กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ธ.ค. 13, 04:14 ไปเที่ยวซานดิเอโก ในคาลิฟอร์เนียมาค่ะ ไม่กี่วันก่อน ระหว่างเดินเล่นอยู่ริมอ่าว เห็นเรือรบจอดอยู่ ก็เลยลงไปเดินเก็บภาพแถวนั้นมาดูเล่น
เดินไปไม่กี่ก้าวบนฝั่ง ก็เจอรูปปั้นมหึมา ตามรูปข้างล่างนี้ละค่ะ ถ่ายรูปมาให้ดูว่ามันใหญ่ขนาดไหนเมื่อเทียบกับคนทั่วไป หน้าตาเหมือนจะเป็นรูปปั้นอนุสรณ์อะไรสักอย่าง ที่แปลกไม่เหมือนรูปปั้นบุคคลสำคัญอื่นๆคือรูปปั้นทั้งหลายศิลปินเขามักจะปั้นในอิริยาบถนิ่งๆ วางหน้าเฉยๆ แต่รูปปั้นที่ว่านี้ ถ้าหากว่าใครปั้นมาตั้งไว้ตามสวนสาธารณะของไทย คงมีคนไทยโวยวายกันบ้างว่าปั้นอะไรประเจิดประเจ้อ เอาออกไปเดี๋ยวนี้ นั่นคือรูปปั้นของทหารเรือหนุ่มชาวอเมริกันนายหนึ่งในเครื่องแบบพลทหารเรือ กำลังคว้าตัวหญิงสาวในชุดขาวแบบนางพยาบาลมาจูบแบบเต็มรัก ดูเหมือนสาวเจ้าเองก็ไม่ทันตั้งตัวเหมือนกัน รูปปั้นนี้มีเบื้องหลัง เคยอ่านพบที่ไหนสักแห่งนานมาแล้ว ก็เลยได้โอกาสฟื้นความหลังมาเล่าสู่กันฟังในกระทู้นี้ค่ะ กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ธ.ค. 13, 04:15 ใหญ่ขนาดไหนลองเทียบกับคนแถวนั้นดูนะคะ
กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ธ.ค. 13, 04:25 มีแผ่นจารึกชื่อ ผู้สร้าง และที่มาของรูปปั้นนี้ ตามนี้ค่ะ
กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 13 ธ.ค. 13, 07:23 น่ารักมาก ๆ :D หยอดภาพให้ดูภาพถ่ายอันเป็นต้นกำเนิด ส่วนเนื้อหาเรื่องราวให้ อ. เทาชมพู เล่าเรื่องราวต่อเลยครับ ;D
กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ธ.ค. 13, 07:59 ^
มีอะไรที่หนุ่มจินนี่ไม่รู้จักบ้างหนอ กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ธ.ค. 13, 08:14 ภาพที่คุณจินนี่สยามเอามาให้ดู ย้อนหลังไปถึงวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2488 68 ปีมาแล้ว เมื่อสหรัฐอเมริกาได้รับข่าวดีที่สุดคือ ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้หลังระเบิดปรมาณูถูกทิ้งลงในเมืองฮิโรชิมา แปลได้คำเดียวว่า "สงครามโลกสิ้นสุดลงแล้ว"
ประชาชนทั่วอเมริกาไชโยโห่ร้องกันเป็นการใหญ่ หลังจากเผชิญภาวะสงครามมา 6 ปีเต็ม ในนิวยอร์ค ผู้คนกรูกันออกมาแสดงความยินดีปรีดากันตามถนนหนทาง ร้องตะโกนบอกกัน สวมกอดกัน ทั้งๆไม่รู้จัก ในจำนวนนี้มีช่างภาพหนังสือพิมพ์คนหนึ่งชื่อ Alfred Eisenstaedt สะพายกล้องไลก้าออกตระเวนเก็บภาพไปตามถนนตรงไทม์สแควร์ หวังว่าจะได้ภาพเด็ดๆอะไรบ้างไม่มากก็น้อย แล้วพี่แกก็ได้ภาพเด็ดสมใจ นายไอเซนสแต็ดเห็นทหารเรืออเมริกันคนหนึ่งซึ่งตื่นเต้นดีใจกับข่าวนี้จนเหลือระงับใจ วิ่งเข้าไปท่ามกลางฝูงชน ตรงเข้ากอดและจุมพิตผู้หญิงไม่เลือกหน้า ไม่ว่าจะเป็นคุณป้าคุณยายแก่ๆ หรือว่าเด็กหญิงน้อยๆ คนหนึ่งที่เขาวิ่งเข้าไปจูบเป็นหญิงสาวในชุดขาวเหมือนพยาบาล โดยเธอเองก็ไม่ทันตั้งตัว ภาพในยุคนั้นมีแต่ภาพขาวดำ สมองสั่งนายช่างภาพคนนี้ในแว้บเดียวว่า ชุดขาวของสาวคนนี้กับชุดสีเข้มของหนุ่มกลาสีเรือจะตัดกันเป็นภาพงามอย่างยิ่ง พอคิดปุ๊บมือก็กดชัตเตอร์ปั๊บ เก็บภาพไว้ได้ในเสี้ยวนาที โดยแกก็ไม่รู้ว่ามีช่างภาพอีกคนที่ยืนอยู่อีกมุมหนึ่งของถนน กดภาพนี้ไว้ทันเช่นกัน ทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วฉุกละหุกจนไม่ทันดูว่าอะไรเป็นอะไร ทหารเรือหนุ่มพอจูบเสร็จก็มิได้พิรี้พิไรอยู่ตรงนั้น ก็วิ่งต่อไป ผู้คนชุลมุนวุ่นวายวิ่งกันไปมาประกาศข่าวดีกัน ช่างภาพของเราจึงไม่ทันกดภาพเป็นครั้งที่สอง และไม่ทันถ่ายรูปพระเอกนางเอกคู่นี้ในอิริยาบถอื่น ที่จะเห็นหน้ากันชัดๆ ต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไปในเวลาไม่กี่นาที แต่ภาพนี้อยู่ในกล้องของช่างภาพเรียบร้อยแล้ว กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ธ.ค. 13, 08:15 นี่คือภาพเดียวกันที่ถ่ายโดยช่างภาพอีกคนหนึ่ง
กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 13 ธ.ค. 13, 13:21 แต่เดิมรูปปั้นนี้ตั้งอยู่ที่ไทม์สแควร์ ถูกย้ายไปตั้งยังท่าเรือซานดิเอโก้ ใกล้พิพิธภัณฑ์เรือบรรทุกเครื่องบินมิดเวย์ในวันวาเลนไทน์ปีนี้เอง นามทหารเรือคือ Gorge Mendonsa ส่วนพยาบาลเป็นผู้ช่วยทันตแพทย์ชื่อ Greta Zimmer Friedman
(http://ptcdn.info/emoticons/toy_h/15.png) กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 13 ธ.ค. 13, 14:09 รูปทางซ้าย George Mendonsa และ Greta Zimmer Friedman ในวันเวลาใกล้เคียงกับในรูป "War's End Kiss" อายุ ๒๒ ปี
รูปทางขวา "คู่จุมพิตบันลือโลก" เมื่อวัยชรา ปัจจุบันทั้งคู่อายุ ๙๐ ปี (http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png) กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ธ.ค. 13, 22:38 โดนปาดอีกแล้ว :(
เรื่องไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกค่ะ คุณเพ็ญชมพู โปรดอดใจรอ กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ธ.ค. 13, 23:06 หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ภาพที่ว่านี้ก็ตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Life magazine พร้อมกับภาพอื่นๆที่แสดงถึงการเฉลิมฉลองชัยชนะ
รวม 12 หน้าด้วยกัน ใน 12 หน้า มี 2 หน้าที่นิตยสารไลฟ์ลงรูปชายหญิงอีกสามคู่ที่จุมพิตแสดงความยินดีกัน ต่างกันแต่ว่าคู่อื่นๆนั้นมีชื่อเสียงเรียงนาม รู้กันว่าใครเป็นใคร เว้นแต่ภาพนี้ภาพเดียว เป็นหนุ่มสาวนิรนาม ภาพนี้ถูกตั้งชื่อไว้หลายชื่อ เช่น V-J Day in Times Square, V-Day, และ The Kiss. V-J ย่อมาจาก Victory over Japan ชัยชนะเหนือประเทศญี่ปุ่น ค่ะ ภาพนี้กลายเป็นภาพฮิทติดอันดับ อย่างหนึ่งคือจังหวะภาพดีมาก เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเสี้ยวนาที ไม่มีโอกาสจะซ้ำแบบนี้อีก มันไม่เหมือนภาพภูเขาหรือหาดทรายชายทะเล ที่ผ่านไปกี่ปีๆก็ถ่ายได้มุมเดิมเหมือนกันเปี๊ยบ อย่างที่สองคือแสงสีในภาพขาวดำ ตัดกันสวยงามระหว่างสีเครื่องแบบฝ่ายชายและฝ่ายหญิง อย่างที่สาม เสน่ห์ของภาพอยู่ที่ความลึกลับชวนค้นหา เพราะคนดูไม่สามารถเห็นหน้าตาหนุ่มสาวคู่นี้ได้ เพียงแต่อากัปกิริยานั้นแสดงความหมายออกมาชัดเจน ด้วยเหตุนี้ จึงเกิดคำถามอึงคะนึงตามมาว่า หนุ่มสาวในภาพคือใคร เมื่อคำถามนี้ถูกประกาศออกไป ก็มีหนุ่มๆและสาวๆ หลายคน แห่กันออกมาเป็นทิวแถว อ้างว่าตัวเองคือหนุ่มสาวในรูป กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ธ.ค. 13, 23:10 ภาพนี้คือช่างภาพคนดัง ในวัยชรา กำลังเซ็นลายเซ็นบนภาพที่เขาหัวไวพอจะทำเรื่องถือลิขสิทธิ์ครอบครองเป็นเจ้าของ ไม่ให้ใครเอาไปพิมพ์ได้ง่ายๆ
กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 13 ธ.ค. 13, 23:34 คุณย่าสมัยสาวๆ นี่แกขาสวยนะครับ ;D ;D ;D
กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ธ.ค. 13, 02:35 พร้อมกันกับที่นายอัลเฟรด ไอเซนสแต็ด กดชัตเตอร์กล้อง ช่างภาพอีกคนชื่อนายวิคเตอร์ จอร์แกนเซน เป็นช่างภาพผู้สื่อข่าวของกองทัพเรืออเมริกัน ก็ลั่นชัตเตอร์จับภาพหนุ่มสาวคู่นี้ไว้ได้เช่นกัน เขาตั้งชื่อภาพถ่ายนี้ว่า Kissing the War Goodbye หรือ "จูบลาสงคราม" ภาพของนายจอร์แกนเซนถูกนำลงตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์นิวยอร์คไทมส์ ในวันรุ่งขึ้น
ภาพนี้ได้รับความสนใจน้อยกว่าหน่อย เพราะเก็บรายละเอียดไม่หมด ส่วนขาของหญิงสาวถูกตัดหายไปในขอบล่าง แต่ที่ดีกว่าคือฉากหลังของรูปมองเห็นชัดว่าเป็นส่วนไหนของไทม์สแควร์ ภาพแรกมองไม่เห็นแบคกราวน์ส่วนนี้ ในภาพนี้มีหญิงสาวอีกคนหนึ่งในฉากหลัง เหลียวมองคู่นี้ด้วยความประหลาดใจ ในเมื่อหล่อนหันมาให้เห็นหน้าเต็มๆ จึงมีการพิสูจน์ได้ภายหลังว่าหล่อนชื่อ เคย์ ดอเรียส อาศัยอยู่ในรัฐยูท่าห์ กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ธ.ค. 13, 11:30 แม้ว่าหาตัวประกอบในภาพเจอ แต่พระเอกนางเอกตัวนำยังเป็นปริศนาลึกลับต่อมาจนปลายๆทศวรรษ 1970 คือเกือบ 35 ปีหลังจากนั้น ไอเซนสแต็ดจึงได้รับจดหมายจากผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ อีดิธ เชน(Edith Shain) เขียนมาบอกว่าหล่อนคือสตรีสาวในภาพ
อีดิธบรรยายรายละเอียดว่าในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1945 หล่อนทำงานเป็นพยาบาลอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในนิวยอร์ค ได้ยินเสียงวิทยุประกาศว่าสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลงแล้ว ด้วยชัยชนะของฝ่ายพันธมิตร ทั้งหล่อนและเพื่อนอีกคนก้ดีอกดีใจเป็นการใหญ่ รีบออกจากงานตรงไปที่ไทม์สแควร์ซึ่งฝูงชนแห่กันออกมาจากอาคารร้านรวงทั้งหลายไชโยโห่ร้องกัน พอหล่อนขึ้นจากสถานีรถใต้ดินขึ้นมาถึงที่นั่น อยู่ๆก็มีทหารเรือหนุ่มคนหนึ่งมาจากไหนก็ไม่รู้ ตรงรี่เข้ามากอดแล้วจูบหล่อนเข้าให้เต็มรัก ในตอนนั้นหล่อนไม่ได้ขัดขืน ดูเหมือนจะจูบตอบเข้าให้ด้วย ด้วยความขอบคุณที่ว่าเขาเป็นหนึ่งในทหารหาญที่สู้รบในสงครามเพื่อประชาชนอย่างหล่อน เมื่อเหตุการณ์นี้ผ่านพ้นไป อีดิธก็ไม่ได้กระโตกกระตากป่าวร้องว่าหล่อนคือสาวในภาพ จนเวลาล่วงผ่านมาหลายสิบปี จึงตัดสินใจเขียนมาบอกช่างภาพ ไอเซนสแต็ด ไม่ได้บอกว่าเขาเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่เขาส่งจดหมายของผู้หญิงคนนี้ให้นิตยสารรับรู้ ว่าเขาได้รับแจ้งมาจากสตรีที่อ้างว่าตัวเองคือหญิงสาวในภาพ กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ธ.ค. 13, 11:58 บรรณาธิการเห็นเป็นข่าวที่จะเล่นต่อได้ ก็เลยจับเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นประเด็น ด้วยการลงประกาศหาทหารเรือหนุ่มในภาพ (ซึ่งบัดนี้คงเลยวัยกลางคนจนจะปลายคนอยู่รอมร่อ) ให้มาโชว์ตัวต่อสาธารณชน เพราะฝ่ายหญิงเขาประกาศตัวออกมาแล้ว
ผลออกมาเกินกว่าคาดคิด เพราะอดีตทหารเรือหนุ่มในภาพ ตบเท้ากันออกมาพรึ่บเดียวถึงสิบเอ็ดคน เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีผู้หญิงอีกสองคน ออกมาประกาศตัวว่าหล่อนคือหญิงสาวในภาพอีกด้วย สตรีทั้งสองที่เพิ่มเติมเข้ามาคือ Greta Friedman และ Barbara Sokol กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 18 ธ.ค. 13, 01:01 เข้ามารอ ;D ;D ;D
กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ธ.ค. 13, 07:36 โดนนักเรียนหลังห้องเร่งเสียแล้ว ;D
ตอนแรกทั้งบรรณาธิการและช่างภาพเจ้าของภาพก็ไม่ได้คิดหรอกว่าเรื่องมันจะยุ่ง มีคนแห่กันมาเป็นหมู่ อ้างว่าตัวเองคือทหารเรือหนุ่มในภาพ รายชื่อที่พอจะหามาได้จากครูกุ๊กก็คือ Donald Bonsack, John Edmonson, Wallace C. Fowler, Clarence "Bud" Harding, Walker Irving, James Kearney, Marvin Kingsburg, Arthur Leask, George Mendonça, Jack Russell, และ Bill Swicegood. พวกนี้ล้วนแต่เป็นทหารเรือในสงครามโลกครั้งที่ 2 ทั้งสิ้น นี่ยังไม่รวมอดีตหญิงสาวอีก 2 คนที่ยืนยันว่าตัวเองคือสาวในภาพอีกด้วย การพิสูจน์ในยุคนั้นทำได้ยาก เพราะเทคโนโลยี่ยังไม่ทันสมัยเหมือนยุคนี้ บก.และช่างภาพก็ไม่รู้จะพิสูจน์ยังไง ต้องปล่อยให้อ้างกันไปตามเรื่องตามราว โดยเฉพาะอีดิธ เชน ซึ่งเล่าได้ฉอดๆเป็นฉากๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น แล้วยังบอกเหตุผลที่เธอเก็บงำไว้ตั้ง 35 ปีจนอายุเข้าไปหกสิบกว่า ว่าเธอเขินอายกับรูปนี้ก็เลยไม่ได้บอกใคร จนล่วงเข้าวัยชราเธอถึงเห็นเป็นเรื่องขำ และอยากจะบอกให้ช่างภาพรู้ไว้ เพื่อจะขอรูปมาสักรูปเป็นที่ระลึก 60 ปีให้หลังจากวันชัยชนะ เมื่อมีการฉลองครบรอบ 60 ปีที่ไทม์สแควร์ อีดิธ เชนก็มาร่วมงานด้วยในชุดพยาบาลสีขาว กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ธ.ค. 13, 13:17 ชายสูงวัยที่โชว์ตัวคู่กับอีดิธในภาพชื่อ Carl Muscarello บัดนี้อยู่ในวัยชราไม่แพ้กัน เขาเป็นหนึ่งในผู้ชายที่อ้างตัวว่าเป็นทหารเรือหนุ่มในรูป
หลังจากถูกเอาตัวมาสอบถามกับคุณย่าอีดิธ เธอก็เชื่อว่าทหารเรือหนุ่มรายนั้นคือเขา เพราะเธอตั้งคำถามสองข้อว่า คืนนั้นเธอกับเขานัดกันไปกินดินเนอร์กันที่ไหน กับ หลังจากจูบกันแล้ว เขาพูดอะไรกับเธอ คาร์ล มุสคาเรลโลตอบว่า " เราไม่ได้ไปดินเนอร์กันที่ไหนเลยสักแห่งเดียว ผมไม่ได้พูดอะไรกับคุณเลย หลังจากจูบกันแล้วเราต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไปคนละทาง ไม่ได้เห็นหน้ากันอีก" คาร์ลตอบถูกทั้งสองคำถาม อีดิธจึงเชื่อว่าเขานี่เองคือหนุ่มกลาสีลึกลับในรูป ที่วิ่งมาเจอเธอแล้วก็วิ่งหายไป ไม่ได้เจอหน้าค่าตากันอีก กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ธ.ค. 13, 13:32 มาฟังความทางฝ่ายชายบ้าง
หลังจากปลดประจำการจากกองทัพเรือหลังสงครามโลกจบลง คาร์ล มุสคาเรลโลก็สมัครเข้าเป็นตำรวจใน NYPD ( New York City Police Department) จนเกษียณก็ย้ายจากนิวยอร์คไปอยู่ที่เมืองแพลนเทชั่นในรัฐฟลอริดา เมื่อข่าวเรื่องรูปนี้เป็นประเด็นร้อนขึ้นมาในหนังสือพิมพ์ เขาก็แจ้งไปที่หนังสือพิมพ์ไทมส์ว่าเขาคือชายในรูป เขาเล่าว่าในวันที่ 14 สิงหาคม 1945 เมื่อมีประกาศว่าสงครามโลกสิ้นสุดลงแล้ว ด้วยความตื่นเต้น บวกมึนๆจากกินเหล้าเข้าไปหลายแก้ว เขาก็วิ่งไปตามถนนนที่ไทมส์สแควร์ เที่ยวจูบผู้หญิงให้วุ่นไปหมด ตัวเขาเองไม่ได้จดจำอะไรได้เป็นพิเศษ แม้แต่รูปถ่ายที่โชว์หราอยู่ในหนังสือพิมพ์ แต่แม่เขาเป็นคนเห็นรูปนั้น แล้วออกปากว่า "อ้าว นี่ลูกเองนี่นา" เมื่อถามว่าแม่รู้ได้ไง แม่ก็บอกว่าจำรอยตำหนิแต่กำเนิดบนหลังมือเขาได้ เมื่อสอบถามกับอีดิธ เธอก็ปักใจเชื่อว่านี่แหละคือทหารเรือหนุ่มคนนั้นจริงๆ แถมสองคนยังมาเดทกันในช่วงสั้นๆอีกด้วย แต่ยังไงก็ไม่รู้ คุณย่าเกิดเปลี่ยนใจในระยะหลัง ในค.ศ. 2005 เธอกลับแถลงกับหนังสือพิมพ์นิวยอร์คไทมส์ กลับตาลปัตรเป็นคนละเรื่องว่า " ฉันบอกไม่ได้ว่าไม่ใช่เขา แต่ก็บอกไม่ได้ว่าใช่ ไม่มีทางบอกได้จริงๆ" ส่วนคาร์ลก็บอกได้แต่ว่าวันนั้น ด้วยฤทธิ์เหล้าฉลองชัยที่ดื่มเข้าไปหลายแก้ว เขาก็จำอะไรไม่ค่อยได้มากนัก แต่ที่เชื่อแน่นแฟ้นว่าเขาคือหนุ่มในรูปก็เพราะแม่เขาเป็นคนจำลูกชายได้เอง กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ธ.ค. 13, 05:59 ในเมื่อคุณย่าอีดิธออกมาประกาศตัวก่อนใครอื่นว่าเธอคือหญิงสาวในภาพ แม้ว่ามีหญิงอื่นมาประกาศบ้าง ก็ไม่เป็นที่สนใจเท่า ผู้คนก็มักจะให้คะแนนคุณย่ามากกว่า ที่สำคัญก็คือช่างภาพไอเซนสแต็ดเองเป็นคนรับรองว่า เขาไปสัมภาษณ์เธอแล้ว เชื่อว่าคุณย่าคือหญิงสาวนิรนามคนนั้นจริงๆ
คุณย่าอีดิธก็เลยได้โชว์ตัวในงานต่างๆ ที่เกี่ยวกับวัน V-J ในฐานะสาวตัวจริงในภาพ กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ธ.ค. 13, 06:06 อีกภาพหนึ่ง
กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 22 ธ.ค. 13, 08:40 น่ารักมาก ๆ :-[
กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ธ.ค. 13, 11:50 ตลอดเวลาที่คุณย่าอีดิธมีชีวิตอยู่ เธอก็ได้ชื่อว่าเป็นสาวปริศนาในภาพมากกว่าใครๆทั้งหมด ที่ตลกก็คือ เธออยู่ยืนยงจนถึงวัยคุณทวด ถึงแก่กรรมในค.ศ.2010 เมื่ออายุได้ 91 ปี ก็ไม่มีใครค้านว่าอะไร แต่พอตายไปได้สองปี ก็มีหนังสือเล่มหนึ่งเขียนขึ้นเพื่อค้นคว้าหาความจริงในเรื่องนี้ ผู้เขียนชื่อ George Galdorisi และ Lawrence Verria ออกมายืนยันว่าคุณทวดอีดิธไม่ใช่ผู้หญิงในรูปแน่นอน
ทั้งสองพิสูจน์จากความสูงของเธอ เธอสูงแค่ 4 ฟุต 10 นิ้ว ซึ่งเตี้ยกว่าหญิงในภาพ เขาวัดจากความสูงของผู้ชายทั้งหมดที่ออกมาอ้างว่าเป็นฝ่ายชายในภาพ เอามาเทียบกับฝ่ายหญิง ไม่ว่าชายคนไหนคนนั้นถ้ายืนเทียบกับเธอแล้ว จะไม่ได้สัดส่วนความสูงต่ำที่ไล่เลี่ยกันระหว่างชายหญิง อย่างที่ปรากฏในรูปถ่าย เพราะฉะนั้น ก็ฟันธงลงไปว่าอีดิธไม่ใช่ตัวจริงของสาวปริศนาผู้นั้น หลังจากหลงเฉลิมฉลองกันมานานหลายสิบปี กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 22 ธ.ค. 13, 12:51 อเมริกันชน บทจะเชื่อก็เชื่อง่าย ๆ ไม่เฉลียวใจเลยหนอว่าช่วงขาคุณย่าอีดิธนั้นสั้นกว่าในภาพอย่างมีนัยสำคัญเชียว
(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม16.png) กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ธ.ค. 13, 13:11 แม่นแล้ว
กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ธ.ค. 13, 14:17 ในเมื่อคุณทวดอีดิธตัวเตี้ยขนาดนี้ ก็น่าสงสัยขึ้นมาว่านายมุสคาเรลโลที่เธอบอกในตอนแรกว่าเป็นทหารเรือหนุ่มคนนั้น จะใช่ตัวจริงได้อย่างไร ในเมื่อตัวแกสูงกว่าคุณทวดมากกว่าหนึ่งคืบด้วยซ้ำไป
ข้อนี้กระมังที่ทำให้คุณทวดอีดิธลังเลขึ้นมาในตอนหลัง แต่เอาเถอะ วางเรื่องนี้ไว้ก่อน มาคุยกัยต่อว่า นอกจากมุสคาเรลโลที่ออกมาเป็นตัวพระเอกคู่กับคุณย่าอีดิธแล้ว ก็มีชายอีกคนหนึ่งที่เป็นคู่แข่งในเรื่องนี้ ด้วยน้ำหนักความน่าเชื่อถือไม่เบาเลยทีเดียว ในบรรดาผู้ค้นคว้าหาคำเฉลยในเรื่องนี้ มีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อโลอิส กิ๊บสัน เธอเป็นศิลปินวาดภาพบุคคลตามคำบอกเล่า (forensic artist) ศิลปินพวกนี้ไม่ได้วาดรูปเล่นสวยๆ แต่ทำงานเพื่อช่วยตำรวจในการสืบหาตัวผู้ร้ายตามคำบอกเล่าของพยานรู้เห็น โลอิสทำงานให้ Houston Police Department เธอให้ผู้ที่อ้างว่าเป็นทหารเรือหนุ่ม จัดท่าแบบเดียวกับที่ปรากฏในรูป ใช้มีหมอนใบใหญ่ให้เขากอดแทนหญิงสาว โลอิสจัดท่าเสร็จก็ถ่ายรูป แล้ววัดสัดส่วนจากใบหู โครงหน้า ตีนผม ข้อมือ มือและข้อนิ้ว เอาแต่ละส่วนมาเทียบกับภาพต้นแบบอย่างละเอียดทีละอย่าง จากการแกะรอยสัดเหล่านี้ โลอิสลงความเห็นว่า ชายหนุ่มในรูปมีสัดส่วนโครงหน้าตรงกับชายชราวัย 80 ปีผู้มีนามว่า เกล็น แม็คดัฟฟี่ อดีตพลทหารเรือยุคสงครามโลก ซึ่งพยายามป่าวประกาศมานานหลายสิบปีว่าเขาคือชายในภาพ พอผลปรากฏออกมาแบบนี้ แม็คดัฟฟี่ดีอกดีใจมาก เพราะเขาหวังว่าก่อนตาย โลกจะได้รู้ความจริงเสียทีว่าชายในภาพมีชื่อเสียงทั่วประเทศนั้นคือใคร แต่...นิตยสารไทมส์ ที่ลงตีพิมพ์ภาพนี้กลับไม่ยอมรับผลพิสูจน์ของโลอิส กิ๊บสัน บรรณาธิการตอบทำนองแบ่งรับแบ่งสู้ แต่ความหมายจริงๆก็คือไม่รับน่ะแหละ กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ธ.ค. 13, 02:21 ในที่สุด พระเอกก็เผยโฉมหน้าออกมา จากความร่วมมือของหลายฝ่ายที่เอาวิทยาศาสตร์เข้ามาพิสูจน์กันอย่างจริงจัง
กลุ่มดำเนินงานคือทีมงานอาสาสมัครจาก Naval War College ลงมือทำงานค้นคว้าเรื่องนี้กันตั้งแต่ปี 2005 องค์การที่โดดมาร่วมวิเคราะห์ด้วยก็คือ Mitsubishi Electric Research Laboratories (MERL) ในเมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสสาชูเส็ตต์ โดยเอารูปปริศนาทั้งสองภาพไปขยายใหญ่จนเจอตำหนิรูปพรรณที่ข้อมือซ้ายของทหารเรือหนุ่ม และรอยสักบนแขนขวาเป็นอักษรย่อว่า GM ซึ่งต้องขยายภาพอย่างละเอียดถึงมองเห็น การค้นคว้าเรื่องนี้ได้รับการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญเรื่องภาพถ่ายชื่อริชาร์ด เอ็ม.เบนสัน เป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเยล หลังจากตรวจสอบละเอียดแล้ว ก็ฟันธงว่า เจ้าหนุ่มในภาพชื่อ จอร์ช เมนดอนซ่า แน่นอน ไม่ใช่คนอื่น เรื่องนี้ได้รับการยืนยันจากครูสอนประวัติศาสตร์คนหนึ่งชื่อลอเรนซ์ แวร์เรีย อยู่ที่โร้ดไอส์แลนด์ วันหนึ่งเขาสอนเรื่องประวัติศาสตร์สงครามโลก แล้วก็เลยเล่าให้นักเรียนฟังถึงเกร็ดประวัติศาสตร์เรื่องนี้ โดยไม่ได้คิดอะไรมาก อยู่ๆมาวันหนึ่ง นักเรียนคนหนึ่งก็บอกครูว่าเขารู้จักผู้ชายในรูป ตอนแรกครูก็ไม่เชื่อ แต่พอสืบสาวราวเรื่องไปถึงตัวชายที่นักเรียนอ้างถึง เป็นชายชราวัยเกือบเก้าสิบ ชื่อจอร์ช เมนดอนซา ก็เอะใจกับหลักฐานที่เจอ เขาค้นคว้าต่อมาถึง 3 ปีเต็มจนแน่ใจว่า..นี่แหละ ตัวจริง ครูแกก็เลยตกลงใจเขียนหนังสือขึ้นมา ชื่อ “The Kissing Sailor: The Mystery Behind The Photo That Ended World War II” วางตลาดปี 2010 กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ธ.ค. 13, 02:37 หลักฐานสำคัญก็คือในภาพถ่ายหนึ่งในสี่ของไอเซนสแต็ด ที่เขากดชัตเตอร์ไม่ยั้ง แต่เลือกรูปดีที่สุดออกโชว์ หนึ่งในสามภาพที่เหลือ เมื่อขยายแล้วมองเห็นแบ็คกราวน์ผู้คนตามท้องถนน มีหญิงสาวชื่อริต้าซึ่งเป็นคู่นัดของจอร์ช เมนดอนซ่ารวมอยู่ด้วย
ริต้านี่เอง ต่อมาก็สมรสกับจอร์ช อยู่กันมาจนแก่เฒ่าลงไปด้วยกัน จอร์ชเล่าว่าในสงครามโลกเขาเป็นพลทหารเรือประจำอยู่ในเรือ USS THE SULLIVANS (DD-537) วันนั้นอยู่ในช่วงได้ลาพักผ่อน ก็นัดกับสาวชื่อริต้าไปดูหนังด้วยกัน กำลังอยู่ที่ Radio City Music Hall ในนิวยอร์คเมื่อผู้คนกรูเกรียวกันออกมาไชโยโห่ร้องว่าสงครามจบแล้ว สองหนุ่มสาวก็เลยออกไปร่วมวงไชโยกับเขาด้วย จะเข้าไปดื่มฉลองในบาร์ ผู้คนก็แน่นแออัดไปหมด ไม่สะดวก ทั้งสองก็เลยควงกันออกมาร้องไชโยกันตามถนน ปะปนไปกับฝูงชนที่เฮฮาร่าเริงกันอยู่ วันนั้น จอร์ชดื่มเข้าไปก่อนหน้านี้สองสามแก้ว กำลังครึ้มๆใจได้ที่ ก็พอดีเหลือบเห็นสาวในชุดขาวแบบนางพยาบาล ซึ่งเขาถือว่าเป็นสหายร่วมรบกับกับทหาร ก็เลยรี่เข้าไปคว้าตัวเธอมาจูบฟอดใหญ่เป็นการแสดงความยินดี โดยไม่ต้องรู้จักมักคุ้นกันให้เสียเวลา เสร็จแล้วก็เดินเฮฮากันต่อไป ในวงกลมคือริต้า สาวคู่นัดของจอร์ช กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ธ.ค. 13, 10:11 ในเมื่อหาตัวฝ่ายชายเจอแล้ว ก็ไม่ยากที่จะหาตัวฝ่ายหญิง
วิธีการคือเทียบความสูงของจอร์ชกับผู้หญิงที่ออกมาอ้างว่าตัวเองคือหญิงสาวในรูป ใช้วัดจากรูปถ่าย ว่าจอร์ชสูงขนาดนี้ ผู้หญิงคนนั้นควรสูงเท่าใด ก็ไปลงตัวว่าผู้หญิงที่มีความสูงพอดิบพอดีคือเกรต้า ฟรีดแมน ความจริงอีกข้อหนึ่งที่ก่อนหน้านี้ไม่รู้กัน ก็คือทุกคนเข้าใจมาแต่แรกว่าหญิงสาวในภาพคือนางพยาบาล แม้แต่ทหารเรือหนุ่มในภาพก็เข้าใจเช่นนั้น แต่จริงๆแล้ว เกรต้าเล่าประวัติว่าเธอไม่ได้เป็นนางพยาบาล แต่ทำงานเป็นผู้ช่วยหมอฟัน ในสมัยนั้นผู้ช่วยหมอฟันแต่งชุดขาวแบบพยาบาล ทำให้ทหารเรือหนุ่มเข้าใจผิดว่าหล่อนคือผู้ทำงานในกองทัพเช่นเดียวกับเขา เกรต้าไม่รู้จักทหารเรือมาก่อน หล่อนออกมาที่ถนนเพื่อร่วมฉลองชัยชนะเช่นเดียวกับคนอื่นๆ จู่ๆหล่อนก็ถูกทหารเรือคนหนึ่งพรวดพราดมาจากไหนไม่รู้ ตรงเข้ามาจูบฟอดใหญ่ แล้วก็ผละไปโดยไม่ได้ถามชื่อเสียงเรียงนามกันเลย หลายสิบปีให้หลังหล่อนก็ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร จนกระทั่งเรื่องเปิดเผยขึ้นมา เมื่อพบหน้ากัน เห็นรูปเกรต้าสมัยยังสาวอีกครั้ง จอร์ชก็บอกได้ว่านี่คือหญิงสาวคนนั้นเอง กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ธ.ค. 13, 10:23 เกรต้าในวัยชรา
กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ธ.ค. 13, 10:23 เปรียบเทียบภาพอดีตกับปัจจุบัน
กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ธ.ค. 13, 10:24 ก็เป็นอันว่าเรื่องจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง หาตัวพระเอกนางเอกเจอในวัยชรา แก่หง่อมลงไปทั้งคู่ ทั้งสองก็ได้รับเชิญไปร่วมงานทุกครั้งที่มีงานฉลองชัยชนะวันสิ้นสุดสงครามโลก ในฐานะเจ้าของภาพบันลือโลกของวันนั้น
ทางส่วนตัว จอร์ชกับเกรต้าก็รักษามิตรภาพเอาไว้ ด้วยการส่งบัตรอวยพรคริสต์มาสให้กันทุกปี นับแต่นั้นมา กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ธ.ค. 13, 10:34 ส่วนคนอื่นๆอีกเป็นโหล รวมทั้งอีดิธ เชน ที่ออกมาอ้างว่าเป็นคนในภาพ ถ้าหากว่าพวกนั้นไม่ได้กุเรื่องขึ้นมาเพื่อหวังดัง ดิฉันก็มองได้อย่างเดียวว่า ในวัน V-J นั้น ในท้องถนนของนิวยอร์คคงจะมีทหารเรือหนุ่มห่ามๆ วิ่งไปไชโยโห่ร้อง โดดเข้าจูบกอดสาวกันในวุ่นไปหมด อยู่หลายรายด้วยกัน
ในเมื่อมันชุลมุนวุ่นวายกันไปทั้งถนน ทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงก็คงไม่มีโอกาสรู้ว่าใครเป็นใคร จำได้แต่พฤติกรรมชั่วเสี้ยวนาที มิหนำซ้ำ รูปที่ถูกช่างภาพจับไว้ได้ ก็ดันเป็นภาพที่ไม่เห็นหน้าของทั้งสองฝ่ายเสียอีก จึงเกิดความเข้าใจผิดกันง่ายหนักขึ้น แต่ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ บวกกับการทำงานจริงจังของหลายฝ่าย ก็ทำให้ปริศนาที่ค้างคามาหลายสิบปี คลี่คลายออกในที่สุด ขอจบกระทู้เพียงแค่นี้ค่ะ กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 15 มี.ค. 14, 20:47 ในเมื่อคุณทวดอีดิธตัวเตี้ยขนาดนี้ ก็น่าสงสัยขึ้นมาว่านายมุสคาเรลโลที่เธอบอกในตอนแรกว่าเป็นทหารเรือหนุ่มคนนั้น จะใช่ตัวจริงได้อย่างไร ในเมื่อตัวแกสูงกว่าคุณทวดมากกว่าหนึ่งคืบด้วยซ้ำไป ข้อนี้กระมังที่ทำให้คุณทวดอีดิธลังเลขึ้นมาในตอนหลัง แต่เอาเถอะ วางเรื่องนี้ไว้ก่อน มาคุยกัยต่อว่า นอกจากมุสคาเรลโลที่ออกมาเป็นตัวพระเอกคู่กับคุณย่าอีดิธแล้ว ก็มีชายอีกคนหนึ่งที่เป็นคู่แข่งในเรื่องนี้ ด้วยน้ำหนักความน่าเชื่อถือไม่เบาเลยทีเดียว ในบรรดาผู้ค้นคว้าหาคำเฉลยในเรื่องนี้ มีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อโลอิส กิ๊บสัน เธอเป็นศิลปินวาดภาพบุคคลตามคำบอกเล่า (forensic artist) ศิลปินพวกนี้ไม่ได้วาดรูปเล่นสวยๆ แต่ทำงานเพื่อช่วยตำรวจในการสืบหาตัวผู้ร้ายตามคำบอกเล่าของพยานรู้เห็น โลอิสทำงานให้ Houston Police Department เธอให้ผู้ที่อ้างว่าเป็นทหารเรือหนุ่ม จัดท่าแบบเดียวกับที่ปรากฏในรูป ใช้มีหมอนใบใหญ่ให้เขากอดแทนหญิงสาว โลอิสจัดท่าเสร็จก็ถ่ายรูป แล้ววัดสัดส่วนจากใบหู โครงหน้า ตีนผม ข้อมือ มือและข้อนิ้ว เอาแต่ละส่วนมาเทียบกับภาพต้นแบบอย่างละเอียดทีละอย่าง จากการแกะรอยสัดเหล่านี้ โลอิสลงความเห็นว่า ชายหนุ่มในรูปมีสัดส่วนโครงหน้าตรงกับชายชราวัย 80 ปีผู้มีนามว่า เกล็น แม็คดัฟฟี่ อดีตพลทหารเรือยุคสงครามโลก ซึ่งพยายามป่าวประกาศมานานหลายสิบปีว่าเขาคือชายในภาพ พอผลปรากฏออกมาแบบนี้ แม็คดัฟฟี่ดีอกดีใจมาก เพราะเขาหวังว่าก่อนตาย โลกจะได้รู้ความจริงเสียทีว่าชายในภาพมีชื่อเสียงทั่วประเทศนั้นคือใคร แต่...นิตยสารไทมส์ ที่ลงตีพิมพ์ภาพนี้กลับไม่ยอมรับผลพิสูจน์ของโลอิส กิ๊บสัน บรรณาธิการตอบทำนองแบ่งรับแบ่งสู้ แต่ความหมายจริงๆก็คือไม่รับน่ะแหละ ปีไม่ว่าปู่เกล็นจะเป็นบุคคลในภาพตัวจริงหรือไม่ วันนี้ได้อ่านข่าวว่าคุณปู้ได้จากไปแล้วด้วยวัย 86 ปี http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1394873744&grpid=03&catid=&subcatid= กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 มี.ค. 14, 11:21 ขอให้ไปสู่สุคติค่ะ คุณปู่เกล็น
กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: ไกลโพ้น ที่ 27 มี.ค. 14, 17:25 เคยเห็นภาพนี้มานาน เป็นภาพที่สวยเพราะท่าทางของพระนางในรูป เรื่องราวการค้นหาบุคคลในภาพก็น่าสนุกด้วยค่ะ
กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 พ.ค. 14, 12:21 จากภาพขาวดำสู่ภาพสี ให้อารมณ์ที่เปลี่ยนไป ;D
จาก พันทิป (http://pantip.com/topic/31991801) กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 พ.ค. 14, 09:33 เขาใช้วิธีตั้งโปรแกรมให้คอมพิวเตอร์ระบายสีตามเฉดสีเทาขาวดำ ในรูปเดิมหรือคะ
กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 06 พ.ค. 14, 11:30 คนศึกษาประวัติของภาพ + จินตนาการ และระบายสีลงในภาพโดยใช้โปรแกรมในคอมพิวเตอร์ ;D
ตัวอย่างการลงสีภาพประธานาธิบดีลินคอล์น http://www.youtube.com/watch?v=9wJVwi0ZFcg กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ก.ย. 16, 19:12 ได้ข่าวว่าคุณย่าจากไปเสียแล้ว ในวัย 92 ปี
http://www.naewna.com/inter/234860 12 ก.ย.59 หญิงชาวอเมริกันที่ถูกกะลาสีจุมพิต ในภาพถ่ายชื่อดัง ซึ่งบันทึกบรรยากาศการเฉลิมฉลองวันที่ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อปี 2488 เสียชีวิตลงแล้วด้วยวัย 92 ปี เกรตา ซิมเมอร์ ฟรีดแมน เสียชีวิตจากอาการปอดบวมด้วยวัย 92 ปี ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองริชมอนด์ รัฐเวอร์จิเนีย เธอเป็นที่จดจำในภาพตอนเธอ ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้ช่วยทันตแพทย์วัย 21 ปี ถูกจอร์จ เมนโดซา กะลาสีเรือ คว้าตัวมาจุมพิต ที่จตุรัสไทม์สแควร์ในนครนิวยอร์ก ขณะที่ผู้คนจำนวนมากออกมารวมตัว เพื่อเฉลิมฉลองวันที่ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2488 ภาพดังกล่าวได้ตีพิมพ์ลงนิตยสารไทม์ในเวลาต่อมา ถือเป็นสัญลักษณ์ของความยินดีในหมู่ผู้คนจำนวนมากที่สงครามสิ้นสุดลง ฟรีดแมนเคยเปิดเผยว่า เธอไม่ทราบว่าถูกถ่ายภาพ และกว่าจะได้เห็นตัวเองในภาพดังกล่าวเป็นครั้งแรก ก็เป็นเวลาเกือบ 20 ปีต่อมา โดยเธอไปเห็นรูปนี้ในหนังสือรวมผลงานของ อัลเฟรด ไอเซนสแตดท์ ช่างภาพชื่อดัง ผู้บันทึกภาพในเวลานั้น ขณะที่ก็มีหลายคนออกมาอ้างว่าเป็นกลาสี และหญิงสาวในภาพ ก่อนจะมีการยืนยันช่วงหลังปี 2523 ว่า ทั้งคู่คือเมนโดซาและฟรีดแมน ทั้งนี้ เมนโดซาและนางฟรีดแมนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน นายเมนโดซาเปิดเผยในภายหลังว่า ได้คว้าตัวฟรีดแมนมาจุมพิตด้วยความดีใจต่อข่าวที่สงครามสิ้นสุด ไม่ได้เป็นการกระทำเชิงชู้สาวแต่อย่างใด และอันที่จริงในวันนั้นเขาก็มากับแฟนสาว ซึ่งต่อมาได้กลายมาเป็นภรรยาตัวจริงด้วย กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: นางมารน้อย ที่ 13 ก.ย. 16, 09:48 รู้จักภาพนี้ตอนดูภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง ไม่แน่ใจคิดว่าเป็นเรื่อง Night at the Museum เป็นฉากที่พระเอกได้หลุดเข้าไปในภาพนี้ชั่วขณะ
แล้วก็ได้มาอ่านประวัติของภาพนี้ในภายหลัง ขอให้คุณยายสู่สุขคติค่ะ :'( กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 07 ต.ค. 16, 01:28 เป็นเรื่องราวที่โรแมนติกมากครับ
ฝรั่งเขาจริงจังกับการหาความจริง ถ้าเป็นบ้านเราอาจจะบอกว่าสืบค้นไปทำไม แต่ในเรื่องนี้ มีการใช้เทคโนโลยี ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน สาขาต่างๆเข้ามาร่วมแก้ปัญหา ซึ่งแน่นอนว่าไม่เสียหลาย สิ่งเหล่าจะเป็นพื้นฐานต่อไปในการหาความจริงเรื่องอื่นๆเช่น การพิสูจน์ปัญหาเชิงอาชญกรรม หรือเชิงประวัติศาสตร์ ฯลฯ ขอบคุณคุณครูเทาชมพูครับ เรื่องนี้ไม่ยาวแต่สนุกดีครับ กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 25 เม.ย. 19, 08:19 รู้จักภาพนี้ตอนดูภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง ไม่แน่ใจคิดว่าเป็นเรื่อง Night at the Museum เป็นฉากที่พระเอกได้หลุดเข้าไปในภาพนี้ชั่วขณะ https://youtu.be/7eSWYP4gYnU จากโลกความจริงสู่โลกมายา ;D กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 เม.ย. 19, 11:28 ใช่เลยค่ะ
กระทู้: ข้างหลังภาพ(ปั้น) เริ่มกระทู้โดย: superboy ที่ 26 พ.ค. 19, 19:59 ผู้ช่วยหมอฟัน!! โห...คดีพลิก ::)
|