จากบันทึกของซีมอง เดอ ลาลูแบร์ และนิโกลาส์ แชรแวส ราชทูตและนักเดินทางชาวฝรั่งเศส ที่เข้ามากรุงศรีอยุธยาในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ แสดงให้เห็นว่าราษฎรทั้งชายและหญิงนุ่งผ้า ๒ ชิ้น โดยเครื่องนุ่งห่มของชายประกอบด้วยผ้านุ่งพันเอวแล้วม้วนชายไปเหน็บด้านหลังเหมือนกางเกงขาสั้น มีผ้าอีกผืนคลุมบ่า แต่ไม่สวมเสื้อ เครื่องนุ่งห่มของหญิงประกอบด้วยผ้าแถบคาดอกและผ้านุ่งปล่อยชายปิดร่างกายส่วนล่าง ส่วนขุนนางนุ่งผ้านุ่งที่ทอสอดเส้นทองและเส้นเงินหรือผ้าลายดอกที่สั่งซื้อจากอินเดีย สวมสนับเพลาตัดด้วยผ้า เนื้อดีอยู่ในผ้านุ่ง สวมเสื้อชั้นนอกตัดด้วยผ้าป่านบาง ๆ หรือผ้ามัสลินเป็นรูปเสื้อครุย เมื่อเข้าเฝ้ากษัตริย์จะสวมลอมพอกสูงเพิ่มอีกชิ้นหนึ่ง ขณะที่กษัตริย์ทรงใช้ฉลองพระองค์ที่ตัดด้วยผ้าเยียรบับ มีฉลองพระองค์ครุยสวมทับอีกชั้น
ที่น่าสนใจคือ ผ้าที่คนสมัยอยุธยาใช้ในระยะแรก ๆ เป็นผ้าที่ทอใช้เอง มีผ้าบางส่วนที่สั่งซื้อจากอินเดียและจีน ส่วนใหญ่ผ้าที่สั่งซื้อจากนอกคือ ผ้าที่กษัตริย์ เจ้านาย และขุนนางใช้ เช่น ผ้าเยียรบับ ผ้าแพร ฯลฯ ต่อมาเมื่อมีการค้ากับยุโรปพบว่ากรุงศรีอยุธยาได้สั่งซื้อผ้าจากยุโรปด้วย โดยผู้คนในกรุงศรีอยุธยาหาซื้อผ้าได้จากแหล่งขาย ผ้าหลายแห่งภายในพระนคร เช่น ย่านบ้านป่าชมพู ย่านทุ่งหมาก ย่านฉะไกรใหญ่
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ นอกจากจะมีการซื้อขายผ้าแล้ว ชาวสยามสมัยอยุธยามีการซื้อขาย เสื้อผ้าที่แปรรูปมาจากผ้าด้วย ดังที่หนังสือคำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม เอกสารจากหอหลวง ระบุว่า
ย่านป่าผ้าเขียวหลังคุกมีร้านขายเสื้อเขียว เสื้อขาว เสื้อแดงชมพูเสื้อยี่ปุ่น...กังเกงสีต่าง ๆโดยผู้บริโภคเสื้อผ้าที่ตัดเย็บแล้วน่าจะแบ่งออกเป็น ๒ กลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่ กลุ่มชนชั้นสูงและขุนนางซึ่งในบันทึกของบาทหลวงตาชาร์ดและวรรณกรรมสมัยอยุธยา เช่น บทละครครั้งกรุงเก่าเรื่อง “สังข์ทอง” หรือ วรรณกรรมเรื่อง “ลิลิตพระลอ” ชี้ว่ากลุ่มนี้นิยมสวมเสื้อ ส่วนอีกกลุ่มที่มี ความเป็นไปได้ว่าจะซื้อหาเสื้อผ้าคือ ไพร่ที่ประกอบการค้าในช่วงจังหวะการขยายตัวของการค้า ต่างประเทศในสมัยอยุธยาตอนปลายจนกลายเป็น “ไพร่มั่งมี” ที่มีรายได้สามารถซื้อหาสินค้าที่ขายกันใน ตลาดทั้งที่ผลิตภายในอาณาจักรและที่มาจากต่างประเทศ โดยผ้าเป็นสินค้าประเภทหนึ่งที่ “ไพร่มั่งมี” สมัย อยุธยาตอนปลายนิยมซื้อหา อย่างไรก็ตาม “ไพร่มั่งมี” ในสมัยอยุธยา ตอนปลายยังมีจานวนไม่มากนักจึงยังไม่ใช่ลูกค้าหลักของตลาดซื้อขายเสื้อผ้า
จาก การค้าเสื้อผ้าในสังคมสยามสมัยอยธุยาถึงสมัยรัชกาลที่ ๕ โดย ดร.โดม ไกรปกรณ์ อาจารย์ประจาภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วารสารสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปีที่ ๑๖ ฉบับเดือน มกราคม-ธันวาคม ๒๕๕๖
http://ejournals.swu.ac.th/index.php/JOS/article/download/3822/3811 ข้อความจากบทความข้างบนคงพอจะไขข้อข้องใจ ๒ ข้อแรกได้บ้างไม่มากก็น้อย