black tie กับ tuxedo อย่างในภาพข้างล่างนี้ เหมือนกันไหมคะ
เรื่องเดียวกัน แต่เรียกคนละชื่อ black tie ดูจะเป็นภาษาของภาคราชการ และเป็นในเชิงตามแบบแผนดั้งเดิม ส่วน Tuxedo ดูจะเป็นภาษาของภาคเอกชน ซึ่งสำหรับคนอเมริกันนั้น tuxedo ดูจะครอบคลุมไปถึงการแต่งด้วยเสื้อนอกสีขาวตามภาพของคุณนวรัตน์ใน ค.ห.ที 20 ด้วย ซึ่งเป็นที่นิยมกันในหมู่เศรษฐีที่จะแต่งกันสำหรับงานเลี้ยงแบบ open air ในสนามหญ้ากว้างๆที่มีลมเย็นสะบาย หรือบนเรือยอร์ช
tuxedo ในปัจจุบันได้กลายพันธุ์ไปมาก เสื้อนอกเป็นทรงแบบชายเสื้อด้านหลังยาว (หางยาวหรือหางแมลงสาบ) ก็มี โดยเฉพาะในอเมริกา
ิชุด black tie มีลักษณะจำเพาะอยู่หลายอย่างเหมือนกัน คือ เสื้อในจะต้องเป็นเชืร์ตสีขาว คอปกตั้งแต่พับปลาย ผู้หูกระต่ายสีดำ สำหรับตัวเสื้อตัวเชิร์ตนั้น ที่ด้านหน้าอกจะต้องเป็นเกล็ด (pleat) พับซ้อนตามยาว และใช้กระดุมหมุด (เช่น กระดุมมุก) แขนเสื้อเชิร์ตจะเป็นแบบปลายแขนพับซ้อน ที่ไทยเราเรียกกันว่า ปลายแขนเสื้อแบบเบิ้ล และกลัดด้วย cufflink ต้องมีผ้าสีดำคาดเอว (ไม่เห็นเข็มขัด) เสื้อนอกจะเป็นผ้าขนสัตว์ (wool) สีออกดำ ปกเสื้อจะต้องทำด้วยผ้าที่ออกผิวมันวาว เช่น satin หรือ ผ้าใหม กระดุมเม็ดเดียวแบบหุ้มด้วยผ้าผืนเดียวกับเสื้อ แต่เป็นสองเม็ดด้านนอกและด้านในเสื้อ โดยการกลัดกระดุมจะใช้เม็ดในกลัดจากด้านในของอีกซีกเสื้อ มิได้กลัดแบบปรกติ กางเกงจะต้องมีแถบผ้าซาตินหรือผ้าใหมเย็บตามยาวตลอดตะเข็บกางเกงด้านนอกทั้งสองขากางเกง ปลายขากางเกงไม่พับ รองเท้าก็จะต้องเป็นสีดำแบบหนังแก้ว
ที่เล่ามา เป็นชุด black tie ที่ถูกต้อง และเล่ามาเพื่อเป็นความรู้เท่านั้น ก็ดังที่คุณนวรัตน์ว่าไว้ ไม่จำเป็นต้องไปขวนขวายตัดหรือมีไว้ใช้เลยครับ ผมเองซึ่งเคยอยู่ในสภาพนักการทูตมา 8 ปี ยังเคยใช้อยู่เพียงครั้งเดียว แม้ว่าจะอยู่ในประเทศที่เีรียกว่าเป็นเจ้าแห่งพิธีการหรูๆ (เช่นในเวียนนา) ก็ตาม
หากพอจะรู้ตัวล่วงหน้าว่าจะต้องมีงานที่ต้องแต่งกายในลักษณะนี้ (ซึ่งฝ่ายเจ้าภาพก็พอจะเข้าใจว่า ทุกคนไม่ได้มีหรือจัดหาไว้เป็นชุดที่ต้องมีประจำ) ฝ่ายเจ้าภาพจึงมักจะมีการแจ้งล่วงหน้าไว้ในกำหนดการของงานนั้นๆในระหว่างการติดต่อประสานงาน หรือใส่บัตรเชิญมาพร้อมกับกำหนดการในระหว่างการประสานงานเลยทีเดียว เราก็สามารถจะใช้วิธีการหาเช่าได้ ร้านให้เช่าเสื้อผ้าประเภทไม่ปรกติเหล่านี้ (black tie, tuxedo, morning coat ฯลฯ) จึงมีอยู่ทั่วไป ข้อสำคัญมีเพียงจำขนาดเสื้อผ้าของตนเองให้ได้ ทางหนีทีไล่ของเรื่องนี้ก็มีเหมือนกัน เพราะบัตรเชิญในงานประเภทนี้เป็นลักษณะของ seating dinner มุมของบัตรเชิญด้านล่างจึงมีคำว่า RSVP คือ ขอให้ตอบกลับว่าจะมาหรือไม่ หรือหากต่อท้ายด้วย only ก็หมายความว่าหากจะมาก็ไม่ต้องตอบกลับ แต่หากจะไม่มา ก็ขอให้แจ้งมา แต่โดยมารยาท เราก็จะต้องแจ้งกลับว่าจะไปหรือไม่ไป เป็นปรกติเหมือนกันครับ ที่หากเป็นพิธีรีตรองมากๆเข้าหรือจะเห็นว่าอะไรก็ตาม (ไม่จำเป็น ไม่พร้อม เครื่องแต่งกายไม่มี ฯลฯ) การปฏิเสธจึงเป็นเรื่องปรกติ
นี่ขนาดยังอยู่ในระหว่างตัดสินจะไปงาน จะไปกินหรือไม่ ยังขนาดนี้
ยังอยู่ในเรื่องของเก็บตกจากโ๊ต๊ะอาหารอยู่นะครับ