เรือนไทย

General Category => ศิลปะวัฒนธรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: จ้อ ที่ 10 ก.ย. 01, 08:07



กระทู้: คิดถึง "โฟล์คซองคำเมือง"
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 10 ก.ย. 01, 08:07
ทราบข่าวการจากไปของศิลปินเจ้าของตำนานเพลงล้านนา คุณ จรัญ
มโนเพช็ร ด้วยวัยเพียง 50 ปี

รู้สึกเสียดาย นึกถึงเพลงคำเมืองน่ารัก
น่ารัก ของคุณจรัญ

เพื่อเป็นการไว้อาลัย ใครมีชอบเพลงไหน
หรือมีอะไรสนุกๆ เกี่ยวกับภาษาเหนือ เชิญมาเล่าสู่กันฟังดีกว่าครับ
/>


สำหรับผมชอบมากอยู่หลายเพลง เลือกเพลงที่มีความหมายดีๆ
อย่างเพลงนี้มาฝากทุกๆคนแล้วกันครับ



อย่ากลับคืนคำ ...
เมื่อเธอย้ำ สัญญา

อย่าเปลื่ยนวาจา... เมื่อเวลาแปรเปลื่ยนไป
/>
ให้เธอหมาย มั่น คง ... แล้วอย่าหลงไปเชื่อใคร

เดิน ทาง ไป ...
อย่าหวั่นใครขวางกั้น



มีดวงตะวัน... ส่องเป็นแสง สีทอง
/>
กระจ่างครรลอง... ให้ใฝ่ปองและสร้างสรรค์

เมื่อดอกไม้ แย้ม บาน...
ให้คนหาญสู้ไม่หวั่น

คือ ราง วัล แด่ความฝันอันยิ่งใหญ่.... ให้
เธอ



บน ทาง เดิน ที่มี ขวากหนาม

ถ้า เธอ คร้าม ถอย
ไปฉันคงเก้อ

ฉัน ยัง พร้อม ช่วย เธอ เสมอ

เพียง ตัว เธอ
ไม่หนีไปเสียก่อน



จะปลอบดวงใจ... ให้เธอหาย ร้าว ราน
/>
จะเป็นสะพาน ... ให้เธอเดินไปแน่นอน

จะเป็นสาย น้ำ เย็น ...
ดับกระหายยามโหยอ่อน

คอย อวย พร ให้เธอสมดังหวังได้...  นิรันดร์
/>


เชิญพังทำนองได้จากเว็ปนี้ครับ

href='http://thaipoemcom.94.uslive.net/show.asp?id=3356'
target='_blank'>http://thaipoemcom.94.uslive.net/show.asp?id=3356



กระทู้: คิดถึง "โฟล์คซองคำเมือง"
เริ่มกระทู้โดย: ลุงแก่สามีอุ๊ยคำ ที่ 05 ก.ย. 01, 06:07
อุ๊ยคำคนแก่ ท่าทางใจดี เพิ่งมีสามี สุขีเอ็นดูล้ำ
เป็นแฟนคุณจรัล ตั้งแต่เทปชุดแลก สมัยไปจีบรุ่นพี่ยังใช้เพลง "พี่สาวครับ" บอกความเป็นนัยๆ
ไปดีนะคุณจรัล เล่น folksong บนสวรรค์กล่อมเทวดาด้วย


กระทู้: คิดถึง "โฟล์คซองคำเมือง"
เริ่มกระทู้โดย: บ่แม่นคนเหนือ ที่ 05 ก.ย. 01, 08:26
เหตุเกิดที่หอหญิงม.เชียงใหม่   เวลานักศึกษาจะขึ้นไปหอต้องเอาบัตรปะจำตัวไปวางที่โต๊ะที่มียามนั่งประจำอยู่ตอนออกไปจะต้องหยิบบัตรของตัวเองออกไปด้วยแต่ว่าวันนั้นน้องสาวหยิบบัตรผิด ยาม(เป็นผู้หญิง)จึงบอกว่า" สั๊บสน ขน๊าด"เราสองคนพี่น้องมองหน้ากันได้แต่ยิ้มๆเค้าคงบอกว่าสับสนมากเลยนะพวกเราชอบคำนั้นมากเลยไม่รู้ทำไมฟังแล้วแปลกหูดีมั้ง

เพลงที่ฟังติดหูมานานคือเพลงนี้ค่ะ  
  อ้ายคนจนจำต้องทนปั่นรถถีบ
จะไปจีบอี่น้องคนงาม
พอไปถึงอ้ายก็ฟ้าวเอิ้นถาม
อี่น้องคนงามกินข้าวแรงหรือยัง
    ฮ้องได้แค่นี้เอง


กระทู้: คิดถึง "โฟล์คซองคำเมือง"
เริ่มกระทู้โดย: เนยบิน ที่ 05 ก.ย. 01, 12:14
.....สถิตย์ทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา...
ขอไว้อาลัยแด่ศิลปินแห่งล้านนา
จะมีผู้ใดเสมือนคงไม่มี
บอกได้คำเดียวว่า เสียดาย
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา....


กระทู้: คิดถึง "โฟล์คซองคำเมือง"
เริ่มกระทู้โดย: ศศิศ ที่ 05 ก.ย. 01, 13:03
กึดเติงหาอ้ายจรัล จ้าดนัก ...ขอหื้ออ้ายเปิ้นไปอยู่ยังสวรรค์จั้นตาวตึงษา อันเป็นอย่างน้อย

.......พี่สาวครับ สวัสดีครับพี่ครับ จำน้องจายคนนี้ได้ก่อ จำได้บ่ได้ก็บอกมา ...
เจอกันเมื่อสองสามปี๋ก่อน ผมยังละอ่อนและซนแก่น ฮักเป๋นพี่สาว บ่ได้เมาเอาเป๋นแฟน
พี่ก็ฮักผมเป็นน้องจาย
......พี่สาวครับ ตอนนี้ผมเป็นหนุ่มแล้วครับ มีแม่ญิงมาไล่จับ จะญับเอาผมไปเป็นแฟน
..... พี่สาวครับ ตอนนี้ผมฮักพี่แล้วครับ จะฮักพี่บ่มีหน่าย บ่อยากเป็นน้องจายแล้วล่ะ


กระทู้: คิดถึง "โฟล์คซองคำเมือง"
เริ่มกระทู้โดย: อ้อยขวั้น ที่ 05 ก.ย. 01, 14:04
ขอบ "มิดะ" ค่ะ  "สาวมอเตอรไซด์" ก็น่ารักดี

ขอไว้อาลัยด้วยคนค่ะ


กระทู้: คิดถึง "โฟล์คซองคำเมือง"
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 05 ก.ย. 01, 14:57
ด้วยคารวะและอาลัยปี้อ้ายจ๊าดนักเจ้า


กระทู้: คิดถึง "โฟล์คซองคำเมือง"
เริ่มกระทู้โดย: บ่แม่นคนเหนือ ที่ 05 ก.ย. 01, 17:00
ภาพของคุณจรัล


กระทู้: คิดถึง "โฟล์คซองคำเมือง"
เริ่มกระทู้โดย: เรไร ที่ 05 ก.ย. 01, 17:01
ไม่ค่อยเคยฟังบ่อยนักค่ะ   แต่ก็ชอบเสียงคุณจรัลเวลาร้องเพลง  บ้านบนดอย

ขอร่วมแสดงความอาลัยด้วยเช่นกันค่ะ


กระทู้: คิดถึง "โฟล์คซองคำเมือง"
เริ่มกระทู้โดย: บ่แม่นคนเหนือ ที่ 05 ก.ย. 01, 17:12
อ่านประวัติที่

http://bangkokbiznews.com/2001/09/o5/jud/jud0508/jud0508.html


กระทู้: คิดถึง "โฟล์คซองคำเมือง"
เริ่มกระทู้โดย: การะเกด ที่ 05 ก.ย. 01, 17:55
ทราบข่าวแล้วใจหายนัก ต่อไปใครจะฮ้องเพลงคำเมืองเพราะให้เราฟังอีก


กระทู้: คิดถึง "โฟล์คซองคำเมือง"
เริ่มกระทู้โดย: ส้มหวาน ที่ 05 ก.ย. 01, 18:15
บ้านบนดอย บ่มีแสงสี บ่มีทีวี บ่มีนำประปา .....  ร้องบ่อยๆตอนไปทำค่ายทางเหนือ

เสียดายจังเลยค่ะ
ขอร่อมแสดงความอาลัยแด่คุณจรัลเป็นภาษากลางนะคะ เพราะ อู้คำเมืองบ่จ้างค่ะ


กระทู้: คิดถึง "โฟล์คซองคำเมือง"
เริ่มกระทู้โดย: ฝอยฝน ที่ 05 ก.ย. 01, 21:31
ชอบเพลง พี่สาวครับ....มาก
เพลงอื่นๆก็เพราะมากนะคะ..รู้สึกฟังแล้วสบายๆ
...อุ๊ย..คำ คนแก่ ท่าทางใจดี......

ขอร่วมไว้อาลัย ศิลปินเพลงพื้นเมืองด้วยคนค่ะ


กระทู้: คิดถึง "โฟล์คซองคำเมือง"
เริ่มกระทู้โดย: เปี้ยว ที่ 06 ก.ย. 01, 22:53
ร่วมไว้อาลัยด้วยคนครับ วันก่อนยังนั่งฟัง CD โฟคซองคำเมืองอยู่เลย


กระทู้: คิดถึง "โฟล์คซองคำเมือง"
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 07 ก.ย. 01, 11:07
สุดอาลัยเป็นอย่างยิ่งค่ะ  ดิฉันเป็นแฟนคุณจรัลมานานแล้ว  มีเทปฟังแล้วฟังอีกจนแทบเปื่อย  ได้ข่าวก็แทบช๊อคเลย  วันนี้เอาเทปของท่านมาฟังอีก  ชอบเพลงสนุกๆที่แสดงความเป็นไปในชีวิตของชาวบ้านๆมากที่สุดเลยค่ะ  แต่ชอบทุกเพลงน่ะค่ะ

ฟังแล้วหายเศร้าไปได้บ้าง  เพราะท่านแฝงอารมณ์ขันไว้มาก เช่น

---
เฒ่า เฒ่า เฒ่า ปากั๋นกินเหล้าลักเมาละอ่อน กลางคืนบ่หลับบ่นอน  ไปเมาละอ่อนปากั๋นกินเหล้า

---
อ้ายกึ๊ดจะหนีไป อี่น้องทรามวัยโหล้นเข้ามากอด
ว่าน้องจะปรั๊บปรุง  เรื่องต้มเรื่องหุงจะปรุงสุดยอด
แหมวันยะก๋านมา  พอสบกานดาแค่นเอาหน่อมาทอด
ตายแน่ๆ ผมไปบ่รอด  ขืนอยู่คงจอด เป็นหน่อเป็นเตา
---
ขี้นเฮือนๆมาต่องแต่ง เปิดผอหม้อแกง เอ่อะ ผักกาดจอ ...
---

ฟังทีไรแล้วก็ขำทุกที  เหมือนอ่านเรื่อง ระเด่นลันได เลยค่ะ

ขอขอบคุณคุณจรัล ที่นำความสุขใจมาให้ชาวไทยเป็นเวลานาน  ด้วยความอาลัยรักค่ะ


กระทู้: คิดถึง "โฟล์คซองคำเมือง"
เริ่มกระทู้โดย: เด็ก มช. ที่ 07 ก.ย. 01, 14:30
ก็เพิ่งได้ข่าวจากในวิชาการนี้แหละค่ะช่วงนี้ไม่ค่อยได้ดูข่าวแม้ว่าจะไม่ใช้คนเชียงใหม่ตั้งแต่มาเรียนที่นี้เปิดเทปเมื่อไรเขาก็ชอบเปิดเพลงโฟคซอง  ก็ขอแสดงความเสียใจด้วยกับกาารจากไปครั้งนี้                                                 ขอเอาเพลงนี้มาฝากสาวมอเตอณไซด์            อ้ายคนจน  จ้ำต้องทนปั่รถถีบ                            จะไปจีบอี่น้องคนงาม  พอไปถึงอ้ายก่อเอิ่นถาม  อี่น้องคนงามกิ๋นข้าวแลงแล้วกา   น้องได้ยินก็ปิดประตู๋ดังปั้ง  อ้านเลยฟั่งจู๋งรถถีบอกมาอ้ายคนจนบ่อมีวาสนา    จะไปฮอนด้าหรือยามาฮ่าได้จะใดกำเดียวก็มีรถยามาฮ่า ร้ยซาวก๋ายกหน้าอ้ายไป น้องได้ยินก็ฟั่งลุกตามไป     แล้วเอิ้นออกไป  อ้ายมอเตอร์ไซค์ไปไหนมาเจ้า    อ้าได้ยินยังมาผิดใจแต๊ว่า   จะขายนาซื้อคาวานซักคัน   พอไปถึงอ้ายจะเบิ้ลน้ำมันหื้อน้งแก๊นควันต๋ายจ้างมันสาวมอเตอร์ไซค์  กำเดียวก่อมีรถยามาฮ่า  ร้ยซาวห้าก่ายหน้าออกไปน้องได้ยินก่อฟั่งลุกตามไปแล้วเอิ้นออกไปอ้ายเสื้อลายไปไหนมาเจ้า


กระทู้: คิดถึง "โฟล์คซองคำเมือง"
เริ่มกระทู้โดย: ดารา ที่ 07 ก.ย. 01, 20:32
คชสารแม้ม้วยมีงา   โคกระบือมรณา  เขาหนังเขาเห็นเป็นสำคัญ
บุคคลถึงการอาสัญ  สูญสิ้นสารพัน  คงไว้แต่ชั่วกับดี


กระทู้: คิดถึง "โฟล์คซองคำเมือง"
เริ่มกระทู้โดย: ศศิศ ที่ 07 ก.ย. 01, 21:35
งัวควายช้างม้า...   ต๋ายแล้วเหลือหนัง
ดูกขนเขายัง...   เอาใจ๊ก๋านได้
จ๋าที่สุด...   แม้ปุ๋มและไส้
คนยังกิ๋นลำ...   อิ่มต๊อง
มนุษย์เฮาต๋าย...   สหายปี้น้อง
ไผบ่ห่วงข้อง...   อาลัย
เหลือแต่ดูกพัวะ...   ยังเอาขว้างไกล๋
กลั๋วจักเป็นภัย...   ผีจักหลอกได้
ความชั่วรีบหนี...   ความดีรีบใกล้
ต๋ายแล้วชื่อหาก...   ตึงยัง


กระทู้: คิดถึง "โฟล์คซองคำเมือง"
เริ่มกระทู้โดย: แจ้ง ใบตอง ที่ 07 ก.ย. 01, 23:31
มีใครร้องเพลงมะเมียะได้มั่งครับ
เคยผ่านตากระทู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย ลองค้นหาในเรือนไทยแล้วก็ไม่มี สงสัยจะเป็นกระทู้ในพันทิพย์
ชอบตอนที่มะเมียะสยายผมเอาผมเช็ดพระบาทของเจ้าน้อย(ชื่อนี้หรือเปล่า)ครับ...


กระทู้: คิดถึง "โฟล์คซองคำเมือง"
เริ่มกระทู้โดย: ชมพารี ที่ 08 ก.ย. 01, 10:34
ชอบเพลงที่ร้องว่า...
ตื่นเถิดหนาฉันมาจากแดนไกล
หอบความวิไลมาจากแดนสนธยา
ตื่นเถิดอรุณรุ่งกำลังมา
รียล้างหน้าตา สวัสดีอรุณ....
จำได้ประมาณนี้ค่ะ


กระทู้: คิดถึง "โฟล์คซองคำเมือง"
เริ่มกระทู้โดย: ศศิศ ที่ 08 ก.ย. 01, 11:17
สำหรับเพลง มะเมี๊ยะ นี้พิมพ์ต๋ามเต้าตี้จำได้ หากว่าผิดไป ก็ขอสู่มาตวยเน้อ ปี้น้องตังหลาย
###########################

มะเมี๊ยะ...........................

มะเมี๊ยะเป๋นสาวแม่ก้า คนพม่า เมืองมะละแหม่ง
งามล้ำเหมือนเดือนส่องแสง คนมาแย่งหลงฮักสาว
มะเมี๊ยะบ่ยอมฮักไผ มอบใจ๋หื้อหนุ่มเจื้อเจ้า
เป๋นลูกอุปราชท้าวเจียงใหม่

ต๋อนเมื่อเจ้าชาย จบการศึกษา จำต้องลาจาก มะเมี๊ยะไป
เหมือนโดน มีดสับ ดาบฟันหัวใจ๋ ปล๋อมเป๋นป้อจายหนีตามมา

เจ้าชายเป๋นราชบุตร แต่สุดตี้ฮักเป๋นพม่า ผิดประเพณีสืบมา ต้องร้างรา แยกทาง

โอ่โอ้ ก็เมื่อวันนั้น วันที่ต้องส่งคืนบ้านนา
เจ้าชายก็จัดขบวนจ๊าง ไปส่งนางคืนทั้งน้ำต๋า
มะเมี๊ยะ ตรอมใจ๋ อาลัยขื่นขม สยายผมลง เจ้ดบาทบาทา ขอลาไปก่อนแล้วจ้าดนี้

เจ้าชายก็ตรอมใจ๋ต๋าย มะเมี๊ยะเลยไปบวชชี
ความฮักมักเป็นจะนี้ แลนา

##############################


กระทู้: คิดถึง "โฟล์คซองคำเมือง"
เริ่มกระทู้โดย: ศศิศ ที่ 08 ก.ย. 01, 11:26
ขอสู่มาตวยเน้อครับ  บทเพลงตังบนนี้พิมพ์ผิดไปจ้าดนักเหมือนกั๋น และก้อตะกี้นี้ลืม ว่าต๋อนเก้าของเพลง จะเป็นบทอู้ก่อน ว่า

บทเพลงมีอยู่ว่า
####################
...เรื่องเมื่อหกสิบปี๋ มาแล้ว เจ้าน้อยสุขเกษม อายุได้ สิบห้าปี๋ เจ้าป้อ ก็ส่งไปเฮียนหนังสือตี้เมือง มะละแหม่งปู้น  ...จึงกล๋ายเป๋นเรื่องของกรรมของเวรเขา....

มะเมี๊ยะ..................
มะเมียะเป็นสาวแม่ค้า คนพม่าเมืองมะละแหม่ง
งามล้ำเหมือนเดือนส่องแสง คนมาแย่งหลงรักสาว
มะเมียะบ่ยอมรักไผ มอบใจหื้อหนุ่มเชื้อเจ้า เป็นลูกอุปราชท้าวเชียงใหม่
แต่เมื่อเจ้าชายจบการศึกษา จำต้องลาจากมะเมียะไป
เหมือนโดนมีดสับดาบฟันหัวใจ ปลอมเป็นพ่อชายหนีตามมา
เจ้าชายเป็นราชบุตร แต่สุดที่รักเป็นพม่า ผิดประเพณีสืบมา ต้องร้างลาแยกทาง
โอโอก็เมื่อวันนั้น วันที่ต้องส่งคืนบ้านนาง
เจ้าชายก็จัดขบวนช้างให้ไปส่งนางคืนทั้งน้ำตา
มะเมียะตรอมใจอาลัยขื่นขม ถวายบังคมทูลลา สยายผมลงเช็ดบาทบาทา
ขอลาไปก่อนแล้วชาตินี้เจ้าชายก็ตรอมใจตาย มะเมียะเลยไปบวชชี
ความรักมักเป็นเช่นนี้ แลเฮย.........
########################

สำหรับประวัติ มะเมี๊ยะนะครับ (หากว่าอยากรู้ ..จะอยากรู้หรือไม่อยากรู้ก็ไม่รู้ล่ะ เอามาแปะไว้แล้วนะครับ )

มะเมียะ
เรื่องราวความรักที่ต่างเชื้อชาติ ระหว่างเจ้าน้อยศุขเกษมและมะเมียะ อันกลายมาเป็นตำนานรักที่จบลงอย่างโศกสลด และได้รับการกล่าวขานมาถึงปัจจุบัน ถูกถ่ายทอดโดยเจ้าหญิงบัวชุม ณ เชียงใหม อดีตคู่หมั้นของเจ้าน้อยศุขเกษม) แม้ว่ามะเมียะจะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ ล้านนาโดยตรง แต่สำหรับเจ้า (น้อย) ศุขเกษม ราชบุตรองค์ใหญ่ของเจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าหลวงเชียงใหม่ (พ.ศ.๒๔๕๒-๒๔๘๒) กับแม่เจ้าจามรีแล้ว มะเมียะเปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของเจ้าน้อยฯ ก็ว่าได้

มะเมียะเป็นแม่ค้าสาวชาวพม่า หน้าตาพริ้มเพรา ได้พบกับเจ้าน้อยศุขเกษมครั้งแรก เมื่ออายุเพียง ๑๖ ปี ขณะนั้นมะเมียะเป็นเพียงแม่ค้าขายบุหรี่ซะเล็กอยู่ที่ตลาดใกล้บ้านในเมืองมะละแหม่ง มะเมียะหารายได้ด้วยความหวังเพื่อจะได้เงินมาจุนเจือครอบครัว ซึ่งอยู่ในฐานะปานกลาง
วันหนึ่งเมื่อเจ้าน้อยศุขเกษมได้ออกเดินเที่ยวตามห้างร้านในตลาด จึงได้พบกับมะเมียะ ซึ่งเพิ่งกลับมาจากเมืองตองอู หลังจากไปอาศัยอยู่กับป้าของเธอเป็นเวลาหลายปี ทั้งคู่เกิดถูกใจในกันและกัน จึงได้คบหากันเรื่อยมา หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองจึงใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยา ด้วยความสนับสนุนของทางบ้านของมะเมียะ และในวันพระทั้งสอง จะพากันไปทำบุญตักบาตรและนมัสการพระบรมสารีริกธาตุตามสถานที่ต่างๆ ในเมืองมะละแหม่งอยู่เสมอ วันหนึ่ง ณ ลานกว้างหน้าพระธาตุใจ้ตะหลั่น ทั้งสองได้กล่าวคำสาบานต่อกันว่าจะรักกันตลอดไป และจะไม่ทอดทิ้งกัน หากผู้ใดทรยศต่อความรักที่มีให้กัน ก็ขอให้ผู้นั้นอายุสั้น
จากนั้นไม่นานก็ถึงกำหนดการเดินทางกลับเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเจ้าน้อยฯ เพิ่งจะมีอายุครบ ๒๐ ปี จึงได้ตัดสินใจให้มะเมียะปลอมตัวเป็นชายติดตามขบวนเพื่อกลับไปยังเมืองเชียงใหม่ ในฐานะเพื่อนหนุ่มชาวพม่า โดยหารู้ไม่ว่าเจ้าพ่อและเจ้าแม่ของตนได้หมั้นหมายเจ้าหญิงบัวนวล ธิดาของเจ้า สุริยวงษ์ (คำตัน สิโรรส) ให้เป็นคู่หมั้นของเจ้าน้อยฯ เป็นการภายในตั้งแต่ปีที่เจ้าน้อยฯ เดินทางไปศึกษาเล่าเรียนในเมืองพม่า
หลังจากที่ต้องแอบซ่อนมะเมียะไว้ในบ้านหลังเล็ก ที่เจ้าพ่อและเจ้าแม่จัดเตรียมไว้ให้เป็นที่พักมาแล้วหลายวัน เจ้าน้อยศุขเกษมได้ใช้เวลาคิดใคร่ครวญและตัดสินใจเล่าความจริงให้ทั้งสองฟัง แม้ว่าจะไม่มีคำใดเอื้อนเอ่ยออกมาในขณะนั้น แต่เจ้าน้อยฯ ก็พอจะทราบได้ว่าทั้งสองไม่ยอมรับมะเมียะเป็นศรีสะใภ้อย่างแน่นอนเนื่องจากปัญหาใหญ่ในขณะนั้น คือเจ้าน้อยเป็นผู้ที่ได้รับการคาดหวังว่าจะได้รับตำแหน่งเจ้าหลวงองค์ถัดไปจากเจ้าอินทวโรรสสุริยวงษ ซึ่งเป็นพระเจ้าลุง หากเจ้าน้อยฯ เลือกมะเมียะมาเป็นศรีภรรยา ประชาชนย่อมต้องเกิดความอึดอัดใจในการยอมรับมะเมียะผู้เป็นหญิงต่างชาติมาดำรงฐานะศรีภรรยาของเจ้าเมืองอย่างแน่นอน
ในสถานการณบ้านเมืองขณะนั้นน่าวิตกมาก เนื่องจากมหาอำนาจอังกฤษกำลังแผ่อิทธิพลไปทั่วดินแดนในคาบสมุทรเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ มะเมียะซึ่งเป็นคนในบังคับของอังกฤษและกำลังอาศัยอยู่ในคุ้มของอุปราช (ขณะนั้นเจ้าแก้วนวรัฐดำรงตำแหน่งอุปราชเมืองเชียงใหม่) อาจเป็นชนวนของปัญหาทางการเมืองที่ใหญ่โตได้ในภายหลัง ในที่สุดเจ้าพ่อและเจ้าแม่จึงเรียกตัวเจ้าน้อยฯไปพบ และยื่นคำขาดให้เจ้าน้อยส่งตัวมะเมียะกลับเมืองมะละแหม่ง เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับบ้านเมือง ในยามเย็นวันนั้นเอง เจ้าน้อยได้เข้าพิธีเรียกขวัญและรดน้ำมนตที่เจ้าพ่อกับเจ้าแม่จัดขึ้น เพื่อขจัดสิ่งชั่วร้ายที่ท่านทั้งสองเชื่อว่ามะเมียะได้กระทำแก่เจ้าน้อยฯ อันเป็นเหตุให้เจ้าน้อยฯ หลงไหลในตัวนาง หลังจากพิธีรดน้ำมนต์ผ่านพ้นไป ช้างพาหนะและไพร่พลที่จะใช้ในการส่งตัวมะเมียะกลับเมืองมะละแหม่งก็ถูกจัดเตรียมทันทีตามคำสั่งของเจ้าแก้วนวรัฐ
เมื่อเจ้าน้อยฯ กลับไปถึงที่พักในคืนนั้น มะเมียะได้รับการเกลี้ยกล่อมโดยหญิง-ชาย ชาวพม่าฝ่ายละคน ให้นางกลับไปรอเจ้าน้อยฯ ที่เมืองมะละแหม่ง มิฉะนั้นบ้านเมืองอาจเดือดร้อน นางได้เอ่ยขึ้นด้วยความเสียใจและยินยอมจากไปเพื่อมิให้ผู้ใดได้รับความเดือดร้อน แม้ตัวนางจะจากไกล แต่ความรักอันมั่นคง ยังคงอยู่ดังคำสาบานที่เคยให้ไว้แก่กันและกัน ฝ่ายเจ้าน้อยฯ ยังคงยืนยันในความรักที่มีต่อมะเมียะ และขอให้นางกลับไปรอที่บ้านก่อน หากมีวาสนาจะกลับไปรับนางมาอยู่ด้วยกันที่เชียงใหม่ให้ได้
ในเช้าวันหนึ่งของเดือนเมษายน นับเป็นวันเดินทางกลับเมืองมะละ แหม่งของมะเมียะที่ดูเหมือนจะเป็นการจากลาชั่วนิรันดร์ ณ ประตูหายยาที่เนืองแน่นไปด้วยประชาชนที่ใคร่เห็นโฉมหน้าของมะเมียะ ที่ลือกันว่างามนักงามหนา บรรยากาศเต็มไปด้วยความหดหู่และเศร้าหมอง เมื่อเจ้าน้อยฯ พูดภาษาพม่ากับมะเมียะได้เพียงไม่กี่คำ นางผู้มีใจรักมั่นได้ร่ำไห้ด้วยความอัดอั้นตันใจ ในอ้อมแขนที่ยากจะแยกจากกันได้ เวลานั้นก็ล่วงเลยไปมากแล้ว เจ้าน้อยฯ ได้รับปากกับมะเมียะว่าตนจะยึดมั่นในคำปฏิญาณที่ให้ไว้ต่อหน้าพระพุทธรูปวัดใจ้ตะหลั่นจนกว่าชีวิตจะหาไม่ หากท่านนอกใจมะเมียะโดยสมรสกับหญิงอื่น ขอให้ชีวิตของตนประสบแต่ความทุกข์ทรมานใจ แม้แต่อายุก็จะไม่ยืนยาว เจ้าน้อยฯ ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าภายใน เดือนจะกลับไปหามะเมียะให้จงได้ นางจึงคุกเข่าลงกับพื้น ก้มหน้า สยายผมออกเช็ดเท้าเจ้าน้อยฯ ด้วยความอาลัยหา ก่อนที่เธอจะขึ้นไปบนกูบช้าง
เมื่อกลับไปถึงเมืองมะละแหม่งแล้ว มะเมียะได้มอบเงินทองจำนวนหนึ่งซึ่งเจ้าแก้วนวรัฐและเจ้าแม่จามรีมอบให้นางก่อนเดินทางกลับเป็นการปลอบขวัญแก่พ่อแม่และน้อง จากนั้นนางได้แต่เฝ้ารอคอยเจ้าน้อยฯ จนครบกำหนด เดือนที่ท่านได้รับปากไว้ แต่นี่กระไรกลับไร้วี่แววใดๆ มะเมียะจึงตัดสินใจเข้าพึ่งใต้ร่มพุทธจักร ครองตนเป็นแม่ชีเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ว่านางยังซื่อสัตย์ ต่อความรักที่มีต่อเจ้าน้อยศุขเกษม
หลังจากที่มะเมียะทราบข่าวการเข้าพิธีมงคลสมรส ระหว่างร้อยตรีเจ้าอุตรการโกศล (ยศของเจ้าน้อยฯ ในขณะนั้น) กับเจ้าหญิงบัวนวล ณ เชียงใหม่ แม่ชีมะเมียะจึงเดินทางมายังเมืองเชียงใหม่และขอเข้าพบเจ้าน้อยฯ เป็นครั้งสุดท้าย เพื่อแสดงความยินดีกับชีวิตที่กำลังรุ่งโรจน์ องค์อดีตสวามีผู้เป็นที่รัก ก่อนที่ตนจะตัดสินใจครองตนเป็นแม่ชีไปตลอดชีวิต แต่เจ้าน้อยศุขเกษมผู้ยึดสุราเป็นที่พึ่งดับความกลัดกลุ้มอันเกิดจากความรักอาลัยในตัวมะเมียะ ชีวิตที่ไม่เคยมีความสุขในชีวิตสมรส ท่านไม่สามารถหักห้ามความสงสารที่มีต่อมะเมียะได้ จึงไม่ยอมลงไปพบแม่ชีมะเมียะตามคำขอร้อง เพียงแต่มอบหมายให้เจ้าบุญสูง พี่เลี้ยงคนสนิท นำเงินจำนวน ๘๐บาท ไปมอบให้กับแม่ชีมะเมียะเพื่อใช้ในการทำบุญ พร้อมกับมอบแหวนทับทิมประจำกายอีกวงหนึ่งเป็นตัวแทนของเจ้าน้อยฯ ให้กับแม่ชีมะเมียะ
เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นทำให้มะเมียะและเจ้าน้อยต่างสะเทือนใจเป็นที่สุด หลังจากเดินทางถึงเมืองมะละแหม่ง มะเมียะได้ครองชีวิตเป็นแม่ชีตามความตั้งใจ จนกระทั่งถึงแก่กรรมในปี พ.ศ.๒๕๐๕ รวมอายุได้ ๗๕ ปี
 
จากตำนานรักระหว่างเจ้าน้อยศุขเกษมและมะเมียะ ได้รับการเผยแผ่ทั้งโดยการเล่าขานสืบต่อกันมา จากการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว อาจกล่าวได้ว่าสาเหตุอีกประการหนึ่งที่ทำให้คนทั่วไปรู้จักเจ้าน้อยฯ และมะเมียะมากขึ้น คือ "เพลงมะเมียะ" ซึ่งขับร้องโดยคุณจรัล มโนเพชร นักร้อง โฟลคซองชาวล้านนา ดังเนื้อเพลงที่ยกมา


กระทู้: คิดถึง "โฟล์คซองคำเมือง"
เริ่มกระทู้โดย: แจ้ง ใบตอง ที่ 08 ก.ย. 01, 16:44
อืม..ขอบคุณ คุณศศิศมากๆ ครับ ที่ให้ความอนุเคราะห์โพสต์ที่มาที่ไปของมะเมียะให้ด้วย    สรุปได้ว่า ความรักคือการให้และการเสียสละ...
อ่านแล้วรู้สึกสะเทือนใจ เพราะสงสารมะเมียะครับ


กระทู้: คิดถึง "โฟล์คซองคำเมือง"
เริ่มกระทู้โดย: เรไร ที่ 08 ก.ย. 01, 17:03
ขอรบกวนคุณ ดีเจ ศศิศ เจ้าคะ
ไม่ทราบว่าคุณศศิศ มีเพลงนี้หรือไม่
แม่หญิงกำลังอยากฟังเพลง "น้อยไจยา"  เจ้าค่ะ


กระทู้: คิดถึง "โฟล์คซองคำเมือง"
เริ่มกระทู้โดย: ศศิศ ที่ 08 ก.ย. 01, 18:27
!!  น้อยใจยา  !!
ช..ปวง....ดอกไม้เบ่งบานสลอน  ฝูงภมรภู่ผึ้งสอดไซ
     ดอกพิกุลของเปิ้นต้นใต้ ลมปั๊ดไม้มาสู่บ้านตู๋
    ฮู้แน่ชัดเข้าสอดสองหู ว่าสีจมพูถูกป๊ำเก๊าเนิ้ง
    เก๊ามันต๋าย ป๋ายมันเซิ้ง ลำกิ่งเนิ้งต๋ายโก๋นตวยแนว
    ดอกพิกุล ก่อคือดอกแก้ว ไปเป๋นของเปิ้นแล้วเนอ...
ญ..เต๋มเก๊าเนิ้งกิ่งมันบ่อถอน......
     บ่อไหวเฟือนคอนกิ่งใบไหวเลา
     ต๋ามกำลมเปิ้นปั๊ดออกเข้า มีแต่เก๊าไหวหวั่นคอนเฟือน
     กิ่งมันแต๊ บ่อแสเสลือน บ่อเหมือนลมเจย
     รำเพยก่อจะนั้น...ใจ๋คำญิง น้องหนิ่มเตี่ยงมั่น
     บ่อเป๋นของเปิ้นคนใด ยังเป๋นกระจกแว่นแก้วเงาใส
      บ่อไหวคอนเหงี่ยงจ๋ายเนอ......
ช...ตั๋วปี้น้อย..จักขอถาม..ต๋ามกำลมเปิ๋นมาเล่าอู้
     ว่านายมีจู้บ้านวังสิงห์คำ ฝ่ายตางปู้นเปิ้นมาใส่ประจำ
      บ้านวังสิงห์คำเปิ้นมาหมั้นก่อไว้แล้ว
      ฝ่ายเปิ้นตั๋วน้องนางแว่นแก้วก่อตกลงแล้ว บ่อใจ้กาหา
      เปิ้นจักกิ๋นแขกแต่งก๋านวิวาห์..เมื่อใดจา ปี้น้อยใครฮู้เก๊า
      ตั๋วใจยา บ่อสมเปิงเจ้า เพราะเขียมข้าวของ  เงินทอง
      ฝ่ายตางนายบ่อหมายเกี่ยวข้อง มาละหมองต่ำก้อยเนอ..
ญ.. ตั๋วน้องนี้  บ่อหล้าไหลหลง  ก๋านตกลงก่อยังบ่อแล้ว
       จึงเจินตั๋วปี้มาห้วยแก้ว เพราะใคร่ฮู้กำฟู่กำจ๋า
        จึงเจินน้อยปี้มาเปิกษา จะว่าใดจา..ตั๋วน้องก่อใคร่ฮู้
        ก๋านตี้มาฟู่อู้จะเอาเป็นจู้กาว่าเป๋นเมีย
        หรือจะลบล้างลืมลายหน่ายเสีย
        บ่อเอาเป๋นเมีย หรือจะทิ้งเสียแล้ว
        หรือเอาเป๋นเมียนางจ๊างแก้ว อยู่เป๋นคู่ข้างเตียมคิง
        ขอบอกนางหื้อแน่ใจ๋จริง บ่ออำพรางนาถ  น้องเนอ...
ช...  บ่อจุ๊หลอกน้องหื้อหม่นหมองหมาง
       บ่อล่อลวงพรางแม่นางฮ่างแค้ว
        ปี้หมายเอาเป๋นเมียนางจ๊างแก้ว
        บ่อหื้อคลาดแคล้วเรื่องกำสีเน
        หลอนแก้วน้องใจ๋ยังบ่อเหว๋
        เตี่ยงสมคะเนเหมือนปี้กึ๊ดเล้า
        หลอนปี้จุ๊..
        ก่อยังล่ายเจ้า ขอหื้อฟ้าผ่าหัวแม่เมียต๋าย
        ลูกแม่ญิงอู้เล่นก่อบ่อดาย ลูกป้อจายอู้แต้ก่อบ่อบัง
        หลอนนายต๋ายไปเป๋นไก่ตั้ง ปี้น้อยจักตายเป๋นคืน
        ฟู่บ่อถูกวันพุก ก่อบ่อขืน ฟู่เมื่อคืนตึงบ่อขืนเมื่อเจ๋า
         ก๋านฮักกั๋นของข้าตึงเจ้า  เปรียบเหมือนเหล้ากับปาง
         ปากกำใด ปี้ก่อตึงอ้าง บ่อใจ๋จ๋างจากน้องเนอ......


กระทู้: คิดถึง "โฟล์คซองคำเมือง"
เริ่มกระทู้โดย: ทิด ที่ 08 ก.ย. 01, 22:06
ขอมอบบางส่วนของเพลงลุงต๋าคำที่คุณจรัลแต่งไว้มาแทนการไว้อาลัยครับ
.....
ไม่มีเสียงซึงจากลุงต๋าคำ
จากโลกอันมืดดำแต่มีพลัง
แม้นร่างถูกดินทรายกลบฝัง
แต่มนต์ขลังยังตรึงซึ้งใจ
.....


กระทู้: คิดถึง "โฟล์คซองคำเมือง"
เริ่มกระทู้โดย: ริน ที่ 10 ก.ย. 01, 20:07
ขอร่วมอาลัยคุณจรัลด้วยคนค่ะ
คุณจรัล...ไปดี...ตามอุ๊ยคำ...แล้วเน้อ

มีสัมภาษณ์สุดท้ายคุณจรัลลงเนชั่นสุดสัปดาห์
ฉบับนี้ด้วยค่ะ อ่านแล้วก็ให้เสียดายนัก