เจอในเวปมุสลิมเชียงใหม่ดอทเน็ต เอารูปโรงหนังแห่งแรกของประเทศไทยมาลงไว้ และบรรยายภาพตามนี้
โรงหนังโรงแรกสุดของสยาม...ชื่อว่าโรงหนังญี่ปุ่น
ที่เวิ้งวัดตึก.... ปัจจุบันคือเวิ้งนาครเขษม
ถือเป็นโรงหนัง ถาวรโรงแรกของประเทศไทย หลังจากที่มีการจัดฉายหนังกันภายในกระโจมชั่วคราว
โรงนี้เปิดฉายหนังในปี 2448 เมื่อรื้อถอนออกแล้ว ก็มีการสร้างโรงหนัง"นาครเขษม"ขึ้นมาแทน
ผมคัดลอกเรื่องนี้มาจากกระทู้ของคุณลุงเจียวต้าย ในห้องไร้สังกัด เวปพันทิป ท่านได้นำเรื่องของโรงหนังในเวิ้งนาครเขษม ที่เหม เวชกร ได้บันทึกไว้ และลงพิมพ์ในนิตยสารฟ้าเมืองไทย ฉบับที่ ๑๐ พ.ศ. ๒๕๑๒
"ภาพยนต์เป็นครู" โดย เหม เวชกร (เรื่องนี้ยังไม่เคยลงที่ใดเลย)
ภาพยนตร์ต่างประเทศจะเป็นครูเด็กไทยแค่ไหนนั้น ถ้าผู้เขียนจะลำดับเรื่องเก่าๆ มาเล่าให้ฟังตั้งแต่ต้นมา ซึ่งนับแต่ภาพยนตร์ต่างประเทศได้เริ่มเข้ามาสู่ประเทศไทย ท่านผู้อ่านก็จะคลายปัญหาได้เอง ผู้เขียนจะขอขึ้นต้นแต่สมัยเด็กๆ เลย ภาพยนตร์โรงแรกของเมืองไทย คือ เรียกกันตามภาษาไทยเก่าว่า “โรงหนังปีระกา” ใครจะเป็นเจ้าของจำไม่ได้ โรงตั้งอยู่ข้างเวิ้งนครเขษม และตรงนั้นเดี๋ยวนี้กลายเป็นตลาดไปนานแล้ว ทางเข้าคือเชิงสะพานข้ามคลองที่อยู่ตรงข้ามกับตำบลวังบูรพาภิรมย์ ซึ่งสมัยนั้นยังเป็นวังอยู่โดยสมบูรณ์
ในสมัยนั้น ญี่ปุ่นเป็นคนนำภาพยนตร์เข้ามาฉายเป็นคนแรกในเมืองไทย คนไทยทั้งประเทศเลยติดปากเรียกกันว่า “หนังญี่ปุ่น” เพราะว่า ถ้าเป็นหนังไทยก็คือ “หนังตลุง” คำที่เราเรียก “หนังญี่ปุ่น” นั้น ก็โดยถือเอาว่าญี่ปุ่นนำมาฉาย และเป็นศิลปประเภทเดียวกับ “หนังตลุง” คือมีเงาฉายภาพติดที่จอภาพขาวก็เรียกหนังทั้งนั้น แม้แต่ภาพยนตร์ของญี่ปุ่นจะทำด้วยฟิล์ม ไม่ใช่ทำด้วยหนังสัตว์ ตัด และแกะสลักลวดลายอย่างหนังตลุงก็ตาม ก็สมัครเรียกเอาง่ายๆ ทั้งๆ ของญี่ปุ่นฉายด้วยเครื่องจักร ส่วนหนังตลุงทำการเชิดด้วยมือคน จะกระพริบตา อ้าปาก ก็ใช้กลไกในตัวมีกระตุกเชือกให้เป็นไป
คนไทยสมัยนั้นแตกตื่นนิยมกันมากในด้านที่นำเอาภาพกระดิกกายได้เองมาให้ดู แต่ยังไม่นิยมในเรื่องราวแต่อย่างใด เพราะหนังญี่ปุ่นสมัยนั้นไม่มีเรื่องราวอะไรเลยเป็นเพียงแสดงการเคลื่อนไหวได้อย่างตุ๊กตากล แต่นิ่มกว่าหน่อย เพราะเป็นภาพของคนจริงๆ แต่การเคลื่อนไหวนั้นก็เพียงยกแขนงึ้กงั้ก เหลียวหน้าไปอย่างฉึกฉัก เอากันว่าดูเป็นของแปลก โรงหนังโรงนี้สร้างเมื่อปีระกา เลยตั้งชื่อว่าปีนั้นเป็นชื่อโรงไปเลยตลาดปีระกาจะอยู่ทางด้านถนนเยาวราชก่อนข้ามสะพานภาณุพันธ์ คลองโอ่งอ่าง เลี้ยวเข้าถนนบริพัตร ทางขวามือ