ระบบเงินตราในช่วง พ.ศ. ๒๔๑๓-๒๔๕๗ เป็นระบบมาตรฐานทองคำ (The Gold Standard) โดยแต่ละประเทศที่อยู่บนระบบนี้ต้องมีกฎหมายกำหนดให้ใช้ทองคำเป็นมาตรฐานกำหนดค่าของเงินหนึ่งหน่วยเท่ากับทองคำบริสุทธิ์เป็นจำนวนที่แน่นอน ซึ่งเรียกว่า“การกำหนดอัตราค่าเสมอภาค” (Par Value)
อังกฤษ กำหนดอัตราค่าเสมอภาค ๑ ปอนด์ เท่ากับ ทองคำบริสุทธิ์หนัก ๗.๓๒๒๓๓ กรัม
สหรัฐอเมริกา กำหนดอัตราค่าเสมอภาค ๑ ดอลลาร์สหรัฐเท่ากับทองคำบริสุทธิ์หนัก ๑.๕๐๔๖๕ กรัม
สำหรับประเทศไทย พระราชบัญญัติมาตรฐานทองคำ ร.ศ. ๑๒๗ กำหนดให้เงินบาทมีราคาเท่ากับทองคำบริสุทธิ์หนัก ๐.๕๕๘ กรัม
ดังนั้น การคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินตราสกุลปอนด์ต่อเงินตราสกุลบาท ก็คือ การเอาค่าเทียบเท่าน้ำหนักทองคำของค่าเงินหนึ่งปอนด์ คือ ๗.๓๒๒๓๓ หารด้วยค่าเทียบเท่าน้ำหนักทองคำของค่าเงินหนึ่งบาท คือ ๐.๕๕๘ (๗.๓๒๒๓๓ / ๐.๕๕๘ = ๑๓.๑๒)
ดังนั้นด้วย พระราชบัญญัติมาตรฐานทองคำ ร.ศ. ๑๒๗ (พ.ศ. ๒๔๕๑) อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อเงินปอนด์จึงเท่ากับ ๑๓.๑๒ บาท ต่อ ๑ ปอนด์ในเวลานั้น
หรือ
ถ้าจะคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินตราสกุลดอลลาร์สหรัฐต่อเงินตราสกุลบาท ก็คือ การเอาค่าเทียบเท่าน้ำหนักทองคำของเงินหนึ่งดอลลาร์ ซึ่งในเวลานั้นประเทศสหรัฐอเมริกา กำหนดอัตราค่าเสมอภาค (Par Value) ๑ ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ ทองคำบริสุทธิ์หนัก ๑.๕๐๔๖๕ กรัม เมื่อนำมาหารด้วยค่าเทียบเท่าน้ำหนักทองคำของค่าเงิน ๑ บาทคือ ๐.๕๕๘ กรัม ก็จะสามารถคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินตราสกุลดอลลาร์สหรัฐต่อเงินตราสกุลบาทได้ เท่ากับ ๑.๕๐๔๖๕ / ๐.๕๕๘ = ๒.๖๙ ทำให้ค่าเงิน ๑ ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ ๒.๖๙ บาทตามที่กฎหมายกำหนด (พระราชบัญญัติมาตรฐานทองคำ ร.ศ. ๑๒๗) ณ เวลานั้น
ข้อมูลจาก
ค่าเงินบาทของไทย โดย ธิติ สุวรรณธัตเงินที่พระปรีชาฉ้อฉลไปลงทุนทำโรงสีตามคำให้การของนางแฟนนี เป็นหุ้นกู้ ๒๔๐๐๐ และ ๑๔๔๐๐ ดอลล่าร์ อัตราแลกเปลี่ยน ๑ ดอลล่าร์เท่ากับ ๒.๖๗ บาท จึงเท่ากับ ๓๘๔๐๐ X ๒.๖๗ = ๑๐๒๕๒๘ บาท
๑๐๒๕๒๘ บาท หารด้วย ๘๐ = ๑๒๘๑.๖๐ ชั่ง
บวกด้วยหุ้นสามัญ ๑๐๐ ชั่งและ ๑๕๐ ชั่ง
รวมทั้งหมดได้ ๑๕๓๑.๖๐ ชั่ง
เงินหลวงที่พระปรีชาเบิกไป ๑๕๕๐๐ชั่ง มีบัญชีรายจ่ายที่เป็นหลักฐานของนายสุดใจ ๔๑๔๘ ชั่ง
ขาดไป ๑๑๓๕๒ ชั่ง? ? ?
ยังงงอยู่ดีว่าทำไมตัวเลขยังห่างกันนัก ใครมั่ว มั่วอย่างไรกันแน่