เรือนไทย

General Category => ภาษาวรรณคดี => ข้อความที่เริ่มโดย: นิลกังขา ที่ 18 ก.ย. 07, 22:04



กระทู้: "นายทุน" กับ "ลัทธิสุดโต่ง"
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 18 ก.ย. 07, 22:04
ผมกะสมาชิกเว็บนี้คนหนึ่ง เจอพี่กุ้งแห้งเยอรมันเมื่อวันเสาร์ ที่สยาม กำลังหาหนังดุกัน พี่กุ้งฯ แนะนำให้ไปดุ 2 วันในปารีส ซึ่งก็ไปดุแล้วครับ
สนุกหรือไม่สนุก เชิญท่านที่สนใจถามพี่กุ้งฯ เอาเอง

ผมติดใจบทแปลหรือซับไตเติ้ลของหนังตอนหนึ่ง ซึ่งแปลออกมาได้ขำก๊ากเลย

พระเอกกำลังคุยกับนางเอก ว่าเขาไม่กล้าขึ้นรถสาธารณะในกรุงปารีส กลัวการก่อการร้าย นางเอก (สาวปารีเซียง) ก็บอกว่า โฮ้ย ไม่ต้องกลัวหรอกน่า ไม่มีอะไรหรอก ไม่มีทางมีอะไรยังงั้นในปารีสได้ มันไม่เคยมี พระเอกไม่เชื่อ ย้อนว่ารู้ได้ไง? หรือว่ารัฐบาลฝรั่งเศสมีข้อตกลงลับๆ กับ terrorist fundamentalists ว่าจะไม่บอมบ์ปารีส ฮึ?

สับไตเติ้ล เขาแปลว่า "กลุ่มนายทุนของผู้ก่อการร้าย" ครับ

คือคนแปลเขาได้ยินแค่คำว่า fund คำเดียว ...

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ทู้นี้ถ้าใครจะคุยกันลงลึกเรื่องฟันดาเมนทัลลิสม์ ก็คงคุยต่อได้อีกยาวแหละครับ


กระทู้: "นายทุน" กับ "ลัทธิสุดโต่ง"
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ก.ย. 07, 09:37
อยากฟังต่อค่ะ 
คนแปลคงไม่ได้เปิดดิค คำว่า fundamentalist หรือ fundamentalism


กระทู้: "นายทุน" กับ "ลัทธิสุดโต่ง"
เริ่มกระทู้โดย: หนอนบุ้ง ที่ 19 ก.ย. 07, 20:21
ขอแจมตามประสาของหนูด้วยคนค่ะ

พูดถึงลัทธิก่อการร้าย หนูมักนึกถึง 2 คำ
คำหนึ่งคือ fundamentalist อีกคำหนึ่งคือ fanatic

ลักษณะที่พบในพวก "ฟันดาเมนทอลลิสต์" โดยมากที่เห็นคือ

1) เทิดทูนลัทธิ ความเชื่อ หรือศาสนาใดศาสนาหนึ่งอย่างสุดขีดสุดขั้ว

2) บูชาพระเจ้าหรือศาสดาที่ตนเคารพ มากๆ จนหน้ามืดตามัว ตีความ
คำสอนของศาสดาจนเลยเถิดไปอย่างไม่รู้ตัว

3) รอการปฏิบัติการอย่างอดทนจดจ่อ แม้นจะต้องใช้เวลานาน แบบ "ลืมตาย"

คนประเภทที่อยู่ใน 2 คำ เช่นนี้
จากที่เห็นๆ กันอยู่เวลาประท้วงก็จะเป็นเเบบบ้าคลั่ง ประมาณกรีดเลือดประท้วง
ยิ่งหลังๆ มานี้ เหตุการณ์ร้ายที่มีเลือดปนอยู่ด้วยมีมากเหลือเกิน
ถ้าอยู่ใกล้ๆ คงหวาดเจี๋ยววว 

พวกเขาอาจปฏิบัติการเเบบพลีชีพ เช่นขับรถคาร์บอมบ์พุ่งเข้าชนตึก เพื่อให้ตึกถล่มอะไรประมาณนี้
หนูเข้าใจว่าเป็นปฏิบัติการเลียนแบบเขย่าขวัญ ซึ่งเป็นผลมาจาก.....

กรณี 9/11 ทุกท่านคงทราบดีแล้วว่า นั่นคือปฏิบัติการเเบบพลีชีพชนิดหนึ่ง
ท่านเล่นขับนกเหล็กกามิกาเซพุ่งเข้าชนตึก มีน้ำมันก๊าดเป็นเชื้อเพลิง เพิ่มแรงกระตุ้น
ความเร็วของเครื่องบินที่มีโมเมนตัมสูง บวกกับพลังเชื้อเพลิง
มากพอให้นกเหล็ก 747 บินข้ามแผ่นดิน 5 ชั่วโมงต่อเนื่อง
เปลี่ยนตัวเองเป็นมิสไซล์ลูกยักษ์ ทำให้ Twin Towers พังราบจนกลายเป็นตำนาน

หนูนั่งดูข่าวซีเอ็นเอ็นเวลานั้นพอดี ตะแรกนึกว่าเค้าเล่นหนัง ร้องกรี๊ดลั่นพอเห็นนกเหล็กอีกลำถลาเข้าชนอีกครั้งเต็มสองตา ไอ๊หยา เจ๊กตกกะจาย ทำไมมานเป็นแบบนั้นหว่า อูยยยย เสียวสันหลังไม่หาย

และนี่คือแรงบันดาลใจในกาลต่อมาให้ศึกษาถึงความคลั่งนานาชนิดของมนุษยชาติค่ะ


กระทู้: "นายทุน" กับ "ลัทธิสุดโต่ง"
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 27 ก.ย. 07, 11:50
ต่อค่ะ คุณหนอนบุ้ง กำลังมันส์ ;D


กระทู้: "นายทุน" กับ "ลัทธิสุดโต่ง"
เริ่มกระทู้โดย: หนอนบุ้ง ที่ 27 ก.ย. 07, 22:54
คำอีกคำหนึ่งที่นึกถึงเมื่อพูดถึงลัทธิสุดโต่ง ขึ้นต้นด้วยตัว “f” เหมือนกัน
คือคำว่า “fraternity” ที่หมายถึงพี่ชายน้องชาย
ซึ่งมักจะเห็นคู่กับคำว่า “sorority” ซึ่งแปลว่าพี่สาวน้องสาว

โดยปกติแล้ว“fraternity” และ “sorority” ตามมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ มีชื่อเป็นภาษากรีก
หมายถึงคลับหรือสมาคมที่มีจุดประสงค์ร่วมกันเพื่อการใดการหนึ่ง

แต่ว่า “fraternity” ตามความเห็นของหนูต่อไปนี้ ไม่ได้เกี่ยวกับชมรมตามภาษากรีกแต่อย่างใด
แต่หมายถึง “brotherhood” หรือสมาคมที่สมาชิกมีจุดมุ่งหมายเหมือนกัน
และไปเกี่ยวข้องกับลัทธิสุดโต่งของศาสนาบางศาสนา

เมื่อหลายปีก่อนนี้ น้าชายของหนูได้ยกหนังสือให้คุณแม่มาสองลัง
สิ่งที่ติดมาในลังโดยบังเอิญคือ “ไดอารี่” ส่วนตัว
 
คุณน้าเป็นคนพังงา-ภูเก็ต พ่อแม่ยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของเพื่อนสนิทชาวสิงคโปร์
จนคุณน้าถือพาสปอร์ตสิงคโปร์ แต่ก็ได้กลับมาเยี่ยมพ่อแม่จริงทุกปี

หนูเสียมารยาทเปิดอ่านไดอารี แล้วพบกับความเหลือเชื่อสยองขวัญบางอย่างเข้า


กระทู้: "นายทุน" กับ "ลัทธิสุดโต่ง"
เริ่มกระทู้โดย: หนอนบุ้ง ที่ 27 ก.ย. 07, 22:58
“Be all you can be in the army.” คือประโยคแรกในไดอารี

เมื่อคุณน้าเป็นวัยรุ่น ต้องเข้ารับการฝึกทหารรับใช้ชาติ
คุณน้าเข้ารับการฝึกร่างกาย (PE) และได้พบปะกับเพื่อนมาเลย์กลุ่มหนึ่ง

อ้อ...ลืมบอกไปว่าในประเทศสิงคโปร์ประกอบด้วยคนหลายเผ่าพันธุ์ (pluralism)
ประชากรส่วนใหญ่ คือ จีน รองลงมาคือ มาเลย์ อินเดีย ศรีลังกา ฟิลิปปินส์ ฯลฯ

ในไดอารีบอกว่าเพื่อนมาเลย์กลุ่มนี้ ได้ชักชวนให้คุณน้าฝึก martial art
อันเป็นศิลปะป้องกันตัวเตะๆ ต่อยๆ เพื่อนกลุ่มนี้มีความสมานฉันท์เหนียวแน่น
ต่อมาได้ชักนำให้คุณน้าสาบานตน เข้ากลุ่มเป็นสมาชิก “fraternity”
ทั้งที่ยังอ่านจุดประสงค์ได้ไม่ชัดเจนนัก

เรื่องเข้ากลุ่มคุณน้ายังไม่ได้ตัดสินใจทันที แต่ก็คบหากันไปเรื่อยๆ

แล้ววันหนึ่งเพื่อนกลุ่มนี้ได้พาคุณน้าเข้าไปในตรอกแคบๆ เดินเข้าไปลึก
แล้วถึงบ้านหลังหนึ่ง ประตูหน้ายังเป็นบานเฟี้ยมไม้แบบโบราณ

เมื่อเปิดประตูเข้าไป มีชายคนหนึ่งหลับตา ขัดสมาธิ นิ่งสงบ
ท่ามกลางกลิ่นเครื่องหอมตลบอบอวล ด้านหน้าของชายคนนี้มีขันใส่น้ำขนาดใหญ่
พอเขาลืมตาขึ้น จ้องหน้าคุณน้าอยู่พักใหญ่ แล้วตักน้ำจากขันใหญ่ให้ดื่ม


กระทู้: "นายทุน" กับ "ลัทธิสุดโต่ง"
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 28 ก.ย. 07, 09:42
เอาหละสิ..ตื่นเต้น ;)


กระทู้: "นายทุน" กับ "ลัทธิสุดโต่ง"
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 05 ต.ค. 07, 06:44
กระทู้นี้ถูกดองเสียหลายวัน ดิฉันอยากจะพูดถึงหนัง 2 days in Paris สักเล็กน้อย หนังเรื่องนี้ ทำโดยตัวแสดงนำฝ่ายหญิงของเรื่อง คือจูลี่ เดลพี่ ซึ่งเคยเล่นหนังหลายเรื่อง มาโด่งดังเอาตอนเล่นหนังพูดทั้งเรื่อง เดินทั้งเรื่อง กับเอธัน ฮอคเรื่อง Before Sunrise ถ้าคนชอบหนังแอ็ตชั่นคงเซ็ง แต่ถ้าชอบหนังประเภทไดอาล็อกละก้อ จะไม่ผิดหวัง เพราะจะดึงคุณติดตามความเป็นธรรมชาติของเธอไปได้ทั้งเรื่อง ได้เห็นความเป็นสาวปารีสของคุณเธอ กับหนุ่มอเมริกันที่ค่อนข้างหัวเก่า...ถนัดถนี่
จูลี่เป็นทั้งคนเขียนบทและผอ.


กระทู้: "นายทุน" กับ "ลัทธิสุดโต่ง"
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 05 ต.ค. 07, 07:01
จูลี่เล่นเป็นมาริยง สาวปารีสที่ไปเป็นช่างภาพในนิวยอร์ค ส่วนแอดัมเล่นเป็นแจ็ค ชื่อเรียบๆของผู้ชายอเมริกันซื่งมีอาชีพเป็นนักตกแต่งภายใน ที่หนังบอกว่าจูลี่ทำไมถึงเป็นช่างภาพนั้นน่าทึ่งมาก เธอมีโลกส่วนตัว สามารถยืนจ้องใบไม้ ทาก หรือความเคลื่อนไหวรอบตัวได้เป็นนานสองนานเหมือนเด็กช้า จนไปโรงเรียนไม่ทัน เพราะเรตินา(จอภาพในนัยน์ตา)ไม่ปกติ จนแม่ของเธอต้องซื้อกล้องโพลารอยด์ให้..
เรื่องนี้ จูลี่เอาพ่อแม่จริงของเธอมาเล่นด้วย..เป็นพ่อแม่เธอในเรื่อง ซึ่งสามคนตีบทได้แตกมาก อาจารย์สดใสเห็นเข้าคงบอกว่า เยี่ยม
มีเกร็ดขำๆสำหรับคนที่เกิดทันเดอะดอร์ส จิม มอร์ริสัน ไปดูที่คุณจะต้องหัวเราะไปตลอดเรื่อง
บางคนอาจจะรู้สึกว่า ยัยจูลี่แกเหมือนดาราไหนน้า..สักคน นักวิจารณ์ดังอย่างรอเจอร์ อีเบิร์ท ว่าคล้ายไดแอน คีตัน แต่ดิฉันว่า ไม่เหมือนเลย ก็ไอ้แค่ผู้หญิงใส่แว่นด้วยกัน ไดแอนดูยังไงก็เป็นไดแอน..ส่วนจูลี่ หล่อนเป็นสาวปารีสเต็มตัว มั่วเซ็กซ์ แต่งตัวดี แว่นตาคู่เดียวก็ชวนมอง บทจะวีนอย่างน่าเกลียดก็ทำได้น่าเชื่อมาก แต่ที่บอกว่าสวยสะบั้นจนใครๆหลงรักอยากนอนด้วยหมดนี่..ไม่แน่ใจ ต้องไปดูเองค่ะ
ภาพที่นำมาลงนั้น ไม่มีในเรื่อง เป็นแจ็คที่โกนหนวดเคราซะหน้าอ่อน เกลี้ยงเกลา และจูลี่ซึ่งมาในมาดงาม..ในโอกาสเปิดรอบปฐมทัศน์หนังเรื่องนี้




กระทู้: "นายทุน" กับ "ลัทธิสุดโต่ง"
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 05 ต.ค. 07, 07:12
จูลี่เป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ยอดเยี่ยม ดิฉันเห็นด้วยกับรอเจอร์ และหนังของเธอก็มีแฟนติดตามตลอด คนที่ชอบcomedyแบบอเมริกันสไตล์เช่นเม็กกับทอมในหลายๆเรื่อง คงจะดูหนังอเมริกันสไตล์ฝรั่งเศสพอไหว แต่คนที่ชอบหนังฝรั่งเศสอยู่แล้ว เรื่องนี้ดีกว่าหลายๆเรื่องที่ดูมาค่ะ
ฉากไหนที่มีพ่ออยู่ด้วย บอกได้เลยว่าตลกร้ายๆทั้งนั้น


กระทู้: "นายทุน" กับ "ลัทธิสุดโต่ง"
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 05 ต.ค. 07, 07:29
จูลี่เป็นชาวฝรั่งเศสที่พูดได้หลายภาษา อังกฤษ สเปนและเยอรมัน อายุ 38 จบการแสดงและกำกับการแสดงจากนิวยอร์ค เคยดูหนังเธอเล่นตั้งแต่เรื่องwhite จนถึงมาเล่นเป็น Celine ใน before sunrise(1995)ที่ไม่คิดเลยว่าจะสนุกเพราะเล่นกันแค่สองคน !!! ความที่คนประทับใจเรื่องนี้มาก(ผู้ชายผู้หญิงเจอกันในเวียนนา เดินคุยกันได้ทั้งคืน)หนังก็มีภาคต่อจนได้ พระเอกแก่ขึ้น นางเอกโทรมลงเป็นปกติ..
หนังที่เกี่ยวกับปารีสจะดึงความสนใจของดิฉันได้เสมอ จริงๆแล้ว ปารีสไม่ใช่เมืองที่ทำให้เรารู้สึกดีแม้แต่น้อย หากไม่รู้จักคนฝรั่งเศส ..ก็แค่หลงเสน่ห์ผิวๆของสถานที่ๆมากี่ครั้งก็เที่ยวไม่หมด


กระทู้: "นายทุน" กับ "ลัทธิสุดโต่ง"
เริ่มกระทู้โดย: elvisbhu ที่ 07 ต.ค. 07, 09:12
เสียใจที่ไม่ได้ดูครับ..ชอบหนังฝรั่งเศส


กระทู้: "นายทุน" กับ "ลัทธิสุดโต่ง"
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ต.ค. 07, 09:41
ได้ดู Before Sunset ค่ะ   ประทับใจมาก   มันเหมือนชีวิตจริงๆ ไม่ใช่หนัง พระเอกนางเอกก็เป็นธรรมชาติดี      แม้แต่เรื่องที่ทำท่าเหมือนจะเน่าอย่างเรื่องนี้ ก็กลายเป็นน้ำสะอาดบริโภคได้  ไม่เป็นพิษ
หนังยุโรปมีหลายเรื่องที่ให้ข้อคิด ดูแล้วอึ้ง กลับไปขบคิดต่อ  บางทีอึ้งเสียจนไม่อยากดูอีก     กลับไปดูหนังฮอลลีวู้ดเบาๆที่ดูแล้วหลับสบายดี

คุณกุ้งแห้งดู Before Sunset ที่เป็นภาคต่อ  ชอบไหมคะ  ดิฉันไม่ได้ดูเรื่องนี้

เอ นอกกระทู้ไปไกลไหมนี่


กระทู้: "นายทุน" กับ "ลัทธิสุดโต่ง"
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 07 ต.ค. 07, 11:24
ได้ดูค่ะ ชอบเป็นพิเศษค่ะ...เป็นธรรมชาติมาก เพลิน เหมือนไม่ใช่หนัง ไม่มีตัดต่อ มันจริงๆ


กระทู้: "นายทุน" กับ "ลัทธิสุดโต่ง"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 07 ต.ค. 07, 12:29
          แวะเข้ามาดูหนังนอกกระแส(โดยเฉพาะหนังฝรั่งเศส) เสียดายไม่มีเวลาว่างๆ ไปดู ทั้งที่ ๒ วันในปารีส ยังยืนโรงฉาย
อยู่ที่เฮาส์ อาร์ซีเอ และลิโด
       คุณกุ้งแห้งคุยเรื่องหนังแล้ว ขอคุยเรื่องโรงหนัง นิดหน่อย
       เมื่อวานนี้ได้อ่านนสพ. เขียนเรื่อง โรงหนัง สกาลา โรงหนังยืนเดี่ยวที่ยังยืนหยัดอยู่ท่ามกลางคอมเพล็กซ์ทั้งหลายในย่านนั้น
โรงหรู ออกแบบ ตกแต่งสวย โดยเฉพาะบันได โคมไฟ และเพดานที่ยังคงสภาพเดิมไว้ 
       คุณนันทา ตันสัจจา ผู้บริหารแบบพนักงานเป็นเหมือนคนในครอบครัว คงนโยบายอนุรักษ์ พนักงานสวมสูทสีเหลืองสด ให้บริการ
อย่างเอาใจใส่ น่าประทับใจ ตั๋วยังคงเป็นแผ่นยาวและผังเลือกที่นั่งเป็นแผ่นกระดาษ ไม่ใช่จอคอมฯ โรงใหญ่จุคนดูได้เป็นพัน หนังฉายบน
จอใหญ่ที่ยังคงมีม่านสีแดงปิด เปิดเหมือนเมื่อก่อน
       ดีใจที่คุณนันทา ตอบคำถามที่ว่ากิจการเป็นอย่างไรว่า so far, so good (จากนสพ. บางกอก โพสต์) 


กระทู้: "นายทุน" กับ "ลัทธิสุดโต่ง"
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 07 ต.ค. 07, 14:21
ดิฉันเป็นคนดูหนังมากกว่าดื่มเหล้าค่ะ โดยเฉพาะค่าตั๋วหนัง 100 บาท ดูไปแล้วคุ้มตั้ง 90 นาทีแน่ะ แต่ก็เลือกโรงและเรื่องค่ะ ชอบดูสกาลา และลิโด รวมถึงเฮาส์ที่อาร์ซีเอ ซึ่งทั้งสามโรงนี้ จำเป็นมากที่ต้องอุดหนุนอย่างสม่ำเสมอเพราะกลัวsuperficial modernismจะทำลายไป
วันที่ไปดู the Brave One และพบคุณนกข. กับคุณ B วันนั้นเราต้องเลือกดูจากหนังทั้งหมด 4 เรื่อง
เนื่องจากหนังเพิ่งเข้าโปรแกรม จึงพอมีคนมาอุดหนุนไม่เหงา คนเก็บตั๋วหน้าเดิมๆคุ้นมาเป็นทศวรรษ ในชุดสูทดูสุภาพเรียบร้อย
เป็นสมาชิกชมรมคนรักหนังกับเขาด้วยค่ะ ก่อนอื่นจงต้องมาลิโด เพื่อดูโปรแกรมซึ่งเขาจะแทรกหนังที่คนอื่นไม่ฉายไว้หนึ่งเรื่องเสมอ เป็นหนังที่เก็งว่าไม่ทำเงินแต่หาดูยากน่ะค่ะ
ชั้นสองของลิโดเดี๋ยวนี้มีร้านเครื่องดื่มและอาหารให้นั่งใช้คอมด้วย ขายเครื่องแม็ค อย่าเผลอสั่งอาหารนะคะ ใช้ไม่ได้เลยค่ะ นั่งดื่มอย่างเดียวได้
เมื่อวันก่อนไปดู 2 days in Paris ที่เฮาส์ มีคนดูแค่ 4 คนทั้งโรง พื้นไม้สะอาด ที่นั่งสบายดิฉันเดินเข้าไปไม่มีใครสักคน ต้องเดินออกมาใหม่ สาวๆอีก 2 มาสมทบ  รอคนเก็บตั๋วมา แล้วจึงเข้าไปใหม่ จึงมีหนุ่มมาเพิ่มในกลุ่มนั้น
ในเชิงธุรกิจ เฮาส์ไม่น่าจะอยู่ได้ ภาวนาให้คนมากันเยอะหน่อย เขาจะได้พอเลี้ยงตัวเสียที ไม่ต้องมีร้านอาหารราคาแพงด้านใน ข้อดีคือในร้านมีหนังสืออ่านเยอะค่ะ
วันไหนที่ไม่มีอะไรดู ขับมาอาร์ซ๊เอ หรือลิโดรับรองต้องได้ดูหนัง




กระทู้: "นายทุน" กับ "ลัทธิสุดโต่ง"
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 07 ต.ค. 07, 14:29
เอ..สงสัยต้องตั้งกระทู้แยกแล้วละสิคะ อาจารย์เทาชมพู ตอนนี้กลับมาที่นายทุน..
หากตระกูลตันสัจจา เป็นนายทุน ดิฉันว่า เตรือเอเพ็กซ์น่ะ เป็นคอหนังที่รักคนดูค่ะ ไม่งั้นเขาคงไม่อนุรักษ์สามโรงนี้ไว้ให้เราหรอก ไม่ใช่เพียงสถานที่อย่างเดียว การคัดเลือกหนังด้วย
แต่มีครั้งหนึ่ง ดิฉันเศร้าใจมาก พอดีตอนนั้นไปฮ่องกงทำงาน วันสุดท้ายก่อนกลับ ถวิลหาหนังดีๆดู ได้ดู Dances with wolves ก่อนเมืองไทย พอกลับมา รอหนังเข้า ต้องไปดูใหม่กับเพื่อนรัก
ปรากฏว่าเซ็งมาก
ตรงไหนหรือคะ ก็หนัง copy เมืองไทยเรานี้ สีเพี้ยน ออกมาน้ำตาลทั้งเรื่อง มัวซัวเฮงซวยมาก
ไม่ไปดูโรงนั้นนานเชียว..