กระดูกของ"ท่านป้าฉวีวาด": การชันสูตรใหม่ (5) ชีวิตพิสดารธิบดี บัวคำศรี
14 กรกฎาคม 2555 (PDT)
http://www.facebook.com/notes/suwasadee-photpun/กระดูกของ-ท่านป้าฉวีวาด-การชันสูตรใหม่-5/5003303933176615. ชีวิตพิสดาร มาลิกามีจดหมายตอบกลับ 2 ฉบับ ลงวันที่ 23 ธันวาคม 1926 ฉบับหนึ่ง อีกฉบับหนึ่งลงวันที่ 24 ธันวาคม 1926 ซึ่งมีเนื้อความพิสดารกว่ามีเนื้อความดังนี้
กระหม่อมฉันกราบถวายบังโคมยังไต้ฝ่าพระบาท
วานนี้กระหม่อมฉันได้รับพระจดหมายลายพระหัดถ์ลงวันที่ 12 และลงวันที่ 16 ธันวาคม, กับสำเนาหนังสือพระองค์เจ้า (พานดุรี)
กระหม่อมฉันได้เขียนตอบทูลถวายยังฝ่าพระบาทลงวันที่ 23 ทิ้งไปรสนีย์ที่กรุงภนมเพญหนึ่งฉบับ แต่เนื้อความในฉบับเขียนเมื่อวานนี้ไม่สู้จะพิศดารวิถารเรียบเรียงดี,
ครั้งนี้จะดำเนินความตามพงศาวดารของพระองค์เจ้าพานดุรี กับพงศาวดารหม่อมเจ้าหญิงฉวีวาศผู้มารดาของพระองค์เจ้าพานดุรี
หม่อมเจ้าหญิงฉวีวาศเมื่อเสเพลไปอาสัยอยู่ในกรุงกัมพูชา สมเด็จพระนโรดม พระเจ้ากรุงกัมพูชาจะได้เลี้ยงเป็นเจ้าจอม-หม่อมห้ามฤ๋ๅจะได้ฉิมรศของหม่อมเจ้าฉวีวาศนั้นหามิได้, เมื่อหม่อมเจ้าฉวีวาศประปฤติ์ตัวเสเพล วิ่งตามนายเวนผึ้งไปถึงกรุงภนมเพญนั้น ได้เฃ้าเฝ้าสมเด็จพระนโรดมๆ มีรับสั่งว่าถ้าจะอยู่ในพระราชวังฤ๋ๅจะเลี้ยง
คณะนั้นหม่อมเจ้าหญิงฉวีวาศกราบบังโคมทูลสมเด็จพระนโรดมว่าได้มีครรณ์กับนายเวนผึ้งเสียแล้ว, สมเด็จพระนโรดมทรงทราบเช่นนั้นแล้วก็ทรงอนุมัติ์ตามประสงค์ของหม่อมเจ้าหญิงฉวีวาศๆ ฉวีวาศอยู่กินกับนายเวนผึ้งเป็นเมียน้อยเฃา ด้วยนาเวนผึ้งมีเมียก่อนเจ้าหญิงฉวีวาศถึงสองคน อยู่ด้วยนายเวนผึ้งไม่สักเท่าใด หม่อมเจ้าฉวีวาศวิ่งไปได้กับออกญานครบาล (มัน) แล้วเสเพลไปได้ออกญาแสรนธิบดี (ปัล) เจ้าเมืองระลาเปอียเป็นผัวอีกคนหนึ่ง บังเกิดได้บุตรชายผู้หนึ่งชื่อ (นุด) ซึ่งตั้งตนเป็นพระองค์เจ้า (พานดุรี) นั้นและ เมื่อเจ้า (นุด) บุตรชายของหม่อมเจ้าหญิงฉวีวาศยังเป็นเด็กมีอายุประมานได้หกขวบ หม่อมเจ้าหญิงปุกซึ่งเป็นพระอกคนารีเอาไปเลี้ยงอยู่ในพระราชวัง พระอักคนารีให้บ่าวในกรมเรียกลูกชายของหม่อมเจ้าฉวีวาศนั้นเป็นคุน คนอื่นๆ ก็เลยเรียกลูกชายของหม่อมเจ้าฉวีวาศนั้นเป็นคุนๆ ทั่วไป ทั้งหม่อมเจ้าฉวีวาศก็เฃ้าไปอยู่ในพระราชวังกับหม่อมเจ้าหญิง (พัชนี) ทำขนมและลูกกวาดขายในพระราชวัง หม่อมเจ้าหญิงฉวีวาศอยู่ในพระราชวังประมานสองปีเสศก็หายตัวไปเปนช้านาน ไพล่ไปได้กับพระพิทักราชถาน (ทอง) เป็นผัวอีกคนหนึ่ง ผ่ายหลังพระพิทักราชถาน (ทอง) สิ้นชีพไป หม่อมเจ้าหญิงฉวีวาศไปได้ผัวไหม่เป็นที่ขุนศรีมโนไมย กรมกาวัลเลอวีย์ในสมเด็จพระนโรดม อยู่ด้วยกันเป็นช้านานหลายปี เจ้านุดบุตรชายของหม่อมเจ้าหญิงฉวีวาศซึ่งเกิดด้วยเจ้าเมืองระลาเปอียนั้นก็อยู่ด้วยกัน บุตรชายของหม่อมเจ้าหญิงฉวีวาศด่าเจ้าแม่เสียต่างๆ เพลาหม่อมเจ้าหญิงฉวีวาศหาได้ให้สูบฝิ่นก็ดีไป เมื่อไม่มีเงินสื้อฝิ่นก็ด่าเอาเสียป่นปี้
ซึ่งหม่อมเจ้าหญิงปุกเป็นพระอักคนารีทูลกับฝ่าพระบาทว่าเธอมีความละอาย จึงขวลขวายเสียเงินให้หม่อมเจ้าฉวีวาศเฃ้ามาในกรุงเทพ ข้อนี้หาจริงมีได้
หม่อมเจ้าหญิงฉวีวาศอยู่กับขุนศรีมโนมัยเป็นช้านานหลายปี เจ้าลูกชายอยู่ด้วย ด่าหม่อมเจ้าฉวีวาศเสียป่นปี้ก็ไม่เห็นมีผู้ใดเป็นลอายสิ่งหนึ่งสิ่งใดหามิได้
เมื่อจะออกจากกรุงภนมเพญเลยถึงกรุงเทพนั้น ด้วยขุนศรีมโนมัยผัวของหม่อมเจ้าหญิงฉวีวาศนั้นป่วยหนัก เป็นไข้ทรพิศม์ หม่อมเจ้าฉวีวาศเห็นอาการโรคทุพลภาพหนักลง หม่อมเจ้าหญิงฉวีวาศกลัวว่าจะตายไปดกเต้อจะเผาเรือนและเผาเสื้อผ้าของผู้ป่วยที่ตายในโรคทรพิศม์ จึงร่วมกันคิดกัน, มารดากับบุตรชายทำหนังสือขายที่อยู่ให้ผู้อื่น เอาเงินภากันแม่ลูกไปเมืองบาสัก อยู่ที่เมืองบาสักเป็นช้านาน ตามที่คนบอกเล่ากระหม่อมฉันว่าเจ้านุด ลูกชายของหม่อมเจ้าฉวีวาศเที่ยวเล่าเรื่องตำนานบุราณให้ชนชาวบาสักฟังได้เงินเป็นหลายร้อย
ผ่ายหลังบุตรชายของหม่อมเจ้าหญิงฉวีวาศตลับไปติดคุกอยู่ที่กรุงภนมเพญ ตัวหม่อมเจ้าฉวีวาศก็หายไปเป็นช้านาน ถึง พ.ศ.2461 จึงได้ฦๅกันว่าหม่อมเจ้าฉวีวาดเฃ้ามาในกรุงเทพ ผ่ายหลังหม่อมเจ้าหญิงฉวีวาศไม่มรฎกคุรด้วงผู้มารดา จึงไช้มือให้คนเขมรซึ่งคุ้นเคยเฃ้าออกในกรุงเทพไปพูจชักชวนเจ้านุดให้หนีออกจากคุก แล้วภาเจ้า (นุด) เข้ามาในกรุงเทพในระวางพุทธศกราช 2462-2463
เมื่อกระหม่อมฉันเข้ามาในกรุงเทพในพุทธศกราช 2463 หม่อมเจ้าหญิงฉวีวาศบวชเป็นนางชี กระหม่อมฉันสั่งให้เธอไปภพเธอไม่ไป ผ่ายหลังได้ยินพระองค์ยุคนธรบอกกับกระหม่อมฉันว่า หม่อมเจ้าหญิงฉวีวาศพูดอ้างตนเองว่าเป็นมารดาเลี้ยงของพระองค์ยุคนธรๆ ด่าส่งไปให้, กระหม่อมฉันจึงเล็งเห็นว่าเพราะพระองค์ยุคนธรด่าส่งไปเช่นนั้น จึงกระหม่อมฉันส่งคนใบบอกให้ไปหากระหม่อมฉันเธอจึงไม่ไป,
หม่อมเจ้าหญิงฉวีวาศนั้นเมื่องอยู่ในเมืองเขมรคุ้นเคยกับกระหม่อมฉันๆ เคยเรียกไปทำลูกกวาดที่บ้านอยู่เนืองๆ กระหม่อมฉันได้ไต่สวนถึงเรื่องเก่าแก่ซึ่งเธอออกจากกรุงเทพวิ่งตามนาเวน (ผึ้ง) ไป หม่อมเจ้าฉวีวาศบอกกับกระหม่อมฉันว่าหลงเชื่อว่านาเวน (ผึ้ง) นั้นเป็นเจ้าอุปราชกรุงกัมพูชา
กระหม่อมฉันจึงซักไต่ต่อไปว่า เมื่ออกจากรุงเทพทิ้งผัว-ทิ้งแม่นั้นด้วยหลงเชื่อคนหลอกว่านายเวนผึ้งเป็นมหาอุปราชกรุงกัมพูชา ก็เมื่อมาถึงกรุงภนมเป็นแล้วสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินกรุงกัมพูชาชวนให้อยู่ในวังเป็นอย่างไรจึงไม่อยู่ หม่อมเจ้าฉวีวาศต้องรับจนว่ากรรมซึ่งได้สร้างมาแต่ปางก่อน
กระหม่อมฉันมีความสงสารชาติผู้ดีด้วยกันจึงได้เรียกหาไปที่บ้านอยู่เนืองๆ ให้เงินให้อัฐเธอบ้างเล็กน้อย ถึงลูกชายก็ดีเมื่อติดคุกอยู่ในกรุงภนมเพญ ภพที่ไหนก็โยนเงินและอัฐให้ทุกๆ ที่ แต่บัดเดี๋ยวนี้ได้เห็นสำเนาหนังสือ, พระองค์เจ้าพานดุรีซึ่งฝ่าพระบาทฝากไปพระราชทาน ก็มีความเคืองแค้นเป็นพันทวี
ถึงจะอวดอ้างตั้งตนเป็นอย่างไรก็ควนจะอวดที่คนซึงโง่เขลา จะได้มีอำนาจราชสักดิ์ไปน่อหนึ่ง นี้มาทำจองหองกับฝ่าพระบาท บังอาจบอกกับเจ้าเมืองว่าตัวมันเป็นบุตรสมเด็จพระนโรดมและบ้างอาจถึงมีหนังให้เจ้าเมืองส่งไปเช่นนั้น ควรแต่จะขาดโทศให้ถึงสาหัศ
พระองค์เจ้าพานดุรีเมื่ออยู่เมืองเขมรมีชื่อว่าคุนนุดนั้น เคยเฃ้าอยู่ในเรือนใหญ่ซึ่งมีนามว่าคุกเขมรเป็นสองคราว ครั้งนี้มาตั้งตัวเป็นเจ้าเขมร - และเป็นพระราชบุตรสมเด็จพระนโรดม เช่นนั้นก็ควรจะเชิญในให้ในพระราชสำนักที่ใหญ่โตซึ่งเป็นกองอุกฤต
เมื่อปีกลายกระหม่อมฉันตลับไปจากกรุงเทพ ภพผู้หญิงเขมรผู้ 1 ในเรือนิพพา บอกกับกระหม่อมฉันว่าเป็นเมียของเจ้า (นุด) ลูกชายของหม่อมเจ้าฉวีวาศ ว่าทนอยู่ไม่ได้จึงยากจะตลับบ้านเมือง จึงพระเขมร, อยู่วัดราชนดาบอกว่าเที่ยวเรือนั้นกระหม่อมฉันจะตลับไปเมืองเขมรจึงลงมาที่เรือโดยสารกระหม่อมฉันไป กระหม่อมฉันถามว้า บัดนี้เจ้าหญิงฉวีวาศอยู่ที่ไหน ว่าไปเมืองอุดรและตลับมาอยู่บางโพธิ์ ตามที่ผู้หญิงคนนั้นเล่าบอกกับกระหม่อมฉันว่า หม่อมเจ้าฉวีวาศพูจว่าจึงไม่ไปหากระหม่อมฉันเมื่อกระหม่อมฉันอยู่ในกรุงเทพนั้นเพราะกระหม่อมฉันเป็นเด็กกว่า ควรให้กระหม่อมฉันไปหาก่อน จึงเธอจะไปหากระหม่อมฉันทีหลัง ว่าเจ้า (นุด) ได้ยินหม่อมเจ้าฉวีวาศพูจเช็นนั้นก็ตวาดเอามารดา แล้วพูจกับหม่อมเจ้าหญิงฉวีวาศผู้เป็นมารดาเป็นคำหยาบๆ
หม่อมเจ้าหญิงฉวีวาศมีบุตรชายคนเดียวชื่อ (นุด) บิดาเป็นเจ้าเมืองรลาเปอีย ชื่อ (ปัล) เป็นเชื่อเจ็ก หาไช่เป็นเชื่อเจ้ามิได้
ชื่อ (นุด) เป็นบุตรชายของหม่อมเจ้าหญิงฉวีวาศนั้น ในปลายแผ่นดินสมเด็จพระนโรดมติดคุกครั้งหนึ่ง ออกจากคุกพร้อมกับคนโทษด้วยกันหลายร้อยคนเมื่อคณะเปลี่ยนแผ่นดินไหม่
ในแผ่นดินสมเด็จพระศรีสวัดในระวางพุทธศักราช 2461-2462 ชื่อ (นุด) บุตรชายของหม่อมเจ้าแวีวาศติดคุกอีกครั้งหนึ่ง แต่โทษเป็นประการใดกระหม่อมฉันก็ลืมไป จำได้แน่แต่ว่าติดคุกด้วยตั้งตัวเป็นโจรรกัมเมื่อครั้งแรก, เมื่อครั้งหลังดูเหมือนไปตั้งตัวว่าเป็นเจ้า วานซืนนี้ได้รับจตหมายลายพระหัดถ์ของฝ่าพระบาทก็จวนเพลานักแล้ว ไปดูบาญชีคุกไม่ทัน วานนี้และวันนี้เป็นวันกัมเนิดพระเยซู กระทรวงยุดทำงาร
ค่อยถึงวันทำงาร กระหม่อมฉันตลับจากแกบ จะไปขออนุญาติกระทรวงยุติธรรมค้นหาหนังสือคุกของพระองค์เจ้าพานดุรี บุตรชายของหม่อมเจ้าหญิงฉวีวาศ ได้ความแน่จะฝากมาถวายต่อผ่ายหลัง
ควรมิควรขอทรงโปรษ (สจช สบ.2.53/138, 128-137)
ในร่างจดหมายที่กรมพระดำรงฯ จะมีไปทูลเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยลงวันที่ 5 มกราคม 1927, ยังเป็น พ.ศ. 2469, ก็เล่าความตามอย่างมาลิกา เป็นแต่ย่นย่อความลง แต่ก็ได้คัดสำเนาจดหมายของมาลิกาทั้งสองฉบับแนบไปด้วย (สจช สบ.2.53/138, 140-144)
วันที่ 7 มกราคม 1927, ยังเป็น พ.ศ. 2469, มาลิกาก็มีจดหมายมายังกรมพระดำรงฯ เรื่อง "หนังสือคุก" ที่เคยกล่าวถึง
กระหม่อมฉันได้ไปขออนุญาตกระทรวงยุติธรรมค้นหาหนังสือคุกและสารกรมทัณฑ์ซึ่งตุลาการตีดสินขาดโทษนาย (นุด) บุตรชายของหม่อมเจ้าหญิงฉวีวาศซึ่งตั้งตนเป็นพระองค์เจ้าพานดุรีนั้น โทษเมื่อแผ่นดินก่อนและต้นแผ่นดินปัจจุบันค้นหายังไม่ภพๆ แต่สำเนาสารกรมทัณฑ์ สาลอุทธรกรุงภนมเพญเห้นพร้อมตามสาลปัตตบองขาดโทษเมื่อตอนปลายที่สุด สารกรมทัณฑ์ตุลาการเมืองปัตตบอง เลขที่ 198 ลงวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2464
สารกรมทัณฑ์ตุลาการสาลอุทธรกรุงภนมเพญ เลขที่ 142 ลงวันที่ 3 มีนาคม 2464 สาลปตตบองและสาลอุทธรกรุมภนมเพญขาดโทษใส่คุก, ชื่อ นุด 5 ปี ด้วยตั้งตัวเป็นเจ้า, แต่งเนื้อเรื่อง และสาลกรมทัณฑ์สาลปัตตบองหายังไม่ภพ
ตามที่ในสารกรมทัณฑ์สาลอุทธรกรุงภนมเพญนั้น ชื่อนุดพึ่งพ้นโทษในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2469 นี้ ก็ประจวบกับที่ได้ตั้งตนเป็นพระองค์เจ้านั้นเอง,
ถ้าหาภพเนื้อเรื่องได้พร้อมมูลเมื่อใดก็จะลอกฝากมาทูลถวายต่อผ่ายหลัง (สจช สบ.2.53/138, 145-146)
ฉวีวาดแต่ต้นเรื่องมาจนบัดนี้เป็นเรื่องที่คนอื่นเล่าถึงเธอทั้งนั้น กระทั่งพานดุรีก็เช่นกัน เว้นแต่ในเอกสารฉบับหนึ่งที่เราจะได้ยินเสียงของพานดุรี
อ้างอิง สจช.สบ.2.53/138
พระองค์เจ้าหญิงมาลิกา ยุคันธร _______________
ตอนต่อไปของ กระดูกของ "ท่านป้าฉวีวาด": การชันสูตรใหม่ (6) หนังสือของพานดุรี