ในฐานะที่คุณพ่อมีเลือดเป็นครู เมื่อได้เข้ารับราชการในกระทรวงครู การงานที่ท่านได้ปฏิบัติไป จึงเหมาะสมและก้าวหน้า ปรากฏตามประวัติที่ได้เลื่อนตำแหน่ง จากเสมียนจนถึงได้เป็นเจ้ากรมราชบัณฑิต เมื่อ พ.ศ.๒๔๕๙ ได้รับพระราชทานยศและบรรดาศักดิ์ เป็น มหาอมาตย์ตรี พระยาภักดีนฤเบศร์ ได้รับพระราชทานตราทวิติยาภรณ์ช้างเผือกเป็นที่สุด ในส่วนราชการพิเศษ อันเนื่องจากคุณงามความดีของท่านนั้น ได้รับแต่งตั้งเป็นองคมนตรีถึงสองรัชกาล คือในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว นอกจากนั้นยังเคยเป็นกรรมการจัดการสอบวิชาทำสวน เมื่อ พ.ศ.๒๔๖๑ อีกด้วย
การที่คุณพ่อเขยิบฐานะตั้งแต่เสมียนขึ้นมาได้ถึงชั้นนี้ ก็อาศัยความซื่อสัตย์พากเพียรอดทนต่อการงานอันเป็นสมบัติของครูโดยแท้ ขณะที่เป็นเสมียนนั้น คุณพ่ออาศัยอยู่ในบ้านเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ โดยปรกติในสมัยนั้น เสนาบดีกระทรวงธรรมการทำงานอยู่ที่บ้านเป็นประจำเป็นส่วนมาก คุณพ่อเคยเล่าว่า เสมียนต้องเขียนหนังสือทั้งกลางวันและกลางคืน บางทีติดต่อกันเรื่อยไป เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ท่านหลับง่าย บอกหนังสือค้างไว้แค่ไหน ตื่นขึ้นมาก็บอกต่อได้ บางที่ราชการด่วน เจ้ากระทรวงต้องมีจดหมายติดต่อกันในยามดึก คุณพ่อต้องเป็นคนเดินจดหมาย ข้ามเรือที่ท่าโรงยา (คือบริเวณสะพานพระพุทธยอดฟ้า) เดินมาที่พระบรมมหาราชวังและเดินกลับบ้าน คุณพ่อบอกว่าท่านได้ดี เพราะมีครูดี ปู่ ครูคนแรกของคุณพ่อใจดี แต่ลูกทุกคนต้องอยู่ในระเบียบ วิชาความรู้ส่วนมากในการทำราชการ คุณพ่อเรียนจากเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ ทำไป เรียนไป ส่วนในหน้าที่ครู เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ก็สอนให้ด้วยความเมตตา คุณพ่อเคารพนับถือเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ดุจบิดาของท่าน
คุณพ่อได้แต่งแบบเรียนสำคัญไว้เล่มหนึ่ง ใน พ.ศ.๒๔๖๔ ชื่อเรื่อง “พระพุทธศาสนา” ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการดำริจะนำมาใช้เป็นแบบเรียนภาษาไทยสำหรับชั้นมัธยมปีที่ ๕ หนังสือเล่มนี้เป็นที่พอพระราชหฤทัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวมาก ปรากฏว่าวันหนึ่ง คุณพ่อไปเฝ้ารับเสด็จในงานพระราชพิธีครั้งหนึ่ง เจ้าพระยารามราฆพ เขียนนามบัตรให้มหาดเล็กถือมาส่งให้ ความว่า จะพระราชทานตราช้างเผือกให้คุณพ่อ ขณะทรงคล้องตราพระราชทานให้ รับสั่งว่า พอพระทัยหนังสือเล่มนี้มาก
คุณพ่อเขียนหนังสือธรรมะไว้อีกหลายเล่ม เช่น เขมสรณคมน์ อริยสัจย่อ กับอารักขธรรมกถา ธรรมวิภาคบรรยาย ฯลฯ นอกจากนี้แล้ว ยังมีงานหนังสือสำคัญอีกชิ้นหนึ่ง ท่านได้ให้ไว้แก่วงงานของครูสมัยนั้น คือการแต่งสักวา หรือโคลงกระทู้แก้กัน ซึ่งถือกันว่าเป็นภาษาไทยที่สำคัญแขนงหนึ่งตลอดมาจนทุกวันนี้ ท่านได้ให้ตัวอย่างไว้ในหนังสือ วิทยาจารย์ หลายบท โคลงกระทู้ของท่านบทหนึ่งถือกันว่าไพเราะมาก ทั้งความและคำ อันควรที่จะยึดถือไว้เป็นตัวอย่างคือ
หัว เราใครว่าล้าน ช่างเขา เถิดเวย
ล้าน ก็ล้านเป็นเงา เช่นแก้ว
นอก ครูเพราะครูเรา ก็นอก ครูแฮ
ครู ว่าเจ้าถูกแล้ว เพราะล้านเหมือนครู
คุณพ่อรับราชการอยู่ได้ ๓๑ ปี กับ ๓ เดือน ก็ลาออกรับพระราชทานเบี้ยบำนาญ ตลอดเวลานอกราชการ ๖ ปีเศษ นอกจากใช้เวลาว่างเขียนหนังสือ ท่านจังไปดูแลเรือกสวน ถึงวันพระก็ไปสดับพระธรรมเทศนา ณ วัดนวลนรดิศ และไปสนทนาธรรม ณ วัดต่างๆ คุณพ่อถึงแก่อนิจกรรมเมื่อ พ.ศ.๒๔๗๗ คำนวณอายุได้ ๖๔ ปีเศษ (พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๗๗) บุตรชายหญิงที่มีชีวิตอยู่มี
นางสาวเกื้อ ศาลิคุปต M. Ed.
นายกิ่ง ศาลิคุปต์ นิติศาสตร์มหาบัณฑิต
คุณหญิงอุศนา ปราโมช ต.จ.
นายอุทัย ศาลิคุปต์ สัตว์แพทย์บัณฑิต
รายชื่อผลงานบางส่วน
พระพุทธศาสนา / พระยาภักดีนฤเบศร์ กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร ๒๔๗๘
นิบาตชาดกฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ พระยาภักดีนฤเบศร (แก้ว ศาลิคุปต) เปรียญ ๔ ประโยค วัดนวลนรดิศ แปล ๗ เรื่อง
จาก
https://www.facebook.com/156701377689213/posts/1430652150294123/