เรือนไทย

เธอคือใคร ในภาพนี้

หม่อมเจ้าชวลิตโอภาศ รพีพัฒน์

ไม่น่าจะใช่นะคะ    ท่านในรูปน่าจะอยู่ในสมัยรัชกาลที่ ๕
ท่านหญิงท่านเป็นสาวสมัยใหม่ในรัชกาลที่ ๖

ท่านอาจารย์ใหญ่มาคุมเชิงอย่างนี้ผมก็เลยไม่กล้าเกเรต่อแล้วครับ

ใช่ พระอัครชายาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมขุนสุทธาสินีนาฏ หรือเปล่าคะ ;D

นำพระรูปมาลงเปรียบเทียบกันค่ะ   
ขอตัวไปถูตะเกียงเรียกจินนี่ก่อน

พระรูปอีกรูปหนึ่ง  เทียบกันดูค่ะ  ทรงฉายพร้อมพระราชโอรสและพระราชธิดา
ไม่ใช่นา...

หรือจะเป็น เจ้าคุณพระประยูรวงศ์ คะ  ;D

คิดเหมือนกันเลยครับ

ท่านใดคะ....งามเหลือเกิน... ;D

^
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอัพภันตรีปชา ค่ะ

อาจารย์เยี่ยมมากค่ะ (http://www.it.mut.ac.th/webboard/Smileys/monkey/lau01d.gif)
ทรงงามจริงๆ เลยนะคะ...

อีกองค์ค่ะ ทรงงามไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน... ;D

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ สุขุมขัตติยกัลยาวดี กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร์

คุณ art47 ปาดหน้าไปเสียแล้ว

มีภาพบุรุษมาทายบ้างค่ะ

พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าธานีนิวัต กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร

แล้วท่านนี้ ใครเอ่ย... ;D

ส่วนตัว ผมว่าไม่น่าจะใช่พระวิมาดา ฯ นะครับ น่าจะเป็นเจ้าจอม หรือสตรีชั้นสูงท่านหนึ่งที่เราไม่มีประวัติ

อีกภาพค่ะ ไปเจอมาจากอินทรเนตร  ;D

เขาบอกแค่ว่า ละครเรื่องอาบูฮะซัน รัชกาลที่๕
ไม่ได้บอกชื่อท่านค่ะ  ใครทราบบ้างเอ่ย...

^
รูปตามความคิดเห็นที่ 17   พันตรี ควง อภัยวงศ์   ครับ

ขอร่วมตั้งคำถามด้วยคนนะครับ  ในรูปนี้คือใครครับ

(http://www.it.mut.ac.th/webboard/Smileys/monkey/lau01d.gif)

คุณ werachaisubhong ถูกต้องแล้ว คร้าบบบบบบ

ตอบค.ห. 21  คุณ werachaisubhong
พลโท ม.ล.ขาบ กุญชร ค่ะ
รูปในเรื่องอาบูหะซัน  ถ้าไม่ใช่พระนางโซบิเดก็ต้องเป็นนางอัวดัด นางเอก
ต้องกลับไปย้อนดูรูปเก่าในเรือนไทยว่าเจ้านายองค์ไหนเล่นเป็นนางในเรื่องนี้

มาถามบ้าง  รู้จักท่านไหมคะ

ถูกต้องครับ อาจารย์เทาชมพู

คคห ๒๔ คำถามอาจารย์เทาชมพู คือ นายปิติ วาทยากร ครับ

ตอบคุณหมอ CVT  คุณพระเจนดุริยางค์ ใช่ค่ะ เอาไป 10 เต็ม

ภาพนี้ คือ หม่อมพร้อม วรวรรณ
เมื่อวานไปเจอรูปท่านในหอจดหมายเหตุ ฯ ตอนท่านแก่ด้วย ไปงานอะไรสักอย่างกับท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม
เหมือนกันเป๊ะ !!
ในภาพนี้ หม่อมพร้อมเล่นเป็น "นางนอซาตอลอัวดัด"

ยังไม่อยากให้กระทู้นี้ตกหน้า  ยังมีภาพบุรุษและสตรีที่น่าสนใจในอดีตมาให้ทายอีกแยะค่ะ
ขอนำเสนอภาพนี้  ใคร (นอกจากคุณ siamese และคุณ art47  ;) ) นึกออกบ้างว่าสาวงามท่านนี้เป็นใคร

 ;D

หนุ่มหล่อ พระองค์นี้ คือใคร ? .....

ถึงกับบอกใบ้ว่า หนุ่มหล่อ พระองค์นี้ คือใคร ? .....
ก็ตอบได้โดยพลันว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อเสด็จประทับทรงศึกาาที่โรงเรียนนายร้อยแซนด์เฮิร์ต์ ครับ

ท่านผู้นี้มีนามว่ากระไร?  เชื่อว่าท่าน Navarat C. น่าจะรู้จัก

หม่อมเจ้าปรานีเนาวบุตร พระโอรสของพระราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเนาวรัตน์ กรมหมื่นสถิตย์ธำรงสวัสดิ์ ประสูติแด่หม่อมละมัย
ในภาพ ขณะทรงรับราชการตำแหน่งเจ้าเมืองประจวบคีรีขันธ์ ในสมัยรัชกาลที่๖

ว่าแล้วต้องตอบได้  เมื่อทรงออกจากราชการทางกระทรวงมหาดไทยแล้ว  ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ท่านดำรงตำแหน่งอสมุหเทศาภิบาลสำเร็จราชการมณฑลดุสิตราชธานี  มณฑลที่เล็กที่สุดในประเทศไทยด้วยครับ

ท่านนี้คือใครครับ

ไม่มีใครตอบคุณ V_Mee เลย
ผมมาช่วยใบ้ว่าเกี่ยวกับสภากาชาด

พระยาราชนกูลวิบูลภักดีพิริยพาหะ (รื่น ศยามานนท์)

เหรัญญิกและเลขาธิการสภากาชาดสยาม  ๒ มี.ค. ๒๔๗๕ - ๑๘ ก.พ. ๒๔๘๐

 ;D

พระยาราชนกูล (รื่น  ศามานนท์) ถูกแล้วครับ
ท่านผู้นี้มีชื่อเสียงด้านการเป็นครู  ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระยาไพศาลศิลปสาตร์ ปลัดทูลฉลองกระทรวงธรรมการในสมัยเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรีเป็นเสนาบดี
ต่อมาในสมัยพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร ทรงเป็นเสนาบดีธรรมการแล้ว  จึงได้ย้ายไปเป็นปลัดทูลฉลองกระทรวงมหาดไทยและเปลี่ยนราชทินนามเป็น
พระยาราชนก๔ล วิบุลยภักดี

ภาพนี้ท่านเป็นใคร? 

พระนางเธอลักษมีลาวัณ ?

ถูกต้องขอรับ 
ขอแถลงเพิ่มเติมว่า พระรูปนี้ทรงเครื่องเต็มยศนายกองเอก นายเสือป่าพิเศษกรมเสือป่าพรานหลวงรักษาพระองค์ครับ

ภาพนี้ เป็นพี่น้อง กันหมดทุกคน ...... ขอเรียกว่า กลุ่ม อักษร ย่อ ป ครับ (ทำแบบอักษรย่อดาราไปได้....)

สตรีท่านนี้ คือใคร ??? ผมเพิ่งค้นภาพเจอ ท่านเก๋มาก

คุณเบนซินมีภาพสวยจริงๆ หลายภาพแล้วค่ะ

ไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร อาจจะเป็นครูละครหลวง   แต่เห็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าที่ท่านประดับอยู่   
คุณ V_Mee  คุณหนุ่มสยามและคุณ art47 อาจรู้จักก็ได้นะคะ

เฉลย.....

อาจารย์ครับ พอดีผมไปได้ภาพเหล่านี้มาจากหอจดหมายเหตุ ฯ น่ะะครับ
หลายภาพเป็นภาพสวยมากๆ และเก่าด้วย บางภาพมีตัวตนแต่ไม่มีใครไปอ่านภาพ ก็กลายเป็นภาพ "บุุคคลไม่ทราบนาม" ไปเสีย
ภาพนี้ก็เช่นกัน อยู่ในหมวดภาพบุคคลนิรนาม ผมเลยสำเนามา และสุดท้ายสามารถระบุตัวตนได้สองท่านแล้ว
ผมจะเฉลยก็ได้ครับ ท่านนี้ คือ "หม่อมราชวงศ์เสงี่ยม สนิทวงศ์"
หม่อมในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ กรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฎ์
^^

เขียนไว้นานแล้วค่ะ      ท่านเป็นพระชายานะคะ  มิใช่หม่อม


 Wandee:

อ่านมาจากหนังสือ  "๑ ศตวรรษ ศุภสวัสดิ์  ๒๓ สิงหาคม ๒๕๔๓"

หม่อมเจ้าศุภสวัสดิ์วงศ์สนิท  สวัสดิวัตน
๒๓ สิงหาคม ๒๔๔๓ - ๒๒ เมษายน ๒๕๑๐

ตอบคำถามของคุณ อาร์ต47  ใน คคห  27


หม่อมเจ้าศุภสวัสดิ์วงศ์สนิท สวัสดิวัฒน์ หรือไม่
เคยได้ยินว่าท่านเป็นลูกเมียแต่ง (หม่อมราชวงศ์เสงี่ยม สนิทวงศ์) ของสมเด็จกรมพระสวัสดิ์ (หม่อมเจ้าพูนพิศมัย-สิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็น)
แล้วพระองค์เจ้าอาภาพรรณีเล่า มิใช่เมียแต่งของสมเด็จกรมพระสวัสดิ์ดอกหรือครับ




       "พ่อเกิดเมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๔๓  ซึ่งตรงกับ ค.ศ. ๑๙๐๐  เป็นลูกคนที่ ๙  ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสวัสดิวัตนวิศิษฎ์

และลูกคนโตของ ม.ร.ว. เสงี่ยม  สนิทวงศ์  -  ซึ่งเป็น "เมียรับตรา"     พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง  พระราชทานให้แก่เสด็จปู่ - ผู้เป็นน้อง

เด็จปู่เป็นพระราชโอรสในรัชกาลที่ ๔ และสมเด็จพระปิยมาวดีศรีพัชรินทรมาตา (เจ้าคุณจอมมารดาเปี่ยม)  ร่วมมารดากับสมเด็จพระราชินีในรัชกาลที่ ๕ ทั้ง ๓ พระองค์  

คือ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์สมเด็จพระพันวัสสา ฯ  และสมเด็จพระพันปีหลวง  กับสมเด็จฯ กรมพระยาเทววงศ์วโรปการ  พระเชษฐาพระองค์ใหญ่


       คุณย่าเป็นธิดาของ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์   เป็นน้องสาวของเจ้าจอมมารดาเนื่องในรัชกาลที่ ๕  พระมารดาของ  

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ  พระองค์เจ้า  เยาวภาพงษ์สนิท  และสมเด็จ​ฯ​ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร   พ่อจึงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับราชสกุล เทวกุล  สนิทวงศ์ และ รังสิต


       ชีวิตในเยาว์วัยของพ่อ  ถ้าเป็นสมัยปัจจุบัน  จะเรียกว่าเป็น deprived childhood  ก็ได้         เมื่ออายุไม่กี่ชวบ  พ่อแม่แยกทางกัน

เด็จปู่ทรงพา  หม่อมเจ้าหญิงอาภาพรรณี (ต่อมาได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ  เป็น พระเจ้าวรวงศ์เธอ  พระองค์เจ้าอาภาพรรณี)     เข้ามาประทับในวัง

เป็นพระชายาอีกพระองค์หนึ่ง              ม.ร.ว. สุวพรรณ  สนิทวงศ์  ผู้เป็นพี่ชายใหญ่ของคุณย่า  เห็นเป็นการดูถูกราชสกุลสนิทวงศ์เป็นอันมาก

ในเมื่อคุณย่าเป็น  "เมียพระราชทาน"  อันถูกต้องตามธรรมเนียม  ยังดำรงตำแหน่งอยู่ในวัง   จึงมารับเชิงบังคับให้คุณย่าทิ้งเสด็จปู่  ทิ้งลูก   กลับมาอยู่กับครอบครัวสนิทวงศ์

ทั้งๆที่คุณย่ายังรักและอาลัยเสด็จปู่  อยากจะอยู่ด้วยต่อไป   ไม่มีความเคียดแค้นแต่อย่างไร        ตั้งแต่นั้นมา  ชีวิตคุณย่าก็มีแต่ความเงียบเหงา  ปราศจากความรัก

ความอบอุ่น       ในเมื่อลูกสุดที่รักคนเดียวก็ถูกพรากจากกัน      เด็จปู่ได้นำพ่อไปถวายสมเด็จพระพันปี        พ่อจึงเติบโตมาในวังตั้งแต่นั้น   นานๆทีจึงจะได้พบกับพ่อแม่"

คำว่า "หม่อม" มีหลายความหมาย      หมายถึงสตรีสามัญที่เป็นภรรยาเอกหรือไม่ใช่เอกของเจ้านายชั้นหม่อมเจ้าขึ้นไปก็ได้   หมายถึงเมียน้อยขุนนางก็ได้    นอกจากนี้ยังมีความหมายอื่นๆอีกเช่นหมายถึงชายลูกผู้ดีที่ยังไม่มีบรรดาศักดิ์ก็ได้    จะไม่พูดยาวไปถึงขนาดนั้น เดี๋ยวกลับเข้าฝั่งไม่ถูกค่ะ

ดิฉันก็เรียนมาจากสำนักเดียวกับคุณเบนซิน คือจากอั๊พาลัย เหมือนกัน   เขาบอกไว้ว่าราชาศัพท์ใช้กับประธานที่เป็น"เจ้า"  ส่วนสามัญชนไม่มีสิทธิ์ใช้ "พระ" กับอะไรที่เรามีหรือเป็น   เช่นเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์มีพระสหายคนไทยชื่อนาย ก.    แต่นายก. ไม่ได้มีพระสหายชื่อเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์    นายก.มีเพื่อนชื่อเจ้าฟ้าชายชาร์สล์  ต่างหาก   ดิฉันก็ท่องเอาไว้แบบนี้

เมื่อม.ร.ว. เสงี่ยมไม่ใช่เจ้า  ท่านจึงไม่ใช่ "พระชายา" ของกรมพระสวัสดิฯ   เป็น "หม่อม" เท่านั้น   แต่ม.จ.อาภาพรรณี เป็น พระชายา  เพราะท่านเป็นเจ้าโดยกำเนิด     ถ้าหากว่าจะเจาะจงลงไปกว่าใครเป็นเอกใครเป็นโท เพราะมาก่อนมาหลังหรือเพราะอะไรก็ตาม   ก็น่าจะมีประโยคหรือคำขยายตามมาอีกทีหนึ่ง 
ส่วนจะผิดจะถูกอย่างใด    รอผู้รู้มาอธิบาย   เห็นจะต้องหมายเหตุว่าแม้แต่ผู้รู้เองก็ให้คำตอบไม่ตรงกันออกบ่อยๆค่ะ

เรื่องภาษา เรื่องเจ้านาย เรื่องอะไรต่อมิอะไร ต้องถามเขาแหละครับ พี่อัพ เป็นคนอ่านหนังสือเยอะ
เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้เจอ เมื่อก่อนเจอกันบ่อย ช่วงงานพระศพ สมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตน ฯ ผมไปนั่งเป็นเพื่อนพี่อัพ และข้าราชบริพารที่พระที่นั่งดุสิตบ่อยๆ ช่วงนั้น มีโอกาสเจอผู้รู้มากมาย ได้ฟังเรื่องอะไรต่อมิอะไรสนุกๆ เสมอ โดยเฉพาะ อาจารย์ธงทอง อาจารย์จรรมนง พี่แพะ (เชื้อพร รังควร) สามท่านนี้ มีเรื่องเล่าเยอะมาก
ผมก็ได้แต่นั่งฟังตาปริบๆ อิอิอิ

ศ.จำนงค์ ทองประเสริฐ ราชบัณฑิต  (http://www.royin.go.th/th/knowledge/detail.php?ID=1155) บอกว่าต้องเรียก ม.จ. อาภาพรรณีว่า "ชายา" คำว่า "พระชายา" ใช้สำหรับพระองค์เจ้า

 ;D

ผู้รู้โผล่มาแล้ว 1 ราย

     ความคิดเห็นที่ 11

    ...ผมเข้าใจว่าการที่หม่อมราชวงศ์เสงี่ยมถือว่าเป็นชายาหลวงของกรมพระสวัสดิวัตนฯนั้น ก็เพราะว่าท่านได้รับการรับรองและยกย่องจากพระเจ้าแผ่นดินถึง 2 พระองค์ พระองค์แรกคือรัชกาลที่ 5 ดังปรากฎในประกาศรายชื่อผู้ไดรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยภรณ์จุลจอมเกล้าฝ่ายในเป็นพิเศษ เมื่อปี 2443 ว่า "..หม่อมราชวงศ์เสงี่ยม ในพระพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสวัสดิวัตนวิศิษฎ์..." และในการพระราชพิธีฉัตรมงคลของรัชกาลที่ 6 เมือปี 2454 หม่อมราชวงศ์เสงี่ยมก็ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยภรณ์ทุติยจุลจอมเกล้าฝ่ายใน ดังนั้นประโยคที่ว่า Their marriage was sponsored by the King. ก็คงจะกล่าวไว้อย่างถูกต้องแล้ว

    ...ส่วนพระองค์เจ้าอาภาพรรณ์ พระยศเดิมคือ หม่อมเจ้าอาภาพรรณี นั้นกรมหมื่นสวัสดิวัตนฯได้แอบมีรัก ขณะตามเสด็จสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี เสด็จไปประทับยังศรีราชาเพื่อรักษาพระอาการประชวร เมื่อความทราบถึงพระองค์ก็กริ้วถึงกับจะสั่งจับขังสนม ด้วยเกรงพระราชอาญาพระองค์ท่านทั้ง 2 จึงได้เสด็จหนีมาอยู่ที่วังของกรมหลวงพิชิตปรีชากร จนประสูติพระโอรสพระองค์แรก ในปี 2445...

    ...ผมจึงเข้าใจว่าในกรณีของพระองค์เจ้าอาภาพรรณีนั้น ไม่ได้รับการยอมรับและยกย่องให้เป็นพระชายาหลวง ถึงแม้จะมีพระยศเป้นเจ้าก็ตาม เพราะเหตุการณ์ในครั้งนั้นไม่เป็นที่พอพระราชหฤทัยสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาฯ เป็นอันมาก ถึงกับเจ้าคุณจอมมารดาเปี่ยม (ภายหลังเป็น สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา)ต้องขอเอาไว้ก่อนสิ้นชีพว่า

    "...เลิกโกรธน้องเสียที คอยเป็นที่พึ่งของน้องด้วย.."


    ...แต่ในกรณีของหม่อมราชวงศ์เสงี่ยมนั้นในความคิดเห็นของผมท่านน่าจะไดรับการยกย่องให้เป็นภรรยาเอก แม้จะเป็นเพียง หม่อมห้ามก็ตาม....


    จากคุณ : ใบลาน - [ 26 ก.พ. 47 16:35:03 A:202.28.62.67 X:unknown, unknown ]

   
 
 

ไม่ทราบว่าจะเป็นการลงผิด วัตถุประสงค์ของกระทู้รึเปล่านะครับ ต้องกราบขอโทษท่านเจ้าบ้านไว้ก่อนล่วงหน้าเลยครับ

เพราะการทายภาพบุรุษ-สตรีปริศนา นั้นอาจต้องมีคำตอบไว้ในใจแล้ว จึงให้เพื่อนสมาชิกมาทายกันเพื่อความชื่นมื่นหฤหรรษ์ของกลุ่ม

แต่ที่ต้องเกรินนำมาเช่นนี้เพราะปรากฎว่า ภาพที่จะนำมาลงต่อไปนี้ ไม่มีคำตอบไว่ในใจหรือนอกใจใดๆทั้งสิ้นครับ

เพราะเจ้าของภาพไม่ทราบมาก่อนว่า ผู้ที่อยู่ในภาพนี้เป็นใคร ทำไมมาอยู่ในลังเก็บของได้

ทั้งๆที่ในภาพได้ถูกใส่กรอบกระจกอย่างดี รูปถ่ายฉาบปรอดเก่าเก็บ บุคคนในภาพก็แต่กายผิดแปลกจากที่เคยเห็น

ขอสงสัยบางประการอาจสืบมาจากภาพนี้มีข้อขัดแย้งในบริบทของบุคคลในภาพ เช่น ท่านสุภาพบุรุษในภาพก็โพกศรีษะ ใส่เสื้อคล้ายไทใหญ่หรือล้านนา

สุภาพสตรีทั้งสองที่นั่งด้านหน้า บางท่านก็สวมเสื้อผ้าภูมิฐาน นุ่งซิ่น แต่ใส่รองเท้า
อีกท่านก็มีผ้าพาดคล้ายกับมอญ

เด็กชายฝั่งซ้ายสุด แต่งกายคล้ายชุดทหารเรือ เด็กน้อย2คนด้านขวามือ ก็สวมชุดตุ๊กตาเหมือนชาวยุโรป

(http://image.free.in.th/z/iu/dsc03475.jpg) (http://pic.free.in.th/id/b07f257047d95f3bde63a8721d88a2d2)

จึงเป็นเหตุให้สงสัยว่าบุคคลเหล่านี้ เป็นใครกันในอดีต

ผมพยายามหาข้อมูลทั้งในเน็ตและร้านถ่ายภาพเก่าๆ ก็ไม่ได้ความคืบหน้าแต่ประการใด จึงได้มาขอความเห็นไว้ที่เรือนไทยแห่งนี้

ด้วยไมตรีจิตครับ

ขออนุญาตเพิ่มเติมภาพครับ

(http://image.free.in.th/z/ii/1dsc03478.jpg) (http://pic.free.in.th/id/ae412046f85189a7cb7df29dedd1cf1e)

(http://image.free.in.th/z/ic/dsc03476.jpg) (http://pic.free.in.th/id/c9f54ac2c0e8dda1837b2af817c631d3)

(http://image.free.in.th/z/iz/2dsc03479.jpg) (http://pic.free.in.th/id/a912ac55d06ff8ff8d39fe755eb23f9c)

(http://image.free.in.th/z/it/dsc03480.jpg) (http://pic.free.in.th/id/1a49b2c718f30d85c8b97cd800a7a7f8)

สุภาพบุรุษ กับผ้าโพกศรีษะ
(http://image.free.in.th/z/ih/dsc03481.jpg) (http://pic.free.in.th/id/fab0b798932972053a836bddcde4bf6e)

ผมก็ไม่เชี่ยาญเรื่องชาติพันธุ์ แต่ขอเดาครับ ว่าน่าจะเป็นไทยใหญ่ หรือไม่ก็ชาติพันธุ์หนึ่งทางตอนเหนือของสยาม
เพราะเห็นสตรีนุ่งซิ่นลายขวาง อันนี้ก็ไม่สันทัดเหมือนกันครับ ขอเดาเอาส่งๆ แหะๆ

  ลองแกะรอยดู อาจจะผิดก็ได้
  -  เป็นครอบครัวคนสำคัญในท้องถิ่นหรือเมืองนั้น    ระดับผู้นำ    สังเกตจากการสวมรองเท้าถุงเท้าที่เอี่ยมอ่องสวยงาม แม้แต่เด็กๆก็มีถุงเท้ารองเท้าอย่างเด็กฝรั่ง  ชาวบ้านแม้แต่คหบดีก็มีไม่พรั่งพร้อมขนาดนี้
  - ผู้หญิงนุ่งซิ่นลายขวาง สั้นครึ่งน่อง   แสดงถึงภูมิลำเนาทางเหนือของไทย 
  - การแต่งกายของเด็ก อยู่ประมาณปลายรัชกาลที่ 5  ถึงรัชกาลที่ 6 ของไทย
  - ผู้หญิงสวมถุงน่องขาว รองเท้าขาว  แฟชั่นประมาณปลายรัชกาลที่ 5 ถึงรัชกาลที่ 6 ของไทย
  - ผู้ชายแต่งกายแบบเผ่าพันธุ์ของเขา 
  - โครงหน้าพวกนี้ไม่เหมือนคนไทย  ค่อนข้างเข้ม จมูกเป็นสัน  ตาโตคม    โดยเฉพาะผู้ชาย หน้าเหมือนคนใต้หรือมาเลย์
ไม่เหมือนชาวเหนือ
   - พวกฉาน หรือไทยใหญ่ หรือเปล่า?

   เห็นแค่นี้ละค่ะ  รอท่านอื่นมาเฉลย
 

ถ้าพบในลังเก็บของ รูปใส่กระจกไว้อย่างดี ก็แปลว่าคนในภาพเหล่านี้จะต้องเกี่ยวข้องกับบรรพบุรุษของเจ้าของบ้านในทางใดทางหนึ่ง  ปกติถ้าเป็นเพื่อนฝูงมอบรูปให้กัน   เขามักให้ภาพเดี่ยวๆ    ไม่ยกภาพครอบครัวทั้งหมดไปให้เพื่อน
รูปถ่ายทั้งครอบครัวถ้าไปตกอยู่ในบ้านไหน สันนิษฐานว่าบ้านนั้นเป็นเครือญาติ   คนในรูปอาจเป็นบรรพบุรุษของเจ้าของบ้านก็ได้  รูปนี้อายุร่วมร้อยปีแล้ว เป็นไปได้ไหมว่าเด็กน้อยในภาพนั้นอาจเป็นทวดหรือปู่ย่าของเจ้าของบ้าน  เวลาผ่านไปนาน ท่านก็ถึงแก่กรรมไปนมนานแล้ว   ลูกหลานไม่รู้ว่านี่แหละคือคุณทวดหรือคุณย่าตอนเด็กๆ
เด็กชายที่แต่งชุดกลาสีน้ันน่าจะเป็นชุดไฮโซของเด็กชายทีเดียว  เคยเห็นภาพวาดเจ้านายในรัชกาลที่ 5 ทรงแต่งชุดกลาสีแบบนี้เมื่อทรงพระเยาว์    เด็กผู้หญิงสองคนนั้นยิ่งหรูหราเข้าไปใหญ่ในชุดเด็กหญิงฝรั่งตั้งแต่หัวจดเท้า   เกินหน้าคุณหนูชาวกรุงเทพในรัชกาลที่ 6 อีกมากมายเชียวละค่ะ

ดูจากลักษณะการแต่งกายพอจะระบุได้ว่า ภาพนี้ถ่ายหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองและน่าจะก่อนสงครมโลกครั้งที่ ๒
เพราะเด็กผู้ชายที่ยืนซ้ายสุดแต่งเครื่องแบบลูกเสือสมุท (ไม่มี ร) เสนา  ซึ่งลูกเสือเหล่าสมุทเสนานี้เพิ่งจะมีขึ้นในรัชกาลที่ ๗
และกฎหระทรวงว่าด้วยเครื่องแบบลูกเสือเหล่าสมุทเสนาเพิ่งประกาศใช้เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๘  ต่อมาภายหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒
ลูกเสือสมุทเสนาถูกยุบเลิกไป  คงเหลือแต่ลูกเสือเหล่าเสนาคือฝ่ายบกที่วงมชุดสีกากีมาจนถึง พ.ศ. ๒๕๑๐ จึงมีกฎกระทรวง
ว่าด้วยเครื่องแบบลูกเสือสมุทรเสนาขึ้นมาใหม่

ส่วนการแต่งกายของสุภาพสตรีที่นุ่งซิ้นสวมถุงเท้ารองเท้าครบนั้นแสดงว่ายังอยู่ในสภาพบ้านดีเมืองดี  จึงพอจะประมาณได้ว่า
ภาพนี้น่าจะถ่ายไว้ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๒ ประเด็นที่จะต้องค้นห่คือ กองลูกเสือเหล่าสมุทเสนานั้นมีอยู่ที่ไหนบ้าง  ซึ่ง
น่าจะช่วยจำกัดวงในการสืบค้นให้แคบเข้า  เพราะในสมัยก่อนคนต่างจังหวัดที่จะได้เล่าเรียนจยเป็นลูกเสือนั้นมีอยู่ไม่มาก

อ้าว ดิฉันนึกว่าชุดกลาสีที่เด็กผู้ชายสวม  เป็นแฟชั่นสมัยปลายรัชกาลที่ 5 (หรือต่อมาถึงรัชกาลที่ 6 )เสียอีก
อย่างในพระรูปข้างบนรูปเด็กชาย

ลักษณะถุงเท้ารองเท้าที่ผู้หญิงในภาพสวมกัน เป็นถุงน่องสีขาวเนื้อหนาและรองเท้าคัทชูหุ้มส้น     แบบเดียวกับถุงพระบาทและรองพระบาทสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงศรีรัตนโกสินทร์    ทรงฉายในปลายรัชกาลที่ 5 หรืออย่างช้าก็ต้นรัชกาลที่ 6
ล่วงมาถึงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2  ผู้หญิงไทยไม่สวมถุงเท้าหนาแบบนี้กันอีกแล้ว     เพราะมีถุงน่องใยบัวเข้ามาแทน แต่ก็ไม่นิยมสวมกันค่ะ  เหลือแต่ซิ่นกับรองเท้าคัทชู

อ้าว ดิฉันนึกว่าชุดกลาสีที่เด็กผู้ชายสวม  เป็นแฟชั่นสมัยปลายรัชกาลที่ 5 (หรือต่อมาถึงรัชกาลที่ 6 )เสียอีก
อย่างในพระรูปข้างบนรูปเด็กชาย

อาจเป็นแฟชั้นดังที่ท่านอาจารย์ใหญ่กล่าวถึงก็เป็นได้ครับ  เพราะปลายแขนเสื้อชุดกลาสีนั้นต่างจากเครื่องแบบลูกเสือสมุทเสนา
แต่ไปคล้ายฉลองพระองค์เจ้านายดังภาพที่ท่านอาจารย์กรุณานำมาให้ดูเป็นตัวอย่าง

ในระหว่างที่ยังหาคำตอบเรื่องภาพปริศนากันไม่ได้  มาลองทายกันดูว่าสุภาพสตรีท่านนี้เป็นใครครับ?

ตอนที่ไว้พระเกศายาว   ก็ทรงโพสแบบนี้

ตอบด้วยภาพค่ะ

ขอคุณ V_Mee กรุณาอธิบายถึงเข็ม และเสมาที่ทรงประดับด้วยได้ไหมคะ

นึกแล้วว่าท่านอาจารย์ใหญ่ต้องทายถูกในฉับพลัน  ขอคารวะด้วยเสียงปรบมือดังๆ ครับ

เสมาที่ทรงคล้องพระศอนั้นเป็นเสมาอักษรพระบรมนามาภิไธยย่อ ว.ป.ร.พระมหามงกุฎ ครับ
แต่เข็มกลัดรูปหัวเสือมีอักษรพระบรมนามาภิไธย ว.ป.ร.และอุณาโลมอยู่เหนือนั้น  ก็เพิ่งเคยเห็นเหมือนกันครับ
น่าจะได้รับพระราชทานเมื่อคราวตามเสด็จเดินทางไกลไปบวงสรวงพระเจดีย์ยุทธหัตถีครับ  แต่ในสิ่งที่ข้าพเจ้า
พบเห็นก็ไม่เห็นทรงนิพนธ์ถึงเข็มนี้เลยครับ  ยังหวังอยู่ว่าเผื่อจะมีสมาชิกเรือนไทยท่านใดมีเข็มนี้ไว้ในครอบครอง
จะกรุณานำภาพชัดๆ มาให้ชมเป็นบุญตาเหมือนกันครับ

ที่เคยเห็นมามีแต่เข็มนี้ครับ  เป็นเข็มสมาชิกบำรุงเสือป่า  สำหรับผู้สนับสนุนกิจการเสือป่า  ต่างกันที่แพรแถบที่
ประดับพร้อมกับเข็มนี้ คือ
แพรแถบสีแดงริ้วดำ  สำหรับสมาชิกผู้สนับสนุนกิจการกองเสือป่าเสนาหลวงรักษาพระองค์
ส่วนกองเสนารักษาดินแดนมณฑลต่างๆ ก็ใช้แพรแถบตามสีผ้าผูกคอของแต่ละมณฑล เช่น มณฑลกรุงเทพฯ สีเหลือง
มณฑลอยุธยา สีแดงชาด  มณฑลนครไชยศรีและราชบุรี สีน้ำเงินเจ้ม  มณฑลพิษณุโลกและมณฑลนครสวรรค์ สีม่วง
มณฑลพายัพ มณฑลมหาราษฎร์ สีบานเย็น  มณฑลภูเก็ต สีฟ้า ฯลฯ

ทายภาพถ่ายกันมาก็หลายภาพ  ขออนุญาตเปลี่ยนบรรยากาศเป็นภาพวาดบ้าง  เชื่อว่าคงไม่ยากเกินไปสำหรับสมาชิกเรือนไทย
ลองทายกันดูครับท่านผู้นี้เป็นใครครับ

ท่านเล่นเฉลยกันอย่างนี้ แล้วพวกกระผมจะทราบไหมนั่นว่าเป็นหม่อมเจ้าองค์ใดของสมเด็จกรมพระยาดำรงฯท่าน

สงสัยจะเป็นหม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย ดิศกุล ใช่หรือเปล่าน๊อ

^
ถูกต้องแล้วคร้าบบบบบ
ม.จ.พูนพิศมัย ดิศกุล ค่ะ

ขออำไพ  ลืมไปว่าผู้ที่เล่นเว็บนี้มานานๆ  อาจปุจฉาวิสัชนาแบบ(กระ)เซ็น(กระสาย) เป็นบางครั้ง  ;D

- ใคร?
- จำได้
- รูป
- ถูกต้อง

ไม่ทราบว่าใช่ท่านเดียวกับในภาพวาดรึเปล่านะครับ

(http://www.moj.go.th/th/justice/img/p4.jpg)

ค.ห 74  พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ กรมสมเด็จพระสวัสดิ์วัตนวิศิษฎ์

ปล.ขอเดารูปที่ 71 นะคะว่า เป็นเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี(สนั่น เทพหัสดินทร์ ณ อยุธยา)ดูจากชุดครุยอ่ะคะ

ใครมี "ดุสิตสมิท" ก็ย่อมจะตอบได้  8)

ไม่ใช่ทั้งสมเด็จกรมพระสวัสดิ์และเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรีครับ
ใบให้อีกนิดครับ  ในดุสิตสมิตท่านบรรยายภาพไว้ว่า "ตุลาการนายก  รูปเป็นยักษ์ใจเปนสัตบุรุษ"

มาช่วยใบ้ให้ค่ะ
1  ท่านอยู่ในสกุล "ฟากขะโน้น"  สกุลเดียวกับแม่พลอย
2  ราชทินนามท่านเหมือนของบรรพบุรษ ผู้สร้างวัดในเขตคลองสาน  วัดนี้แหละค่ะ

 ;D พระยากฤติกานุกรณ์กิจ (ดั่น  บุนนาค) อธิบดีศาลฎีกา คนที่ ๓  ต่อมาเป็นเจ้าพระยาพิชัยญาติ เสนาบดีกระทรวงยุติธรรม ;D

ปล.ได้ความรู้มาจากพันทิปคะ

พระยากฤติกานุกรณ์กิจ (ดั่น  บุนนาค) ถูกต้องสมบูรณ์เลยครับ

มาลองทายกันอีกสักรูปว่าท่านผู้นี้เป็นใครกันครับ

มาลองทายกันอีกสักรูปว่าท่านผู้นี้เป็นใครกันครับ

 :) พระตำรวจเอก (ยศกรมพระตำรวจหลวง เทียบเท่านายพลเอก ทหารบก) เจ้าพระยาราชศุภมิตร (อ๊อด  ศุภมิตร)

ตอบได้รวดเร็วปานกามนิตหนุ่ม  ถูกต้องแล้งขอรับ

มาลองดูกันอีกสักภาพนะครับ  ว่าท่านผู้นี้เป็นใครกัน

เป็นผู้ ถวายพระสามัญญานาม "พระมหาธีระราชเจ้า" หรือเปล่าครับ ?

ถูกต้องแล้วครับคุณ piyasann แต่เวลานั้นท่านผู้นี้ยังรับราชการเป็นข้าราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสังกัดกระทรวงกลาโหม
สังเกตได้จากอินทรธนูขวางบ่า  และดอกจันทร์ที่คอเสื้อหมายเป็นผู้ช่วยพลรบ  และที่ต่างจากข้าราชการพลเรือนทั่วไป
ก็ตรงประคตที่เอว  เป็นประคนแบบของนายทหารชั้นสัญญาบัตร  ที่แขนเสื้อข้างซ้ายพันผ้าเหลืองหมายเป็นอนุศาสนาจารย์
เพราะท่านผู้นี้เคยบวชเรียนจนได้เป็น "มหา" มาก่อน 

พระสารประเสริฐ (ตรี นาคะประทีป) ค่ะ

ท่านเป็นผู้แปล กามนิต คู่กับพระยาอนุมานราชธน(เสฐียรโกเศศ)  เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาไทย และบาลี ยากจะหาตัวจับได้  ได้รับราชการใกล้ชิดพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ  มีหน้าที่ถวายความเห็นเกี่ยวกับเรื่องศัพท์  ได้ตามเสด็จไปอยู่ที่พระราชนิเวศน์มฤคทายวันบ่อยครั้ง จนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จสวรรคต

ท่านอาจารย์ใหญ่กรุณามาเฉลยได้ครบถ้วยสมบูรณ์อีกแล้วขอรับ  ขอคารวะครับ

มาทายกันสนุกๆ ดูอีกภาพครับ

ยังไม่มีใครมาทายภาพนี้เลย  ขอใบ้เพิ่มเติมอีกนิดว่า ท่านผู้นี้เป็นชาวสยามที่สอบไล่ได้เป็นเนติบัณฑิตอังกฤษชุดแรกๆ ของสยาม
เคยรับราชการกระทรวงยุติธรรมในช่วงคดีพญาระกา  ถึงไม่ใช่คู่กรณีโดยตรง  แต่ก็ได้รับผลจากคดีนั้นเต็มๆ เลยครับ 

น่าจะเป็นคนเดียวกับ คนที่ ๓ แถวนั่ง จากซ้ายไปขวา

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3340.0;attach=10661;image)

 ;D

ผมขอเดาว่าการแต่งกายคล้ายแถว ราชบุรีหรือกาญจนบุรี แต่ว่าคุณเจอรูปที่บ้านคุณเองเลยเหรอครับแล้วบ้านคุณอยู่แถวไหนครับ จะได้เป็นจุดเริ่มต้นของการค้นหาครับ

ตอบคุณเพ็ญ  ไม่ถูกครับ
ท่านผู้นี้ไม่ใช่ ๒๘ กบฏในคดีพญาระกาครับ  แต่ได้รับบผลจากคดีดังกล่าวโดยตรง
ใบ้ให้อีกนิดครับ อาจจะกล่าวได้ว่าท่านผู้นี้เป็นผู้จุดชนวนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔๗๕ ก็ว่าได้

ขอถามคุณ วีมี เพิ่มนะคะคนๆนี้มีชื่อที่รัชกาลที่ 5 ทรงเขียนไว้ข้างพระที่เอาไว้สาปแช่งด้วยเหรอเปล่าคะ

ขอตอบว่าเป็นคนเดียวกับ "ผู้แทนสยาม ณ ปารีส"

(http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2010/10/K9761930/K9761930-15.jpg)

 ;D

น่าจะเหมือนท่านนี้น๊า

แต่จะไปเกี่ยวกับคดีพญาระกาได้ไฉน??

"จึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมขุนสมมตเขียนพระบรมราชโองการพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้กรมราชบุรีออกจากตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงยุติธรรม
เพื่อหยุดพักรักษาพระองค์ และให้หม่อมเจ้าจรูญศักดิ์เป็นผู้รั้งตำแหน่งเสนาบดี"

หม่อมเจ้าจรูญศักดิ์ กฤดากร

หล่อเกินไปหรือเปล่าครับ

หลายท่านตอบถูกำร้อมๆ กันเลยครับ
ท่านผู้นี้คือ หม่อมเจ้าจรูญศักดิ์กฤเากร หรือพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจรูญศักดิ์กฤดากร 
เมื่อเกิดคดีพญาระกานั้น หม่อมเจ้าจรูญศักดิ์กฤดากรทรงเป็นรองเสนาบดีกระทรวงยุติธรรม  ไม่ทรงมีส่วนร่วมในเรื่องดังกล่าวโดยตรง
เมื่อเสด็จในกรมราชบุรีลาออกจากเสนาบดียุติธรรม ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ จึงโปรดให้หม่อมเจ้าจรูญศักดิ์ฯ ทรงเป็นผู้รั้งเสนาบดีกระทรวงยุติธรรม
ถึงรัชกาลที่ ๖ จึงได้ทรงเป็นเสนาบดียุติธรรม  แต่เมื่อทรงเป็นเสนาบดีก็ไปขัดแย้งกับตุลาการที่เป็นศิษย์เสด็จในกรมราชบุรี  ที่ถูกล้นเกล้าฯ
รัชกาลที่ ๕ ทรงสาปไว้ที่ปลายพระแท่น  ทำให้ตุลาการพากันเฉื่อยงาน  คดีความคั่งค้างจำนวนมาก  ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ จึงทรงนำปัญหานี้เข้า
หารือในที่ประชุมเสนาบดีสภาเมื่อเดือนมีนาคม ๒๔๕๔ และได้มีมติให้เปลี่ยนเอาพระยาอินทราธิบดีสีหราชบาลเมือง (ม.ร.ว.ลพ  สุทัศน์)
ปลัดทูลฉลองกระทรวงนครบาลมาเป็นเสนาบดียุติธรรมแทน  และให้หม่อมเจ้าจรูญศักดิ์ฯ ย้ายไปเป็นทูตที่ฝรั่งเศสเปลี่ยนให้หม่อมเจ้าบวรเดช
ผู้เป็นอนุชากลับเข้ามารับราชการทหารที่กรุงเทพฯ

ในการจัดระเบียบราชการยุติธรรมคราวนั้น  โปรดเกล้าฯ ให้ยกศาลฎีกาที่แต่เดิมลอยๆ อยู่  มาจัดเป็นศาลสูงสุดของประเทศ  และทรงตั้งอธิบดีศาลฎีกาเป็น
ประมุขของข้าราชการฝ่ายตุลาการ  ให้อธิบดีศาลฎีกาปกครองบังคับบัญชาตุลาการเป็นอิสระ  แต่ถ้าเสนาบดีมีความเห็นต่างจากอธิบดีศาลฎีกาก็ทรงวางหลักไว้
ให้อธิบดีศาลฎีกากราบบังคมทูลถวายความเห็นแย้งได้โดยตรง  นับเป็นการแยกอำนาจตุลาการออกจากอำนาจบริหารเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย 
ต่อมาในรัชกาลที่ ๗ ได้ยกอำนาจตุลาการไปไว้ใต้อำนาจเสนาบดียุติธรรมอีกครั้ง  เพิ่งจะมาแยกเป็นอิสระอีกครั้งเมื่อคราวปฏิรูประบบราชการเมื่อราว
สิบกว่าปีก่อน 

หม่อมเจ้าจรูญฯ เมื่อออกไปเป็นทูตที่ฝรั่งเศสก็เลยเป็นทูตอยู่ที่ปารีสตลอดมาจนเปลี่ยนแปลงการปกครอง  และได้เป็นหัวหน้าคะผู้แทนไทยไปเจรจาสันติภาพ
ที่พระราชวังแวร์ซายเมื่อสงครามโลกครั้งที่ ๑ สงบลง

ภาพของคุณวีหมีกับรูปใน95และ98 อันใดอันหนึ่งต้องผิด

แต่น่าจะเป็นโอรสองค์ใดองค์หนึ่งของพระองค์นี้

รูปในความเห็น ๙๖ องค์หนึ่งคือ หม่อมเจ้าจรูญศักดิ์กฤดากรเมื่อครั้งเป็นรองเสนาบดียุติธรรมในรัชกาลที่ ๕ ครับ
ส่วนองค์ขวาคืออนุชาของท่าน  มีพระนามว่า หม่อมเจ้าสิทธิพร  กฤดากร เจ้าของตำนานแตงโมบางเบิดครับ
ราชสกุลนี้พระพักตร์จะคล้ายๆ กันครับ
พระรูปนี้คือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช  เมื่อทรงเป็นหม่อมเจ้าบวรเดช  กฤดากร อุปราชมณฑลภาคพายัพ

จากซ้ายไปขวา : พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจรูญศักดิ์กฤดากร, พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช, หม่อมเจ้าเสรษศิริ กฤดากร, หม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร

ภาพจาก คุณวิกกี้ (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C:%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%8D%E0%B8%A8%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B9%8C%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3-%E0%B8%9A%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%8A-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%A8%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B4-%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8%A3.jpg)

 ;D

สงสัยจะทรงงานหนักทะเลาะกับผู้พิพากษามาก ไม่ได้หลับได้นอนจนหนังตาเหี่ยว พระเนตรแทบจะลืมไม่ขึ้น พระรูปที่เคยหล่อเหลาสมัยหนุ่มๆก็พลันเปลี่ยนโฉม

เอาพระรูปแบบหล่อมาให้ชมอีกภาพนึง

คุณวีหมีจะเปลี่ยนคำเฉลยก็ยังทันนะครับ

ภาพนี้ผมขอเอาคืนจากคุณวีหมีบ้าง ทายเขามาเยอะแล้ว ช่วยตอบหน่อย ท่านที่อยู่ในวงกลมนั้นคือใคร ผมใบ้แถวนั่งหน้าสามท่านให้แล้ว

คนอื่นกรุณาอย่าเพิ่งสวดผมนะครับว่าเอาภาพที่ใครจะไปทายได้มาลงไว้ทำไม ผมขออนุญาตทายคุณวีหมีคนเดียว

คุณวีมีที่นับถือ

                ขอรูปหม่อมพร้อยสุพิณ   ตอนสาวๆได้ไหมคะ    ท่านเปิ๊ดสะก๊าดและหรูมาก

พระรูปในความเห็น ๑๐๕ เป็นพระรูปสมัยที่ทรงรับราชการอยู่ต่างประเทศก่อนเสด็จกลับมารับราชการกระทรวงยุติธรรม
สังเกตจากเครื่องแบบที่ทรงอยู่นั้นเป็นเครื่องแบบข้าราชการสถานทูตสยามในยุโรป  ที่ลอกแบบมาจากเครื่องแบบข้าราชการ
ในพระราชสำนักเซนต์เจมส์  เพียงแต่เปลี่ยนสีเสื้อจากแดงมาเป็นดำ  แล้วจึงเปลี่ยนมาใช้ลายปักเป็นกนกนาคกันในตอนปลาย
รัชกาลที่ ๕ 

ส่วนภาพบุคคลในวงกลมในความเห็นที่ ๑๐๗ นั้น  หนังสือประวัติพระยาเทพหัสดิน (ผาด เทพหัสดิน ณ อยุธยา) ที่ทายาท
ทำขึ้นในชื่อ "จงรักเกียรติยิ่งชีพ" นั้นระบุว่าเป็น พระยาภะรตราชา (ม.ล.ทศทิศ  อิศรเสนา) นั้นมิใช่แน่นอน  เพราะภาพชุดนั้น
ถ่ายไว้เมื่อคราวกองทูตทหารไปประจำการที่ฝรั่งเศสในสงครามโลกครั้งที่ ๑  พยานยืนยันคือ นายพันโท หม่อมเจ้าอมรทัต  กฤดากร
นั้นท่านเป็นรองหัวหน้ากองทูตทหารออกไปประจำการที่ฝรั่งเศสตอนปลาย พ.ศ. ๒๔๖๐  และกลับเข้ามากรุงเทพฯ พร้อมกองทหาร
อาสาใน พ.ศ. ๒๔๖๒  แต่พระยาภะรตราชาออกไปเป็นผู้ดูแลนักเรียนไทยในอังกฤษเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๓  บุคคลในวงกลมจึงน่าจะเป็น
นักเรียนทหารทีได้เข้าสมทบในกองทูตทหาร  หรือเป็นข้าราชการทูตสยาม ณ กรุงปารีส

ตอบคุณ Wandee ไม่มีภาพหม่อมพร้อยสุพิณ เลยครับ  ไว้จะพยายามหามาให้ชมกันครับ 

ภาพจาก เว็บโรงเรียนนราธิป-พร้อยสุพิณบ้านโคกตะแบง  (http://school.obec.go.th/bankhoktabang/)

 ;D

คุณวีหมีของผม สุดยอดมาก มิได้รู้ชั้นเดียวว่าผมหมายจะให้ทายใคร แต่รู้ไปอีกชั้นหนึ่งอีกว่าไม่ใช่ภาพของท่านผู้นั้น นับถือ นับถือ

รูปที่ว่านี้ผมเอามาจาก"เกิดวังปารุสก์"ครับ ไม่รู้อะไรถูกอะไรผิด จนปํญญาจะเฉลย
พระยาภะรตราชา เป็นบูรพาจารย์ของผมกับคุณวีหมีครับ

ขอบคุณค่ะคุณเพ็ญชมพู   รูปนี้เห็นอยู่รูปเดียว

นี่ครับ บูรพาจารย์ตัวจริง พระยาภะรตราชา (ม.ล.ทศทิศ  อิศรเสนา) อดีตผู้บัญชาการ (อธิการบดี) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ผู้ได้ชื่อว่า "ดุ" เสียจนอาจารย์เปลื้อง  ณ นคร หรือนายตำรา ณ เมืองใต้  ยังออกปากว่า สมัยที่ท่านเป็นนิสสิตจุฬาฯ นั้น  กลัว
ท่านถึงขนาดเห็นรถมอริสวิ่งเข้ามาก็ผวากันแล้ว  

ภาพนี้ถ่ายไว้ก่อนท่านถึงอนิจกรรมด้วยอายุ ๘๙ ปี ๙ วันไม่นาน  ขนาดชราภาพขนาดนี้ยังออกแอคชั้นได้ขนาดนี้ คิดดูแล้วกันครับ
ว่าสมัยท่านหนุ่มๆ จะดุขนาดไหน

มาทายภาพกันต่ออีกสักภาพครับ  ท่านผู้นี้มีชื่อปรากฏอยู่ในภาพล้อฝีพระหัตถ์ทางด้านขวาด้วยครับ

เจ้าพระยาวงษานุประพัทธ์ (หม่อมราชวงศ์สท้าน สนิทวงศ์) ครับผม

ติดตามอยู่นาน  ;D ขอส่ง Prince of Siam ดูบ้างว่าชื่ออะไร (ไม่ทราบจริง ๆ)  ;D

ภาพที่ ๒

ภาพที่ ๓ เจ้านายทรงชุดเครื่องต้น น่ารักน่าเอ็นดู ท่านชื่ออะไร ? (เชิญเดากันให้หนำใจไปเลย)

คำตอบอยู่ ที่นี่ (http://www.theclochfaen.com/history-of-clochfaen)

 ;D

แล้วพระนามท่านชื่ออะไรจ๊ะ  ;D ;D

มหาอำมาตย์โท พระยาสุรินทราชา (นกยูง วิเศษกุล "แม่วัน") อธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลข

(นกยูงเกาะเสาโทรเลข)

ในปีที่ฉายพระรูป (พ.ศ. ๒๔๓๓) คือ หม่อมเจ้าจรูญศักดิ์กฤดากร

 ;D

ท่านทางซ้ายคือ


แล้วท่านทางขวาคือใครหนอ

 ;D

 ;Dท่านทางขวาเห็นหัวรถไฟน่าจะเป็น พระจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยยากร กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน

ถูกต้องแล้วครับ เจ้าของภาพนั้นคือ พระยาสุรินทราชา (นกยูง  วิเศษกุล)
ภาพที่นำมาแสดงนั้นเป็นภาพที่ท่านฉายไว้เมื่อยังเป็นหลวงอภิรักษ์ราชฤทธิ์ ตำแหน่งราชเลขานุการและผู้ดูแลเด็ก
ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร  ท่านผู้นี้กล่าวกันว่าเป็นผู้มีพระคุณกับมหาดเล็กเด็กๆ ที่ทรง
ชุบเลี้ยงไว้เป็นอย่างมาก  ยามที่พระราชทานเงินเบี้ยเลี้ยงแก่เด็กๆ ก็จะโปรดเกล้าฯ ให้ครูนกยูงเป็นผู้เก็บรักษาแทนเด็กๆ
โดยฝากไว้ที่จิตรลดาธนาคารที่เป็นต้นกำเนิดธนาคารออมสิน  เมื่อเวลาเปิดธนาคารออมสินใหม่ๆ ไม่มีคนกล้ามาฝากเงิน
ก็โปรดเกล้าฯ ให้มหาดเล็กเด็กๆ ที่ทรงชุบเลี้ยงนี้ไปเปิดบัญชีให้ดูเป็นตัวอย่าง  ธนาคารออมสินจึงได้ชื่อว่าเป็นธนาคาร
ของเด็กๆ มาแต่แรกตั้ง  กล่าวกันว่า เมื่อครูนกยูงเป็นผู้ดูแลรักษาเงินแทนเด็กๆ นั้น  เวลามหาดเล็กเด็กๆ คนใดอยากจะ
ใช้เงิน  เมื่อไปขอเบิกจากครูนกยูง  ท่านก็จะไล่ให้ไปกราบบังคมทูลขอพระราชทานเสียก่อน  เมื่อไปกราบบังคมทูลก็จะ
ทรงซักไว้ไล่เรียงจนไม่มีใครได้เบิก้งินไปใช้  เพราะอยู่ในวังนั้นมีอาหาร  เครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ต่างๆ พระราชทานไว้
พร้อมสรรพหมดแล้ว  จึงไม่มีทางที่จะได้ใช้เงิน  เงินที่โปรดให้รวบรวมไว้นั้นเมื่อตุณมหาดเล็กเหล่านั้นเติบโตขึ้นก็พระราชทาน
ให้เป็นเงินทุนเลี้ยงตัว

ในภาพล้อที่เป็นรูปนกยูงเกาะเสาโทรเลขนั้น  เพราะเวลานั้นท่านเป็นพระยาอจิรการประสิทธิ์ อธิบดีกรมไปรษรีย์โทรเลข
ในบังคับบัญชา เจ้าพระยาวงษานุประพัทธ์ (ม.ร.ว.สท้าน  สนิทวงศ์) เสนาบดีกระทรวงคมนาคม  ส่วนหัวรถจักรมีควันเป็น
ฉัตร ๕ ชั้นนั้นก็หมายถึง เสด็จในกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ผู้บัญชาการกรมรถไฟหลวง

Prince of Siam ในความเห็นที่ ๑๑๕ นั้นคือ หม่อมเจ้าจรูญศักดิ์กฤดากร แน่นอน
แต่อีกองค์นึกพระนามไม่ออก  แต่ก็เป็นอนุชาในหม่อมเจ้าจรูญศักดิ์ฯ แน่นอน  เพราะเมื่อ
กรมพระนเรศวรฤทธิ์เสด็จออกไปเป็นอัครราชทูตสยาม ณ กรุงลอนดอนในระหว่าง พ.ศ. ๒๔๒๖
- ๒๔๓๐ นั้น  ทรงนำพระโอรสทั้ง ๕ พระองค์ออกไปศึกษาที่ประเทศอังกฤษ  ใน ๕ พระองค์นี้
รวม หม่อมเจ้าบวรเดช  กฤดากร อยู่ด้วย  เมื่อในกรมเสด็จกลับเข้ามากรุงเทพฯ แล้วทั้ง ๕ พระองค์
ยังคงประทับทรงศึกษาอยู่ที่อังกฤษจนจบการศึกษา

ลองมาทายภาพหนุ่มน้อยวัย ๑๒ ปีท่านนี้กันดีกว่า  ท่านคือใครกันครับ?
ใบให้นิดว่า ท่านมีอายุยืนยาวมาจนถึงกว่า ๙๐ ปี  มีบทบาทสำคัญในแวดวงราชการไทย
สมัยเชื่อผู้นำชาติพ้นภัยต่อเนื่องมาจนถึงยุคจอมพลถนอม  กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรี

ภาพจากหนังสือ "จุฬาลงกรณ์ราชสันตติวงศ์"
ขอไม่ตอบดีก่าาาาา ฮ่าๆๆๆๆ

เงียบกันไปหมดเลยครับ  ขอใบ้เพิ่มเติมให้อีกนิดครับ  ท่านผู้นี้เป็นบุตรเจ้าพระยาเสนาบดี 
ต่อมาตัวท่านก็ได้ดำรงตำแหน่งเดียวกับท่านบิดาหากแต่เรียกชื่อตำแหน่งต่างกัน

หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล

คุณ art สุดยอดเลยครับ  เป็นภาพถ่ายท่านหม่อมหลวงปิ่น  มาลากุล เมื่อเป็นนักเรียนเสือป่าหลวง
ท่านเล่าว่า เมื่อท่านเรียนที่สวนกุหลวบนั้น  โรงเรียนสวนกุหลาบมีลูกเสือแล้ว  แต่ท่านอายุยังไม่ถึง ๑๒ ปี
ซึ่งเป็นอายุขั้นต่ำของผู้ที่จะสมัครเป็นลูกเสือ  พออายุครบ ๑๒ ปีพอจะเป็นลูกเสือได้  ก็ปรากฏว่า
โรงเรียนมหาดเล็กหลวงที่ท่านเรียนอยู่ไม่มีลูกเสือ  มีแต่นักเรียนเสือป่า  ท่านก็เลยอดเป็นลูกเสือ

บุรุษหนวดงาม ท่านนี้ คือใครคะ... ;D

หมอพร หรือ พล.ร.อ.พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ครับผม

แล้วภาพนี้ ใคร กำลังทำอะไร ที่ไหน คะ... ;D

ภาพค่อนข้างเล็กนะครับ  แต่ขอเดาว่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวประทับเป็นแบบให้ช่างเจียนพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ที่
พระระเบียบงพระที่นั่งอภิเศกดุสิตครับ

ในหลวงรัชกาลที่ ๕ ทรงประทับเป็นแบบให้จิตรกรชาวอิตาลี (จำนามไม่ได้) และพระสรลักษณ์ลิขิต (มุ่ย จันทรลักษณ์) วาด
ที่พระที่นั่งอภิเษกดุสิต (ถ้าจำไม่ผิด)

 ;D

ขอบคุณ คุณเพ็ญชมพู ช่วยเฉลยค่ะ...

คุณart47 เยี่ยมมากค่ะ.... ;D

มาทายภาพกันต่อครับ  ภาพนี้ท่านชื่ออะไรครับ

พระยามหาอำมาตยาธิบดี (เส็ง วิริยศิริ) รองเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยครับ

ภาพชาวต่างประเทศที่เข้ารับราชการท่านนี้ชื่ออะไร  ???

เจ้าพระยาอภัยราชาสยามานุกูลกิจ (โรลัง ยัคมินส์)

 ;D

แล้วบุรุษในรูปนี้คือใครครับ  ;D

เยี่ยมเสมอทุกเวลาเลยครับ คุณเพ็ญฯ ...

ภาพสตรีน้อยผู้นี้ ยากสักหน่อย ใครหรอ  ???...ใบ้ว่า เป็นท่านผู้หญิงครับ

คุ้น ๆ เหมือนท่านวรรณ  ???

ภาพนี้ ใคร ทำอะไร ที่ไหน ค่ะ.... ;D

ตอบว่า ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ ครับ

คุณหนุ่มสยามทายถูกในเวลาอันรวดเร็วอีกแล้ว
ขอทายภาพชาวต่างประเทศคนนั้นบ้างครับ  ท่านชื่อ เจ้าพระยาอภัยราชา (โรลังค์  ยัคมินส์)
ที่ปรึกษาราชการในรัชกาลที่ ๕  ท่านเป็นชาวเบลเยี่ยมครับ

ขอทายบ้าง  ไม่ยากค่ะ

ถูกต้องคร้าบบบบบบ

พระอัครชายาเธอ พระองค์เจ้าอุบลรัตนนารีนาค กรมขุนอัครวรราชกัญญา  8) 8)

อีกรูป ท่านผู้นี้คือใครครับ  :D

ข้าราชการกระทรวงมหาดไทย

แถวนั่ง
1.
2. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
3.
4.พระยาราชวรานุกูล (อ่วม)

แถวยืน
1.
2.พระยาฤทธิรงค์รณเฉท (สุข ชูโต)
3.
4.พระยาสิงหเสนี (สะอาด สิงหเสนี)
5.พระยามหาอมำาตย์ (เส็ง วิริยศิริ)
6.พระยาทิพโกษา (โต โชติกเสถียร)

รูปนี้ฉากและมุมเดียวกันกับของ พระอัครชายาเธอ พระองค์เจ้าอุบลรัตนนารีนาค กรมขุนอัครวรราชกัญญา เลยครับ

คุณ art47 ยอดเยี่ยมจริงๆ ค่ะ... ;D
หนูดีดี เฉลยด้วยภาพนี้นะคะ...

ภาพที่ 153  ;D
พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ (พระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา) ค่ะ

นำมาให้ทายง่ายๆอีกภาพหนึ่งค่ะ

เจ้าจอมแส ค่ะ  ;D

ถูกต้องนะครับ :D

ภาพนี้ไปพบมาจากเน็ทค่ะ  ;D
ไม่ทราบว่า ใคร กำลังทำอะไร ที่ไหน
ภาพนี้ไม่มีเฉลยค่ะ ต้องถูตะเกียง เรียกจินนี่..
ท่านผู้รู้ ช่วยวิเคราะห์ด้วยนะคะว่า ใคร กำลังทำอะไร ที่ไหน

ระหว่างรอ ท่านผู้รู้ มาช่วยกันวิเคราะห์.... ;D
เอาภาพง่ายๆ มาทายกันนะคะ
ใคร ทำอะไร ที่ไหน คะ
ภาพนี้มีเฉลยค่ะ...

พระองค์ประทับเก้าอี้กลาง คือ สมเด็จพระพันปีหลวง ถ่ายที่หน้าพระที่นั่งอัมพรสถาน คาดว่าเป็นการแต่งแฟนซีหรือเล่นละครสักอย่าง

รัชกาลที่ ๕ ทรงเรือกรรเชียงที่พระราชวังบางปะอินครับ

รูปสลักหินอ่อนพระองค์ใดหนอ  :o ทายกัน  ;)

 :Dรูปสลักหินอ่อนรูปเด็กชายน่ารักนั้น คือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าตรีเพ็ชรุตม์ธำรง

ภาพของคุณเทพกรในความเห็นที่ ๑๕๑ ท่านชื่อ เจ้าพระยาสุรสีห์วิสิษฐศักดิ์ (เชย  กัลยาณมิตร)
อดีตสมุหเทศาภิบาลสำเร็จราชการมณฑลพายัพ  แล้วเลื่อนเป็นอุปราชมณฑลภาคพายัพ  ใน พ.ศ. ๒๔๕๘
เป็นเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย  และกราบถวายบังคมลาออกจากราชการเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๕

ท่าน siamese ยอดเยี่ยมตามเคยค่ะ  ;D

ท่านใดคะ... ;D

คุณ V_Mee ถูกต้องแล้วขอรับกระผม

ตอบความเห็นที่ 167

ท่านผู้นี้คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอรุณวดี พระราชธิดาในรัชกาลที่ 4 ครับ

แล้วท่านนี้ล่ะครับ?

อีกท่านเถอะนะขอรับกระผม  :)

เทพกร ปล่อยไก่ตัวโต ในความคิดเห็นที่ 170 มีคำตอบแล้วในหน้าแรกครับ 555  :P

มาโพสรูปนี้ให้คุณเทพกรเป็นการแก้ตัวค่ะ   คงมีคนตอบได้
คุณเทพกรจะตอบไหมคะ

ตอบอาจารย์เทาชมพู
ท่านในภาพคือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเหมวดี พระราชธิดาในรัชกาลที่ 5 ครับ :D

คราวนี้มาสี่ ใครเป็นใครบ้างครับ?

"สี่มะเส็ง"

หาภาพงูในหลุมมาบรรณาการได้ จักดียิ่งยวด 55+

ใครหนอ ?  ท่านนี้มีศักดิ์เจ้าพระยาครับ

(บน-ซ้ายไปขวา)
จอมพลเรือสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต
พลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน

(ล่างซ้ายไปขวา)
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศศิพงศ์ประไพ
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพิสมัยพิมลสัตย์

 ;D

 ;Dรูปที่ คห. 178 เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (ม.ร.ว.หลาน กุญชร) คะ :D

ในพ.ศ. ๒๔๗๒ ทั้ง ๔ ท่านในภาพของคุณเทพกร ร่วมด้วยพระประยูรญาติและมิตรได้ประทานเงินจำนวนหนึ่งให้แก่สภากาชาดไทย ตั้งเป็นทุนชื่อว่า “ทุน ๔ มะเสง” เพื่อเก็บดอกผลใช้ในการบำบัดรักษาผู้ที่ถูกสัตว์พิษกัด ต่อมาทรงอนุญาตให้สภากาชาดไทยแบ่งเงินจากทุนนี้ส่วนหนึ่งเพื่อสร้างตึกขึ้นภายในบริเวณสถานเสาวภาสำหรับใช้เลี้ยงสัตว์พิษชนิดต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในน้ำ มีงูทะเล เป็นต้น รวมทั้งยังให้สร้างเป็นพิพิธภัณฑ์เก็บสัตว์ทั้งที่มีพิษและไม่มีพิษเพื่อให้ประชาชนที่สนใจได้ศึกษาอีกด้วย สภากาชาดไทยได้อำนวยการสร้างตึกหลังนี้ขึ้นและขนานนามว่า “ตึก ๔ มะเสง” ได้เสด็จทรงประกอบพิธีเปิดตึกเมื่อวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๒

ต่อมาเนื่องด้วยตึก ๔ มะเสงมีขนาดเล็กและทรุดโทรมจึงได้รื้อถอนและสร้างเป็นตึก ๕ ชั้น แทนที่ตึกเดิมโดยงบประมาณจากรัฐบาลและสภากาชาดไทย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย เสด็จฯเปิดเมื่อวันที่ ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ตึก ๔ มะเสง นี้ใช้เป็นพื้นที่แสดงนิทรรศการสำหรับงูพิษชนิดสำคัญ ๆ ที่พบได้บ่อยและมีความสำคัญทางสาธารณสุขในประเทศไทย รวมทั้งงูไม่มีพิษที่มีประโยชน์และน่าสนใจ และงูที่สวยงามทั้งงูบกและงูน้ำจืด การจัดแสดงเป็นการเลี้ยงงูที่จำลองจากธรรมชาติจริง ๆ ของงูแต่ละชนิด มีการนำเสนอที่เป็นรายละเอียดทางวิชาการของงูแต่ละชนิดในด้านถิ่นที่อยู่ อาหาร และอันตรายจากพิษ ในชั้นล่างนี้จะมีห้องสาธิตการรีดพิษงูซึ่งสามารถบรรจุผู้ชมได้ประมาณ ๑๐๐ คน ในส่วนการนำเสนอทางด้านสื่อความรู้ มีการนำเสนอเรื่องวิวัฒนาการของงู จากสัตว์ดึกดำบรรพ์ ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับงู การแสดงองค์ประกอบต่าง ๆ ของงู (แสดงอวัยวะส่วนต่าง ๆ ทั้งภายนอกและภายในของงู) ภายในส่วนนิทรรศการนี้ยังมีภาพยนตร์แสดงการออกฤทธิ์ของพิษงูต่อมนุษย์หรือสัตว์ การปฐมพยาบาลที่ถูกต้องเมื่อถูกงูพิษกัด และยังมีห้องที่ใช้สาธิตการปฐมพยาบาลให้ผู้เข้าชมได้ฝึกการทำปฐมพยาบาลกับหุ่นขนาดเท่าตัวมนุษย์จริง

ข้อมูลเรื่อง "ตึก ๔ มะเสง" จาก สภากาชาดไทย (http://www.saovabha.com/th/snakefarm_service.asp)

มาทายกันต่อครับ  ท่านนี้เป็นใครกันครับ

ถูกต้องครับ  :D

ขอบพระคุณอาจารย์ทุกท่านครับ ได้ความรู้เพิ่มเติมเป็นอย่างยิ่ง :D

คราวนี้มาเป็นคณะนะครับ อิ ๆ  ;D

คำตอบของคุณเอ้อระเหย


 ;D

ถูกต้อง ยอดเยี่ยม ค่ะ.... ;D

มาถามอีกภาพค่ะ ... ภาพนี้ไม่มีเฉลยค่ะ
ไม่ทราบว่าเป็น ท่านใด...

มี "สี่มะเส็ง" แล้ว ก็มี "สี่ระกา" ประกอบด้วยท่านใดบ้างครับ  ;D

ภาพของ "สี่ระกา" :D

สี่ระกา หมายถึง

พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิมลฉัตร
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุทธสิริโสภา
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอินทุรัตนา
หม่อมเจ้าหญิงกาญจนฉัตร(ฉัตรชัย)สุขสวัสดิ์

เยี่ยมครับ :D

ท่านคือใครหนอ?

ท่านข้างบนนี้คุณV_Mee น่าจะรู้จัก

ดึงกระทู้ไว้ก่อนตกหน้า  สุภาพสตรีสาว และเด็กน้อยในภาพนี้ จำได้ไหมคะว่าใคร

Cogito ergo sum  ;D

^
« je pense, donc je suis ».

แล้วจำได้ไหมคะว่าใคร

เด็กน้อยในภาพเมื่อเจริญวัย

จำได้ไหมเอ่ย   ;)

ทุกท่านคงทราบดีอยู่แล้วว่าเป็นวลีทองของ René Descartes ที่ปรากฏในหนังสือ Principles of Philosophy (ที่จริงชื่อหนังสือคือ Principia philosophiae แต่ original วลีจริงๆต้องเป็นภาษาฝรั่งเศส อย่างที่ท่านเทาชมพูโค๊ดไว้คือ  "Je pense donc je suis" จากหนังสือ  Discourse on Method (ตีพืมพ์ตังแต่ปี 1637))

ผมมีความเชื่อและความคิด(ส่วนตัว)ว่า ความรู้ความเข้าใจจะเกิดได้ต้องผ่าน "ความคิด"

ผมเลยคิดเลยเถิดอยากให้ เว็บ "เรือนไทย" เป็นเว็บ "วิชาการ" จริงๆ

"วิชาการ" ที่ว่านี้คือ ทำให้ผู้อ่านได้ "ข้อมูล" หรือ ""ความรู้" เพื่อไปสู่ "การคิด"

"ข้อมูล" ที่ว่านี้อาจผิดบ้างถูกบ้าง เราท่านทั้งหลายก็ช่วยกันแก้ไขปรับปรุงโดยอิงหลักฐาน อาจไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ในทุกเรื่อง แต่ก็ดีกว่าการแพร่คร้งแรกอย่างแน่นอน

กระทู้เรื่องนี้ บางความเห็นก็ให้ "ข้อมูล" ที่มีประโยชน์ เช่น ความเห็นที่ 181 และ 182 ของท่านเพ็ญชมพู (ความเห็นอื่นอาจมีข้อมูลเหมือนกันแต่ผมมิได้เปิดดูทุกหน้าจึงมิได้กล่าวถึง ต้องขออภัยด้วยครับ)
แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการโพสต์รูปและทายชื่อ ซึ่งต้องขออภัยที่ผมมองไม่ออกว่า การจับคู่ได้ถูกต้องระหว่าง "หน้าตา" กับ "ชื่อ" ได้ถูกต้องนั้นทำให้เกิด "ความรู้" อันนำไปสู่ "ความคิด" ได้อย่างไร ผม

แรกๆผมก็พยายามมองในแง่บวกและบอกกับตนเองว่า กระทู้นี้ในมุมมองของท่านอื่นอาจมองว่า ก็เหมือนเล่นเกมทั่วไปคือช่วย "ผ่อนคลาย" "สร้างความ "เพลิดเพลิน"

แต่ก็เห็นว่า ไปเรื่อยๆ ก็เลยกระทุ้ง (ออกจะแรงไปนิดหน่อย) โดยการโค๊ดวลีทองดังกล่าว

ที่ตอบมายืดยาวเพราะท่านเจ้าเรือนได้กรุณาโค๊ดวลีทองที่เป็นภาษาฝรั่งเศสตามมา

เกรงว่าเดี๋ยวผู้อื่นจะเข้าใจว่า ผมแย่งscene โดยแทนที่จะให้ทายหน้าตา กลับมาตั้งเรื่องให้ทายว่า ใครเป็นเจ้าของวลีเด็ดๆ ที่(เกรงว่า) อาจจะตามมา



ท่านเจ้าเรือนหรือadmin อ่านความเห็นนี้แล้วและเกรงว่าจะทำให้ "บรรยากาศ" ของเว็บนี้เสียไปและอาจก่อให้เกิดความไม่สงบวุ่นวายในบ้านเมือง (ปานนั้น) กระผมก็ยินดีให้ "ลบ" ความเห็นนี้ได้นะครับ

เพียงแต่เล่า "ความคิด" ของผมให้ฟังเท่านั้นเองครับ  ;D

ตอบภาพปริศนา ในความเห็นที่ 197

สตรีในภาพซ้ายมือ คือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอินทุรัตนา
บุรุษในภาพขวามือ คือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุขุมาภินันท์ ครับ :D

หลายท่านอาจมองว่าเป็นแค่การเล่นเกมทายชื่อจากภาพ นั่นก็ส่วนหนึ่งค่ะ ได้ความสนุกจากการทาย การลุ้น ว่าจะถูกไหม
แต่ก่อนที่จะได้ชื่อท่านเหล่านั้นมา ต้องผ่านการ ค้นคว้า การเสาะแสวงหา การประมวลเรื่องราว การคิดวิเคราะห์
ซึ่งแน่นอนค่ะว่า ต้องได้รับความรู้เพิ่มขึ้น ทุกครั้งที่เข้ามาร่วมเล่นเกม
แม้ว่าจะเฉลยแล้วว่าท่านเหล่านั้นคือใคร ชื่ออะไร แต่ถ้าเราสงสัยใคร่รู้ต่อไปเกี่ยวกับประวัติของท่าน
เราก็เข้าไปสืบค้นหาได้จากอินเทอร์เน็ต เพื่อต่อยอดความรู้ต่อไปได้

หนูดีดี มีพื้นความรู้ทางประวัติศาสตร์น้อยมากค่ะ ก็ได้รับความรู้จากการทายภาพในเว็บเรือนไทยนี่แหละคะ
เริ่มจากภาพสถานที่ในกรุงเทพ ภาพบุคคล ทำให้ได้เข้าใจประวัติศาสตร์และเกร็ดต่างๆ มากยิ่งขึ้น
การให้ความรู้มีหลายรูปแบบ ไม่จำเป็นต้องมีแต่วิชาการก็ได้ เพราะถ้ามีแต่วิชาการคัดลอกเอามาให้อ่านจะน่าเบื่อ
สู้ให้เข้าไปค้นคว้า คิดวิเคราะห์หาคำตอบจากข้อมูลที่หาได้ ในลักษณะเกมจะมีความท้าทาย น่าค้นหาและจำได้มากกว่าการอ่านผ่านๆ ไปค่ะ
และบางครั้ง เมื่อมีคำตอบที่ขัดแย้งกัน ก็หาเหตุผล หาข้อมูลมาประกอบการวิเคราะห์ ก็เป็นการนำ "ความรู้" ไปสู่ "ความคิด" นะคะ
 
เว็บไซต์มีมากมายหลายล้านเว็บ แต่หนูดีดี เลือกและรักเว็บเรือนไทย เพราะมีครบถ้วน ทั้งวิชาการ ความรู้
ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ สิ่งแวดล้อม ภาษา วรรณคดี เทคโนโลยีที่ทันสมัย  เพลง อาหาร
ความสนุกสนานเพลิดเพลิน  
และเหนืออื่นใด เว็บเรือนไทยมี มิตรภาพ และความห่วงใยเอื้ออาทร ให้กับทุกท่านที่เข้ามาเยือนค่ะ..... ;D

ดีครับ  :)

สนใจจะอภิปรายต่อจากที่คุณสุจิตราจุดประกายไว้ค่ะ

ขบวนการเรียนรู้ของคน ดิฉันขอแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน
1  เรียนรู้จากความทรงจำ    ขั้นตอนนี้สอนกันมากในหลักสูตรโรงเรียนไปจนมหาวิทยาลัยในหลายสาขา    คือสอนให้จำแม่นๆในสิ่งที่ผ่านเข้ามาในสายตา   ไม่ว่าจะเป็นตัวหนังสือ รูปภาพ แผนที่ ฯลฯ  ครูถามปุ๊บตอบได้ปั๊บ
   เด็กหัวดีจำแม่น มีโอกาสจะสอบผ่านด้วยเกรดดีๆ  เพราะข้อสอบมักเป็นปรนัยซึ่งอาศัยการจำเป็นพื้นฐาน    สอบเข้าคณะที่คะแนนสูงก็ได้ เพราะข้อสอบก็หนักไปทางปรนัยเหมือนกัน     เรื่องนี้น่าเห็นใจเพราะบางคณะถ้าคนเรียนจำไม่แม่น  จะออกไปประกอบอาชีพคงยาก  เช่นหมอเองก็ถ้าจำตำราไม่แม่น  จะวิเคราะห์โรคขั้นต้นจากคำบอกเล่าของคนไข้ได้อย่างไร มิผิดพลาดหมดหรือ
   ดิฉันมีหมออยู่ท่านหนึ่ง  ไปหาทีไร  พอเล่าอาการให้ฟัง  คุณหมอจะอธิบายยาวเหยียด ให้ความรู้อย่างดี     เหมือนเลกเชอร์ นศ.แพทย์    แม้แต่ยาคุณหมอก็อุตส่าห์แจกแจงส่วนผสมบ้าง แจกแจงผลข้างเคียงที่อาจเกิดบ้างให้ฟังอย่างละเอียด     ดิฉันนึกในใจว่าคุณหมอนี่ต้องสมองดีความจำแม่นมาก  ไปเปิดหาประวัติในอินทรเนตร  จริงด้วย   คุณหมอได้รางวัลเรียนเก่งมาตั้งแต่อยู่ชั้นประถม  ก็นึกชมว่าสมแล้วที่ไปเรียนแพทย์   ได้หมอแบบนี้คนไข้อุ่นใจ
2  เรียนรู้จากการวิเคราะห์  เป็นขั้นตอนที่สูงขึ้นมาจากข้อ 1    ถ้าเป็นหลักสูตรวิชาการที่วางไว้อย่างดี  เด็กนักเรียนที่ผ่านการท่องจำมาจะถูกสอนให้วิเคราะห์เป็น   จะมึอุปกรณ์เสริมอย่างห้องแล็บหรือออกภาคสนามก็แล้วแต่     คือเป็นการหาคำตอบที่ยากขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง
    ในเรือนไทย  มีหลายคนที่วิเคราะห์เป็น  ยกตัวอย่างที่ดิฉันเห็นชัดๆ เช่นคุณ V_Mee เวลาทายรูปต่างๆ   บางทีท่านก็จำไม่ได้ว่าเป็นรูปใคร  แต่คุณ V_Mee จะมีวิธีประมวลจากเหรียญตราที่ประดับเสื้อ   แบบของเสื้อผ้า   ฯลฯ เพื่อดูว่าคนนั้นมีอาชีพอะไร เป็นข้าราชการระดับไหน  แล้วจากนั้นก็นำไปสู่คำตอบได้ง่ายขึ้นว่าคนที่เข้าเกณฑ์นี้น่าจะมีใครบ้าง   แบบนี้ดิฉันเรียกว่าวิเคราะห์เป็น   เพราะเป็นขั้นตอนที่เอาความรู้จากความจำมาสังเคราะห์อีกทีหนึ่ง
    แต่บางคนที่ติดอยู่ในขั้นที่ 1  โดยไม่รู้ตัว จะทำได้เพียงแค่ใช้ความจำ  หรือถ้าเขียนอะไร  ก็ลอกข้อมูลดิบมาลง  โดยไม่สามารถแตกกิ่งก้านความคิดเพิ่มขึ้นไปเป็นขั้นที่ 2 ได้    คนที่แตกกิ่งก้านความคิดเป็นชั้นที่ 2  อีกท่านหนึ่งที่ทำอยู่บ่อยๆในเรือนไทย คือคุณ NAVARAT.C   ขอให้อ่านกระทู้ของท่านจะเห็นว่าท่านเอาข้อมูลดิบมาสังเคราะห์เป็นเรื่องขนาดยาวได้อย่างไร   
3   เรียนรู้เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่  ข้อนี้หมายถึงว่า เอาความรู้จากชั้นเรียนหรือประสบการณ์  บวกการวิเคราะห์ มาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ขึ้นที่ไม่ซ้ำแบบใครมาก่อน    มีความคิดของตัวเอง  หรือมีผลงานชิ้นใหม่ขึ้นมาเป็นของตัวเอง   ไม่อาจหาอ่านหาดูจากที่อื่นได้     
     คนที่ทำแบบนี้ได้มักเป็นศิลปินสาขาใดสาขาหนึ่ง  อย่างคุณอังคาร กัลยาณพงศ์เขียน "วักทะเล"   เอลวิส เพรสลีย์เอาเพลงบลูส์ของคนดำมาร้องในแบบคนขาว จนดังไปทั่วอเมริกา  หรือครูเอื้อเอาทำนองไทยเดิมมาเรียบเรียงใหม่เป็นเพลงไทยสากล  ครูแก้วเอาโคลงสี่จากวรรณคดีมาเป็นเนื้อเพลงไทยสากล ประสานกับครูเอื้อ     การเรียนรู้ถึงระดับนี้มักจะทำได้ยาก
    นานๆได้เลกเชอร์ทีค่ะ  ขอจบแค่นี้
    ส่วนเรื่องทายภาพ   ดิฉันเห็นด้วยกับคุณ DD ค่ะ  ดิฉันเองก็ได้ความรู้มากมายเพิ่มขึ้นจากการไปค้นหาภาพที่เราคิดว่าน่าจะเป็นคนนั้นคนนี้    บ่อยครั้ง ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าเป็นภาพใคร  แต่ได้ความรู้อื่นๆมาเป็นผลข้างเคียงเยอะเลย

       

  ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายที่ทายกันถูกเป๊ะๆ โดยไม่ได้อาศัยความจำอย่างเดียว  แต่อาศัยการค้นคว้าด้วย จะกรุณามาอธิบายขั้นตอนของการทำงาน ก็จะเป็นวิทยาทานแก่คนอ่านที่อยากจะเดินตามรอยท่านด้วยนะคะ
   ขอย้อนกลับไปถึงรูปปริศนาในค.ห. 193 ของคุณเทพกร     ข้อนี้ดิฉันใช้ความจำ  ดูจากเครื่องแบบของท่านเหมือนหัวหมื่นมหาดเล็ก  ก็เลยไม่แน่ใจว่าจะเป็นเจ้านายหรือขุนนางผู้ใหญ่
   แต่ท่านดูคล้ายพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฎ์   เลยเตรียมรูปเอามาเปรียบเทียบให้ช่วยกันดู

พระยาศรีสุริยราชวรานุวัตร (สุข ดิษยบุตร) สมุหเทศาภิบาลมณฑลอุดร พ.ศ. ๒๔๕๖ - ๒๔๖๔

จาก เว็บกาญจนาภิเษก (http://kanchanapisek.or.th/oncc-cgi/text.cgi?no=4843)

 ;D

^
มีวิธีหาอย่างใด  วานบอก

คุณเทาชมพูลองเข้าไปค้นดูจดหมายหัวข้อ "มือใหม่ไขความลับ" ลงวันที่ ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ เวลา ๒๑.๓๘ น.

จะทราบความลับทั้งหมด

 ;D

ภาพที่คุณเพ็ญมาไขความกระจ่างว่าเป็นภาพ พระยาศรีสุริยราชวรานุวัตร (ศุข  ดิษยบุตร) และท่านอาจารย์ใหญ่ระบุไว้ในความเห็นก่อนหน้าว่า
น่าจะเป็นหัวหมื่นมหาดเล็กนั้น  จากลักษณะเครื่องแบบเป็นเครื่องแบบข้าราชการพลเรือนในพระราชสำนักชั้นมหาเสวกกระทรวงวังหรือชั้นจางวาง
กรมมหาดเล็กที่เทียบเท่ายศทหารชั้นนายพล  ที่สามารถระบุชั้นยศได้นั้นดูจากลายปักที่อกเสื้อครับ  ถ้าเป็นชั้นมหาเสวกหรือจางวาง  ลายยปัก
รูปกนกนาคนั้นจะเต็มทั้งแผ่นอก  แต่ถ้าเป็นข้าราชการชั้นเสวกหรือ หัวหมื่น รองหัวหมื่น และ จ่า มหาดเล็ก  ที่เทียบเท่านายทหารชั้นนายพันนั้น
ลายปักกนกนาคจะเป็นแนวตั้งตามแนวตะเข็บกลางเสื้อ  ไม่ออกไปเต็มอก  ส่วนชั้นยศรองเสวก กรือหุ้มแพร รองหุ้มแพร และมหาดเล็กวิเศษ
ที่เทียบชั้นยศนายร้อยไม่มีลายปักที่อกเสื้อแต่อย่างใดครับ

ในภาพนั้น พระยาศรีสุริยราชวรานุวัตร แต่งเครื่องยศ มหาเสวกตรี กระทรวงวัง ซึ่งสามารถอธิบายได้ว่า เมื่อเริ่มจัดระเบียบปกครองเป็นมณฑลเทศาภิบาล
ในรัชกาลที่ ๕ นั้น  บรรดาข้าหลวงเทศาภิบาลหรือต่อมาเรียกว่าสมุหเทศาภิบาลนั้นล้วนเป็นข้าราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทย  จึงใช้ยศอย่างข้าราชการ
พลเรือน  เว้นแต่ผู้ที่โอนมาจากทหารจึงคงใช้ยศทหารตามเดิม  ต่อมาในรัชกาลที่ ๖ มีพระราชดำริว่าตำแหน่งอุปราชภาคและสมุหเทศาภิบาลนั้น  เป็น
ผู้ที่พระมหากษัตริย์ทรงตั้งแต่งให้ออกไปดูแลปกครองราษฎรในหัวเมืองมณฑลต่างๆ แทนพระองค์  สมควรที่อุปราชและสมุหเทศาภิบาลนั้นจะต้องเป็น
ข้าราชการที่ขึ้นตรงต่อพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นหัวหน้ารัฐบาลโดยตรง  จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้อุปราชภาคและสมุหเทศาภิบาลที่เดิมใช้ยศมหาอำมาตย์อย่าง
ข้าราชการเปลี่ยนมาใช้ยศในพระราชสำนักหมายว่าเป็นผู้ที่ขึ้นตรงต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  มิได้ขึ้นการบังคับบัญชาในกระทรวงมหาดไทยเช่นที่
เคยเป็นมา  โดยผู้ที่เคยรับราชการในกรมมหาดเล็กมาก่อนที่จะออกไปรับราชการทางฝ่ายปกครองก็โปรดให้ใช้ยศจางวางอย่างข้าราชการกรมมหาดเล็ก 
ส่วนผู้ที่มิได้เคยรับราชการในกรมมหาดเล็กนั้นก็ให้ใช้ยศมหาเสวกเช่นเดียวกับข้าราชการกระทรวงวัง

การที่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ โปรดให้ยกตำแหน่งอุปราชและสมุหดทศาภิบาลมาขึ้นตรงต่อพระมหากษัตริย์นั้นมองมุมหนึ่งได้ว่า เป็นการลดบทบาทของ
กระทรวงมหาดไทยที่มีเหนือข้าราชการกระทรวงอื่นๆ ในส่วนภูมิภาคลง  แต่ในมุมมองของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพนั้น  ทรงมองว่าราชการใน
ส่วนภูมิภาคบางเรื่องต้องต้องรอรายงานเข้ามาขออนุญาตจากเจ้ากระทรวงในกรุงเทพฯ ทำให้การตัดสินใจบางเรื่องต้องเนิ่นช้าลง  ต่อมาในรัชกาลที่ ๗
จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้ยกเลิกตำแหน่งอุปราชภาคและย้ายสมุหเทศาภิบาลกลับปสังกัดกระทรวงมหาดไทย  ก็เลยทำให้มหาดไทยมีอำนาจครอบงำราชการ
ส่วนภูมิภาคสืบมาจนถึงปัจจุบัน

อธิบายมายืดยาวนี้ก็เพื่อแสดงให้เห็นประโยชน์ของการเล่นทายภาพ  ที่นอกจากความเพลิดเพลินและสนุกกับการทายถูกทายผิดแล้ว  ยังเป็นอีกช่องทาง
ที่จะได้นำสาระความรู้มาแลกเปลี่ยนกันครับ

ภาพข้าราชการผู้ใหญ่ในความเห็นที่ ๑๘๓ ค้างอยู่หลายวันแล้วยังไม่มีท่านผู้ใดมาตอบ
ขอใบ้เพิ่มเติมต่อจากที่อธิบายความไว้ในความเห็นข้างบนว่า ท่านผู้นี้ได้ดำรงตำแหน่งสุดท้ายเป็น สมุหพระนครบาล
ซึ่งเดิมตำแหน่งนี้เป็นตำแแหน่งชั้นเสนาบดี  ท่านจึงได้รับพระราชทานสัญญาบัตรเป็น เจ้าพระยา

เจ้าพระยามุขมนตรี ศรีสมุหพระนครบาล(อวบ เปาโรหิตย์)

 ;D

ภาพนี้ยังไม่มีผู้ใดทายถูก จึงเพิ่มคำใบ้ให้นะครับ
1. เป็นอดีตอธิบดีที่กรมมีสัญลักษณ์เป็นพระิอินทร์
2. เป็นอดีตอธิบดีที่กรมมีสัญลักษณ์เป็นเทพแห่งศิลปวิทยาการ

คงจะทายถูกนะครับ  ;)

ท่านนี้คงทายกันไม่ยาก เพราะมีจุดสังเกตหลายแห่ง

# ๒๑๐

# ๒๑๑  (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%AC%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5_(%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99_%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%AC%E0%B8%B2))

ถูกต้องนะครับ  ;D
ภาพนี้คือภาพของ พันเอก หลวงรณสิทธิพิชัย (เจือ กาญจนิทุ) ครับ

          พันเอก หลวงรณสิทธิพิชัย (เจือ  กาญจนินทุ) เกิดเมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๔๒ ตรงกับวันอังคาร แรม ๗ ค่ำ ปีกุน ณ ตำบลบางซื่อ อำเภอบางซื่อ พระนคร เป็นบุตรลำดับที่ ๓ จากจำนวนพี่น้อง ๕ คน ของพันตำรวจตรี หลวงนิกรบริรักษ์ (เจิม  กาญจนินทุ) และนางเนย  กาญจนินทุ

         เนื่องจากคุณพ่อของ พันเอก หลวงรณสิทธิพิชัย เป็นข้าราชการ ย่อมรู้ถึงคุณประโยชน์ของการศึกษาดี จึงให้ลูกทุกคนได้เข้าเรียนตั้งแต่อายุยังน้อย สถานศึกษาแห่งแรกที่พันเอก หลวงรณสิทธิพิชัย ได้เข้าศึกษา คือโรงเรียนวัดอัมรินทร์ ซึ่งเป็นโรงเรียนที่อยู่ใกล้บ้าน หลังจากนั้นท่านได้ลาออกเพื่อไปเข้าโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ศึกษาอยู่จนถึงพุทธศักราช ๒๔๕๔ จึงได้ไปสมัครเข้าโรงเรียนนายร้อยทหารบก โดยการแนะนำของพี่ชายคนโต คือ ร้อยโท ขุนพจนการโยธาทร (พจน์  กาญจนินทุ) ขณะศึกษาที่โรงเรียนนายร้อยทหารบก ได้ปฏิบัติหน้าที่ราชการเป็น  หัวหน้าหมวดในกองร้อยที่ ๑ โรงเรียนนายร้อยชั้นปฐม ผู้ช่วยผู้บังคับหมวดในกองร้อยนักเรียนนายดาบ โรงเรียนนายร้อยชั้นมัธยม และนักเรียนทำการนายร้อยกรมทหารราบที่ ๒๐ จังหวัดร้อยเอ็ด

          พุทธศักราช ๒๔๖๒ สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยทหารบก ปฏิบัติหน้าที่ราชการเป็น นายทหารประจำกรมทหารบกที่ ๒๐ พุทธศักราช ๒๔๖๓ ได้รับพระราชทานยศร้อยตรี ปฏิบัติหน้าที่เป็น นายทหารฝึกหัดราชการ แผนกที่ ๕ กรมยุทธศาสตร์ทหารบก พุทธศักราชการ ๒๔๖๔ เข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนกรมยุทธศาสตร์ทหารบก และโรงเรียนเสนาธิการทหารบก พุทธศักราช ๒๔๖๕ ได้รับพระราชทานยศร้อยโท ปฏิบัติหน้าที่ราชการเป็น นายทหารฝึกหัดราชการ โรงเรียนการฝ่ายเสนาธิการ กรมยุทธศาสตร์ทหารบก นายทหารฝ่ายเสนาธิการ กองพลทหารบกที่ ๑๐ พุทธศักราช ๒๔๗๐ ปฏิบัติหน้าที่ราชการเป็น นายทหารฝ่ายเสนาธิการ กองพลทหารบกที่ ๖ และในปีเดียวกันนั้นได้รับมอบหมายให้เป็น ครูวิชาทหาร กรมยุทธศึกษาทหารบก พุทธศักราช ๒๔๗๑ ได้รับพระราชทานยศร้อยเอก

          วันที่ ๒๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๗๕ ได้ร่วมในคณะราษฎรขอพระราชทานรัฐธรรมนูญจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ในปีเดียวกันนั้น ปฏิบัติหน้าที่ราชการเป็น ผู้บัญชาการกองร้อยที่ ๓ กองร้อยนักเรียนนายร้อยและนักเรียนนายดาบ

          พุทธศักราช ๒๔๗๖ ได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ ๒ และปฏิบัติหน้าที่ราชการเป็น ผู้บัญชาการ ร้อย ๑ พัน ๔ (พระนคร) ผู้บัญชาการนักเรียนนายร้อย ร้อย ๑ พุทธศักราช ๒๔๗๗ ปฏิบัติหน้าที่ราชการเป็นรองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ ๑ รักษาการในตำแหน่ง เสนาธิการมณฑลทหารบกที่ ๑ ในปีเดียวกันนั้น ได้รับพระราชทานยศพันตรี และก้าวหน้าในตำแหน่งทางราชการมาเป็นลำดับ จนพุทธศักราช ๒๔๗๘ ได้รับพระราชทานยศพันโท

          เป็นธรรมดาของผู้ที่ก้าวเข้าไปเล่นการเมือง ย่อมได้รับผลของการเมืองบ้าง ดังนั้น ชะตาร้ายทางการเมืองจึงได้เดินเข้ามาหา พันเอก หลวงรณสิทธิพิชัย เมื่อวันที่ ๑๕ มกราคม พุทธศักราช ๒๔๗๘ ได้มีคำสั่งให้ปฏิบัติหน้าที่ราชการเป็น ประจำกองบัญชาการ กรมเสนาธิการทหารบก และขอให้หยุดราชการไปพักผ่อนร่างกายในประเทศอินโดจีนฝรั่งเศส (คือประเทศกัมพูชา ซึ่งในขณะนั้นเป็นประเทศในอาณานิคมของประเทศฝรั่งเศส) โดยยังได้รับพระราชทานเงินเดือนอยู่ ขณะที่อยู่ในประเทศอินโดจีนฝรั่งเศสนี้ ได้เกิดกรณีพิพาทระหว่างประเทศไทยกับประเทศอินโดจีน คือการเรียกร้องดินแดนบางส่วนของประเทศไทยคืน ทางประเทศฝรั่งเศสทราบว่า พันเอก หลวงรณสิทธิพิชัย เป็นนายทหารฝ่ายเสนาธิการและต้องออกไปอยู่ที่ประเทศอินโดจีนฝรั่งเศส เพราะเหตุทางการเมือง จึงได้ไปติดต่อขอให้ช่วยกองทัพของฝรั่งเศส แต่ท่านได้ตอบปฏิเสธโดยเด็ดขาด เพราะรู้ว่าจะให้ช่วยทำแผนเข้าโจมตีประเทศไทย ท่านไม่มีเหตุผลอันใดที่จะทรยศต่อชาติไทย ถึงแก่ต้องลดฐานะของนายทหารไทย และคนไทยลงไปต่ำถึงเพียงนั้น เมื่อได้รับการปฏิเสธ ทางการของประเทศฝรั่งเศสจึงได้สั่งย้ายท่านจากกรุงพนมเปญไปอยู่ที่เมืองโชลอง อันเป็นถิ่นทุรกันดารซึ่งท่านก็ได้ปฏิบัติตาม

          ตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่ประเทศอินโดจีนฝรั่งเศสนั้น พันเอก หลวงรณสิทธิ-พิชัย ได้เคยขออนุญาตกลับประเทศไทยไม่น้อยกว่า ๑๐ ครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผล จนเมื่อพุทธศักราช ๒๔๘๒ เมื่อผลการสอบสวนของคดีการเมืองในครั้งนั้นพาดพิงไม่ถึงท่าน ทางราชการจึงมีคำสั่งเรียกตัวให้กลับ ท่านได้ย้ายครอบครัวคืนกลับสู่ประเทศไทย เมื่อเดือนพฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๘๙

          เมื่อกลับสู่ประเทศไทยแล้ว เมื่อวันที่ ๙ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๙๐ พันเอก หลวงรณสิทธิพิชัย ก็ได้รับเชิญให้เข้าดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมโฆษณาการ (ต่อมา เปลี่ยนชื่อเป็น กรมประชาสัมพันธ์) ปฏิบัติหน้าที่ราชการเป็น ข้าราชการพลเรือนชั้นพิเศษ

          พลเอก กฤช  ปุณณกันต์ อดีตอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เขียนไว้ในหนังสือที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพ พันเอก หลวงรณสิทธิพิชัย เกี่ยวกับงานที่ได้ปฏิบัติในขณะที่ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมโฆษณาการ ว่า

          “...คุณหลวงเป็นบุคคลพิเศษ ที่เป็นนักพูด นักเขียน เป็นผู้มีความคิดริเริ่มที่ดี และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการประชาสัมพันธ์นั้น เมื่อกองการโฆษณาซึ่งเป็นหน่วยงานประชาสัมพันธ์ของรัฐแห่งแรก ได้เปลี่ยนชื่อเป็นสำนักงานโฆษณาการ เมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๔๗๖ แล้ว คุณหลวงก็ได้ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าสำนักงานโฆษณาการเป็นคนแรก และเมื่อการโฆษณาได้ขยายงานเป็นกรมโฆษณาการ ท่านก็ได้กลับมาดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมโฆษณาการอีกคำรบหนึ่ง เพราะท่านได้ทำงานให้เห็นผลเป็นที่ประจักษ์ว่าท่านได้วางรากฐานงานด้านประชาสัมพันธ์ไว้อย่างถูกหลักและมั่นคง ซึ่งเป็นแนวทางสะดวกต่อการพัฒนาสืบมาอย่างดียิ่ง อาทิเช่น การจัดรายการทางวิทยุกระจายเสียงอย่างถูกต้องทันสมัย ให้ความรู้ ความบันเทิง ให้ข่าวสารทันท่วงที เป็นสื่อกลางสำหรับประชาชนและรัฐบาล มีการให้ความรู้ในเรื่องประชาธิปไตย ให้ประชาชนได้ทราบทั้งทางวิทยุกระจายเสียง และทางไปปาฐกถาเผยแพร่ความรู้แบบหน่วยเคลื่อนที่ ซึ่งในขณะนั้นต้องเดินทางด้วยเรือ ด้วยขี่ม้า และเดินเข้าไปปาฐกถาตามหัวเมืองและชนบทห่างไกลที่ประชาชนยังด้อยการศึกษา มีสำนักงานท่องเที่ยวบริการประชาชนที่ทำงานแข็งขันเป็นที่นิยมของคนทั่วไป สำหรับในด้านวิทยุกระจายเสียงนั้น คุณหลวงได้พยายามฝึกฝนโฆษกให้พูดจาและอ่านข่าวอย่างถูกต้องตามอักขรวิธี โฆษกจะต้องผ่านการคัดเลือก โดยทดลองให้ผู้มีเสียงไพเราะให้อ่านข่าว อ่านประกาศ อ่านโฆษณาแจ้งความให้ถูกต้อง ทำให้มีโฆษกอักษรศาสตรบัณฑิตอยู่หลายคน

          การจัดรายการ ก็มีทั้งธรรมะ ความรู้ ความบันเทิงที่ให้ประโยชน์ ไม่เป็นพิษเป็นภัยแก่ผู้ฟัง และมีทั้งรักษาศิลปวัฒนธรรมไทยไว้ และดนตรีตามสมัยนิยม มีเรื่องสำหรับเด็ก อบรมจิตใจเด็กไปพร้อมมูล เมื่อย้ายจากกรมประชาสัมพันธ์ไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมศิลปากร ท่านก็ทำงานขยันขันแข็งตลอดมา นับว่าท่านเป็นบุรุษเหล็กได้คนหนึ่ง เพราะท่านเป็นทั้งนักการทหาร นักการเมือง นักสู้ นักประชาสัมพันธ์ นักเขียน นักพูดนักริเริ่ม และนักทำงานตลอดชีวิต..."

          นายรักศักดิ์  วัฒนพานิช อดีตอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ อีกท่านหนึ่งเขียนไว้ในหนังสือเล่มเดียวกัน เกี่ยวกับงานด้านประชาสัมพันธ์ที่ พันเอก หลวงรณสิทธิพิชัย ได้มีส่วนร่วม และผลักดันให้เกิดความเจริญก้าวหน้าแก่กรมประชาสัมพันธ์ว่า

          “...ท่านเป็นนักทำงานที่เข้มแข็ง เป็นนักริเริ่มที่ดี กิจการงานของกรมโฆษณาการในขณะที่ท่านดำรงตำแหน่งเป็นอธิบดีอยู่ ได้ก้าวหน้าอย่างคึกคักมั่นคงและถูกต้อง ผลงานของท่านกล่าวได้ว่าเป็นรากฐานส่วนหนึ่งที่ทำให้งานประชาสัมพันธ์ก้าวหน้าเป็นประโยชน์ในด้านเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับรัฐบาลได้ผลดี ท่านได้ขยายงานด้านวิทยุกระจายเสียง ย้ายสถานีวิทยุจากศาลาแดง มาใช้
สถานีวิทยุพญาไท ตรงข้ามโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าฯ ทำให้งานด้านวิทยุกระจายเสียงก้าวหน้าต่อมาเป็นลำดับ

          ได้จัดให้ข้าราชการระดับประจำแผนกทุกคน ฝึกพูด ฝึกปาฐกถา เพื่อประโยชน์ในงานโฆษณาเคลื่อนที่ให้ประชาชนเข้าใจในระบอบประชาธิปไตย และเข้าใจนโยบายของรัฐบาลโดยถูกต้อง

          ท่านได้ดำเนินการปรับอัตราตำแหน่งเจ้าหน้าที่ช่างภาพ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายดนตรีจากลูกจ้างประจำ หรือข้าราชการวิสามัญ ให้เป็นข้าราชการสามัญ ทำให้งานด้านดนตรีและด้านช่างภาพโฆษณาเป็นรูปร่างขึ้น และขยายก้าวหน้ากว้างขวางขึ้นตลอดมาจนถึงปัจจุบัน

          ได้เริ่มให้มีสถานีวิทยุภาคทดลอง ปชส. ขึ้นเป็นครั้งแรก การจัดรายการได้ใช้แผ่นเสียงไปตลอด มีโฆษณาสินค้าหรือข่าวย่อยบ้าง เช่น ข่าวมรณกรรมคั่นบ้างเล็กน้อย และได้จัดทำหนังสือเสียงวิทยุ แบบสารคดี ๕ นาที

          ท่านได้ให้มีการฝึกโฆษกหญิงขึ้นเป็นครั้งแรกของเมืองไทย

          ท่านได้จัดการประกวดเพลงไทยเดิม และเพลงไทยสากลขึ้น เพื่อส่งเสริมศิลปะการร้องเพลงที่ถูกแบบทั้งเพลงไทยเดิมและเพลงไทยสากล

          ท่านได้ขยายหน่วยปาฐกถาเคลื่อนที่กว้างขวางมากขึ้น และให้ดำเนินงานบ่อยครั้งขึ้น

          ท่านได้ขยายงานด้านส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยยกระดับแผนกส่งเสริมการท่องเที่ยวในกรมโฆษณาการขณะนั้นขึ้นเป็นสำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยว จัดให้บริการประชาชนอย่างเข้มแข็ง ให้มีการนำเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ ที่ให้ประโยชน์อย่างแท้จริง เป็นที่พอใจของประชาชนมากขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งในปัจจุบันเป็นงานที่ทำรายได้ให้แก่ประเทศเป็นจำนวนมากแขนงหนึ่ง

          ในด้านสวัสดิการข้าราชการกรมประชาสัมพันธ์ ท่านได้ให้จัดตั้งร้านสหกรณ์ของกรมขึ้น ให้ข้าราชการซื้อของจำเป็นในการครองชีพ เช่น ข้าวสาร น้ำตาล ฯลฯ ในราคาถูก ผู้ใดจำเป็นต้องซื้อของเป็นจำนวนมากก็มีรถบริการให้ถึงบ้าน นับเป็นการช่วยสวัสดิการครอบครัวของข้าราชการได้เป็นอย่างดีและทันสมัย..."

          พันเอก หลวงรณสิทธิพิชัย เป็นผู้ที่มีความสนใจในงานประพันธ์ วรรณคดี ท่านได้เขียนเรื่องราวและบทความที่น่ารู้ น่าอ่าน และเป็นประโยชน์แก่การศึกษาเป็นจำนวนมาก สมัยที่ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมโฆษณาการ ระหว่างพุทธศักราช ๒๔๙๐ – ๒๔๙๓ นั้น ท่านได้เขียนบทความเผยแพร่ทางวิทยุกระจายเสียงหลายครั้ง ที่สำคัญได้แก่บทความเกี่ยวกับความรักชาติ เช่น เรื่องตื่นเถิดชาวไทย เส้นผมบังภูเขา เป็นต้น ในด้านวรรณคดีได้แต่งโคลงกลอนที่เป็นภาษิตหลายเรื่อง โดยใช้นามปากกาว่า “อินทุมาศ” อันมีความหมายเดียวกันกับนามสกุลของท่าน คือ “กาญจนินทุ” ที่แปลว่า “พระจันทร์สีทอง” ภาษิตที่มีชื่อเสียงรู้จักกันแพร่หลาย คือ ภาษิตอินทุมาศ และสุภาษิตานุสรณ์ ซึ่งได้นำออกอ่านเป็นวิทยุสุภาษิตานุสรณ์ และต่อมาได้ตีพิมพ์เผยแพร่เป็นอนุสรณ์ในวันอายุครบ ๖๐ ปี ของท่าน นอกจากนั้นยังได้แต่งหนังสือคู่มือแม่บ้าน อันเป็นความรู้รอบตัวอีกด้วย

คุณเพ็ญฯ นี่เก่งทุดนัดเลยนะครับ นับถือ ๆ

ขอส่งภาพวาดสีน้ำมันชาวจีน ว่าท่านผู้นี้เป็นใครครับ

          พันเอก หลวงรณสิทธิพิชัย ปฏิบัติหน้าที่อธิบดีกรมโฆษณาการ ประมาณ ๓ ปี ก็ได้รับความไว้วางใจจาก จอมพล ป.  พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ให้ไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมศิลปากร ในวันที่ ๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ ซึ่งท่านก็ได้สร้างคุณูปการ และผลงานฝากไว้แก่กรมศิลปากรมากมายเช่นเดียวกัน

          ในหนังสือที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพ พันเอก หลวงรณสิทธิพิชัย พลเรือตรีสมภพ  ภิรมย์ อดีตอธิบดีกรมศิลปากร เขียนเกี่ยวกับงานด้านการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม และโบราณคดีของชาติ ขณะที่พันเอก หลวงรณสิทธิพิชัย ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมศิลปากร ไว้ว่า

          “...ท่านได้มุ่งหน้าปรับปรุงงานกรมศิลปากรให้ก้าวหน้าเป็นลำดับ ท่านได้เป็นผู้เริ่มให้ใช้อักษรย่อของกองและแผนกต่าง ๆ เป็นผู้ริเริ่มให้กองต่าง ๆ จัดทำสถิติส่งทุก ๆ เดือน ท่านพยายามหาโอกาสออกไปตรวจโบราณสถาน และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอยู่เสมอ เมื่อกลับมาก็พิจารณาปรับปรุงงานโบราณคดี และงานการพิพิธภัณฑ์ให้ก้าวหน้า นอกจากนั้นท่านยังสนใจวิชาประวัติศาสตร์ ได้เขียนบทความเรื่อง “ชาติไทย” ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงติดต่อกันเป็นเวลานาน ต่อมาได้มีผู้จัดพิมพ์เป็นเล่มขึ้น เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๔ ท่านได้เสนอรัฐบาลขอให้พิจารณาจัดตั้งคณะกรรมการจัดทำประวัติศาสตร์ไทยขึ้น ซึ่งก็ได้รับอนุมัติ งานประวัติศาสตร์ไทยจึงได้เริ่มมาแต่ครั้งนั้น ในด้านเผยแพร่ความรู้ พ.อ. หลวงรณสิทธิพิชัย ได้รื้อฟื้นจัดให้มีการออกวารสารศิลปากรขึ้นอีก ในฐานะผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยศิลปากร ท่านเป็นผู้จัดตั้งคณะโบราณคดีขึ้น เพื่อจะได้เป็นสถาบันที่ฝึกอบรมผู้ที่จะมารับงานโบราณคดีและการพิพิธภัณฑ์สืบต่อไป งานในด้านสถาปัตยกรรม หัตถศิลป์ การสังคีต วรรณคดี หอสมุดแห่งชาติ และหอจดหมายเหตุ ท่านก็สนใจและพยายามหาทางที่จะให้งานดังกล่าวเจริญก้าวหน้า ...”

          นายนุ่ม  อยู่ในธรรม อดีตรองอธิบดีกรมศิลปากร เขียนเล่าถึงอุปนิสัยใจคอของพันเอก หลวงรณสิทธิพิชัย ในหนังสือเล่มเดียวกัน ว่า

          “...ข้าพเจ้าเริ่มรู้จักมักคุ้นกับ พ.อ. หลวงรณสิทธิพิชัย เมื่อปี ๒๔๙๕ โดยข้าพเจ้าโอนจากกรมเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ปัจจุบันคือ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี) ไปรับราชการทางสำนักงานงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ในตำแหน่งหัวหน้าแผนกโต้ตอบ และเก็บ กองกลาง ขณะนั้นคุณหลวง ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมศิลปากร และบ่อยครั้งท่านต้องเป็นผู้รักษาการแทนปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ที่ประทับใจข้าพเจ้ามากคือ ความเป็นผู้รักเหตุผล และกล้าที่จะผจญกับความจริงโดยไม่เกรงอันตรายใด ๆ ทั้งสิ้น ยกตัวอย่าง เช่น เมื่อตอนแรกตั้งกระทรวงวัฒนธรรมนั้น กรมการวัฒนธรรมซึ่งยังไม่ค่อยมีภารกิจอะไรมากนัก ได้รับมอบจาก ฯพณฯ จอมพล ป.  พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้ดำเนินการเผยแพร่อุดมคติของขบวนการ M.R.A. (Moral Re-Armament) โดยถือว่าเป็นงานหลักที่สำคัญของกรมการวัฒนธรรม งานหนึ่ง ควบคู่กับงานของหน่วยวัฒนธรรมเคลื่อนที่ ขบวนการดังกล่าวนี้มีอุดมการณ์ ๔ ประการ คือ

          ๑.  มีความรักด้วยประการทั้งปวง
          ๒.  มีความซื่อสัตย์ด้วยประการทั้งปวง
          ๓.  มีความบริสุทธิ์ด้วยประการทั้งปวง
          ๔.  มีความไม่เห็นแก่ตัวด้วยประการทั้งปวง

          ขณะนั้นคุณหลวง ท่านเป็นนายกพุทธสมาคมอยู่ด้วย ท่านก็ค้านอย่างหัวชนกำแพงทีเดียวว่า หลักของพระพุทธศาสนาซึ่งชาวไทยนับถือกันอยู่โดยทั่วไปนั้นดีอยู่แล้ว ดีกว่าหลักการอื่น ๆ ของขบวนการ M.R.A. นี้ เช่น มีฉันทะ มีสัจจะ มีปาริสุทธ และมีจาคะ เป็นต้น ทั้ง ๆ ที่ท่านก็ย่อมทราบอยู่แล้วว่า ไม้ซีกหรือจะไปงัดไม้ซุง แต่เมื่อท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องท่านก็ยอมเสี่ยงเพื่อทางที่ถูกที่ควร เดชะบุญที่ ฯพณฯ จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นเพื่อนผู้ก่อการด้วยประการหนึ่ง และ ฯพณฯ เป็นผู้ใหญ่ที่เคารพเชื่อในเหตุผลที่ถูกที่ควรของบุคคลอื่น คุณหลวงจึงไม่กระทบกระเทือนด้วยภัยอย่างใดเลย ถ้าเป็นสมัยอื่น ข้าราชการที่ปฏิบัติดังเช่นคุณหลวงรณสิทธิพิชัย ก็ไม่แน่นักว่าจะอยู่โดยปกติสุขได้...”

          นายบรรเจอด  กาญจนินทุ น้องชายของพันเอก หลวงรณสิทธิพิชัย เขียนเล่าถึงความสามารถ ความกล้าหาญ และการปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาของพี่ชาย ในหนังสือเล่มเดียวกันว่า

          “...ในตอนที่หลวงรณสิทธิพิชัยกลับเข้ามารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนนี้ ข้าพเจ้าเคยได้ยินหลายคราว ที่ข้าราชการเคยพูดกันว่า หลวงรณสิทธิพิชัยเป็นทหาร คิดว่าคงจะปกครองและปฏิบัติต่อข้าราชการพลเรือนเช่นแก่ทหาร แต่ตรงกันข้าม หลวงรณสิทธิพิชัยเป็นทหารแต่ปกครองพลเรือนเช่นอย่างพลเรือนคนหนึ่งได้เป็นอย่างดี แต่ถึงแม้เมื่อมีชีวิตอยู่ในระหว่างทหารด้วยกัน ก็มีข่าวอยู่เสมอว่า การปกครองของหลวงรณสิทธิพิชัยนั้นอ่อนหวาน ไม่แข็งกร้าว ข้อนี้ข้าพเจ้าขอรับรองว่าเป็นความจริง ทั้งนี้ เพราะเราลูก ๆ ได้รับคำอบรมสั่งสอนจากคุณพ่ออยู่เสมอ และเป็นอย่างมากในหลักธรรมแห่งการปกครองคนนั้นกระมัง และก็ผิดกับการปฏิบัติการในการรบจริงที่บางเขน เป็นต้น หลวงรณสิทธิพิชัย ในฐานะผู้บังคับกองพันอยู่แนวหนุน ได้สังเกตการรบอยู่ในขณะนั้นพอสมควร อดนิ่งอยู่ไม่ได้ จึงคลานออกจากโรงนาที่แนวตั้งอยู่ออกไปดูสภาพแนวหน้า (พอออกจากโรงนาไปได้ไม่กี่เมตร โรงนาแห่งนั้นก็ถูกกระสุนปืนจากฝ่ายตรงข้ามอย่างหนัก) และก็กลับลงมาสู่แนวขออาสานำทหารในกองพันที่บังคับบัญชาออกไปแนวหน้าแทน และก็สามารถตะลุยไปข้างหน้าได้อย่างสะดวก

          ปัจจัยอีกประการหนึ่งอันเป็นการสนับสนุนวิธีการปกครองคนและบริหารงานเห็นจะเป็นเพราะหลวงรณสิทธิพิชัยมีนิสัยชอบดนตรี และการแสดงละครกระมัง เพราะดนตรีเป็นเหตุหนึ่งที่ช่วยทำให้จิตใจของคนอ่อนละมุนและรื่นเริง หลวงรณสิทธิพิชัยชอบการร้องเพลง และเคยร้องส่งในวงดนตรี (แบบกันเอง) หลายครั้ง

          เมื่อแรกออกรับราชการครั้งแรกที่ร้อยเอ็ด ก็เคยรวบรวมนายทหารและภรรยา มาฝึกซ้อมละคร จากบทละครที่แต่งขึ้นเองออกแสดงเพื่อการรื่นเริง และเพื่อการกุศลก็หลายครั้ง ทำให้จังหวัดร้อยเอ็ดตื่นตัวและครึกครื้นขึ้นมิใช่น้อย

          ตอนที่เข้ารับราชการเป็นอธิบดีกรมโฆษณาการนั้น นอกจากพิจารณาปรับปรุงการบริหารบางประการแล้ว ก็มาถึงการปรับปรุงฐานะของวงดนตรีสากลของกรม ซึ่งปรากฏว่าตั้งแต่นายวงลงไป ยังอยู่ในฐานะลูกจ้าง หลวงรณสิทธิพิชัยจึงได้จัดการให้มีการสอบเพื่อยกฐานะลูกจ้างมาเป็นข้าราชการสามัญ และก็ได้เป็นไปสมความมุ่งหมายนับว่าได้นำความก้าวหน้าในทางราชการให้แก่วงดนตรีสากลของกรมเป็นอย่างมาก ครั้นเมื่อได้ย้ายไปเป็นอธิบดีกรมศิลปากร ก็ได้ดำเนินการส่งเสริมวงดุริยางค์สากลของกรมนั้น ซึ่งข้าพเจ้าทราบมาว่าตอนก่อนนั้น วงดุริยางค์สากลของกรมศิลปากรเงียบเหงา เพราะขาดการฝึกซ้อม เนื่องจากอุปกรณ์บางประการ อาทิ สายซอ หรือลิ้นปี่ ไม่มีงบประมาณซื้อ ครั้นอธิบดีคนใหม่นี้เข้าไป ก็จัดแจงให้จัดตั้งงบประมาณเพื่อการนี้และนั่นก็ได้มีเสียงบรรเลงเสียงซ้อมกันดังขึ้น...”

          สมัยเมื่อดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมศิลปากร ระหว่างพุทธศักราช ๒๔๙๓ – ๒๔๙๘ นั้น พันเอก หลวงรณสิทธิพิชัย มีความสนใจในการค้นคว้าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ และโบราณคดี เป็นพิเศษ ท่านได้เดินทางไปสำรวจโบราณวัตถุ โบราณสถานตามท้องถิ่นต่าง ๆ ทั่วราชอาณาจักรอยู่เสมอ จึงทำให้มีความรู้และความเข้าใจในการดำเนินงานทางด้านโบราณคดีอย่างดียิ่งผู้หนึ่ง งานด้านโบราณคดีที่ท่านได้ริเริ่มขึ้น และเป็นรากฐานของความเจริญในสมัยปัจจุบันก็คือ การขยายพิพิธภัณฑสถานในจังหวัดต่าง ๆ ให้กว้างขวาง และสนับสนุนให้มีการสำรวจและค้นคว้าเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นยังได้จัดหาทุนส่งเสริมข้าราชการกรมศิลปากรให้ไปศึกษาอบรมยังต่างประเทศมากขึ้น พร้อมกับเปิดสถาบันฝึกอบรมและสอนวิชาโบราณคดีแก่ผู้ที่จะเข้ารับราชการทางด้านนี้ ซึ่งสถาบันแห่งนี้ก็คือ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งในขณะนั้นอยู่ในสังกัดกรมศิลปากร

          นอกจากการจัดหน่วยงาน ส่งเสริมและสนับสนุนทางด้านวิชาการแล้ว พันเอก หลวงรณสิทธิพิชัย ยังได้ค้นคว้าและเรียบเรียงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ และโบราณคดีออกเผยแพร่เป็นจำนวนมาก ที่สำคัญคือเรื่อง “ไทยในแหลมทอง” ซึ่งเดิมได้เรียบเรียงเป็นบทความให้ชื่อว่า “บทความเรื่องไทย” บรรยายออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยเป็นตอน ๆ เริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๙๖ แล้วได้นำมาตีพิมพ์เป็นครั้งแรกในวารสารศิลปากร ระหว่างพุทธศักราช ๒๔๙๖ – ๒๔๙๗ ครั้นพุทธศักราช ๒๔๙๗ ได้รวบรวมจัดพิมพ์เป็นเล่มขึ้น นับเป็นการพิมพ์ครั้งที่สอง ให้ชื่อว่า “ไทยในแหลมทอง” หนังสือเรื่องไทยในแหลมทองนี้ เป็นเรื่องที่กล่าวถึงความสำคัญและความเป็นมาของชาติไทย ตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ สมัยสุโขทัย และสมัยปัจจุบัน ให้ความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ ก่อให้เกิดความรักชาติ และซาบซึ้ง ในเรื่องราวของชาติ ทั้งที่เป็นอดีตและปัจจุบัน จึงนับว่าเป็นหนังสือที่มีคุณค่ายิ่งเรื่องหนึ่ง นอกจากนั้น ท่านยังได้เรียบเรียงถอดความในนิทานคำกลอนชื่อ “สุริยัน-จันทรา” ซึ่งตีพิมพ์อยู่ในวารสารศิลปากร ระหว่างพุทธศักราช ๒๔๙๕ – ๒๔๙๖ ออกเป็นความเรียงด้วย

          เมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๙๔ ระหว่างรับราชการอยู่ณ กรมศิลปากร พันเอก หลวงรณสิทธิพิชัย ผู้เกิดมาในตระกูลที่นับถือพระพุทธศาสนา และประกอบด้วยศรัทธาปสาทะแห่งตน จึงสละเพศฆราวาสเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ณ พัทธสีมา วัดบวรนิเวศวิหาร โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ทรงเป็นพระอุปัฌชาย์ และสมเด็จพระสังฆราช (จวน  อุฏฐายี) แห่งวัดมกุฏกษัตริยาราม
ขณะเมื่อดำรงสมณศักดิ์เป็น พระสาสนโสภณ กับพระพรหมมุนี (ผิน  สุวโจ) แห่งวัดบวรนิเวศวิหาร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ในระหว่างที่อยู่ในสมณเพศนั้น ท่านมีความสามารถสอบได้เป็นนักธรรมเอก แล้วได้ลาสิกขาบท คืนเข้าสู่กรมศิลปากรตามเดิม

          ระหว่างที่อุปสมบทนั้น ท่านได้เขียนเรื่องราวที่เกี่ยวกับธรรม และพุทธปรัชญาออกเผยแพร่ เช่นพุทธประวัติ ประทีปแห่งเอเชีย เทศนาสามกัณฑ์ และเรียงความกระทู้ธรรม เป็นต้น

          พุทธศักราช ๒๔๙๗ ได้รับโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศพันเอก

          ปลายปีพุทธศักราช ๒๔๙๘ พันเอก หลวงรณสิทธิพิชัย ได้ลาออกจากราชการ และตัดสินใจหาที่วิเวกเพื่อสงบจิตใจจนกว่าจะสิ้นชีวิต ในที่สุดก็ได้เลือกส่วนหนึ่งของวัดถ้ำมังกรทอง จังหวัดกาญจนบุรี เป็นที่ฝึกวิปัสสนา และถือศีล ๘ โดยได้รับอนุญาตจากหลวงพ่อจ้อย  เขมิโย ผู้เป็นเจ้าอาวาส อนุญาตให้ท่านสร้างอาศรมไม้ชั้นเดียว กว้างขวางพอที่ลูก ๆ หรือญาติ ๆ หรือผู้อื่นที่รักใคร่ไปขอพำนักบ้าง ท่านได้ฝึกวิปัสสนา และถือศีล ๘ โดยปวารณาตัวขอเป็นศิษย์พระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก  ญาณสิทธิเถร) ขณะเมื่อท่านดำรงสมณศักดิ์เป็น พระราชสิทธิมุนี ท่านได้กรุณาสอนและให้ทางปฏิบัติอย่างถี่ถ้วน ซึ่งพันเอก หลวงรณสิทธิพิชัย ได้จดจำ และนำมาปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ
จนการวิปัสสนาก้าวหน้าขึ้นไปเป็นลำดับ

          พุทธศักราช ๒๕๐๓ ขณะที่พันเอก หลวงรณสิทธิพิชัย ฝึกวิปัสสนาที่อาศรม วัดถ้ำมังกรทองนี้ แขนและขาข้างขวาของท่านเกิดอาการชาเหยียดยืดไม่สะดวก จำเป็นต้องหยุดการวิปัสสนา และถือศีล ๘ ลงเสีย เพราะจะทำให้อาการทรุดหนักมากขึ้น ภายหลังได้เริ่มมีอาการของโรคอัมพาต เริ่มด้วยการบังคับขาขวาไม่ได้ ต่อมาก็เป็นแขนขวา และอาการก็มากขึ้นเป็นลำดับ ในช่วงนี้ท่านได้รับการรักษาโดยแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนโบราณ แต่อาการของท่านก็มีแต่ทรุดลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงต้องนอนอยู่กับที่ต้องป้อนอาหารและจับพลิกตัวให้ โดยที่ท่านไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย ถึงแม้ว่าการรักษาทางกายจะไม่ได้ผล แต่ทางจิตใจท่านได้รับการรักษาดูแล ได้รับความอบอุ่นอย่างเต็มที่จากลูก ๆ และหลาน ๆ

          พันเอก หลวงรณสิทธิพิชัย ได้ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๑๕ สิริอายุได้ ๗๓ ปี ๕ เดือน ๑๕ วัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานโกศโถ พร้อมเครื่องประกอบเกียรติยศ และได้มีพิธีพระราชทานเพลิงศพ ณ เมรุวัดมกุฏกษัตริยาราม เมื่อวันจันทร์ ที่ ๘ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๑๖

อ้างอิงจาก หนังสือสดุดีบุคคลสำคัญ เล่มที่ 24
อรุณี แดงพันธ์ เีรียบเรียง

# ๒๑๕ (http://www.tour-bangkok-legacies.com/Bangkok_Travelbug-November10.html)

หาอ่านรายละเอียดของภาพปริศนาได้ที่เล่มนี้นะครับ :D

เจ้านายท่านนี้ ท่านชื่ออะไรเอ่ย

ต่อกัันด้วยภาพนี้ ใหม่ขึ้นมาหน่อย ท่านเป็นใครกันหนอ

พอบอกใบ้เข้านิดคุณเพ็ญก็ระบุนาม เจ้าพระยามุขมนตรี (อวบ  เปาโรหิตย์) ได้ในเวลาอันรวดเร็ว
ก่อนที่ท่านผู้นี้จะได้เลื่อนเป็นเจ้าพระยามุขมนตรี ตำแหน่งสมุหพระนครบาล  ซึ่งจะเทียบกับตำแหน่ง
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในปัจจุบันได้หรือไม่? คงต้องรบกวนท่านผู้รู้ช่วยกันวิพากษ์ต่อไป
ท่านมีบรรดาศักดิ์เป็น พระยาราชนกูล วิบุลยภักดี  เมื่อท่านเลื่อนเป็นเจ้าพระยามุขมนตรีแล้ว
จึงเป็นการเปิดทางให้พระยาไพศาลศิลปสาตร์ (รื่น  ศยามานนท์) ที่เคยมีรูปมาทายกันก่อนหน้านี้
ย้ายจากปลัดทูลฉลองกระทรวงธรรมการมาเป็นปลัดทูลฉลองกระทรวงมหาดไทย  และเปลี่ยน
ราชทินนามมาเป็น พระยาราชนกูล วิบุลยภักดี คนสุดท้าย
 

ทูลกระหม่อมเอียดเล็ก ครับผม

พระรูปเจ้านายเล็กๆ พระราชโอรสในรัชกาลที่ 4  ที่นำมาลงนี้  มีผู้รู้พอทราบไหมคะว่าเป็นพระองค์ใดบ้าง   
คนถามคือคุณสืบ บุณยรัตพันธุ์    ดิฉันอาสาเอาลงในเรือนไทยเพื่อหาคำตอบให้

พระรูปแรก
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  ประทับนั่งพร้อมกับพระราชโอรส   สตรีในภาพน่าจะเป็นเจ้าจอมมารดาเที่ยง

พระรูปที่สอง

พระรูปที่สาม

กระทู้นี้ตกไปหลายวัน  ลองมาทายกันดูครับว่า ๔ พี่น้องนี้ท่านมีนามว่ากระไร  คิดว่าไม่น่ายากจนดูไม่ออกนะครับ

ม.ล.ปิ่น มาลากุลกับพี่ๆน้องๆของท่าน
คนที่ยืนข้างหน้าถัดจากท่าน น่าจะเป็นน้องสาว ม.ล.ปานตา วสันตสิงห์
อีกสองท่านน่าจะเป็นพี่สาว ม.ล.ปอง เทวกุล และม.ล.เปนศรี มาลากุล

ยังไม่ถูกครับ  ทั้ง๔ ท่าน ล้วนเป็นธิดาและบุตรท่านผู้หญิงเสงี่ยม พระเสด็จสุเรนทราธิบดี  ที่มีนามพยางค์เดียวครับ

แก้ตัวใหม่
ม.ล. ปก  ม.ล.ป้อง  ม.ล.ปอง  ม.ล. ปิ่น  มาลากุล ค่ะ

ถูกต้องครบถ้วนแล้วครับ

เรียนถามถึงชุดที่ สุภาพสตรีทั้งสามท่านสวมใส่ ค่ะ  ;D
เป็นเครื่องแบบ นักเรียน หรืออย่างไร เพราะมีผูกโบว์ที่คอคล้ายกัน
แต่ท่านที่สาม เสื้อไม่มีปก แต่มีผ้าอะไรที่หลังคอด้วยค่ะ... ???

ตอบท่านอาจารย์เทาชมพู
ผมเห็นในหนังสืออะไรสักอย่างจำชื่อไม่ได้ครับเขาบอกชื่อทั้งหมดเลยครับ ถ้าผมจำไม่ผิดสองท่านสุดท้าย เป็นเจ้าพี่เจ้าน้องกัน ท่านขวามือสุดคือ พระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระราชเทวี และข้างหน้าท่านคือ กรมหลวงทิพยรัตนกิริฎกุลินี
ผมขอเวลาสามวันไปหาหนังสือเล่มนั้นก่อนแล้วจะมาตอบว่ามีใครกันบ้างในรูปทั้งหมดน่าจะมี 43 พระองค์ถ้าจำไม่ผิด

ขอบคุณมากค่ะ  คุณ werachaisubhong จะรออ่านนะคะ

ท่านอาจารย์เทาชมพู ครับ ผมได้อ่านจากหนังสือ สมุดพระรูปพระราชโอรส พระราชธิดา และพระราชนัดดาใน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หนังสือเล่มนี้เป็นอีกเล่มที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนากรมนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงโปรดเกล้าให้ นายเจฟฟี่ ไฟน์สโตน(ฝรั่งที่สนใจประวัติศาสตร์ไทย) รวบรวมขึ้น
ตามรูปภาพที่อาจารย์เทาชมพู ถามความคิดเห็นที่ 224 และ ความคิดเห็นที่ 225 นั้น ผมได้รายพระนาม มาทั้งหมดจากหนังสือเล่มนี้ครับผิดถูกยังไงแย้งผมได้นะครับ

รูปความคิดเห็นที่ 224 นั้นมีรายพระนามดังนี้ครับ   ผมทำหมายเลขกำกับไว้ทุกพระองค์ครับ 
เริ่มจากพระองค์แรกเลยนะครับ
1 พระองค์เจ้าชายเกษมศรีศุภโยค
2 พระองค์เจ้าชายทวีถวัลยลาภ
3 พระองค์เจ้าชายอุณากรรณอนันตนรไชย
7 พระองค์เจ้าชายทองแถมถวัลยวงศ์
8 พระองค์เจ้าชายทองกองก้อนใหญ่
9 พระองค์เจ้าชายชุมพลสมโภช
10 พระองค์เจ้าชายศรีสิทธิธงไชย
13 พระองค์เจ้าชายไชยานุชิต
14 พระองค์เจ้าชายมนุษยนาคมานพ
15 พระองค์เจ้าหญิงบัญจบเบญจมา
16 พระองค์เจ้าหญิงสุนันทากุมารีรัตน์
23 พระองค์เจ้าชายโสณบัณฑิต
24 พระองค์เจ้าหญิงเสาวภาผ่องศรี
25 พระองค์เจ้าหญิงบุษบันบัวผัน
26 พระองค์เจ้าชายวัฒนานุวงศ์
27 พระองค์เจ้าหญิงนงคราญอุดมดี
32 พระองค์เจ้าชายศรีเสาวภางค์
33 พระองค์เจ้าหญิงเสาวภาคย์พรรณ
34 พระองค์เจ้าหญิงประสานศรีใส
35 พระองค์เจ้าชายสวัสดิโสภณ
36 พระองค์เจ้าชายไชยันตมงคล

ส่วนมากผมชอบอ่านหนังสือประเภทประวัติศาสตร์ครับ จะอ่านหลายๆรอบเพื่อจำว่ามีใคร ทำอะไร ที่ไหน แล้วก็จดชื่อมา ที่เหลือก็ใชอินเตอร์เน็ตช่วยในการค้นคว้าอีกรอบ ที่เหลือเดียวผมเอามาลงให้อีกครับ

รูปความคิดเห็นที่ 225 นั้นมีรายพระนามดังนี้ครับ
4 พระองค์เจ้าชายศุขสวัสดี
5 พระองค์เจ้าชายกฤษดาภินิหาร
6 พระองค์เจ้าชายคัคณางคยุคล
11 พระองค์เจ้าชายกมลาสน์เลอสรรค์
12 พระองค์เจ้าชายกาพย์กนกรัตน์
17 พระองค์เจ้าหญิงอรไทยเทพกัญญา
18 พระองค์เจ้าหญิงนารีรัตนา
19 สมเด็จเจ้าฟ้าชายภาณุรังสีสว่างวงศ์
20 พระองค์เจ้าชายเทวัญอุไทยวงศ์
21 พระองค์เจ้าชายสวัสดิประวัติ
22 พระองค์เจ้าชายจันทรทัตจุฑาธาร
27 พระองค์เจ้าหญิงนงคราญอุดมดี
28 พระองค์เจ้าชายวรวรรณากร
29 พระองค์เจ้าชายดิศวรกุมาร
30 พระองค์เจ้าหญิงสว่างวัฒนา
31 พระองค์เจ้าหญิงกาญจนกร
37 พระองค์เจ้าหญิงประพาฬรัศมี
38 พระองค์เจ้าชายจิตรเจริญ
39 พระองค์เจ้าหญิงพวงสร้อยสอางค์
40 พระองค์เจ้าหญิงแขไขดวง
41 พระองค์เจ้าหญิงประไพศรีสอาด
42 พระองค์เจ้าหญิงนภาพรประภา
43 พระองค์เจ้าหญิงสุขุมาลมารศรี 

ผิดถูกประการใดขออภัยด้วยนะครับ

ผมถามบ้างนะครับ ว่า คุณทวดท่านนี้คือใครครับ

เจ้าจอมมารดาเกษในรัชกาลที่ ๔  พ.ศ. ๒๓๖๒-๒๔๕๘ สิริอายุ ๙๖ ปี

 ;D

ถูกต้องครับ เป็นเจ้าจอมมารดาของ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภัศร

ขอบคุณคุณ werachaisubhong มากที่สุดค่ะ

ไม่เป็นไรครับอาจารย์ พอดีผมไปอ่านเจอครับ เลยทั้งจดและจำมา ครับ

พระรูปแรก
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  ประทับนั่งพร้อมกับพระราชโอรส   สตรีในภาพน่าจะเป็นเจ้าจอมมารดาเที่ยง
จากที่อาจารย์เทาชมพูอ้างถึง ได้คุยกับเพื่อนในเฟซบุ๊ค มีข้อโต้แย้งว่าสตรีในภาพต้องเป็นสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ครับ ตกลง้ป็นทานใดกันแน่ เคยดูกระทู้http://www.reurnthai.com/index.php?topic=1946.15 ก็เห็นเถียงกันอยู่แต่ยังไม่มีข้อสรุป ขอคำยืนยันกับผู้รู้อีกครั้งครับ

มาทายกันต่อครับ  นายทหารหญิงท่านนี้เป็นใคร?

ตอบคุณjean1966

ภาพเฉลยครับ

ส่วนภาพของคุณวีหมีนั้น ผมเคยเขียนถึงเธอในกระทู้หลวงพิบูลใช่หรือเปล่าหนอ ?

ถ้าใช่ เธอก็คือ

ว่าที่ร้อยตรีหญิงจีรวัสส์ พิบูลสงคราม ลูกสาวคนเล็กของท่านผู้นำครับ
คุณพ่อคุณแม่โปรโมทให้เป็นทหารหญิงคนแรกของเมืองไทย

ภาพเปรียบเทียบฝีมือคุณเทาชมพูภาพนี้ น่าจะมีประโยชน์ในการหาคำตอบ


 ;D

ไม่ใช่คุณจีรวัสส์ครับ  แต่ท่านผู้นี้จะว่าไปแล้วคือต้นกำเนิดนายหารหญิงในกองทัพบกสยามยุคใหม่เลยทีเดียวครับ

 ;Dขอเดานะคะว่า ท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม :D

ส่งภาพให้พิจารณากันแบบชัด ๆ ครับ

ส่งให้ดูเทียบกันอีกชุด

สวัสดีครับ เป็นสมาชิกใหม่ แต่แอบเข้ามาอ่านนานแล้วครับ

ขอร่วมสนุกด้วยนะครับ

รูปของคุณ V_Mee  ผมว่า เป็น เจ้าฟ้าวไลยองลกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร   ;D

สัตตบรรณ สมาชิกใหม่เพิ่งเข้ามาก็ตอบถูกเลย  ขอคารวะครับ

พระรูปนั้นทรงเครื่องนายพันเอก ผู้บังคับการพิเศษกรมทหารม้าที่ ๒
มูลเหตุที่ทรงได้เป็นผู้บังคับการพิเศษนั้นมาจาก เมื่อครั้งที่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ ทรงตั้งกองเสือป่า
แล้วโปรดให้พระบรมวงศ์บางพระองค์ที่ทรงมีพระนามกรมพ้องกับนามมณฑลเป็นผู้บังคับการพิเศษ
กองเสือป่ามณฑลที่มีนามตรงกับพระนามกรม  เช่น สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ
ทรงเป็นผู้บังคับการพิเศษกองเสือป่ามณฑลพิษณุโลก  สมเด็จเจ้าห้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต
ทรงเป็นผู้บังคับการพิเศษกองเสือป่ามณฑลนครสวรรค์  กรมหลวงนครไชยศรีสุรเดช ทรงเป็น
ผู้บังคับการพิเศษกองเสือป่ามณฑลนครำชยศรี ฯลฯ แล้ว  ก็ได้มีพระราชดำริจะทรงตั้งสมเด็จเจ้าฟ้า
กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธรเป็นผู้บังคับการกรมทหารราบที่ ๑๔ จังหวัดเพชรบุรี 

แต่สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกกราบบังคมทูลทัดทานว่า หากทรงตั้งทูลกระหม่อมหญิงเป็น
ผู้บังคับการพิเศษกรมทหารราบที่ ๑๔ ซึ่งล้นเกล้าฯ ทรงรับเป็นผู้บังคับการพิเศษแล้ว  นายทหาร
ในกรมทหารราบที่ ๑๔ ก็ต้องปลดพระบรมนามาภิไธยย่อ ว.ป.ร.ที่พระราชทานให้ประดับเป็นเกียรติยศ
บนอินทรธนูออกเพราะไม่ได้ทรงเป็นผู้บังคับการพิเศษแล้ว  ทรงเห็นควรให้ทูลกระหม่อมหญิงเป็น
ผู้บังคับการพิเศษกรมทหารม้าเหมือนเจ้าในยุโรปจะเหมาะกว่า  แต่ก็ทรงเห็นด้วยว่า ถ้าโปรดตั้ง
ทูลกระหม่อมหญิงเป็นผู้บังคับการพิเศษ  แล้วไม่ทรงตั้งสมเด็จพระพันปีหลวงซึ่งทรงมีพระราชหฤทัย
นิยมการทหารเป็นอย่างมากแล้ว  สมเด็จพระพันปีหลวงจะ "ทรงไว้หนวด" เอาได้  สำนวนทรงไว้หนวดนี้
จะมีท่านผู้ใดให้คำนิยามให้ชัดเจนได้บ้างไหมเอ่ย?

สุดท้ายเลยโปรดสถาปนาสมเด็จพระำันปีหลวงเป็นนายพันเอก ผู้บังคับการกรมทหารม้าที่ ๖ เป็นพระองค์
แรก (ปัจจุบันกรมนี้คือ กองพันทหารม้านที่ ๕ รักษาพระองค์ในสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ
ตังหวัดขอนแก่น)  ส่วนสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธรก็ได้ทรงเป็นนายพันเอก ผู้บังคับการ
กรมทหารม้าที่ ๒  แล้วเลยเกิดเป็นธรรมเนียมที่เจ้านายฝ่ายในได้ทรงเป็นผู้บังคับการพิเศษหน่วยทหารต่อมา

เจ้านายฝ่ายในพระองค์สุดท้ายที่ทรงเป็นผู้บังคับการพิเศษ คือ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี  ซึ่งทรง
เป็นผู้บังคับการพิเศษกรมทหารม้าที่ ๔ รักษาพระองค์ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี

^
เป็นความรู้ใหม่เอี่ยมจริงๆ อ่านเพลินเลยครับ
และย้ำความรู้เดิมๆด้วยว่า สมเด็จพระพันปีท่านทรงดุจริงๆ ไม่มีใครอยากท้าทายความดุนี้

ตกลงผมก็ยังไม่รู้อยู่ดี เอารูปมาเปรียบเทียบแล้วตกลงสตรีในรูปคือเจ้าจอมหรือมเหสีครับ บอกหน่อยคุณหนุ่มสยาม

เห็นพระรูปชัดๆที่คุณ Siamese นำมาลงให้ดู   ดิฉันคิดว่าเป็นสมเด็จพระเทพศิรินทรฯ ค่ะ   ไม่ใช่เจ้าจอมมารดาเที่ยง

ผมคิดเช่นเดียวกับอจ.เทาชมพูครับ ดูจาก รูปพระโอษฐ์ แล้ว พระรูปที่ฉายหมู่ กับ พระรูปที่เราเห็นกันคุ้นตา จะเหมือนกันมาก
ในขณะที่ รูปริมฝีปากของเจ้าจอมมาดรดาเที่ยง จะหนากว่า

คนนี้คือใครครับยังเด็กอยู่เลย   ;D

(http://i792.photobucket.com/albums/yy202/kachachai21/DSC01035.jpg)

พระรูปที่สงสัยกันอยู่นั้น  จำได้ว่ามีคำตอบอยู่ในหนังสือชุด ๑๕๐ ปี พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เล่มที่เป็นรวมพระรูปครับ
พอดีผมยังหาหนังสือนั้นไม่พบ  วานท่านที่มีหนังสือนี้ตรวจสอบด้วยครับ

ตาชั้นเดียวจังเลยครับ

ดูเค้าหน้าแล้วน่าจะเป็น พระโสภณเพชรรัตน (กิ๊  โสภโณดร) บุตร "นายอากรเต็ง" หรือหลวงอุดรภัณฑ์พาณิชย์ (เตียอูเต็ง)

พอจะเดาได้ไหมครับแฟนพันธุ์แท้รูปถ่ายเก่าว่าเป็นท่านใดโดนน้ำไปครึ่งหรือโดนปลวง ;D

(http://i792.photobucket.com/albums/yy202/kachachai21/DSC01042.jpg)

แบบนี้ไม่ใช่โดนน้ำครับ เป็นการโดนปลวกกินครับ มีคราบน้ำลายปลวกทิ้งคราบสีน้ำตาล ๆ จุด ๆ กระจายไปทั่วครับ

รายชื่อหลังรูปหาจาก google ไม่เจอเลยครับ ???

(http://i792.photobucket.com/albums/yy202/kachachai21/Untitled.jpg)

เห็นด้วยครับ
เมื่อเทียบลักษณะใบหู ค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นสมเด็จพระเทพศิรินทรฯ

จากข้อมูลหลังภาพ  ราชทินนามที่ปรากฏล้วนเป็นบุคคลในแวดวงตุลาการที่เริ่มมีขึ้นภายหลังจากที่เสด็จในกรมหลวงราชบุรีฯ ทรงจัดตั้งโรงเรียนกฎหมายแล้ว
บุคคลที่ปรากฏนามหลังภาพนั้น  จึงพอจะระบุตัวตนได้ดังนี้ครับ

ขุนลิปิกรโกศล  ต่อมาได้เป็น พระลิปิกรโกศล (จำนามเดิมไม่ได้)  เกษียณอายุจากกระทรวงต่างประเทศแล้วท่านได้บวชเป็นภิกษุในพระบวรพุทธศาสนา  จำพรรษาที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม จนมรณภาพ
หลวงเมธีนฤปกร  คือ เจ้าพระยาพิชัยญาติ (ดั่น  รักตประจิต)
หลวงนรเนติบัญชากิจ คือ พระยานรเนติบัญชากิจ (ลัด  เศรษฐบุตร)
ม.ล.เหน่  คือ พระยาราชภพน์บริหาร (ม.ล.เหน่  พึ่งบุญ)

อำมาตย์เอก พระลิปิกรณ์โกศล (สวัสดิ์ เทพาคำ)
มหาอำมาตย์เอก เจ้าพระยาพิชัยญาติ (ดั่น บุนนาค)
มหาอำมาตย์โท พระยานรเนติบัญชากิจ (ลัด เศรษฐบุตร)
มหาเสวกตรี พระยาราชภพน์บริหาร (มล. เหน่ พึ่งบุญ)

ขอบคุณทุกๆท่านสุดยอดมากครับ  ;D ;D ;D

ย้อนไปค้นคลังกระทู้เก่าพบภาพนี้ของคุณ D:D: บุคคลในภาพดูเหมือนจะมีคำเฉลยแล้ว  แต่ถ้าจะมาทายกันอีกคงไม่ผิดกติกา
ที่สำคัญอักษร ย่อ บนภาพนั้นท่านเป็นใคร  ยังไใ่มีท่านผู้ใดเฉลย

เปรียบเทียบครับ  ใช่คนเดียวกันหรือไม่  ภาพขวาคือ พระโสภณเพชรรัตน (กิ๊  โสภโณดร)

ท.ป.ส. เป็นพระนามแฝงของ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สำหรับพระราชนิพนธ์บทละคร
ย่อมาจาก ทวีปัญญาสโมสร ซึ่งพระองค์ท่านทรงเป็นนายกอยู่นั่นเองค่ะ

ร.ร.เป็นพระนามแฝงของ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เช่นเดียวกันค่ะ
ทรงใช้สำหรับพระราชนิพนธ์บทความค่ะ (หนูดีดี เคยมองว่าเป็น ถ.ถ. มาแล้วค่ะ เลยจำแม่น ;D)

ทีแรกก็เข้าใจว่าเป็นลายพระราชกัตถ์ ร.ร.  แต่เมื่อดูลายมือเขียนในภาพแล้วไม่ใช่ลายพระราชหัตถ์ครับ
พิจารณาอีกที  จึงเห็นว่าอักษรย่อนั้นคือ ถ.ถ. ซึ่งก็คือ หม่อมเจ้าถูกถวิล  ศุขสวัสดิ์ ซึ่งได้ถวายตัวรับราชการ
เป็นข้าหลวงเดิมมาแต่ก่อนขึ้นครองราชย์ครับ

 ภาพคุณหญิงพวงหรือเปล่าครับ------ภาพขวาคุณหญิงพวง

(http://i792.photobucket.com/albums/yy202/kachachai21/Untitled-1.jpg)

อ้าว... :o
ตกลงเป็น ถ.ถ. ไม่ใช่ ร.ร. นะคะ

อยากให้ช่วยวิเคราะห์สตรีนุ่งสไบท่านนี้ว่า เป็นฝรั่ง แขก หรือ พราหมณ์

การแต่งการแบบผสม สวมรองเท้าหนังอย่างดี สวมถุงเท้าลาย ผมยาว ห่มสไบด้วย

เป็น ถ.ถ. ที่มาจากถูกถวิลครับ
ก่อนขึ้นครองราชย์ในหลวงทรงลงพระนามาภิไธย วชิราวุธ หรือ ม.ว. ครับ
ขึ้นครองราชย์แล้วช่วงก่อน พ.ศ. ๒๔๕๙  ทรงใช้ วชิราวุธ ป.ร.
หลัง ๒๔๕๙ ทรงใช้ ราม ร. ครับ

ถามอีกแล้วจ้า ภาพถ่ายมีตราแผ่นดิน  :) ท่านมีนามว่า ศ...... อะไรครับ

(http://i792.photobucket.com/albums/yy202/kachachai21/DSC00943.jpg)

(http://i792.photobucket.com/albums/yy202/kachachai21/DSC009439.jpg)

ภาพข้างบนดูจากลายมือชื่อที่มุมล่างขวาของภาพ  น่าจะเป็น พระยาศรีสังกร (ตาด  จารุรัตน)
ภาพตราแผ่นดินที่กระดาษรองภาพนั้น  เป็นตราตั้งที่พระราชทานแก่ห้างร้านที่ทำธุรกิจกับพระราชสำนัก
เหมือนตราครุฑแดงตามธนาคารและบริษัทต่างๆ  อันมีความหมายว่าเป็นห้องภาพหลวงที่ทำหน้าที่ฉาย
พระบรมฉายาลักษณ์
ห้างนี้ชื่อ โรเบิร์ต เลนซ์ เป็นร้านถ่ายรูปของชาวเยอรมัน  ต่อมาเมื่อไทยประกาศสงครามกับเยอรมันใน
สงครามโลกครั้งที่ ๑ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๐ ห้างนี้ถูกริบราชพัทยาตกเป็นของหลวงแล้ว  ได้เปลี่ยนชื่อเป็น
ห้องฉายานรสิงห์ ห้องภาพหลวง  และเปิดดำเนินการต่อมาจนถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

ภาพต่อไป  ท่านผู้นี้คือใครมีหน้าที่อะไรครับ

ผมตอบแบบเห็นจากภาพนะครับ ท่านถือกรับ แต่งชุดคล้ายมหาดเล็ก ผมเลยไปหาในเน็ตมีแต่ มหาดเล็กรัวกรับ ให้สัญญาณชาวม่านไขพระวิสูตร และ ให้สัญญาณชาวม่านปิดพระวิสูตร ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะครับ

เจ้าหมื่นสักท่าน ในรัชกาลที่ ๖ หน้าที่รัวกรับไขม่านพระวิสูตร เวลาเสด็จออกพระที่นั่งอมรินทร์วินิจฉัย

เป็นมหาดเล็กรัวกรับนั้นท่ถูกืางแล้วครับ 
แต่ถ้าเป็นมหาดเล็กรัวกรับเวลาเปิดปิดพระวิสูตรซึ่งเป็นงานในเวลาเสด็จออกมหาสมาคม 
แล้วเหตุไฉนท่านจึงขัดดาบซึ่งเป็นการผิดพระราชประเพณี?  ท่านผู้นี้มีตำแหน่งอะไรแน่?

นึกถึงขบวนเรือราชพิธีพยุหยาตรา เป็นพนักงานชาวเรือขบวนพระที่นั่งครับ

คิดเหมือนออกขุน

มาเฉลยดีกว่า ท่านผู้นี้มีนามว่า พระยาเสถียรสุรประเพณี (ชม  ชมเสวี)  มียศเป็นมหาเสวกโทสังกัดกระทรวงวัง
ราชทินนามก็บอกอยู่แล้วว่ามีหน้าที่เกี่ยวกับพระราชประเพณี  ภาพนี้ท่านแต่งชุดเป็นผู้บัญชาการกระบวนเสด็จพยุหยาตรา
ทางสถลมารคในสมัยรัชกาลที่ ๖ 

ในสมัยรัชกาลที่ ๖ นั้นนอกจากการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยกระบวนพยุหยาตราใหญ่ทางสถลมารคในคราว
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมโภชเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๔  ยังได้โปรดให้มีการเสด็จพระราชดำเนินโดยกระบวนพยุหยาตราน้อย
ทางสถลมารคไปพระราชทานพระกฐิน ณ วัดบวรนิเวศวิหาร วัดราชบพิธ และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เป็นประจำ
เกือบทุกปี  ส่วนการเสด็จพระราชดำเนินโดยกระบวนพยุหยาตราทางชลมารคนั้นก็มีบ้างแต่บางปีก็เป็นการเสด็จโดย
กระบวนเรือยนต์ 

ในสมัยรัชกาลที่ ๖ เวลาจะเสด็จลงจากพระราชฐานมาประทับพระราชยานจะมีคุณหลวงนายผู้เป็นนายเวรมหาดเล็ก 
มาแจ้งให้ผู้บัญชาการกระบวนได้ทราบ  ผู้บัญชาการกระบวนก็จะรัวกรับให้สัญญาณ  ต่อจากนั้นจ่ากรองก็จะตีกลองชนะ
ที่เรียกกันว่า เรียกริ้ว  ต่อจากนั้นก็เป็นการประโคมกันสนั่นเลื่อนลั่นจนเสด็จลงประทับพระราชยานเรียบร้อย  ผู้บัญชาการ
กระบวนก็จะรัวกรับสัญญาณให้เริ่มยาตรากระบวน   

เมื่อวานเป็นวันสำคัญของส่วนราชการไทยแห่งหนึ่ง  วันนี้เลยขอนำภาพบุคคลที่เคยมีตำแหน่งสำคัญ
ในส่วนราชการที่ว่านั้นมาให้ทายกันครับ  ท่านเป็นใครกันหนอ?

ท่านนี้ใช่ไหมนะ

ท่าน NAVARAT.C  มาเฉลยให้เสร็จสรรพเลย  ขอคารวะครับ

ท่านผู้นี้คือ.....

มหาอำมาตย์เอก พระยาสุริยานุวัตร (เกิด บุนนาค)

http://www.reurnthai.com/index.php?topic=3640.0

 ;D

ถูกต้องครับ

มาทายกันต่อครับ  ท่านผู้นี้คือใคร?  ใบ้ให้นิดครับท่านเป็นสมาชิกจิตรลดาสโมสรจึงมีดุมเม็ดต้นเป็นสัญลักษณ์ของสโมสรนั้น
ถัดลงมาเป็นดวงตราอิสริยาภรณ์สำคัญในรัชกาลที่ ๖  ที่มีผู้ได้รับพระราชทานไม่ถึงร้อยคนครับ

ขอไม่ตอบ แต่ขอชมว่าภาพสวยมากกกกกกกก

ห่างหายไปนาน เอาภาพมาทายกับเขาบ้างดีกว่า
สตรีที่มีรูปโฉมงดงามนี้ คือใครครับผม
ใบ้ว่า...."เป็นเจ้าจอมอายุยืน"

 :)ขอเดานะคะว่าเป็นรูปของ เจ้าจอมมารดาอ่อน คะ :D

ถูกต้องคร้าบบบบบบบ เป็นรูปของเจ้าจอมมารดาอ่อน ในรัชกาลที่ ๕ อุ้มพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงอรประพันธ์รำไพ

มาทายต่อ ท่านนี้คือใคร ???

ไม่มีท่านผู้ใดเข้ามาตอบเลยว่าบุรุษหนุ่มท่านนั้นเป็นใคร
มาใบ้เพิ่มครับ ท่านผู้นี้เป็นข้าราชการผู้ใหญ่ในพระราชสำนักรัชกาลที่ ๖  ท่านเป็นผู้หนึ่งที่ได้รับพระราชทาน
บ้านหลังใหญ่ที่มีชื่อเหือนพระแท่นราชบัลลังก์สำคัญองค์หนึ่ง

พระยาอุดมราชภักดี(โถ สุจริตกุล) ค่ะ เจ้าของบ้านมนังคศิลา

ท่านอาจารย์มาเฉลยได้ถูกต้องเลยครับ 

ภาพต่อไปครับ เป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในแวดวงเสือป่าแต่ท้ายที่สุดชีวิตจบลงแบบไม่สวย
ลองทายกันดูครับว่าเป็นใคร

น่าจะเกี่ยวกับ "ลอตเตอรี่เสือป่า"  ;D

ทายว่าพระยานนทิเสนสุเรนทรภักดี  เสนาธิการเสือป่า ค่ะ  ขอไม่ลงชื่อเดิมและนามสกุลท่านนะคะ

ยอดเยี่ยมทั้งคุณอาร์ทและท่านอาจารย์เลยครับ
ท่านผู้นี้เดิมเป็นนายทหารสังกัดกรมทหารราบที่ ๑ มหาดเล็กรักษาพระองค์  เมื่อครั้งล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ เสด็จไป
ทรงรับราชการเป็นนายพันโทผู้บังคับการกรมทหารมหาดเล็กฯ ในตอนปลายรัชกาลที่ ๕  ได้ทรงรู้จักนายทหารท่านนี้
เมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์แล้วจึงทรงชวนให้มารับราชการกระทรวงวัง  ได้เลื่อนจากหลวงเป็นพระและพระยาในเวลา
อันรวดเร็ว  เพราะได้แสดงความสามารถในหน้าที่เสนาธิการเสือป่า  แต่ในตอนปลายรัชกาลที่ ๖ ชีวิตกลับพลิกผันต้อง
ข้อหาทุจริตลอตเตอรี่เสือป่า ถูกถอนจากตำแหน่งราชองครักษ์เสือป่า  ได้ถวายฎีกาอ้างถึงคุณความดีที่ได้เคยกระทำมา
แต่ก็โปรดเกล้าฯ ให้ยกฎีกา  และถูกตัดสินจำคุกในที่สุด  ญาติพี่น้องที่เคยใช้นามสกุลเดียวกันมาเกิดความอับอายถึงกับ
เปลี่ยนไปตั้งนามสกุลใหม่  โดยนามสกุลใหม่นั้นแสดงถึงว่าเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากสกุลเดิมซึ่งเป็นสกุลเยอรมัน 
ภาพของท่านผู้นี้เลยพลอยหายสาบสูญไปเกือบหมด  เพิ่งจะตามมาได้เพียง ๒ ภาพ  คือภาพข้างบนซึ่งแต่งชุดนายพลเสือป่า
กับอีกภาพเป็นภาพแต่งเต็มยศข้าราชการพลเรือนในพระราชสำนัก

มาทายกันต่อครับ  ท่านผู้แต่งตัวโก้มากท่านนี้มีนามว่าอะไรครับ  ท่าน Navarat C. ก็ดูเหมือนจะเคยรู้จักท่านผู้นี้

"พันธุ์ฟัก"  ???

ยอมแพ้ครับ

พระยาภะรตราชา หรือเปล่าคะ

ไม่ใช่ครับ  ท่านผู้นี้มีตำแหน่งเป็นอดีตเจ้ากรมพระอัศวราชตรับ 
สิ้นรัชกาลที่ ๖ แล้วถูกดุลยภาพออกจากราชการไปเป็นใหญ่แถวเก้าชั้นเลยทีเดียวครับ

พระยาคทาธรบดีสีหราชบาลเมือง (เทียบ อัศวรักษ์) เจ้ากรมพระอัศวราช สมุหเทศาภิบาลมณฑลราชบุรี

ยังไม่ถูกครับ  ท่านผู้นี้คงเป็นเจ้ากรมพระอัศวราชจนถูกดุลยภาพครับ
พระยาทาธรบดีท่านย้ายไปเป็นตำรวจก่อนแล้วจึงย้ายไปเป็นเทศามณฑลราชบุรีครับ
ใบ้เพิ่มเติมครับ  ท่านผู้นี้เป็นมหาดเล็กข้าหลวงเดิมในรัชกาลที่ ๖  และเป็นหัวหน้า
นักเรียนคนแรกของโรงเรียนมหาดเล็กหลวง  สำเร็จการศึกษาและได้รับพระราชทาน
เหรียญนักเรียนเก่าเป็นคนแรกด้วยครับ

แหม  พ้มก็เข้าไม่ทัน

แต่คุณวีหมีเคยเขียนไว้เองว่าท่านชื่อ หม่อมหลวงอุรา คเนจร

เสวกเอก พระยานเรนทรราชา (หม่อมหลวงอุรา คเนจร)

บุตรชายใหญ่ของหม่อมอมรวงศ์วิจิตร (หม่อมราชวงศ์ปฐม คเนจร) ผู้แต่ง "พงศาวดารหัวเมืองมณฑลอีสาน"

ถูกต้องทั้งสองท่านเลยครับ
ท่านเจ้าคุณนเรนทรราชานั้น เมื่อจบการศึกษาจากโรงเรียนมหาดเล็กหลวงแล้วก็โปรดเกล้าฯ ให้เข้ารับราชการในกรมพระอัศวราช
ตั้งแต่เป็นนายม้าต้น  ผู้ใหญ่ท่านเล่ากันมาว่า ล้นเกล้าฯ ทรงฝึกวิธีขี่ม้าพระราชทานท่านเจ้าคุณด้วยพระองค์เอง  ท่านเจ้าคุณจึง
ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ขี่ม้าได้งามมาก  ทั้งยังสามารถขี่ม้าผาดโผนได้สามารถยิ่ง  ที่สำคัญคือท่านสามารถฝึกม้าให้อ่านตัวเลขได้
วิธีการที่ท่านเล่ากันมาในที่ชุมนุมนักเรียนเก่าที่โรงแรมราชศุภมิตร  ท่านว่าใช้วิธีเขียนตัวเลขบนกระดาน  เมื่อม้าเห็นตัวเลขบนกระดาน
จะยกขาขึ้นเคาะกระดานเป็นจำนวนครั้งเท่าตัวเลขที่เขียนไว้  ในบั้นปลายชีวิตท่านได้กลับเข้ารับราชการในพระราชสำนักอีกครั้ง
ตำแหน่งสุดท้ายเป็นผู้อำนวยการวัดพระศรีรัตนศาสดารามจนถึงอนิจกรรม

ใครเคยเห็นรูปนี้บ้างไหมครับ

แม่นางท่านนี้ ทรงผมเฉียบขาดมาก จอนปล่อยที่ข้างหูยาวลงมาก็บาดตายิ่งกว่าใคร

ไม่เคยเห็นรูปข้างบนนี้  แต่สนใจมาก อยากจะหาว่าสตรีในภาพเป็นเจ้านายสตรี หรือเจ้าจอมหม่อมห้ามท่านใด
ฝากคุณ Siamese ช่วยดูสไบชั้นนอกด้วยค่ะ   ลักษณะเหมือนผ้าโปร่งยกดอก ทับบนผ้าเลี่ยนเนื้อหนาอีกที    ผ้าลูกไม้อย่างเทศหรือเปล่านี่

เธอสวมสร้อยตัว มีกำไล แหวน หลายวง...แม่เจ้า!  มีหีบหมากวางบนพานเหมือนเครื่องยศด้วย
เป็นสตรีในราชสำนักสยาม หรือว่ากัมพูชาคะ

ผมให้คุณค่าถ่ายจากราชสำนักกัมพูชา ครับ

เทียบโครงหน้า

เทียบกันลึกเป็นพันปีเลยนะครับ  :o

ลักษณะการแต่งกายของราชสำนักกัมพูชา - ราชสำนักสยาม นั้นต่างกันครับ

ในยุครัชกาลที่ ๔ ถึงต้นรัชกาลที่ ๕ เมื่อเทียบกันแล้ว ราชสำนักกัมพูชาจะย้อนยุคกว่าราชสำนักไทย การแต่งกายเป็นแบบแผนธรรมเนียมเดิมกว่ามากครับ

สร้อยสังวาลย์พาดเฉียงบ่าใส่จำนวนมาก เป็นเสน่ห์ของกัมพูชาครับ

ภาพของคุณนวรัตน  เว็บภาษาเวียดนาม (http://www.diendan.org/phe-binh-nghien-cuu/nhiep-anh-vn-2-2) บรรยายว่า Pun Ky (Tân Kỳ) – Một vị lãnh đạo người Cam Bốt – khoảng năm 1880 แปลเป็นไทยโดยความช่วยเหลือของคุณกุ๊กว่า "ผู้นำของกัมพูชา ประมาณ ค.ศ. ๑๘๘๐"

ส่วนภาพของคุณหนุ่มคือ นักองค์มี หรือ สมเด็จพระนางเจ้ามี  (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C%E0%B8%A1%E0%B8%B5) กษัตริย์พระองค์ที่ ๙๗ แห่งกัมพูชาในช่วงอาณาจักรเขมรอุดงและพระราชธิดา

ฤๅจะเป็นพระองค์เดียวกัน

  ???

เก่งจริงๆทุกท่าน

ขอคารวะ
ผมเอามาจากเวปฝรั่งเศสที่เกี่ยวกับเขมรครับ
แต่คำบรรยายคุณกุ๊กแปลมั่วมาก ผมเลยเอามาถามที่นี่

เลยอยากทราบต่อว่าจอนทัดของสาวไฮโซสมัยนั้นนี่ ใครนำใครตามใครครับ

กระแสความงาม ไหลไปมาถ่ายเทกันครับ ต้องอาศัยรูปนางฟ้า นางสวรรค์ของ อ.เทาชมพู (รูปนางอัปสร) ที่นครวัดว่ามีการทำผมทรงนี้ไหม  ???

สะดุดใจริมฝีปากของสตรีในภาพถ่ายค่ะ   ไม่เหมือนปากผู้หญิงไทยในสมัยรัชกาลที่ 4  ซึ่งปากมักจะเจ่อหนาเพราะกินหมาก   แต่รูปปากแบบนี้หยัก มีขอบปาก  ปากล่างผายออก  ลักษณะปากคล้ายกับนางอัปสรนครวัด
ก็เลยนึกขึ้นมาได้ว่า ฤๅจะเป็นสตรีสูงศักดิ์ของเขมร   โครงหน้าเข้ม และดุ ดูขึงขังแบบนางอัปสร (อีกน่ะแหละ)

นางอัปสรไม่มีผมทัด  แต่ไว้ผมเป็นเส้นๆ น่าจะถักเปียเล็กๆถึงกางออกมาในรูปนั้น

มีภาพมาให้ทายกันอีกภาพครับ  ท่านเป็นใครหนอ?

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ กรมหมื่นสรรควิสัยนรบดี

(http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/09/K8369653/K8369653-8.jpg)

รูปหมู่พระราชโอรสในรัชกาลที่ ๕ ฉายที่ประเทศอังกฤษ พ.ศ. ๒๔๔๔

ทรงพระนามว่ากระไรบ้าง ให้ค้นได้ที่ พันทิป (http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/09/K8369653/K8369653.html)

 ;D

มีมาถามบ้าง
ท่านทั้งสองนี้คือใคร

หม่อมเจ้าอติวงศ์วิวัสวัติ สุริยง และ หม่อมสุลาลีวัลย์ สุริยง ณ อยุธยา

 ;D

ประทับนั่งซ้ายสุด สมเด็จเจ้าฟ้ายุคลฑิฆัมพร
ประทับนั่งกลาง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ
ประทับนั่งขวาสุด พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์
ประทับยืนพระองค์แรก พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ
ประทับยืนพระองค์ที่สอง พระองค์เจ้ารังสิตประยุรศักดิ์
ประทับยืนพระองค์ที่สาม พระองค์เจ้าสุริยงประยุรพันธุ์

ขอถาวว่าสตรีในภาพคือผู้ใดครับ

คำตอบอยู่ข้างล่าง

http://www.oknation.net/blog/print.php?id=358922

 ;D

ถูกต้องค่ะ
หม่อมเจ้าอติวงศ์วิวัสวัติ สุริยง ทรงเป็นโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าสุริยงประยูรพันธุ์ ( ต่อมาได้ดำรงพระยศเป็นกรมหมื่นไชยาศรีสุริโยภาส - ต้นราชสกุล สุริยง    หม่อมมารดาชื่อหม่อมเรณี ฟุสโก
ทรงมีพระเชษฐา ๒ องค์ และพระขนิษฐา ๑ องค์   รวมกัน ๔ องค์ดังนี้
-ม.จ.โกศลสุริยายาทิพย์ สุริยง
-ม.จ.กิติสุริโยภาส  สุริยง
-ม.จ.อติวงศ์วิวัสวัติ สุริยง
-ม.จ. สวรรณากุมารี สุริยง

ทรงสมรสกับหม่อมสุลาลีวัล สุวรรณทัต มีบุตรธิดา ๕ คน
๑  ม.ร.ว. ฐิติสาร สุริยง
๒  ม.ร.ว. ประยูรพันธ์  สุริยง
๓  ม.ร.ว. นันทนา สุริยง
๔  ม.ร.ว. อำพน สุริยง
๕  ม.ร.ว. อัจจิมา  สุริยง

พระรูปนี้   จำได้ไหมว่าเจ้านายพระองค์ใดบ้าง  ดิฉันจำได้ 3 พระองค์ 

ขอแห้ไขข้อมูลครับ  ประทับนั่งขวาสุดไม่ใช่ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ ครับ
เวลานั้นเสด็จในกรมราชบุรีเสด็จมารับราชการกระทรวงยุติธรรมแล้วครับ
พระองค์นั้นคือ พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒน์พงษ์  ซึ่งต่อมาได้ทรงกรมเป็น กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม

(แถวหน้าจากซ้าย) ๑. พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร (กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน)  ๒. สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมขุนพิษณุโลกประชานาถ
      (กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ)  ๓. พระยาประสิทธิ์ศัลการ (สอาด  สิงหเสนี - ต่อมาเป็นพระยาสิงหเสนี)  ๔. พระองค์เจ้า
      รังสิตประยูรศักดิ์ (สมเด็จกรมพระยาชัยนาทนเรนทร)
(แถวที่ ๒ จากซ้าย)  ๑. พระองค์เจ้าสุริยงประยุรพันธ์ (หรมหมื่นไชยาศรีสุริโยภาส)  ๒. สมเด็จเจ้าฟ้ายุคลฑืฆัมพร (กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์)
(แถวที่สาม)  พระองค์เจ้าจิรประวัติวรเดช (กรมหลวงนครไชยศรีสุรเดช)

ดิฉันยังสงสัยค่ะ
พระยาประสิทธิ์ศัลการ (สอาด  สิงหเสนี - ต่อมาเป็นพระยาสิงหเสนี)  ซึ่งเป็นสามัญชน นั่งเสมอกับสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกยังไม่พอ   ยังนั่งสูงกว่าพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ ซึ่งเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าแผ่นดิน   แล้วยังเอาแขนพาดกอดบ่าท่านเอาไว้เหมือนพี่โอบน้องทีเดียวหรือคะ

อ่านความเห็นท่านอาจรารย์แล้วย้อนกลับมาดูภาพอีกครั้ง  ก็ชวนให้สงสัยอยู่เหมือนกันครับ  แต่ดูจากภาพนี้แล้วน่าจะถ่ายที่อังกฤษ
ในช่วงก่อน พ.ศ. ๒๔๔๒  ก่อนที่สมเด็จเจ้าฟ้าจักรพงษ์ฯ จะเสด็จไปรัสเซีย  และในกรมชัยนาทฯ ยังมิได้เสด็จไปเยอรมัน
ส่วนองค์ที่ประทับบนสุด  ดูไปน่าจะเป็นพระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ (กรมมหมื่นสรรควิไสยนรบดี) เพราะใน พ.ศ. ๒๔๔๒ นั้น
ในกรมนครไชยศรีฯ เสด็จกลับกรุงเทพฯ แล้ว  และที่ไม่มีพระบรมรูปรัชกาลที่ ๖ นั้น  คงจะเป็นเพราะเวลานั้นเสดจไปประจำการ
ที่กรมทหารราบเบาเดอรัม  หรือหน่วยทหารที่อัลเดอร์ช็อต 

ส่วนบุุคคลที่ท่านอาจารย์ตั้งข้อสังเกตนั้น  มีเค้าหน้าคล้ายพระยาประสิทธิ์ศัลการ (สอาด  สิงหเสนี) ซึ่งเป็นผู้นำเสด็จสมเด็จเจ้าฟ้าฯ
กรมหลวงพิษณุโลกเสด็จออกไปยุโรป  และท่านผู้นี้ได้เป็นทูตอยู่ที่เยอรมันและอีกหลายประเทศในยุโรปต่อมาจนถึงต้นรัชกาลที่ ๖
ตอนแรกก็คิดว่าอีกท่านหนึ่งน่าจะเป็นเจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี (ม.ร.ว.เปีย  มาลากุล) ซึ่งเคยเป็นครูของพระเจ้าลูกยาเธอ
หลายพระองค์  และในช่วงเวลานั้นคาบเกี่ยวกับการถูกเรียกตัวกลับกรุงเทพฯ  แต่ถ้าไม่ใช่สองท่านนี้ก็ดูแล้วไม่ปรากฏว่ามีเจ้านาย
ที่เจริญพระชันษาประทับอยู่ในยุโรปเลย 

คงต้องขอความกรุณาท่านอาจารย์พิจารณาเปรียบเทียบภาพถ่าย  ระหว่างพระยาประสิทธฺศัลการ กับพระยาวิสุทธสุริยศักดิ์
(ม.ร.ว.เปีย  มาลากุล) ว่าน่าจะเป็นหนึ่งใน ๒ ท่านนี้หรือไม่

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5356.0;attach=36765;image)

ไม่ใช่ทั้งพระยาประสิทธิ์ฯ และเจ้าพระยาพระเสด็จฯค่ะ   ท่านทั้งสองพ้นวัยหนุ่มไปแล้ว
ในพระรูปนี้   ทุกพระองค์อยู่ในวัยหนุ่มนักศึกษา  อายุไม่ห่างกันนัก   อิริยาบถที่อยู่หน้ากล้องเป็นแบบสบายๆ ไม่เป็นทางการ  นั่งลดหลั่นสูงต่ำกันลงมา  คงจะเป็นขั้นบันได มองเห็นลูกกรงอยู่ทางขวา    เนื้อที่แคบมากด้วย เห็นชัดว่านั่งเบียดกัน
น่าจะเป็นการถ่ายรูปที่ระลึกในบรรดาพี่น้องที่มาเจอกันระหว่างศึกษา   ต่างองค์ต่างก็เรียนกันคนละแห่ง อาจมีโอกาสเจอกันนานๆทีในช่วงปิดเทอม หรือโอกาสใดโอกาสหนึ่งที่ทำให้มารวมกัน
คนสามัญต่อให้เป็นทูตเป็นพระยาเจ้าพระยา จะไปนั่งปะปน  เบียดเสียดกับพระเจ้าลูกยาเธอในรัชกาลที่ ๕  นั้นไม่มีทาง  ยิ่งนั่งสูงกว่าพระเจ้าลูกยาเธอแล้วโอบกอดเอามือพาดบ่านั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้หนักขึ้น   

ดิฉันเชื่อว่าทั้งหมดในรูปนี้ล้วนแล้วแต่เป็นพระราชโอรสในรัชกาลที่ ๕ ทั้งหมด     แม้แต่พระองค์เจ้าที่ไม่ได้เป็นพระเจ้าลูกยาเธอในรัชกาลที่ ๕ ก็เห็นจะยากที่มานั่งเบียดด้วย    น่าจะต้องนั่งต่ำกว่า หรือห่างไปอีกหน่อย

พระยาประสิทธิ์ศัลการ (สอาด  สิงหเสนี) ท่านหน้าตาอย่างนี้ครับ

อนึ่ง จ้าวนายเวลาท่านเสด็จอยู่เมืองนอก ไกลจากจารีตที่มีคนคอยสังเกตุอยู่ประหนึ่งจับผิด ท่านจะทรงปล่อยพระองค์ตามสบายไม่ถือศักดิ์ถือศรีกับบุคคลทั่วไปสักเท่าไหร่

ในภาพนี้ถ้าจะว่ากันไป พระยาประสิทธิ์ศัลการ (สอาด  สิงหเสนี)ท่านนั่งโก้กว่าจ้าวนายเยอะ

สองรูปนี้ มีทางเป็นไปได้ไหมครับว่าเป็นบุคคลเดียวกัน

ขอแสดงความเห็นแย้งข้อมูลที่ท่าน Navarat c> นำมาแสดงในความเห็นที่ ๓๓๙ ครับ
ภาพนี้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงฉายพร้อมด้วยพระอนุชาที่ Westburry Court 
เมืองกลอสเตอร์เชียร์ (Gloustershire)ซึ่งเป็นที่ประทับแห่งสุดท้ายก่อนเสด็จนิวัติพระนคร 
พระรูปนี้ทรงฉายใน พ.ศ. ๒๔๔๕  ก่อนที่พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ และพระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์
จะเสด็จไปทรงศึกษาที่ประเทศเยอรมัน

บุคคลในภาพมีดังนี้
(แถวนั่งจากซ้าย) ๑. นายพันเอก พระยาราชวัลภานุสิษฐ (อ๊อด  ศุภมิตร - ต่อมาเป็นเจ้าพระยาราชศุภมิตร) ราชองครักษ์ 
๒. นายคอลเชสเตอร์ – วีมซ (Maynard W. Colchester-Wemyss)  ๓. นางคอลเชสเตอร์ – วีมซ
(แถวยืนจากซ้าย)  ๑.  พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าสุริยงประยุรพันธ์  ๒. พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงศ์ 
๕. พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ  ๕. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร  ๘. พระเจ้าลูกยาเธอ
พระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์  ๙. สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ายุคลฑิฆัมพร

สตรีและบุรุษในแถวยืนเป็นธิดาและบุตรกับสะใภ้ของนายคอลเชสเตอร์ – วีมซ

ในประเด็นที่ท่าน Navarat C. กล่าวว่า
"จ้าวนายเวลาท่านเสด็จอยู่เมืองนอก ไกลจากจารีตที่มีคนคอยสังเกตุอยู่ประหนึ่งจับผิด ท่านจะทรงปล่อยพระองค์ตามสบาย
ไม่ถือศักดิ์ถือศรีกับบุคคลทั่วไปสักเท่าไหร่" นั้น
น่าจะเป็นเพราะพระบรมราโชบายในล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ ที่โปรดให้พระเจ้าลูกยาเธอที่ไปประทับทรงศึกษาอยู่ใน
ต่างประเทศมิให้ทรงคิดว่าทรงเป็น "เจ้า" ให้ถือเสมือนว่าเป็นคนไทยคนหนึ่งที่ออกไปเรียน  ซึ่งเมื่อคราวที่ล้นเกล้าฯ
รัชกาลที่ ๖ มีพระราชหัตถเลขาพระราชทานไปถึงพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ ซึ่งโปรดให้ออกไปเรียนที่
โรงเรียนแฮร์โรว์  ก็ทรงเตือนพระองค์จุลฯ ให้ทรงใช้ชีวิตเยี่ยงสามัญชนให้คุ้มค่า  เพราะเมื่อกลับมาเมืองไทยแล้ว
"จะต้องเป็นเจ้าเสียจนระอาเหมือนลูง"

ขอแสดงความเห็นแย้งข้อมูลที่ท่าน Navarat c> นำมาแสดงในความเห็นที่ ๓๓๙ ครับ
ภาพนี้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงฉายพร้อมด้วยพระอนุชาที่ Westburry Court 


คงต้องมีอะไรผิดสักอย่างเป็นแน่แล้วคุณวีหมีครับ
ผมเอารูปพระยาประสิทธิ์ศัลการ(สอาด  สิงหเสนี) พร้อมกับลายเซ็นต์ของท่านมายืนยัน

ภาพนี้ทรงฉายที่สถานอัครราชทูตสยาม ณ กรุงลอนดอน ๒๓ แอชเบิร์นเพลส  ราว พ.ศ. ๒๔๔๔
(แถวนั่งจากซ้าย)  พระยานนทบุรีศรีเกษตราราม (ทัด  สิงหเสนี - ต่อมาเป็นพระยาไกรโกษา) อัครราชทูตสยาม ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
นายพันเอก พระยาราชวัลภานุสิษฐ (อ๊อด  ศุภมิตร) ราชองครักษ์  พระยาประสิทธิ์ศัลการ (สอาด  สิงหเสนี) อัครราชทูตสยาม ณ กรุงลอนดอน  
(แถวยืนจากซ้าย)  นายร้อยเอก หลวงสรสิทธยานุการ (อุ่ม  อินทรโยธิน)  สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร  สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้า
จักรพงษ์ภูวนาถ กรมขุนพิษณุโลกประชานาถ  สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมขุนมไหสุริยสงขลา (เมื่อเสด็จกลับจากยุโรปได้รับพระราชทานพระสุพรรณบัฏ
เปลี่ยนพระนามกรมเป็น กรมขุนนครสวรรค์วรพินิต)

นายพันเอก พระยาราชวัลภานุสิษฐ (อ๊อด  ศุภมิตร) นี้  เมื่อตามเสด็จกลับจากยุโรป  ได้เลื่อนยศเป็นนายพลตรี  และเป็นผู้ช่วยสมุหราชองครักษ์ในตอนต้นรัชกาลที่ ๖
แล้วโปรดฯ ให้เป็นพระตำรวจโท (เทียบเท่านายพลโท) สมุหพระตำรวจหลวงรักษาพระองค์ มีเกียรติยศเสมอสมุหราชองครักษ์  แล้วเลื่อนเป็นพระตำรวจเอก เจ้าพระยา
ราชศุภมิตรในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ ๑  สิ้นรัชกาลที่ ๖ ถูกดุลยภาพ  ท่านผู้นี้เป็นผู้ที่ล้นเกล้าฯ ทรงนับว่าเป็นมิตรที่ทรงสนิทที่สุด  ทรงเรียกว่า "ฮื่อ"

พระยาประสิทธิ์ศัลการนั้นเมื่อกลับจากยุโรปได้เข้ามาเป็นผู้ช่วยสมุหราชองครักษ์อยู่ระยะหนึ่งในตอนต้นรัชกาลที่ ๖ แล้วจึงโปรดให้ออกไปเป็นสมุหเทศาภิบาล
มณฑลนครราชสีมา  เปลี่ยนราชทินนามเป็นพระยาสิงหเสนี ถือศักดินา ๑๐,๐๐๐ ที่เรียกกันว่าพระยานาหมื่น

นายร้อยเอก หลวงสรสิทธยานุการ (อุ่ม  อินทรโยะิน) นั้น ต่อมาได้รับพระราชทานเลื่อนยศเป็นนายพันตรี  เมื่อตามเสด็จกลับจากยุโรปแล้วได้ย้ายไปรับราชการ
ทหารบกหลายตำแหน่ง  เมื่อนายพลโท พระยาสุรเสนา (กลิ่น  แสง - ชูโต) กราบถวายบังคมลาออกจากราชการเพราะป่วยเป็นเนื้องอก  จึงโปรดให้นายพลโท
พระยาเทพอรชุน ย้ายมาเป็นสมุหราชองครักษ์อยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง  แล้วเลื่อนเป็นพลเอก ตำแหน่งจเรการปืนเล็กปืนกล  ในรัชกาลที่ ๗ ได้เลื่อนเป็นเจ้าพระยา
พิชเยนทรโยธิน) ที่สมุหราชองครักษ์  ต่อมาในรัชกาลที่ ๘ ได้เป็นคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในตำแหน่ง "เสนา"

ตามกฎมณเฑียรบาล พ.ศ. ๒๔๖๗ คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์จะต้องประกอบด้วย  พระบรมวงศ์ ๑  มหาอำมาตย์ฝ่ายพลเรือน ๑  และมหาเสนาคือ
นายทหารชั้นนายพล ๑
  

ผมยอมรับว่าท่านทั้งสองมีมาดเหนือกว่าพระเอกหนังพอๆกัน
แต่ใครเป็นใครคงต้องยึดถือภาพพระยาประสิทธิ์ศัลการ(สอาด  สิงหเสนี)ของผมเป้นหลัก เพราะท่านฉายเดี่ยวไว้และลงนามกำกับเองด้วย

คราวนี้มาเปรียบเทียบกับภาพของคุณวีหมี
ผมก็ยังเห็นว่า รูปกลาง(ของผม)จะเหมือนกับท่านทางซ้ายมือมากกว่าอีกท่านหนึ่งนะครับ

คือรูปหน้าท่านยาวกว่า หรือว่าผมตาฝาดไปเอง

สืบเนื่องจากค.ห. 337  ดิฉันตั้งสมมุติฐานไว้ดังต่อไปนี้
1   เป็นพระรูปของพระราชโอรสในรัชกาลที่ 5 ทั้งหมด  ไม่มีสามัญชนปะปนอยู่
2   เจ้านายปริศนาองค์นั้น มีพระชันษาสูงกว่าพระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ (สมเด็จกรมพระยาชัยนาทฯ)  จึงประทับนั่งสูงกว่าและเอาพระกรพาดอีกฝ่ายได้ อย่างพี่ทำกับน้อง   ถ้าพระชันษาน้อยกว่าท่านจะต้องนั่งต่ำกว่า หรืออย่างน้อยก็นั่งเสมอกัน
3  เจ้านายปริศนาพระองค์นั้นทรงศึกษาอยู่ในยุโรป ในช่วงเวลาเดียวกับพระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ทรงศึกษาอยู่

ดิฉันขอทายว่าเป็นพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงศ์ กรมหมื่นพิชัยมหินทโรดม  เจ้าของเพลง "ลาวดวงเดือน"
เจ้านายพระองค์นี้ประสูติเมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2425  ทรงแก่กว่าสมเด็จกรมพระยาชัยนาทฯ 3 ปี   พระองค์เจ้ารังสิตฯ ประสูติเมื่อ12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2428
กรมหมื่นพิชัยฯ  เสด็จไปศึกษาทางด้านเกษตรศาสตร์จากประเทศอังกฤษ สำเร็จการศึกษาเมื่อ พ.ศ. 2446 ขณะพระชนมายุ 20 พรรษา  ส่วนพระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ เสด็จไปศึกษาชั้นมัธยม ณ เมืองฮัสเบอรสตัด ประเทศเยอรมนี ในปี พ.ศ. 2442  กว่าจะเสด็จกลับก็พ.ศ. 2456 ในรัชกาลที่ 6     ทั้งสองพระองค์ทรงมีโอกาสพบกันแน่ๆ

เพิ่มพระรูปกรมหมื่นพิชัยฯ จากรูปเดิมที่คุณ NAVARAT.C นำมาลงไว้ เปรียบเทียบอีกทีค่ะ    คนขวาสุดดิฉันไม่ทราบว่าเป็นใคร

รูปซ้ายมือ คือพระองค์เจ้าสุริยงประยูรพันธ์   และพระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงศ์ฯ  ตามคำบรรยายในค.ห. 339
รูปขวามือ คือเจ้านายปริศนาและพระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์
โปรดสังเกตว่าถึงพระอิริยาบถการโอบไหล่อีกฝ่าย แบบเดียวกัน  และการทอดพระกรด้านขวาที่โอบ  ก็แบบเดียวกันอีก

ขอหยอดภาพเจ้านายให้ทายกัน ครับ  8)

ไม่ทราบว่าเจ้านายองค์ใด  แต่สตรีคนกลาง งามมากค่ะ
เจ้าจอมท่านไหนหนอ? รอคำตอบ
พร้อมกันนั้นก็ขอส่งพระรูปเจ้านายมาให้ทายกันอีกองค์หนึ่ง

คลายความสงสัยท่าน Navarat C. ด้วย ๒ ภาพนี้ครับ

คนซ้าย นายพันเอก พระยาราชวัลภานุสิษฐ (อ๊อด  ศุภมิตร)

ภาพนี้นั่งซ้ายสุดคือ พระยาประสิทธิ์ศัลการ (สอาด  สิงหเสนี)  ส่วนขวาสุดคือ พระยาราชวัลภานุสิษฐ (อ๊อด  ศุภมิตร) ครับ

สำหรับภาพเจ้านายไว้พระเมาฬีที่ท่านอาจารย์นำมาแสดงนั้น  มีจุดสังเกตที่ทรงประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า
ชั้นที่ ๒ ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ  ทำให้จำกัดวงการสืบค้นได้แคบเข้า  เพราะตราจุลจอมเกล้านี้โปรดสถาปนาไว้เมื่อ
พ.ศ. ๒๔๑๖  เมื่อแรกสถาปนานั้นจะพระราชทาน ท.จ.ว.นี้แก่ พระเจ้าน้องยาเธอที่ได้เจริญพระชันษาถึงโสกันต์แล้ว
ต่อมาจึงโปรดพระราชทานพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าเมื่อทรงเจริญพระชันษาก่อนจะโสกันต์ตามลำดับคือ
พ.ศ. ๒๔๒๗
พระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์ (กรมพระจันทบุรีนฤนาถ)
พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ (กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์)
พระองค์เจ้าจิรประวัติวรเดช (กรมหลวงนครไชยศรีสุรเดช)
พ.ศ. ๒๔๒๘
พระองค์เจ้าประวิตรวัฒโนดม (กรมหลวงปราจิณกิติบดี)
พ.ศ. ๒๔๓๖
พระองค์เจ้าบุรฉัตนไชยากร (กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน)
พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒน์พงษ์ (กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม)
พ.ศ. ๒๔๔๐
พระองค์เจ้าวุฒิไชยเฉลิมลาภ (กรมหลวงสิงหวิกรมเกรียงไกร)
พระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ (กรมพระยาชัยนาทนเรนทร)

มีอีก ๒ พระองค์ที่ไม่สามารถค้นได้ว่าได้รับพระราชทาน ท.จ.ว.ปีใดคือ
พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ (กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์)
พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ (กรมหมื่นสรรควิสัยนรบดี) 

สำหรับเจ้านายชั้นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้า ทรงได้รับพระราชทานปฐมจุลจอมเกล้าเมื่อทรงรับ
พระสุพรรณบัฏเฉลิมพระนามกรม  ต่อมาเมื่อโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาปฐมจุลจอมเกล้าวิเศษแล้วจึงได้
โปรดเกล้าฯ พระราชทานปฐมจุลจอมเกล้าวิเศษแก่พระเจ้าลูกยาเธอทั้งเจ้าฟ้าและและพระองค์เจ้าทุกพระองค์

เก่งมากค่ะคุณวีมี   รายละเอียดถูกต้องหมดเลย   แต่ขอใบ้เพิ่มอีกนิดว่า  ท่านมิได้มีพระนามอยู่ในลิสต์ข้างบนนี้ค่ะ

 ;Dขอเดานะคะรูป ค.ห ที่ 348 ขอเดาว่า พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าอุรุพงศ์รัชสมโภช พระพักตร์น่ารักน่าชัง(แต่คิดว่าคงผิดแน่ๆ) ;D

^
อนุญาตให้เดาซ้ำได้ไม่จำกัดครั้งค่ะ   :)

เอาจ้าวนายองค์เล็กๆน่ารักๆมาให้ทายบ้าง แต่คงง่ายนะครับ

เจ้านายพระองค์เล็กของท่าน Navarat C.
ดูจากพระสังวาลย์มหาจักรีบรมราชวงศ์  กับสายสะพายนพรัตนราชวราภรณ์ที่ทรงเฉียงพระอังสาขวาแล้ว
ก็ชัดเจนว่าทรงเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าในรัชกาลที่ ๕  แถมท่านเจ้าของตำถามใบ้คำมาเสร็จสรรพ
ก็ขอตอบว่า "ทูลกระหม่อมเล็ก" สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมขุนพิษณุโลกประชานาถ
ซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานเฉลิมพระยศเป็น จอมพล สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ

น่าเสียใจ  :'(    ยังไม่มีใครทายเจ้านายพระองค์นี้ได้อีกหรือคะ
คุณนวรัตนมาทีหลัง  ปาดหน้า  ถูกไปก่อนแล้ว

พระฉายาลักษณ์นี้เป็นคำตอบสำหรับปริศนาของคุณเทาชมพูและคุณนวรัตน

 ;D

คุณเพ็ญชมพู .....ถูกต้องคร้าบบบบ

พระรูปน่ารักมากมาย ถ้าเป็นจ้าวนายพระองค์ที่คุณวีหมีว่า พระองค์จุลฯคงอัญเชิญขึ้นปกเกิดวังปารุสก์ไปแล้ว

ดีใจ  ;D..เอ๊ย..เสียใจจังค่ะ   :'( คุณเพ็ญชมพู  (เพิ่งเห็นคุณเพ็ญฯทายผิดครั้งแรกนะเนี่ย)
พระรูปเจ้านายของดิฉัน ไม่ใช่สมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศค่ะ    
เชิญทายได้อีกไม่จำกัดครั้ง  

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5356.0;attach=36825;image)

เจ้านายพระองค์นี้ของคุณ Siamese ล่ะคะ  พระองค์ไหน?

เดาว่า พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์

เจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์ฯ ครับ

เจ้านายกลุ่มนี้ถ่ายภาพเดียวในช่วงต้นรัชกาลครับ ก่อนสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทาสวรรคตครับ

อยากจะบอกว่าพระรูปเจ้านายเล็กๆในค.ห. 355 ของคุณนวรัตน   ดิฉันเองก็ทายว่าเป็นเจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกประชานาถเหมือนกัน  พระพักตร์เหมือนท่าน มากกว่าสมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ

เลยเกิดสงสัยขึ้นมาว่า หนังสือที่คุณนวรัตนนำพระรูปมาลงนั้น บรรยายข้อความผิดหรือเปล่าคะ
ดิฉันก็เลยไปค้นพระรูปสมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ กับพระรูปสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกมาเปรียบเทียบกันให้ดูอีกครั้งค่ะ    ดิฉันเชียร์ข้างคุณV_Mee นะคะ

เจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์ฯ ครับ
[/quote]

ดีใจจนออกนอกหน้าอีกครั้ง   :) :D ;D
เชิญคุณเซียนสยามทายใหม่ได้อีกหลายๆหนค่ะ
(ตอนสแกนพระรูปนี้มา  ไม่ได้นึกว่ายาก จริงๆนะคะ นึกว่าลงปุ๊บก็จะมีขาประจำกระทู้นี้ทายได้ปั๊บ)

ดิฉันนำพระรูปสมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศกับสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกเมื่อทรงพระเยาว์ มาเปรียบเทียบกับภาพตรงกลางอีกครั้งค่ะ
ดิฉันว่าพระรูปกลาง คือเจ้านายพระองค์ขวา เจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกนะคะ  ไม่ใช่พระองค์ซ้าย สมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ  
พระพักตร์เจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกท่านเข้มกว่า พระเนตรใหญ่คมกว่า  พระนาสิกโด่งเป็นสัน    วงพระพักตร์รีเป็นรูปไข่
และที่สำคัญคือพระกรรณ    คนเราทั่วไปโตขึ้นหน้าตาอาจเปลี่ยนได้ แต่ลักษณะใบหูจะไม่เปลี่ยนค่ะ

พระรูปของท่านอาจารย์ดูเค้าพระพักตร์แล้วน่าจะเป็น
พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ครับ

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5356.0;attach=36825;image)

ไม่ใช่พระองค์เจ้าอาภรกรเกียรติวงศ์ค่ะ
ขอเชียร์ว่า ค่อยๆทายไปเรื่อยๆ ลำดับเจ้านายให้หมด เดี๋ยวก็เจอเองค่ะ

พิจารณาเปรียบเทียบพระรูปของท่าน Navarat C.
พระองค์ทางซ้ายคือ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร
พระองค์ขวาคือ สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ

ลองอีกครั้งว่าน่าจะเป็น พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร  ครับ

เรื่องหนังสือบรรยายผิดหรือไม่นี่ ผมยอมแพ้ครับ ขนาดรูปพระยาประสิทธิ์ศัลการ(สอาด  สิงหเสนี)ผมเอามาจากหนังสือพระประวัติสมเด็จกรมพระยาชัยนาทนเรทรแท้ๆ พร้อมคำบรรยายใต้รูป อาจารย์วีหมีท่านยังยืนยันซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าผิด ผมก็ได้แต่เงียบงันไป แต่ด้วยความเคารพนะครับ ไม่ได้เหวง

ก็เราเกิดไม่ทันจริงๆซะด้วย

 :Dขอเดาอีกรอบนะคะว่าพระรูปที่ ค.ห 348 เป็น พระองค์เจ้าสุริยงประยุรพันธ์ กรมหมื่นไชยาศรีสุริโยภาส

^
คุณ  giggsmay  คำตอบสุดท้าย---> ถูกต้องคร้าบบบบบ

พระรูปปริศนาของคุณนวรัตน เว็บฝรั่งเดนมาร์ก  (http://www.gamle-huse.dk/site/451/) บรรยายไว้ดังนี้

(http://www.gamle-huse.dk/media/Nov2011006.jpg)

Den unge mand på billedet er kronprins Maha Vajirunhis, f. 1878, kronet som kronprins - kan man vist næsten sige, når man har set billeder af ceremonierne - som blot 8-årig af sin far Kong Chulalonkorn i 1886 – hvor dette billede er optaget. Desværre døde den unge mand allerede i 1895.

ฝรั่งอาจจะผิดก็ได้

 ::)

พระรูปที่เป็นปริศนา ของท่านนวรัตน มาจากหนังสืออะไร  บอกได้ไหมคะ
ดิฉันเคยเจอหลายครั้งว่าแม้แต่หนังสือสำคัญ จัดพิมพ์ด้วยหน่วยงานใหญ่ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน   ก็ไม่วายมีข้อผิดพลาด   จึงมีให้เห็นหลายครั้งว่าต้องทำใบแทรกสอดเอาไว้ในเล่ม  แก้ไขคำที่พิมพ์ผิด     นานๆต่อมาใบแทรกเกิดหายไป ก็เลยไม่รู้ว่าตรงไหนผิดบ้าง

ตามที่คุณเพ็ญชมพูบอกนั่นแหละครับ

ส่วนฝรั่งเดนมาร์กจะเอามาจากไหน ถูกหรือผิด อันนี้จนปัญญาจริงๆ


Den unge mand på billedet er kronprins Maha Vajirunhis, f. 1878, kronet som kronprins - kan man vist næsten sige, når man har set billeder af ceremonierne - som blot 8-årig af sin far Kong Chulalonkorn i 1886 – hvor dette billede er optaget. Desværre døde den unge mand allerede i 1895.  

อาจารย์วิกกี้แปลว่า

ชายหนุ่มในภาพเป็นมกุฎราชกุมารมหา Vajirunhis เกิดปี 1878 ปราบดาภิเษกเจ้าชาย - สามารถแสดงเกือบพูดเมื่อคุณได้เห็นภาพของพิธีกร - ที่เพียง 8 ปีโดยพ่อของกษัตริย์จุฬาลงกรณ์ในปี 1886 - ที่ภาพนี้ถูกนำตัวไป . เศร้าชายหนุ่มแล้วในปี 1895

ถ้ามาจากเว็บฝรั่ง ดังที่คุณเพ็ญชมพูว่า   ก็อาจจะเกิดข้อผิดพลาดได้ค่ะ  เพราะทางโน้นเขาคงตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ยากกว่าเรา

คราวนี้มีพระรูปเจ้านายมาให้ทายกันอีกครั้ง  ต้องขอเรียนให้ทราบก่อนว่าในหนังสือไม่ได้ระบุพระนามมาทั้งหมด  บอกแต่พระนามเจ้านายองค์เดียวในรูปนี้  และเขียนต่อว่า "และพระประยูรญาติ"   ดิฉันเองก็จำได้เพียงองค์เดียวเท่านั้น  
แต่คิดว่าเจ้าประจำชั้นเซียนขี่นกกระเรียนในเว็บนี้ คงจำได้แม่นกว่า ว่าเป็นเจ้านายองค์ใดบ้าง

อ้าว

ในหนังสือ "เกิดวังปารุสก์" มีพระรูปนี้ด้วย แบบเล็กๆนิดเดียว

ขอคารวะทั้งสองท่าน

เจ้านายสตรีในภาพ เดาว่าพระองค์กลางคือพระองค์เจ้าหญิงสว่างวัฒนา   ส่วนพระราชกุมาร คงเป็นพระเจ้าลูกยาเธอรุ่นใหญ่   มี 2 พระองค์ที่นึกออกคือพระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์และพระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์    แต่เดาว่าน่าจะเป็นพระองค์แรกค่ะ

พระบรมรูปองค์นี้เป็นตัวอย่างความผิดพลาดในการบรรยายภาพที่ตีพิมพ์ในหนังสือว่าด้วยการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ที่จัดพิมพ์โดยส่วนราชการด้านประวัติศาสต์ของชาติ

ในหนังสือดังกล่าวได้บรรยายภาพว่า พะบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวประทับพระราชยานเสด็จพระราชดำเนินไป
พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเฉลิมพระราชมณเพียร พ.ศ. ๒๔๕๓

พอดูแวบแรกก็พบข้อพิรุธ  ตรงที่ใน พ.ศ. ๒๔๕๓ พระตำรวจหลวงยังใช้เสื้อทูนิคสีดำ  มาเปลี่ยนใช้เสื้อสีฟ้าเทาสวม
หมวกทรงประพาสภายหลังพระราชพิํีบรมราชาภิเษกเฉลิมพระราชมณเฑียรแล้ว  ที่สำคัญพระตำรวจบางนายประดับพู่
ขนนกขาวบนยอดหมวกด้วย  พู่ขนนกนี้เพิ่งมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ข้าราชการกรมพระตำรวจยศชั้น
พระตำรวจ (เทียบเท่านายพล) ใช้พู่ขนนกประดับยอดหมวกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๙  และเมื่อดูจากพระภูษาทรงที่ทรง
เครื่องขาวย่อมบ่งชัดได้ว่าเสด็จในงานพระบรมศพหรือพระศพที่ประดิษฐานที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท  มาถึงชั้นนี้
ก็พอจะสรุปได้ว่าเป็นการเสด็จพระราชดำเนินในงานพระบรมศพสมเด็จพระพันปีหลวง  เพราะในรัชสมัยนั้น
พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทมีการประดิษฐานพระบรมศพเพียง ๒ คราวึือ พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง
และสมเด็จพระบรมราชชนนี พันปีหลวง

นำภาพเจ้านาย ๒ พระองค์ มาให้ชมกัน ร.ศ. ๑๑๕ ครับ

มันก็น่าตำหนิมากอยู่หรอก พระตำรวจหลวงสวมปลอกแขนทุกข์เห็นโทนโท่ ยังหลับหูหลับตาเขียนว่าเป็นพระราชพิธีบรมราชาภิเษกได้

ตอบคุณ siamese 
ค.ห. 381   เจ้านายองค์ขวา น่าจะเป็นม.จ.จรัสโฉม เกษมสันต์  ประสูติ  ๒๔๑๙  สิ้นชีพิตักษัย พ.ศ. ๒๕๑๖

เจ้านายพระองค์ซ้าย

 ;)

^
ทำไมคุณเพ็ญชมพูไม่ทายล่ะคะ?

มีรูปที่ยังค้างอยู่ ไม่มีใครทาย คือพระรูปเจ้านาย ๔ พระองค์นี้       ดิฉันลองเทียบพระรูปดูระหว่างรูปบนกับล่าง
ก็เกิดสงสัยขึ้นมาว่าหนึ่งในนั้นคือบุคคลเดียวกัน  แต่ไม่ทราบว่าเป็นใคร

เจ้านายองค์เดียวกันหรือเปล่า  คุณ NAVARAT.C ผู้โพสต์พระรูปด้านซ้ายคงทราบว่าเป็นเจ้านายองค์ใด

ขอประทานโทษทีครับ นึกว่าเรื่องผ่านไปแล้ว ตอนนั้นคุณวีหมีบอกว่าภาพท่านสุภาพบุรุษปริศนานั้นคือ พระยาประสิทธิ์ศัลการ(สอาด สิงหเสนี) ท่านอาจารย์เทาชมพูค้านว่า พระยาประสิทธิ์เป็นรุ่นผู้ใหญ่กว่าจ้าวนายเหล่านี้มาก และไม่มีทางที่สามัญชนจะไปนั่งตีเสมอกับจ้าวนายได้

ผมมีความรู้สึกจากประสพการณ์สมัยอยู่โรงเรียนประจำว่า  ถ้าจ้าวนายท่านคิดว่าเป็นเพื่อนแล้ว ก็ย่อมได้ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ที่ต่างประเทศ และบางที คุณวีหมีก็อาจจำสิงหเสนีสลับคนไป

ในเที่ยวเรือที่ทูลกระหม่อมจักรพงศ์และพระองค์เจ้ารังสิตเดินทางไปยุโรปนั้น มีนักเรียนไทยไปด้วย๔คน ซึ่งพระองค์เจ้ารังสิตท่านถือเป็นเพื่อนทั้งหมด หนึ่งในนั้นคือ นายชวน สิงหเสนี ต่อมาเป็นพระยาบุรีนวราษฐ์ ซึ่งผมคิดว่าหน้าเหมือนสุภาพบุรุษปริศนา แต่ถามแล้วคนในเรือนไทยเงียบงัน ไม่มีใครบอกเห็นด้วยกับผมว่าเหมือน

ท่านอาจารย์เทาชมพูก็ยืนยันซ้ำแบบหนักแน่นเหลือเกิน และเอาภาพจ้าวนายพระองค์อื่นส่งเข้าประกวด ผมเลยคิดว่า ความรู้สึกของผมอาจจะเกินเลยไปก็ได้ จึงต้องนิ่ง จนกระทั่งลืม

คิดอยู่อย่างหนึ่งค่ะว่า เจ้านายอาจนับสามัญชนเป็นเพื่อน  แต่สามัญชนในสมัยนั้นไม่น่าจะกล้าคิดอย่างนั้น  ถึงจะสนิทสนมระหว่างเจ้ากับสามัญชนอย่างไร แต่ให้เอาแขนพาดบ่าเจ้านาย ไม่น่าจะกล้า ถึงจะอยู่เมืองนอกก็เถอะ   ขนาดเป็นญาติ  ยังไม่กล้านับตัวเป็นญาติ  นอกเจ้าจะเป็นฝ่ายนับตัวเป็นญาติ    สมัยนี้ทันสมัยกว่าเยอะ  ถึงจะมีโอกาสมีเพื่อนเป็นเจ้า  สนิทกันอย่างไร ก็คงไม่ทำอยู่ดีนะคะ

^
ว่าที่สุดแล้ว ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันครับ

พอรู้ว่าเป็นพระยาบุรีนวราษฐ์(ชวน สิงหเสนี) เลยเสียศูนย์ไปเล็กน้อยค่ะ
แต่ก็ยังเชื่อว่าแม้เจ้านายท่านประทานความเป็นกันเองให้นักเรียนไทยอื่นๆมากขนาดไหนก็ตาม    แต่ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์   นักเรียนไทยคนนั้นจะถือวิสาสะไปนั่งสูงกว่าท่าน โอบไหล่เอามือพาดพระอังสาเจ้านาย เห็นจะไม่สมควร       รูปถ่ายจะกลายเป็นพยานให้พ่อแม่พี่น้องขนหัวลุกกันหมด

รูปข้างล่างนี้เฉลยเองดีกว่าค่ะ   รู้เพียงท่านเดียวคือที่สามจากซ้าย  พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุริยงประยุรพันธุ์ กรมหมื่นไชยาศรีสุริโยภาส
ส่วนอีกสามท่านไม่ทราบว่าใคร   ถ้าขวาสุดคือพระยาบุรีฯ ก็เป็นได้ว่าอีก 2 ท่านเป็นนักเรียนไทยสามัญชนเหมือนกัน
โปรดสังเกตว่ากรมหมื่นไชยาฯประทับบนเก้าอี้สูงกว่าคนอื่นๆ  เป็นคนเดียวที่นั่ง ส่วนอีกสามคนยืน

วนเวียนมานานเเต่ไม่มีโอกาสเข้ามาร่วมตอบเลย

วันนี้นึกอยากร่วมสนุกบ้าง

ในรูปเจ้านายที่เป็นสตรีทั้งสองพระองค์นั้น

รูปทางขวาที่ระบุชื่อ จรัสโฉม  น่าจะใช่หม่อมเจ้าหญิงจรัสโฉม  เกษมสันต์ ที่มีพระชนม์ยืนถึง 97 ปี ตามที่อาจารย์เทาชมพูได้เฉลยไปแล้ว

ส่วนด้านซ้าย ขอทายว่าคือ ท่านอาจารย์ใหญ่ หม่อมเจ้าหญิงพิจิตจิราภา  เทวกุล 

ถูกผิดประการใด รบกวนผู้รู้ช่วยแก้ด้วยนะครับ

...........................

นำพระรูปหม่อมเจ้าหญิงพิจิตรจิราภา  เทวกุล มาเทียบกับเจ้านายสตรีปริศนาค่ะ   พระพักตร์คล้ายกันมาก
แต่การแต่งพระองค์ของเจ้านายสตรีปริศนา ดิฉันว่าเก่าว่ายุคท่านหญิงมากนะคะ

เอามาให้คุณวีหมีบรรยายภาพ ใครเป็นใคร

รับบัญชาท่าน Navarat C. มาขยายความพระบรมฉายาลักษณ์องค์นี้  ซึ่งตอบได้เป็นบางคน คือ
แถวนั่งจากซ้าย  พระยาอรรคราชวราทร (ภัศดา  บุรณศิริ) สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร
นายพันเอก พระยาราชวัลภานุสิษฐ
แถวยืนจากซ้าย ๓. นายพันตรี หลวงสรสิทธยานุการ (อุ่ม  อินทรโยธิน) ราชองครักษ์  ๕.. หม่อมอนุวัตรวรพงษ์ (หม่อมราชวงศ์
จิตร  สุทัศน์ - ต่อมาเป็นพระยาศรีวรวงษ์) ราชเลขานุการ

พระบรมฉายาลักษณ์องค์นี้ทรงฉายพร้อมด้วยข้าราชการไทยและคณะผู้ตามเสด็จชาวสหรัฐอเมริกาที่นครซานฟรานซิสโก 
ประเทศสหรัฐอเมริกา  เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๔๕  ค่ราวเสด็จนิวัติพระนครผ่านสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น

พระบรมฉายาลักษณ์ชุดนี้ มี ๒ องค์  อีกองค์หนึ่งคือ

คราวนี้มาทายกันว่า บุรุษสูงอายุท่านนี้มีนามว่าอะไร?  ที่ทราบแน่ชัดคือท่านเป็นนายเสือป่าที่ได้ตามเสด็จไปซ้อมรบ
และเดินทางไกลไปบวงสรวงสังเวยเจดีย์ยุทธหัตถีที่ดอนเจดีย์ด้วย

^
โอ้โห ช่างไปสรรหามาแท้

ดูครั้งแรกนึกว่าปฏิมากรรมรูปหล่อทองแดงเสียอีก คนจริงๆหรื่อนั่นคะรับ

แล้วท่านสุภาพบุรุษเอาไว้หนวดเหล่านั้น ไม่มีพระยาประสิทธิ์ศัลการ (สอาด  สิงหเสนี)กับพระยาราชวัลภานุสิษฐ (อ๊อด  ศุภมิตร) เลยหรือ

ผมเห็นเหมือนกันไปหมดจนแยกแยะไม่ถูก

คนนั่งเก้าอี้ขวาสุดมรภาพืั้งสองคือ พระยาราชวัลภานุสิษฐ (อ๊อด  ศุภมิตร) ขอรับ
ส่วนพระยาประสิทธิ์ศัลการ (สอาด  สิงหเสนี) มิได้ตามเสด็จกลับมากรุงเทพฯ ในคราวนี้ครับ

ยังไม่มีท่านผู้ใดมาให้คำตอบว่า สุภาพบุรุษสูงวัยท่านนั้นเป็นใคร  เลยต้องใบ้เพิ่มว่าท่านเป็นแพทย์สังกัดกระทรวงมหาดไทย
เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับพระราชทานนามสกุลใน พ.ศ. ๒๔๕๖ 

ปีนั้นท่านพระราชทานเป็นร้อยนามสกุล ผมเลือกจิ้มมาคนนึง พระยาพิษณุประศาสตร์เวช(คง)ใช่หรือไม่ครับ

ใช่ไม่ใช่ก็ ด้วยความเคารพ ท่านต้องหุงยาหม้อเข้าเครื่องทองแดงมากไปหน่อย จนกายท่านกลายสภาพเป็นทองแดงไปด้วย ผมย้อนไปดูรูปทีไรอดทึ่งไม่ได้สักครั้ง ขอประทานโทษ ตาขาวท่านยังเลิกขาวไปแล้ว

สุดยอดครับท่าน Navarat C. จิ้มมาชื่อแรกก็ถูกต้องในทันทีเลยครับ
ราชทินนามของท่านผู้นี้ในพระราชบันทึกของล้นเกล้าฯ ระบุว่า พระยาพิษณุประศาสตร์เวช
แต่ในบันทึกของหม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย  ดิศกุล และหม่อมเจ้าหญิงมารยาตรกัญญา  ดิศกุล
ทรงออกนามท่านผู้นี้ว่า พระยาพิษณุเวชศาสตร์ ก็ยังสงสัยอยู่เหมือนกันว่า ตกลงท่านมีราชทินนามว่ากระไรแน่

แต่ที่แน่ๆ หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย  ดิศกุล ทรงนิพนธฺไว้ใน "สิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็น" ตอนหนึ่งว่า
คราวที่ตามเสด็จพระราชดำเนินไปบวงสรวงเจดีย์ยุทธหัตถีที่ดอนเจดีย์เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๖ นั้น
"ถ้าวันใดอากาศไม่ค่อยจะดี พระยาพิศณุ ฯ ก็บดยากวาดใส่ถ้วยไปยืนคอยกราบทูลว่ากันหวัด !  แล้วแก
ก็เอานิ้วป้ายยาเข้าไปถวายคำนับ ในหลวงทรงอ้าพระโอษฐ์รับให้แกกวาดถวายเหมือนเด็ก ๆ!"   

ถ้าได้ทอดพระเนตรเห็นภาพท่านเจ้าคุณภาพนี้ คงจะไม่ทรงอ้าพระโอษฐ์ง่ายๆเป็นแน่

ตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ ฉบับหลวง มี ๒ เล่ม โดย พระยาพิศณุประสาทเวช (หมอคง) ได้รวบรวม และเรียบเรียงจากตำราแพทย์ไทยโบราณหลายเล่ม ตำราแพทยศาสตร์สงเคราะห์ ฉบับหลวงทั้ง ๒ เล่มนี้ รัฐประกาศให้ใช้เป็นตำราหลวง ต่อมาใน พ.ศ. ๒๔๕๑ พระยาพิศณุประสาทเวชเห็นว่า ตำรานี้ยากแก่การศึกษา จึงคัดเอาเฉพาะที่จำเป็น แล้วเขียนขึ้นใหม่ให้ง่ายขึ้น จัดพิมพ์เป็น ๓ เล่ม ให้ชื่อว่า ตำราแพทย์ศาสตร์สังเขป หรือ ตำราเวชศึกษา ต่อมาได้มีประกาศให้ใช้ตำราทั้ง ๓ เล่มนี้ เป็นตำราหลวงเช่นกัน

http://kanchanapisek.or.th/kp6/New/sub/book/book.php?book=33&chap=8&page=t33-8-infodetail02.html

 ::)

พระยาอรรคราชวราทรท่านนี้หรือเปล่าคะ ที่เป็นเค้าโครงพระยาอัครราชวรากรของแม่มณีในทวิภพ

 ;D

ขออนุญาตนะคะ ว่าหนังสือเล่มนี้มีความคลาดเคลื่อนอยู่บางตอน  ผู้เขียนเอง คือคุณ ณัฐวุฒิ เอง ก็ยอมรับว่าไม่ได้รู้จักทายาทของ พระยาอนุกูลสยามกิจ ทั้งในประเทศไทยและที่สิงคโปร์  ถ้าอยากทราบรายละเอียดจริงๆ ต้องอ่านหนังสือของ ดร. สิริลักษณา คอมันตร์ เรื่อง แด่พ่อที่รักของลูก ค่ะ

ภาพนี้มีอะไรเป็นพิเศษครับ?  ;D

ที่ผมทราบคือมีสมเด็จพระสังฆราช 2 พระองค์ประทับหัวท้าย?

สมเด็จพระสังฆราชสี่พระองค์เรียงลำดับกันมาเลยครับ
พระองค์แรก สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อยู่  ญาณโณทยมหาเถระ ป.ธ.๙) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก  วัดสระเกศ
พระองค์ที่สอง สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (จวน  อุฏฐายีมหาเถระ ป.ธ.๙) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก  วัดมกุฎกษัตริยาราม
พระองค์ที่สาม สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (ปุ่น  ปุณณสิริมหาเถระ ป.ธ.๖) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก  วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
พระองค์ที่สี่ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (วาสน  วาสนมหาเถระ ป.ธ.๙) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก  วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม

ข้อสังเกตอีกประการทั้ง ๔ พระองค์ล้วนทรงมีพระนามเดิมเพียงพยางค์เดียวเหมือนกันหมด

^
ภาพงานวางศิลาฤกษ์ พระอุโบสถหลังใหม่ วัดสัมพันธวงศ์ วันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๐๖

http://watsamphan.com/datawat/my12_mainhistory/04_sarit.htm
 ;D

ภาพนี้น่าจะทายง่าย สุภาพสตรีคนงามนี้  เกี่ยวข้องกับวงการบันเทิงค่ะ

คนเดียวกับเด็กน้อยที่ยืนทางขวามือ

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3462.0;attach=16077;image)

 ;D

ไม่บอกชื่อ  ปรับเป็นผิด
 :)

ทั้งสามท่านเป็นบุตรและธิดาของทั้งสองท่านนี้

 ;D

สามพี่น้องกับบิดามารดา

 ;D

คห. 411 ขอทายว่า หม่อมสร้อยระย้า ยุคล คะ

ถูกต้องค่ะ

# ๔๑๒


# ๔๑๔

หม่อมราชวงศ์สุวพันธุ์ สนิทวงศ์และนางยี่สุ่น สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (มังกรพันธ์)

# ๔๑๕

คงไม่ยากที่จะทายว่าใครเป็นใครบ้าง

 ;D

ขอโทษที่ต้องใช้สีขาวป้ายภาพให้เลอะเทอะไปบ้าง เพราะเป็นลายเซ็นชื่อ
สุภาพสตรีท่านนี้คงมีสมาชิกบางท่านรู้จัก หรืออย่างน้อยก็เคยได้ยินชื่อ

ขออนุญาตตอบว่าท่านเป็นบุตรสาวของอดีตอธิบดีกรมตำรวจ และเป็นเนติบัณฑิตหญิงคนแรกของประเทศไทย

แหะ แหะ

 ;D

ไม่บอกชื่อ ปรับตก
55555
เชิญคุณ  giggsmay หรือท่านอื่นๆ ด่วน

ถามคุณกุ๊ก ประเดี๋ยวเดียวก็ได้คำตอบ

 ;D

 ;Dขอขอบพระคุณ อ.เทาชมพู ที่เชิญเด็กอย่างหนูนะคะ ขอทายว่า ค.ห ที่ 419 คือ คุณแร่ม(พรหมโมบล)บุณยประสพ คะ  ;D

ปล.ท่านเป็นเจ้าของโรงแรมเวียงใต้ด้วยนะคะ

ท่านสวมครุยเนติบัณพิตออกชัดเจนว่า เป็นเนติบัณฑิตหญิงคนแรกของประเทศสยาม 
แม้จะจะลบลายมิอชื่อของท่านออก  ก็ยังสามารถระบุไก้ว่า ท่านชื่อ นางสาวแร่ม  พรหโมบล
หรือคุณหญิงแร่ม พรหโมบล บุณยประสพ ในเวลาต่อมาครับ

ยอดเยี่ยมค่ะ 
ประวัติท่านอยู่ที่นี่
http://www.identity.opm.go.th/identity/doc/nis04443.PDF

กระทู้ตกหายไปหลายวัน  ขอนำกลับขึ้นมาอีกครั้งด้วยภาพครูผู้บุกเบิกการสอนวิชาเกษตรในเมืองไทย
ท่านผู้นี้มีนามว่าอะไร?  คงไม่ยากเกินความสามารถของสมาชิกเรือนไทยไปได้

"เจ้าคุณอาจารย์" พระยาเทพศาสตร์สถิตย์ (โห้ กาฬดิษย์)

อ้าว ดิฉันนึกว่าเป็นท่านนี้
ยังไม่บอกชื่อ จะโดนปรับตกไหมคะ  :)

คุณอาร์ตรวดเร็วปานกามนิตหนุ่มเลยครับ
สำหรับท่านอาจารย์คงปรับตกไม่ได้ครับ  เพราะสองท่านนี้เป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่สมัยไปเรียนที่อังกฤษ
และเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรีเป็นผู้ผลักดันให้พระยาเทพศาสตร์สถิตย์คิดจัดตั้งโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรม
แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยขึ้นในบริเวณที่เป็นกรมตำรวจในปัจจุบัน  ก่อนที่จะย้ายไปเปิดสอนที่นครปฐม
ก่อนที่จะขยายกิจการจนเติบโตมาเป็นมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในปัจจุบัน

มาทายกันต่ออีกภาพครับ  คงไม่ยากอีกนั่นแหละครับ

 ;D

พลเอก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร พระนามเดิม พระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์
พระราชโอรสองค์ที่ 52 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาหม่อมราชวงศ์เนื่อง สนิทวงศ์ ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ดำรงพระชนม์ชีพอยู่เป็นพระองค์สุดท้าย

พลเอก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ถูกต้องแล้วครับ
พระรูปองค์นั้นทรงเครื่องเต็มยศ นายพันตรี นายทหารพิเศษประจำกรมทหารราบที่ ๑๑ รักษาพระองค์
บนอินทรธนูจึงมีเลข ๑๑ อยู่เหนือจักรหมายยศ  ถัดขึ้นไปเป็นอักษรพระบรมนามาภไธยย่อ ว.ป.ร.
หมายว่า พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นผู้บังคับการพิเศษของกรมทหารนี้ครับ

มาดันกระทู้นี้มิให้ตก
ท่านนี้คือใคร ???
"นายช่างใหญ่แห่งสยาม" ใบ้ขนาดนี้แล้ว คาดว่าหลายท่านน่าจะมีคำตอบ

ภาพนี้น่าจะฉายราวพระชนมายุสักยี่สิบต้นๆ (สมัยกำลังทรงซอกับกรมหลวงพรหมฯ)

 ;D

สุภาพบุรุษหนวดงามผู้นี้คือใครครับ

 ;D (http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=rattanakosin225&date=15-03-2007&group=1&gblog=3)

ไม่ทราบว่าคุณเพ็ญชมพู ทายมาว่า สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศ ฯ หรือไม่ ?!?
ถ้าทายมาแบบนี้ ผมตอบว่า ไม่ใช่ครับ

ขอเฉลยเลยละกัน ท่านนี้หลายคนคงไม่เคยเห็น รวมทั้งผม และใคร่ที่จะเห็นมานาน

ท่านนี้ คือ "หม่อมเจ้าประวิช ชุมสาย" นายช่างใหญ่แห่งสยาม อีกท่านหนึ่งครับ

อ้าว นึกว่าสมเด็จครูจะเป็น "นายช่างใหญ่แห่งกรุงสยาม" พระองค์เดียวเสียอีก

มาขยายความเห็นคุณเพ็ญครับ
เจ้าพระยาวิชิตวงศ์วุฒิไกร ผฒงณงซงคลี่  สุทัศน์) เสนาบดีกระทรวงธรรมการคนที่ ๒ ต่อจากเจ้าพระยาภาสกรวงษ์ (พร  บุนนาค)
ต่อมาในรัชกาลที่ ๖ โปรดให้ออกรับพระราชทานบำนาญเหตุสูงอายุ  แล้วทรงตั้งเจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี (ม.ร.ว.เปีย  มาลากุล)
เป็นเสนาบดีธรรมการแทน

ราชทินนาม วิชิตวงศ์วุฒิไกร นี้เป็นราชทินนามเฉพาะราชสกุลสุทัศน์  ผู้ที่ได้รับพระราชทานราชทินนามเป็น พระยาวิชิตวงศ์วุฒิไกร
ท่านต่อมาคือ นายพลโท พระยาวิชิตวงศ์วุฒิไกร (ม.ร.ว.สิทธิ์ สุทัศน์) อดีตแม่ทัพกองทัพน้อยที่ ๑ (ปัจจุบันคือ กองทัพภาคที่ ๑)

สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มท่านนี้ คือใคร ???

ภาพข้างบนยังหาคำตอบอยู่ค่ะ .. ;D
มีมาให้ช่วยกันตอบอีกภาพค่ะ...

^
สมเด็จเจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร ค่ะ

พระรูปด้านล่าง อาจารย์ตอบแล้ว

ภาพข้างบน เห็นแล้วนึกถึง ท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนีย์ หรือ หม่อมแผ้วในสมเด็จเจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ

คุณกะออม เก่งมากครับ ท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี
ถ่ายตอนอายุประมาณ 15 เมื่อถวายตัวเป็นหม่อมห้ามในทูลกระหม่อมอัษฎางค์เดชาวุธ แล้ว

รายนี้น่าจะทายกันง่ายค่ะ

 ;D

พระณูปนี้เชื่อว่าสมาชิกเรือนไทยคงจะทายกันถูกเป็นแน่  ที่เลือกมาเพราะอยากจะให้ได้ยลพระสิริโฉมที่งามจริงๆ

^
สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 ค่ะ

ถูกต้องแล้วครับ

มีมาทายบ้างค่ะว่าเจ้านายทั้งสองนี้คือองค์ไหน

ป.ล. คุณเพ็ญชมพูได้รับอภิสิทธิ์แจกคูปอง 100 คะแนน   ไม่ต้องทายค่ะ

คูปอง ๑๐๐ คะแนนใช้แลกอะไรได้บ้างหนอ

 ;D

คูปองนี้ให้อภิสิทธิ์ (ไม่ได้หมายถึงอดีตนายกฯ) แก่คุณเพ็ญชมพู เพื่อได้ทายรูปที่เจ้าของเรือนจะสรรหามาให้โดยเฉพาะ   
เป็นรูปที่อินทรเนตรสอดส่องไปไม่ถึง
โปรดอดใจรอ

เจ้าฟ้านิภานภดล (ซ้าย) และ เจ้าฟ้ามาลินีนพดารา (ขวา)

^

รอ ร้อ รอ......

 ;)

โดนทวงหนี้ เลยต้องรีบไปหารูปมาก่อนดอกเบี้ยจะทบต้น

สุภาพสตรีสาวในชุดจีน ท่านนี้คือใครคะ

เอ๋  คุณเพ็ญชมพูหายไปไหน
ขอขยายความว่า  รูปปริศนาข้างบนนี้ เป็นพระรูปเจ้านายในพระราชวงศ์จักรีค่ะ   ไม่ใช่ชาวต่างชาติ   

พระพักตร์ท่านคุ้นคุ้น       ภาพของคุณเทาชมพู
เพ่งพิศหลายวันอยู่          ยังไม่รู้เป็นผู้ใด

แหะ แหะ

 ;D

งั้นส่งพระรูปให้ดูอีกรูปหนึ่ง   พระพักตร์ด้านตรง  
คุณ V_Mee  คุณ siamese คุณ art47  คุณวีรชัย และท่านอื่นๆจะช่วยคุณเพ็ญชมพูไหมคะ

กี่เพ้า ?

ทายพระรูปค่ะ ไม่ได้ทายละครทีวี  ;)
อย่าบอกนะว่า จินนี่ไม่ยอมทาย  เสียชื่อตะเกียงวิเศษหมด

ยังไม่มีใครทาย    :(
บอกใบ้อีกครั้ง    ทรงเป็นเจ้านายชั้นพระองค์เจ้าค่ะ

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอัพภันตรีปชา ใช่หรือไม่ครับ

ยกนิ้วโป้งให้ werachaisubhong  ในความพยายาม  พร้อมแถมคูปองให้ทายได้อีกไม่จำกัดครั้งค่ะ

เพราะ...
ไม่ใช่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอัพภันตรีปชา ค่ะ

เก่งมาก ๆ ครับ

ไม่ใช่นะคะ คุณหนุ่มสยาม

อาจารย์ครับ ขอคำใบ้อีกนิดนะครับ

ท่านเป็นพระองค์เจ้าชั้นพระเจ้าหลานเธอค่ะ    ไม่ใช่พระเจ้าลูกเธออย่างพระองค์เจ้าอัพภันตรีปชา

ขอเดานะคะว่าเป็นพระรูปของ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศิริรัตนบุษบง คะ ;D

อุอุ...
ม่ายช่าย...

พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอินทุรัตนา
เพราะว่า พระองค์เจ้าชั้นพระเจ้าหลานเธอ มีไม่มากพระองค์ครับ

ก็ยังไม่ใช่อีกละค่ะ
ค่อยๆทายไปเรื่อยๆนะคะ

มีอยู่หลายพระองค์เชียว

พระรูปใน พันทิป (http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2010/01/K8734329/K8734329.html)

 ;D

พระองค์เจ้าจันทรกานตมณี  ;D

ไม่ใช่ค่ะ

บอกคุณเพ็ญชมพูแล้วไงว่า จะหารูปที่อินทรเนตรสอดส่องไปไม่ถึง
ไม่น่ามาทวงหนี้เลยเชียว
แล้วทำไมตัวเองไม่ทายล่ะคะ  

ข้อมูลยังไม่พอที่จะตอบ

แต่ดูจากพระนาสิกที่โด่ง น่าจะเกี่ยวข้องกับตระกูลบุนนาค

และดูจากฉากประกอบและการแต่งตัว คิดว่าน่าจะเป็นการแสดงในละครเรื่องจีน

ตอบได้เพียงเท่านี้         ลองดูทีถูกหรือไม่
ผิดก็ไม่เป็นไร              ขอตอบใหม่เรื่อยไปเอย

 ;D

ทำท่าจะใกล้แล้วละค่ะ คุณเพ็ญ พยายามต่อไป

ชุดจีนที่ทรงแต่ง ไม่ใช่ละคร ทรงแต่งแฟนซีค่ะ

เห็นใจคนทายทั้งคุณเพ็ญชมพู คุณวีระชัย และคุณ siamese ที่เข้ามาร่วมวง   เพราะฉะนั้นนำพระรูปหมู่มาให้ดูอีกครั้ง เมื่อพระชนม์มากแล้ว
แต่อย่าถามว่าองค์ไหนในพระรูปหมู่

^
สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี ทรงงามมากครับ

ขออนุญาตใช้ตัวช่วยที่ชื่อ "เดา" ว่า พระองค์ที่สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรณี ทรงคล้องพระกรครับ
พระนามคือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสาปีบุษปากร ครับ

ขอเดาอีกคะว่าเป็น พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภาวสิทธินฤมล คะ

ผมเดาว่าพระองคืที่อยู่ขวามือสุดในภาพแต่จำชื่อพระองค์ไม่ได้ครับ

ตอบคุณ V_Mee  คุณ gigsmay และคุณ werachaisubhong

พระรูปนี้เห็นทีจะไม่เป็นที่รู้จักจริงๆด้วยนะคะ     เพราะทั้งสามท่านนี้ก็สนใจในเรื่องราวของอดีต  มีความรู้ดีมาก โดยเฉพาะคุณ V_Mee นั้นเรื่องราวเกี่ยวกับรัชกาลที่ 6 เรื่อยมาจากรัชกาลที่ 7 ไม่มีเรื่องไหนรอดสายตาไปได้
แต่ขอบตอบว่า
๑   ไม่ใช่ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวาปีบุษปากร  และไม่ใช่องค์ที่คล้องพระกรอยู่ค่ะ
๒   ไม่ใช่ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภาวสิทธินฤมล ค่ะ
๓   ไม่ใช่พระองค์ที่อยู่ขวามือสุดในภาพ อีกน่ะแหละค่ะ

นำพระรูปตอนทรงพระเยาว์ มาให้ดูกันค่ะ  องค์ขวามือ  พระสิริโฉมงามน่ารักมาก

เรียงภาพตั้งแต่เล็ก        เริ่มจากเด็กสู่วัยใส
ชนม์มากงามสมวัย        ถูกต้องไหมใคร่ทราบเอย

 ;D
 

ตอบว่า พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุทธวงษ์วิจิตร ครับ

ขอเดาอีกรอบนะคะ พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้ามยุรฉัตร คะ

พระนามที่ถูกต้อง  ษ  ไม่มีการันต์ค่ะ
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุทธวงษวิจิตร

ถูกต้องค่ะ

พระรูปขวาสุด ไม่ถูกค่ะ

จำได้ไหมคะ

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ทรงมีพระชายา 1 พระองค์ คือ หม่อมเจ้าประสงค์สม บริพัตร (พระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าไชยันตมงคล กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย ประสูติแต่กลีบ ซูกะวิโรจน์) พระโอรสและพระธิดาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ที่ประสูติแต่หม่อมเจ้าประสงค์สม บริพัตร ได้รับการยกขึ้นเป็น "พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า" ทุกพระองค์ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุมภฏพงษ์บริพัตร กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิพินิต
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงศิริรัตนบุษบง
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงสุทธวงษวิจิตร
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงพิสิฐสบสมัย
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงจุไรรัตนศิริมาน
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงจันทรกานตมณี

 :D

แฮะๆ ว่าแล้วเชียวว่าจะต้องเป็นพระองค์หญิงสายสกุลบริพัตรเลือกมาผิดพระองค์นิดเดียว :-[

^
ในหนังสือไม่ได้บอกไว้ อิอิ  8)

คุณหนุ่มสยามจะทายไหมคะ ว่าพระธิดา ๒ องค์ องค์หนึ่งคือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงสุทธวงษวิจิตร  อีกองค์หนึ่งคือใคร
พระรูปหมู่ข้างล่างนี้   พระองค์เจ้าหญิงสุทธวงษวิจิตรทรงยืนอยู่ซ้ายสุดค่ะ คุณเพ็ญชมพู
ขอเฉลยว่า พระรูปนี้ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ ทรงยืนอยู่กับเจ้านายสตรีในราชสกุลบริพัตรทั้ง ๕ องค์      ตอนนี้ก็รู้แล้วว่าองค์ซ้ายสุดเป็นใคร  อีก ๔ องค์  พอทายได้ไหมว่าองค์ใดบ้าง

อ้อ เฉลยอีกภาพค่ะ   
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงสุทธวงษวิจิตร   ทรงอยู่ทางขวา
พระองค์ซ้าย  ทราบไหมว่าเจ้านายองค์ใด

พระองค์ไหนบ้างหนอ
 
;D

ลองทายนะคะ    ไม่ได้ไปดูที่มาจากอินทรเนตร

แถวหลังจากซ้ายไปขวา  พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพิสิฐสบสมัย     พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุทธวงษวิจิตร     พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุมภฏพงษ์บริพัตร กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิพินิต       สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศิริรัตนบุษบง

แถวหน้าจากซ้ายไปขวา
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจันทรกานตมณี หม่อมเจ้าประสงค์สม บริพัตร     พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุไรรัตนศิริมาน

ตรงกับคำตอบของคุณหนุ่ม



คุณเทาชมพูคงให้คำตอบได้

 ;D

น่าจะเป็น "องค์ห้า" พระองค์เจ้าจันทรกานตมณี ค่ะ

มีมาให้ทายอีกภาพค่ะ
พระองค์เจ้าทั้งสี่พระองค์นี้ คือพระองค์ใดบ้าง

แวะเข้ามาดู  ยังไม่มีใครมาทายกันเลย
นำพระรูปมาให้ดูอีกค่ะ 

เป็นพระราชนัดดา  หรือเปล่าครับ

ถ้าหมายถึงพระรูป # 501   มีทั้งพระเจ้าลูกเธอ และพระเจ้าหลานเธอค่ะ

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5356.0;attach=37756;image)

พยายามใบ้อย่างสุดฤทธิ์  เผื่อมีใครอยากทายพระรูปที่ไม่ได้ลงในอินทรเนตรมาก่อน
เรียงลำดับจากซ้ายไปขวา
- พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้า...
- พระเจ้าวรวงศ์เธอ  พระองค์เจ้า...
- พระเจ้าวรวงศ์เธอ  พระองค์เจ้า...
- พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้า...

พระองค์แรกสุด..........พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวาปีบุษบากร พระราชธิดาพระชันษายืนองค์สุดท้ายในล้นเกล้ารัชกาลที่ 5

พระองค์ที่สองกับสาม ไม่แน่ใจว่าจะสลับกันหรือไม่ องค์สองกับองค์สามจากราชสกุล บริพัตร......พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศิริรัตนบุษบง กับพระองค์เจ้าสุทธวงษ์วิจิตร

พระองค์สุดท้ายคือ........พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเหมวดี พระราชธิดาพระชันษายืนรองสุดท้าย ในล้นเกล้ารัชกาลที่ 5

....................................

ส่วนรูปในใน คห.ที่ 495 ที่มีสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ ประทับอยู่ด้วยนั้น

ซ้ายสุดคือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุทธวงษวิจิตร


องค์ที่สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีทรงคล้องแขนด้วย คือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศิริรัตนบุษบง


ประทับด้านหลังสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี คือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุไรรัตนสิริมาน


ถัดไป คือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจันทรกานต์มณี


องค์สุดท้าย ไม่มั่นใจนะครับ น่าจะใช่ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพิสิฐสบสมัย


............................

เฉลย
จากซ้ายไปขวา   พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวาปีบุษบากร   พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศิริรัตนบุษบง (พระองค์หญิงใหญ่) พระเจ้าวรวงศ์เธอ  พระองค์เจ้าสุทธวงษวิจิตร(พระองค์หญิงกลาง) และพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเหมวดี

เก่งมากค่ะ คุณ ritti018

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5356.0;attach=37747;image)
เฉลย
จากซ้ายไปขวา
พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าสุทธวงษวิจิตร (พระองค์หญิงกลาง) 
สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ 
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุไรรัตนศิริมาน (พระองค์หญิงสี่) 
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศิริรัตนบุษบง (พระองค์หญิงใหญ่) (สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีทรงคล้องพระกรด้วย)
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจันทรกานตมณี (พระองค์หญิงห้า) 
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพิสิฐสบสมัย (พระองค์หญิงเล็ก)

พระรูปนี้มีเจ้าพี่เจ้าน้องสี่พระองค์ และพระประยูรญาติอีกหนึ่งองค์   จำได้ไหมคะ ว่าองค์ไหนที่เป็นพระญาติ

องค์ 1-4 น่าจะเป็นเจ้าพี่เจ้าน้องกันครับ

ผมแยกไม่ค่อยออกระหว่าง พระองค์ืั้ที่หนึ่งกับพระองค์ที่สี่ ว่าเป็นพระองค์เจ้าศิริรัตนบุษบงหรือพระองค์เจ้าสุทธวงษวิจิตรกันแน่  เพราะพระพักต์ท่านคล้ายกันนัก

แต่องค์ที่สองในรูป น่าจะใช่ พระองค์เจ้าจันทรกานต์มณี

องค์ถัดไป พระองค์เจ้าจุไรรัตนสิริมาน

ขอเดาว่าคือ องค์สุดท้าย ที่เป็นพระประยูรญาติครับ

..................

พระรูปนี้ในหนังสือไม่ได้บรรยายว่าพระองค์ไหนเป็นพระองค์ไหน     จึงต้องขอให้ช่วยดูกันหลายๆคนหน่อยค่ะ
ดิฉันคิดว่าเป็นตามนี้  จากซ้ายไปขวา
พระองค์เจ้าศิริรัตนบุษบง   พระองค์เจ้าพิสิฐสบสมัย  พระองค์เจ้าจุไรรัตนศิริมาน   พระองค์เจ้าสุทธวงษวิจิตร
และพระญาติ
พระองค์เจ้าจันทรกานตมณี มิได้ทรงฉายด้วย

ขอให้ช่วยทายพระนามของพระญาติด้วยนะคะ     เฉลยเมื่อไหร่ ชาวเรือนไทยน่าจะร้อง อ๋อ กันหลายคน

มาบอกใบ้ต่อ
พระญาติองค์นี้  พระบิดาทรงเป็น "อา" ในสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรควรพินิต      ทรงสนิทสนมใกล้ชิดกับเจ้านายสตรีในราชสกุลบริพัตรมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์   เพราะทรงศึกษาด้วยกันที่วังบางขุนพรหม

สมัยนั้นสมเด็จพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรีทรงเปิดโรงเรียนขึ้นภายในวังบางขุนพรหม เพื่อพระนัดดาและพระญาติชันษารุ่นราวคราวเดียวกัน จะได้ศึกษาโดยไม่ต้องออกไปเล่าเรียนนอกวัง   ทรงจัดหาครูทั้งไทยและแหม่มมาสอนวิชาต่างๆ คือเลข ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์และวรรณคดี   หนังสือเรียนสั่งจากต่างประเทศ สอนเป็นภาษาอังกฤษ   ยกเว้นวิชาภาษาไทยสอนโดยครูไทย

ร.ร.นี้เรียกกันล้อๆในหมู่เจ้านายว่า "บางขุนพรหม ยูนิเวอร์ซิตี้ "  เจ้านายที่เล่าเรียน ได้ชื่อว่าเป็น "พวกยูนิเวอร์ซิตี้ "   เปิดมาจนปี 2475  ถึงได้ปิดเพราะความผันผวนทางบ้านเมือง  เจ้านายราชสกุลบริพัตรต้องลี้ภัยออกจากแผ่นดินไทย และวังบางขุนพรหมถูกรัฐบาลยึดไปเป็นของรัฐ

ขอตอบว่า พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงมาลิศเสาวรส ครับ

ขอบคุณคุณวีระชัยมากที่มาช่วยทำให้กระทู้เคลื่อนไหว  ขอชมในความอุตสาหะวิริยะ
ยังไม่ใช่พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงมาลิศเสาวรส ค่ะ
ลองอีกทีไหมคะ

หม่อมเจ้ามารยาตรกัญญา ดิศกุล

 ;D

^
แน่ใจหรือเปล่าคะ?

ขอตอบอีกครั้งครับ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมเขตรมงคล

ไม่น่าจะผิด

 ;D

ผมว่าน่าจะใช่ หม่อมเจ้ามารยาตรกัญญา ดิศกุล
เพราะว่า หม่อมเจ้ามารยาตรกัญญาทรงเติบโตมาพร้อมกับ หม่อมเจ้าหญิงจงจิตรถนอม ดิศกุล พระธิดาพระองค์ใหญ่ในกรมพระยาดำรงราชานุภาพ พร้อมกับพระธิดาของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต ในสำนักของสมเด็จพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวีที่วังบางขุนพรหม คือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงศิริรัตนบุษบง พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงสุทธวงษ์วิจิตร พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงพิสิฐสบสมัย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงจุไรรัตนศิริมาน และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงจันทรกานตมณี

ท่านหญิงใหญ่  หม่อมเจ้าจงจิตรถนอม  ดิศกุล ขอรับ

หม่อมเจ้ามารยาตรกัญญา ดิศกุล ค่ะ

บุคคลท่านนี้คือใครครับ

คำตอบ

(http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2007/08/K5705915/K5705915-4.jpg)

หากภาพไหนอยู่ในรัศมีของอินทรเนตรจะสอดส่องไปถึง

คงไม่ยากที่จะหาคำตอบ

 ;D

ภาพนายเสือป่าม้าหลวงรักษาพระองค์ท่านนี้เป็นใครกันครับ  ไม่ทราบว่าจะรอดหูรอดตาท่านอินทรเนตรไปบ้างไหม?

ไม่รู้ว่าเป็นใคร สังเกตแต่เครื่องราชจุลจอมเกล้าฯ ของท่าน น่าจะเป็นชั้นพระยา 
เครื่องแต่งกายโก้มากค่ะ

ท่านผู้นี้เป็นพระยาพานทอง  ถวายตัวเป็นมหาดเล็กในรัชกาลที่ ๖ พร้อมกัน ๓ พี่น้อง  แต่ท่านนี้ดูจะโปรดมาก
จึงเป็น ๑ ใน ๔ คุณมหาดเล็กข้าหลวงเดิมที่ได้รับพระราชทานทุนไปเล่าเรียนที่ประเทศญี่ปุ่น  พร้อมกับ
๔ คุณข้าหลวงในสมเด็จพระพันปีหลวงครับ 

มหาเสวกตรี พระยาเทวาธิราช นามเดิม หม่อมราชวงศ์โป้ย มาลากุล หรือ ม.ร.ว.เทวาธิราช ป.มาลากุล  ค่ะ

มาถูกทางแล้วครับ  แต่ไม่ใช่พระยาเทวาธิราชครับ

 ;Dขอเดาคะ พระยาชาติเดชอุดม (หม่อมราชวงศ์โป๊ะ มาลากุล)คะ ;D

พระยาชาติเดชอุดมก็ยังไม่ถูกครับ
ใบ้เพิ่มครับ  ท่านผู้นั้เป็นสมาชิกราชินิกุลที่มีต้นกำเนิดเดียวกัน  แต่ได้รับพระราชทานนามสกุลแยกเป็น ๓ สกุล

ทายอีกที  เอ้า...
พระยานรเทพปรีดา (เจริญ สวัสดิ-ชูโต) ค่ะ

กรมหลวงชุมพร ฯ หรือเปล่าครับ ???

อ้าววว ลืมดู เขาใบ้ให้ว่าเป็นพระยา
 ถ้าวงั้นขอเดาว่า มาจากสกุล "บุนนาค"
แต่ต้องเป็นใครคนหนึ่ง ในสกุลต่อไปนี้
"บุรานนท์"
"จาติกรัตน์"
และ "ศุภมิตร"

ผมพอมาถูกทางไหมครับ ?

แล้วมหาดเล็กพี่น้องสองคนของตระกูล "สวัสดิ์-ชูโต" คือท่านใดหนอ  ???

ท่านอาจารย์ใหญ่เฉลยถูกแล้วครับ
ท่านผู้นั้นคือ พระยานรเทพปรีดา (จำเริญ  สวัสดิ์ - ชูโต) ฉายไว้เมื่อครั้งเป็นนายกองเอก พระยาเทพทวาราวดี
ราชทินนาม ฎเทพทวาราวดี" นี้เป็นราชทินนามสำหรับตำแหน่งเจ้ากรมขอเฝ้าในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ท่านแรกคือ พระยาเทพทวาราวดี (สาย  ณ มหาชัย) เป็นพระเทพทวาราวดีมาแต่รัชกาลที่ ๕  เมื่อรัชกาลที่ ๖
ขึ้นครองราชย์ได้เลื่อนเป็นพระยา  สุดท้ายโปรดให้ปลดเป็นกองหนุนเพราะเป็นผู้รับรองนายฉลองไนยนาถ (ยู่เส็ง  ศิวะโกเศศ)
เข้ามาเป็นกรรมการผู้จัดการฝ่ายไทยในแบงก์สยามกัมมาจล  และทำให้เกิดวิกฤติในแบงก์สยามกัมมาจลในเวลาต่อมา

พระยานรเทพปรีดาเป็นรายที่สอง  แต่ก็ถูกออกเป็นกองหนุนภายหลังจากได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์นี้มาได้ระยะหนึ่ง

ท่านผู้นี้มีพี่น้องที่ได้ถวายตัวเป็นมหาดเล็กในรัชกาลที่ ๖ ด้วยกัน ๓ คนคือ
พระยากรุงศรีสวัสดิการ (จำรัส  สวัสดิ์ - ชูโต)
พระยานรเทพปรีดา (จำเริญ  สวัสดิ์ - ชูโต)
พระยาจินดารักษ์ (จำลอง  สวัสดิ์ - ชูโต)
โปรดสังเกตครับ  ทั้ง ๓ พี่น้องนี้มีนามขึ้นต้นว่า "จำ" เหมือนกันหมด  และเพราะเหตุนี้เมื่อพระยาจินดารักษ์ขอพระราชทานนามให้
บุตรชายคนโต  ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ จึงได้พระราชทานนามให้ว่า "จำเรา"  แต่ปัจจุบันท่านผู้นี้ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "ดุษฎี" แล้ว
ท่านเล่าให้ฟังว่า ชื่อจำเรานั้นถ้าคนฟังไม่ถนัดจะกลายเป็นอีกชื่อที่มีความหมายไม่เหมาะสมไป  จะเป็นชื่ออะไรเชื่อว่าท่านสมาชิก
เรือนไทยคงจะผันอักษรกันได้
ให้บุตรคนหนึ่

สำหรับราชินิกุลที่แตกเป็น ๓ สกุล คือ ชูโต  แสง - ชูโต และสวัสดิ์ - ชูโต

ดึงกระทู้ขี้นมาอีกครั้งค่ะ
พระรูปนี้ พระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ใดบ้างคะ

 ;Dจากซ้าย สมเด็จเจ้าฟ้าจักพงศ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานารถ สมเด็จเจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา สมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ กรมขุนเทพทวาราวดี(รัชกาลที่ 6) ;D

:D

สตรีบรรดาศักดิ์ท่านนี้คือใคร จำได้ไหมคะ

^
ทรงชุดผ้าลูกไม้ได้งามสง่า มาก ๆครับ

 :Dขอเดานะคะ ขอเดาว่าท่านผู้นี้คือ ท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์

จำผิดรึเปล่าคะ คุณหนุ่มสยาม
ไม่ต้องใช้ราชาศัพท์กับท่านค่ะ   :)


ไม่ใช่ค่ะ  ;D

ท่านอาจารย์ท่านว่าไม่ต้องใช้ราชาศัพท์กับสตรีมีบรรดาศักดิ์ท่านนี้  แต่ดูจากสายสะพายและดวงตราที่ท่านประดับ  แสดงว่าท่านผู้นี้ได้รับพระราชทาน
ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ  ประกอบกับเหรียญรัตนาภรณ์ จ.ป.ร.ชั้นที่ ๒ ที่อกเสื้อเบื้องซ้าย  พอจะจำกัดวงได้ว่าท่านผู้นี้เป็นเจ้าจอมในรัชกาลที่ ๕

ขออนุญาตเพิ่มเจ้าจอมมารดาในรัชกาลที่ ๕ เข้าไปด้วย

 ;D

คุณ V_Mee กับคุณเพ็ญชมพูมาถูกทางแล้วค่ะ

เฉลยชื่อท่านเมื่อไหร่เป็นต้องร้อง อ๋อ   
บอกใบ้เพิ่ม  ท่านมีพระองค์เจ้าชาย 2 พระองค์ค่ะ

เคยได้ยินมาว่าที่เจ้าคุณนรเทพปรีดาหลุดเป็นกองหนุน เพราะไปผิดใจกับท่านผู้ใหญ่ท่านหนึ่งในราชสำนัก  8)

เจ้าจอมมารดาในรัชกาลที่ ๕ ที่ทรงมีพระราชโอรส ๒ พระองค์มีเพียง ๒ ท่านคือ
เจ้าจอมมารดาทับทิม  ซึ่งเป็นเจ้าจอมมารดาใน จอมพล พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงนครไชยศรีสุรเดช และนายพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสิงหวิกรมเกรียงไกร
อีกท่านคือ เจ้าจอมารดาโหมด  เจ้าจอมมารดาใน นายพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์  กับพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นไชยาศรีสุริโยภาส

สำหรับภาพปริศนาของท่านอาจารย์ขอตอบว่า เจ้าจอมมารดาโหมด ในรัชกาลที่ ๕ ครับ

ว้าาา มาตอนตลาดจะวายแล้ววันนี้

คุณ V_Mee มาตอบซะแล้ว

ในใจผมเห็นครั้งแรก คิดว่า เป็นเจ้าจอมมารดาโหมด  บุนนาค ป.จ. พระมารดาใน กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ซึ่งเพิ่งครบรอบวันประสูติ 132 ปี ไปเมื่อวันที่ 19 ธันวาคมนี่เอง

........................

ยอดเยี่ยมค่ะ คุณ V_Mee  :D

เจ้าจอมมารดาโหมด   มีพระองค์เจ้า 3 พระองค์คือ
    พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตร์อุดมศักดิ์
    พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอรองค์อรรคยุพา
    พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุริยงประยุรพันธ์ กรมหมื่นไชยาศรีสุริโยภาส

เจ้าจอมมารดาโหมด พำนักในพระบรมมหาราชวังมาตลอดในรัชกาลที่ 5 เมื่อ สิ้นรัชกาลแล้วจึงได้กราบบังคมทูลลาออกมาพำนักกับพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรฯ  ณ วังนางเลิ้งตลอดมา มีความสุขอยู่กับการเลี้ยงดูหม่อมเจ้าในราชสกุล "อาภากร" และ "สุริยง" จนกระทั่งถึงแก่อสัญกรรม เมื่อ ณ วันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2475

เจ้าจอมมารดาโหมด ถ่ายรูปนี้กับเจ้าคุณแพ หรือเจ้าคุณพระประยูรวงศ์ พี่สาว

คุณ ritti อย่าเพิ่งเสียดายค่ะ    งั้นลองทายรูปนี้ดู ว่าสาวน้อยแสนงามในรูปนี้คือสตรีบรรดาศักดิ์ท่านใด

หน้าละม้าย คล้าย หม่อมหลวงบัว  กิติยากร ยิ่งนักครับ คุณเทาชมพู

.............................

เก่งมากค่ะ คุณ ritti

เตรียมภาพของท่านภาพนี้ไว้ เผื่อไม่มีใครทายภาพแรกถูก   เลยนำมาให้ชมด้วยเสียเลยค่ะ

พระรูปนี้น่าจะทายง่าย เพราะบางท่านคงเคยเห็นมาแล้ว
ขอถามว่าพระเจ้าลูกยาเธอทั้ง ๓ พระองค์ คือพระองค์ใดบ้างคะ

พระองค์ทางซ้าย....พระบาทสมเด็จ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7


พระองค์กลาง.....สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา


พระองค์ทางขวา....สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย

...................................


ในรูปของหม่อมหลวงบัวนั้น ท่านดูงดงาม เรียบร้อย สมกับกุลสตรีไทย จังครับ

เรียนถามคุณเทาชมพู

ในรูปแรกของกระทู้นี้ ที่เป็นรูปสตรีแลสูงศักดิ์ นั่น ยังมิได้เฉลยเลยครับ

อยากทราบว่า ท่านคือใคร

แล้วอีกรูปนึงวันก่อน ต่อจากรูปของเจ้านายทั้ง5พระองค์ จากราชสกุล บริพัตร ที่เป็นรูปเด็กน้อย แล้วจู่ๆก็หายไป

อยากทราบเช่นกันครับว่า คือใคร

ขอบคุณมา ณ ที่นี้ครับ

.............................................

ระลึกถึง คุณ wandee ไม่ได้พบปะ สนทนากับคุณ wandee เสียหลายเพลาแล้วครับ

ไม่ทราบว่าหายไปไหน

...........................

รูปปริศนารูปแรกเห็นจะต้องถามคุณ benzene เจ้าของกระทู้ เพื่อให้มาเฉลยเองค่ะ

รูปเด็กน้อย ไม่ทราบว่าคุณ ritti หมายถึงพระรูปนี้หรือเปล่า  ในหนังสือไม่ได้ระบุพระนามไว้ แต่ดูจะพระชันษาเทียบกับองค์อื่นๆ น่าจะเป็นองค์ห้า  พระองค์เจ้าจันทรกานตมณี ค่ะ

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3462.0;attach=30985;image)

ผมอยากทราบว่าในรูปนี้ ทำอะไรกัน ที่ไหน และ มีใครบ้างครับ

แล้วท่านผู้นี้ครับ ชื่อเสียงเรียงนามท่านว่ากะไร

ภาพหมู่ใบนี้ไม่ทราบว่าถ่ายในวาระอะไร พอจะรู้จักใครบ้างครับ
ผมจำท่านที่ยืนแถวหน้า ที่สองจากซ้าย  ศาสตราจารย์ ดร. ปรีดี พนมยงค์

เจ้าพระยาวิชิตวงศ์วุฒิไกร (ม.ร.ว. คลี่ สุทัศน์) แต่งเต็มยศสวมลอมพอก

แต่ถ่ายงานอะไรไม่ถนัด ระหว่างเป็นพระยายืนชิงช้า กับพระยาแรกนา


คณะรัฐมนตรี

เห็น

แถวล่าง
1. ร.อ. หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ รน.
2. ร.อ.อ. หลวงโกวิทอภัยวงศ์
3. อ.ต. หลวงประดิษฐ์มนูธรรม
5. ม.อ.อ. เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ
6. ม.อ.ท. หม่อมเจ้าวรรณาไวทยากร วรวรรณ
7. พ.ต. หลวงพิบูลสงคราม

แถวหลังๆ
เห็น ร.อ.อ. ประยูร ภมรมนตรี กับ ร.อ. หลวงอดุลเดชจรัส

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงกำกับงานชักรูปที่พระราชวังสวนดุสิตครับ ในคราวพระยายืนชิงช้า (ม.ร.ว. คลี่ สุทัศน์) เมื่อพ.ศ. ๒๔๔๗ ครับ

ตอบไม่ทันคุณหนุ่ม  ขอเสริมพระราชนิพนธ์เกี่ยวกับการถ่ายรูปก็แล้วกัน

รัชกาลที่ ๕ ทรงพระราชนิพนธ์เรื่อง "เรื่องการถ่ายรูปเมืองไทย"  ไว้ในหนังสือ กุมารวิทยา ฉบับที่ ๒๒  วันจันทร์ที่ ๓ เดือนกุมภาพันธ์ ร.ศ. ๑๑๔ หน้า ๑๕๖-๑๕๘ ดังนี้

เ รื่ อ ง ถ่ า ย รู ป เ มื อ ง ไ ท ย

วิธีถ่ายรูปที่เข้ามาในเมืองไทย ยังไม่ถึง ๕๐ ปี แต่แรกถ่ายด้วยแผ่นเงินขัดเสียให้เกลี้ยงจนเปนกระจกเงาต้องนั่งช้า ติดเห็นราง ๆ แลได้รูปเดียวพิมพ์ต่อไม่ได้  รูปถ่ายกระจกพึ่งจะมาถึงกรุงเทพ  เมื่อสักสี่สิบปีเศษ  แต่ใช้น้ำยาสด  ต้องนั่งนานไม่ดี มีแต่เสียมากกว่าได้  กรมหมื่นอลงกฎ กับนายโหมด (กสาปน์) เปนผู้ถ่าย ภายหลังนายจิตร หลวงอัคนีนฤมิตร เปนผู้ถ่าย  มีแต่งขึ้นประมาณ ๓๐ ปีนี้

รูปน้ำยาแห้งพึ่งมีมาเมื่อประมาณ ๑๕ ปี แต่แรกมานั้น เสียมากกว่าได้  ต่อมาภายหลังเรือเมล์เดินเร็วขึ้น  จึ่งได้เปนอันใช้ได้สะดวกดี

 ;D

"ศรีบูรพา" กุหลาบ สายประดิษฐ์

 ;D

มาทายกันครับชายหญิงคู่นี้เป็นใครกัน

หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย  ดิศกุล ทรงเล่าไว้ใน "สิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็น" ว่า  ที่พระยานรเทพปรีดาถูกปลดเป็นกองหนุนนั้นเป็นเพราะขัดคำสั่ง
ผู้บังคับบัญชา  เมื่อความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทก็มิได้มีรับสั่งประการใด  พระยาเทพทวาราวดีจึงถูกปลดเป็นกองหนุน  และรับพระราชทาน
ราชทินนามใหม่ว่า พระยานรเทพปรีดา  หาใช่เป็นเพราะไปสีไวโอลินหน้าพระที่นั่งดังที่เชื่อกันมา 

ความจริงในประวัติศาสตร์บิดเบือนมากมายหลายเรื่อง

บางเรื่องเล่าลือกันมา ผู้คนก็เชื่อเป็นตุเป็นตะ หาสาระไม่ได้

ข้อมูลดีๆ มีอยู่ แต่ไม่รู้กัน  :-\

เห็นแล้วนึกถึงท่านผู้หญิงขจร ภะรตราชา หากใช่ ฝ่ายชาย คือ พระยาภะรตราชา

มาต่อความเห็นจากคุณกะออมค่ะ
หารูปพระยาภะรตราชาในวัยกลางคนและวัยชรามาเทียบดู    ถ้าใช่   ก็ไม่ต้องถามต่อว่าสุภาพสตรีในภาพเป็นใครแล้วนะคะ

ท่านอาจารย์หาภาพมาเปรียบเทียบได้หลายวัยเลยทีเดียวครับ 
ทีแรกคิดว่าทั้งท่านนายตั้งและนวรัตนจะมาเฉลย  แต่กลับเป็นท่านอาจารย์มาเฉลยแทน 
คำตอบสำหรับภาพนี้ก็คือ พระยาภะรตราชา (ม.ล.ทศทิศ  อิศรเสนา) กับท่านผู้หญิงขจร
เมื่อครั้งท่านเจ้าคุณยังมีบรรดาศักดิ์เป็น พระปรีชานุศาสน์ ผู้ตรวจการศึกษาของกรมสามัญศึกษา

ท่านผู้หญิงขจร ท่านเล่าว่า เมื่อท่านกลับจากเล่าเรียนที่ญี่ปุ่นโดยทุนพระราชทานในสมเด็จพระพันปีหลวงแล้ว
สมเด็จพระพันปีหลวงโปรดให้ท่านไปเป็นครูที่โรงเรียนราชินี  ศิษย์คนหนึ่งของท่านคือ ท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา  มาลากุล
ในระหว่างที่ท่านผู้หญิงเป็นครูที่โรงเรียนราชินีนั้น  ท่านเจ้าคุณซึ่งเพิ่งถูกเรียกตัวกลับจากประเทศอังกฤษ  ได้มารับ
ราชการเป็นครูที่โรงเรียนสวนกุหลาบ  และได้ทำหน้าที่เป็นเลขานุการเสนาบดีกระทรวงธรรมการ  ซึ่งเวลานั้น
กระทรวงธรรมการยังอยู่ที่ตึกสุนันทาลัย  ท่านเจ้าคุณจึงได้พบกับท่านผู้หญิงที่โรงเรียนราชินี

จากนั้นท่านเจ้าคุณได้ขอให้นางเอี่ยม ราชดรุณารักษ์ มารดา (เวลานั้นหลวงราชดรุณรักษ์เสียชีวิตแล้ว) ซึ่งเป็น
ข้าหลวงเรือนนอกของสมเด็จพระพันปีหลวงไปกราบบังคมทูลขอท่านผู้หญิงจากสมเด็จพระพันปี  แต่สมเดจพระพันปีทรง
หวงคุณข้าหลวงคนนี้จึงกริ้วเอา  เมื่อล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ เสด็จไปเฝ้าฯ สมเด็จพระพันปีก็ทรงทูลฟ้องเอาว่า เจ้าทศทิศ
คนของลูกบังอาจมาขอข้าหลวงของพระองค์ (เวลานั้นท่านเจ้าคุณย้ายไปสอนที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวงแล้ว  กำลังเป็นคน
โปรดของล้นเกล้าฯ)  ล้นเกล้าฯ จึงได้กราบบังคมทูลขอท่านผู้หญิงให้เจ้าคุณ  สมเด็จพระพันปีจึงทรงยอมยกท่านผู้หญิง
ให้สมรสกับเจ้าคุณ  โดยล้นเกล้าฯ ทรงรับเป็นเจ้าภาพฝ่ายชาย

เมื่อท่านเจ้าคุณได้มารับราชการเป็นผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย  ท่านผู้หญิงก็ได้มาช่วยสนองพระเดชพระคุณ  ด้วยการ
ช่วยดูแลจัดสวน  จนโรงเรียนวชิราวุธในสมัยพระยาภะรตราชาเป็นผู้บังคับการมีสวนสวยไปทุกมุมโรงเรียน  ทั้งสวนแบบ
ญี่ปุ่น  ฝรั่งและแบบไทย  เวลามีงานเสด็จพระราชดำเนิน  ท่านผู้หญิงก็เป็นแม่กองจัดพระสุธารสถวายรวมทั้งจัดของว่าง
เลี้ยงแขกตลอดมาทุกปี  นอกจากนั้นท่านได้แผ่เมตตามาถึงนักเรียนในความปกครงของท่านเจ้าคุณด้วย  ทำให้นักเรียน
หลายคนรอดพ้นจากการลงโทษมาได้

 :D
ปรบมือให้คุณกะออมด้วยค่ะ

ภาพปริศนานี้น่าจะทายง่าย    ท่านผู้นี้คือใครคะ

พระาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ครับ

 :D

รูปนี้ คงผ่านสายตามาบ้างนะคะ

 :D-ขอเดาอีกแล้วนะคะ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุริยงประยุรพันธุ์ กรมหมื่นไชยาศรีสุริโยภาส คะ

^

รูปใหม่สำหรับวันนี้ คงไม่ยากเกินทายค่ะ

มหาอำมาตย์เอก นายพลเอก เจ้าพระยาวงษานุประพันธ์ (หม่อมราชวงศ์สท้านกลาง สนิทวงศ์)

^

รูปต่อไป
รูปนี้ ดิฉันจำได้เพียง 2 ท่านคือท่านคนกลางกับคนซ้าย   ส่วนคนขวายังไม่ได้ไปเปิดตำราดูว่าใคร
ใครทราบบ้างคะ

1. พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนารถ (หม่อมเจ้านักขัตมงคล กิติยากร)
2. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนารถ (พระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์)
3. หม่อมเจ้าขจรจบกิติคุณ กิติยากร

คิดว่าใช่นะคะ  ท่านขจรจบฯ

ภาพนี้อยู่ในหนังสืองานพระศพของท่านขจรจบฯ ครับ  ;D

พระรูปเ้านายในราชสกุลกิติยากรทั้ง ๓ พระองค์นั้น  โปรดสังเกตว่า ทั้ง ๓ พระองค์ต่างก็ทรงเครื่องเต็มยศนายทหาร
กรมทหารราบที่ ๑ มหาดเล็กรักษาพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  จะต่างกันที่ พระวรวงศ์เธอ
กรมหมื่นจันทบุรีสุรนารถ (ประทับยืนซ้าย) และพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนารถ (ประทับนั่ง) นั้นต่างก็
ไม่สะพายสายคันชีพ เฉียงบ่าซ้าย  เนื่องด้วยทรงเป็นนายทหารพิเศษประจำกรมดังกล่าว  ส่วนหม่อมเจ้าขจรจบกิติคุณ กิติยากร
(ประทับยืนขวา) ทรงสะพายสายคันชีพ  หมายว่าทรงเป็นนายทหารประจำการในกรมทหารราบที่ ๑ มหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ

พระรูปนี้น่าจะทรงฉายก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕

มีภาพมาให้ทายกันอีกภาพครับ  ท่านผู้นี้เป็นครูผู้ปรีชาสามารถมากคนหนึ่งเลยทีเดียวครับ

ด้วยความเคารพ เห็นแว๊บแรก

นึกถึง พระยาปรีชานุสาสน์ ขึ้นมาทันที

ผิดถูกอย่างไร วานท่านผู้รู้ช่วยแจ้งแถลงไขด้วยครับ

......................

คุณ ritti018 ตอบถูกต้องแล้วครับ
ศิษย์ของท่านเล่าว่า เจ้าคุณครูท่านเป็นครูผู้ปรีชาสมราชทินนามของท่านโดยแท้
ท่านเริ่มรับราชการเป็นครูที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง  แล้วโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายไปเป็น
ผู้บังคับการโรงเรียนมหาดเล็กหลวงเชียงใหม่  ที่ห้วยแก้ว  เชิงดอยสุเทพเป็นคนแรก
ต่อมาโปรดให้ย้ายกลับมาเป็นเจ้ากรมโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์  แล้วย้ายไป
เป็นอธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลข  แต่ดูจะไม่สันทัดกับงานนี้  ท่านจึงขอย้ายไปเป็น
อาจารย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ได้ดำรงตำแหน่งบรรณยเวกษ์ เป็นท่านแรก
แล้วกลับมาเป็นผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัยในสมัยรัชกาลที่ ๗  ในสมัยที่ท่านเป็น
ผู้บงคับการวชิราวุธวิทยาลัยนั้น  ท่านได้เชิญเซอร์ระพินทร์ นาถ ฐากูร มาปาฐกถา
ให้นักเรียนฟังบนหอประชุมวชิราวุธวิทยาลัยด้วย  เมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้ว
ท่านได้รับคำแหน่งเป็นปลัดกระทรวงศึกษาธิการ  แล้วลาออกไปประกอบอาชีพส่วนตัว

มีรูปมาให้ทายอีกค่ะ

อยู่ในรัศมีของอินทรเนตร 

 ;D

รูปนี้ท่านอินทรเนตรฉายรัศมีไปถึงหรือเปล่าคะ

ยังไม่พ้นรัศมี

 ;D

ท่านชื่ออะไรเอ่ย

ในรูปนี้พอจะรู้จักใครบ้างครับ

# ๕๙๖  เจ้าจอมมารดาเหมในรัชกาลที่ ๕

# ๕๙๗



 ;D

บ้านอัษฎางค์ข้างบนเดิมชื่อว่า "บ้านโนวา สโกเทีย" ต่อมาจึงเปลี่ยนเป็นชื่อ "บ้านอัษฎางค์" ตามพระนามสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา ที่ได้เสด็จไปประทับ หันหน้าออกถนน หลังบ้านอัษฎางค์มีบ้านอีกหลังหนึ่งหันหน้าออกทะเลเมื่อสร้างเสร็จใหม่ได้ชื่อว่า "บ้านสโกเทีย" ต่อมาจึงเปลี่ยนชื่อเป็น "บ้านจักรพงษ์" ตามพระนามสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาท กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ  บ้านทั้ง ๒ หลังเป็นของตระกูล ณ ระนอง

ภาพข้างล่างคือ "บ้านจักรพงษ์"

 ;D

ในรัศมีอินทรเนตร คุณเพ็ญชมพูเห็นได้แม่นยำจริงๆ

ลองใหม่อีกครั้ง   เผื่อจะพ้นรัศมี

ยังไม่มีใครเข้ามาทาย     สงสัยจะย้ายไปช่วยพม่ารบฝรั่งในวิกใกล้ๆกันนี้หมด   ;D
ขอบอกใบ้ว่า  ภาพที่ 600 เกี่ยวข้องกับภาพ 594 ค่ะ

หม่อมเจ้าบุญจิราธร จุฑาธุช ครับผม

^

  ยังมีพระเจ้าลูกยาเธออีกพระองค์หนึ่งที่กำลังทรงศึกษาในยุโรปพร้อมๆกับพระองค์อื่นๆในขณะนั้น แต่ยังไม่เห็นท่านผู้รู้เอ่ยถึงหรือว่าอาจหลงลืมไป เจ้านายพระองค์นี้คือ พระเจ้าลูกยาเธอพระองค์เจ้าวุฒิไชยเฉลิมลาภ ซึ่งเป็นพระอนุชาของกรมหลวงไชยศรีฯ ต่อมาได้ทรงดำรงเสนาบดีกระทรวงทหารเรือ ถ้าเป็นบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ระดับพระราชโอรสด้วยกันคงไม่สนิทสนมถึงระดับที่เห็นในภาพเป็นแน่ เพียงตั้งข้อสังเกต ซึ่งอาจใช่หรือไม่ใช่ก็ได้ เพราะผมเองก็ไม่มีหลักฐานชัดเจนใดๆเช่นกัน คือเดาน่ะเองครับ ที่เข้ามาเพราะยังไม่เห็นมีใครเฉลยครับ

พระองค์เจ้าดิลกนพรัตน์?

ยืนยันได้ว่าไม่มีพระองค์เจ้าดิลกนพรัตน์ในภาพนี้ครับ  ภาพข้างล่างนี้ พระองค์ดิลกฯ คือ พระองค์ที่ ๒ จากขวา

   จากภาพตามคห.604 น่าจะมีพระนามตามนี้

    บนสุด...พระองค์เจ้าดิลกนพรัตน์
    แถวถัดลงมา...พระองค์เจ้าสุริยงประยูรพันธ์  และสมเด็จเจ้าฟ้ายุคลฑิฆัมพร
    แถวถัดลงมา...พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร  สมเด็จเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ และพระองค์เจ้าวุฒิไชยเฉลิมลาภ
    ประทับล่างสุด...พระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์

    ในคห.606 พระองค์เจ้าวุฒิไชยเฉลิมลาภ กรมหลวงสิงหวิกรมเกรียงไกร ประทับยืนที่สามจากขวา พระชันษาดูเยาว์กว่าคห.604มากเช่นเดียวกับสมเด็จเจ้าฟ้ายุคลฑิฆัมพร ทั้งสองพระองค์ไว้พระเกศาสไตล์   แสกกลางเหมือนกันทั้งสองภาพ (สมเด็จเจ้าฟ้ายุคลฯ-พระองค์เล็กสุดข้างหน้า ร.๕)

รบกวนถามหน่อยครับว่า สร้อยพระศอที่ หม่อมเจ้าหญิงบุญจิราทร จุฑาธุช ทรงสวมในคห.ที่600 เป็นพระราชมรดกของสมเด็จพระพันปีหลวงหรือเปล่าครับ แล้วถ้าใช้ สร้อยพระศอองค์นี้เป็นองค์เดียวกับที่สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีทรงสวมฉายพระฉายาลักษณ์หรือเปล่าครับ เพราะดูรูปร่างลักษณะคล้ายกัน

(http://4.bp.blogspot.com/-NXhJFdtYZ14/TDg8ePCd01I/AAAAAAAAANU/uifljfKd_zA/s1600/k7museum21%255B1%255D.jpg)

จนปัญญาครับ อย่างไรก็ขอบพระคุณ  คุณ V_Mee มากครับ เพราะเพิ่งจะได้เห็นพระฉายาลักษณ์รวมอันนี้ซึ่งชัดเจนที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา

ดูเหมือนว่าหม่อมเจ้าบุญจิราธร จุฑาธุช ทรงชุดไพลินครับ
ส่วนสมเด็จน่าจะทรงชุดมรกตครับ

ขอบคุณคุณ hobo มากครับ

ลองเทียบพระรูปพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าวุฒิไชยเฉลิมลาภ กรมหลวงสิงหวิกรมเกรียงไกร กับบุรุษปริศนา ว่าเป็นท่านเดียวกันหรือเปล่า

ขยายเฉพาะดวงหน้า

   ดูเฉพาะดวงหน้าที่ท่านอาจารย์กรุณาเอามาเปรียบเทียบ ส่วนที่ว่าต่างคืออยู่ในอารมณ์ต่างกัน พระพักตร์ภาพซ้ายผ่อนคลายกว่า อาจเป็นช่วงปิดภาคการศึกษา เจ้านายพี่น้องได้กลับมารวมกลุ่มกันอีกครั้ง คงใกล้สำเร็จการศึกษากันบ้างแล้ว ดูจากเจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกฯที่ทรงไว้พระมัสสุแล้ว คงเป็นปีการศึกษาท้ายๆในโรงเรียนนายร้อยที่เซนต์ปีเตอรเบอร์ก
   ส่วนที่ต่างอีกอย่างคืออายุ ภาพขวาเป็นภาพดวงหน้านายทหารเรือหนุ่มประมาณนายนาวาต้นๆเพิ่งเข้ารับราชการ พลังเต็มเปี่ยม ภาพนี้เป็นภาพที่พระองค์ตั้งใจโพสท์เพื่อฉายพระรูป จึงดูขึงขังกว่า โดยเฉพาะดวงตา ซึ่งปรกติพระเนตรจะเล็กและนิ่งกว่าเจ้าพี่เจ้าน้ององค์อื่น 
   ที่เหมือนกันทั้งสองดวงหน้าคือทรงของพระเกศา ยังทรงหวีแสกกลางเหมือนเดิม
   มั่นใจและขอฟันธงครับว่า บุคคลปริศนาคือพระบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมลาภวุฒิไชย กรมหลวงสิงหวิกรมเกรียงไกร
   อนึ่ง ขอแก้ไขพระนามพระองค์เจ้าดิลกนพรัตน์ ซึ่งที่ถูกต้องคือ"ดิลกนพรัฐ" ขอประทานโทษด้วยครับ
   

ซ้าย พระองค์เจ้ารังสิตประยุรศักดิ์, พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ, สมเด็จเจ้าฟ้ายุคลฑิฆัมพร, พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ, พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงศ์, พระองค์เจ้าสุริยงประยุรพันธุ์


ควรจะเป็นพระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงศ์หรือเปล่า  ???
(http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/09/K8369653/K8369653-2.jpg)

กลับไปค้นจากหนังสือที่มา ก็ไม่ได้ลงชื่อ "บุรุษปริศนา" ไว้   แต่แน่ใจว่าเป็นพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ใดพระองค์หนึ่งที่เราไม่คุ้นหน้า   อาจจะสิ้นพระชนม์ไปตั้งแต่ยังหนุ่ม   ทำให้นึกอย่างเดียวกับคุณ siamese  ว่าอาจเป็นพระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงศ์ก็ได้ค่ะ

พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐนั้น เสด็จไปศึกษาต่อ ณ ประเทศอังกฤษเมื่อคราวพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสยุโรปครั้งแรก ระหว่างเดือน เมษายน ถึงเดือน ธันวาคม พ.ศ. 2440 ซึ่งขณะนั้น พระองค็เจ้าดิลกนพรัฐ ได้มีพระชันษาครับ 13 ปีบริบูรณ์ การเสด็จประพาสยุโรปในครั้งนั้นได้มีพระราชโอรสติดตามไปด้วย 4 พระองค์ คือ
สมเด็จเจ้าฟ้าสมมติวงศ์วโรทัย(กรมขุนศรีธรรมราชธำรงฤทธิ์),
สมเด็จเจ้าฟ้ายุคลฑิฆัมพร(กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์) ,
พระองค์เจ้าวุฒิไชยเฉลิมลาภ(กรมหลวงสิงหวิกรมเกรียงไกร)
และ พระองค์เจ้าดิลกนพรัตน์ (กรมหมื่นสรรควิสัยนรบดี)

เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับจากยุโรปในการเสด็จประพาสครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2440 มีพระราชหัตเลขาถึงเจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี มีรับสั่งถึงพระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ ไว้ดังนี้

"ยังมีอีกคนหนึ่ง ชายดิลก เป็นคนตาสั้นข้างหนึ่ง ตามตำราเขาก็จะไม่เอาเป็นทหารกันอยู่ ควรจะจัดให้เล่าเรียนฝ่ายพลเรือน ดิลกนั้นเป็นคนมีความขยันเล่าเรียน .......”

จาก
http://topicstock.pantip.com/isolate/topicstock/2011/12/M11475986/M11475986.html

พระรูปหมู่ พระราชโอรส ฉายที่ประเทศอังกฤษ พ.ศ. ๒๔๔๔ จากซ้าย พระองค์เจ้ารังสิตประยุรศักดิ์, พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ, สมเด็จเจ้าฟ้ายุคลฑิฆัมพร, พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ, พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์, พระองค์เจ้าสุริยงประยุรพันธุ์

กรมหลวงสิงหฯ

นำพระรูปปริศนามาเทียบอีกทีค่ะ
พระรูปหมู่เจ้านายข้างล่างนี้   พิจารณาจากโครงหน้าแล้ว   เจ้านายองค์ที่สามจากขวามือน่าจะเป็นองค์เดียวกับบุรุษปริศนา

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5356.0;attach=38171;image)

คุณ Jalito บอกว่า เจ้านายผู้ประทับยืนที่สามจากขวาคือพระองค์เจ้าวุฒิไชยฯ    ดิฉันอยากจะขอให้เช็คดูอีกครั้งว่าใช่หรือไม่   เพราะนำพระรูปทั้งสามมาเทียบกันแล้ว   ไม่เหมือนกัน

ขอฝากไว้อีกรูปหนึ่งค่ะ
บุคคลในรูปล้วนเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ทั้งสิ้น มีคำบรรยายว่า
" ที่รฤกในการร่วมเสวยน้ำชา ณ วัง พระเจ้าบรมวงษ์เธอ  กรมขุนชัยนาทนเรนทร   วันจันทร์ 
   วันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๑"

นอกจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์   และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชครินทร์ แล้ว  ใครจำเจ้านายพระองค์อื่นๆได้บ้างไหมคะ

    ..คุณ Jalito บอกว่า เจ้านายผู้ประทับยืนที่สามจากขวาคือพระองค์เจ้าวุฒิไชยฯ    ดิฉันอยากจะขอให้เช็คดูอีกครั้งว่าใช่หรือไม่   เพราะนำพระรูปทั้งสามมาเทียบกันแล้ว   ไม่เหมือนกัน...

    มีลายเซ็นพระนามที่ใต้รูป ร.๕ กับ พระราชโอรส
    เฉพาะ ๔ พระองค์ที่ประทับยืนด้านขวา

        จักรพงษ์     วุฒิไชย     ดิลกนพรัฐ    เพ็ญพัฒนพงษ์     

       

พระนามเจ้านายในพระรูปหมู่นั้นตามนี้เลยครับ
(ประทับยืนแถวหน้า)  ๑. พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ (กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์) ๒. สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมขุนมไหสุริยสงขลา (สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต  ๓. สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมขุนศรีธรรมราชธำรงฤทธิ์  ๔. สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ายุคลฑิฆัมพร (สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงลพบุรัราเมศวร์)  ๕.สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมขุนพิษณุโลกประชานาถ (สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ๖. พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ (กรมหมื่นสรรควิไสยนรบดี
(ประทับยืนแถวหลัง)  ๑. พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร (กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน) ๒. พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าจิรประวัติวรเดช (กรมหลวงนครไชยศรีสุรเดช ๓. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ๔. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูหัว ๕. พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าวุฒิไชยเฉลิมลาภ (กรมหลวงสิงหวิกรมเกรียงไกร ๖. พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒน์พงษ์ (กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม

รูปหมู่พระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวครับ

จำได้เพียงพระองค์เดียว ฝ่ายหน้าที่ทรงเครื่องทหารประทับยืนตรงกลาง คือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์

พระองค์อาทิตย์ยืนทางขวาติดพระองค์จุลเลยครับ

ภาพหมู่นี้อยู่ในรัศมีของอินทรเนตร

ภาพหมู่พระราชนัดดาในรัชกาลที่ ๕ ฉายเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๑ เมื่อครั้งสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา และ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุยเดช เสด็จฯ นิวัติพระนคร

จากซ้าย-ขวา แถวหลัง-หน้า

แถวที่ ๖ - หม่อมเจ้าจีรินันทน์ กิติยากร - หม่อมเจ้าสนิทประยูรศักดิ์ รังสิต - หม่อมเจ้าวิกรมสุรสีห์ ประวิตร - หม่อมเจ้าจิตรปรีดี ประวิตร - หม่อมเจ้าโกลิต กิติยากร - หม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร - หม่อมเจ้าขจรจิรพันธ์ จิรประวัติ - หม่อมเจ้ากวีวิศิษฏ์ ประวิตร - หม่อมเจ้าสีหวิลาศ ประวิตร - หม่อมเจ้าเผ่าเพ็ญพัฒน์ เพ็ญพัฒน์ - หม่อมเจ้าเพลิงนภดล รพีพัฒน์ - หม่อมเจ้าอติวงศ์วิวัสวัสดิ์ สุริยง - หม่อมเจ้าสุริยทัตรังสรรค์ สุริยง - พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร

แถวที่ ๕ - หม่อมเจ้ารังษิยากร อาภากร - หม่อมเจ้าสมาคม กิติยากร - พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล - หม่อมเจ้าถกลไกวัล รพีพัฒน์ - หม่อมเจ้าขจรจบกิติคุณ กิติยากร - หม่อมเจ้ารวิพรรณไพโรจน์ รพีพัฒน์ - หม่อมเจ้าทรงวุฒิไชย วุฒิไชย - พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา - พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงศ์ - หม่อมเจ้าอุทัยเฉลิมลาภ วุฒิไชย - หม่อมเจ้าไขแสงรพี รพีพัฒน์ - หม่อมเจ้าอมรสมานลักษณ์ กิติยากร - พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ - หม่อมเจ้าวิมวาทิตย์ รพีพัฒน์ - หม่อมเจ้ารุจยากร อาภากร - หม่อมเจ้านิทัศนาธร จิรประวัติ

แถวที่ ๔ - หม่อมเจ้าหญิงจารุลักษณ์กัลยาณี รังสิต - หม่อมเจ้าหญิงสุวภาพเพราพรรณ วุฒิไชย - หม่อมเจ้าหญิงพรรณเพ็ญแข เพ็ญพัฒน์ - หม่อมเจ้าหญิงนิวาศสวัสดี จิรประวัติ - หม่อมเจ้าหญิงฉัตรสุดา ฉัตรไชย - หม่อมเจ้าหญิงภัทรลดา ฉัตรไชย - พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิมลฉัตร - หม่อมเจ้าหญิงรำไพศรีสอางค์ รพีพัฒน์ - หม่อมเจ้าครรชิตพล อาภากร - หม่อมเจ้าดำแคงฤทธิ์ รพีพัฒน์ - หม่อมเจ้าประสบศรีจิรประวัติ จิรประวัติ

แถวที่ ๓ - หม่อมเจ้าหญิงกนิษฐากุมารี ประวิตร - หม่อมเจ้าหญิงกิติปปียา กิติยากร - หม่อมเจ้าหญิงวินิตา กิติยากร - หม่อมเจ้าหญิงสุรีย์ประภา รพีพัฒน์ - หม่อมเจ้าหญิงเริงจิตร์แจรง อาภากร - พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุทธวงษวิจิตร - พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพิสิฐสบสมัย - พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจันทรกานต์มณี - หม่อมเจ้าหญิงคันธรสรังษี รพีพัฒน์ - หม่อมเจ้าหญิงดวงทิพย์โชติแจ้งหล้า รพีพัฒน์ - พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุไรรัตนศิริมาน - หม่อมเจ้าหญิงพิบูลย์เบ็ญจางค์ กิติยากร - หม่อมเจ้าหญิงจีริกา กิติยากร - หม่อมเจ้าหญิงสุวรรณากุมารี สุริยง - หม่อมเจ้าหญิงกิติมตี กิติยากร

แถวที่ ๒ - พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ามยุรฉัตร - พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศิริรัตนบุษบง - หม่อมเจ้าหญิงศิริมาบังอร รพีพัฒน์ - หม่อมเจ้าหญิงวิมลปัทมราช จิรประวัติ - หม่อมเจ้าหญิงพิมพ์รำไพ รพีพัฒน์ - พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภูมิพลอดุลยเดช (สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุยเดช) - พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล (สมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล) - พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากัลยาณิวัฒนา (สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา) - หม่อมเจ้าหญิงกมลปราโมทย์ กิติยากร - หม่อมเจ้าหญิงสวาสดิ์วัฒโนดม ประวิตร - หม่อมเจ้าหญิงสุริยนันทนา สุริยง - พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุทธสิริโสภา

แถวที่ ๑ - หม่อมเจ้าทิพยฉัตร ฉัตรไชย - หม่อมเจ้าสุรฉัตร ฉัตรไชย - หม่อมเจ้าหญิงหิรัญฉัตร ฉัตรไชย - หม่อมเจ้าหญิงเฟื่องฉัตร ฉัตรไชย - หม่อมเจ้าพิบุลฉัตร ฉัตรไชย

ภาพจาก หนังสือสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์. จุฬาลงกรณราชสันตติวงศ์ พระนามพระราชโอรส พระราชธิดา และพระราชนัดดา. กรุงเทพ : สำนักพิมพ์บรรณกิจ, พิมพ์ครั้งที่ ๔, พ.ศ. ๒๕๔๘ (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C:%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%8A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88_5_-_2481.jpg)

 ;D

 :D

    ถ้าเป็นพระองค์เจ้าวุฒิไชยจริง ก็นับว่าพระพักตร์เปลี่ยนไปมากจนดูเค้าเดิมไม่ออกค่ะ

    เสด็จในกรม กรมหลวงสิงหฯ พระองค์ท่านก็เป็นเชื้อสายคนหนึ่งของ ' อ้ายเฒ่าดิศ '* ข้าหลวงเดิมผู้ซื่อสัตย์จงรักภักดีในเจ้าฟ้ามงกุฎฯ

    * ความทรงจำของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ


   

มีพระรูปกรมกรมหลวงสิงหฯ ที่ทรงฉายไว้เมื่อแรกเสด็จกลับจากอังกฤษมาให้เปรียบเทียบอีกองค์ครับ

   ขอบคุณคุณV_Mee ครับ ไม่เคยเห็นพระรูปนี้มาก่อน  ไม่มีอะไรบ่งบอกว่าเป็นพระเจ้าลูกยาเธอในรัชกาลที่ ๕ เลย  ฉลองพระองค์ก็เป็นเครื่องแบบปรกติ อิสริยาภรณ์ทีประดับก็เป็นแถบสั้นๆอันเดียว  ถ้าเอาพระรูปนี้มาเป็นภาพ"บุรุษปริศนา"ให้ทาย ก็คงอึ้งทึ่งกันพักใหญ่แน่ๆ

พระองค์เดียวกัน ???

สตรีท่านนี้คือใคร (ดันกระทู้)

มาใบ้ให้ก็ได้ พระองค์เป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว

ภาพกลับซ้ายเป็นขวากระมังครับ

^
^
(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley19.png)

^ พระองค์ไหนหนอ.... ???

มีมาฝากอีกพระองค์ค่ะ  .... ท่านใดเอ่ย??????

^
^
พระองค์เดียวกับในรูปข้างล่าง แถวกลางพระองค์ที่สามจากซ้าย


(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

พระองค์เจ้าโสมาวดี ครับ

พระองค์นี้คือใคร ?

^
^
พระองค์เดียวกับหมายเลย ๑๕ ในรูปข้างล่าง


(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)