สมานรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์ ผู้เขียนหนังสือ "ข้างหลังโปสการ์ด" ที่ตีพิมพ์มาแล้วหลายครั้งโดยใช้นามปากกา "หลานเสรีไทย" เธอเคยเป็นActivistตัวฉกาจ ก่อนที่จะหายหน้าไปหลังจากเมื่อเร็วๆนี้ ภาพยนต์ราคาถูกที่เธอลงทุนสร้าง แสดงด้วยกำกับด้วย ชื่อ เชคสเปียร์ต้องตาย (Shakespeare Must Die) ถูกคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์ฯติดเรต "ห" ห้ามฉายในราชอาณาจักรไทย ด้วยข้อหา “ก่อให้เกิดการแตกความสามัคคีระหว่างคนในชาติ”
หนังสือ "ข้างหลังโปสการ์ด" เป็นมุมมองของเธอที่อยู่ตรงกันข้ามกับ Visit Thailand Year ที่เธอคิดว่าเป็นต้นเหตุสำคัญที่ธรรมชาติถูกทำลายเพราะนายทุน จากหนังสือที่เธอเขียน แสดงว่าเธอเป็นนักท่องเที่ยวเหมือนกัน เป็นพวกแบ๊คแพกเช่นเดียวกับแหม่มสวิสที่มายืนด่าค้ำศรีษะผม
ในหนังสือของเธอใช้สำนวนจัดจ้าน ด่ากราดไปทั่ว ที่เธอให้สรรพนามว่า “หม่อม” ในตอนที่หมายถึงผม มีข้อความตอนหนึ่งว่า หม่อมเป็นผู้ “ทำให้เกิด “มะพร้าววิเศษ” ขึ้นในชั่วข้ามคืนเดียว ด้วยการใช้รถแม็คโครขุดมะพร้าวอายุ 30-40 ปี จากที่หนึ่งมาปลูกลงบนที่ดินที่อ้างการครอบครอง เป็นวิธีที่อยู่ในความนิยมสูงมาก และมักทำกันตอนดึกสงัด ขนขึ้นรถบรรทุกและใช้ผ้าเต็นท์คลุมอำพราง”
คือเธอกล่าวหาว่าผมบุกรุกที่ดินนี้มาเป็นของตนเอง โดยการขุดมะพร้าวต้นใหญ่ๆมาปลูกในป่าก่อน พอมะพร้าวอยู่ตัวก็ค่อยๆถางป่าออก
คุณก็ย้อนไปดูสารรูปของผมตอนไปบุกเบิกสร้างพระนางเพลสก็แล้วกัน มีแทรกเตอร์ตัวเท่าลูกควายไว้ลากเครื่องตัดหญ้ากับลากเรืออยู่คันเดียว จะเอาปัญญาที่ไหนขนมะพร้าวต้นขนาดนั้นข้ามน้ำข้าทะเลไปปลูกในป่า อย่างที่เธอให้ข้อมูลกับคนอ่าน
หนังสือของเธอเข้าข่ายหมิ่นประมาทชัดๆ แต่พออ่านที่เธอด่าคนอื่น โดยเฉพาะหลวงพ่อชา (สุภัทโท) วัดหนองป่าพง เพราะว่าเธอกับมารดาซึ่งเป็นหม่อมราชวงศ์ไปกราบท่านที่วัดแล้วท่านไม่ทัก กล่าวหาว่าท่านทักแต่คนมีเงิน เห็นว่าวันนั้นมารดาและตัวเธอแต่งตัวไปอย่างปอนๆ ท่านจึงมองข้ามศีรษะไป
คือคนเราถ้าด่าพระสงฆ์ระดับนั้นได้อย่างไม่ยั้งปากนั้น ก็ต้องปล่อยแล้วละครับ จำเลยทั้งหลายในหนังสือเล่มนั้นจึงไม่มีใครออกมาตอบโต้ รวมทั้งตัวผมด้วย
แต่นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าเธอจะบังอาจมากล่าวหาผมอย่างนั้นอีกในขณะที่โรงแรมจะเปิดอยู่รอมร่อ ตอนเป็นบังกะโลกระจอกๆอยู่หลายปีไม่เห็นโผล่มา
http://info.gotomanager.com/news/details.aspx?id=31517คุณเพ็ญข้องใจอยากจะถามอะไรก็เชิญเลยนะครับ