ในจดหมายเหตุของหมอบรัดเลย์ ได้บันทึกไว้ว่า หลวงสิทธิ์นายเวร สนใจในการศึกษาวิชาต่อเรือกำปั่นแบบฝรั่ง เป็นนายช่างไทยคนแรกผู้สามารถต่อเรือแบบฝรั่งได้
ท่านได้ต่อเรือกำปั่นรบ เรียกว่าเรือกำปั่นบริค ลำแรกเข้ามาถวายพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๘ โปรดพระราชทานชื่อว่า "เรือแกล้วกลางสมุทร" (แต่ฝรั่งเรียกว่า เรืออาเรียล)
และได้ต่อเรือรบอีกหลายลำมีน้ำหนักถึง ๓๐๐ - ๔๐๐ ตัน สำหรับลำเลียง ทหารไปรบกับญวน ในปลายปี พ.ศ. ๒๓๗๘
ได้ต่อเรือขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวายตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานชื่อว่า "ระบิลบัวแก้ว" (ภาษาอังกฤษว่า คองเคอเรอ) ซึ่งใหญ่กว่าเรือลำแรก
ต่อมาโปรดเกล้า ฯ ให้สร้างอู่ต่อเรือขึ้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพ ฯ หลายอู่ เรือกำปั่นลำแรกที่ต่อเสร็จในอู่กรุงเทพฯ มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า เรือแคลิโดเนีย เป็นเรือที่ต่อค้างจากจันทบุรี
หลวงนายสิทธิ ได้นำมาต่อเพิ่มเติมจนแล้วเสร็จในอู่กรุงเทพ ฯ เมื่อต่อเรือลำนี้เสร็จ โปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งให้หลวงนายสิทธิ เป็นช่างต่อเรือหลวงและเป็นผู้บัญชาการอู่หลวง
ปี พ.ศ. ๒๓๗๙ หลวงนายสิทธิได้ต่อเรือกำปั่นเสร็จอีก ๔ ลำ ได้แก่ เรือรบวิทยาคม เรือรบวัฒนานาม (แอโร) เรือจินดาดวงแก้ว (ประเภทเรือบาร์ก ชื่อว่า ซักเซส) เรือลำที่สี่ชื่อ เทพโกสินทร์ (ประเภทเรือชิป ซึ่งเป็นเรือของแม่ทัพหน้าคราวยกไปตีเมืองบันทายมาศ) เนื่องจากมีเรือกำปั่นใบแบบฝรั่งหลายลำ จึงจำเป็นต้องจ้างชาวต่างประเทศ มาช่วยฝึกสอนวิชาเดินเรือให้แก่คนไทย ใน พ.ศ. ๒๓๘๐ โปรดเกล้าฯ ให้จ้างชาวอังกฤษชื่อ กัปตันทริกซ์ มาสอนวิชาเดินเรือทั้งเรือรบและเรือเดินสินค้า ในปลายสมัยรัชกาลที่ ๓ หลวงนายสิทธิได้สร้างเรือกำปั่นแบบฝรั่งขึ้นอีกหลายลำ ได้แก่ เรือราชฤทธิ (พ.ศ. ๒๓๘๔) เรือสยามภพ (พ.ศ. ๒๓๘๕) เรือโผนเผ่นทะเล (พ.ศ. ๒๓๙๒) และเรือจรจบชล (พ.ศ. ๒๓๙๓)
และจากที่คุณหนุ่มสยาม นำมาลงไว้ใน คคค. ๑๖๐ (ขออนุญาตนำมาลงอีกครั้ง จะได้ดูได้สะดวก)
จะเห็นได้ว่า
เรือแกล้วกลางสมุทร ( Klaao klang samoot - Ariel)
เรือวัฒนานาม (Wattana nam – Arrow)
เรือจินดาดวงแก้ว (Chinda dooang kaao – Success)
เรือสยามภพ (Sayam pipop – Favorite)
เรือโผนเผ่นทะเล (Pon pen tale – Celerity)
เรือจรจบชล (Chawn chap chon – Wanderer)
ซึ่งเป็นเรือที่สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ช่วง บุนนาค เมื่อครั้งเป็นหลวงนายสิทธิ์ และจมื่นไวยวรนาถ ในรัชกาลที่ ๓ ได้ต่อขึ้น ยังใช้การได้จนถึงในรัชกาลที่ ๔ (๑๘๖๑-๑๘๖๒ หรือ ๒๔๐๔-๒๔๐๕)
ปีที่สร้างตรงกับที่ผมเคยว่าไว้ ยกเว้น เรือโผนเผ่นทะเล (Pon pen tale – Celerity) ที่ผมลงไว้ว่า ๒๓๙๒ (๑๘๔๙) แต่ในบางกอกคาเลนดาว่า ๒๓๘๙ (๑๘๔๖)