เรือนไทย

General Category => ประวัติศาสตร์ไทย => ข้อความที่เริ่มโดย: NAVARAT.C ที่ 23 ส.ค. 14, 08:30



กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ส.ค. 14, 08:30
ดังที่คุณเพ็ญชมพูเคยเขียนไว้ ข้อมูลในวิกิพีเดียบางทีก็เชื่อถือไม่ค่อยได้

ผมก็เห็นเช่นนั้นมานานแล้วเหมือนกันครับ แต่ก็ยังดีกว่าบางวิกที่ปล่อยให้คนเข้าไปโพสต์ข้อความกันตามใจชอบโดยไม่สนใจข้อเท็จจริง คุณวิกี้ยังมีความดีอยู่มากที่ยอมให้มีการแก้ไขได้ หากมีผู้เข้าไปพบแล้วแสดงเหตุผลว่าเหตุใดจึงขอแก้ไข ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาผมได้ใช้สิทธิ์นั้นไปแล้ว
ตั้งใจจะเข้าไปหาข้อมูลเครื่องราชอิสริยาภรณ์สมัยรัชกาลที่๔ จึงเปิดไปหน้าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ลากเมาส์ลงไปเรื่อยๆ เจอหัวข้อนี้เข้าให้ถึงกับผงะ

แผนลอบปลงพระชนม์[แก้]


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ส.ค. 14, 08:33
แผนลอบปลงพระชนม์

หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ Illustrated Times ของอังกฤษ ได้ตีพิมพ์บทความเรื่อง "ความล้มเหลวของแผนปรปักษ์พระเจ้าแผ่นดินกรุงสยาม" ฉบับวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2399โดยข้อมูลถูกส่งมาจากสำนักงานประจำเมืองมัทราส ในบริติชราช (อินเดีย) มีใจความคือ

ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2399 พระองค์ทรงได้รับการทูลเชิญจากคหบดีใหญ่ผู้หนึ่งในการเสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในงานเลี้ยง ซึ่งเป็นงานใหญ่ในหมู่ชนชั้นสูง พระองค์ทรงตอบรับคำเชิญ ซึ่งการทูลเชิญเพื่อเสด็จพระราชดำเนินไปในการลักษณะนี้ขัดกับจารีต] ทั้งนี้ พระอนุชาธิราช พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงแคลงพระทัยถึงวิสัยที่ผิดปกติ จึงกราบทูลเชิญพระเจ้าอยู่หัวให้งดการเสด็จพระราชดำเนิน ด้วยทรงเกรงว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น แต่ด้วยทรงตอบรับไปแล้ว และทรงไม่อยากเสียมารยาท จึงมีอุบาย ทรงคัดเลือกข้าราชบริพารที่มีส่วนสูง ขนาดตัว สีผิว และใบหน้าที่คล้ายคลึงกับพระองค์ที่สุด สวมฉลองพระองค์เลียนแบบพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินแทน โดยตามหมายกำหนดการจะเสด็จไปถึงเวลาเที่ยงคืน ซึ่งเมื่อถึงเวลา พระเจ้าอยู่หัวปลอมได้เสด็จและดำเนินการตามแผน โดยมีราชองครักษ์ 7 นายคอยตามเสด็จข้างพระวรกาย หลังจากเสด็จถึงบริเวณงาน ทรงถูกทูลเชิญให้พระทับบนบัลลังก์ที่จัดเตรียมไว้ และทันทีที่ประทับ ก็เกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง ความรุนแรงของระเบิดได้ปลิดชีพผู้แสร้งเป็นพระเจ้าอยู่หัว และราชองครักษ์ทั้ง 7 นายที่กำลังยืนอารักขาอยู่

การสืบสวนสอบสวนเป็นไปได้อย่างยากลำบาก เนื่องจากมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และบุคคลสำคัญเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยจำนวนมาก  มีความเป็นไปได้สูงที่ว่า แม้จะสืบถึงตัวผู้บงการได้ก็อาจไม่สามารถทำอะไรได้เลย การสืบสวนสอบสวนทั้งหมดจึงยุติลง

ข่าวนี้ยังถูกตีพิมพ์โดยสื่ออื่นๆของทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส และเป็นข่าวอยู่หลายวัน ซึ่งหลังการเผยแพร่ ก็ไม่ได้มีการแก้ข่าวจากกงศุลสยามประจำกรุงลอนดอนแต่อย่างใด และไม่มีการชี้แจงหรือประท้วงใดๆจากรัฐบาลสยาม  ขณะที่ในสยาม เหตุการณ์นี้ไม่ได้รับการเผยแพร่แพร่แต่อย่างใด พงศาวดารไทยให้ภาพว่าเป็นปีที่สงบราบรื่น ในช่วงที่ข่าวนี้ถูกเผยแพร่ในอังกฤษและฝรั่งเศสนี้เอง ในสยามเกิดความเปลี่ยนแปลงได้แก่ เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ได้รับสถาปนาขึ้นเป็นสมุหพระกลาโหมแทนบิดาที่เพิ่งถึงแก่พิราลัย, อังกฤษขอเข้ามาแก้สัญญาเบาริ่ง, ทูตอเมริกันและทูตฝรั่งเศส ขอเข้ามาทำสัญญาการค้าและพาณิชย์, ทูตฝรั่งเศสขอไปเยี่ยมราชสำนักเขมร สุดท้ายคือ สยามเตรียมส่งคณะทูตไปอังกฤษ

หากใครตามเข้าไปดู คงไม่เห็นบทความตอนนี้เพราะถูกลบไปแล้ว


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ส.ค. 14, 08:58
ผมใช้กูเกิลตามเข้าไปหาข้อมูลดังกล่าวในโลกอินเทอเน็ตทันที พบข้อความเรื่องเดียวกันนี้ซ้ำๆกันอยู่หลายแห่ง แบบโยงกันไปโยงกันมา ผมตามคำว่า Illustrated Times  6th December 1856 เข้าไปก็ไม่พบวี่แววอะไรของฝรั่งเลย นอกจากมีเวบหนึ่งที่คนไทยเอาภาพนี้มาประกอบเรื่อง


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ส.ค. 14, 11:04
เคยอ่านเรื่องนี้มาแล้ว   อยู่ในกระทู้เก่าหรือเปล่าคะ คุณเพ็ญชมพู?


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 23 ส.ค. 14, 11:37
ค้นในกระทู้เก่าได้ข้อมูลเบื้องต้นดังนี้

แต่ข้อมูลอีกแง่มุมหนึ่งที่ทำให้หนูตะลึง ตะลึง ตะลึง คือ
เอกสารฝรั่ง ประมาณการณ์ว่าคลื่นลูกเก่า เม้มเงินพระคลังหลวงเข้าพก
ประมาณแปดล้านบาท งบประมาณแผ่นดินสมัย รัชกาลที่ 4
อย่างมากก็แค่ยี่สามสิบล้าน!!
แสดงว่าคลื่นลูกเก่า เก็บเกี่ยวเข้าชายคาตัวเองบานตะไทเชียว


คุณหนอนบุ้งส่งหมัดหนักมาเสียแล้ว      เอกสารฝรั่งที่ว่านั้นอ้างหลักฐานอะไรบ้างคะ  อยากฟังมากๆ
เหมือนเรื่องสมเด็จพระจอมเกล้าฯทรงถูกวางแผนลอบปลงพระชนม์ ตีพิมพ์เป็นข่าวในหนังสือพิมพ์ฝรั่งหรือเปล่า


(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ส.ค. 14, 11:39
ในฐานะที่ผมเป็นผู้ที่ขอลบข้อมูลในวิกิพีเดียคราวนี้ ผมใช้เหตุผลที่เป็นรูปธรรมสองข้อ กล่าวคือ

๑ ตามอ้างว่า ข่าวนี้ยังถูกตีพิมพ์โดยสื่ออื่นๆของทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส และเป็นข่าวอยู่หลายวันนั้น หาไม่พบว่ามีวารสารสิ่งพิมพ์ใด ลงข่าวเดียวกันนี้ ไม่ว่าหลายวันหรือเพียงสักครั้งเดียว (แต่..ตรงนี้หนอนคอมพิวเตอร์อย่างคุณเพ็ญชมพูอาจจะหาได้)

๒ ตามอ้างว่า ซึ่งหลังการเผยแพร่ ก็ไม่ได้มีการแก้ข่าวจากกงสุลสยามประจำกรุงลอนดอนแต่อย่างใดนั้น ข้อเท็จจริงคือ สยามเพิ่งลงนามในสนธิสัญญาบาวริ่ง ในปี ๒๓๙๘ จริงๆคือไม่กี่เดือนก่อนหน้า และยังไม่ได้แต่งตั้งผู้ใดเป็นกงสุลใหญ่ประจำลอนดอน ต่อมาทรงตั้งให้เซอร์ จอห์น เบาริง นั่นเองเป็นกงสุลสยามที่นั่น โดยพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เป็น พระยาสยามานุกูลกิจ สยามมิตรมหายศ

เซอร์ จอห์น เบาริงในขณะที่เข้ามาทำสนธิสัญญาทางพระราชไมตรีและการค้ากับสยามนั้น มีตำแหน่งเป็นข้าหลวงใหญ่อยู่ที่ฮ่องกง และดำรงตำแหน่งนั้นอยู่จนปีค.ศ. ๑๘๕๙ หรืออีกสี่ปีต่อมา จึงกลับไปบ้านเกิดในอังกฤษ หลังจากเหตุการณ์ตามข่าวถึง๓ปี

ส่วนความเป็นไม่ได้อื่นๆ จะว่ากันในกระทู้นี้อีกทีก็ได้ครับ
ถ้าในโลกโบราณมีการแปลงภาพถ่ายได้ การแปลงข่าวลงหนังสือพิมพ์ย่อมไม่ยาก จึงกำเนิดหนังสือพิมพ์ประเภท tabloid ขึ้นมาตั้งแต่ยุคนั้น


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ส.ค. 14, 12:00
แผนลอบปลงพระชนม์

1   ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2399 พระองค์ทรงได้รับการทูลเชิญจากคหบดีใหญ่ผู้หนึ่งในการเสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในงานเลี้ยง ซึ่งเป็นงานใหญ่ในหมู่ชนชั้นสูง พระองค์ทรงตอบรับคำเชิญ ซึ่งการทูลเชิญเพื่อเสด็จพระราชดำเนินไปในการลักษณะนี้ขัดกับจารีต
2  มีอุบาย ทรงคัดเลือกข้าราชบริพารที่มีส่วนสูง ขนาดตัว สีผิว และใบหน้าที่คล้ายคลึงกับพระองค์ที่สุด สวมฉลองพระองค์เลียนแบบพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินแทน โดยตามหมายกำหนดการจะเสด็จไปถึงเวลาเที่ยงคืน ซึ่งเมื่อถึงเวลา พระเจ้าอยู่หัวปลอมได้เสด็จและดำเนินการตามแผน 

ยังกะนิยายสามทหารเสือของอเลกซอง ดูมาร์  หรือไม่ก็นิยายเอเตียน เชรา ของเซอร์อาเธอร์ โคแนน ดอยล์

ก็เกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง ความรุนแรงของระเบิดได้ปลิดชีพผู้แสร้งเป็นพระเจ้าอยู่หัว และราชองครักษ์ทั้ง 7 นายที่กำลังยืนอารักขาอยู่

การสืบสวนสอบสวนเป็นไปได้อย่างยากลำบาก เนื่องจากมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และบุคคลสำคัญเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยจำนวนมาก  มีความเป็นไปได้สูงที่ว่า แม้จะสืบถึงตัวผู้บงการได้ก็อาจไม่สามารถทำอะไรได้เลย การสืบสวนสอบสวนทั้งหมดจึงยุติลง

อ้างถึง
ข่าวนี้ยังถูกตีพิมพ์โดยสื่ออื่นๆของทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส และเป็นข่าวอยู่หลายวัน ซึ่งหลังการเผยแพร่ ก็ไม่ได้มีการแก้ข่าวจากกงศุลสยามประจำกรุงลอนดอนแต่อย่างใด และไม่มีการชี้แจงหรือประท้วงใดๆจากรัฐบาลสยาม  ขณะที่ในสยาม เหตุการณ์นี้ไม่ได้รับการเผยแพร่แพร่แต่อย่างใด พงศาวดารไทยให้ภาพว่าเป็นปีที่สงบราบรื่น ในช่วงที่ข่าวนี้ถูกเผยแพร่ในอังกฤษและฝรั่งเศสนี้เอง ในสยามเกิดความเปลี่ยนแปลงได้แก่ เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ได้รับสถาปนาขึ้นเป็นสมุหพระกลาโหมแทนบิดาที่เพิ่งถึงแก่พิราลัย, อังกฤษขอเข้ามาแก้สัญญาเบาริ่ง, ทูตอเมริกันและทูตฝรั่งเศส ขอเข้ามาทำสัญญาการค้าและพาณิชย์, ทูตฝรั่งเศสขอไปเยี่ยมราชสำนักเขมร สุดท้ายคือ สยามเตรียมส่งคณะทูตไปอังกฤษ

จากคำอ้างข้างบนนี้ บอกว่าข่าวนี้ถูกตีพิมพ์โดยสื่อทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส    แต่ไม่มีข่าวจากทางสยาม พอจะเอามายืนยันได้ว่าจริง
หมอบรัดเลย์ หมอสมิธ  กงสุลน็อกซ์ หรือฝรั่งทั้งหลายที่พอจะบันทึกเหตุการณ์ใหญ่ขนาดนี้ไว้ให้คนรุ่นหลังค้นหาเอามาอ่านกันได้  ก็ไม่เห็นเขียนเอาไว้เลยค่ะ



กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ส.ค. 14, 13:43
โดยตามหมายกำหนดการจะเสด็จไปถึงเวลาเที่ยงคืน ซึ่งเมื่อถึงเวลา พระเจ้าอยู่หัวปลอมได้เสด็จและดำเนินการตามแผน โดยมีราชองครักษ์ 7 นายคอยตามเสด็จข้างพระวรกาย หลังจากเสด็จถึงบริเวณงาน ทรงถูกทูลเชิญให้พระทับบนบัลลังก์ที่จัดเตรียมไว้ และทันทีที่ประทับ ก็เกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง

ตามระเบียบประเพณีของราชสำนักแต่โบราณ พระมหากษัตริย์จะไม่เสด็จออกนอกวังในเวลาวิกาลค่ำคืนยู่แล้ว เพราะในยามมืดมิดปราศจากแสงไฟเช่นทุกวันนี้ เป็นการยากที่จะถวายความปลอดภัยได้ นี่ใครก็ไม่ทราบมาเชิญเสด็จท่านไปงานโดยกำหนดให้ถึงเวลาเที่ยงคืนซะด้วย เวลาเที่ยงคืนไปทำอะไรกันครับ จริงอยู่ในสมัยนั้น ชีวิตความเป็นอยู่ในวังเสมือนกลับกลางวันเป็นกลางคืน แต่ก็ไม่ดึกถึงขนาดนี้ และนั่นมันในวัง บ้านของท่านเอง ไม่เดือดร้อนใครนอกจากมหาดเล็กเด็กชาซึ่งชินในกิจวัตรแล้ว แต่หากเป็นการเสด็จพระราชดำเนินที่มีผู้คนภายนอกต้องเข้ามาเกี่ยวข้องมากมาย ใครจะมาอดตาหลับขับตานอนรับเสด็จ กว่าจะกินกว่าจะแสดงการละเล่น เห็นจะลากยาวจนใกล้ถึงเช้า ไม่ไหวกระมังครับ


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ส.ค. 14, 13:51
และทันทีที่ประทับ ก็เกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง ความรุนแรงของระเบิดได้ปลิดชีพผู้แสร้งเป็นพระเจ้าอยู่หัว และราชองครักษ์ทั้ง 7 นายที่กำลังยืนอารักขาอยู่
อะไรมันจะหาตำแหน่งวางระเบิดได้เนี๊ยบขนาดนั้น ระเบิดสมัยก่อนต้องใช้สายชนวน กว่าจะจุดไฟให้ลุกฟู่ๆตามสายชนวนไปถึงดินระเบิดคงใช้เวลาหลายนาที เหยื่อคงไม่ได้อยู่นิ่งๆเป็นหุ่นขี้ผึ้ง แล้วคนอื่นๆอีกเล่า ไม่มีข่าวว่าแขกเหรื่อมีใครบาดเจ็บล้มตาย นอกจากตัวแทนและราชองค์รักษ์ที่ไปกันแค่๗คน และตายหมดทั้ง ๗ คน

อีกอย่างหนึ่งก็ช่างกระไรเลย ใครหนอที่สนิทกับพระองค์ท่านขนาดเชิญเสด็จมาบ้านของตนในยามวิกาลได้ แต่ไม่ยักกะรู้ว่าคนที่มานั้นเป็นองค์ปลอมไม่ใช่องค์จริง ทำการใหญ่แล้วเสียของจริงๆอย่างนี้ สมควรตายเจ็ดชั่วโครต


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ส.ค. 14, 14:04
การสืบสวนสอบสวนเป็นไปได้อย่างยากลำบาก เนื่องจากมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และบุคคลสำคัญเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยจำนวนมาก  มีความเป็นไปได้สูงที่ว่า แม้จะสืบถึงตัวผู้บงการได้ก็อาจไม่สามารถทำอะไรได้เลย การสืบสวนสอบสวนทั้งหมดจึงยุติ
สมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์นั้น ถ้าเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวจริงก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ระดับกบฏโทษประหารถึงเจ็ดชั่วโคตร พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าท่านคงไม่นิ่งดูดาย สมัยที่ไม่มีนักสิทธิมนุษยชนมาตามจับจิก ถ้าสงสัยใครก็จับไปก่อน ขัดขืนก็ฆ่าเสียตรงนั้น ใครโดนจับไปแล้วก็ต้องเจอการสอบสวนแบบจารีตนครบาล ทนไม่ได้ก็ต้องยอมรับและซัดทอด ติดตามด้วยการคร่าตัวมาประหาร บ้านเมืองคงเละเทะไปด้วยเลือด ไม่สามารถปกปิดได้

จะว่ามีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และบุคคลสำคัญเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยจำนวนมากทำให้เรื่องยุติลงแบบเงียบๆนั้น มันจะเป็นไปได้อย่างไรครับ เรื่องที่รู้ๆกันอยู่ถึงหาหลักฐานไม่ได้มันก็ต้องระแวงกันแบบมองหน้าไม่ติด สุดท้ายก็ล้างกันไปข้างหนึ่งนั่นแหละจึงจะจบได้สนิท  จะไปจบที่ความเปลี่ยนแปลงได้แก่ เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ได้รับสถาปนาขึ้นเป็นสมุหพระกลาโหมแทนบิดาที่เพิ่งถึงแก่พิราลัยเห็นที่จะมโนหนักไปหน่อยแบบให้อภัยมิได้ ก็ในเรื่องบอกว่าเหตุเกิดเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๓๙๙  แต่ท่านที่ถูกพาดพิงได้เป็นอัครมหาเสนาบดีที่สมุหพระกลาโหม เต็มตำแหน่งตั้งแต่พ.ศ. ๒๓๙๘ แล้ว
 
บ้านเมืองสมัยนั้น สมดุลย์อำนาจที่อยู่ในมือทั้งวังหลวงวังหน้า และท่านฟากขะโน้น รวมกันแล้วไม่มีใครในพระราชอาณาจักรกล้าหือหรอกครับ ถ้าเป็นฝรั่งอั้งม้อก็ว่าไปอีกอย่าง แต่ข่าวนี้ก็ไม่ได้ให้เบาะแส


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ส.ค. 14, 16:08
การบรรยายเหตุการณ์ในข่าว ฟังแปร่งๆไม่ค่อยลงตัว  เหมือนเหตุการณ์ในกระทู้ท่านหญิงฉวีวาดที่เราเคยอภิปรายกันมาแล้ว    

คนที่เขียนข่าวนี้คงไม่รู้เรื่องธรรมเนียมราชประเพณีหลายอย่างในสยาม อย่างที่ท่าน NAVARAT.C ว่า  
การหาตัวสแตนด์อิน ให้แต่งฉลองพระองค์ ขึ้นนั่งบนพระราชยาน  ไปถึงงานก็ขึ้นนั่งบนพระราชอาสน์ที่จัดไว้ให้พระมหากษัตริย์ประทับ  ให้ขุนนางใหญ่น้อยกราบไหว้ถวายบังคม   ถ้าอีตาคนนี้ไม่ถูกระเบิดตาย  แกคงขวัญหนีดีฝ่อตายอยู่ดี  ว่าตัวเองต้องทำอะไรขนาดนี้เทียวหนอ 


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ส.ค. 14, 20:52
  ดิฉันไม่ทราบว่าระเบิดในสมัยรัชกาลที่ 4 เป็นอย่างไร  แต่เคยดูหนังคาวบอยเก่าๆซึ่งเป็นเหตุการณ์สมัยกลางและปลายศตวรรษที่ 19  ประมาณยุคเดียวกัน   มีฉากระเบิดรางรถไฟหรือไม่ก็ถ้ำเหมืองแร่   เห็นว่าระเบิดพวกนั้นคือไดนาไมท์ที่ขนกันใส่ลังเข้าไป ไม่ใช่ระเบิดขว้าง ลูกขนาดเหมาะมือ 
  ระเบิดพวกนี้ต้องมีสายชนวนจุดไฟลุกฟู่ๆไปตามสาย  ถ้าพระเอกควบม้ามาทัน  โจนเข้าเหยียบไฟให้ดับ  ไฟก็ไม่ลามไปถึงไดนาไมท์จนระเบิด     ถ้าพระเอกมาไม่ทัน   ไฟลามไปตามสายเข้าไปในถ้ำ ครู่เดียวก็ระเบิดตูมใหญ่ ปากถ้ำพังทลาย หรือถ้าเป็นรางรถไฟก็รางขาดห้อยร่องแร่ง สะพานขาดตามไปด้วย

  สมมุติว่าเจ้าของงานคือผู้วางแผนก่อระเบิด    แกจะต้องออกไปให้พ้นงานให้ไกลมากๆ ตั้งแต่ก่อนเสด็จเข้ามา     เพราะถ้าแกอยู่ในงาน  แกจะรู้ได้ไงว่าตัวแกเหลือซากหรือไม่   โดยหน้าที่แกจะต้องเป็นคนเข้าไปรับเสด็จอย่างใกล้ชิดเสียด้วย   หายไปไหนไม่ได้  มิฉะนั้นจะก่อความสงสัยให้ทุกคนรวมแขกในงานด้วย
  ถ้างั้น จะให้ปลอดภัยแกก็ต้องรีบออกจากบ้านไปให้ไกล  โดยสร้างตัวปลอมที่หน้าตาเหมือนแก แต่งตัวเหมือนแก  เหมือนเป๊ะจนแม้แต่แขกในงานที่ล้วนเป็นเพื่อนสนิทมิตรสหายก็จำไม่ได้ว่าคนละคน   แผนนี้จึงจะดำเนินไปได้โดยแกปลอดภัย

   มันจะดราม่ามากไปมั้ง สำหรับคนเขียนข่าวนี้  เห็นด้วยไหมคะ


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 24 ส.ค. 14, 14:10
สืบต่อไปได้ความดังนี้

แผนลอบปลงพระชนม์

หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ Illustrated Times ของอังกฤษ ได้ตีพิมพ์บทความเรื่อง "ความล้มเหลวของแผนปรปักษ์พระเจ้าแผ่นดินกรุงสยาม" ฉบับวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2399

ข่าวนี้มีอยู่ในบทความเรื่อง "เรื่องอื้อฉาวจากเกร็ดพระราชประวัติ ตะลึง! "กรณีลอบปลงพระชนม์" ในรัชกาลที่ ๔" (http://webcache.googleusercontent.com/search?q=cache:IhyxND2eiagJ:hello-siam.blogspot.com/2008/01/blog-post_9555.html+&cd=15&hl=th&ct=clnk&gl=th) โดย ไกรฤกษ์ นานา จากนิตยสารศิลปวัฒนธรรม ปีที่ ๒๕ ฉบับที่ ๑๒ (ต.ค. ๒๕๔๗) หน้า ๑๑๙-๑๒๖   ;D


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 24 ส.ค. 14, 21:07
ผมจะไม่เอาข้อความที่ไม่มีหลักฐานข้อเท็จจริงมาลงซ้ำ เพราะท่านก็คลิ๊กเข้าไปอ่านตามที่คุณเพ็ญชมพูทำระโยงไว้ให้ได้อยู่แล้ว ขอเอาเฉพาะบทสรุปของผู้เขียนมาลง เพราะในข้อที่ ๓ มีการอ้างชื่อกงสุลสยามประจำกรุงลอนดอนไว้ดังนี้

ขอประเมินเชิงวิเคราะห์ "ภาพโดยรวม" จากข่าวที่ฝรั่งสืบทราบมาดังนี้ :-

๑. เจ้าของงานต้องเป็นบุคคลผู้กว้างขวาง มีความใกล้ชิดเจ้านายและพระบรมวงศานุวงศ์ในราชสำนักเป็นอย่างดีคนหนึ่ง

๒. พระอนุชาที่กล่าวถึงน่าจะเป็นพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว มากกว่ากรมหลวงวงศาธิราชสนิท เพราะองค์แรกนั้นเป็นผู้สันทัดกรณีมากกว่า และ

๓. ส่วนความคืบหน้าในการสอบสวนคาดว่า ยากที่จะชี้ตัวผู้บงการได้ เพราะจากรูปการณ์แล้วมีบุคคลสำคัญๆ ที่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหลายท่าน ซึ่งเป็นการยากต่อการสืบพยาน การรายงานข่าวจึงไม่คืบหน้าต่อไปอีก แต่สิ่งที่เหลือเชื่อพอๆ กับเหตุการณ์ คือไม่มีการแก้ข่าวจากท่าน ดี. เค. เมซัน กงสุลสยามประจำกรุงลอนดอนในเรื่องนี้แต่อย่างใด ไม่มีแม้แต่คำประท้วงใดๆ จากทางการสยามหลังข่าวนี้แพร่ออกไป อีก ๑๑ เดือนต่อมา คณะราชทูตสยาม โดยการนำของพระยามนตรีสุริยวงศ์ (ชุ่ม บุนนาค) น้องชายร่วมมารดาของเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ ก็เดินทางมาถึงอังกฤษตามโครงการที่วางไว้ สำนักพิมพ์ Illustrated Times มีโอกาสเผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับพระเจ้ากรุงสยามอีกครั้งหนึ่งอย่างครึกโครม และทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงที่ซื่อสัตย์ต่อไป โดยไม่เสียคะแนนนิยมแม้แต่น้อยจากชาวสยาม

ชื่อของพระสยามธุระพาหะ (D.K. Mason) กงสุลไทย ณ กรุงลอนดอนมีปรากฏในกระทู้หลายเรื่องที่ผมเขียน เท่าที่ผมทราบ กงสุลท่านนี้รับราชการในสมัยรัชกาลที่ ๕ ก่อนที่พระองค์เจ้าปฤศฎางค์จะได้รับโปรดเกล้าฯให้เป็นอัครราชทูตไทย ประจำสหราชอาณาจักรเป็นพระองค์แรก และเป็นผู้ติดต่อจัดซื้อเรือพระที่นั่งเวสาตรี แต่ผมยังหาไม่เจอว่านายเมสันเริ่มเข้ารับราชการตั้งแต่รัชกาลที่๔ นอกจากเซอร์ จอห์น บาวริ่งที่กล่าวไปแล้วหรือเปล่า ฉะนั้น(นอกจากคุณเพ็ญชมพูจะค้นหาข้อมูลมาหักล้างได้) ปีที่เกิดเหตุตามอ้างของหนังสือพิมพ์ฝรั่ง ยังไม่มีกงสุลสยามประจำอยู่ในลอนดอนครับ

ส่วนประเด็นอื่นๆ ในกระทู้นี้ก็ได้กล่าวถึงความเป็นไปไม่ได้มาแล้ว


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 25 ส.ค. 14, 08:50
แต่ผมยังหาไม่เจอว่านายเมสันเริ่มเข้ารับราชการตั้งแต่รัชกาลที่๔ นอกจากเซอร์ จอห์น บาวริ่งที่กล่าวไปแล้วหรือเปล่า ฉะนั้น(นอกจากคุณเพ็ญชมพูจะค้นหาข้อมูลมาหักล้างได้) ปีที่เกิดเหตุตามอ้างของหนังสือพิมพ์ฝรั่ง ยังไม่มีกงสุลสยามประจำอยู่ในลอนดอนครับ

ใน พระราชสาส์นของรัชกาลที่ ๔ เรื่องกงสุลที่จะมาแทนเซอรอเบิตสจอมเบิก (http://www1.tv5.co.th/service/mod/heritage/king/rama4/letter47.html) เมื่อปีชวด  พ.ศ. ๒๔๐๘ ตอนหนึ่งมีความว่า

อนึ่งเมื่อก่อนเวลานี้ไป  กรุงสยามกับเสนาบดีมีความปรารถนาจะใคร่ตั้งกงสุลของกรุงสยาม  มาคอยอยู่ฟังราชการในกรุงลอนดอนนายหนึ่ง  ได้ขอแก่เซอรอเบิตสจอมเบิกกงสุลก็มีความตอบว่ายอมให้ตั้งไม่ขัดขวาง  กรุงสยามกับเสนาบดีมีความยินดีเลือกได้มิศเตอ ด, ก, มาสอนเปนอังกฤษสับเยค  ขึ้นในพระราชอาณาจักรกรุงบริตาเนียนายหนึ่ง   ซึ่งเปนผู้เข้ามาตั้งค้าขายในกรุงเทพ ฯ นี้ นานถึงแปดปีมาแล้ว  เข้าใจฝ่ายขนบธรรมเนียมสยามมาก..... จึงได้ตั้งให้มิศเตอ ด, ก,  มาสอน  เปนกงสุลฝ่ายสยาม  ได้นามตามยศโดยธรรมเนียมสยาม  เคยใช้ในภาษาสันสกฤตว่า  พระสยามธุระพาห....

พระราชสาส์นนี้เป็นข้อยืนยันว่า พระสยามธุรพาห์ (D.K. Mason) ได้รับแต่งตั้งเป็นกงสุลสยามประจำลอนดอนในสมัยรัชกาลที่ ๔ แล้ว แต่หลังจากปีที่อ้างว่ามีเหตุร้ายเกิดขึ้น (พ.ศ. ๒๓๙๙) แน่นอน  ;D




กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 25 ส.ค. 14, 08:57
เรื่องวางระเบิดอะไรทำนองนี้เป็นข่าวเท็จ ไว้รอสักพักให้สนทนาให้อิ่มแล้วจะเอาข่าวจริงเกี่ยวกับรัชกาลที่ ๔ มาให้อ่านกันนะครับ

(แต่ข่าวต้นรัชกาลที่ ๕ มีการวางยาพิษท่านสมเด็จเจ้าพระยาฯ ผู้สำเร็จราชการก็มีจริงนะ ขอบอกๆๆ)


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 25 ส.ค. 14, 10:17
ใน พระราชสาส์นของรัชกาลที่ ๔ เรื่องกงสุลที่จะมาแทนเซอรอเบิตสจอมเบิก (http://www1.tv5.co.th/service/mod/heritage/king/rama4/letter47.html) เมื่อปีชวด  พ.ศ. ๒๔๐๘ ตอนหนึ่งมีความว่า

อนึ่งเมื่อก่อนเวลานี้ไป  กรุงสยามกับเสนาบดีมีความปรารถนาจะใคร่ตั้งกงสุลของกรุงสยาม  มาคอยอยู่ฟังราชการในกรุงลอนดอนนายหนึ่ง  ได้ขอแก่เซอรอเบิตสจอมเบิกกงสุลก็มีความตอบว่ายอมให้ตั้งไม่ขัดขวาง  กรุงสยามกับเสนาบดีมีความยินดีเลือกได้มิศเตอ ด, ก, มาสอนเปนอังกฤษสับเยค  ขึ้นในพระราชอาณาจักรกรุงบริตาเนียนายหนึ่ง   ซึ่งเปนผู้เข้ามาตั้งค้าขายในกรุงเทพ ฯ นี้ นานถึงแปดปีมาแล้ว  เข้าใจฝ่ายขนบธรรมเนียมสยามมาก..... จึงได้ตั้งให้มิศเตอ ด, ก,  มาสอน  เปนกงสุลฝ่ายสยาม  ได้นามตามยศโดยธรรมเนียมสยาม  เคยใช้ในภาษาสันสกฤตว่า  พระสยามธุระพาห....

ความในภาษาอังกฤษ จาก The Journal of The Siam Society  Volume XXII (PART 1) BANGKOK July,1928.  (http://www.khamkoo.com/uploads/9/0/0/4/9004485/the_journal_of_the_siam_society_vol._xxii_part_1-2_1928.pdf) หน้า ๑๖ ;D


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ส.ค. 14, 10:41
เรื่องวางระเบิดอะไรทำนองนี้เป็นข่าวเท็จ ไว้รอสักพักให้สนทนาให้อิ่มแล้วจะเอาข่าวจริงเกี่ยวกับรัชกาลที่ ๔ มาให้อ่านกันนะครับ
ยกสำรับคับค้อนมาประกอบสนทนาให้อิ่ม ค่ะ


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 25 ส.ค. 14, 15:31
 ดิฉันไม่ทราบว่าระเบิดในสมัยรัชกาลที่ 4 เป็นอย่างไร  แต่เคยดูหนังคาวบอยเก่าๆซึ่งเป็นเหตุการณ์สมัยกลางและปลายศตวรรษที่ 19  ประมาณยุคเดียวกัน   มีฉากระเบิดรางรถไฟหรือไม่ก็ถ้ำเหมืองแร่   เห็นว่าระเบิดพวกนั้นคือไดนาไมท์ที่ขนกันใส่ลังเข้าไป ไม่ใช่ระเบิดขว้าง ลูกขนาดเหมาะมือ  
  ระเบิดพวกนี้ต้องมีสายชนวนจุดไฟลุกฟู่ๆไปตามสาย  ถ้าพระเอกควบม้ามาทัน  โจนเข้าเหยียบไฟให้ดับ  ไฟก็ไม่ลามไปถึงไดนาไมท์จนระเบิด     ถ้าพระเอกมาไม่ทัน   ไฟลามไปตามสายเข้าไปในถ้ำ ครู่เดียวก็ระเบิดตูมใหญ่ ปากถ้ำพังทลาย หรือถ้าเป็นรางรถไฟก็รางขาดห้อยร่องแร่ง สะพานขาดตามไปด้วย

อ่านบทความของคุณไกรฤกษ์ นานา มีอยู่ตอนหนึ่งซึ่งยกตัวอย่างกรณีลอบปลงพระชนม์จักรพรรดินโปเลียนที่ ๓ ซึ่งเกิดในเวลาไม่ห่างไกลจากกรณีที่อ้างว่าเกิดในสยาม

ในฝรั่งเศส จักรพรรดินโปเลียนที่ ๓ ทรงถูกข่มขู่อย่างหนัก หลังจากที่ "ลัทธินโปเลียน" ของพระองค์เข้าครอบงำยุโรปเป็นเวลาหลายปี ทำให้ทรงมีศัตรูรอบด้าน การที่ฝรั่งเศสเข้าแทรกแซงปัญหาเรียกร้องอิสรภาพในอิตาลี เป็นสาเหตุของความอาฆาตมาดร้าย เรื่องมีอยู่ว่า ทรงสนับสนุนให้ชาวอิตาเลียนเป็นอิสระจากออสเตรีย แต่แล้วทรงกลับพระทัยล้มเลิกแผนการลงกลางคัน ทำให้พวกอิตาเลียนชาตินิยมโกรธแค้นมาก นายออซานี นักปฏิวัติหัวรุนแรงคิดแผนประทุษร้ายนโปเลียนที่ ๓ ขณะเสด็จไปทอดพระเนตรละครที่โอเปร่า กลางกรุงปารีส ในวันที่ ๑๔ มกราคม ค.ศ. ๑๘๕๘ เขาปาระเบิดประสิทธิภาพสูง ๓ ลูก ไปที่รถม้าพระที่นั่งเมื่อเสด็จถึง แรงระเบิดทำให้มีผู้เสียชีวิตทันที ๙ คน และบาดเจ็บอีกราว ๑๕๐ คน นโปเลียนที่ ๓ และพระนางยูเจนี เสด็จลงจากรถม้าอย่างทุลักทุเลแต่ปลอดภัย ขณะที่ชุดราตรีสีขาวของพระนางเปื้อนไปด้วยเลือดของราชองครักษ์ ทั้งสองพระองค์ฝืนพระราชดำเนินฝ่าฝูงชนที่แน่นขนัดต่อไปอย่างไม่สะทกสะท้าน ท่ามกลางเสียงปรบมือและร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีดังกึกก้องทั่วทั้งโรงละคร

หากกรณีที่สยามเป็นเรื่องจริง ระเบิดที่ใช้ก็อาจเป็นชนิดขว้างเหมือนในฝรั่งเศสก็เป็นได้  ???


ภาพเอื้อเฟื้อโดย คุณวิกกี้ (http://en.wikipedia.org/wiki/File:Attempted_Assassination_of_Emperor_Napoleon_III_Romano.jpg)


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 25 ส.ค. 14, 15:40
ข่าวระเบิดตูมตามขนาดนี้ มีการปลอมองค์เหนือหัวขนาดนี้ .... ตาเหยี่ยวสายข่าวอย่างหมอบรัดเล หมอสมิธ มิได้ลงตีพิมพ์นี่เป็นสิ่งที่แปลกมากๆ อีกทั้งเนื้อหาข่าวก็ควรบอกว่าเหตุเกิดที่ไหนตำบลใน เล่าเนื้อความอย่างสนุก มาจบด้วยไม่มีรายงาน ไม่มีการสืบสวน แล้วอังกฤษ ฝรั่งเศสที่จ้องจะเล่นงานเราหายไปไหนหมด? กงสุลเงียบกริบทุกประเทศ ?

เห็นว่าเหตุการณ์นี้พิมพ์ลงให้อ่านกันฉบับวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2399 ถ้าเทียบแล้วก็ตกอยู่ที่ ปีมะโรง จุลศักราช ๑๒๑๘ พ.ศ. ๒๓๙๙ (กินช่วงเวลาไทย เมษายน ค.ศ. 1856 ถึง มีนาคม ค.ศ. 1867)

เนื้อหากล่าวถึงการพิราลัยของท่านสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงษ์ ซึ่งพิราลัยไปไม่นาน - เหตุการณ์นี้หมอบรัดเลจดบันทึกว่า

สมเด็จท่านพิราลัย วันที่ ๒๖ เมษายน ๒๓๙๘ (1855)

พระราชทานเพลิงศพ วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๓๙๘ (1855)

แฮรี่ ปากส์ นำสัญญาอังกฤษเข้ามาแลก ๑๗ มีนาคม ๒๓๙๘ (1866)

- เมษายนปีใหม่ไทย เปลี่ยนพุทธศักราช -

กัปตัน เตาทน์เซนด์ แฮริส ทูตอเมริกัน ขอทำสัญญา ๒๑ เมษายน ๒๓๙๙ (1866)

ทำหนังสือทางการค้าไทย - อเมริกัน หมอแมตทูนได้เป็นกงสุล ๒๙ พฤษภาคม ๒๓๙๙ (1866)

เดือนธันวาคม ๒๓๙๙ (1866)  - ไม่มีเหตุระเบิดอะไรเลย

- Happy New Year เปลี่ยน คศ. -

เรือกำปั่น ๖๐ ลำลอยลำในแม่น้ำ เพราะการค้าเจริญอย่างรวดเร็ว ไม่เคยเห็นมาก่อน ๑ มกราคม ๒๓๙๙ (1867)


++++

ข่าวระเบิด การปลอมตัวไม่พบในเอกสารชิ้นนี้ของหมอบรัดเล


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 ส.ค. 14, 17:28
เพ็ญชมพู
อ้างถึง
หากกรณีที่สยามเป็นเรื่องจริง ระเบิดที่ใช้ก็อาจเป็นชนิดขว้างเหมือนในฝรั่งเศสก็เป็นได้

ตามเรื่องเข้าไปดูแล้ว ระเบิดที่ใช้ครั้งนั้นประดิษฐ์ขึ้นเป็นการเฉพาะเพื่อก่อการร้าย มีรูปโฉมดังข้างล่างและฉายาว่า  Orsini bomb ตามชื่อผู้ขว้างเพื่อหมายจะปลงพระชนม์พระเจ้านโปเลียนตามข่าว ซึ่งตัวนายออสินีก็เป็นหนึ่งในผู้บาดเจ็บทั้งหมด๑๔๒คน จากระเบิดที่ตนเองขว้างด้วย

ของอย่างนี้คงมาไม่ถึงสยามเนื่องจากยังไม่ได้ผลิตออกขายในตลาดค้่าอาวุธ ระเบิดไดนาไมต์ที่ใช้สายชนวนฟู่ๆไปจุดระเบิดที่ผมสันนิฐานไว้นั่นก็น่าจะหรูพอสมควรแล้ว เพราะที่คลาสสิกกว่าเท่าที่เห็นในหนังโบราณก็ใช้โรยดินปืนไป พอจุดไฟอีกปลายหนึ่งก็ลามฟู่ๆไปหาถังบรรจุดินระเบิดให้ตูมขึ้น

อย่างไรก็ดี เหตุการณ์ระเบิดที่หมายสังหารพระเจ้านโปเลียนที่๓ในปีนั้น คงจะตราตรึงใจคนยุโรปแบบเมาท์กันไม่หยุด เหมือนภาพยนต์ดีๆสักเรื่องหนึ่งที่นำออกฉาย พอคนดูกันมากก็มักจะมีหนังเลียนแบบออกมาเป็นพรวน จึงเกิดมโนกรรมเรื่องระเบิดหมายสังหารกษัตริย์ขึ้นมาอีกองค์ ใครจะเหมาะเท่ากษัตริย์สยาม เพราะเพิ่งเป็นข่าวเรื่องการทำสนธิสัญญาทางการค้าระหว่างอังกฤษกับประเทศอะไรก็ไม่รู้นี้ ในยุคนั้นจะมีชาวอังกฤษสักกี่คนที่สนใจและรู้จักสยามกับคิงมงกุฏ ไม่ใช่คนส่วนใหญ่รู้จักราวกับที่คุณไกรฤกษ์เขียนไว้ หนังสือพิมพ์ดังกล่าวจึงเอาพระบรมฉายาลักษณ์ ที่ฝรั่งคงเห็นแปลกกับพระมหามงกุฏเหมือนหมวกปลายแหลมๆ จึงเอามาลงแบบภาพประกอบเรื่อง เพื่อดึงดูดสายตาให้มาอ่านเรื่องเท็จกันมากๆ

คุณไกรฤกษ์ก็ช่างกระไรเลย มือระดับนี้ก็น่าจะกรองข่าวเสียหน่อย ไม่น่าจะเอาแต่ตาโตท่าเดียวให้เสียรังวัด


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 25 ส.ค. 14, 18:56
อย่างไรก็ดี เหตุการณ์ระเบิดที่หมายสังหารพระเจ้านโปเลียนที่๓ในปีนั้น คงจะตราตรึงใจคนยุโรปแบบเมาท์กันไม่หยุด เหมือนภาพยนต์ดีๆสักเรื่องหนึ่งที่นำออกฉาย พอคนดูกันมากก็มักจะมีหนังเลียนแบบออกมาเป็นพรวน จึงเกิดมโนกรรมเรื่องระเบิดหมายสังหารกษัตริย์ขึ้นมาอีกองค์ ใครจะเหมาะเท่ากษัตริย์สยาม

ข่าวเหตุการณ์ที่สยามอยู่ใน พ.ศ. ๒๓๙๙ ก่อนเหตุการณ์ที่ฝรั่งเศสซึ่งเกิดใน พ.ศ. ๒๔๐๑ ถึง ๒ ปี ถ้าจะมโนเรื่องการเลียนแบบก็คงต้องกลับกันกระมัง  ;)


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: Prasit.S ที่ 25 ส.ค. 14, 18:59
ติดตามรออ่าน อย่างตั้งใจ นะครับ  อาจารย์ทุกท่าน


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 25 ส.ค. 14, 19:18
เพ็ญชมพู
อ้างถึง
หากกรณีที่สยามเป็นเรื่องจริง ระเบิดที่ใช้ก็อาจเป็นชนิดขว้างเหมือนในฝรั่งเศสก็เป็นได้

ตามเรื่องเข้าไปดูแล้ว ระเบิดที่ใช้ครั้งนั้นประดิษฐ์ขึ้นเป็นการเฉพาะเพื่อก่อการร้าย มีรูปโฉมดังข้างล่างและฉายาว่า  Orsini bomb ตามชื่อผู้ขว้างเพื่อหมายจะปลงพระชนม์พระเจ้านโปเลียนตามข่าว ซึ่งตัวนายออสินีก็เป็นหนึ่งในผู้บาดเจ็บทั้งหมด๑๔๒คน จากระเบิดที่ตนเองขว้างด้วย

ของอย่างนี้คงมาไม่ถึงสยามเนื่องจากยังไม่ได้ผลิตออกขายในตลาดค้่าอาวุธ ระเบิดไดนาไมต์ที่ใช้สายชนวนฟู่ๆไปจุดระเบิดที่ผมสันนิฐานไว้นั่นก็น่าจะหรูพอสมควรแล้ว เพราะที่คลาสสิกกว่าเท่าที่เห็นในหนังโบราณก็ใช้โรยดินปืนไป พอจุดไฟอีกปลายหนึ่งก็ลามฟู่ๆไปหาถังบรรจุดินระเบิดให้ตูมขึ้น

อย่างไรก็ดี เหตุการณ์ระเบิดที่หมายสังหารพระเจ้านโปเลียนที่๓ในปีนั้น คงจะตราตรึงใจคนยุโรปแบบเมาท์กันไม่หยุด เหมือนภาพยนต์ดีๆสักเรื่องหนึ่งที่นำออกฉาย พอคนดูกันมากก็มักจะมีหนังเลียนแบบออกมาเป็นพรวน จึงเกิดมโนกรรมเรื่องระเบิดหมายสังหารกษัตริย์ขึ้นมาอีกองค์ ใครจะเหมาะเท่ากษัตริย์สยาม เพราะเพิ่งเป็นข่าวเรื่องการทำสนธิสัญญาทางการค้าระหว่างอังกฤษกับประเทศอะไรก็ไม่รู้นี้ ในยุคนั้นจะมีชาวอังกฤษสักกี่คนที่สนใจและรู้จักสยามกับคิงมงกุฏ ไม่ใช่คนส่วนใหญ่รู้จักราวกับที่คุณไกรฤกษ์เขียนไว้ หนังสือพิมพ์ดังกล่าวจึงเอาพระบรมฉายาลักษณ์ ที่ฝรั่งคงเห็นแปลกกับพระมหามงกุฏเหมือนหมวกปลายแหลมๆ จึงเอามาลงแบบภาพประกอบเรื่อง เพื่อดึงดูดสายตาให้มาอ่านเรื่องเท็จกันมากๆ

คุณไกรฤกษ์ก็ช่างกระไรเลย มือระดับนี้ก็น่าจะกรองข่าวเสียหน่อย ไม่น่าจะเอาแต่ตาโตท่าเดียวให้เสียรังวัด


ภาพลายเส้นในเหตุการณ์ลอบสังหาร พระเจ้านโปเลียนที่ ๓


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 ส.ค. 14, 21:10
ลูกระเบิดและภาพเหตุการณ์จะเป็นดังรูปข้างบนหรือไม่ ผมขอให้อ่านเองจากเวปนี้ก็แล้วกัน

http://www.standingwellback.com/home/2012/12/30/the-felix-orsini-bomb.html (http://www.standingwellback.com/home/2012/12/30/the-felix-orsini-bomb.html)


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 ส.ค. 14, 22:05
อย่างไรก็ดี เหตุการณ์ระเบิดที่หมายสังหารพระเจ้านโปเลียนที่๓ในปีนั้น คงจะตราตรึงใจคนยุโรปแบบเมาท์กันไม่หยุด เหมือนภาพยนต์ดีๆสักเรื่องหนึ่งที่นำออกฉาย พอคนดูกันมากก็มักจะมีหนังเลียนแบบออกมาเป็นพรวน จึงเกิดมโนกรรมเรื่องระเบิดหมายสังหารกษัตริย์ขึ้นมาอีกองค์ ใครจะเหมาะเท่ากษัตริย์สยาม

ข่าวเหตุการณ์ที่สยามอยู่ใน พ.ศ. ๒๓๙๙ ก่อนเหตุการณ์ที่ฝรั่งเศสซึ่งเกิดใน พ.ศ. ๒๔๐๑ ถึง ๒ ปี ถ้าจะมโนเรื่องการเลียนแบบก็คงต้องกลับกันกระมัง  ;)

ขอแก้ไขก็แล้วกัน

อย่างไรก็ดี เหตุการณ์ระเบิดที่หมายสังหารพระเจ้านโปเลียนในปี ๑๘๐๐ คงจะตราตรึงใจคนยุโรปแบบเมาท์กันไม่หยุด เหมือนภาพยนต์ดีๆสักเรื่องหนึ่งที่นำออกฉาย พอคนดูกันมากก็มักจะมีหนังเลียนแบบออกมาเป็นพรวน จึงเกิดมโนกรรมเรื่องระเบิดหมายสังหารกษัตริย์ขึ้นมาอีกองค์ ใครจะเหมาะเท่ากษัตริย์สยาม

http://www.standingwellback.com/home/2011/9/9/history-repeating-itself.html (http://www.standingwellback.com/home/2011/9/9/history-repeating-itself.html)


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 ส.ค. 14, 22:10
อย่างไรก็ดี เหตุการณ์ระเบิดที่หมายสังหารพระเจ้านโปเลียนที่๓ในปีนั้น คงจะตราตรึงใจคนยุโรปแบบเมาท์กันไม่หยุด เหมือนภาพยนต์ดีๆสักเรื่องหนึ่งที่นำออกฉาย พอคนดูกันมากก็มักจะมีหนังเลียนแบบออกมาเป็นพรวน จึงเกิดมโนกรรมเรื่องระเบิดหมายสังหารกษัตริย์ขึ้นมาอีกองค์ ใครจะเหมาะเท่ากษัตริย์สยาม

ข่าวเหตุการณ์ที่สยามอยู่ใน พ.ศ. ๒๓๙๙ ก่อนเหตุการณ์ที่ฝรั่งเศสซึ่งเกิดใน พ.ศ. ๒๔๐๑ ถึง ๒ ปี ถ้าจะมโนเรื่องการเลียนแบบก็คงต้องกลับกันกระมัง  ;)

ขอแก้ไขก็แล้วกัน

อย่างไรก็ดี เหตุการณ์ระเบิดที่หมายสังหารพระเจ้านโปเลียนในปี ๑๘๐๐ คงจะตราตรึงใจคนยุโรปแบบเมาท์กันไม่หยุด เหมือนภาพยนต์ดีๆสักเรื่องหนึ่งที่นำออกฉาย พอคนดูกันมากก็มักจะมีหนังเลียนแบบออกมาเป็นพรวน จึงเกิดมโนกรรมเรื่องระเบิดหมายสังหารกษัตริย์ขึ้นมาอีกองค์ ใครจะเหมาะเท่ากษัตริย์สยาม


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 26 ส.ค. 14, 07:10
^
อ้างอิง

http://www.standingwellback.com/home/2011/9/9/history-repeating-itself.html (http://www.standingwellback.com/home/2011/9/9/history-repeating-itself.html)


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 26 ส.ค. 14, 11:45
อย่างไรก็ดี เหตุการณ์ระเบิดที่หมายสังหารพระเจ้านโปเลียนในปี ๑๘๐๐ คงจะตราตรึงใจคนยุโรปแบบเมาท์กันไม่หยุด... จึงเกิดมโนกรรมเรื่องระเบิดหมายสังหารกษัตริย์ขึ้นมาอีกองค์ ใครจะเหมาะเท่ากษัตริย์สยาม  

คุณวิกกี้  (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88_1#.E0.B8.88.E0.B8.B2.E0.B8.81.E0.B8.81.E0.B8.87.E0.B8.AA.E0.B8.B8.E0.B8.A5.E0.B8.81.E0.B8.A5.E0.B8.B2.E0.B8.A2.E0.B9.80.E0.B8.9B.E0.B9.87.E0.B8.99.E0.B8.88.E0.B8.B1.E0.B8.81.E0.B8.A3.E0.B8.9E.E0.B8.A3.E0.B8.A3.E0.B8.94.E0.B8.B4) เล่าถึงเหตุการณ์ใน ปี ๑๘๐๐ ว่า

เมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๓๔๓ หรือ ค.ศ. ๑๘๐๐ (วันคริสต์มาสอีฟ) ได้มีการลอบวางระเบิดนโปเลียนที่ถนนซังต์-นิเคส ในกรุงปารีส ขณะที่ขบวนรถม้าของเขากำลังมุ่งหน้าไปโรงโอเปร่า รถม้าของกงสุลใหญ่ได้ควบผ่านพ้นจุดเกิดเหตุไปอย่างรวดเร็ว ระเบิดเกิดปะทุขึ้นช้ากว่าที่คาดทำให้กระจกรถม้าแตกกระจายเท่านั้น แต่สถานที่เกิดเหตุที่กลายเป็นซากปรักหักพังเต็มไปด้วยความโกลาหล มีผู้เสียชีวิตกว่าสิบคน โฌแซฟ ฟูเช ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทยในสมัยนั้น ได้พิสูจน์ว่าอาชญากรรมดังกล่าวเป็นฝีมือกลุ่มฝักใฝ่กษัตริย์ ในขณะที่นโปเลียนเชื่อว่าเป็นฝีมือของพวกฌาโกแบง การประหารดยุคแห่งอิงไฮน์เป็นหนึ่งในผลพวงตามมา


ณ วันที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๓๔๓ นโปเลียนยังเป็นเพียงกงสุลใหญ่อยู่ อีก ๕ ปีต่อมาคือใน พ.ศ. ๒๓๔๗ จึงสถาปนาตนเองขึ้นเป็นจักรพรรดิ เหตุการลอบวางระเบิดนโปเลียนในครั้งนั้นเป็นฝีมือของฝ่ายนิยมกษัตริย์กระทำต่อผู้ครองอำนาจ ซึ่งกลับกันกับเหตุการณ์ที่อ้างว่าเกิดในสยาม (ซึ่งเป็นฝีมือของ ?) ที่กระทำต่อกษัตริย์  ;D

ภาพนี้เอื้อเฟื้อโดย คุณวิกกี้  (http://en.wikipedia.org/wiki/Plot_of_the_rue_Saint-Nicaise#mediaviewer/File:PlotRueSaint-Nicaise.jpg) เช่นกัน


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 26 ส.ค. 14, 12:49
อ้างถึง
ณ วันที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๓๔๓ นโปเลียนยังเป็นเพียงกงสุลใหญ่อยู่ อีก ๕ ปีต่อมาคือใน พ.ศ. ๒๓๔๗ จึงสถาปนาตนเองขึ้นเป็นจักรพรรดิ เหตุการลอบวางระเบิดนโปเลียนในครั้งนั้นเป็นฝีมือของฝ่ายนิยมกษัตริย์กระทำต่อผู้ครองอำนาจ ซึ่งกลับกันกับเหตุการณ์ที่อ้างว่าเกิดในสยาม (ซึ่งเป็นฝีมือของ ?) ที่กระทำต่อกษัตริย์  ยิงฟันยิ้ม

ก็มันจะไปแปลกอะไร ประเด็นมันอยู่ที่การลอบสังหารบุคคลสำคัญ ไม่ว่าด้วยระเบิดหรืออาวุธอย่างอื่น มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยๆในยุโรป ตรงข้ามกับในสยาม ซึ่งการกระทำแบบลอบสังหารนี้ไม่มี เคยมีแต่เข้าต่อสู้แย่งชิงอำนาจกันอย่างซึ่งๆหน้า ตั้งแต่สมัยอยุธยามาจนถึงธนบุรี  ครั้นเข้าสู่ยุครัตนโกสินทร์แล้วก็ไม่เคยปรากฏ


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 26 ส.ค. 14, 14:28
ประเด็นมันอยู่ที่การลอบสังหารบุคคลสำคัญ ไม่ว่าด้วยระเบิดหรืออาวุธอย่างอื่น มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยๆในยุโรป ตรงข้ามกับในสยาม ซึ่งการกระทำแบบลอบสังหารนี้ไม่มี เคยมีแต่เข้าต่อสู้แย่งชิงอำนาจกันอย่างซึ่งๆหน้า ตั้งแต่สมัยอยุธยามาจนถึงธนบุรี  ครั้นเข้าสู่ยุครัตนโกสินทร์แล้วก็ไม่เคยปรากฏ

ในยุครัตนโกสินทร์ ถ้าเป็นเรื่องการลอบสังหารด้วยการวางยาพิษ ก็มีทั้งที่ยังเป็นคำถามอยู่ว่าเป็นเรื่องจริงหรือข่าวลือ อย่างกรณีนี้ ฆาตกรรมวังหลวง : คดีลอบปลงพระชนม์รัชกาลที่ ๒ จริงหรือข่าวลือ? (http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1352354938) หรือ อย่างในกรณีที่นี้ทึ่คุณหนุ่มยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง  ;D

แต่ข่าวต้นรัชกาลที่ ๕ มีการวางยาพิษท่านสมเด็จเจ้าพระยาฯ ผู้สำเร็จราชการก็มีจริงนะ ขอบอกๆๆ


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 26 ส.ค. 14, 19:30
ประเด็นมันอยู่ที่การลอบสังหารบุคคลสำคัญ ไม่ว่าด้วยระเบิดหรืออาวุธอย่างอื่น มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยๆในยุโรป ตรงข้ามกับในสยาม ซึ่งการกระทำแบบลอบสังหารนี้ไม่มี เคยมีแต่เข้าต่อสู้แย่งชิงอำนาจกันอย่างซึ่งๆหน้า ตั้งแต่สมัยอยุธยามาจนถึงธนบุรี  ครั้นเข้าสู่ยุครัตนโกสินทร์แล้วก็ไม่เคยปรากฏ

ในยุครัตนโกสินทร์ ถ้าเป็นเรื่องการลอบสังหารด้วยการวางยาพิษ ก็มีทั้งที่ยังเป็นคำถามอยู่ว่าเป็นเรื่องจริงหรือข่าวลือ อย่างกรณีนี้ ฆาตกรรมวังหลวง : คดีลอบปลงพระชนม์รัชกาลที่ ๒ จริงหรือข่าวลือ? (http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1352354938) หรือ อย่างในกรณีที่นี้ทึ่คุณหนุ่มยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง  ;D

แต่ข่าวต้นรัชกาลที่ ๕ มีการวางยาพิษท่านสมเด็จเจ้าพระยาฯ ผู้สำเร็จราชการก็มีจริงนะ ขอบอกๆๆ

ในเงื้อมมือของท้าวศรีสุดาจันทร์ ก็มีฉากวางยาพิษพ่ออยู่หัว ในแบบฉบับของท่านมุ้ย  ;D


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 26 ส.ค. 14, 20:00
ประเด็นมันอยู่ที่การลอบสังหารบุคคลสำคัญ ไม่ว่าด้วยระเบิดหรืออาวุธอย่างอื่น มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยๆในยุโรป ตรงข้ามกับในสยาม ซึ่งการกระทำแบบลอบสังหารนี้ไม่มี เคยมีแต่เข้าต่อสู้แย่งชิงอำนาจกันอย่างซึ่งๆหน้า ตั้งแต่สมัยอยุธยามาจนถึงธนบุรี  ครั้นเข้าสู่ยุครัตนโกสินทร์แล้วก็ไม่เคยปรากฏ

ในยุครัตนโกสินทร์ ถ้าเป็นเรื่องการลอบสังหารด้วยการวางยาพิษ ก็มีทั้งที่ยังเป็นคำถามอยู่ว่าเป็นเรื่องจริงหรือข่าวลือ อย่างกรณีนี้ ฆาตกรรมวังหลวง : คดีลอบปลงพระชนม์รัชกาลที่ ๒ จริงหรือข่าวลือ? (http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1352354938) หรือ อย่างในกรณีที่นี้ทึ่คุณหนุ่มยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง  ;D

แต่ข่าวต้นรัชกาลที่ ๕ มีการวางยาพิษท่านสมเด็จเจ้าพระยาฯ ผู้สำเร็จราชการก็มีจริงนะ ขอบอกๆๆ

ในเงื้อมมือของท้าวศรีสุดาจันทร์ ก็มีฉากวางยาพิษพ่ออยู่หัว ในแบบฉบับของท่านมุ้ย  ;D

ยาพิษถือว่าเป็นอาวุธด้วยหรือครับ


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 26 ส.ค. 14, 20:02
เรื่องวางระเบิดอะไรทำนองนี้เป็นข่าวเท็จ ไว้รอสักพักให้สนทนาให้อิ่มแล้วจะเอาข่าวจริงเกี่ยวกับรัชกาลที่ ๔ มาให้อ่านกันนะครับ
ยกสำรับคับค้อนมาประกอบสนทนาให้อิ่ม ค่ะ

กลับมาสยามกันเสียเถิดครับ และช่วยมาแวะที่เมืองใหม่ สิงคโปร์ก่อนนะครับ ในสมัยรัชกาลที่ ๔ มีข่าวลือเกี่ยวกับพระองค์มากมาย นี่เป็นบทความที่นำลงตีพิมพ์ในยุครัชกาลที่ ๔ (แน่นอนว่าไม่ใช่ของปลอม)

รัชกาลที่ ๔ ทรงโปรดเกล้าไปแก้ข่าวลือแก่ชาวยุโรป ชาวจีน ให้อ่านกัน


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 26 ส.ค. 14, 20:13
มีผู้รู้ได้แปลบทความการแก้ข่าวลือในสมัยรัชกาลที่ ๔ ความว่า

"มีข่าวลือแพร่สะพัดไปจากกรุงสยาม กล่าวกันในหมู่ชาวต่างประเทศ  โดยเฉพาะชาวยุโรปและชาวจีน ฯลฯ มีอยู่ด้วยกัน ๓ เรื่องด้วยกัน ดังนี้คือ

๑. กรุงสยามอยู่ภายใต้อำนาจสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ไม่ว่าพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใหญ่ จะมีพระบรมราชโองการมาประการใดก็ต้องปฏิบัติตาม จะคัดค้านมิได้ไม่ว่าจะเป็นราษฎรผู้ใดก็ตาม


๒. ในท้องพระคลังของพระเจ้าแผ่นดินแห่งกรุงสยามนั้น เต็มไปด้วยเงิน ประหนึ่งภูเขาทองและเงิน และเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่มั่งคั่งที่สุด

๓. พระเจ้าแผ่นดินผู้ครองกรุงสยามองค์ปัจจุบัน มีพระทับคับแคบและทรงนิยมิสิ่งของทั้งหลายที่แปลกๆ ทรงโปรดธรรมเนียม ประเพณี วิทยาศาสตร์

ศิลป และวรรณคดี ฯลฯ ของยุโรปโดยไม่มีขอบเขต พระองค์ยังทรงพอพระราชหฤทัยถ้อยประจบ และทะเยอทะยานในพระเกียรติ ดังนั้นในนี้จึงเป็นโอกาสอันดีที่

จะทำการกอบโกยเอาเงินทองจำนวนมากจากท้องพระคลังของกรุงสยามฯ


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 26 ส.ค. 14, 20:22
เรื่องข้างบนยังไม่จบ คุณหนุ่ม ขอเวลาหน่อย

โยงของคุณเพ็ญชมพู มีความดังนี้

หลังการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ.2367 ก็เกิดเสียงร่ำลือว่านี้คือ "ฆาตกรรมอำพราง"

เสียงร่ำลือพาดพิงถึงบุคคลที่ได้ประโยชน์

หนึ่งคือ เจ้าจอมมารดาเรียม พระสนมเอกในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และเป็นพระราชชนนีของกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์

หนึ่งคือ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ที่ขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ที่แม้จะเป็น "ลูกชายคนโต" และมีทั้งอำนาจและบารมีในขณะนั้น แต่โดยราชประเพณีของการสืบสันตติวงศ์ต้องถือว่าพระองค์ไม่มีสิทธิ

เสียงร่ำลือดังยาวนานมาเกือบ 200 ปี เบาบ้าง ตามเหตุบ้านการเมืองแต่ละช่วง

ล่าสุด ปรามินทร์ เครือทอง เขียนบทความวิเคราะห์สถานการณ์ดังกล่าวจากการค้นคว้าเอกสารร่วมสมัยต่างๆ ลงนิตยสาร "ศิลปวัฒนธรรม" ฉบับเดือนพฤศจิกายน ชื่อบทความว่า "ฆาตกรรมวังหลวง : คดีลอบปลงพระชนม์รัชกาลที่ 2 จริงหรือลือ?" โดยการสาวไปตามเงื่อนงำต่างๆ เท่าที่เอกสารจะมีให้สาวได้

เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ เขียนถึงเหตุการณ์สวรรคตครั้งนี้ไว้ในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 2 ว่า

"สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวดำรงราชสมบัติมาตั้งแต่ปีมะเส็งเอกศก มาถึง ณ วันพุธ เดือนแปด แรมสี่ค่ำ ปีวอกฉศก ทรงพระประชวรให้มึนเมื่อยพระองค์ เรียกพระโอสถชื่อจารในเพชรข้างที่ ที่เคยเสวยนั้นมาเสวย ครั้นเสวยแล้วให้ร้อนเป็นกำลัง เรียกทิพยโอสถมาเสวยอีก พระอาการก็ไม่ถอยให้เชื่อมซึมไป แพทย์ประกอบพระโอสถถวายก็เสวยไม่ได้ มิได้ตรัสสิ่งไร มาจนถึง ณ วันพุธ เดือนแปด แรมสิบเอ็ดค่ำ เวลาย่ำค่ำแล้วห้าบาทเสด็จสู่สวรรคต"

จารในเพชร และทิพยโอสถ เป็นพระโอสถชนิดใด มีคุณสมบัติอย่างไร ผู้เขียน (ปรามินทร์) ตรวจสอบค้นหาชื่อและสรรพคุณทางยาจาก ตำราพระโอสถ ครั้งรัชกาลที่ 2 หากไม่พบยาชื่อดังกล่าวทั้งที่เป็นพระโอสถ "ที่เคยเสวย"

พระโอสถชื่อ "จารในเพชร" พระโอสถที่เรียกเสวยได้เองน่าจะเป็นยาสามัญพื้นฐานทั่วๆ ไป แต่กลับเกิดพระอาการ "ร้อนเป็นกำลัง"

เงื่อนเวลาเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ปรามินทร์นำเสนอชวนให้พิจารณาว่ามีการเตรียมความพร้อม

ปีที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยสวรรคต เจ้าฟ้ามงกุฎฯ (ภายหลังขึ้นครองราชย์เป็นพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) มีพระชนมายุ 20 พรรษา กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ 37 พรรษา วันเวลาของเจ้าฟ้ามงกุฎฯกำลังรุ่งโรจน์ด้วยวัยของคนหนุ่ม

ขณะเดียวกันวัย 20 พรรษาที่ต้องผนวช

พระราชพงศาวดารฯบันทึกว่า มีการกำหนดพระฤกษ์ผนวชของเจ้าฟ้ามงกุฎฯไว้ล่วงหน้า คือวันพุธ ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 8 จุลศักราช 1186 (7 กรกฎาคม พ.ศ.2367) ในพระราชพิธีดังกล่าว พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยมีพระพลานามัยปกติเสด็จออกถวายเครื่องบริขารและไตรจีวร

แต่หลังจากนั้นเพียง 14 วันพระองค์ก็เสด็จสวรรคตในวันพุธ แรม 11 ค่ำ เดือน 8 (21 กรกฎาคม พ.ศ.2367)

พระราชพงศาวดารฯ ระบุว่าทรงเริ่มพระประชวรเมื่อวันพุธ แรม 4 ค่ำ เดือน 8 (14 กรกฎาคม)

จดหมายความทรงจำฯของกรมหลวงนรินทรเทวี บันทึกว่าเป็นวันศุกร์ แรม 6 ค่ำ เดือน 8 (16 กรกฎาคม)

จดหมายเหตุโหรระบุว่าทรงเริ่มพระประชวรวันเสาร์ แรม 7 ค่ำ (17 กรกฎาคม)

แม้วันที่เริ่มมีพระอาการประชวรจะไม่ตรงกัน แต่ทำให้เห็นว่าระยะเวลาประชวรจนเสด็จสวรรคตนั้นสั้นมาก และในระหว่างมีพระอาการประชวร พระองค์ยังเสด็จออกปฏิบัติพระราชกรณียกิจเป็นปกติ

กลับไปถึงเสียงร่ำลือที่พาดพิงถึงเจ้าจอมนั้น หมอมัลคอล์ม สมิธ หมอหลวงประจำราชสำนักรัชกาลที่ 5 บันทึกถึงสิ่งที่เขาได้ยินได้ฟังมาในวังหลวงไว้ในหนังสือราชสำนักสยามฯ ว่า

"หลังจากที่ทรงผนวชได้เพียง 2 สัปดาห์ พระราชบิดาของพระองค์ [รัชกาลที่ 2] ก็เสด็จสวรรคตลงอย่างปัจจุบันทันด่วน พระนั่งเกล้าฯ พระเชษฐาซึ่งมีตำแหน่งสำคัญในราชอาณาจักรและยังทรงได้รับการสนับสนุนจากพระมารดาซึ่งแม้จะมีฐานะเป็นเพียงเจ้าจอมแต่ก็เป็นหญิงที่มีเล่ห์เหลี่ยม ทำให้พระองค์ทรงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้สืบทอดราชสมบัติ"

ซึ่งก่อนหน้านั้น ในรัชกาลที่ 4 แหม่มแอนนาก็เคยได้ยินคำเล่าลือทำนองนี้มาแล้ว

เอกสารชิ้นสุดท้ายที่ปรามินทร์อ้างอิงถึงในครั้งนี้คือ พระราชนิพนธ์ภาษาบาลี ว่าด้วยพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกล่าวถึงสาเหตุแห่งการสวรรคตของพระราชบิดาว่า เสมือนพบเจอกับอสรพิษทำให้สวรรคตกะทันหันไม่ทันพระราชทานพระราชสมบัติให้ผู้ใด

เรื่องราว และเอกสารทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในอดีต บันทึกไว้ในอดีต และร่ำลือกันในอดีต ในวังหลวงของกรุงรัตนโกสินทร์

ขอให้คุณเพ็ญหาเอกสารมาสนับสนุนข้อความเหล่านี้หน่อย

๑"หลังจากที่ทรงผนวชได้เพียง 2 สัปดาห์ พระราชบิดาของพระองค์ [รัชกาลที่ 2] ก็เสด็จสวรรคตลงอย่างปัจจุบันทันด่วน พระนั่งเกล้าฯ พระเชษฐาซึ่งมีตำแหน่งสำคัญในราชอาณาจักรและยังทรงได้รับการสนับสนุนจากพระมารดาซึ่งแม้จะมีฐานะเป็นเพียงเจ้าจอมแต่ก็เป็นหญิงที่มีเล่ห์เหลี่ยม ทำให้พระองค์ทรงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้สืบทอดราชสมบัติ"
เหตุการณ์ใดที่บ่งบอกว่าเจ้าจอมมารดาเรียมเป็นหญิงที่มีเล่ห์เหลี่ยม และที่สำคัญคือมีอำนาจเหนือเจ้านายฝ่ายหน้าและมุขอำมาตย์ทั้งหลาย

๒ซึ่งก่อนหน้านั้น ในรัชกาลที่ 4 แหม่มแอนนาก็เคยได้ยินคำเล่าลือทำนองนี้มาแล้ว

แกเขียนไว้ว่าอย่างไร จะได้วิจารณ์ต่อว่าจริงหรือมั่วนิ่ม

๓เอกสารชิ้นสุดท้ายที่ปรามินทร์อ้างอิงถึงในครั้งนี้คือ พระราชนิพนธ์ภาษาบาลี ว่าด้วยพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกล่าวถึงสาเหตุแห่งการสวรรคตของพระราชบิดาว่า เสมือนพบเจอกับอสรพิษทำให้สวรรคตกะทันหันไม่ทันพระราชทานพระราชสมบัติให้ผู้ใด
พระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นภาษาบาลี?
ช่วยหามาดูกันหน่อยเถอะครับ

แล้วตกลงว่า คุณเพ็ญชมพูเชื่อว่ารัชกาลที่๒ ถูกลอบปลงพระชนม์จริงหรือเป็นข่าวลือ ช่วยแสดงจุดยืนหน่อย


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ส.ค. 14, 21:00
มาลงชื่อว่าเกาะขอบจอรอคุณเพ็ญชมพูอีกคน


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 26 ส.ค. 14, 21:23
บทความต้นเรื่องที่นำความเท็จที่ฝรั่งเขียนมาขยายในหนังสือศิลปวัฒนธรรมของค่ายมติขน ที่คุณเพ็ญชมพูโยงให้อ่านนั้น มีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมยังไม่ได้กล่าวถึง

คดีลอบปลงพระชนม์ในอังกฤษและฝรั่งเศส ปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ และเป็นข่าวอยู่หลายวัน กับถูกบันทึกอยู่ในพงศาวดารอย่างละเอียดลออ เป็นส่วนหนึ่งของพระราชประวัติ ที่ถูกกล่าวขวัญว่าเป็น "ราคาของความสำเร็จ" ที่ไม่ได้มาแบบถูกๆ(๖)

กล่าวฝ่ายในเมืองไทย บังเอิญเรื่องอื้อฉาวที่เป็นข่าวนี้ไม่ได้เกิดขึ้นตอนเปลี่ยนแผ่นดิน แต่อยู่ในปีที่ ๕ ซึ่งยังเป็นช่วงต้นรัชกาลที่ ๔ การแสดงตัวเป็นปฏิปักษ์ของฝ่ายตรงข้ามต่อราชบัลลังก์ยังไม่ปรากฏออกมาอย่างเด่นชัดนัก ความร้าวฉานใดๆ ในวงราชการยังมิได้อุบัติขึ้น รัชกาลที่ ๔ ผู้ทรงรอบรู้ในเรื่องศิลปวิทยาการแบบตะวันตก และแตกฉานในการเมืองระหว่างประเทศ จึงเหมาะสมที่สุดที่จะเป็นองค์ประมุขของประเทศ ตามสภาวะของยุคสมัยที่กำลังปรับเปลี่ยน บรรยากาศทางการเมืองที่ตึงเครียด ถ้ามีอยู่จริงก็น่าจะมีเค้ามาจากการเสียผลประโยชน์อย่างรุนแรง และความขัดแย้งกับพระวิเทโศบายต่างประเทศ ที่รุดหน้าเร็วเกินไป ทำให้คนบางกลุ่มรับไม่ได้ นี่คือข้อสันนิษฐานเบื้องต้น แต่ที่ผิดสังเกตและ "น่าพิจารณา" อย่างยิ่ง ซึ่งทำให้สมมุติฐานมีน้ำหนักขึ้นไปอีก คือ "คำให้การ" ของคนในครอบครัวบุนนาคเอง ชี้เบาะแสความระหองระแหงว่ามีมูลความจริง ปรากฏอยู่ในพระดำรัสของสมเด็จพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี ในรัชกาลที่ ๕ ผู้เป็นเชื้อสายของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ (ทัด บุนนาค) มีไปยังสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ฯ พระราชโอรส ความว่า...

"เพราะแม่รู้อยู่เต็มใจว่าชาวฟากข้างโน้น (สกุลบุนนาค มีถิ่นฐานบ้านช่องอยู่ที่ฝั่งธนบุรีเป็นส่วนมาก จึงเรียกว่าชาวฟากข้างโน้น-ผู้เขียน) นั้น เป็นที่รังเกียจของเจ้านายเป็นอันมาก เพราะผู้ใหญ่บางคนทำยุ่งเหยิงไว้ ความชั่วเลยมาแปดเปื้อนแก่พวกลูกหลานต่อมา แลพวกเหล่านั้นกองพันโตหนักด้วย ประการหนึ่งตัวของลูกก็ไม่ใช่เป็นเจ้านายสามัญ ความระแวงสงไสยมันอาจต้องเกิดขึ้นเพราะเป็นเจ้าฟ้าปัญญาดี แลมีญาติข้างแม่มาก เพราะฉนั้นจึงเห็นว่า การที่จะแก้ความรแวงว่าจะหมายเป็นใหญ่เป็นโตนั้น ก็มีอย่างเดียวที่จะต้องทำให้ทูนหม่อมโต (รัชกาลที่ ๖) ท่านรักใคร่ไว้วางพระทัยจริง ให้ปรากฏแก่ตาคนทั้งหลายมากๆ เท่านั้น"(๕)

คำว่า "ทำยุ่งเหยิงไว้" และ "ความชั่วจึงมาแปดเปื้อนลูกหลาน" เป็นคำพูดค่อนแคะที่มีความนัยโยงใยไปถึงความไม่ดีไม่งาม ที่ผู้ใหญ่ในตระกูลบางท่านสร้างไว้กับเจ้านายในอดีตนั่นเอง


คือคุณไกรฤกษ์บอกเป็นนัยๆว่า เป็นเรื่องวางระเบิดหรือเปล่า
ผมค้นอยู่นานว่าเรื่องยุ่งเหยิงที่พวกบุนนาคก่อนั้นคืออะไร ก็ได้เพียงเบาะแสเดียวก็คือ

เมื่อเกิดเรื่องพระสุริยภักดิ์ (คุณชายสนิท บุตรชายใหญ่สมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย) กับเจ้าจอมอิ่ม เป็นเหตุให้พระสุริยภักดีต้องพระราชอาญาประหาร อายุพระสุริยภักดีแก่กว่า สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์เพียง ๔ ปี (พระสุริยภักดีต้องโทษประหาร อายุเพียง ๒๗ ปี)

หรือคุณเพ็ญชมพูจะสามารถหาไอ้ที่ยุ่งเหยิงกว่านี้มาแสดงได้ ผมก็จะคอยดู
ก็คิดเองเถิด กฏมณเฑียรบาลสมัยโน้น ศักดิ์สิทธิ์เด็ดขาดอย่างไร ขนาดลูกบุคคลระดับสมเด็จเจ้าพระยาก็ยังหัวขาด ไม่มีละเว้น

http://writer.dek-d.com/bird711/story/viewlongc.php?id=524172&chapter=2 (http://writer.dek-d.com/bird711/story/viewlongc.php?id=524172&chapter=2)



กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 ส.ค. 14, 05:27
สมเด็จพระบรมมหาพิชัยญาติ (ทัต บุนนาค) ในรัชกาลที่ ๓ ยังเป็นที่พระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษาธิบดีอยู่ ท่านมีบุตรชายใหญ่แก่แต่ท่านผู้หญิงคนเดียว ซึ่งเป็นที่รักและเป็นความหวังสำหรับสายของท่าน..สมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย บุตรชายคนนี้เจริญในหน้าที่ได้เป็นพระศรีภักดีตั้งแต่หนุ่ม  บังเอิญเกิดเรื่อง มีผู้กราบบังคมทูลฟ้องว่าพระศรีภักดี กับเจ้าจอมอิ่ม ธิดาพระยามหาเทพ(ปาน)ผูกสมัครรักใคร่ มีเพลงยาวถึงกัน" โปรดฯเกล้าให้สอบสวนได้ความจริงว่าพระศรีภักดีกับเจ้าจอมอิ่มเพียงแต่เคยเห็นกัน และที่มีเพลงยาวถึงกันนั้นเพราะบ่าวเป็นสื่อ มิได้เคยออกไปพบปะพูดจากันเลยสักครั้งเดียว  แต่กฎมณเทียรบาลตราไว้ว่าผู้ใดลอบรักด้วยนางใน แม้เพียงมีการติดต่อ ก็ให้ลงพระราชอาญาประหารชีวิตด้วยกันทั้งคู่  ลูกขุนตัดสินประหารชีวิตตามกฎมณเฑยีรบาล
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯทรงพระเมตตา ด้วยเห็นว่ายังมิได้ถึงกับรักใคร่พูดจากัน  และพระยาศรีพิพัฒน์ฯก็มีความชอบต่อราชการแผ่นดินมาก พระศรีภักดียังอยู่ในวัยคะนองก็คงจะหลงลืมตัวไปบ้าง  จึงรับสั่งกับพระยาศรีพิพัฒน์ฯว่าจะพระราชทานชีวิตพระศรีภักดีแก่พระยาศรีพิพัฒน์ฯ   พระยาศรีพิพัฒน์ฯไม่ยินยอมตามรับสั่ง กราบบังคมทูลว่าเมื่อพระศรีภักดีผิดต่อกฎมณเฑียรบาล ก็ต้องรับโทษตามตัวบทพระอัยการ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯทรงจนพระราชหฤทัยต้องโปรดฯให้เป็นไปตามลูกขุนศาลตัดสิน
แสดงถึงความจงรักภักดีอันมีต่อพระเจ้าอยู่หัว  ยอมถวายชีวิตลูกหัวแก้วห้วแหวนเป็นราชพลีเพื่อรักษาเกียรติศักดิ์ในองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ถึงแม้สายของท่านสมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อยจะร่วงโรยไปบ้าง แต่กุศลกรรมที่ท่านได้บำเพ็ญมานี้ ส่งเสริมให้ท่านเป็นอมตะ  ไม่ตายไปจากประเทศนี้เลย

จากคุณกัมม์
เชิญเข้าไปอ่านหน่อยครับ กระทู้ที่คุณกัมม์เขียนยังมีเรื่องพระจริยาวัตรอันงดงามของสมเด็จพระศรีสุลาลัย(เจ้าจอมมารดาเรียม) จำเลยในบทความที่คุณเพ็ญยกมาอีกด้วย

http://www.atriumtech.com/cgi-bin/hilightcgi?Home=/home/InterWeb2000&File=/home2/searchdata/Forums/http/www.pantip.com/cafe/library/topic/K3267628/K3267628.html (http://www.atriumtech.com/cgi-bin/hilightcgi?Home=/home/InterWeb2000&File=/home2/searchdata/Forums/http/www.pantip.com/cafe/library/topic/K3267628/K3267628.html)


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 ส.ค. 14, 05:50
จากระโยงเดียวกัน

ในช่วงวาระสุดท้ายแห่งพระชนม์ชืพในสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยนั้น พระองค์ทรงประชวรเมื่อเดือน ๘ แรม ๔ ค่ำ ปีวอก พ.ศ.๒๓๖๗ อยู่ไม่เท่าไร(ไม่ทรงทรมานเนื่องจากไม่มีสิ่งใดๆให้ทรงวิตกกังวล พูดแบบชาวบ้าน"ตายตาหลับ")ทรงซึมด้วยพิษไข้แล้วเสด็จสวรรคตอย่างสงบ(จริงๆ)เมื่อเดือน ๘ แรม ๑๑ ค่ำ  ท่านเล่าว่าขณะนั้นเจ้าฟ้าบุญรอด(สมเด็จพระบรมราชชนนีในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว)ทรงหยิบพระแสงดาบอาญาสิทธิ์ข้างพระแท่น เสด็จพระราชดำเนินมาทรงยื่นให้กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ แล้วทรงออกพระโอษฐ์ว่า"รักษาไว้ให้น้องด้วยนะ" จากคำบอกเล่าข้างต้นนี้ หากพิจารณาถึงพระอุปนิสัยส่วนพระองค์แล้ว  พระองค์ทรงเป็นหญิงเหล็กพระองค์หนึ่งที่เดียว แม้แต่พระราชสวามีพระองค์ก็ไม่ทรงยอมลงให้ เช่น เมื่อสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯทรงรับเจ้าฟ้ากุณฑลฯเป็นพระราชชายานารีอีกพระองค์  เจ้าฟ้าบุญรอดก็ไม่เสด็จขึ้นเฝ้าอีกเลย จนกระทั่งวาระสุดท้ายของแผ่นดินที่ ๒ พระเจ้าอยู่หัวจึงตรัสให้หา(ว่ากันว่า)เพื่อทรงขออโหสิกรรมก่อนเสด็จทางสู่สวรรค์  เมื่อพิเคราะตรงนี้แล้ว ด้วยความกล้าหาญในส่วนพระองค์แล้ว อาจเป็นไปได้ที่ทรงกล้าตรัสคำนี้


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: hobo ที่ 27 ส.ค. 14, 06:43
ผมกลับจำได้ลางๆ ว่า หม่อมเจ้าในราชสกุลดิศกุลเล่าไว้ ว่าพอสวรรคต ท่านก็ถือพระแสงออกมาประทับบนพระราชบัลลังก์หรือพระแท่นทรงว่าราชการในท้องพระโรงเอง พระบรมวงศานุวงศ์ ตลอดจนขุนนางข้าราชการที่มารอเฝ้าต่างต้องกราบถวายบังคมโดยปริยายครับ


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 ส.ค. 14, 07:30
เหตุการณ์ในคคห.ที่๔๐ ย่อมต้องต่อจากเหตุการณ์ในคคห.๓๙ ครับ


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ส.ค. 14, 09:07
เคยได้ยินมาเช่นเดียวกับคุณ hobo ค่ะ


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 27 ส.ค. 14, 09:10
คุณครูนวรัตนให้การบ้านไว้ประมาณ ๖ ข้อ จะพยายามตอบเท่าที่จะหาหลักฐานหรือเอกสารประกอบได้

ข้อ ๑.
ยาพิษถือว่าเป็นอาวุธด้วยหรือครับ

คงจะต้องอ้างท่านรอยอิน

อาวุธ  เครื่องมือที่ใช้ในการทำร้าย ทำลาย ป้องกัน ต่อสู้ หรือฆ่า; โดยปริยายหมายถึงสิ่งที่มีลักษณะคล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น ใช้ปัญญาเป็นอาวุธ;ในทางกฎหมายหมายถึงสิ่งซึ่งโดยสภาพได้จัดทำขึ้นเพื่อใช้ประทุษร้ายร่างกายของบุคคล และรวมถึงสิ่งซึ่งไม่เป็นอาวุธโดยสภาพแต่ซึ่งได้ใช้หรือเจตนาจะใช้ประทุษร้ายร่างกายถึงอันตรายสาหัสอย่างอาวุธ

คุณนวรัตนคงเคยได้ยินคำว่า อาวุธชีวภาพซึ่งก็คือเชื้อโรคร้ายแรกตัวอย่างเช่น สปอร์ของเชื้อแอนแทรกซ์ (Bacillus anthracis)  (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%8B%E0%B9%8C) ซึ่งเคยเป็นข่าวโด่งดังไม่นานมานี้ หรืออาวุธเคมี โดยนัยแล้วยาพิษก็จัดอยู่ในอาวุธประเภทนี้  ;D


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 ส.ค. 14, 09:36
เอ้า นับก็นับ

อ้างถึง
ประเด็นมันอยู่ที่การลอบสังหารบุคคลสำคัญ ไม่ว่าด้วยระเบิดหรืออาวุธอย่างอื่น มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยๆในยุโรป ตรงข้ามกับในสยาม ซึ่งการกระทำแบบลอบสังหารนี้ไม่มี เคยมีแต่เข้าต่อสู้แย่งชิงอำนาจกันอย่างซึ่งๆหน้า ตั้งแต่สมัยอยุธยามาจนถึงธนบุรี  ครั้นเข้าสู่ยุครัตนโกสินทร์แล้วก็ไม่เคยปรากฏ

ผมไม่ใช่ครู แต่จะเป็นทนายจำเลยให้แก่ผู้ที่ถูกกล่าวหา
ตกลงในสมัยอยุธยามีการใช้อาวุธแบบวางยาพิษ แต่ในสมัยรัตนโกสินทร์มีการวางยาพิษรัชกาลที่๒จนเสด็จสวรรคตหรือเปล่าครับ คุณเพ็ญ


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ส.ค. 14, 10:17
ตามไปอ่านบทความในมติชน
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1352354938 (http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1352354938)

ขอตั้งข้อสังเกตตามนี้ค่ะ
1    หลังการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ.2367 ก็เกิดเสียงร่ำลือว่านี้คือ "ฆาตกรรมอำพราง"
เสียงร่ำลือพาดพิงถึงบุคคลที่ได้ประโยชน์
หนึ่งคือ เจ้าจอมมารดาเรียม พระสนมเอกในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และเป็นพระราชชนนีของกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์
หนึ่งคือ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ที่ขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ที่แม้จะเป็น "ลูกชายคนโต" และมีทั้งอำนาจและบารมีในขณะนั้น แต่โดยราชประเพณีของการสืบสันตติวงศ์ต้องถือว่าพระองค์ไม่มีสิทธิ
เสียงร่ำลือดังยาวนานมาเกือบ 200 ปี เบาบ้าง ตามเหตุบ้านการเมืองแต่ละช่วง

เรื่องนี้เป็นข้อหาฉกาจฉกรรจ์  ถ้ากล่าวหาอย่างเต็มปากเต็มคำขนาดนี้ก็ต้องมีแหล่งอ้างอิงที่กล่าวหาเต็มปากเต็มคำเช่นกัน   จึงน่าแปลกใจว่าผู้เขียนไม่ได้อ้างเลยว่า เสียงร่ำลือที่ยาวนานมาเกือบ 200 ปีนั้นมีหลักฐานจากที่ใดบ้าง   
เรื่องร้ายกาจขนาดนี้ และถ้าลือกันยาวนานขนาดนี้น่าจะเป็นที่รู้กันทั่วไป   เพราะจะต้องมีหลักฐานมากกว่าหนึ่ง  และสืบทอดบอกเล่ากันมาในหลายรัชกาล  ไม่ใช่ว่าผุดขึ้นมาในบทความ ศิลปวัฒนธรรม


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ส.ค. 14, 10:26
2   
"สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวดำรงราชสมบัติมาตั้งแต่ปีมะเส็งเอกศก มาถึง ณ วันพุธ เดือนแปด แรมสี่ค่ำ ปีวอกฉศก ทรงพระประชวรให้มึนเมื่อยพระองค์ เรียกพระโอสถชื่อจารในเพชรข้างที่ ที่เคยเสวยนั้นมาเสวย ครั้นเสวยแล้วให้ร้อนเป็นกำลัง เรียกทิพยโอสถมาเสวยอีก พระอาการก็ไม่ถอยให้เชื่อมซึมไป แพทย์ประกอบพระโอสถถวายก็เสวยไม่ได้ มิได้ตรัสสิ่งไร มาจนถึง ณ วันพุธ เดือนแปด แรมสิบเอ็ดค่ำ เวลาย่ำค่ำแล้วห้าบาทเสด็จสู่สวรรคต"

จารในเพชร และทิพยโอสถ เป็นพระโอสถชนิดใด มีคุณสมบัติอย่างไร ผู้เขียน (ปรามินทร์) ตรวจสอบค้นหาชื่อและสรรพคุณทางยาจาก ตำราพระโอสถ ครั้งรัชกาลที่ 2 หากไม่พบยาชื่อดังกล่าวทั้งที่เป็นพระโอสถ "ที่เคยเสวย"

พระโอสถชื่อ "จารในเพชร" พระโอสถที่เรียกเสวยได้เองน่าจะเป็นยาสามัญพื้นฐานทั่วๆ ไป แต่กลับเกิดพระอาการ "ร้อนเป็นกำลัง"


ในเมื่อคุณปรามินทร์เองก็ยังตรวจสอบไม่ได้ว่าพระโอสถทั้งสองอย่างนั้นเป็นยาอะไรแบบไหน    ก็ไม่ควรจะเดาต่อว่าเป็นยาสามัญหรือยาเฉพาะทาง เพราะข้อนี้เรียกว่าขาดหลักฐานเสียแต่ต้นมือแล้ว เกิดจากผู้ค้นคว้าหาคำอธิบายต่อไม่พบ    จึงไม่ควรเหมาต่อไปอีกเพื่อสนับสนุนความเชื่อของตน
การใช้คำว่า เสวยยาสามัญก็เกิดพระอาการร้อนเป็นกำลัง    เหมือนบอกใบ้ว่า เพราะทรงถูกวางยาพิษ เลยเกิดอาการร้อนขึ้นมาในพระองค์   ทั้งๆเสวยยาสามัญ ไม่น่าจะเกิดอาการนี้   
จริงๆแล้วเราเองก็ไม่รู้ว่าทรงประชวรเป็นโรคอะไร   มันจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับยาสองอย่างนั้นก็ได้   คนป่วยด้วยโรคหนึ่งไปกินยาที่ไม่ได้รักษาอาการโรคนั้น    อาการกำเริบขึ้นมา ก็ไม่แปลก


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ส.ค. 14, 10:33
3   กลับไปถึงเสียงร่ำลือที่พาดพิงถึงเจ้าจอมนั้น หมอมัลคอล์ม สมิธ หมอหลวงประจำราชสำนักรัชกาลที่ 5 บันทึกถึงสิ่งที่เขาได้ยินได้ฟังมาในวังหลวงไว้ในหนังสือราชสำนักสยามฯ ว่า

"หลังจากที่ทรงผนวชได้เพียง 2 สัปดาห์ พระราชบิดาของพระองค์ [รัชกาลที่ 2] ก็เสด็จสวรรคตลงอย่างปัจจุบันทันด่วน พระนั่งเกล้าฯ พระเชษฐาซึ่งมีตำแหน่งสำคัญในราชอาณาจักรและยังทรงได้รับการสนับสนุนจากพระมารดาซึ่งแม้จะมีฐานะเป็นเพียงเจ้าจอมแต่ก็เป็นหญิงที่มีเล่ห์เหลี่ยม ทำให้พระองค์ทรงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้สืบทอดราชสมบัติ"

นี่ก็เหมือนจะให้เข้าใจว่าสมเด็จพระศรีสุลาลัยอยู่เบื้องหลังแผนวางยาพิษ       ถ้าจะเอาความจริงจากการอ้างนี้ก็ควรจะไปหาต้นฉบับมาดูให้สิ้นสงสัยว่า "มีเล่ห์เหลี่ยม" นั้นหมอสมิธใช้คำว่าอะไร   cunning  หรือ  sophisticated  หรืออะไรกันแน่          และหมอสมิธพูดอะไรให้เห็นว่า  สมเด็จพระศรีสุลาลัยท่านช่วยกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์กำจัดพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ 
หมอสมิธไม่ได้อยู่ใต้กฎหมายสยาม   เขียนเรื่องเล่านี้เป็นภาษาอังกฤษ ตีพิมพ์ในเมืองนอก    แกไม่จำเป็นต้องมากลัวเกรงอะไรถ้าจะเอ่ยถึงข่าวลือในสามรัชกาลก่อนหน้านี้     ถ้าไม่มี  นอกจากคำว่า มีเล่ห์เหลี่ยม ที่ผู้แปลแปลเป็นไทยอีกที    ก็ถือว่ายังไม่มีหลักฐานน่าเชื่อถือได้

คุณเพ็ญชมพูน่าจะมีหนังสือของหมอสมิธ ซึ่งแปลกันสองสำนวน     พอจะค้นมาบอกกันได้ไหมคะ   ดิฉันก็มีเหมือนกันแต่ตอนนี้ยังหาไม่เจอ


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: hobo ที่ 27 ส.ค. 14, 11:37
ผมมีต้นฉบับของ Malcolm Smith พิมพ์ครั้งแรก หน้า 21 แกว่า

..., Pra Nang Klao, with the support of a scheming mother, a small but powerful clique of his own, and because he had already held high office in the State, secured the throne.


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: hobo ที่ 27 ส.ค. 14, 11:41
ส่วนแม่ท่านจะวางแผนอย่างใด นั้นสุดจะทราบได้ ล้วนเป็นการคาดเดาทั้งสิ้นครับ ที่น่าสงสัยคือหมอสมิทไม่รู้ไม่เห็นด้วยตัวเองแน่ๆ ไปฟังมาจากใคร คนที่พูดให้ฟัง แสดงว่าเรื่องนี้เป้นที่รู้กันหรือพูดกันมาก่อนใช่หรือไม่ เพราะการอ้างถึงเจ้าจอมมารดาคนหนึ่งอย่างนี้ โดยไม่มีเหตุมาก่อน น่าประหลาดครับ ไม่มีความจำเป็นเลย


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 27 ส.ค. 14, 11:50
ข้อ ๒.
ขอให้คุณเพ็ญหาเอกสารมาสนับสนุนข้อความเหล่านี้หน่อย

๑"หลังจากที่ทรงผนวชได้เพียง 2 สัปดาห์ พระราชบิดาของพระองค์ [รัชกาลที่ 2] ก็เสด็จสวรรคตลงอย่างปัจจุบันทันด่วน พระนั่งเกล้าฯ พระเชษฐาซึ่งมีตำแหน่งสำคัญในราชอาณาจักรและยังทรงได้รับการสนับสนุนจากพระมารดาซึ่งแม้จะมีฐานะเป็นเพียงเจ้าจอมแต่ก็เป็นหญิงที่มีเล่ห์เหลี่ยม ทำให้พระองค์ทรงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้สืบทอดราชสมบัติ"
เหตุการณ์ใดที่บ่งบอกว่าเจ้าจอมมารดาเรียมเป็นหญิงที่มีเล่ห์เหลี่ยม และที่สำคัญคือมีอำนาจเหนือเจ้านายฝ่ายหน้าและมุขอำมาตย์ทั้งหลาย

คุณเพ็ญชมพูน่าจะมีหนังสือของหมอสมิธ ซึ่งแปลกันสองสำนวน     พอจะค้นมาบอกกันได้ไหมคะ   ดิฉันก็มีเหมือนกันแต่ตอนนี้ยังหาไม่เจอ

สำนวนแปลของ คุณพิมาน แจ่มจรัส ในชื่อหนังสือ  "หมอฝรั่งในวังสยาม" แปลจากหนังสือชื่อ "A Physician at the Court of Siam"  ของ นพ.มัลคอล์ม สมิธ พิมพ์ครั้งที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๕๑ หน้า ๑๑ ความว่า

หลังจากผนวชเพียงสองสัปดาห์ พระบรมราชชนกก็เสด็จสวรรคตกะทันหัน พระเชษฐาคือ พระนั่งเกล้าฯ เสด็จขึ้นครองราชย์ ทั้งนี้เป็นผลจากการสนับสนุนของพระราชชนนีผู้ชาญฉลาด กับพระบรมวงศานุวงศ์กลุ่มเล็ก ๆ แต่มีอำนาจยิ่งของพระองค์รวมทั้งการที่ได้ดำรงพระยศอยู่ในลำดับสูงตามลำดับการสืบราชสันตติวงศ์

คำว่า "มีเล่ห์เหลี่ยม" กับ "ผู้ชาญฉลาด" เป็นวาทะของผู้แปลโดยแท้ ;D



กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 ส.ค. 14, 12:16
อ้างถึง
เหตุการณ์ใดที่บ่งบอกว่าเจ้าจอมมารดาเรียมเป็นหญิงที่มีเล่ห์เหลี่ยม และที่สำคัญคือมีอำนาจเหนือเจ้านายฝ่ายหน้าและมุขอำมาตย์ทั้งหลาย

ข้างบนของคุณเพ็ญ เป็นแค่คำใส่ร้ายของฝรั่งที่มาเมืองไทยสมัยร๔-ร๕ แล้วคนไทยบางคนมาอ้างกันต่อ แต่มีเอกสารไทยใดๆมายืนยันเรื่องนี้บ้าง คุณเพ็ญยังไม่ได้ตอบผมนะครับ


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ส.ค. 14, 12:16
     หมอสมิธ เป็นคนที่สนใจรายละเอียดเล็กน้อยของสังคมไทยอยู่มาก  ไม่ได้บันทึกเฉพาะเหตุการณ์ใหญ่ๆในประวัติศาสตร์ที่ตัวเองประสบเท่านั้น   แต่พยายามเข้าใจความรู้สึกนึกคิดและอารมณ์ของบุคคลต่างๆที่เขาได้พบปะคลุกคลีด้วย     บันทึกของหมอจึงทำให้เราเข้าใจได้หลายอย่างถึงเรื่องที่คนไทยไม่ได้บันทึกไว้     อ่านสนุกมากค่ะ

    ส่วนเรื่องข้างบนนี้หมายถึงอะไร  ก็พอจะตีความได้จากคำบอกเล่าที่อ่านพบมาก่อน  หนึ่งในนั้นคือจากหนังสือของคุณจุลลดา ภักดีภูมินทร์์ หรือม.ล.ศรีฟ้า ลดาวัลย์ที่บรรพบุรุษของท่านสืบสายตรงจากพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ      ท่านเล่าว่าเมื่อกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ทรงมีวังของพระองค์เองอยู่ตรงมหาวิทยาลัยศิลปากรในปัจจุบัน    เจ้าจอมมารดาเรียมก็กราบถวายบังคมลาออกมาจากพระบรมมหาราชวังมาอยู่กับท่าน      
    กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ทรงรับผิดชอบงานบ้านเมืองหลายอย่าง ในฐานะพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ที่พระชันษาเป็นผู้ใหญ่แล้ว  จึงมีทั้งพระบรมวงศานุวงศ์และขุนนางไปเฝ้ากันตามหน้าที่   เจ้าจอมมารดาเรียมผู้มีฝีมือด้านเครื่องเสวยก็ต้อนรับคนเหล่านี้ด้วยสำรับคับค้อนอย่างดี    ข้อนี้ย่อมผูกใจได้มากว่ามีน้ำพระทัยกว้างขวาง
     ข้อนี้จะเรียกว่า scheming ของแม่ได้หรือไม่     เพราะแม่ที่ฉลาดย่อมช่วยลูกสร้างคะแนนนิยม     จะมุ่งหวังถึงราชบัลลังก์หรือไม่ก็ตาม ไม่มีหลักฐาน    อย่างน้อยที่เห็นๆกันคือช่วยสร้างพระบารมีให้น่านิยมชมชื่น  การทำงานก็จะราบรื่นตามมา  ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายไม่ต้องกลัวสิ้นเปลือง  เพราะกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ท่านเป็น "เจ้าสัว" ค้าขายกับเมืองจีนจนมั่งคั่งอยู่แล้ว
    บุคคลพวกนี้เองคือคนที่หมอสมิธเรียกว่า a small but powerful clique of his own

   ในเมื่อมีผู้สนับสนุน มีตำแหน่งสูงในราชการ   การขึ้นสู่ราชบัลลังก์ก็สบายหายห่วง  secured the throne.


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 ส.ค. 14, 12:52
หม่อมเรียม
กำเนิดท่านเป็นสามัญชนก็จริงอยู่  แต่ด้วยวาสนาบารมี ส่งเสริมให้ท่านเป็นที่รักและเคารพ ของกษัตริย์ทุกๆพระองค์ที่ได้ทรงรู้จักกับท่าน

ท่านเรียมเป็นธิดาของพระยานนทบุรี เจ้าเมืองนนทบุรี ทางมารดาเป็นมุสลิม นิกายสุหนี่ จึงไม่แปลกที่นามว่า"เรียม"ของท่าน มาจากคำว่ามาเรียมหรือมาริอา ท่านมีผิวพรรณขาวคมคายเป็นที่โปรดปรานในพระสวามียิ่งนัก ภายหลังเมื่อสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จเถลิงราชย์ จึงโดยเสด็จเข้าพระบรมมหาราชวัง ที่พระสนมเอก และทรงว่าห้องเครื่องด้วยจนสิ้นรัชกาล (จะว่าห้องเครื่องได้ต้องเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยอย่างสูงสุดและยังต้องมีฝีมืออย่างเอกอีกด้วย น้อยคนนักจะถึงพร้อม)
 
จะเล่าเลยต่อไปถึงพระอัธยาศัยของท่านเรียมอีกสักหน่อยซึ่งจะสืบไปถึงพระราชอัธยาศัยในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯด้วย  เจ้าคุณจอมมารดาเรียม ท่านกล่าวกันว่าทรงเฉลียวฉลาด และเป็นเจ้าจอมมารดาที่ทรงโปรดปรานยิ่ง ทั้งยังมีพระราชโอรสถวายเป็นกำลังสำคัญแก่แผ่นดินอีกด้วย แต่ท่านก็มิได้เย่อหยิ่งอย่างใด  เป็นเรื่องที่ควรกล่าวไว้ ณ ที่นี้เลย เมื่อสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯทรงมีความสัมพันธ์กับ เจ้าฟ้าบุญรอด(หลังเจ้าจอมมารดาเรียม ๑๕ ปี พระองค์เจ้าทับ พระชนมายุ ๑๔ ปี) เจ้าจอมมารดาเรียมก็ลงให้พระอัครชายาผู้มาที่หลังอย่างเรียบร้อย และต้องด้วยขนบธรรมเนียมโบราณราชประเพณี (เป็นแบบฉบับให้พระองค์เจ้าทับทรงได้ซึมซับเป็นอย่างดี)  ทั้งยังทรงโอบอ้อมอารีไม่เลือกหน้าหรือชนชั้น วังของท่านคือวังท่าพระ(มหาวิทยาลัยศิลปากรปัจจุบัน)นั้น ที่หน้าวังของท่านตั้งโรงทานสำหรับราษฎรทุกชนชั้น  ส่วนในวังนั้นเป็นที่สำหรับพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการขุนนาง พอกลับจากเข้าเฝ้าฯในวังหลวงแล้ว วังกรมหมื่นเจษฎาฯจึงเป็นที่พึ่งด้วย เพราะในสมัยนั้นยังไม่มีร้านอาหาร

และพระจริยวัตรในสมเด็จพระศรีสุลาลัย(เจ้าจอมมารดาเรียม)ที่เป็นที่ซาบซึ้งยิ่งนัก ตอนที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯเสด็จเสวยราชย์ เจ้าฟ้าบุญรอดถึงที่"หมดวาสนา"แล้ว ต้องเสด็จออกจากพระบรมมหาราชวังตามพระราชประเพณี ไปประทับกับพระราชโอรสพระองค์เล็กที่พระราชวังเดิมนั้น ต้องเสด็จข้ามฝากโดยเรือที่ตำหนักแพ คุณจอมมารดาเรียมซึ่งขณะนั้นอยู่ในฐานะพระบรมราชชนนีเป็นที่สูงสุดแล้ว พระองค์ก็ยังทรงอ่อนน้อม เชิญหีบพระศรีตามไปส่งเสด็จถึงตำหนักแพ และลงหมอบถวายหีบพระศรี(เหมือนที่ทรงเคยกระทำ)  สมเด็จพระศรีสุริเยนทราฯทรงก้มพระองค์ลงรับ และตรัสว่า"ลาก่อนละนะ เรียม"
 
พระจริยวัตรอันงดงาม เป็นผู้ดี กอปรทั้งน้ำพระทัยประเสริฐนี้ เป็นเครื่องส่งเสริมบุญวาสนาให้สถิตที่พระอิสริยศสูงยิ่ง  เป็นที่รักของบุคคลทุกชั้นไม่เว้นแม้กษัตริย์


(เก็บความจาก เวียงวัง ของจุลลดา ภักดีภูมินทร์ และคุณกัมม์)

ย่อหน้าสุดท้ายนี้ ยืนยันได้จากรัชสมัยต่อมา เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติแล้ว พระองค์ก็ทรงรับเป็นพระราชภาระในการสร้างวัดที่นนทบุรีต่อจากที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้าง หมายจะทรงอุทิศให้พระราชมารดา กรมสมเด็จพระศรีสุลาลัย และพระอัยกาอัยกี แต่ยังค้างไว้นั้นจนแล้วเสร็จ และพระราชทานชื่อว่า วัดเฉลิมพระเกียรติ

ถ้าทรงหมางพระทัยอยู่ ก็อาจจะไม่เป็นเช่นนี้


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 27 ส.ค. 14, 14:51
ข้อ ๒.๑
อ้างถึง
เหตุการณ์ใดที่บ่งบอกว่าเจ้าจอมมารดาเรียมเป็นหญิงที่มีเล่ห์เหลี่ยม และที่สำคัญคือมีอำนาจเหนือเจ้านายฝ่ายหน้าและมุขอำมาตย์ทั้งหลาย

ข้างบนของคุณเพ็ญ เป็นแค่คำใส่ร้ายของฝรั่งที่มาเมืองไทยสมัยร๔-ร๕ แล้วคนไทยบางคนมาอ้างกันต่อ แต่มีเอกสารไทยใดๆมายืนยันเรื่องนี้บ้าง คุณเพ็ญยังไม่ได้ตอบผมนะครับ

คำตอบของคุณเทาชมพูใน #๕๒ คงจะใช้ได้

ข้อ ๓
๒ซึ่งก่อนหน้านั้น ในรัชกาลที่ 4 แหม่มแอนนาก็เคยได้ยินคำเล่าลือทำนองนี้มาแล้ว
แกเขียนไว้ว่าอย่างไร จะได้วิจารณ์ต่อว่าจริงหรือมั่วนิ่ม

ตรงนี้ยังหาเอกสารยืนยันไม่ได้  :D



กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 27 ส.ค. 14, 14:59
ข้อ ๔
๓เอกสารชิ้นสุดท้ายที่ปรามินทร์อ้างอิงถึงในครั้งนี้คือ พระราชนิพนธ์ภาษาบาลี ว่าด้วยพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกล่าวถึงสาเหตุแห่งการสวรรคตของพระราชบิดาว่า เสมือนพบเจอกับอสรพิษทำให้สวรรคตกะทันหันไม่ทันพระราชทานพระราชสมบัติให้ผู้ใด
พระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นภาษาบาลี? ช่วยหามาดูกันหน่อยเถอะครับ

ข้อมูลตรงนี้ผิดพลาด ที่ถูกต้องคือ  พระราชนิพนธ์ภาษาบาลี ว่าด้วยพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีแปลเป็นภาษาไทยโดย หลวงญาณวิจิตร์  คุณนวรัตนสามารถหาอ่านฉบับเต็มออนไลน์ได้ที่ สำนักหอสมุดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่  (http://library.cmu.ac.th/digital_collection/erare/searchForm.php?word=%E4%B7%C2%20--%20%BB%C3%D0%C7%D1%B5%D4%C8%D2%CA%B5%C3%EC%20--%20%A1%C3%D8%A7%C3%D1%B5%B9%E2%A1%CA%D4%B9%B7%C3%EC&check_field=SUBJECT&select_study=&condition=2&page=2#) อยู่ลำดับที่ ๓๕ (ตอนนี้อาจจะขัดข้องอยู่ แต่คงเข้าไปอ่านได้ในไม่ช้า)  ;D


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 ส.ค. 14, 15:13
อ้างถึง
อ้างถึง
อ้างถึง
เหตุการณ์ใดที่บ่งบอกว่าเจ้าจอมมารดาเรียมเป็นหญิงที่มีเล่ห์เหลี่ยม และที่สำคัญคือมีอำนาจเหนือเจ้านายฝ่ายหน้าและมุขอำมาตย์ทั้งหลาย

ข้างบนของคุณเพ็ญ เป็นแค่คำใส่ร้ายของฝรั่งที่มาเมืองไทยสมัยร๔-ร๕ แล้วคนไทยบางคนมาอ้างกันต่อ แต่มีเอกสารไทยใดๆมายืนยันเรื่องนี้บ้าง คุณเพ็ญยังไม่ได้ตอบผมนะครับ
คำตอบของคุณเทาชมพูใน #๕๒ คงจะใช้ได้

ตกลงผู้ที่มีน้ำใจกว้าง ตั้งโรงทานให้ผู้คนทั่วไปและโรงเลี้ยงญาติมิตร กลายเป็นหญิงที่มีเล่ห์เหลี่ยมหรือครับ
อ้างถึง
ทั้งยังทรงโอบอ้อมอารีไม่เลือกหน้าหรือชนชั้น วังของท่านคือวังท่าพระ(มหาวิทยาลัยศิลปากรปัจจุบัน)นั้น ที่หน้าวังของท่านตั้งโรงทานสำหรับราษฎรทุกชนชั้น  ส่วนในวังนั้นเป็นที่สำหรับพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการขุนนาง พอกลับจากเข้าเฝ้าฯในวังหลวงแล้ว วังกรมหมื่นเจษฎาฯจึงเป็นที่พึ่งด้วย เพราะในสมัยนั้นยังไม่มีร้านอาหาร

การตีความข้างล่างเป็นคนละความหมายกับบทความที่คุณเพ็ญชมพูยกมา ตกลงจะเอาทางไหนแน่

อ้างถึง
ข้อนี้จะเรียกว่า scheming ของแม่ได้หรือไม่     เพราะแม่ที่ฉลาดย่อมช่วยลูกสร้างคะแนนนิยม     จะมุ่งหวังถึงราชบัลลังก์หรือไม่ก็ตาม ไม่มีหลักฐาน    อย่างน้อยที่เห็นๆกันคือช่วยสร้างพระบารมีให้น่านิยมชมชื่น  การทำงานก็จะราบรื่นตามมา  ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายไม่ต้องกลัวสิ้นเปลือง  เพราะกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ท่านเป็น "เจ้าสัว" ค้าขายกับเมืองจีนจนมั่งคั่งอยู่แล้ว


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 ส.ค. 14, 15:20
อ้างถึง
อ้างถึง
ข้อ ๓
อ้างจาก: NAVARAT.C ที่  26 ส.ค. 14, 20:22

๒ซึ่งก่อนหน้านั้น ในรัชกาลที่ 4 แหม่มแอนนาก็เคยได้ยินคำเล่าลือทำนองนี้มาแล้ว
แกเขียนไว้ว่าอย่างไร จะได้วิจารณ์ต่อว่าจริงหรือมั่วนิ่ม
ตรงนี้ยังหาเอกสารยืนยันไม่ได้  ยิ้มกว้างๆ

อ้างถึง
อ้างถึง
ข้อ ๔
อ้างจาก: NAVARAT.C ที่  26 ส.ค. 14, 20:22

๓เอกสารชิ้นสุดท้ายที่ปรามินทร์อ้างอิงถึงในครั้งนี้คือ พระราชนิพนธ์ภาษาบาลี ว่าด้วยพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกล่าวถึงสาเหตุแห่งการสวรรคตของพระราชบิดาว่า เสมือนพบเจอกับอสรพิษทำให้สวรรคตกะทันหันไม่ทันพระราชทานพระราชสมบัติให้ผู้ใด
พระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นภาษาบาลี? ช่วยหามาดูกันหน่อยเถอะครับ


ข้อมูลตรงนี้ผิดพลาด ที่ถูกต้องคือ  พระราชนิพนธ์ภาษาบาลี ว่าด้วยพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีแปลเป็นภาษาไทยโดย หลวงญาณวิจิตร์  คุณนวรัตนสามารถหาอ่านฉบับเต็มออนไลน์ได้ที่ สำนักหอสมุดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่  อยู่ลำดับที่ ๓๕ (ตอนนี้อาจจะขัดข้องอยู่ แต่คงเข้าไปอ่านได้ในไม่ช้า)  ยิงฟันยิ้ม

ถ้างั้น ก็ตอบตรงนี้เลยครับ

NAVARAT.C
อ้างถึง
แล้วตกลงว่า คุณเพ็ญชมพูเชื่อว่ารัชกาลที่๒ ถูกลอบปลงพระชนม์จริงหรือเป็นข่าวลือ ช่วยแสดงจุดยืนหน่อย
เทาชมพู
อ้างถึง
มาลงชื่อว่าเกาะขอบจอรอคุณเพ็ญชมพูอีกคน



กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 27 ส.ค. 14, 15:21
คำว่า "มีเล่ห์เหลี่ยม" กับ "ผู้ชาญฉลาด" เป็นวาทะของผู้แปลโดยแท้ ;D

ตกลงผู้ที่มีน้ำใจกว้าง ตั้งโรงทานให้ผู้คนทั่วไปและโรงเลี้ยงญาติมิตร กลายเป็นหญิงที่มีเล่ห์เหลี่ยมหรือครับ

ขออนุญาตตีความว่าเป็น "ผู้ชาญฉลาด"  ;D


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 27 ส.ค. 14, 15:23
ข้อ ๕
แล้วตกลงว่า คุณเพ็ญชมพูเชื่อว่ารัชกาลที่๒ ถูกลอบปลงพระชนม์จริงหรือเป็นข่าวลือ ช่วยแสดงจุดยืนหน่อย

มิบังอาจตั้งตนเป็นผู้พิพากษาคดีนี้ดอก ก็ได้แต่รับฟังและยืนอยู่ระหวางข้อมูลทั้ง ๒ ด้าน อย่างความเห็นของคุณ Eddie Atsadang Yommanak  (https://th-th.facebook.com/History.KingdomOfSiam/photos/a.104656613019804.12631.104622813023184/219826181502846/?type=1) ก็มีข้อมูลทางการแพทย์ที่น่ารับฟังอยู่  ;D

บทความข้างต้นที่เขียนโดยคุณปรามินทร์ เครือทอง ใน "ศิลปวัฒนธรรม" ฉบับเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๕ นี้ผมได้อ่านจนจบ และหลังจากนั้นในศิลปวัฒนธรรม ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ได้มีการวิเคราะห์ประวัติศาสตร์ โดย ผศ.นพ.เอกชัย โควาวิสารัช ว่าคุณปรามินทร์เขียนขึ้นจากหลักฐานเพียงอย่างเดียวจากหนังสือเรื่อง Rex siamen sium หรือพระเจ้ากรุงสยาม ที่เขียนโดย ส.ธรรมยศ ซึ่งได้รับข้อมูลนั้นมาจากคุณหมอสมิธและจอห์น ครอว์ฟอร์ดอีกที โดยที่ทั้ง ๒ ท่านนี้ไม่ได้อ้างอิงหลักฐานใด ๆ เพียงแต่ได้ยินคนนินทาให้ฟังเท่านั้น ในหน้งสือของ ส.ธรรมยศ มีการให้ข้อมูลที่ผิด ๆ หลายอย่าง เช่น บอกว่า เจ้าจอมมารดาเรียม (แม่ของ ร.๓) คือผู้วางแผนการเปลี่ยนพระมหากษัตริย์ ตลอดจนจัดให้เจ้าฟ้ามงกุฎ (ร.๔) ทรงอุปสมบทโดยทันทีทันใด (หลังจาก ร.๒ สวรรคต) ซึ่งความเป็นจริง เจ้าฟ้ามงกุฎบวชได้ ๒ สัปดาห์แล้ว ร.๒ ถึงสวรรคต คุณปรามินทร์ตั้งประเด็นโดยสมมุติฐานว่า ๑.มีแผนกำจัด เจ้าฟ้ามงกุฎ โดยให้ออกผนวช ๒.ลอบปลงพระชนม์ โดยเจ้าจอมมารดาเรียม (แม่ ร.๓) โดยคุณหมอเอกชัยวิเคราะห์ว่า ร.๒ น่าจะมีอาการพระโรคสมองอักเสบ หรือโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือโรคเนื้องอกของสมอง และสาเหตุการสวรรคตน่าจะเกิดจากการแพ้ยา ไม่ใช่ถูกวางยาพิษ ตามเอกสารอ้างอิงที่กล่าวว่า "ทรงประชวรไข้พิษอันแรงกล้า มิได้รู้สึกพระองค์ ได้แต่เรียกพระโอสถชื่อจาระไนเพ็ชร์..." ซึ่งพอสรุปได้ว่าอาการประชวรของพระองค์เป็นมาก่อนที่จะเสวยยาจาระไนเพ็ชร์ และตามประวัติศาสตร์ ร.๒ ทรงไว้วางพระราชหฤทัยให้ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ (ต่อมาคือ ร.๓)กำกับดูแลราชการสำคัญมากมาย มีอำนาจเป็นรองก็เพียง ร.๒ เท่านั้น ในพงศาวดารบันทึกว่า หลังจาก ร.๒ สวรรคต มิได้ตรัสมองราชสมบัติให้ผู้ใด ร.๓ ได้ครองราชสมบัติต่อมาโดย "อเนกมหาชนนิกร สโมสรสมมุติ" คือพระบรมวงศานุวงศ์ เสนาบดี และข้าราชการน้อยใหญ่ได้ประชุมกันเห็นว่าพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ใหญ่ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ทรงพระสติปัญญาเฉลียวฉลาด ได้ว่าราชการต่างพระเนตรพระกรรณในพระเจ้าอยู่หัวมาช้านาน มีความจงรักภักดี สมควรจะครองสิริราชสมบัติสืบไป" การจะศึกษาประวัติศาสตร์ ต้องศึกษาวิเคราะห์ให้ถ่องแท้ อย่าฉาบฉวย นักประวัติศาสตร์รุ่นใหม่ ๆ ต่างมีมุมมองที่ต่างกันออกไป อย่าเชื่อทุกสิ่งทุกอย่างในทันที ต้องศึกษาให้ดีเสียก่อน


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 ส.ค. 14, 15:51
^
ถ้าเอาอันนี้มาลงคู่กับอันนั้น ก็จบเสียแต่ต้นแล้ว
อ้างถึง
มิบังอาจตั้งตนเป็นผู้พิพากษาคดีนี้ดอก ก็ได้แต่รับฟังและยืนอยู่ระหวางข้อมูลทั้ง ๒ ด้าน
คุณเพ็ญไม่ได้เป็นผู้พิพากษาหรอกครับ คนอ่านกระทู้สิครับ ที่เป็น

ผมหมดประเด็นแล้ว เชิญคุณหนุ่มต่อเรื่องของคุณที่ค้างอยู่ได้เลยครับ


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 ส.ค. 14, 08:58
ขออนุญาตส่งการบ้านข้อสุดท้าย

ข้อ ๖
ผมค้นอยู่นานว่าเรื่องยุ่งเหยิงที่พวกบุนนาคก่อนั้นคืออะไร ก็ได้เพียงเบาะแสเดียวก็คือ

เมื่อเกิดเรื่องพระสุริยภักดิ์ (คุณชายสนิท บุตรชายใหญ่สมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย) กับเจ้าจอมอิ่ม เป็นเหตุให้พระสุริยภักดีต้องพระราชอาญาประหาร อายุพระสุริยภักดีแก่กว่า สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์เพียง ๔ ปี (พระสุริยภักดีต้องโทษประหาร อายุเพียง ๒๗ ปี)

หรือคุณเพ็ญชมพูจะสามารถหาไอ้ที่ยุ่งเหยิงกว่านี้มาแสดงได้ ผมก็จะคอยดู
ก็คิดเองเถิด กฏมณเฑียรบาลสมัยโน้น ศักดิ์สิทธิ์เด็ดขาดอย่างไร ขนาดลูกบุคคลระดับสมเด็จเจ้าพระยาก็ยังหัวขาด ไม่มีละเว้น

เรื่องนี้ก็น่าจะยุ่งเหยิงกว่า

รัชกาลที่ ๖ ทรงกล่าวไว้ในหนังสือประวัติต้นรัชกาลที่ ๖ ว่า

เมื่อทูลกระหม่อมปู่เสด็จสวรรคตนั้น, อันที่จริงก็ไม่ควรที่จะมีข้อสงสัยเลย, หากสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค, ซึ่งเวลานั้นเปนเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ ที่สมุหพระกระลาโหม) ทำเหตุให้ยุ่งไปเองแท้ ๆ  ในขณะที่ทูลกระหม่อมทรงพระประชวรหนักขึ้น พะเอินทูลกระหม่อมของฉันก็ทรงพระประชวรเปนไข้มีพระอาการมากอยู่ด้วยเหมือนกัน. อีกประการ ๑ ในเวลานั้นทูลกระหม่อมก็มีพระชนมายุเพียง ๑๕ เต็ม ๆ เท่านั้น, ทูลกระหม่อมปู่จึ่งได้มีพระราชดำรัสฝากให้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ช่วยเปนผู้ประคับประคองด้วย สมเด็จเจ้าพระยาเห็นว่าเปนโอกาสเหมาะที่จะรวบรัดอำนาจไว้ในกำมือของตน, ฉนั้นเมื่อได้ไปเชิญเสด็จทูลกระหม่อมจากพระตำหนักสวนกุหลาบเข้าไปประทับที่ในพระฉากในพระที่นั่งอมรินทร์แล้ว, และได้จัดการถือน้ำตามประเพณีแล้ว, ก็ยังมิได้ให้เรียกทูลกระหม่อมว่า "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว", เพราะเขานึกว่าทูลกระหม่อมจะสวรรคตเสียก่อนที่จะได้ราชาภิเษก ที่ว่าสมเด็จเจ้าพระยานึกเช่นนี้ ไม่ใช่เปนการใส่ความ, เพราะมีสิ่งที่เปนพยานอยู่อย่าง ๑ คือสมเด็จเจ้าพระยาได้จัดการให้กรมหมื่นบวรวิชัยชาญ (พระองค์เจ้ายอดยิ่งยศ, หรือที่เรียกกันอยู่ว่า "ยอร์ช วอชิงตั้น), พระโอรสองค์ใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว, รับบวรราชาภิเษกเปนกรมพระราชวังบวรก่อนงานบรมราชาภิเษกของทูลกระหม่อม, ซึ่งเปนการนอกธรรมเนียมราชประเพณีโดยแท้, เพราะมิได้เคยมีเลยในรัชกาลใด ๆ, ทั้งครั้งกรุงเก่าและกรุงรัตนโกสินทร์, ที่วังน่าจะได้รับบวรราชาภิเษกก่อนที่พระเจ้าแผ่นดินในรัชกาลนั้นจะได้รับบรมราชาภิเษก.

รัชกาลที่ ๕ ก็ได้ทรงกล่าวเชิงประชดถึงเรื่องนี้ไว้ใน พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงวิจารณ์เรื่องพระราชพงศาวดาร กับเรื่องพระราชประเพณีการตั้งพระมหาอุปราช ความว่า

ท่านเสนาบดีปฤกษาว่า พระองค์เจ้ายอร์ช วอชิงตัน กรมหมื่นบวรวิไชยชาญ มีวิชาเป็นช่างเชาว์เกลาเกลี้ยงให้เป็นกรมพระราชวังบวรรับบัณฑูรเป็นที่ ๑๖ จะได้คุมข้าไทของวังหน้าต่อไป เป็นวังหน้าที่มิได้เป็นพระราชโอรสของกษัตริย์ และกษัตริย์มิได้ทรงเลือกเองเป็นที่ ๑ ตั้งแต่กรุงทวารวดีจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์
 


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 ส.ค. 14, 09:38
เพราะเหตุใดเจ้าพระยาศรีสุริยวงศืจึงยกกรมหมื่นบวรวิชัยชาญขึ้นเป็นพระมหาอุปราช

ข้อนี้ ถ้าว่าตามความเห็นของผู้รู้การครั้งนั้น โดยมากเห็นว่าเพราะท่านเกรงว่าเมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญวัยขึ้น ไม่พอพระราชหฤทัยที่มีผู้ว่าราชการแผ่นดิน ก็จะทรงขวนขวายเอาท่านออกจากตำแหน่ง จึงคิดให้มีพระมหาอุปราชขึ้นสำหรับกีดกันพระราชอำนาจและเลือกกรมหมื่นบวรวิชัยชาญเป็นพระมหาอุปราช ด้วยเห็นว่าคงเข้ากับวังหลวงไม่ได้ ก็จะต้องอาศัยท่านทั้งวังหลวงและวังหน้า พาให้ตำแหน่งของท่านมั่นคง เห็นกันอย่างว่ามานี้เป็นพื้น และมันเข้าใจกันว่า ท่านคิดขึ้นในเวลาเมื่อพระบาทสมเด็จฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจะเสด็จสวรรคต แต่เรื่องที่ผู้อื่นไม่รู้ยังมีอีกส่วนหนึ่ง ว่าการที่จะให้กรมหมื่นบวรวิชัยชาญเป็นพระมหาอุปราชนั้น ที่จริงเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ได้คิดมาแต่ในรัชกาลที่ ๔ และได้กราบบังคมทูลให้พระบาทสมเด็จฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงทราบด้วย

เรื่องที่ปรากฏนั้น คือวันหนึ่ง (สันนิษฐานว่า เมื่อต้นปีเถาะ พ.ศ. ๒๔๑๐) พระบาทสมเด็จฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จออกประทับ ณ พระทวารมุข พระที่นั้งอนันตสมาคม เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์เข้าเฝ้าเป็นที่รโหฐาน มีแต่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคอยรับใช้อยู่ข้างพระขนองสมเด็จพระบรมชนกนาถ พระบาทสมเด็จฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวตรัสสนทนากับเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ด้วยเรื่องราชการต่าง ๆ ตอนหต่งตรัสถึงเรื่องวังหน้า พระบาทสมเด็จฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจะตรัสปรารภอย่างไร และเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์จะได้กราบทูลสนองว่ากระไร สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ทรงได้ยินถี่ถ้วน ได้ยินแต่คำพระบาทสมเด็จฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวตรัสตอบว่า "ถ้าเช่นนั้นทำกำแพงกั้นปันเขตกันเสียที่ท้องสนามหลวงก็แล้วกัน" ดังนี้ ทรงสันนิษฐานว่า คงเป็นด้วยเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์กราบทูลอธิบายเรื่องที่เห็นควรจะให้กรมหมื่นบวรวิชัยชาญเป็นพระมหาอุปราช และพระบาทสมเด็จฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไม่ทรงเห็นชอบด้วย แต่จะไม่ให้ขัดใจเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ จึงตรัสตอบอย่างนั้น


จาก พระราชพงศาวดารรัชกาลที่ ๕ พระนิพนธ์ สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ  ;D


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 28 ส.ค. 14, 09:39
อ้างถึง
เรื่องนี้ก็น่าจะยุ่งเหยิงกว่า

เห็นจะจริงตามนั้น

แม้พระมารดาของสมเด็จพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรีจะเป็นสายสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติแต่ก็บุนนาคเหมือนกัน คงได้รับผลกระทบโดยปริยาย


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: Slow movement ที่ 03 พ.ย. 14, 00:59
เข้าไปดูวิกิพีเดียก็มีการนำข้อความที่กล่าวถึงกลับมาแล้ว แต่ในบทความรัชกาลที่ ๔ ได้ถูกนำออกไปอีกครั้ง แต่ของสมเด็จพระศรีสุลาลัยยังคงอยู่ถึงตอนนี้


กระทู้: ข่าวเท็จสมัยรัชกาลที่๔ ซึ่งคนสมัยนี้ช่วยกันแพร่
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 03 พ.ย. 14, 07:45
ทิฐิของมนุษย์ที่โมหะนำไปจนถึงขั้นแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันแล้ว ก็ขาดความพยายามที่จะแสวงปัญญา ต่างก็ดึงดันในความคิดความเห็นของตน ไม่ว่าจะถูกจะผิดอย่างไร ก็ไม่ยอมรับฟังอีกฝ่ายหนึ่ง สุดท้ายแล้ว ก็อาจลุกลามไปถึงการใช้กำลังตัดสิน  ถึงตอนนั้นผู้ชนะจะบังคับเอากับผู้แพ้ที่รอดชีวิตอย่างไรก็ได้  แต่ก็เป็นเพียงชั่วคราว วันหนึ่งฝ่ายผู้แพ้กลับแข็งแรงขึ้นมา ก็สร้างความขัดแย้งเยี่ยงเดิมได้อีก เป็นวัฏจักรอันไม่มีวันจบสิ้นคู่ไปกับโลก

ประวัติศาสตร์สอนเราอย่างนั้น ทุกยุคทุกสมัย