สมชาย
บุคคลทั่วไป
|
ผมเคยหยิบการ์ตูนญี่ปุ่นมาอ่านดู ต้องสารภาพว่าอ่าน(ดู)ไม่รู้เรื่องแฮะ มันไม่มีคำบรรยาย กระทั่งคำพูดก็ไม่ค่อยจะมี คนอ่านคงจะต้องมีจินตนาการกว้างไกลจึงจะอ่าน(ดู)รู้เรื่อง แต่ผมเป็นห่วงว่าเด็กที่อ่านการ์ตูนญี่ปุ่นมากๆ ความสามารถในการสื่อสารจะลดน้อยลงนะ แล้วก็ไม่อยากพูดซะด้วย ความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว ในสังคม มันควรจะเป็น two way นะ และถ่าเราไม่สามารถ express ความในใจ ความคิดของเราได้ชัดเจน มันจะเป็นปัญหาได้ไหม ผมไม่แน่ใจว่าเดี๋ยวนี่ที่โรงเรียนยังมีวิชาเรียงความอยู่หรือไม่ หรือเอาแต่ยัดเยียดวิชาสอบเข้าสมองเด็ก ผมว่าที่ประเทศอื่นๆเขายังเน้นการเขียน essay อยู่นะ มันช่วยในการทำงานได้เยอะเลย นอกเรื่องซะแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
จ้อ
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 23 พ.ค. 01, 02:07
|
|
คุณสมชายครับ ผมขออนุญาติชี้แจงหน่อย เพราะรู้สึกว่าคุณสมชายพึ่งเข้ามาเล่นใหม่น่ะครับ เลยตั้งกระทู้ไม่ค่อยถูกกลุ่มนัก ความจริงก็ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่หรอกครับ แต่ถ้าตั้งกระทู้ผิดกลุ่มก็จะไม่มีคนมาร่วมแสดงความเห็นเท่าไหร่นัก คุณสมชายก็อาจจะคุยไม่สนุกเท่าที่ควรน่ะครับ
ในห้องนี้ส่วนใหญ่สนใจเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ภาษา และ ศิลปะวัฒนธรรม กันน่ะครับ ถ้าเป็นกระทู้เกี่ยวกับวิจารณ์สังคม การเมือง ต้องเป็นที่ห้องบ้านนี้เมืองนี้ ถ้าเป็นเกี่ยวการศึกษาเช่นกระทู้นี้ที่ห้องครูอาจารย์จะดีกว่าครับเพราะมีครูอาจารย์ เข้ามาเล่นเยอะ คุณครูเขาอาจจะมองอีกแง่หนึ่งก็ได้อันนี้ผมก็ไม่ทราบ
การตูนญี่ปุ่นนี่ผมไม่ได้อ่านมาหลายปีแล้วครับ เลยไม่ทราบว่าเดี๋ยวนี้เป็นอย่างไร แต่เมื่อก่อนอ่าน ( ตอนเป็นเด็ก ) ก็สนุกดี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
วรวิชญ
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 23 พ.ค. 01, 08:29
|
|
การ์ตูนเป็นเรื่องของศิลปวัฒนธรรมครับ อย่าไปสร้างกำแพงปิดกั้น จะเห็นได้ง่ายเช่น ยุคสมัยหนึ่งคนไทยชอบอ่านหนังสือการ์ตูนเรื่องจักรๆวงศ์ๆ เนื่องจากคนในสังคมไทยยังอยู่ใกล้ชิดกัน แต่เมื่อสังคมขยายตัว รับวัฒนธรรมต่างชาติมากขึ้น เราจึงได้เห็นการ์ตูนเรื่องราวสะท้อนชีวิต ได้เห็นการ์ตูนญี่ปุ่นที่หลั่งไหลเข้ามาแทนที่การ์ตูนไทยมากขึ้น ผมเห็นด้วยกับคุณสมชาย ที่ดูการ์ตูนญี่ปุ่นไม่ค่อยจะรู้เรื่อง ยังนึกไม่ออกว่าเด็กไทยที่ดูการ์ตูนจะเข้าใจได้สักเพียงไร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
สมชาย
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 23 พ.ค. 01, 09:40
|
|
ขอบคุณคุณjorครับ ตอนแรกผมจะคุยแต่เรื่องการ์ตูน แต่อดไม่ได้ต้องใส่ความเห็นเรื่องอื่นด้วยเพราะมันสัมพันธ์กัน ว่าจะโพสต์ในบ้านนี้เมืองนี้ด้วยเหมือนกันแหละ (คงต้องโพสต์ทั้งสองBoard) อย่างที่คุณวรวิชญกรุณาบอกไว้ ผมว่ามันก็เป็นวัฒนธรรม แล้วก็รู้สึกว่า(อาจจะเป็นความรู้สึก)จะมีคนเข้าในเรือนไทยเยอะกว่าบ้านนี้เมืองนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ภูมิ
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อ 23 พ.ค. 01, 12:24
|
|
คงต้องอ่านภาษาญี่ปุ่นภึงจะรู้เรื่อง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
สมชาย
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อ 23 พ.ค. 01, 14:49
|
|
หมายถึงว่าการ์ตูนญี่ปุ่นที่แปลเป็นไทยกับการ์ตูนที่ญี่ปุ่นไม่เหมือนกันหรือเปล่าครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
สมชาย
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อ 23 พ.ค. 01, 15:13
|
|
เรียน คุณภูมิที่นับถือ ต้องการรู้เกี่ยวกับภาษาญี่ปุ่นนิดนึงครับ ผมจะpostอันใหม่ก้เกรงว่าชื่อผมจะปรากฎมากไปหน่อย เพิ่งเข้ามาแท้ๆ แต่ละชาติแต่ละภาษาเนียะ จะบ่งบอกวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมของตัวเอง เช่นภาษาจีนจะมีคำที่เกี่ยวกับฟ้า(เทียน)ไว้เยอะ ภาษาเอสกิโมก็จะมีคำที่พูดถึงหิมะ นำ้แข็งไว้เยอะ ภาษาไทยก็จะเกี่ยวกับใจ ทางafricaก็จะมีคำทีพูดถึงทุ่งหญ้าและสีเขียว ผมอยากทราบว่าภาษาญี่ปุนจะเป็นอย่างไร ขอบคุณมากครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นกข.
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อ 23 พ.ค. 01, 21:54
|
|
เรื่องการ์ตูนญี่ปุ่น ดูเหมือนมีคุณหมอท่านหนึ่ง (นพ.ประเสริฐ ผลิตผล ..? นามสกุลจำไม่ได้ครับ) วิเคราะห์ไว้น่าสนใจมาก
ผมว่า การสื่อสารด้วยลายเส้นนำอารมณ์ก็เป็นการสื่อสารครับ อาจถือได้ว่าเด็ก หรือคนอ่านการ์ตูน กำลังเสพงานศิลปะอย่างหนึ่ง เหมือนผู้ใหญ่กลุ่มหนึ่งที่ชอบงานศิลปะแอ็บสแตร็ก ที่เด็ก หรือผู้ใหญ่เองกลุ่มอื่นๆ อาจจะไม่ชอบบอกว่าไม่รู้เรื่อง แต่การพัฒนาทักษะการสื่อสารอย่างอื่นก็สำคัญ เห็นด้วยครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
สมชาย
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อ 24 พ.ค. 01, 00:37
|
|
เห็นจะจริงครับ อาจจะเป็นเพราะผมมีอคติกับการ์ตูนญี่ปุ่นอยู่ ก่อนที่จะเอามาอ่าน เพราะทีอย่างอื่นมีแต่รูป ผมก็ดูได้ดูดี คงต้องไปหาที่เจ๋งๆ ( การ์ตูนนะ่ )แล้วลอง ( อ่าน ) ดู
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
CrazyHOrse
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อ 24 พ.ค. 01, 07:48
|
|
ผมเคยเป็นแฟนการ์ตูนญี่ปุ่นอยู่นาน 2525-2534 ซื้อมากและอ่านมาก ไม่เคยมีปัญหาอ่านไม่รู้เรื่อง แต่ก็รู้จักหลายคนที่อ่านแล้วบ่นว่าไม่รู้เรื่อง หลายคนบอกว่าการ์ตูนญี่ปุ่นไม่สร้างสรรค์ และหาสาระไม่ได้ แต่ผมเห็นว่ามันไม่ได้เลวร้ายถึงขั้นนั้น ผมได้ความรู้หลายอย่างจากการอ่านการ์ตูนญี่ปุ่น แต่ก็ยอมรับว่าในเวลาเท่าๆกันนั้น การอ่านหนังหนังสือที่เป็นเรื่องเป็นราวจะได้สาระมากกว่า ถึงกระนั้นก็ตาม มีอยู่อย่างหนึ่งที่การ์ตูนให้ได้มากกว่าหนังสือปกติ คือจินตนาการในบางแง่มุมที่ยากจะอธิบายโดยใช้การบรรยายเพียงอย่างเดียว ถึงวันนี้ ผมถือว่าเลิกเป็นแฟนการ์ตูนมานาน ด้วยเหตุที่ว่าหาเวลาอ่านยาก รวมกับความที่รู้สึกว่าการ์ตูนแพงขึ้นมาก(พร้อมกับการมาถึงของการ์ตูนลิขสิทธิ์) แต่ถ้ามีโอกาสก็จะหยิบจับขึ้นมาอ่านบ้าง หลายครั้งก็อ่านไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ก็เป็นเพราะการ์ตูนพวกนี้เป็นเรื่องยาว เรามาอ่านตอนกลางเรื่องคงจะรู้เรื่องยาก แต่ที่เห็นอย่างหนึ่งและอยากฝากไว้คือ ไม่ว่ายุคก่อนหรือยุคนี้ มีการแปลที่ผิดพลาด(คนแปลมีความรู้ไม่ถึง?) ทำให้เป็นการให้ความรู้ผิดๆกับคนอ่านด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ปะกากะออม
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อ 24 พ.ค. 01, 08:27
|
|
เคยอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นสมัยทำวิทยานิพนธ์ (แก้เครียดได้ดี) นอกเหนือไปจากบทบรรยาย หรือคำพูดแล้ว คิดว่าเทคนิคของนักเขียนการ์ตูนเขาเก่งมาก ๆ เลย บางเหตุการณ์เขาเจาะจงให้คนอ่านตาม "สัญญ" คล้ายกับการตัดต่อภาพยนต์ การสื่อในแต่ละช่องของการ์ตูนพวกนี้ ทำให้คนอ่านต้องใช้จินตนาการอย่างต่อเนี่อง จะไม่เหมือนการ์ตูนช่องสี่เหลี่ยมต่อ ๆ กันไป อันที่จริงแล้ววิธีการนี้ทำให้คนอ่านต้องใช้สมองมากกว่าอ่านภาพและตัวหนังสือตรง ๆ เลยคิดว่าคนที่อ่านและเข้าใจเรื่องราวในการ์ตูนญี่ปุ่นที่คนเขียนมีฝีมือจริง ๆ แล้วช่วยด้านพัฒนาการมากกว่าเป็นผลร้าย แต่ เนื้อหาเป็นอีกเรื่องนึง เพราะยอมรับว่าการ์ตูนญี่ปุ่นบางเรื่องรุนแรงเกินไป ซึ่งก็สะท้อนสภาพจิตใจของคนในบ้านเขา และแทรกซึมเข้าบ้านเราแล้ว ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดมาก ได้แก่ การ์ตูนสยองขวัญ หรือผี ทำนองนั้น ของญี่ปุ่นจะสยองมาก ๆ เลย และบางเรื่องก็เกินไปกว่าแนวคิดทางจริยธรรมของบ้านเรา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
สวิริญช์
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อ 24 พ.ค. 01, 20:15
|
|
เห็นประเด็นนี้แล้วขออนุญาตกระโดดเข้าแจมทันทีในฐานะที่อ่านการ์ตูนมาชั่วชีวิต อิ อิ
1) การ์ตูนญี่ปุ่นอ่านไม่ยากค่ะ คุณต้องเรียงตามช่องจากซ้ายไปขวาจากบนลงล่าง การ์ตูนญี่ปุ่นฉบับแปลเป็นภาษาไทยเขาจะกลับฟิล์มให้เราอ่านจากด้านซ้ายมือมาขวามือ ซึ่งถ้าเป็นต้นฉบับจะต้องอ่านกลับหลังคือจากขวามาหน้าแบบหนังสือจีน แรกๆถ้าไม่คุ้น ก็อ่านยากหน่อยแต่พอชินแล้วคราวนี้จะฉลุยเลยค่ะ
2) เป็นธรรมชาติของการ์ตูนไม่ว่าชาติไหนๆจะเน้นความสำคัญที่ภาพเป็นหลักดำเนินเรื่อง ด้วยบทสนทนานะคะ งานเขียนของนักเขียนการ์ตูนชั้นครู (ของญี่ปุ่น) บางคน เช่น อาดาจิ มิซึรุ ภาพเพียงภาพเดียวทานคำพูดได้เป็นล้านๆคำค่ะ ดิฉันเองก็เห็นด้วยว่าถ้าเด็กเริ่มต้นจาก การอ่านการ์ตูนและอ่านแต่การ์ตูนอย่างเดียวอาจทำให้พัฒนาการด้านการอ่านของเขาสะดุดได้ เพราะจะขี้เกียจอ่านอะไรที่มันยาวๆอีกแล้ว คิดว่านะคะผุ้ปกครองน่าจะส่งเสริมและชี้แนะให้เด็กๆ ได้อ่านหนังสืออื่นที่นอกเหนือจากการ์ตูนควบคู่กันไปด้วยค่ะ
3) นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ค่ะเป็นคนแรกที่เขียนถึงการ์ตูนอย่างมีเมตตาปราณี ที่สุดและสามารถนำเรื่องดีๆที่หลายคนมองข้ามหรือมองเห็นแต่ก็ไม่พูดถึงละเลยออกมาเสนอต่อ สังคมในเชิงวิชาการ ตอนนี้หนังสือรวมบทความการ์ตูนที่รักออกมาเล่ม 2 แล้วค่ะ
4) การ์ตูนญี่ปุ่นเปิดโลกทรรศน์และจินตนาการมากนะคะ จำได้ว่าเริ่มอ่านครั้งแรกจากเรื่อง คำสาปฟาโรห์และเรื่องนี้เองทำให้ต้องไปค้นคว้าหาข้อมูลของอารยธรมอียิปต์รวมถึงอารยธรรมอื่น ที่ร่วมสมัยนั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย นักเขียนการ์ตูนญี่ปุ่นมักหยิบเอาเรื่องนั้นเรื่องนี้จากเรื่องราว หรือตำนวน ฯลฯ ทั่วโลกและก็มาแต่งเติมเสริมแต่งสร้างกระแสการแสวงงหาความรู้เพิ่มเติม ให้กับคนอ่านได้ดีทีเดียว ที่สำคัญจินตนาการให้คิดการผูกเรื่องของเขายอดเยี่ยมจริงๆ
5) เซ็กส์และความรุนแรงในการ์ตูนญี่ปุ่นปัจจุบัน ดิฉันยอมรับว่าน่ากลัวมาก เป็นเพราะการสะท้อนภาพ ของสังคมญี่ปุ่นส่วนหนึ่งด้วยค่ะ การ์ตูนผู้หญิงปัจจุบันเห็นเรื่องเซ็กส์เป็นเรื่องธรรมดา อาจด้วยเพราะ นักเขียนการ์ตูนก็ยังเป็นนักเขียนเด็กๆอายุไม่มาก ร่วมสมัยกับสังคมที่เขียน การ์ตูนผู้ชายก็เน้นความรุนแรง ต่อสู้หลายเรื่องต่อสู้แบบไม่มีศิลปะเอาเลยทีเดียว ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากมากๆค่ะที่จะคัดเลือกการ์ตูน ที่เหมาะสมให้กับเด็กๆอ่าน อีกอย่างหนึ่งบ้านเราไม่มีการกำหนดอายุคนอ่านไว้ด้วยยิ่งทำให้เป็นเรื่องยากเข้าไปใหญ่ และตราบใดที่ธุรกิจนี้ยังสามารถทำกำไรได้เป้นกอบเป้นกำเราคงจะหาความหวังเอากับนายทุนให้ช่วยพิจารณา เรื่องที่จะพิมพ์ไม่ได้หรอกค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ภูมิ
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อ 25 พ.ค. 01, 12:27
|
|
ตอบคุณสมชาย ผมอ่านแล้วก็งง ไม่ทราบว่าคุณต้องการอะไร :-) เพราะการใช้คําแต่ละก็จะแสดงทัศนคติต่อเหตุการณ์หนึ่งๆ ซึ่งผมคิดว่าไม่มีอะไรที่ จะสรุปรวบยอด อย่างไทยที่คุณสมชายว่ามาว่ามีคําว่าใจเป็นหลัก ผมก็ว่าไม่น่าใช่
เรื่อง การ์ตูนที่รัก รู้สึกออกเล่ม๓แล้วนะครับ บางเรื่อง ผมก็รู้สึกว่าคุณหมอ วิจารณ์แปลกๆ อย่างหนึ่งที่ผมรู้สึกคือ การ์ตูนญี่ปุ่นในเมืองไทยผ่านการแปลมาชั้นหนึ่ง ดังนั้นจึงมีการใส่ความรู้สึกของผู้แปลเข้าไปด้วย ทําให้หลายจุดมีความแตกต่างจากต้นฉบับ หลายคนแปลเอามันไว้ก่อน บางคนก็ไม่รู฿้จริง บางทีจะรู้สึกว่า เรื่องในเมืองไทยกับต้นฉบับเป็นคนละเรื่องก็มี เวลาวิจารณ์ก็จะยิ่งขยายส่วนเบี่ยงเบนนี้ออกไปอีก
ในความรู้สึกของผม การ์ตูนของญี่ปุ่นก็คือหนังสือของไทยฃ ในความหมายของผมคือ หนังสือก็มีตั้งแต่หนังสือวิชาการยันหนังสือปกขาว การเหมารวมเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องเป็นอย่างยิ่ง เพราะการ์ตูนในเมืองไทยมีไม่ถึงหนึ่งในสิบของการ์ตูนญี่ปุ่นทั้งหมด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
สมชาย
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อ 25 พ.ค. 01, 21:29
|
|
เรียน คุณภูมิที่นับถือ ไม่ได้หมายความว่าเป็นหลักหรอกครับ คนไทยเป็นคนที่คำนึงถึงจิตใจเป็นรากแห่งวัฒนธรรม ก็เลยมีคำที่เกี่ยวกับใจที่ภาษาอื่นอาจจะไม่มี ถ้าแปลเป็นภาษาื่อื่นอาจต้องใช้คำอธิบายยืดยาวกว่าจะเข้าใจเช่น น้อยใจ ใจน้อย เกรงใจ รันทดใจ ใจง่าย ใจอ่อน อ่อนอกอ่อนใจ เป็นต้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ภูมิ
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อ 25 พ.ค. 01, 23:12
|
|
งั้นอย่างชื่อปลาแปลกๆ ที่คนไทยเหมารวมไปหมด เช่นปลาตาเดียว ปลาอินทรีย์ น้อยใจ ใจน้อย suneru เกรงใจ enryou รันทดใจ kanashii ใจง่าย uwakishou ใจอ่อน amai อ่อนอกอ่อนใจ akireru
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|