม ฉบับตุลาคม 2547 ครับ
ส่วนเรื่องที่คุณนิรันดร์ถามว่า "สามวันจากนารี ... เป็นอื่น"นั้น ผมเห็นว่ากรมสมเด็จพระเดชาดิศรท่านคงจะทรงนิพนธ์ให้ "นารี" เป็นอื่น คือ เมื่อชายชาตรีต้องไปเกณฑ์ทหาร (สมัยก่อนใช้คำว่าอะไร?) ก็จะต้องจากลานางอันเป็นที่รัก ระหว่างนั้น"นารี"อาจจะปันใจให้ชายอื่นแม้จะไปในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งวัฒนธรรมสยามในสมัยนั้นให้สิทธิสตรีค่อนข้างน้อย(โดยเฉพาะข้อที่ไม่ให้หญิงมีผัวมากถ้ามิใช่นางกฤษณาในเรื่องกฤษณาสอนน้อง) แต่มีครูท่านหนึ่งเสนอว่า ควรใช้คำว่า "ชาตรี"แทน เพราะดู ๆ แล้วผู้ชายดูจะ"เป็นอื่น" มากกว่า แต่ก็นานาจิตตังครับ เพราะตีความได้สองแง่ คือ "ชาตรี"หรือ"นารี" เป็นอื่น(ปันใจให้ผู้อื่นที่มิใช่คู่ชีวิต) ครับ
ป.ล. ช่วยตีความโคลงเรื่องผีซ้ำด้ำพลอยให้ด้วยครับ โดยเฉพาะผีที่ชื่อว่า ผีด้ำ (แต่คนแต่งคงจะสื่อให้เข้ากับโคลงมากกว่าครับ)


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 12 ก.ย. 05, 08:42
 ขอบพระคุณที่อธิบายให้กระจ่าง
เมื่อชายร้างนารีไปที่อื่น
หล่อนมิได้แน่วแน่แลยั่งยืน
ชายก็กลืนน้ำตาไว้ไม่หลั่งริน


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ก.ย. 05, 08:59
 ผีด้ำ เป็นผีชนิดหนึ่ง  คือผีเรือน
ผีซ้ำด้ำพลอย เป็นสำนวนหมายถึงว่า โชคร้ายไม่ได้มาหนเดียว บางทีมันก็กระหน่ำพร้อมๆกันหลายทางแทบตั้งตัวไม่ติด
คำว่าด้ำ  หมายความได้ 2 อย่างคือเป็นชื่อผี  หรือ แปลว่าด้าม อย่างด้ามขวาน
คุณขรรค์ชัย เลือกความหมายที่สอง
ส่วนความหมายคืออะไร เห็นจะต้องถามคุณขรรค์ชัยเอาเอง   ดิฉันอ่านไม่เข้าใจ
บางที 4 บรรทัด อาจจะไม่ได้มีความหมายเกี่ยวข้องกันเลยก็ได้

สามวันจากนารี.........เป็นอื่น
เป็นทัศนะที่ผู้ชายตะวันออก (ไม่ใช่ไทยประเทศเดียว) มองผู้หญิง  ว่าเหมือนไม้เลื้อย    ต้องยึดเกาะอะไรสักอย่างที่ใกล้ตัว  อยู่ด้วยตัวเองโดดๆไม่ได้
ถ้าสามีมีเหตุให้ห่างไป  เธอก็ต้องหาชายอื่นมายึดแทน  ในระยะเวลารวดเร็วมาก
ส่วนผู้ชายเมื่อจากภรรยาไปสามวันเป็นอื่นหรือไม่    ต่อให้มีหญิงอื่น ผู้ชายก็ไม่นับว่าตัวเองเป็นอื่น  
เพราะยังไงก็ยังไม่สละตำแหน่งสามี  สามารถจะครอบครองหญิงได้หลายๆคนพร้อมกัน  
กฎหมายไทยโบราณก็ให้สิทธิ์ข้อนี้ไว้
สรุปอีกทีว่า ผู้หญิงต่อให้มีสามีทีละคน แต่ถ้ามีเกินหนึ่งขณะคนแรกยังไม่ตาย ถือว่า "เป็นอื่น"
แต่ผู้ชายต่อให้มีพร้อมกันหลายๆคน  ถือว่าไม่เป็นอื่น ถ้ายังไม่ทิ้งขว้างภรรยาเดิม


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 20 ก.ย. 05, 16:51
 [code]
         น้ำปลาโอชารส             มาตรแม้นมดหมดเมืองมา
ได้ลิ้มชิมน้ำปลา                      เป็นอดปลื้มลืมน้ำตาล

ไม่ทราบว่าใครแต่งครับ ระหว่างน.ม.ส. กับนายชิต บุรทัต
และขอขอบพระคุณอ.เทาชมพูเป็นอย่างสูงครับ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ก.ย. 05, 17:38
 ที่ถูกคือ
น้ำปลาโอชารส........... มาตรแม้นมดหมดเมืองมา
ลองลิ้มชิมน้ำปลา.........จักดูดดื่มลืมน้ำตาล

จากหนังสือ จดหมายจางวางหร่ำ
พระนิพนธ์ ของ น.ม.ส. (พระราชวรวงศ์เธอพระองค์เจ้ารัชนีแจ่มจรัส กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์)
ค่ะ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 20 ก.ย. 05, 18:18
 แหม อาจารย์เทาฯขอรับ  ขอรนหาที่หาญมาแย้งอาจารย์หน่อยเถิด  ขนบประเพณีใด หรือกฎระเบียบใด หากไม่เป็นธรรม ไม่เป็นที่ยอมรับโดยคนหมู่มากแล้ว  ก็จะอยู่ไม่ได้เอง  นี่เป็นสัจธรรมเลยนะครับ

ความนิยมยอมรับในแต่ละยุคสมัยก็ไม่เหมือนกัน เห็นเป็นคำโบราณจะเหมารวมไปหมดทั้งพันปี ก็คงไม่ถูก

ยังมีคำโบราณอีกประการ คือ ศาลา นารี วิถี คงคา มิให้ถือเป็นเดนใคร  เห็นไหมครับ  นี่ยังแสดงให้เห็นว่ายุคสมัยหนึ่ง ชายไทยแต่เดิมมิได้รังเกียจว่าตนต้องเป็นคนแรกของภรรยา เหมือนที่หลายๆคนเข้าใจ

เมื่อเห็นคำกล่าวที่แสดงทัศนะคติของคนโบราณ เราน่าจะใช้มาเป็นเครื่องมือทำความเข้าใจวัฒนธรรม ประเพณี สังคมในยุคนั้น จะเป็นประโยชน์กว่ามาคอยตั้งแง่ ตำหนินะครับ

ว่าแล้วก็เสียวไส้ ตูจะโดนสวนไหมเนี่ย ไปดีฝ่า


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ก.ย. 05, 20:37

ดิฉันน่ะ ตัวทางขวานะคะท่านผู้ชม


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 20 ก.ย. 05, 22:52
 เอ? คุณถาวศักดิ์พูดถึงนิยามของ วัฒนธรรม นี่นา
(ขอละลาบละล้วงครับ) เจ้าตัวการ์ตูนในความเห็นที่ 52 อ. เทาชมพูไปเอามาจากไหนครับ และขอบพระคุณ อ.เหมือนเช่นเคย (ที่ช่วยแก้ไขให้ครับ)
ผักโฉมชื่อเพราะพร้อง....เป็นโฉมน้องฤาโมไหน
ผักหวานซ่านทรวงใน...............ใคร่ครวญรักผักหวานนาง

กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๒ (เอามาจากทักษสัมพันธ์เล่ม ๓ ฉบับหลักสูตรก่อนปี 2545 ครับ) พระองค์คงจะทรงพระราชนิพนธ์ให้แก่สมเด็จเจ้าฟ้าบุญรอด(สมเด็จพระศรีสุเยนทรา บรมราชินี) ครับ
อ้อ ไม่ทราบว่ากาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานฉบับเต็ม ๆ (มีของหวานด้วย) เป็นอย่างไรครับ หาในห้องสมุดไม่เจอเสียที


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 20 ก.ย. 05, 22:54
 ขอแก้ครับ
ผักโฉมชื่อเพราะพร้อง....เป็นโฉมน้องฤาโมไหน
แก้เป็น
ผักโฉมชื่อเพราะพร้อง....เป็นโฉมน้องฤาโฉมไหน
ครับ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ก.ย. 05, 08:35
 พระราชนิพนธ์ กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน
 http://www.geocities.com/lekpage/kaphe01.htm

คุณถาวภักดิ์ไม่ได้พูดถึง วัฒนธรรม อย่างเดียวหรอกค่ะ อ่านดูดีๆ

ตัวการ์ตูนที่เอามา เป็น emoticons ของ โปรแกรม incredimail เป็นโปรแกรมรับส่งเมล์แบบเดียวกับ outlook express
ใช้รับส่ง hotmail ได้  
ต้องdownload โปรแกรมมาใช้ก่อน  จะมีตัว emoticons มาให้ฟรีค่ะ  


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ก.ย. 05, 08:40
 แถมตัวนี้ให้  


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 21 ก.ย. 05, 10:01
 โซซัดโซเซมาส่งนิ้วก้อยขอสงบศึกคร้าบ กลอนมันพาไปจริงๆนา จารย์จ๋า มือไวเหลือกำลัง กลัวแล้วจ้า

เปลก็ไกว ดาบก็แกว่ง แข็งหรือไม่
ใช่อวดเบ่ง หญิงไทย มิใช่ชั่ว
ไหนไถถาก ตรากตรำ ไหนทำครัว
ใช่ดีแต่ จะยั่ว ผัวเมื่อไร
แรงเหมือนมด อดเหมือนกา กล้าเหมือนหญิง
นี่จะจริง ดังว่า หรือหาไม่
ศึกถลาง ปางจะจอด รอดเพราะใคร
เพราะหญิงไทย ไล่ฆ่า พม่าแพ้

ส่งบรรณาการแล้ว ก็คลานกลับเข้าห้อง icu


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: particle-in-a-box ที่ 06 ต.ค. 05, 01:06
 สวัสดีค่ะทุกคน ฝากเนื่อฝากตัวและฝากกลอนนี้ของคุณเนาวรัตน์ค่ะ
คืนนี้มืดใช่มืดสนิท      ไฟดวงนิดยังมีแสง
 ขอเพียงลมพัดแรง          เถ้ามอดแดงก็จะลาม
    ทุ่งนี้รกใช่รกหมด       นั่นข้าวสดขึ้นแทรกหนาม
 ขอเพียงฝนจากฟ้าคราม    ข้าวจะงามท่วมหญ้าคา


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: particle-in-a-box ที่ 06 ต.ค. 05, 01:13
 อีกบทที่ชอบมากๆ
"ใครคือครูครูคือใครในวันนี้
ใช่อยู่ที่ปริญญามหาศาล
ใช่อยู่ที่เรียกว่าครูอาจารย์
ใช่อยู่นานสอนนานในโรงเรียน
ครูคือผู้ชี้นำทางความคิด
ให้รู้ถูกรู้ผิดคิดอ่านเขียน
ให้รู้ทุกข์รู้ยากรู้พากเพียร
ให้รู้เปลี่ยนแปลงสู้รู้สร้างงาน
ครูคือผู้ยกระดับวิญญาณมนุษย์
ให้สูงสุดกว่าสัตว์เดรัจฉาน
ครูคือผู้สั่งสมอุดมการณ์
มีดวงมาลย์เพื่อมวลชนใช่ตัวเอง
ครูจึงเป็นนักสร้างผู้ใหญ่ยิ่ง
สร้างคนจริง สร้างคนกล้า สร้างคนเก่ง
สร้างคนให้เป็นตัวของตัวเอง
ขอมอบเพลงนี้มา บูชาครู"


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 06 ต.ค. 05, 22:58
 [code]ศรีสิทธิ์พิศาลภพ เลอหล้าลบล่มสวรรค์ จรรโลงโลกกว่ากว้าง
แผนแผ่นผ้างเมืองเมรุ ศรีอยุธเยนทร์แย้มฟ้า แจกแสงจ้าเจิดจันทร์
เพียงพิพรรณผ่องด้าว ขุนหาญห้าวแหนบาท สระทุกข์ราษฎ์รอนเสี้ยน
ส่ายเศิกเหลี้ยนล่งหล้า ราญราบหน้าเภริน เข็ญข่าวยินยอบตัว
ควบค้อมหัวไหว้ละล้าว ทุกไทน้าวมาลย์น้อม ขอออกอ้อมมาอ่อน
ผ่อนแผ่นดินให้ผาย ขยายแผ่นฟ้าให้แผ้ว เลี้ยงทแกล้วให้กล้า
พระยศไท้เทิดฟ้า เฟื่องฟุ้งทศธรรม ท่านแฮ[code]
นิราศนรินทร์
ขอบพระคุณ อ.เทาชมดูมา ณ ที่นี้ครับ
ถ้าใช้ของ Yahoo จะสามารถใช้เจ้าตัวการ์ตูนดังกล่าวได้หรือเปล่าครับ
บทร่ายดังกล่าวมีบางวรรคที่แปลไม่ได้ด้วยครับ เช่นคำว่า ...สระทุกข์ราษฎ์รอนเสี้ยน ส่ายเศิกเหลี้ยนล่งหล้า ราญราบหน้าเภริน เข็ญข่าวยินยอบตัว ควบค้อมหัวไหว้ละล้าว ...ขอออกอ้อมมาอ่อน... วานช่วยแปลให้ด้วยครับ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ต.ค. 05, 10:03
 Yahoo ใช้ไม่ได้ค่ะ  hotmail ใช้ได้   ที่ใช้ได้อีกอย่างคือพวก pop 3

ขอแปลให้วรรคเดียวก่อนนะคะ

สระทุกข์ราษฎ์รอนเสี้ยน
สระ ปัจจุบันนี้เราเหลือมาใช้ในคำว่า สระผม   ความหมายคือ ชำระล้าง /ให้หมดจด  
ในที่นี้ก็คือบำบัดทุกข์ประชาชน
รอน = ตัดรอน  
เสี้ยน  = หนาม
ขจัดขวากหนามอุปสรรค ให้ประชาชน

คุณศรีปิงเวียงคะ คำว่า วานช่วยแปลให้หน่อย  เขาใช้กับเพื่อนรุ่นเดียวกัน หรือไม่ก็รุ่นน้อง
ถ้าไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายอายุเท่าไร แต่มากกว่าคุณ  
ใช้คำว่า ขอความกรุณาช่วยแปลให้ผม จะขอบคุณมากครับ
ก็จะน่าฟังแบบไทยๆมากกว่าค่ะ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 07 ต.ค. 05, 10:54
 จารย์ครับ สำนวนที่อาจารย์เมตตาสอนนั้นเป็นรูปแบบที่เป็นทางการ และได้รับความนิยมในแวดวงคนมีเงิน มีการศึกษาสูง หรือคุ้นเคยสัมผัสกับระดับชั้นต่างๆของราชการ  ก็ฟังเพราะหูดีอยู่ครับ ไม่ได้ติติงแต่อย่างใด หากเพียงอยากจะขอโอกาสกราบเรียนชี้แจงว่า (นี่  สำนวนเหมือนพ่นอยู่ในสภาฯเลย)

ชาวบ้านซึ่งเป็นกลุ่มประชากรจำนวนมากของประเทศเขาพูดอย่างนี้ไม่เป็นจริงๆครับ อาจารย์  และใครมาพูดกับเขาอย่างนี้  เขาก็จะมองงงๆ แบบนึกในใจว่า นี่มันลิเกหลงโรงมาจากไหน(วะ)  สำนวนไพเราะเช่นนี้จึงเป็นเพียงแบบไทยๆของคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น

จึงขอประทานกราบเรียนเสนอมาด้วยความเคารพอย่างสูง

ป.ล. ข้าน้อยสมควรตายพันครั้ง แต่โปรดเว้นโทษประหารครั้งนี้ด้วยเถิด


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 07 ต.ค. 05, 13:10
 คุณ ค.ห. 62 อย่าว่าดิฉันตามมาราวีที่กระทู้นี้เลยนะคะ

"สำนวนไพเราะเช่นนี้จึงเป็นเพียงแบบไทยๆของคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น" คงไม่จริงมังคะ

ดิฉันเห็นด้วยกับอาจารย์เทาฯ คำว่า "วาน" ใช้กับผู้ที่อ่อนอาวุโส  (หรือเท่าเทียม) ไม่ว่าจะเป็นอายุ ตำแหน่ง หรือสถานภาพทางสังคม

ในภาษาอังกฤษมีคำว่า I and you ซึ่งแสดงออกถึงความเสมอภาคกันมากกว่าคำในภาษาไทย เวลาที่ดิฉันติดต่อ e-mail กับผู้ที่เหนือกว่าทางวัยวุฒิ หรือคุณวุฒิ และมีระยะห่าง ดิฉันจะรู้สึกโล่งอกถ้าติดต่อกันเป็นภาษาอังกฤษ หากจำเป็นต้องใช้ภาษาไทย ดิฉันก็คงต้องใช้แบบที่อาจารย์แนะนำนั่นแหละค่ะ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ต.ค. 05, 13:52
กราบเรียนท่านถาวภักดิ์ ด้วยความเคารพ
(เหมือนสภาไหมคะ)
ผู้ที่เข้ามาเล่นในเว็บวิชาการ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าน่าจะเรียกความสนใจของคนกลุ่มไหน  คงไม่ใช่ชาวบ้านห่างไกลสุดขอบฟ้าหรอกค่ะ  ก็ครูบาอาจารย์และนักเรียนนักศึกษาที่มีแววว่าจะเป็นนักวิชาการต่อไปภายหน้า
คำพูดแบบนี้เขาคงผ่านหูมาแล้ว  ในชั้นเรียน  เพียงแต่อาจจะลืมไปบ้างเท่านั้นเอง  ก็แค่บอกให้ทราบ  ไม่ได้ตำหนิติเตียนอะไร

ต่อไปนี้...นอกสภา

อ้ายถาเป็นจังได๋   ไล่บี้ข้อยมาหลายกระทู้ มีอันหยังก็ข่อยว่าข่อยจา
เกิดสูนหยังถึงมาเฟียข้อย


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 07 ต.ค. 05, 14:54
 แหะ ๆ วาสนาเดิมตัดไม่ได้ขอรับ ท่านอาจารย์ ไม่รู้เป็นไง เผลอเมื่อไร ปากจะแกว่งไปหาเสี้ยนซะทุกที

ประเด็นที่อาจารย์ดุลูกศิษย์ ก็เห็นด้วยทุกประการครับ ที่ผมกล่าวขึ้นมาเป็นคนละประเด็น ที่ขอคุกเข่าสารภาพผิดทุกข้อหาว่าไม่ชอบด้วยกาละและเทศะที่ทะลึ่งนำเสนอมุมมองจากประสบการณ์แบบทะลุกลางปล่อง แต่ด้วยเล็งเห็นว่าท่านอาจารย์เทาของพวกเรา ทั้งสวยทั้งใจดี แสนงดงามเพียบพร้อม น่ารักหมดจด  จึงตึงๆตังๆไปบ้าง  ขอถือเป็นการใส่พริก บีบมะนาว พอแซบปากหลาย นะครับ เชื่อว่าอย่างไรอาจารย์แสนสวยคงไม่ใจร้ายลงโทษลูกนกลูกกาตาดำๆรุนแรงนัก

อ้า...ครือว่า อาศัยที่เคยต้องทำงานสัมผัสกับผู้คนจำนวนพอสมควรมาทั่วประเทศ  อย่างบางทีก็สวมบทสิงห์คะนองนาบ้าง  บางทีต้องสถิตย์ตามยอดดอยบ้าง  ผมจึงนึกถึงประเด็นดังกล่าว โดยมิได้จะตำหนิอาจารย์จริงๆนา  แบบว่าเห็นช่องก็เลี้ยวคว้าบเลย


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 07 ต.ค. 05, 18:12
 การเลือกใช้สรรพนามบุรุษที่ 2 บางครั้งก็เป็นเรื่องยากค่ะ ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ของบุคคลที่เราสนทนาด้วย ถ้าทางการมากๆ หรือส่วนตัวมากๆ มักจะไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าก้ำๆกลึ่งๆ อาจเลือกไม่ถูก

บ่อยครั้งดิฉันต้องส่งเมล์หางว่าวเชิญประชุมตั้งแต่ผู้ใหญ่มากๆจนถึงเด็กในฉบับเดียวกัน ประเด็นการเลือกใช้สรรพนามทำให้ร่างหนังสือลำบาก ดิฉันใช้ข้ออ้างว่า Thai fonts ไม่เวิร์ค ที่ไม่เวิร์คก็จริงอยู่ แต่ก็จงใจไม่แก้ให้เวิร์ค คราวจวนตัวจริงๆก็ใช้ word file แนบไป ผู้ใหญ่บางท่านถามว่าเมล์เป็นอะไร นานๆครั้งก็ส่งฟอนต์ประหลาดๆออกไปชุดหนึ่ง จนเดี๋ยวนี้เลิกถาม


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 07 ต.ค. 05, 18:22
 นกเอ๋ยนกกิ้งโครง
หลงเข้าโพรงนกเอี้ยงเถียงเจ้าของ
อ้อยอี๋เอียงอ้อยอี๋เอียงส่งเสียงร้อง
เจ้าของเขาว่าน่าไม่อาย
แต่นกยังรู้ผิดรัง
นักปราชญ์รู้พลั้งไม่แม่นหมาย
รู้ผิดรับผิดพอผ่อนร้าย
ภายหลังจงระวังอย่าพลั้งเอย

เวลาผมพบเหตุการ หรือภาพ หรืออะไรที่เข้ามาแวะก็มักจะนึกถึงกลอนหรือเพลงที่เคยท่องร้องเล่น มิได้เจตนาจะว่าใครหรอกนะครับ
แต่ก็มีหลายครั้งเหมือนกันที่ทำตัวเหมือนแกว่งเท้าหาเสี้ยน

ร่ายสุภาพของท่านนิราศนรินทร์ เป็นร่ายครูของผมเลย ชอบมากและท่องได้ขึ้นใจ
เวลาจะแต่งร่าย ก็จะระลึกถึงบทนี้ก่อนแล้วก็ใส่ข้อความของเราลงไปโดยใช้ลีลาของท่าน  

.....เรืองเรืองไตรรัตน์พ้น .... พันแสง
รินรสพระธรรมแสดง ........ ค่ำเช้า
เจดีย์ระดะแซง ...................เสียดยอด
ยลยิ่งแสงแก้วเก้า ............... แก่นหล้าหลากสวรรค์


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 11 ต.ค. 05, 12:25

แรกบุปผามาลีเยาว์เจ้างามนัก
แลสลักเหลี่อมรับกับเกสร
ดอกน้อยๆๆลอยระรวยสุคนธร
ราวพร่ำวอนภมรภู่หมู่แมลง
แสนวิสุทธิ์บุษบามาลาทิพย์
เร้นระยิบกลางวารีที่แอบแฝง
ถึงสุดเอื้อมจะสู้บินจนสิ้นแรง
หาญหาแหล่งบุปผชาติเพียงขาดใจ
เสียดายงามทราบเชยเฉลยกลิ่น
หากเหลือบริ้นลอบชมดมดอกไซร้
หรือคงเด่นเห็นค่าเป็นมาลัย
หยามหทัยให้รันทดหมดคนปอง
ใคร่พิทักษ์รักษาผกาพันธุ์
กลับอัดอั้นจนใจใช่เจ้าของ
แม้ชอกช้ำเขาล้ำลามตามลำพอง
ยิ่งหม่นหมองเศร้าจิตคิดวายปราณ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 11 ต.ค. 05, 21:45
 ก่อนอื่นต้องขออภัยอ. เทาชมพูมา ณ ที่นี้ครับ ที่ใช้คำ(เขาเรียกว่าอะไร)ผิดกาลเทศะครับ ไม่ทันได้ตรองก่อน คิดว่าคงสุภาพแล้วครับก็เลยใช้คำนี้
ท่านถาวศักดิ์ที่เคารพ(เหมือนในสภามากกว่าครับ) ไม่ทราบว่าท่านถาวศักดิ์ไปเอากลอนสุภาพความเห็นที่ 68 มาจากไหนครับ เพราะ ไพเราะเพราะพริ้งเพริศ งามล้ำเลิศเสียยิ่งนัก เมื่อฉันได้ประจักษ์ ก็นึกทักว่าของใคร(แต่งมั่ว ๆ เองครับ ไม่ได้เอาจากไหน)
วันนี้ นึกขึ้นได้ว่ากำลังค้นเรื่องกรมหลวงภูวเนครนรินทร์ฤทธิ์ ก็เลยนำเพลงยาวที่มีถึงเจ้าจอมมารดาลูกจันทน์เล็กมาฝากครับ ผมไม่ทราบว่าฉบับเต็ม ๆ มีไหนครับ ขอความกรุณาท่านประธานถาวศักดิ์,คุณ Nuchan ,อ.เทาชมพู หรือท่านใดก็ได้ช่วยชี้แนะด้วยครับ
คิดถึงหม่อมจอมอนงคสุดสงสาร
นิจาเอ๋ยเคยเป็นโสดเปรื่องโปรดปราน    สถิตสถานสถาพรบวรวัง
เพียงจอมเมรุพิมานนิพานพ้น    ก็เสื่อมศุขเศร้ากระมลแต่หนหลัง
ใครจะชุบอุปถำภ์เป็นกำลัง    ให้เหมือนคราวเดิมเป็นเจิมจอม
...
เหนอยู่เดียวเปลี่ยวอารมณ์มานมนาน    คิดสงสารแสนรักจึงชักจูง
เดิมไม่เศร้าเสื่อมสลดมียศอยู่    เคยเป็นคู่เคียงหงษ์ที่วงษสูง
ก็สิ้นหงษ์แล้วจงวกลงนกยูง    อยู่ให้ฝูงกากวนไม่ควนเคียง

อนึ่ง เพลงยาวบทนี้ คุณชลอ ช่วยบำรุง ระบุว่า มี 64 วรรคครับ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 13 ต.ค. 05, 11:15
 กระผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างที่สุดที่ ท่านศรีปิงเวียงกรุณาเมตตาทักทาย  และยิ่งปลาบปลื้มปิติยินดีอย่างหาประมาณมิได้  เมื่อท่านศรีปิงเวียงกล่าวชมกลอนที่กระผมนำมาลงเป็นของกำนัลแด่ท่ายอาจารย์เทาฯผู้น่ารักของพวกเรา เพื่อเป็นการไถ่โทษอีกชั้นหนึ่ง ที่อาจเอื้อมกล่าวถ้อยคำเป็นที่ระคายเคือง มิพึงใจไปในครั้งก่อน  และยังเข้าประเด็นที่กราบเรียนเสนอไว้ในอีกกระทู้ ว่าด้วยเพลง Only Sixteen  ซึ่งทั้งสองกรณีต่างร่วมแนวหวานซึ้งไร้เดียงสาพาฝันยิ่งนัก

โฮย เหนื่อยอิ๋บอ๋า... พูดจาภาษาสภานี่ อ้ายปิงหันโตยก่อ

เล่นชมดักหน้าไว้ เลยกลืนไม่เข้า คายไม่ออก ไม่ค่อยกล้าจะบอกว่ามาจากหัวตัวเองนี่แหละครับ  ท่านปิงเอ๋ย เค้าเขินนะ จะบอกให้

ส่วนเพลงยาวนั้น ดูเหมือนผ่านตามาเหมือนกัน แต่ก็คงนานมากจนความจำฝังลึกไปอยู่ด้านในสุดของ memory drive รุ่นแรกแบบ sequential access  กว่าจะงัดออกมาได้(ถ้ายอมออก) คงได้ลืมคำถามไปอีกหลายรอบ  คงต้องรบกวนท่านผู้รู้จริงมาช่วยแล้วละครับ  จะคอยเก็บเกี่ยวความรู้ด้วยคน


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 31 ต.ค. 05, 17:25
 ศรีสวัสดิเดชะ ชนะราญอรินทร์ ยินพระยศเกรียงไกร เพียงพกแผ่นฟากฟ้า หล้าล่มเลื่องชัยเชวง เกรงพระเกียรติระย่อ ฝ่อใจห้าวบมิหาญ ลาญใจแก้วบมิกล้า บค้าอาตม์ออกรงค์ บคงอาตม์ออกฤทธิ์ ท้าวทั่วทิศทั่วเทศ ไท้ทุกเขตทุกด้าว น้าวมกุฎมานอบ มอบบัวบาทวิบุล อดุลยานุภาพ ปราบดัสกรแกลนกลัว  หัวหั่นหายกายกลาด ดาษเต็มท่งเต็มดอน พม่ามอญพ่ายหนี ศรีอโยธยารมเยศ พิเศษสุขบำเทิง สำเริงราชสถาน สำราญราชสถิต พิพิธโภคสมบัติ พิพัฒน์โภคสมบูรณ์ พูนพิภพดับเข็ญ เย็นพิภพดับยุค สนุกสบสีมา ส่ำสนองนอบเกล้า ส่ำสนมเฝ้าฝ่ายใน ส่ำพลไกรเกริกหาญ ส่ำพลสารสินธพ สบศาสตราศรเพลิง เถกิงพระเกียรติฟุ้งฟ้า ลือตรลบแหล่งหล้า โลกล้วนสดุดี
ลิลิตตะเลงพ่าย
พระนิพนธ์ในสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส
อ่านที่คุณถาวศักดิ์ตอบให้แล้ว รู้สึกอย่างไรผมจะบอกคราวหลังนะครับ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: มัทนา ที่ 02 พ.ย. 05, 16:54

อ้า..อรุณแอร่มระเรื่อรุจี
ประดุจมโนภิรมย์ระตี ณ แรกรัก
แสงอรุณวิโรจน์ นภาประจักษ์
แฉล้มเฉลาและโศภิศนัก ณ ฉันใด
หญิงและชาย ณ ยามระตีอุทัย
สว่าง ณ กลางกมล ลไม ก็ฉันนั้น

บทพระราชนิพนธ์ ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว
เรื่อง "มัทธนพาธา" ตำนานแห่งดอกกุหลาบ  


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 28 พ.ย. 05, 10:35
 " น.ม.ส" เป็นชื่อย่อรึปล่าวครับ ถ้าเป็นชื่อย่อ จะย่อมาจากอะไร  แต่ถ้าจะให้เดาผมเดาว่าคงมาจากชื่อของท่านเอง (พระราชวรวงศ์เธอพระองค์เจ้ารัชนีแจ่มจรัส กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์) ท่านอาจนำตัว น.มาจากตัวท้ายของคำว่า "รัชนี" ,ตัว ม. มาจากตัวท้ายของคำว่า "แจ่ม" ,และตัว ส. มาจากท้ายของคำว่า "จรัส" ..ตรงนี้ผมเดาเอาเองข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรครับ........พี่ๆ    
[เรียกพี่จะได้ดูเป็นกันเอง(ไม๊หนา)]
โครงบทนี้ ท่านได้แต่ใดมาครับพี่นิรันด์  แต่งเองรึปล่าว?......
. .... . ต้นหญ้าผลิดอกได้ . . ... . . ทันใจ
การศึกษาเป็นไป . . . .. . . . . . . . เช่นนั้น
ดาววัยรุ่นทำไฉน . . . . . . . .. . . . ตามอย่าง แน่เฮย
กลอนเปล่าวิบัติสบั้น . . . . . . . . สื่อให้เรียนเอา

. . . . .บอกจำจำง่ายได้ . .  . . . . . ไม่ทำ
ผรุสวาทออกเพียงคำ . . .. . . . . . แม่นแท้
เด็กเล็กกลับเที่ยวนำ . . .  . . . . . ไปพร่ำ ทั่วนา
ตัวอย่างยินเพียงแม้ . . . . .  . . . . ครึ่งครั้งทำตาม
.....ลอกมาจากความเห็นที่36 ของพี่นิรัดร์....มิ.ย.48


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: ayjung ที่ 05 ธ.ค. 05, 12:39
 เส้นทางที่คดเคี้ยวเราจงเลี้ยวเอี้ยวตามไป
ไปสู่อนาคตไกลคือแสงไฟไปด้วยกัน


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: Dominio ที่ 06 ธ.ค. 05, 20:17
 ขุนช้างขุนแผน ๏ ๏
ตอน - พลายงามอาสาไปตีเชียงใหม่

ครานั้นเพชรกล้าได้ฟังถาม
ก็ชื่นชอบตอบความหาช้าไม่
ซึ่งถามเราจะเล่าให้เข้าใจ
เจ้าชาวใต้ไม่รู้จู่ขึ้นมา

   เราเป็นเชื้อเจ้าท้าวคำแมน
มียศถึงแสนตรีเพชรกล้า
เป็นเชื้อชาติทหารชาญศักดา
ในลานนาใครใครไม่ต่อแรง

   พระครูผู้บอกวิทยา
ชื่อว่าศรีแก้วฟ้ากล้าแข็ง
สถิตยังเขาคำถ้ำวัวแดง
ทุกหนแห่งเลื่องลือนับถือจริง

   เจ้าหนุ่มน้อยนี่หรือชื่อพลายงาม
ช่างสมรูปสมนามดูงามยิ่ง
ตละแกล้งหล่อเหลาเพราพริ้ง
รูปร่างอย่างผู้หญิงพริ้งพรายตา

   จะเปรียบลูกก็อ่อนกว่าลูกเล็ก
จะเปรียบหลานพาลจะเด็กกว่าหลานข้า
ไม่ควรจะรบสู้กับปู่ตา
กลับไปบอกบิดามารอนราญ

   จะได้เป็นขวัญตาโยธาทัพ
เป็นฉบับแบบไว้ในทหาร
ยังเด็กอยู่คอยดูวิชาการ
เฮ้ยเจ้าหลานพ่ออยู่ไหนไปบอกมาฯ

 ๏ ครานั้นพลายงามทรามคะนอง
ร้องตอบต่อคดีตรีเพชรกล้า
แน่เธออย่าเพ่ออหังการ์
เจรจาหมิ่นประมาทเราชาติเชื้อ

   ตัวท่านแก่กายอย่างควายเฒ่า
อันตัวเราถึงเด็กเล็กลูกเสือ
ฝีมือใครไพร่ลาวแหลกเป็นเบือ
อย่าหลงเชื่อว่าผู้ใหญ่จะไม่แพ้

   ถ้าไม่ดีที่ไหนใครจะมา
จะขอลองวิชากับตาแก่
ให้ปรากฏฤทธีว่าดีแท้
ฤๅเป็นแต่ปากกล้ากว่าฝีมือ

   ขออภัยอย่าให้ถึงบิดา
แต่ลูกยาท่านจะชนะหรือ
มาลองดูสักหนให้คนลือ
จะปลกเปลี้ยเสียชื่อดอกกระมัง

 ๏ ครานั้นแสนตรีเพชรกล้า
โกรธาตาแดงดั่งแสงครั่ง
เหม่อ้ายนี่หนักหนาว่าไม่ฟัง
มาโอหังอวดรู้สู้สงคราม

   เท้ากระทืบกระทบโกลนโผนผก
มุ่นหมกขับคว้างมากลางสนาม
ท่วงทีขี่ม้าสง่างาม
รำง้าวก้าวตามกระบวนทวน


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: Dominio ที่ 06 ธ.ค. 05, 20:24

สัตว์สวยป่างาม
จาก - มูลบทบรรพกิจ - โดย พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย)

เห็นกวางย่างเยื้องชำเลืองเดิน.......เหมือนอย่างนางเชิญ
พระแสงสำอางข้างเคียง
เขาสูงฝูงหงส์ลงเรียง...........เริงร้องซ้องเสียง
สำเนียงน่าฟังวังเวง
กลางไพรไก่ขันบรรเลง............ฟังเสียงเพียงเพลง
ซอเจ้งจำเรียงเวียงวัง
ยูงทองร้องกระโต้งโห่งดัง.......เพียงฆ้องกลองระฆัง
แตรสังข์กังสดารขานเสียง
กะลิงกะลางนางนวลนอนเรียง........พญาลอคลอเคียง
แอ่นเอี้ยงอีโก้งโทงเทง
ค้อนทองเสียงร้องป๋องเป๋ง...........เพลินฟังวังเวง
อีเก้งเริงร้องลองเชิง
ฝูงละมั่งฝังดินกินเพลิง..........ค่างแข็งแรงเริง
ยืนเบิ่งบึ้งหน้าตาโพลง
ป่าสูงยูงยางช้างโขลง...........อึงคะนึงผึงโผง
โยงกันเล่นน้ำคล่ำไป


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: Dominio ที่ 06 ธ.ค. 05, 22:02

ตรองแต่ครั้ง ร. 1 ท่านพึ่งเกิด
ตรึกแต่ครั้งกำเนิดเป็นหนุ่มหนา
ตรองหนหลังแต่ครั้ง ร. 2 มา
คำนึงว่าเกียรติระบือลือทั่วแดน

ครั้น ร. 3 อับโชคฉุดสุดลำบาก
ถึง ร. 4 ท่านจำพรากจากไกลแสน


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: Dominio ที่ 06 ธ.ค. 05, 23:31

คำสอนนี้ น่าจะเป็นจริงสำหรับทั้งหญิงและชาย


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: อารยบุตร ที่ 12 ธ.ค. 05, 18:35
 ..อัคเรศเกศแก้วกฤษณา......ยิ่งยศปรีชา
เฉลียวเฉลิมโลกีย์
..ประติบัติกษัตราสวามี........ห้าองค์นฤบดี
เสน่ห์สนิทนิจกาล
..ห่อนเคียดขึ้งคำรำคาญ......เขษมสุขสำราญ
ภิรมย์ฤดีปรีดา
..ผลัดเปลี่ยนเวียนเวรราชา...ถนอมแนบนิทรา
ละวันบรรโลมโฉมสมร.........ฯลฯ

(กฤษณาสอนน้องคำฉันท์ พระนิพนธ์ในสมเด็จกรมพระปรมานุชิตชิโนรส)


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: อารยบุตร ที่ 12 ธ.ค. 05, 18:53
 ..พระดูดำเนินหง......สพธูอันรางชาง
ย่างเยื้องระบำนาง.....และประเอียงประอรองค์
..ขุนหงสเหิรสู่..........คในสระบรรจงสรง
สาวหงสเหิรลง.........และประดับดูเรียงรัน
..พระแลคำนึงนาง....อันหนุ่มหน้าสมบูรณ์จันทร์
จำนำบำเรอคัล.........ประดิทินที่มณเทียร
..พระแลคณานก......อันอเนกอาเกียรณ์
รังเรียงดูดาษเดียร....พรรณพฤกษ์พนาลี
..ร่อนร้องระงมสม....และบรรสารสำเนียงสี
สวนศัพทเปรมปรี-....ดิประดุจดั่งดุริยางค์


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: อารยบุตร ที่ 12 ธ.ค. 05, 18:59
 ..เรียงเรียงทิพากร......ทวิชกรสระกอกลาง
ป่ากว้างยังรังราง........และคู่คล้ายก็บินโบย
..นกหกต่างรวงรัง......และประนังบังเหิรโหย
หากันกระสันโบย.......บัตรเรียกมารังเรียง
..ดูรูปนานา..............ดูปักษาประอรเอียง
ฟังสารสำเนียงเสียง...นุประเภทนานา
..นางนกและนกผู้......สองหากรู้เสน่หา
จรรจวนโดยภาษา......สัตว์เล่นหลากหลายกล
..นกผู้ต่างรวงรัง........และประนังกันแข่งขน
เหยื่อป้อนปากเมียตน..และตระเหิรตระหวลกัน
..พระแลคณานก........และตระดกกมลมรรษ์
ใจจงพธูสวรร-...........คและท้าววังเวงใจ

(สมุทรโฆษคำฉันท์)


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 20 พ.ค. 06, 10:52
 ทะเลบ้า
เจือ สตะเวทิน
ความโกรธนั้นมันเหมือนทะเลบ้า คลื่นซัดซ่าสาดโครมโถมถลา
ลมกระหน่ำซ้ำคลื่นครืนครืนมา เหมือนอุราพลุ่งโชติเพราะโกรธครัน
ดังคลื่นลมมาระดมอยู่ในอก มันป่วนปั่นงันงกจนอกสั่น
หน้าบึ้งแผดเสียงเยี่ยงกุมภัณฑ์ แยกเขี้ยวฟันเสียสง่าไม่น่าดู
ขาดสติตริตรองใจหมองมัว มักทำชั่วหุนหันพลันอดสู
ถึงจะมีปรีชาปัญญาฟู หากมิรู้ระงับโกรธโทษร้ายจริง
ควรคุมใจไว้ให้เหมือนทะเลสงบ จะประสบผลดีเป็นที่ยิ่ง
ต้องใจเย็นเข้าไว้ไม่ไหวติง เขาชนะกันเพราะนิ่งมีถมไป


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: ศนิ ที่ 23 พ.ค. 06, 19:12
 โซ่ตรวนผูกรัดสักร้อยหุน
ใจมั่นมุ่งหักทลายได้
แต่ใยรักบางเบาสักเท่าใด
ผูกพันไว้แนบสนิทนิจนิรันดร์


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: ศนิ ที่ 23 พ.ค. 06, 20:25
 เอ ข้างบนนี่ ไม่ถือเป็นวรรณคดี รึเปล่าคะ
ขอโทษค่ะ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: โพธิ์ประทับช้าง ที่ 25 พ.ค. 06, 12:41
 จาก 3 เรื่อง ลองทายกันดูครับ ว่ามาจากเรื่องไหน ?

บทแรก

ปางศิวะเจ้าเนา    ณ พิมาน
บรรพตศานต์      โสภณไกร
ลาสรโห            โอ่หฤทัย
ทราบมนใน        กิจพิธี

ทวย ธ กระทำ     กรรมพิเศษ
อัศวเมธ             ปูชยพลี
เคลื่อนวรองค์      ลงปฐพี
สู่พระพิธี            สาทรกรรม
.


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: โพธิ์ประทับช้าง ที่ 25 พ.ค. 06, 12:43
 บทสอง ตัดมา

เกลื่อนกรูหมู่จัตุรงค์    
เปนกันกงเรียงกันไป
ทรงช้างระวางใน        
เทพลีลาหลังคาทองฯ

นักสนมกรมชแม่มี่      
ขี่ช้างกูบรูปโลมใจ
พักตราอ่าผ่องใส        
นุ่งห่มโอ่โสภาจริง

เพริศเพราเหล่านางห้าม  
งามทรงงามตามเสด็จไป
ผมมวยรวยริมไร          
ม่านปีกนกวกวงวัง
.


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: โพธิ์ประทับช้าง ที่ 25 พ.ค. 06, 12:55

บทสาม ยาวหน่อย เป็นร่ายครับ

จำจะยกโยธาคลาไคล ตามองค์พระอไภยเชษฐา ว่าพลางนางแปลงกายา เป็นองค์สุดาเยาวมาลย์
รี้พลให้กลายเป็นโยธา ไอยราแปลงเป็นคชสาร พาชีแปลงเป็นอาชาชาญ พระพรหมมานแปลงเป็นท้าวธาดา
ไกรสรให้แปลงเป็นสิงหราช สกุณชาติให้แปลงเป็นปักษา พระราเมศแปลงเพศเป็นรามา พยัคฆาแปลงเป็นพยัคฆี
พระยาครุธแปลงเป็นสุบรรณจร วานรแปลงเป็นกระบี่ศรี นาคาเป็นพระยาวาสุกรี โกสีย์แปลงเป็นท้าวหัสนัย
พระสุริยันต์นั้นเป็นทินกร ศศิธรเป็นดวงแขไข เจ้าพลายงามแปลงนามเป็นหมื่นไวย ชาลวันนั้นให้เป็นกุมภา
พระอิศวรแปลงเป็นพระศุลี ทรพีแปลงเป็นมหิงษา เทเวศร์แปลงเพศเป็นเทวา กินราแปลงเป็นกินรี
พระยาหงส์แปลงองค์เป็นเหมราช พระดาบสแปลงชาติเป็นฤษี โคกลายกายาเป็นคาวี มฤคีแปลงร่างเป็นมฤคา
มยุเรศแปลงเพศเป็นยูงพลัน ทศกัณฑ์นั้นแปลงเป็นยักษา อุณากรรณนั้นเป็นบุษบา   ปันหยีแปลงกายาเป็นอายัน
ขุนแผนแปลงกายเป็นพลายแก้ว สียะตราเพริศแพร้วเป็นหย้าหรัน คนธรรพให้แปลงเป็นคนธรรพ์ นางพิมพ์กลายพลันเป็นวันทอง
ต่างตนสำแดงแผลงฤทธิ์ ทศทิศไหวจบสยบสยอง โยธาเหลือหลายก่ายกอง คับคั่งทั้งท้องสนามใน

ทายกันสนุกๆ ครับ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 25 พ.ค. 06, 15:16
 ขออนุญาตตอบความเห็นที่ 87 ครับ
มาจากเรื่อง อุณรุทร้อยเรื่องครับ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 25 พ.ค. 06, 15:41
 จากสามัคคีเภทคำฉันท์ ของกวีชิต บุรทัต
ตอนที่วัสสกัลพราหมณ์ให้ความเห็นโต้แย้งกับพระเจ้าอชาติศัตรูกลางที่ประชุม
พระเจ้าอชาติศัตรูแสร้งพิโรธแล้วงดโทษตาย ด้วยที่เป็นอาจารย์สั่งเฆี่ยนแล้วให้โกนผม แล้วก็ขับออกจากเมือง
นี่นะเห็นเพราะเป็นอมาตย์กระทำ ...... พระราชการมาฉนนำสมัยนาน
ใช่กระนั้นละไซร้จะให้ประหาร ......... ชีวาตและหัวจะเสียบประจานทันที
นาคราภิบาลสภาบดี .......................... และราชบุรุษและเฮยจะรีจะรอไย
ฉุดกระชากและลากกลีอปรีย์เถอะไป ....บ่พักจะต้องกรุณอะไรกะคนคด
ลงพระราชกรรมกรณ์บท .................. พระอัยการพิพากษกฎและโกนผม
ไล่มิให้สถิตณคามนิคม ...................... นครมหาสิมานิยมบุรีไร
มันสมัครสวามิภักดิใน ....................... อมิตรลิจฉวีก็ไปบ่ห้ามกัน
....
แล้วเป็นภาพที่วัสกัลพราหมณ์ถูกโบย

บงเนื้อก็เนื้อเต้น .... พิศเส้นสรีรัว
ทั่วร่างและทั้งตัว .. ก็ระริกระริวไหว
แลหลังละลามโล ... หิตโอ้เลอะหลั่งไป
เพ่งพาดอนาถใจ ... ระกะร่อย เพราะรอยหวาย
เนื่องนับเอนกแนว .. ระยะแถวตลอดลาย
เฆี่ยนครบสยบกาย . ศิรพับพะกับคา


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: 111 ที่ 26 พ.ค. 06, 12:26
 โอเจ็บกูเร่งเจ็บ           คือเหน็บเสี้ยนเสียดแดกลาง
ใจจากประจากปาง      ประลองกามกามี
โอ้เสียงสำเนียงสัต      วร้องในพนาลี
โอ้อกกรอุชี               วิตเพี้ยงพินาศนาศ
โอ้แสงพระสุริย์ฉาย     รสายเมฆอากาศ
โอ้เจ็บบำราศราส         บสว่างคือคมแด

จากอนิรุทคำฉันท์ ของศรีปราชญ์
ชอบมาก ดูเจ็บปวดได้อารมณ์

ของคุณนิรันด์

บงเนื้อก็เนื้อเต้น .... พิศเส้นสรีรัว
ทั่วร่างและทั้งตัว .. ก็ระริกระริวไหว
แลหลังละลามโล ... หิตโอ้เลอะหลั่งไป
เพ่งพาดอนาถใจ ... ระกะร่อย เพราะรอยหวาย
เนื่องนับเอนกแนว .. ระยะแถวตลอดลาย
เฆี่ยนครบสยบกาย . ศิรพับพะกับคา

ก็ชอบมาก เห็นภาพเลย
เจ็บแทน


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: Gotz21 ที่ 18 มิ.ย. 06, 00:38
 เพลงกระต่ายเต้น
ของ อ.ไชย ทางมีศรี กรมศิลปากร
.........................................................
จันทราลอยแจ่มฟ้าเด่น    คืนเพ็ญมองเห็นเย็นตา
กลางจันทร์คนเก่าเล่าว่า   ยายตาทำนาสองคน
พาน้องชมจันทร์เจ้าขา   จันทร์จ๋าขอข้าวขอแกง
ยังรอขอแหวนทองแดง   ใส่มือน้องข้าน่ายล
โบราณเปรียบเปรยเอ่ยไว้ ให้เราซึ้งในกมล
ดวงจันทร์ผูกพันกับคน   เหตุผลมีมามากมาย
จันทราเป็นดวงโดดเด่น   กระต่ายยังเต้นล้อจันทร์
ดวงใจกระต่ายหมายมั่น   ชมจันทร์ทุกวันไม่วาย
เมียงมองสองหูชูชัน   อ้อนจันทร์โปรดจงเมตตา
จงลอยคล้องดวงล่วงลา   จากฟ้ามาใกล้กระต่าย
-แหล่-
หนุ่มชะแง้ แลสาว เฝ้าปองรัก ผูกสมัครรักมั่น สัมพันธ์หมาย
อุปสรรครักจริงของหญิงชาย มีมากมายศักดิ์ศรีที่ต่างกัน
เปรียบกระต่ายหมายปองมองจันทรา
เพียงเต้นไปเต้นมาในตาฝัน เขาเปรียบชาย
กับกระต่ายว่าคล้ายกัน  กับหญิงรวยสวยนั่น
คือจันทร์ฉาย ไม่รวยแต่ปอง
คนสวยรวยทรัพย์นับแสนหลากหลาย  
ขอเตือนเพื่อนหนุ่มเพื่อนชาย
จะกลายเป็นกระต่ายเต้น เอย
...............................
ชอบเป็นการส่วนตัวน่ะครับ เลยขออนุญาตินำมาโพส


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ก.ย. 06, 10:47
 ไปเจอโคลงนิราศนรินทร์ ที่ดร.จิตเกษม สีบุญเรืองแปลไว้เป็นภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส  

เป็นของหายากมาก   เลยขอเอามาลงไว้ในนี้ไม่ให้สูญหายไป



โอ้ศรีเสาวลักษณ์ล้ำ............  แลโลม โลกเอย

แม้ว่ามีกิ่งโพยม.................. ยื่นหล้า

แขวนขวัญนุชชูโฉม............. แมกเมฆ ไว้แม่

กีดบ่มีกิ่งฟ้า........................ ฝากน้องนางเดียว



Oh, thou most beautiful in all the world,

If there were a heavenly grove

I would put thee there

And hide thee thus among the clouds!

But, alas, there is no heavenly grove

To shelter my love and only love.



บทนี้แปลจากภาษาไทยบทเดียวกัน  แต่แปลเป็นภาษาฝรั่งเศส



O,toi, la plus belle au monde,

S'il etait un arbre dans la ciel

Ou pouvoir te dissimuler

Je te cacherais dans les nuages.

Mais las,un tel arbre n'est pas.


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 03 ก.ย. 06, 12:26
 โอย..ชอบค่ะชอบ กระทู้นี้

โดยเฉพาะนิราศนรินทร์
ทั้งไทย อังกฤษ และฝรั่งเศสที่ดร.จิตเกษม สีบุญเรือง แปลได้เพราะมาก
ขอบพระคุณอาจารย์เทาชมพูที่นำมาลงให้อ่านค่ะ

แล้วบทเศร้าบทนี้ล่ะคะ

  รอยบุญเราร่วมพ้อง     พบกัน
บาปแบ่งสองทำทัน        เท่าสร้าง
เพรงพรากสัตว์จำผัน     พลัดคู่ เขาฤา
บุญร่วมบาปจำร้าง     นุชร้างเรียมไกล

ขอความกรุณาอาจารย์นำมาลงให้ชมอีกสักบทหนึ่งค่ะ
ทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส ถ้าไม่เป็นการรบกวนมากเกินไป


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ก.ย. 06, 11:45
 ดิฉันค้นตู้หนังสือแล้ว เจอบทเดียวคือบทที่นำมาลงค่ะ  
ถ้าจะหาจริงๆต้องหาจากวารสารภาษาและหนังสือ ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๑ ซึ่งไม่มีในบ้าน
ไม่รู้ว่าในห้องสมุดของมหาวิทยาลัยจะมีไหม เพราะมันเก่ามากแล้ว
ถ้าหากว่าหาเจอจะนำมาลงให้อ่านค่ะ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 08 ก.ย. 06, 10:35
 ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ อาจารย์


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 14:55
 บทประพันธ์ของ วิลเลียม วอลเลซ  ซึ่งคงไม่ถือเป็นวรรณคดี

แต่ชอบบทนี้มาก ซึ่งหลายคนคงรู้จัก

บทประพันธ์ของวิลเลียม  โรส วอลเลซ

พระราชธรรมนิเทศแปล



เรื่อง – อะไรครองโลก?





WHAT RULES THE WORLD

They say that man is mighty;

He governs the land and sea,

He wields a might scepter

O'er lesser powers that be.



But a mightier power and stronger

Man from his throne has hurled,

For the hand that rocks the cradle

Is the hand that rules the world.



-- William Ross Wallace



สองมือที่ดูนิ่มนวลอ่อนโยน

สองมือที่ดูช่างบอบบางอย่างนั้น

สองมือที่ดั่งไม่มีความสำคัญ

คือสองมือที่ทำให้โลกหมุนไป



แม้เพียงร่างกายนั้นเกิดเป็นหญิง

แท้จริงหัวใจนั้นแกร่งยิ่งกว่าชาย

ขอเพียงให้เป็นได้ดังที่ตั้งใจ

จะทุกข์ทนเดียวดายไม่มีความสำคัญ



* บันดาลโลกหมุนเวียนวนไปตามจิตใจ

นำพาให้เป็นไปตามต้องการ

ทุกสิ่งเปลี่ยนแปรไปด้วยมือเธอเสกสรร

ดังถ้อยคำประพันธ์เปรียบเปรยพรรณนา



ถึงชายได้กวัดแกว่งแผลงจากอาสน์

ซึ่งอำนาจกำแหงแรงยิ่งกว่า

อันมือไกวเปลไซร้แต่ไรมา

คือหัตถาครองพิภพจบสากล





(แปลโดย พระราชธรรมนิเทศ)


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 15:06
 พิกุลบุนนาคบาน กลิ่นหอมหวานซ่านขจร
แม้นุชสุดสายสมร เห็นจะวอนอ้อนพี่ชาย
เต็งแต้วแก้วกาหลง บานบุษบงส่งกลิ่นอาย
หอมอยู่มิรู้หาย คล้ายกลิ่นผ้าเจ้าตราตรู
มลิวันพันจิกจวง ดอกเป็นพวงร่วงเรณู
หอมมาน่าเอ็นดู ชูชื่นคิดวนิดา
ลำดวนหอมหวนตระลบ กลิ่นอายอบสบนาสา
นิกถวิลกลิ่นบุหงา รำไบเจ้าเศร้าถึงนาง
รวยรินกลิ่นรำเพย คิดพี่เคยเชยกลิ่นปราง
นั่งแอบแนบเอวบาง ห่อนแหห่างว่างเว้นวัน
ชมดวงพวงมาลี ศรีเสาวภาคหลากหลายพรรณ
วนิดามาด้วยกัน จะอ้อนพี่ชี้ชมเชย.....

ชอบมากเรียนสมัยมัธยม
(มูลละเห่ เจ้าฟ้ากุ้ง)


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 15:50

"ยังไม่เคยเอ่ยว่ารักเลยสักหน
แต่ในใจเปี่ยมล้นด้วยรักยิ่ง
ไม่เคยมีทีท่าว่ารักจริง
แต่ทุกสิ่งที่กระทำคือความรัก"

(เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์)  


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน (2)
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 15:52
 โอ้แย่แล้ว โพสต์ผิดกระทู้  ขออภัยมากๆๆเลยครับ พอดีเปิดพร้อมกันสองกระทู้  เฮ่อ หน้าแตกอีกแล้ว