สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงวางพระมติไว้ในตำนานพุทธเจดีย์ว่า
สิ่งก่อสร้างที่ทรงเรียกว่าเจดีย์ในพระพุทธศาสนา แบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ
1 ธรรมเจดีย์
2 ธาตุเจดีย์
3 บริโภคเจดีย์
4 อุเทสิกกะเจดีย์
เมื่อลองตรวจสอบดู พบว่าเป็นมติในพระคัมภีร์ชั้นอรรถกถา มาจากสองแหล่ง แหล่งละ 3 ประเภท
สมเด็จทรงสรุปขึ้นใหม่เป็น 4 ประเภท และตำราไทยรุ่นหลังทั้งหลายก็ใช้กันต่อมาจนกลายเป็นกฏ
สรุปว่า
ธรรมเจดีย์ คือบรรดาพระธรรมคำสอนทั้งหมด ถือเป็นสิ่งที่พึงเคารพบูชา
ธาตุเจดีย์ หมายถึงกระดูกของพระพุทธเจ้า ข้อนี้ไม่ต้องสงสัย พุทธศาสนิกชนย่อมเคารพบูชาแน่ๆ
บริโภคเจดีย์ หมายถึงสังเวชนียสถานทั้ง 4 ที่ประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนา และปรินิพพาน ทรงมีพุทธานุญาตให้จาริกแสวงบุญ
อุเทสิกเจดีย์ หมายถึงสิ่งที่สร้างอุทิศถวายทั้งปวง
ผมมีความเห็นว่า การแบ่งแบบนี้ จะว่าดีก็ดี เพราะจำง่าย เข้าใจง่าย
จะว่าไม่ดี ก็มีนิดหน่อย เพราะไม่ค่อยสอดคล้องกับประวัติศาสตร์ที่เป็นจริงนัก
ยกตัวอย่างเช่น ธรรมเจดีย์ ซึ่งมักจะอ้างถึงบันดาจารึกหรือพระคัมภีร์ต่างๆ ว่าเป็นสิ่งพึงเคารพ
แต่พระคัมภีร์ชนิดที่จารขึ้นเป็นเอกสารนั้น เป็นของที่เกิดหลังพุทธปรินิพพานนานหลายร้อยปี
คือมาเกิดในสังคายนาที่ 5 ที่ลังกาสมัยพระเจ้าวัฏฏคามณีอภัย ตกพ.ศ. 450 ทีเดียว
อ้าว....แล้วเสาของพระเจ้าอโศก ซึ่งเกิดก่อนสังคายนาที่ 5 นี้ตั้งสองร้อยปี ก็มีคำจารึกที่น่าจะเป็นพระธรรมแล้ว
ดังนั้น จะพิจารณาปัญหานี้อย่างไรดีล่ะ
ถ้าถือเคร่ง พระบาลีก็เกิดเมื่อ พ.ศ. 450 ลงมา ก่อนหน้านั้น ใช้วิธีท่องจำ ธรรมเจดีย์ชนิดที่เป็นวัตถุ ก็ย่อมจะไม่มี
แม้เสาอโศกเอง ก็มีผู้ตู่ว่ามิใช่พุทธแต่เป็นรัฐประศาสโนบายโดยรวม
คือเป็นคำสอนกลางๆ ที่ใครก็อ้างได้ว่าเป็นของตน
และทางพุทธเอง ก็ไม่สามารถชี้ออกมาได้ว่า คำจารึกตรงกับพระคัมภีร์อะไร
ถือเคร่งขึ้นไปอีก จารึกอโศก ยังไงก็ไม่ใช่ธรรมเจดีย์ เพราะมิใช่พุทธวัจนะ
พุทธวัจนะมีแต่ในพระไตรปิฎกเท่านั้น พระไตรปิฎกมีแต่ของลังกาเท่านั้นด้วย
สรุปแล้ว ข้าพเจ้างงครับ
..........................
ดูเรื่องสังคายนาที่นี่
http://www.84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=%CA%D1%A7%A4%D2%C2%B9%D2