|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 91 เมื่อ 06 ก.ย. 19, 19:42
|
|
ขอบพระคุณครับ โดยเฉพาะที่ได้กรุณาให้ลิงค์ที่ให้ความรู้ดีๆ
คำบรรยายและศัพท์เฉพาะทางในเรื่องราวที่ปรากฎอยู่ในลิงค์นั้น ท่านผู้อ่านทั้งหลายจะเข้าถึงหรือเข้าไม่ถึงบ้างเช่นใดก็ตาม ก็อย่าได้เป็นกังวลหรือไปกลัวอะไรไปให้มากนักนะครับ อะไรที่เกินพอดีไปมันก็เป็นโทษทั้งนั้น เอกสารทางวิชาการที่เป็นวิชาการไม่ว่าจะเป็นของสาขาวิชาใด ต่างก็มักจะเริ่มต้นด้วยเรื่องของอะไรๆที่รู้สืบต่อกันมา ตามด้วยเรื่องขององค์ความรู้ใหม่ที่ได้จากการทดลอง ทดสอบ สอบทาน ประเมิน ฯลฯ รายงานสรุปแล้วต่อท้ายด้วยผลกระทบอันพึงมี ที่น่าแปลกใจอยู่ก็คือ มักจะเป็นรายงานที่ให้ภาพในมุมมองด้าน Qualitative ที่เป็นภาพลบ แต่กลับเกือบจะไม่เห็นเรื่องราวในด้าน Quantitative และการแก้ไขทั้งในเชิงของการป้องกัน (preventive measures) และการเยียวยา (curitive measures)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 92 เมื่อ 08 ก.ย. 19, 19:34
|
|
ในความเห็นของผม เห็นว่าการกินพืชผักและผลไม้ทั้งหลายนั้น หากเป็นการกินที่เป็นไปอย่างธรรมชาติก็ไม่น่าจะมีผลไปในทางลบ เพราะว่ามันมีการจำกัดใม่ให้กินเกินพอดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะทำให้อยู่ในรูปของความเป็นยาหรือในรูปของอาหารก็ตาม เช่น ด้วยปริมาณที่หาได้ ด้วยปริมาณต่อมื้ออาหาร ด้วยกระบวนวิธีทำตามภูมิปัญญาของผู้คนแต่โบราณ
ความพอดีที่เราเห็นกันจนคุ้นตาก็น่าจะเป็นความหลากหลายของเครื่องปรุงที่คละกันในสัดส่วนที่เหมาะสม เช่น เครื่องปรุงในน้ำพริกแกงของแกงชนิดต่างๆ การใช้มะขามเปียกในแกงหลายๆชนิด การใช้ขิงหรือข่าในต้มบางชนิด การใช้กลุ่มพืชผักบางอย่างเฉพาะกับแกงหรือต้มบางอย่าง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
pratab
อสุรผัด
ตอบ: 29
|
ความคิดเห็นที่ 93 เมื่อ 08 ก.ย. 19, 20:14
|
|
ในความเห็นของผม เห็นว่าการกินพืชผักและผลไม้ทั้งหลายนั้น หากเป็นการกินที่เป็นไปอย่างธรรมชาติก็ไม่น่าจะมีผลไปในทางลบ เพราะว่ามันมีการจำกัดใม่ให้กินเกินพอดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะทำให้อยู่ในรูปของความเป็นยาหรือในรูปของอาหารก็ตาม เช่น ด้วยปริมาณที่หาได้ ด้วยปริมาณต่อมื้ออาหาร ด้วยกระบวนวิธีทำตามภูมิปัญญาของผู้คนแต่โบราณ
ความพอดีที่เราเห็นกันจนคุ้นตาก็น่าจะเป็นความหลากหลายของเครื่องปรุงที่คละกันในสัดส่วนที่เหมาะสม เช่น เครื่องปรุงในน้ำพริกแกงของแกงชนิดต่างๆ การใช้มะขามเปียกในแกงหลายๆชนิด การใช้ขิงหรือข่าในต้มบางชนิด การใช้กลุ่มพืชผักบางอย่างเฉพาะกับแกงหรือต้มบางอย่าง
อยากเรียนถาม คุณ naitang ว่าท่านเคยใช้ marijuana ประกอบการปรุงอาหารบ้างไหมครับ มันทำให้อาหารอร่อยขึ้นจริงหรือและอร่อยตั้งแต่คำแรกหรือไม่ หรือต้องรอให้ออกฤทธิ์ก่อน ขอบคุณครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 94 เมื่อ 09 ก.ย. 19, 18:42
|
|
ตัวผมเองไม่เคยใช้พืชชนิดนี้ในการประกอบอาหาร เคยแต่กินอาหารที่มีการใส่พืชนี้ลงไปด้วย
สามสี่คำแรกใม่รู้หรอกครับว่ามีการใส่ลงไปด้วย หลังจากนั้นจึงจะเริ่มรู้สึกว่าทำไมอาหารอร่อยถูกปากจังเลย เมื่อใกล้จะจบมื้ออาหารก็จะเห็นทุกคนเริ่มคุยกันด้วยอารมณ์ที่ดี เพียงหยอกล้อกันนิดๆหน่อยๆต่างก็ปล่อยหัวร่อออกมากัน ผู้คนในวงสำรับนั้นต่างก็นั่งอมยิ้มกันทุกคนพร้อมที่จะหัวร่อออกมา เห็นทุกอย่างเป็นเรื่องที่น่าขำ ถ้อยทีถ้อยอาศัยเล่าเรื่องสู่กันฟัง สนทนากันด้วยอารมณ์ที่ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเหตุการณ์ที่คับขันหรือที่น่ากลัว ปริมาณการกินอาหารที่ตามปกติจะรู้สึกอิ่มตึงท้องกันแล้วก็จะยังรู้สึกว่ายังกินได้อีก ยิ่งเป็นของกินที่ออกรสหวานๆหรือของที่หวานมากๆก็จะยิ่งมีความรู้สึกว่ามีความอร่อยเป็นพิเศษ ก็จะยิ่งกินกันหนุบหนับคล้ายกับแกล้ม กินไปดื่มน้ำไปแบบเอร็ดอร่อยเอามากๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33596
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 95 เมื่อ 09 ก.ย. 19, 18:52
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 96 เมื่อ 09 ก.ย. 19, 19:16
|
|
สำหรับอาการของแต่ละบุคคลก็สามารถสังเกตได้จากตาที่เยิ้มหวานเชื้่อม (หนังตาบวม...) กล้ามเนื้อส่วนโหนกแก้มยก ดึงให้มุมปากยกขึ้นนิดๆ และอื่นๆเช่นอารมณ์ดี ในด้านการเคลื่อนไหวของร่างกายนั้นอาจจะสังเกตได้ยากหน่อย อาการที่สำคัญก็คือ ความคล่องแคล่วความว่องไวลดลง ความนุ่มนวลต่างๆมีมากขึ้น แต่มิใช่ในเรื่องของกำลัง/พลัง การคิดสะระตะมีมากขึ้นก่อนที่จะทำอะไรลงไป และก็เป็นความคิดในด้าน safe side คิดในด้าน defensive มากกว่าที่จะเป็นในด้าน offensive
อีกเรื่องหนึ่งที่มักจะกล่าวถึงกันก็คือ อาการกลัวในลักษณะ exaggerate (เช่น เห็นหนูตัวเท่าช้าง เห็นร่องกระดานปูพื้นบ้านกว้างจนไม่กล้าเดินข้าม....) ในเรื่องนี้ผมมีความเห็นต่างว่าเกินความเป็นจริง เห็นว่าเป็นการกล่าวถึงในเชิงของการเปรียบเทียบเพียงเท่านั้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 97 เมื่อ 09 ก.ย. 19, 19:43
|
|
ทำงานในพื้นที่มานาน ก็เลยมีข้อมูลและความรู้สะสมมาพอควร แต่คงจะเล่าอะไรๆได้ไม่มากนักด้วยข้อจำกัดต่างๆ จริงๆแล้วก็อยากจะเล่าประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ในทางวิชาการ ด้วยคิดว่าคงจะมีบุคคลไม่มากนักที่มีประสบการณ์ในด้านที่เป็น tangible คือสัมผัสจริง แม้ว่าจะเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของเรื่องราวก็ตาม ซึ่งก็ยังจะต่างไปจากการรับรู้และความรู้สึกที่สัมผัสได้ในรูปของ ภาพที่เป็น intangible
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
pratab
อสุรผัด
ตอบ: 29
|
ความคิดเห็นที่ 98 เมื่อ 09 ก.ย. 19, 20:21
|
|
ขอบคุณมากครับทั้งคุณ naitang และคุณเทาชมพู ทำให้เข้าใจได้ว่า 1.สำหรับผู้ที่ไม่เคยทราบว่ามันผสมอาหารได้และออกฤทธิ์ดังที่ท่านกล่าวมาแล้ว ไม่มีทางรู้เลยว่าอาหารนั้นผสมพืชชนิดนี้ลงไป และ 2. ตาม link ที่กรุณาส่งให้อ่าน สารในพืชนี้เป็นอันตรายต่อผู้เป็นโรคหัวใจบางอย่างซึ่งจะมากน้อยขึ้นกับความเข้มข้นที่ใส่ลงไปซึ่งเข้าใจว่าไม่มีมาตรฐานกำหนด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33596
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 99 เมื่อ 10 ก.ย. 19, 08:58
|
|
สรุปว่ากัญชาไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย มีแต่โทษสำหรับผู้มีสุขภาพไม่สมบูรณ์ เช่นเป็นโรคหัวใจ
เคยได้ยินตรงกับคุณตั้งเล่า ว่ากินกัญชาเข้าไปแล้วอารมณ์ดี คุณแม่เคยเล่าว่า สมัยก่อนถ้าใครนึกสนุก เวลาแกงเขียวหวานหรือแกงเผ็ด จะแอบใส่กัญชาลงไปนิดหน่อย กินกันแล้วนั่งหัวเราะอารมณ์ดีกันทั้งวง แต่ก็ไม่มีอันตรายอะไร พออาหารย่อยหมดแล้วก็แล้วกันค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Naris
|
ความคิดเห็นที่ 100 เมื่อ 10 ก.ย. 19, 09:22
|
|
เนื่องจากกัญชาอาจมีผลข้างเคียงกับผู้ป่วยบางโรค ถ้าคิดจะใส่ลงไปในอาหาร คงต้องมีการบอกกันไว้ให้ชัดเจนนะครับ (เหมือนที่ปัจจุบันต้องเขียนไว้ที่ฉลากว่า มีส่วนผสมอะไรบ้างที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้) ไม่งั้นคนที่ป่วยเขาอาจจะไม่รู้เผลอไปกินเข้า จะแย่เอานะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33596
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 101 เมื่อ 10 ก.ย. 19, 09:43
|
|
เมื่อ 100 ปีก่อนความรู้เรื่องผลข้างเคียงของพืชหรือสารต่างๆ ไม่มีเหมือนสมัยนี้ ไม่มีใครรู้ว่ากัญชามีผลต่อหัวใจ เพราะไม่มีใครรู้ว่าโรคหัวใจคืออะไร อาการหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน โบราณเรียกว่า "เป็นลมปัจจุบัน" คือหน้ามืดล้มลงเหมือนเป็นลมแล้วไปเลย กัญชาในแกงเขียวหวานก็คงใส่กันสนุกๆน่ะค่ะ กินแล้วไม่ตายก็ถือว่าไม่อันตราย แต่ปัจจุบันนี้ เพื่อความปลอดภัยอย่าใส่เสียเลยดีกว่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 102 เมื่อ 10 ก.ย. 19, 17:44
|
|
.......คุณแม่เคยเล่าว่า สมัยก่อนถ้าใครนึกสนุก เวลาแกงเขียวหวานหรือแกงเผ็ด จะแอบใส่กัญชาลงไปนิดหน่อย กินกันแล้วนั่งหัวเราะอารมณ์ดีกันทั้งวง แต่ก็ไม่มีอันตรายอะไร พออาหารย่อยหมดแล้วก็แล้วกันค่ะ
ถูกต้องครับ กัญชามักจะใช้ในแกงเขียวหวานและแกงเผ็ด ทั้งนี้ก็ยังจะต้องเป็นแกงที่ใช้เนื้อวัวติดมัน(ซึ่งเป็นเนื้อส่วนที่ทำให้เปื่อยได้ไม่ง่ายนัก)อีกด้วย จะกล่าวว่า เพื่อแขกจะได้ไม่ต้องมาบ่นกันในเรื่องของ tough & chewy ก็น่าจะพอได้อยู่ แกงทั้งสองนี้นิยมทำกันในวาระที่ต้องมีการรับรอง(เลี้ยง)คนหมู่มาก กินได้ทั้งกับขนมจีนและข้าวสวย และก็ยังใช้เครื่องเคียงร่วมกันได้อีกด้วย เช่น ปลาตะเพียนแดดเดียวทอด ปลาสละเค็มทอด แล้วก็น้ำปลามะนาวใส่หอมแดงซอยและพริกขี้หนูซอย เรื้่องราวทั้งหลายก็ดูจะสื่อว่าต้นตำหรับในการใช้กัญชาผสมลงไปในอาหารน่าจะมาจากผู้คนในภาคกลางที่จะกระทำกันในงานที่เลี่ยงคนหมู่มาก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 103 เมื่อ 10 ก.ย. 19, 18:03
|
|
สำหรับในภาคเหนือและอิสานนั้น ผมไม่เคยเห็นว่ามีเมนูอาหารในวาระพิเศษใดๆจะใช้กัญชาใส่ลงไปในการปรุงอาหารด้วย ก็อาจจะเป็นเพราะว่าบรรดาอาหารเกือบทั้งหมดจะเป็นแบบแห้งหรือน้ำขลุกขลิก อีกทั้งน้ำพริกแกงก็เป็นแบบง่ายๆ
เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เป็นว่ากัญชาเหมาะที่จะใส่ในอาหารประเภทที่มีน้ำมาก มากกว่าที่จะใส่ในอาหารที่มีน้ำขลุกขลิกหรือแห้ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 104 เมื่อ 10 ก.ย. 19, 18:36
|
|
กัญชามีส่วนที่เป็นใบและเป็นดอกที่มีการนำมาใช้กัน ในประเทศเราและรอบๆบ้านเรานิยมใช้ส่วนที่เป็นดอกที่เรียกกันว่า กะหรี่ ใช้ในการสูบ ส่วนการนำมาใส่ในอาหารนั้นจะนิยมใช้เมล็ดและใบโขลกรวมไปในการตำน้ำพริกแกง น้อยนักที่จะเห็นมีการใช้ในลักษณะการใช้ในแกงต่างๆเฉกเช่นการใช้ใบโหระพา ใบกระเพรา ใบยี่หร่า ใบแมงลัก....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|