ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงคะ แล้วผ้าสไบอัดจีบใหญ่ๆนี่จะยังสามารถหาซื้อได้ที่ไหนบ้างคะ (แบบไม่สำเร็จรูป ที่เนื้อผ้าแบบ คห.ที่6นะคะ)
ค้นหาด้วย google ครับ มีมากมายเลย บอกกล่าวในนี้ตรงๆ จะกลายเป็นโฆษณาแฝง
จากความเห็นที่ ๙ ของผม เป็นเรื่องที่ผมเดาผิดอย่างแท้จริง เมื่อไปพบคำอธิบายของท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ ที่อธิบายการห่มผ้าของสตรีว่ามีเพียงผ้าสองผืน คือ ผืนในกับผืนนอก ... "เขาห่มผ้าแถบข้างในบาง แล้วข้างนอกมีผ้าหนาอีกผืนห่มทับ ห่มทับอย่างนี้ทั้งสองผืน" และท่านได้ยกตัวอย่างการแต่งกายของพิมพิลาไลยตอนไปฟังเทศน์
".....
นุ่งยกลายกระหนกพื้นแดง ก้านแย่งทองระยังจับตาพราย
ชั้นให่มสไบชมพูนิ่ม สีทับทิมทับนอกดูเฉิดฉาย
ริ้วทองกรองดอกพรรณราย ชายเห็นเป็นที่เจริญใจ"
เพิ่มเติม - จากบทความเรื่องความเป็นไทยในละคร คอลัมน์ซอยสวนพลู วันที่ ๒๐กันยายน ๒๕๓๔
"ส่วนเด็กรุ่นแม่พลอยนั้น เมื่อยังไว้จุกและยังเป็นเด็กก็ถอดเสื้อเป็นพื้น แต่เมื่ออายุประมาณ ๑๔ ขวบ ทำท่าจะไม่ดีขึ้นมาก็ให้ห่มผ้าเหมือนผู้ใหญ่เหมือนกับสาวๆ เขาทำกัน เมื่อโกนจุกแล้วก็ห่มผ้าอย่างผู้ใหญ่ต่อไป เด็กบางคนโกนจุกเร็วหน่อยคือไปโกนจุกตั้งแต่อายุ ๑๐ ขวบ ๑๑ ขวบ โกนจุกแล้ว การห่มผ้าก็ไม่จำเป็น ต้องไปหัดห่มผ้ากันเอาใหม่เมื่อร่างกายไม่อำนวยให้ถอดเสื้อวิ่งกันได้"
"ทีนี้ก็ลงมาถึงผ้านุ่ง คนสมัยแม่พลอยไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย พอรู้ความวิ่งได้แล้วก็ดูเหมือนจะนุ่งผ้าโจงกระเบนกันทั้งนั้น นอกจากจะโจงกระเบนไว้ไม่อยู่ก็ร่วงลงมาเป็นผ้าลอยชายหรือเป็นผ้าพันตัวไว้เฉยๆ ตามประสาเด็ก แต่หลักใหญ่ของคนไทยในการนุ่งผ้าคือ นุ่งผ้าโจงกระเบน"