รูปรถไฟในณี่ปุ่นที่ไม่ค่อยได้เห็นมาเพิ่มเติมคะ
ภาพสุดท้ายที่เป็นหัวรถไฟชินกันเซนนั้น เป็นหัวรถไฟรุ่นใหม่ เชื่อใหมครับว่าแผ่นโลหะที่นำมาประกอบเชื่อมต่อกันเป็นทรงรูปหัวนี้ ไม่ใด้มาจากการปั้มขึ้นรูปแผ่นโลหะ แต่มาจากการตีขึ้นรูปด้วยมือโดยบริษัทที่เป็นระดับ SME ขนาดเล็กๆ ทั้งๆที่บริษัทขนาดใหญ่สามารถจะทำได้ทั้งขบวน แต่เขาก็พยายามรักษาให้ SME ที่มีฝีมือให้ยังคงสามารถประกอบกิจการต่อไปได้ เพื่อธุรกิจที่มีฝีมือในระดับเยี่ยมเหล่านี้จะได้มีโอกาสสร้างสรรค์ชิ้นงานเยี่ยมๆต่อไป คือไม่พยายามโกยเอาทุกอย่างมาไว้เป็นของตนเหมือนกับแนวคิดของนักธุรกิจในหลายประเทศรวมทั้งของไทย
ผมเคยไปดูโรงงานที่ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ชิ้นสำคัญ คือ ผ้าเบรคของรถไฟชินกันเซนนี้ เป็นโรงงานขนาดเล็กเช่นกัน มิได้เอาแป้นเหล็กของผ้าเบรคเก่ามาแปะผ้าเบรคใหม่นะครับ ของเก่าเอาไป Recycle ไม่เอาไป Reuse แล้วโรงงานเล็กๆนี้ก็พัฒนาวิธีการตัดแผ่นเหล็กมิให้เกิดขอบที่คมทุกด้าน ดังเช่นที่เรามักจะพบในชิ้นงานเหล็กที่มักจะมีขอบด้านหนึ่งเรียบมนแต่อีกขอบด้านหนึ่งคม
รถไฟชินกันเซนนี้ ยังมีเรื่องในรายละเอียดที่น่าสนใจซ่อนอยู่อีกมากพอสมควร เนื่องด้้วยเป็นรถไฟความเร็วสูงมาก เช่น ระบบรางจะต้องเรียบสนิท จะต้องเป็นระบบปิด คือมีการปิดกั้นมิให้มีสิ่งใดๆเข้ามากีดขวางบนเส้นทางได้ และจะไม่มีประโยชใดๆเลยหากมีสถานีขึ้นลงอยู่ในระยะสั้นๆ จึงเป็นระบบรถไฟระหว่างเมือง ระยะห่างระหว่างเมืองหรือสถานีควรจะอยู่ในระดับมากกว่า 150 กม.ขึ้นไป มิฉะนั้นแล้วความเร็วที่มีก็จะไม่ทำให้เกิดประโยชน์อันใดเลย ที่น่าสนใจเรื่องหนึ่งคือ มิใช่จะมีเงินแล้วก็สร้างได้หากคำนึงถึงด้านความปลอดภัย แล้วมันแพงเอามากๆทีเดียว ระบบรถไฟชินกันเซนของญี่ปุ่นจึงไม่ขยายออกไปมากกว่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน ตัวอย่างกรณีหนึ่งคือ มันจะต้องมีระบบหยุดรถอัตโนมัติเมื่อเกิดแผ่นดินไหว เมื่อครั้งเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่เมือง Joetsu ทางฝั่งทะเลญี่ปุ่น เมื่อแผ่นดินเกิดไหวในระดับความรุนแรงที่ทำให้แผ่นดินขยับได้ในระดับหนึ่ง อุปกรณ์วัดค่าที่ติดอยู่เป็นระยะๆตามเส้นทางรถไปจะส่งสัญญาณต่อเนื่องให้ตัววัดสัญญาณที่อยู่ห่างออกไป ทราบ ซึ่งหากระดับความรุนแรงไม่ลดลงตามระยะทางที่กำหนด (ล่วงหน้าก่อนที่รถไฟจะวิ่งไปถึง) รถไฟจะถูกทำให้หยุดโดยอัตโนมัติ จำได้ว่าระบบนี้สามารถบอกล่วงหน้าได้ก่อนที่รถไฟจะไปถึงจุดนั้นประมาณ 16 กม.
ค่าโดยสารรถไฟชินกันเซนนี้พอๆกับค่าโดยสารเครื่องบิน ต่างกันและได้เปรียบตรงที่ สถานีอยู่ในเขตเมืองและมีระบบขนส่งมวลของเมืองเชื่อมต่อ ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาเิดินทางไปสนามบิน ไม่เสียเวลาในการขึ้น Boarding Pass ไม่เสียเวลาในการรอคอยเที่ยวบิน ซึ่งตามปรกติจะต้องไปถึงสนามบินล่วงหน้าก่อนเวลาบินประมาณ 1 ชม. แถมเมื่อเครื่องบินลงแล้วยังต้องเสียเวลารอคอยอื่นๆอีกกว่าจะเข้าถึงในตัวเมืองได้ อีกประการหนึ่งคือรถไฟชินกันเซนตรงเวลามากว่าเครื่องบิน มีระเบียบและข้อห้ามด้านความปลอดภัยที่ไม่เข้มงวดเหมือนกับเครื่องบิน จะใช้โทรศัพท์ จะสูบบุหรี่ จะเดิน ไปมา จะใช้คอมพิวเตอร์ก็ได้ กล่าวได้ว่ามีความสะดวกมากกว่าเลยทีเดียว