สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.คืนวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น (หรือ 04.00 น.ตามเวลาในประเทศไทย) เกิดเหตุกลุ่มคนร้ายขับรถตู้ไล่ชนผู้คนบนสะพานลอนดอน บริดจ์ 5 - 6 คน โดยในจำนวนนี้มีอย่างน้อย 4 คน ได้รับบาดเจ็บสาหัส และในจำนวนคนเจ็บมีผู้ถือสัญชาติฝรั่งเศสรวมอยู่ด้วย 2 คน
จากนั้นได้ยินเสียงปืนดังตามมา และเห็นผู้ก่อเหตุ 3 คน วิ่งลงจากรถตู้พร้อมกับถือมีดไล่แทงคนบนถนน รวมถึงบริเวณหน้าตลาดโบโรห์มาร์เก็ต ซึ่งเป็นย่านร้านอาหารและบาร์ที่อยู่ใกล้เคียงกัน ในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายการก่อการร้าย
ตำรวจนครบาลกรุงลอนดอน แถลงว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจที่พกอาวุธ ได้เข้าประชิดตัวผู้ต้องสงสัย และยิงผู้ต้องสงสัยเสียชีวิตภายใน 8 นาที โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 ราย ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกแทงขณะที่พยายามเข้าควบคุมสถานการณ์ แต่อาการไม่ถึงกับเป็นอันตรายแก่ชีวิต เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 48 คน ทั้งหมดถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาล 5 แห่ง ในกรุงลอนดอน
ขณะที่ช่างภาพแกเบรียล ซิออตโต สามารถจับภาพตำรวจขณะยิงผู้ต้องสงสัย 2 คน ลงไปนอนกับพื้นที่หน้าผับ Wheatsheaf ในย่านโบโร่ มาร์เก็ต เอาไว้ได้ ซึ่งจากภาพพบว่า 1 ในคนร้ายได้พกระเบิดในกระเป๋าที่คาดไว้กับตัว ซึ่งดูคล้ายกับพยายามจะก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย แต่ตำรวจตรวจสอบภายหลังพบว่าเป็นของปลอมเท่านั้น
ด้านผู้บัญชาการตำรวจนครบาลกรุงลอนดอน เชื่อว่า ขณะนี้มีผู้เกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีลอนดอนเพียง 3 คน แต่ยังต้องรอข้อมูลเพิ่มเติมจากการสืบสวนด้วย และว่าขณะนี้หน่วยงานตำรวจก่อการร้ายกำลังทบทวนแผนป้องกันเหตุร้ายในช่วงหลายวันต่อจากนี้ โดยคาดว่าจะเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ออกเดินตรวจความเรียบร้อยตามท้องถนนในกรุงลอนดอน
นายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินหลังเหตุก่อการร้ายโจมตีลอนดอน ที่มีผู้เสียชีวิต 7 คน โดยกล่าวว่า จะเริ่มเดินหน้าหาเสียงเลือกตั้งต่อไปในวันจันทร์ และยืนยันกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไป 8 มิ.ย.นี้
นางเมย์ ระบุในแถลงการณ์ตอนหนึ่งว่า นี่เป็นเหตุการณ์ที่น่าสะเทือนขวัญ และว่าอังกฤษอดทนมามากพอแล้ว ถึงเวลาที่ต้องกำจัดต้นตอแนวคิดการก่อการร้ายในประเทศให้สิ้นซาก และว่าทางพรรคอนุรักษ์นิยม พรรคแรงงาน และพรรคเอสเอ็นพี ได้ประกาศระงับการรณรงค์หาเสียงชั่วคราว
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุครั้งนี้ ซึ่งคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ที่สะพานเวสต์มินสเตอร์ เมื่อเดือน มี.ค.โดยในครั้งนั้นกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ได้อ้างความรับผิดชอบ พร้อมปลุกระดมให้เหล่าสาวกร่วมกันก่อเหตุโจมตีให้มากขึ้นอีกระหว่างเดือนรอมฏอน ที่เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สื่อต่างชาติหลายสำนักยอมรับว่า เหตุที่เกิดขึ้นทั้งหมดสร้างความประหลาดใจให้กับเจ้าหน้าที่ เนื่องจากไม่มีรายงานข่าวกรองที่เจ้าหน้าที่ล่วงรู้มาก่อนหรือมีสัญญาณเตือนอื่นใด การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นในเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ นับจากเหตุระเบิดโจมตีหลังคอนเสิร์ตในเมืองแมนเชสเตอร์ ที่มีผู้เสียชีวิต 22 คน และเกิดขึ้นไม่ถึง 3 เดือน หลังมีผู้ก่อการร้ายขับรถพุ่งชนคนที่หน้าอาคารรัฐสภา และแทงตำรวจเสียชีวิตในย่านเวสต์มินสเตอร์
การก่อการร้ายดังกล่าวยังเรียกเสียงประณามจากผู้นำทั่วโลก อาทิ ฌอง-โคลด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมธิการยุโรป และประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ที่ระบุจะยืนอยู่เคียงข้างอังกฤษ และแสดงความเสียใจต่อเหยื่อในเหตุการณ์ดังกล่าว รวมถึงประธานาธิบดีจัดติน ทรูโด ของแคนาดา ที่ระบุว่า กำลังตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
ส่วนโฆษกทำเนียบขาว เปิดเผยว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ได้เรียกคณะทำงานด้านความมั่นคงเข้าพบหลังเหตุการณ์ในกรุงลอนดอน โดยไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดแก่สื่อมวลชน แต่ทรัมป์เปิดเผยผ่านทวิตเตอร์ว่า จะยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับอังกฤษ หลังระบุว่าเหตุการณ์ก่อการร้ายดังกล่าวยิ่งตอกย้ำความจำเป็นต่อการห้ามชาวมุสลิมจาก 6 ชาติ และผู้ลี้ภัยเดินทางเข้ามาในสหรัฐ
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจนิวยอร์ก สั่งเสริมกำลังหน่วยต่อต้านก่อการร้ายในพื้นที่ที่ผู้คนพลุกพล่าน เช่น จตุรัสไทมส์สแควร์ และบริการขนส่งมวลชนต่างๆ หลังเกิดเหตุก่อการร้ายในกรุงลอนดอน โดยในปัจจุบัน สหรัฐยังไม่ได้รับข่าวกรองจะมีการก่อเหตุในนิวยอร์ก
กระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่น ประกาศข้อแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยวให้หลีกเลี่ยงสถานที่ที่เป็นเป้าโจมตีของกลุ่มก่อการร้ายในกรุงลอนดอน เช่น สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ห้างสรรพสินค้า ตลาด สถานที่จัดคอนเสิร์ต และสถานที่จัดการหาเสียงของพรรคการเมืองก่อนการเลือกตั้งใหญ่ของอังกฤษในวันที่ 8 มิ.ย.ที่จะถึงนี้ โดยควรระวังและหลบหนีทันทีที่พบสัญญาณผิดปกติ
เช่นเดียวกับสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงลอนดอน แจ้งเตือนคนไทยในอังกฤษ ใช้ความระมัดระวังในการเดินทางสัญจร และการเดินทางไปยังพื้นที่สาธารณะพร้อมทั้งให้ความสนใจติดตามข่าวสาร และปฏิบัติตามคำแนะนำของทางการสหราชอาณาจักร
http://www.naewna.com/inter/273715