เรือนไทย

General Category => ประวัติศาสตร์ไทย => ข้อความที่เริ่มโดย: เทาชมพู ที่ 10 พ.ย. 04, 13:07



กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 พ.ย. 04, 13:07

" เราได้ตั้งนามของบุตรีในราชตระกูลนี้ว่า "สว่างวัฒนา" ดังนี้   ขอบุตรีนั้นจงเป็นผู้มีสุข  เลี้ยงง่าย ไม่มีโรค  ไม่มีอุปัทวันตราย  มั่งคั่งสมบูรณ์ มีทรัพย์มาก  มีโภคสมบัติมาก  ดำรงอิศริยยศ ตั้งอยู่ในพระบรมราชวงศ์ที่ประเสริฐสูงสุดของพระบิดา  ยั่งยืนสิ้นกาลนานเทอญ"

ข้อความข้างบนนี้  สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรสทรงแปลจากพระราชนิพนธ์พระราชทานพรภาษามคธในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  
ที่พระราชทานพระราชธิดาซึ่งประสูติแต่เจ้าจอมมารดาเปี่ยม  (ต่อมาในรัชกาลที่ 6  ได้รับการสถาปนาพระอัฐิเป็นสมเด็จพระปิยมาวดีศรีพัชรินทรมาตา) เมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๐๕  เป็นพระเจ้าลูกเธอชั้นเล็ก คือลำดับที่ ๖๐ ในจำนวนทั้งหมด ๘๒ พระองค์

กล่าวกันว่าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯได้ทรงตรวจสอบดวงชะตาก่อนพระราชทาน  พรพระราชทานจึงสอดคล้องและเหมาะสมกับดวงชะตาของพระราชโอรสและพระราชธิดาแต่ละพระองค์    

อย่างพรที่พระราชทานพระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้าสว่างวัฒนา  ก็ตรงกับพระชะตา โดยเฉพาะประการท้าย
"ดำรงอิศริยยศ ตั้งอยู่ในพระบรมราชวงศ์ที่ประเสริฐสูงสุดของพระบิดา"

และประการแรก  "เป็นผู้มีสุข" ก็ทรงเป็นสุขจริง ไม่มีใครเทียบเท่า ในเบื้องต้นของพระชนม์ชีพ   ก่อนจะกลายเป็น "ทุกข์จริง" ยิ่งกว่าคนทั้งแผ่นดินในเวลาต่อมา


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 พ.ย. 04, 13:12
 ขอเริ่มด้วยการย้อนกลับไปถึงเจ้าจอมมารดาเปี่ยมก่อนนะคะ

เจ้าจอมมารดาเปี่ยมเป็นธิดาหลวงอาสาสำแดง(แตง) ขุนนางในรัชกาลที่ ๓  มารดาชื่อนาค ต่อมาเป็นท้าวสุจริตธำรง ต้นราชินิกุลสุจริตกุล

เจ้าจอมมารดาเปี่ยมเข้าวังตั้งแต่ยังเยาว์   เมื่อเจริญวัยก็ได้รับคัดเลือกให้เป็นนางละครหลวง ในรัชกาลที่ ๔   ท่านได้รับบท อุณากรรณ ในพระราชนิพนธ์ละครในเรื่องอิเหนา
อุณากรรณก็คือบุษบานางเอกของเรื่อง ตอนปลอมตัวเป็นชาย     แต่ยังงามตามเพศสตรีไม่ผิดจากเดิม   ดังที่มีบทชมโฉมไว้ว่า

" ต่างพินิจพิศโฉมอุณากรรณ
ว่างามดังอสัญแดหวา
อันบุรุษสุดสิ้นแดนชวา
ทั้งในใต้ฟ้าไม่เทียมทัน

บ้างว่าเปรียบเทวัญนั้นเห็นผิด
ดูจริตรูปร่างเหมือนนางสวรรค์
นวลละอองผ่องพักตร์ผิวพรรณ
ดังบุหลันวันเพ็ญอำไพ"

เจ้าจอมมารดาเปี่ยมเป็นเจ้าจอมผู้เป็นที่โปรดปรานท่านหนึ่ง   มีพระเจ้าลูกยาเธอและพระเจ้าลูกเธอรวม ๖ พระองค์
๑      พระองค์เจ้าอุณากรรณอนันตนรไชย  (พระองค์นี้ได้รับพระนามตามบทบาทของเจ้าจอมมารดา)
๒     พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ (สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ)
๓     พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์( สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวีพระองค์แรกในรัชกาลที่ ๕)
๔     พระองค์เจ้าสว่างวัฒนา (สมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า)
๕    พระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี (สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ)
๖    พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ (สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฏ์)


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 11 พ.ย. 04, 05:22

ตามมาเกาะขอบจอรออ่านค่ะ  ขอบคุณมากที่มาเขียนเรื่องนี้ให้นะคะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: Marty ที่ 11 พ.ย. 04, 10:03
 มาทักทายครับ ผมมีคำถามสงสัยเกี่ยวกับพระองค์ท่านอยู่ด้วย แต่เป็นเรื่องในตอนปลายพระชนม์ชีพ
ไว้คุณเทาชมพูเล่าถึงช่วงนั้น เดี๋ยวผมตามมาถามครับ ขอบคุณครับที่เขียนเรื่องใหม่ ๆ อยู่เสมอ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 พ.ย. 04, 16:08
 ภาพดอกไม้ฝีมือคุณพวงร้อย สวยมากค่ะ   เทคนิคการทำภาพแบบลอยขึ้นมาจากฉากหลัง ใช้โปรแกรมอะไรคะ อยากทำบ้าง
คุณ Monty จะเล่าเสริมในบางตอนก็ได้นะคะ ขอเชิญ

คนมักจะวาดภาพกันว่า เจ้านายในวังคงจะมีความเป็นอยู่โอ่อ่าฟุ่มเฟือยไปเสียทุกอย่าง ห่างไกลจากความประหยัดอดออมอย่างชาวบ้าน   แต่ในความเป็นจริงแล้ว  พระองค์เจ้าหญิงสว่างวัฒนา แม้เป็นพระราชธิดา ก็มิได้ทรงมีชีวิตที่หรูหรามากมายอะไร
ในฐานะ "ลูกคนกลาง" ก็เป็นธรรมดาที่รับเสื้อผ้าที่คับแล้วของพี่สาวคนโต มาสวมใส่อีกทีหนึ่ง ในเมื่อเสื้อผ้านั้นยังไม่ขาด   ส่วนขนาดจะพอดีหรือไม่พอดีตัวก็ต้องรับมาอยู่ดี  ใช้จนหมดอายุ  ส่วนน้องสาวคนเล็กถึงจะมีเสื้อผ้าใหม่
ด้วยเหตุนี้ ฉลองพระองค์จึงตกทอดมาจากพระองค์เจ้าสุนันทาฯ  ไม่ใคร่จะมีของใหม่
ทางด้านของเสวย    ทรงเล่าประทานผู้ใกล้ชิดว่า โปรดเสวยเซ่งจี๊มาตั้งแต่ทรงพระเยาว์  แต่เป็นของหายาก ราคาแพงจึงไม่ค่อยมีโอกาสได้เสวย   ได้แต่หมูสับซึ่งเป็นของหาง่ายกว่า
"ฉันน่ะได้กินแต่บะช่อ   พอวันไหนมีพวกพ้องทางบ้านเขาเอาหมูมาให้  แกงบะช่อวันนั้นก็มีหมูมาก    ถ้าวันไหนต้องจ่ายเอง ก็มีหมูน้อย  มีแต่ต้นหอม"
เมื่อเฉลิมพระยศขึ้นเป็นสมเด็จฯ   เครื่องเช้าที่เสวยเป็นประจำจนถึงสวรรคต ที่ขาดไม่ได้คือแกงเซ่งจี๊

ความหรูหราตามประสาเด็กมีอยู่ประการหนึ่ง คือเมื่อใดได้เงินพระราชทานมาจากสมเด็จพระบรมราชชนก  ก็ทรงให้พี่เลี้ยงไปซื้อลูกกวาดซึ่งเป็นของใหม่สั่งเข้ามาจากนอก มาเสวยกันองค์ละ ๑ ขวด ในหมู่พี่ๆน้องๆ

  แต่พระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี พระขนิษฐาเสวยส่วนของพระองค์หมดก่อน  ก็มารบเร้าเอากับพระพี่นางองค์กลางขอเสวยส่วนที่ยังมีอยู่    จะไม่ทรงให้ก็ไม่ได้ เพราะเจ้าจอมมารดาเปี่ยมจะเตือนว่า
"หวงน้องไม่ได้"
ก็ต้องประทานให้ตามคำขอ   บางครั้งถึงกับต้องทรงซ่อนขวดลูกกวาดไว้ไม่ให้ทรงเห็น  จึงจะหมดปัญหาไปได้

พระองค์เจ้าหญิงสว่างวัฒนาทรงได้รับการศึกษาอย่างดีแบบกุลสตรีในวังหลวง ในยุคที่อิทธิพลตะวันตกแพร่เข้ามาในสยาม     สมเด็จพระบรมราชชนกทรงเห็นประโยชน์ของการศึกษาทั้งชายหญิง   พระราชโอรสและพระราชธิดาจึงได้เล่าเรียนเขียนอ่านเหมือนๆกันตั้งแต่พระชันษา  ๓ ขวบไปจน ๗ ขวบ    แล้วจึงแยกกันไปเรียนวิชาที่เหมาะสมของชายและหญิง    

พระราชธิดาทรงได้เล่าเรียนภาษาอังกฤษถึงขั้นอ่านออกและฟังเข้าพระทัย  แต่ว่าไม่โปรดที่จะรับสั่ง

ความสุขเมื่อครั้งทรงพระเยาว์อีกเรื่องหนึ่งคือได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระบรมราชชนกและได้ตามเสด็จไปไหนๆเวลาเสด็จออกข้างนอก  ถ้าเสด็จโดยพระราชยาน พระเจ้าลูกยาเธอและพระเจ้าลูกเธอพระองค์เล็กๆก็ได้โดยเสด็จประทับไปด้วย  พระองค์เจ้าหญิงสว่างวัฒนาเป็นพระเจ้าลูกเธอชุดสุดท้ายที่ได้ตามเสด็จ  
ถ้าเป็นทางใกล้ก็ประทับบนพระเพลา(ตัก)  ถ้าเป็นทางไกลก็ประทับข้างๆพระองค์    สิ่งที่สนุกสนานที่สุดก็คือเสด็จแวะห้างฝรั่ง  ทรงซื้อของเล่นหรือของเสวยมาพระราชทานเจ้านายพระองค์เล็กๆเสมอ

แต่ความสุขในวัยเยาว์ของพระองค์เจ้าหญิงสว่างวัฒนาก็ต้องสะดุดหยุดลงเมื่อพระชนม์เพียงแค่ ๖ พรรษา   เมื่อสมเด็จพระบรมราชชนกเสด็จสวรรคตหลังจากเสด็จทอดพระเนตรสุริยุปราคาที่หว้ากอ แล้วทรงติดเชื้อไข้ป่าอย่างรุนแรง  จนพระอาการทรุดหนัก เสด็จสวรรคตภายในเวลาไม่กี่วัน


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 พ.ย. 04, 16:13
 การเปลี่ยนแผ่นดินใหม่ มิได้มีผลเพียงแค่ทำให้พระองค์เจ้าหญิงสว่างวัฒนาทรงเปลี่ยนฐานะจากพระเจ้าลูกเธอเป็นพระเจ้าน้องนางเธอในพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่เท่านั้น    ชีวิตความเป็นอยู่ในพระบรมมหาราชวังก็ผันแปรไปจากเดิมเช่นกัน  

ความผันแปรที่ว่า เห็นได้ตั้งแต่ราชการงานแผ่นดินทั้งปวงไม่ได้มีศูนย์รวมที่พระเจ้าแผ่นดินอย่างในรัชกาลก่อน  แต่ว่าอยู่ในมือของผู้สำเร็จราชการ คือเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์  
ส่วนเรื่องของราชสำนัก ถ้าเป็นฝ่ายหน้าก็อยู่ในความดูแลของเจ้านายชั้นผู้ใหญ่พระองค์หนึ่งคือสมเด็จเจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระยาบำราบปรปักษ์ พระราชโอรสในรัชกาลที่ ๒  ที่ประสูติแต่เจ้าฟ้ากุณฑลฯ

แต่ถ้าเป็นเรื่องภายในเขตพระราชฐานชั้นใน หรือเรียกว่าฝ่ายใน  เจ้าฟ้ามหามาลาถวายให้พระองค์เจ้าหญิงลม่อม (ภายหลังสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จกรมพระยาสุดารัตนราชประยูร) พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว  ทรงอภิบาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์  ทรงเป็นที่รักและเคารพและยกย่องว่า "เสด็จยาย"  ส่วนชาววังเรียกว่า "ทูลกระหม่อมแก้ว"

สมเด็จกรมพระยาสุดารัตนฯทรงมอบหมายให้เจ้าคุณหญิงนุ่ม บุนนาค ธิดาสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติเป็นผู้ดูแลเจ้าจอมท้าวนางทั้งหลาย    

พร้อมกันนั้นก็เริ่มมีการจัดระเบียบอะไรต่อมิอะไรอีกหลายอย่าง  เช่นมีการสำรวจทรัพย์สินที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯเคยพระราชทานให้พระราชโอรสธิดาว่าอยู่ครบหรือไม่
เนื่องจากในวังมีการเล่นการพนันกันอยู่ประปราย เจ้าจอมมารดาบางท่านก็อาจจะทำให้ทรัพย์สินร่อยหรอลงไป  
เมื่อสำรวจแล้วก็ลงบัญชีไว้เป็นหลักฐาน  

เรื่องต่อมาคือกำหนดการแต่งกายชาววัง เปลี่ยนจากนุ่งโจงกลับมานุ่งจีบอย่างที่เคยเป็นในรัชกาลที่ ๓
ความเปลี่ยนแปลงในระเบียบใหม่ๆนี้ บวกกับความเป็นอยู่ที่ขาดแคลนลงเมื่อสิ้นแผ่นดินที่สี่   เพราะขาดลาภผลพิเศษที่ได้รับพระราชทานอย่างเมื่อก่อน มีแต่เงินปีจำนวนไม่มาก  
ทำให้เจ้าจอมหลายท่านปลีกตัวจากวังหลวงออกมาอยู่ข้างนอก ด้วยรู้สึกว่าสบายเป็นอิสระกว่า   หนึ่งในจำนวนนั้นคือเจ้าจอมมารดาเปี่ยม  

ท่านมีโอกาสดีเพราะพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์เจ้าอุณากรรณอนันตนรไชยเจริญพระชนม์มากพอจะมีวังส่วนพระองค์เอง อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณปากคลองตลาด ตรงโรงเรียนราชินีในปัจจุบัน    เจ้าจอมมารดาเปี่ยมก็ออกจากวังหลวง

มาพำนักที่วังครั้งละนานๆ  พระองค์เจ้าหญิงสว่างวัฒนาจึงได้ตามออกมาด้วย   เป็นเหตุให้ว่ายน้ำได้เก่งและแจวเรือเป็น    เป็นอีกช่วงหนึ่งที่ทรงมีความสุขมาก จนกระทั่งถึงปีที่ต้องโสกันต์(โกนจุก)ซึ่งหมายถึงการจบของช่วงชีวิตวัยเด็กลงเพียงแค่นั้น


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 พ.ย. 04, 16:16
 พระองค์เจ้าหญิงสว่างวัฒนาทรงเจริญพระชนม์ขึ้นเป็นเด็กสาวที่ร่าเริง แจ่มใส ช่างเล่น  ทรงมีพระพี่นางพระน้องนางต่างเจ้าจอมมารดาที่สนิทสนมกลมเกลียวเป็นเพื่อนสนิทกลุ่มเดียวกัน
คือพระองค์เจ้าแขไขดวง  พระองค์เจ้านภาพรประภา(ต่อมาทรงกรมเป็นพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงทิพยรัตนกิริฏกุลินี   (ในสี่แผ่นดิน เรียกว่า เสด็จอธิบดี) พระองค์เจ้าพวงสร้อยสอางค์   และอีกพระองค์ที่สนิทกันมากก็คือพระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี

นอกจากเสน่ห์ตามธรรมชาติในพระอุปนิสัยแล้ว  พระโฉมนั้นก็งดงามเป็นที่ยกย่องกันมาก   จะเห็นได้จากบันทึกของ Prince Oscar, Duke of Cotland  แห่งสวีเดนที่เสด็จมาถึงสยาม  ทรงเล่าไว้ว่า

" ฉันแปลกใจเมื่อเข้ามาเผชิญหน้าผู้ที่มีรูปร่างอ้อนแอ้นบอบาง  อายุราวๆ ๑๙ ปี แต่งกายคล้ายมหาดเล็ก แต่มีความคิดดีในการแต่งกาย ทำให้ดูหยดย้อยแสนจะหรูหรา  พระเจ้าแผ่นดินแนะนำว่าเป็นพระมเหสีของพระองค์...
ท่านงามสะดุดตาที่สุดอยู่แล้ว ซ้ำยังเคลื่อนไหวพระอิริยาบถด้วยท่าทีที่เชื่อมั่นในพระองค์เอง  กับทรงมีพระรูปโฉมสมเป็นนางเอกในภาพที่งามวิจิตร    บริวารของฉันซึ่งได้รับอนุญาตให้ตามฉันเข้าไปในที่นี้ด้วย ก็เช่นเดียวกับตัวฉัน  คืองงงัน  ซาบซึ้งและปีติยินดีในสิ่งที่ได้พบเห็น  โดยเฉพาะในพระราชินีที่งามเลิศ"

ก่อนที่จะขึ้นครองราชย์  พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีเจ้าจอมอยู่แล้ว ๒ ท่าน  เมื่อเสวยราชย์แล้วก็มีเจ้าจอมอีกหลายท่านก่อนจะมีพระภรรยาเจ้า
เจ้านายสตรีที่อยู่ในฐานะ "พระภรรยาเจ้า" มีทั้งหมด ๘ พระองค์   มี ๓ พระองค์ที่เป็นเชื้อสายในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว    ส่วนอีก ๕ พระองค์เป็นพระเจ้าลูกเธอในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ

ใน ๕ พระองค์นี้  พระองค์แรกคือ พระองค์เจ้าทักษิณชา   เมื่อประสูติสมเด็จเจ้าฟ้าชายพระองค์แรก  พระราชโอรสสิ้นพระชนม์ในวันประสูติ ทำให้พระชนนีเสียพระทัยมากจนประชวร มีพระอาการทางประสาทจนไม่อาจรับราชการฝ่ายในได้อีกตลอดพระชนมายุ
ส่วนอีก ๔ พระองค์ แบ่งได้เป็น ๑ กลุ่ม กับ ๑ พระองค์    
๑ กลุ่มคือพระเจ้าลูกเธอที่ประสูติจากเจ้าจอมมารดาเปี่ยมทั้ง ๓ พระองค์ คือพระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระองค์เจ้าสว่างวัฒนา และพระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี  
ส่วน ๑ พระองค์คือพระองค์เจ้าสุขุมาลมารศรี ในเจ้าจอมมารดาสำลี บุนนาค  ธิดาสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 12 พ.ย. 04, 10:24
หายสงสัยไปอยางนึงค่ะ  เมื่อก่อนอ่านเรื่อง เกิดวังปารุสก์ แล้ว  ที่พระองค์จุลฯทรงเรียก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ ว่า เสด็จปู่น้อย  ก็เคยนึกว่า  คงเป็นเพราะทรงเป็นพระอนุชาของทูลกระหม่อมปู่  แต่ก็สงสัยว่า  ท่านมีพระอนุชาหลายพระองค์  ทำไมถึงมี เสด็จปู่น้อย อยู่เพียงพระองค์เดียว  เป็นเพราะท่านเป็นพระเชษฐาของ สมเด็จย่า นั่นเอง

ไปตั้งกระทู้ทำกรอบรูปต่างหากนะคะ  จะได้ไม่รกกระทู้นี้  ดิฉันก็ยังทำไม่ค่อยเป็นหรอกค่ะ  ไม่มีเวลาเรียน  แล้วก็ใจร้อน ทำมั่วๆเอามากกว่าค่ะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 พ.ย. 04, 15:03
 ต่อค่ะ

พระภรรยาเจ้าทั้ง ๔ พระองค์นี้ในตอนแรก  พระเจ้าอยู่หัวทรงยกย่องไว้ในที่เสมอกัน ไม่ได้เรียงลำดับหนึ่งสองสามสี่    พระเกียรติยศที่จะเพิ่มพูนขึ้นนั้น ขึ้นอยู่กับการมีพระราชโอรสธิดาเป็นหลักสำคัญ

พระภรรยาเจ้าพระองค์แรกที่ประสูติเจ้าฟ้า  คือพระองค์เจ้าสุขุมาลมารศรี   ประสูติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ  เจ้าฟ้า(หญิง) สุทธาทิพยรัตน์  (ต่อมาเฉลิมพระยศเป็นเจ้าฟ้ากรมหลวงศรีรัตนโกสินทร์)
นับเป็นเจ้าฟ้าโดยกำเนิดพระองค์แรกในรัชกาลที่ 5  

ขอแทรกเกร็ดนิดหนึ่งค่ะว่า เจ้าฟ้านั้นมี 2 อย่าง คือเจ้าฟ้าโดยกำเนิด บางแห่งเรียกว่าเจ้าฟ้าชั้นเอก ชาววังเรียกกันว่าทูลกระหม่อม        และอีกอย่างคือเจ้าฟ้าชั้นโท  คือมิได้เป็นเจ้าฟ้าแต่แรกประสูติ แต่เลื่อนขึ้นภายหลัง ชาววัง เรียกว่าสมเด็จ(ชาย/หญิง)

เจ้าฟ้าหญิงพระองค์แรกทรงพระสิริโฉมงดงามมาก  เมื่อประสูติพระวรกายขาวผ่องปราศจากตำหนิใดๆทั้งพระองค์  ทำให้ในวังกลัวกันมากว่าจะพระชนมายุไม่ยืน
เพราะเชื่อกันว่าเด็กที่งามพร้อมจะถูกผีเอาตัวไปในเวลาไม่นาน  จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อสรงน้ำ พระพักตร์ไปกระทบขอบพาน  ถึงขั้นปลายพระขนงมีพระโลหิตตก เป็นแผลเป็นเล็กน้อย  ก็เลยโล่งอกกันว่าเมื่อมีตำหนิแล้วก็พ้น
เคราะห์ไป   ก็ทรงเจริญพระชนมายุมาจนสี่สิบกว่าถึงสิ้นพระชนม์

เมื่อมีพระราชธิดา   พระองค์เจ้าสุขุมาลฯได้รับพระราชทานเครื่องยศ ทองคำประดับเพชรงดงามหลายชิ้นด้วยกัน เป็นสิทธิ์ส่วนตัว ไม่ใช่ของหลวง
และได้รับพระราชทานเงินรายเดือนเพิ่มจาก 2 ตำลึง(8 บาท) เป็น 5 ตำลึง (20 บาท) ส่วนเบี้ยหวัดเงินปีได้ 20 ชั่ง (1600 บาท)เท่ากับพระองค์อื่นๆ

หลังจากนั้น 9 เดือนเศษ    พระราชโอรสชั้นเจ้าฟ้าพระองค์แรก ก็ประสูติจากพระองค์เจ้าสว่างวัฒนา  ทรงพระนามว่า พระเจ้าลูกยาเธอสมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ
2 เดือนต่อมา พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ประสูติพระธิดาพระองค์แรก สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์
ถัดมาอีก  4 เดือน พระองค์เจ้าหญิงเสาวภาผ่องศรี ก็ประสูติสมเด็จเจ้าฟ้าหญิงพาหุรัดมณีมัย
ทุกพระองค์ต่างได้รับเงินรายเดือนเพิ่มขึ้นเป็น  7 ตำลึง (28 บาท) เท่ากัน


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: ศสา ที่ 14 พ.ย. 04, 17:15
 ขอบคุณทุกท่านที่นำข้อความมาให้อ่านเพื่อประดับความรู้ค่ะ ติดตามอ่านมานานแล้วค่ะ แต่เพิ่งเป็นสมาชิก ขอร่วมวงด้วยคนนะคะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 พ.ย. 04, 11:36
 ขอต้อนรับคุณศสาค่ะ

ชีวิตในช่วงนั้นดำเนินไปด้วยความสุขราบรื่น     พระภรรยาเจ้าทั้งสามพระองค์ประทับอยู่ในพระตำหนักเดิมแห่งเดียวกัน  แต่ได้ตกแต่งและซ่อมแซมขยายให้กว้างขวางสมพระเกียรติ     ทรงเคารพกันตามอาวุโส    

พูดถึงความเป็นอยู่ในพระมหาราชวังก็ชื่นบาน และผ่อนคลายความจำเจกว่าเมื่อสมัยก่อน  เพราะว่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดที่จะแปรพระราชฐานไปประทับที่อื่นๆ เป็นการเยี่ยมพสกนิกรด้วยในตัว    พระราชวงศ์ฝ่ายในลงมาถึงนางข้าหลวงก็ได้ตามเสด็จ ออกจากพระบรมมหาราชวังไปด้วย หลายครั้งหลายคราว
หนึ่งในสถานที่ที่แปรพระราชฐานไปประทับคือพระราชวังบางปะอิน ที่ปลูกสร้างมาแต่โบราณ  เป็นที่อากาศดี  ทำเลดี  มีที่ท่องเที่ยวตามแม่น้ำลำคลองใกล้ๆหลายแห่ง  
ได้พายเรือไปตามทุ่งนาหน้าน้ำ ชมธรรมชาติสวยงาม  เป็นเรื่องสนุกสนานสำหรับชาววัง    เวลาเสด็จไปก็เสด็จทางเรือเพราะว่าเป็นเส้นทางที่สะดวกที่สุด
ถ้าหากว่าใครอ่าน "สี่แผ่นดิน" คงจำฉากที่บางปะอินได้ว่าพลอยกับช้อยสนุกสนานกันแค่ไหน
ก็ไม่มีใครนึกฝันว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมาจนได้  ในพ.ศ. ๒๔๒๓

คราวนั้นพระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปพระราชวังบางปะอิน พร้อมด้วยพระภรรยาเจ้าและเจ้าจอมตลอดจนนางข้าหลวงอีกมาก   แต่เกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง   เรือปานมารุตที่พระองค์เจ้าสุนันทาฯประทับไปกับเจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์  พระราชธิดา
ถูกเรือในขบวนเดียวกันชน จนพลิกคว่ำ   ถึงสิ้นพระชนม์พร้อมด้วยพระราชธิดาและในเมื่อกำลังทรงพระครรภ์  พระเจ้าลูกเธอพระองค์นั้นก็พลอยสิ้นพระชนม์ไปด้วยอีกพระองค์หนึ่ง

ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนั้น   พระภรรยาเจ้าทุกพระองค์ยังไม่มีการสถาปนาฐานันดรศักดิ์แห่งพระมเหสีเทวีแต่อย่างใด    จนกระทั่งถึงเวลาต้องทำประกาศทางราชการเรื่องงานพระศพ  พระเจ้าอยู่หัวจึงตกลงพระทัย กำหนดให้ใช้คำว่า "สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์"
ต่อมาก็ทรงจัดระเบียบเกี่ยวกับตำแหน่งพระภรรยาเจ้า ให้ลงตัวเรียบร้อย    พระองค์
เจ้าสว่างวัฒนาในฐานะพระราชชนนีของสมเด็จเจ้าฟ้าชายพระองค์ใหญ่ อันอยู่ในฐานะรัชทายาทตามกฎมนเทียรบาล  ก็ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นพระอัครมเหสี  
ทรงพระนามในตอนนั้นว่า สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา  พระราชเทวี

ส่วนพระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี  เป็น" พระนางเธอเสาวภาผ่องศรี"  และพระองค์เจ้าสุขุมาลมารศรี เป็นพระนางเธอสุขุมาลมารศรี"
ในปีเดียวกัน เมื่อถึงงานพระเมรุฯ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์   ก็มี
ประกาศที่เป็นการยืนยันฐานะพระอัครมเหสีให้ชัดเจนยิ่งขึ้น   โดยเพิ่มคำว่า "บรม" ลงไป เป็น " พระบรมราชเทวี"  ทรงศักดินา ๑๐๐,๐๐๐ ไร่  

ส่วนพระนางเธอเสาวภาผ่องศรี ทรงเป็นพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวี ลำดับที่สอง
พระนางเธอสุขุมาลมารศรี ทรงเป็นพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรีพระราชเทวี ลำดับที่สาม

เมื่อผ่านพ้นความทุกข์โศกที่สูญเสียสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทาฯไปแล้ว  ชีวิตของสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาฯ ก็ดำเนินต่อไปด้วยความราบรื่นต่อมาอีกหลายปี  

พระราชโอรสเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศทรงเจริญพระชนม์ขึ้นเป็นเด็กชายที่เฉลียวฉลาด ช่างเจรจา เป็นที่สนิทเสน่หาของพระบรมราชชนนีอย่างยิ่ง    เช่นเดียวกับสมเด็จพระบรมชนกนาถ    
สมเด็จฯทรงมีครอบครัวที่อบอุ่นพร้อมหน้าพ่อแม่ลูก   ในยามเล่น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับสมเด็จ ฯ ก็ทรงเล่นเป็นแม่งูกับพ่องู ให้พระราชโอรสเป็นลูกงู   สำราญพระราชหฤทัยเหมือนพ่อแม่ลูกทั่วไปที่สนิทชิดใกล้กัน

ขอหยุดพักดื่มน้ำแก้คอแห้งก่อนค่ะ  ใครที่นั่งร่วมวงสนทนาอยู่จะคุยก็เชิญนะคะ  


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: นนทิรา ที่ 15 พ.ย. 04, 17:26
 ขอบพระคุณคุณเทาชมพูค่ะ กำลังสนุกดีจริงๆ

ขอยกมือถามตรงนี้นิดนึงนะคะ แต่คุณเทาชมพูจะยกไปตอบตอนท้ายก็ได้

เมื่อมีการสถาปนาสถานะของพระภรรยาเจ้า ทำไม "พระนางเธอเสาวภาผ่องศรี ทรงเป็นพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวี ลำดับที่สอง
พระนางเธอสุขุมาลมารศรี ทรงเป็นพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรีพระราชเทวี ลำดับที่สาม"  ทั้งๆที่ทรงเป็นพระภรรยาเจ้าชั้นลูกหลวงทั้งสองพระองค์
และทั้งๆที่ พระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี ทรงมีพระโอรส สมเด็จเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ ซึ่งแก่พระชันษากว่า สมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ แต่ทรงแต่งตั้งพระนางเธอเสาวภาผ่องศรี เป็นพระมเหสีลำดับที่สอง จะเป็นเพราะทรงสนิทเสน่าหาพระนางเธอเสาวภาผ่องศรีมากกว่าหรืออย่างไรคะ

และเมื่อสมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศเสด็จสวรรคต ก็ทรงข้ามสมเด็จเจ้าฟ้าบริพัตรฯไป และแต่งตั้งสมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ เป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช นอกจากเหตุผลที่ว่าสมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธเป็นพระโอรสในพระมเหสีอันดับสองแล้ว ยังมีเหตุผลอื่นใดอีกไหมคะ เพราะสมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธทรงอ่อนพระชันษากว่าสมเด็จเจ้าฟ้าบริพัตรอยู่ไม่น้อย

ขอประทานโทษนะคะ ดูเหมือนวันนี้ดิฉันจะตั้งคำถามวกวนไปมา ปวดศีรษะตั้งแต่ตื่นเช้ามาเลยค่ะ ถ้าคุณเทาชมพูอ่านคำถามแล้วงง คุณเทาชมพูกรุณาบอกนะคะ แล้วดิฉันจะเรียบเรียงคำถามใหม่อีกที


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 พ.ย. 04, 18:30
 ขอตอบคุณนนทิราว่าการสถาปนาฐานันดรศักดิ์ของพระภรรยาเจ้า   ถูกต้องแล้วค่ะ คือเป็นไปตามลำดับอาวุโสของพระราชโอรส

คุณนนทิราคงจะจำผิดนะคะ  สมเด็จเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์  อ่อนพระชันษากว่า สมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ ค่ะ
สมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ หรือพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2423  (ในตอนนั้นถือเดือนมีนาคมเป็นปลายปี  มกราคมก็เลยอยู่ในปี 2423)
สมเด็จเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์  กรมพระนครสวรรค์วรพินิต  ประสูติเมื่อ วันที่ 29 มิถุนายน 2424  
ถ้านับเดือนกันแล้ว ทรงแก่อ่อนกว่ากันเพียง 7 เดือน

แต่ว่าสมเด็จเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์   ทรงแก่พระชันษากว่าพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว   ในรัชกาลที่ 7 จึงเป็นสมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ

ในเมื่อเป็นอย่างนี้    การสถาปนาพระราชชนนี ก็เป็นไปตามลำดับอาวุโสของพระราชโอรส  ไม่ได้ข้ามอย่างที่คุณนนทิราเข้าใจ
แต่ก็มีประเด็นบางอย่างที่จะพูดถึงต่อไป เกี่ยวกับลำดับการสืบสันตติวงศ์  เอาไว้เมื่อถึงตอนนั้นจะเล่าให้ฟัง  ยกมาเล่าตอนนี้เดี๋ยวจะเสียการลำดับเรื่อง  อ่านแล้วอาจจะงงได้ค่ะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: ศสา ที่ 15 พ.ย. 04, 20:20
 ดิฉันก็ไม่ทราบว่าต้องเรียงลำดับอย่างไร แต่ขอเดาว่าพระองค์
เจ้าสว่างวัฒนาในฐานะพระราชชนนีของสมเด็จเจ้าฟ้าชายพระองค์ใหญ่ อันอยู่ในฐานะรัชทายาทตามกฎมนเทียรบาล ก็ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นพระอัครมเหสี หลังจากที่เจ้าฟ้าวชิรุณหิศฯเสด็จสวรรคต ผู้ที่ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ต่อไปคือเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธประสูตรแต่พระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี ทำให้ตำแหน่งมเหสีเทวีมีการเปลี่ยนแปลงไปโดยปริยายใช่มั้ยคะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 16 พ.ย. 04, 08:20
 ขอบคุณอาจารย์เทาชมพูมากๆเลยครับที่ตอบคำถามผมในกระทู้โน้นนนนนนนนน   ด้วยการเล่าเรื่องเต็มๆแบบนี้
จะมาอ่านอยู่เรื่อยๆนะครับ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 16 พ.ย. 04, 08:21
 ตามมาอ่านค่ะ  มีข้อสงสัยหลายข้อเหมือนกัน  แต่ส่วนมากเกี่ยวกับการสืบราชสันตติวงศ์  เลยจะรอไว้ถามตอนหลังค่ะ

แต่อยากทราบ  ถ้าคุณเทาชมพูพอจะมีเวลาหารายละเอียดตอนที่  ร ๕ ทรงรับพระน้องนางเธอเหล่านี้เป็นพระชายาว่า  เกิดขึ้นในเวลาใกล้เคียงกัน  หรือต่างเวลากันมากรึเปล่าคะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 พ.ย. 04, 08:40
 ลำดับตามพระชนมายุ   อาจจะทำให้มองออกง่ายขึ้น

1) สมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ (ประสูติ 2421)----->สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี
2)สมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ (ประสูติ 2423 ถ้านับแบบปัจจุบันเป็น 2424)-----> พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวี
3) สมเด็จเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ (ประสูติ 2424) ------ > พระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระราชเทวี

เจ้าฟ้าพระองค์ต่อๆไป (เว้นที่สิ้นพระชนม์เมื่อทรงพระเยาว์) ก็คือ
4) สมเด็จเจ้าฟ้าชายตรีเพ็ชรุตม์ธำรง (ประสูติ 2424  ถ้านับแบบปัจจุบันเป็น 2425)----->พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวี
5) สมเด็จเจ้าฟ้าชายสมมติวงศ์วโรทัย (ประสูติ 2425)-----> สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี
6) สมเด็จเจ้าฟ้าชายจักรพงศภูวนาถ  (ประสูติ 2425))----->พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวี
7)สมเด็จเจ้าฟ้าชายอัษฎางค์เดชาวุธ(ประสูติ 2432))----->พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวี
8) สมเด็จเจ้าฟ้าชายมหิดลอดุลยเดช (ประสูติ 2434---->)สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี
9) สมเด็จเจ้าฟ้าชายจุฑาธุชธราดิลก(ประสูติ 2435)--->พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวี
10) สมเด็จเจ้าฟ้าชายประชาธิปกศักดิเดชน์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (ประสูติ 2436) ----> พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวี


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: นนทิรา ที่ 16 พ.ย. 04, 14:18
 ดิฉันตาลายไปจริงๆด้วย เมื่อวานตื่นขึ้นมาก็ปวดศีรษะเลย ตอนไปเปิดหนังสือดูปีพระราชสมภพ คงอ่านผิด

แต่เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าฯขึ้นครองราชย์แล้ว เป็นที่เข้าใจกันว่า สมเด็จเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถทรงดำรงตำแหน่งรัชทายาทใช่ไหมคะ ไม่ใช่สมเด็จเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ เป็นไปตามที่สมเด็จพระพันปีหลวงทรงขอพระราชทานจากร.5 ไว้

ขอเรียนถามเรื่องพระจริยาวัตรของสมเด็จพระพันวัสสาในเวลาต่อมาด้วยค่ะ ทรงออกมาประทับที่วังสระปทุมเมื่อไร และความสัมพันธ์ระหว่างพระองค์และสมเด็จพระพันปีหลวง ยังคงใกล้ชิดสนิทสนมตามประสาเจ้าพี่เจ้าน้องจนสมเด็จพระพันปีหลวงเสด็จสวรรคตหรือไม่คะ  

รวมไปถึงพระจริยาวัตรหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองด้วยค่ะ และดูเหมือนจะทรงเลี้ยงดูสมเด็จกรมพระยาชัยนาทนเรนทรเหมือนพระโอรสในอุทรใช่ไหมคะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 16 พ.ย. 04, 18:26
 โห คุณนนทิรา เล่นยิงปืนกลที่มีคำถามเป็นกระสุนใส่อาจารย์ผมเลยนะ ฮิๆๆๆๆ
ผมว่าถ้านักเรียนของอาจารย์เทาชมพูถามกันเยอะแบบนี้ สงสัยว่าเมื่อจบกระทู้ คงเป็นรายงานวิทยานิพนธ์ได้เลยนะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 พ.ย. 04, 11:10
สมเด็จฯ มีพระราชโอรส ๔ พระองค์ และพระราชธิดา ๔ พระองค์   คือ
 ๑. สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ (สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมารพระองค์แรก)
 ๒. สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าอิศริยาลงกรณ์
 ๓. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงวิจิตรจิรประภา
 ๔. สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าสมมติวงศ์วโรทัย กรมขุนศรีธรรมราชธำรงฤทธิ์
 ๕. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร
เจ้าฟ้าหญิงพระองค์นี้  สมเด็จฯทรงยกให้เป็นพระราชธิดาในสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี   ด้วยเห็นพระทัยที่ทรงโศกเศร้าจากการสูญเสียพระเจ้าลูกเธอ
การยกนั้นก็ยกให้เป็นพระราชธิดาจริงๆ  โปรดให้ทรงเรียกพระองค์ว่า "สมเด็จป้า" ส่วนสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาฯ คือ "สมเด็จแม่"
 ๖. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงศิราภรณ์โสภณ
 ๗. สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ (สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก )
 ๘. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิง (สิ้นพระชนม์เมื่อพระชันษาได้ ๔ วัน ยังไม่ได้รับพระราชทานนาม)


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 พ.ย. 04, 14:45
คุณพวงร้อยถามว่าพระน้องนางเธอทั้งสี่พระองค์  ทรงขึ้นดำรงตำแหน่งพระภรรยาเจ้าในระยะเวลาห่างกันมากน้อยแค่ไหน   ดิฉันไม่มีหลักฐานระบุวันเดือนปี  แต่ดูจากปีที่ประสูติพระราชโอรสธิดาพระองค์แรกๆ  เห็นว่าใกล้ๆนัก    
เชื่อว่าแต่ละพระองค์ทรงเป็นพระภรรยาเจ้าในระยะไม่ห่างกัน  ประมาณว่าพระชนม์อยู่ระหว่าง ๑๕ - ๑๗   ซึ่งสมัยนั้น ถือกันว่าเป็นวัยสาวเต็มตัว

สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาฯ มีพระราชโอรสธิดารวม ๘ พระองค์   อยางที่เล่าไว้ข้างบนนี้
สมเด็จพระนางเธอเสาวภาผ่องศรีทรงมี ๑๔ พระองค์   (มากที่สุดในบรรดาพระมเหสีและเจ้าจอมมารดา)  คือเป็นพระราชโอรส ๗ พระองค์  พระราชธิดา ๒ พระองค์   และที่ตก(แท้ง)ระหว่างทรงพระครรภ์ ไม่ปรากฏว่าเป็นพระราชโอรสหรือพระราชธิดา อีก ๕ พระองค์

ลำดับครบ ๑๔ พระองค์ ได้แก่
๑) สมเด็จเจ้าฟ้า(หญิง)พาหุรัดมณีมัย
๒) ตกระหว่างทรงพระครรภ์  
๓)สมเด็จเจ้าฟ้า(ชาย)มหาวชิราวุธ  พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
๔)สมเด็จเจ้าฟ้า(ชาย)ตรีเพ็ชรุตม์ธำรง
๕) สมเด็จเจ้าฟ้า(ชาย)จักรพงษภูวนาถ  กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ
๖) ตกระหว่างทรงพระครรภ์
๗)สมเด็จเจ้าฟ้า(ชาย)ศิริราชกกุธภัณฑ์
๘) ตกระหว่างทรงพระครรภ์
๙) สมเด็จเจ้าฟ้าหญิง สิ้นพระชนม์ในวันประสูติ
๑๐)สมเด็จเจ้าฟ้า(ชาย)อัษฎางค์เดชาวุธ  กรมหลวงนครราชสีมา
๑๑)ตกระหว่างทรงพระครรภ์
๑๒)ตกระหว่างทรงพระครรภ์
๑๓) สมเด็จเจ้าฟ้า(ชาย) จุฑาธุชธราดิลก  กรมขุนเพชรบูรณ์อินทราชัย
๑๔)สมเด็จเจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์  กรมขุนสุโขทัยธรรมราชา พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

สมเด็จพระนางเธอสุขุมาลมารศรี  มีพระราชโอรสธิดา ๔ พระองค์ แต่ว่าตกระหว่างทรงพระครรภ์เสีย ๒ พระองค์  เหลือเพียง ๒ พระองค์
คือ
๑)สมเด็จเจ้าฟ้า(หญิง)สุทธาทิพยรัตน์  กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร์
๒) สมเด็จเจ้าฟ้า(ชาย)บริพัตรสุขุมพันธุ์   กรมพระนครสวรรค์วรพินิต

ย้อนกลับไปเล่าต่อ ถึงช่วงเวลาที่เป็นสุขของสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา  ทรงมีความสุขอยู่หลายปี เมื่อพระราชโอรสเจริญพระชนม์ขึ้นเป็นหนุ่ม  มีพระสิริโฉมคมสันคล้ายสมเด็จพระบรมชนกนาถ  เป็นที่สนิทเสน่หาของพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จฯ เหมือนแก้วตาดวงใจ

เมื่อพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ต่างๆเจริญพระชนม์ขึ้น ราว ๑๒-๑๓ พรรษา    ก็ได้เสด็จไปศึกษาต่อในยุโรปกันเป็นส่วนใหญ่         แต่ว่าเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ มิได้เสด็จไปศึกษาในต่างแดน     พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯโปรดที่จะให้อยู่ใกล้ชิดพระองค์เพื่อเรียนรู้งานราชการ  ในฐานะทรงดำรงตำแหน่งสยามมกุฎราชกุมาร   เพื่อจะได้ขึ้นครองราชย์ต่อไปภายหน้า

ความทุกข์เริ่มมาเยือนสมเด็จฯในรูปของการจากไปของพระราชธิดา  สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงวิจิตรจิรประภา  มีพระชนม์เพียงแค่ ๕ เดือนก็สิ้นพระชนม์   ทรงบรรเทาความเศร้าโศกด้วยการรับพระธิดาในพระเชษฐาสมเด็จกรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการมาเลี้ยงแทน  คือหม่อมเจ้าหญิงพิจิตรจิราภา  นักเรียนร.ร.ราชินีคงคุ้นกับพระนามดี

เราตงจำวิกฤติการณ์ ร.ศ.112  เหตุการณ์บ้านเมืองในสยามค่อนข้างวุ่นวาย จากกรณีพิพาทกับฝรั่งเศส  ที่เป็นเหตุให้ไทยต้องเสียดินแดนและยังต้องจ่ายค่าปรับถึงสามล้านบาท  
เงินสามล้านในสมัยนั้นมากเกินกว่าท้องพระคลังจะหามาได้   อาศัยเงินถุงแดงของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวช่วยไว้ได้มาก   สมกับพระราชดำรัสราวกับมีพระเนตรทิพย์มองเห็นอนาคตว่า " เก็บเอาไว้ไถ่บ้านไถ่เมือง"

ความเคร่งเครียดจากเรื่องนี้ทำให้พระเจ้าอยู่หัวถึงกับประชวร   เจ้าฟ้าสองพระองค์ที่ทรงทำหน้าที่ราชเลขานุการ คือเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ และเจ้าฟ้าหญิงสุทธาทิพยรัตน์ทรงรับผิดชอบงานในหน้าที่อย่างหนัก  เป็นเหตุให้ได้ทรงมีโอกาสพบปะกันบ่อย    
อย่างที่เคยเล่าแล้วว่าเจ้าฟ้าหญิงทรงมีพระสิริโฉมงดงามเป็นเอก   แม้ว่าพระชนม์เจ้าฟ้าชายน้อยกว่าเจ้าฟ้าหญิงก็หาเป็นอุปสรรคอย่างใดไม่   เป็นเรื่องก๊อสสิปในวัง ว่าเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศทรงประดิพัทธ์  ถึงกับรู้ถึงเจ้าพระเจ้าอยู่หัว  
น่าเสียดายที่เราไม่มีโอกาสติดตามเรื่องของเจ้าฟ้าทั้งสองพระองค์ เพราะว่าเรื่องยุติลงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น  ยังไม่ทันคืบหน้าไปถึงไหน

สมเด็จฯตั้งพระครรภ์เจ้าฟ้าหญิงพระองค์สุดท้าย   แต่น่าเสียดายว่ามีพระชนม์เพียงแค่ ๔ วันก็สิ้นพระชนม์  นับเป็นทุกข์หนักอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อพ้นวิกฤติการณ์ รศ. ๑๑๒ มาแล้ว  เหตุการณ์บ้านเมืองก็คลี่คลายลงกลับเข้าสู่ความสงบ แต่ก็ยังเงียบเหงาอยู่
พระเจ้าอยู่หัวโปรดฯให้บำรุงขวัญราษฎรด้วยการจัดงานขึ้นอย่างครึกครื้นในพระนคร คืองานโล้ชิงช้าหรือพระราชพิธีตรียัมปวาย  มีเสนาบดี เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์(ม.ร.ว. หลาน กุญชร) เป็นพระยาโล้ชิงช้า   มีกระบวนแห่กันคึกคัก เป็นที่สนุกสนานเบิกบานทั้งชาวบ้านและชาววัง

ไม่มีวี่แววมาก่อนว่าพระราชพิธีนี้จะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นซ้ำซ้อน      สมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศมีพระชันษาได้ ๑๗ ปี  กำลังหนุ่มแน่น พระพลานามัยแข็งแรง  ไม่เคยมีพระโรคประจำพระองค์   แต่ก็เกิดประชวรกะทันหันด้วยพระโรคไข้รากสาดน้อย ถึงขั้นเสด็จสวรรคตในวันสุดท้ายของงาน     เป็นเรื่องที่ตื่นตระหนกตกใจกันไปทั้งพระบรมมหาราชวัง  

พระบรมราชชนนีทรงเฝ้าไข้อยู่ตลอดเวลาไม่เป็นอันเสวย   เมื่อพระราชโอรสเสด็จสวรรคต   นับเป็นทุกข์ครั้งใหญ่หลวงที่สุดเท่าที่ทรงประสบมา   สมเด็จฯ ถึงกับทรงล้มลงทั้งยืน  ไม่ได้สติสมปฤดี  เมื่อรู้สึกพระองค์ก็กันแสงรุนแรง   ใคร่จะสวรรคตตามพระราชโอรสไปเพียงประการเดียว


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 พ.ย. 04, 15:33
 ขอคั่นรายการตอบคุณนนทิราค่ะ

สมเด็จฯเป็นผู้ที่มีพระเมตตาสูง โดยเฉพาะกับเด็ก  ปราศจากการเลือกที่รักมักที่ชัง
พระราชโอรสธิดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ไม่ว่าประสูติจากพระมเหสีหรือเจ้าจอม  สมเด็จฯทรงถือเป็นลูก   ไม่มีคำว่า "แม่เลี้ยง" "ลูกเลี้ยง"
พระเจ้าอยู่หัวทรงเล็งเห็นพระอัธยาศัย   เมื่อเจ้าจอมมารดา ม.ร.ว. เนื่องและเจ้าจอมมารดาพร้อมถึงแก่อนิจกรรม
ทิ้งพระเจ้าลูกยาเธอและพระเจ้าลูกเธอที่ทรงพระเยาว์ไว้   4 พระองค์ คือพระองค์เจ้าเยาวภาพงศ์สนิธ พระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์   พระองค์เจ้าประภาพรรณพิไลย และพระองค์เจ้าวาปีบุษบากร
พระเจ้าอยู่หัวก็พระราชทานให้สมเด็จ ทรงเลี้ยงไว้     สมเด็จทรงทะนุถนอมให้ความรักความเมตตาเทียบเท่ากับพระราชโอรสธิดาในอุทร

ทรงโทมนัสแสนสาหัสอีกครั้งหนึ่ง เมื่อพระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์(สมเด็จกรมพระยาชัยนาทนเรนทร)ถูกรัฐบาลจอมพล ป.  จับในข้อหากบฏ   ถูกถอดพระอิศริยยศ กลายเป็นนักโทษ ทั้งที่มิได้ทรงกระทำผิดทางการเมือง เป็นความระแวงของรัฐบาลในยุคนั้น

สมเด็จฯซึ่งทรงพระชราแล้ว  ทรงโทมนัสมีพระอาการรุนแรง อย่างเดียวกับเมื่อครั้งเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศสวรรคต    รับสั่งให้เจ้าพระยาพิชเยนทรโยธินเข้าเฝ้า  ตรัสว่า
"เธอกับฉันเห็นกันมาแต่ครั้งไหนๆ ครั้งนี้ทุกข์ของฉันเป็นที่สุด  ขอให้ไปช่วยบอกจอมพลทีว่า อย่าจับกรมชัยนาทเข้าห้องขัง  มีผิดอะไรส่งมาที่ฉัน  ฉันจะขังไว้ให้เอง  ให้มาอยู่ที่บ้านนี้  ข้างห้องฉันนี่  เพราะฉันเลี้ยงของฉันมาตั้งแต่ 12 วัน  พระพุทธเจ้าหลวงอุ้มมาพระราชทานเอง   ถ้ากรมชัยนาทฯ หนีหาย   ฉันขอประกันด้วยทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่ฉันมีอยู่  ถ้าหนีหายฉันก็จะยอมเป็นคนขอทาน"
แต่รัฐบาลปฏิเสธ
สมเด็จก็กันแสง  ค่อนพระทรวง ตรัสว่า
" เขาจะแกล้งให้ฉันตาย    ฉันไม่รู้ว่าจะอยู่ไปทำไม  ลูกตายไม่ได้น้อยใจเหมือนครั้งนี้  เพราะมีเรื่องหักได้ว่าเป็นธรรมดาโลก  ครั้งนี้ทุกข์สุดที่จะทุกข์แล้ว"


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: Marty ที่ 18 พ.ย. 04, 18:06
 เรื่อง สมเด็จกรมพระยาชัยนาทฯ นี่มีที่มาที่ไปอีกไหมครับ ว่าทำไมอยู่ ๆ รัฐบาลถึงไปหาเรื่องท่าน เพราะท่านไม่ได้มีบทบาทใด ๆ ในรัฐบาล (สมัยสมบูรณาญาฯ) มาเป็นเวลานานแล้ว (เท่าที่จำได้ท่านลาออกจากราชการตั้งแต่ปลายรัชกาลที่ 6) และก็ไม่ได้เป็นทหาร จะมีเรื่องทางการเมืองใดอีกหรือครับที่จะเป็นเหตุให้รัฐบาลระแวง ไปหาเรื่องท่านได้

ขอถามอีกเรื่องครับ อดถามไม่ได้ ราชสำนักในสมัยนั้นมีความคิดเห็นอย่างไรครับ เกี่ยวกับเรื่องที่สมเด็จกรมพระยาชัยนาทฯ ทรงเสกสมรสกับสตรีชาวอังกฤษ แต่ถ้าคุณเทาชมพูเห็นว่าไม่เหมาะที่จะคุยกันเรื่องนี้ จะไม่ตอบก็ได้นะครับ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: นนทิรา ที่ 18 พ.ย. 04, 21:52
 ขอบพระคุณคุณเทาชมพูค่ะ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯทรงเป็นพระโอรสองค์สุดท้องเลยนะคะ คงไม่ทรงนึกฝันเลยว่าพระเชษฐาจะสิ้นไปทีละองค์ๆจนตำแหน่งรัชทายาทมาตกอยู่ที่พระอนุชาองค์เล็กสุด

เรื่องสมเด็จกรมพระยาชัยนาทฯ ดิฉันไม่ทราบที่มาที่ไปอย่างแน่ชัด ไม่แน่ใจว่าจะเกี่ยวเนื่องกับการที่ทรงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการหรือไม่ รอคุณเทาชมพูมาเล่าให้ฟังด้วยค่ะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 พ.ย. 04, 08:34
 เรื่องสมเด็จกรมพระยาชัยนาทฯคงจะต้องเก็บไว้เล่าในตอนท้ายๆค่ะ เพราะเป็นเหตุการณ์หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้ว  เล่าตอนนี้จะกระโดดไกลไปหน่อย

การเสด็จสวรรคตของเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศมิได้มีผลแค่กระทบกระเทือนพระทัยสมเด็จฯ และพระสุขภาพอย่างรุนแรง เท่านั้น
แต่ผลกระทบใหญ่หลวงอีกอย่างคือพระอิศริยยศ    ตำแหน่งพระอัครมเหสี ได้เปลี่ยนมือไปสู่สมเด็จพระนางเธอเสาวภาผ่องศรีอีกด้วย

คงจะจำได้ว่า ในตอนแรกก่อนสถาปนา  พระภรรยาเจ้าทุกพระองค์ทรงมีศักดิ์เสมอกัน
ต่อมาเมื่อมีการสถาปนา สมเด็จฯทรงเป็นพระอัครมเหสี อีกสองพระองค์อยู่ในลำดับรองลงไป

เมื่อสมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศสวรรคต หากคำนึงถึงตำแหน่งพระอัครมเหสีเป็นหลัก  พระราชโอรสพระองค์ต่อไปของสมเด็จฯ ที่อยู่ในลำดับรองจากเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ คือสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าสมมติวงศ์วโรทัย กรมขุนศรีธรรมราชธำรงฤทธิ์  พระชันษา 12 ปี
แต่ว่าพระเจ้าอยู่หัว ทรงคำนึงถึงลำดับอาวุโสของเจ้าฟ้าเป็นหลัก  พูดภาษาชาวบ้านคือนับอายุแก่อ่อนทางลูก มากกว่านับตำแหน่งหนึ่งสองทางแม่

พระราชโอรสพระองค์ที่มีพระชนม์รองลงไปจากเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ   คือสมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ ที่ประสูติจากสมเด็จพระนางเธอเสาวภาผ่องศรี พระชันษา 13 ย่าง 14 ปี

ตำแหน่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร  จึงเลื่อนไปสู่เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธซึ่งขณะนั้นทรงศึกษาอยู่ในประเทศอังกฤษ
พร้อมกันนั้น สมเด็จพระบรมราชชนนีก็ได้ทรงเลื่อนขึ้นตามพระราชโอรส เป็นสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี  พระอัครราชเทวี


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 19 พ.ย. 04, 21:41
 มาอ่านทวนอีกที  ที่ความเห็นที่ ๑๐ คุณเทาชมพูบอกว่า  

"ส่วนพระนางเธอเสาวภาผ่องศรี ทรงเป็นพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวี ลำดับที่สอง
พระนางเธอสุขุมาลมารศรี ทรงเป็นพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรีพระราชเทวี ลำดับที่สาม"

เลยงงหน่อยๆ  ไม่ทราบว่า  ใครเป็น พระมารดาของ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าสมมติวงศ์วโรทัย กรมขุนศรีธรรมราชธำรงฤทธิ์  คะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 พ.ย. 04, 08:24
 พระบรมราชชนนีในสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าสมมติวงศ์วโรทัย กรมขุนศรีธรรมราชธำรงฤทธิ์  คือสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาฯ หรือสมเด็จพระศรีสวรินทราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าค่ะ  
ดิฉันใช้คำสั้นๆว่า สมเด็จฯ

พระนามพระราชโอรสธิดาบอกไว้ในคห.19   ขออภัยลำดับพระนามเยอะมากไปหน่อย คุณพวงร้อยเลยงง

งั้นอธิบายอีกทีนะคะ

สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาฯ ทรงมีพระราชโอรส 4 พระองค์    เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศเป็นพระองค์ใหญ่    
พระองค์ที่สองคือเจ้าฟ้าชายอิศริยาลงกรณ์  แต่ประสูติได้ 21 วันยังไม่ทันครบ 1 เดือนก็สิ้นพระชนม์
พระองค์ที่สาม คือ   สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าสมมติวงศ์วโรทัย กรมขุนศรีธรรมราชธำรงฤทธิ์
และพระองค์ที่สี่ คือสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ (สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก )

ถ้าอธิบายด้วยภาษาง่ายที่สุด  ตัดราชาศัพท์ออกไป คือ สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาฯ เป็น Queen#1  มีลูกชายที่ยังมีชีวิตอยู่ 3 คน
คนแรกเป็น Crown Prince  เมื่อสิ้นไป  ก็ยังมีน้องชายของท่านอีก 2
แต่แทนที่ตำแหน่ง Crown Prince จะเลื่อนลงมาอยู่กับหนึ่งในสองนี้  กลับเลื่อนไปที่ลูกชายคนแรกของ Queen #2
เพราะว่าลูกชายคนแรกของ Queen#2 มีอายุรองลงมาจาก Crown Prince ที่สิ้นไป  มากกว่าลูกชายอีกสองคนของ Queen#1

เมื่อตำแหน่ง Crown Prince เลื่อนไปที่ลูกชายของ Queen#2
ก็ทำให้ Queen#2  เลื่อนขึ้นเป็น Queen #1 แทน  ตามเกียรติยศของลูกชาย


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 20 พ.ย. 04, 13:24
 อ้อ เป็นเพราะดิฉันไม่ทันเห็นเองค่ะว่า สมเด็จพระพันวัสสาทรงเป็นพระชนนีของ เจ้าฟ้าสมมติวงศ์วโรทัย  ตาลายจริงๆแหละค่ะ  ไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่า  พระมเหสีแต่ละพระองค์จะทรงมีราชโอรสธิดามากขนาดนี้  โดยเฉพาะสมเด็จพระพันปีหลวงทรงครรภ์ถึง ๑๔ ครั้ง  ดิฉันเคยท้องสองครั้งก็ไม่ไหวแล้วค่ะ  คิดแล้วเหลือเชื่อจริงๆ  ขอบคุณคุณเทาชมพูที่กรุณาแจกแจงอย่างละเอียดอีกครั้งค่ะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 พ.ย. 04, 18:08
 ต่อค่ะ

สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาฯ ทรงรับรู้ความเปลี่ยนแปลงในพระเกียรติยศอย่างสงบ ปราศจากความโทมนัส  จะเป็นเพราะทรงปลงตกถึงความเป็นอนิจจังของทุกสิ่ง  หรือเป็นเพราะไม่มีความโทมนัสเหลือให้เป็นทุกข์อีกแล้ว ก็ไม่อาจทราบได้

อย่างไรก็ตาม  ฐานะของพระอัครราชเทวี และพระบรมราชเทวี ก็ยังก้ำกึ่งกันอยู่  เวลาเสด็จพระราชดำเนินไปในงานพิธีหลวงต่างๆ   พระเจ้าอยู่หัวก็โปรดให้สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาฯเสด็จนำหน้าสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรีอยู่ดี  รับสั่งว่า ให้พี่เดินหน้าน้อง

สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาฯจึงมักจะทรงเลี่ยงที่จะเสด็จไปพร้อมกัน  อย่างตอนตามเสด็จประพาสชวา  ก็ทรงเลี่ยงไปประทับอยู่ในเมือง นอกเส้นทางเสด็จประพาส  เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนแก่เจ้าภาพว่าใครคือควีนพระองค์จริงกันแน่  
เพราะทรงยอมรับว่าพระน้องนาง ในฐานะพระบรมราชชนนีของสยามมกุฎราชกุมารพระองค์ คือพระราชินีแห่งสยาม

พระเกียรติยศของสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรีในฐานะสมเด็จพระบรมราชินี ปรากฏชัดตามกฎหมาย เมื่อพระเจ้าอยู่หัวเสด็จยุโรปครั้งแรก     ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์   จนกว่าพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จคืนพระนคร

ในพ.ศ. ๒๔๓๙ สยามจึงสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถพระองค์แรก  ตรงกับคำว่า Queen แทนตำแหน่งพระบรมราชเทวี โปรดเกล้าฯประกาศในราชกิจจานุเบกษา ก่อนจะเสด็จยุโรป  
ชาววังออกพระนามว่า สมเด็จรีเยนต์ แทน สมเด็จที่บน อย่างเมื่อก่อน  ส่วนสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาฯ ทรงเป็น สมเด็จพระตำหนัก มาตั้งแต่ต้น

ในการเสด็จยุโรป  พระเจ้าอยู่หัวทรงพาสมเด็จเจ้าฟ้าสมมติวงศ์วโรทัย ตามเสด็จไปด้วย
พระสุขภาพของสมเด็จพระตำหนัก ที่อ่อนแอมาหลายปี เริ่มฟื้นขึ้นมากหลังพระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับจากยุโรปพร้อมพระราชโอรส    
สมเด็จเจ้าฟ้าสมมติวงศ์ฯบัดนี้เจริญพระชนม์ขึ้นเป็นหนุ่ม มีพระโฉมงดงามคล้ายสมเด็จพระบรมเชษฐาที่เสด็จสวรรคตไปแล้ว   ทรงกรมเป็นกรมขุนศรีธรรมราชธำรงฤทธิ์  กำกับราชการกรมมหาดเล็ก

แต่ความสุขของสมเด็จฯ ก็ยั่งยืนมาได้อีกเพียง ๓ ปี ก็สูญเสียพระราชธิดา สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงศิราภรณ์ฯ ที่พระชนม์ ๑๑ กำลังน่ารักน่าชมเป็นที่รักของชาววังโดยทั่วกัน    ด้วยโรคนิวมอเนีย สิ้นพระชนม์กะทันหัน
สมเด็จฯทั้งตกพระทัยและเสียพระทัยสุดขีด  พระสุขภาพที่ดีขึ้นก็ทรุดลงไปอีก
แพทย์ถวายคำแนะนำให้เสด็จไปประทับที่ชายทะเล   พระเจ้าอยู่หัวจึงเสด็จไปศรีราชาเพื่อจะดูสถานที่ปลูกตำหนักที่ประทับของสมเด็จฯในปีต่อมา
ระหว่างเสด็จไปศรีราชา  เรื่องร้ายที่ไม่คาดฝันก็เกิดเป็นคำรบสองเหมือนเมื่อหลายปีก่อน    สมเด็จเจ้าฟ้าสมมติวงศ์วโรทัย เกิดประชวรกะทันหันด้วยโรคไข้ราดสาดน้อย  เพียงไม่กี่วันก็สิ้นพระชนม์ก่อนพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จกลับกรุงเทพ

ส่วนสมเด็จฯ นั้น  พระอาการทรุดเพียบหนักลงไปทันทีเมื่อรู้ข่าว ถึงกับ ดำเนินไม่ได้  ทรงสูญสิ้นความรัก ความหวัง ความชื่นชมในพระราชโอรส ทรงกลายเป็นคนไข้หนักอย่างไม่มีหมอคนใดเยียวยาได้


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: นนทิรา ที่ 21 พ.ย. 04, 17:51
 ต้องผิดหวังและเสียพระทัยซ้ำแล้วซ้ำเล่านะคะ

ตอนมีพระราชนัดดาเล็กๆสามพระองค์มาประทับใกล้ๆในบริเวณวังสระปทุม คงทรงรักพระราชนัดดาเล็กๆทั้งสามพระองค์ดังแก้วตาดวงใจ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 พ.ย. 04, 08:54
 จะลงเรือนไป 1 สัปดาห์นะคะ  ไปเที่ยวไม่ไกลเมืองไทยนี่ละค่ะ
เชิญนั่งล้อมวงคุยกันไปพลางๆก่อน
เจอกันจันทร์หน้าค่ะ  


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: ไอยริณ ที่ 22 พ.ย. 04, 08:58
 สวัสดีค่ะคุณเทาชมพู  ตามอ่านมานานแล้ววันนี้เพิ่งได้สมัครสมาชิกค่ะ  ขอบคุณนะคะที่นำเรื่องราวมาแบ่งปันให้อ่าน  

ไปเจอรูปในเวบไซท์นี้ น่าจะเข้ากับเรื่องที่คุยกันอยู่ค่ะ  เอามาฝาก http://www.chomsurang.ac.th/somdet/panpee1/  


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: Marty ที่ 22 พ.ย. 04, 09:24
 แล้วพบกันใหม่ในอีกหนึ่งสัปดาห์ครับ เที่ยวให้สนุกนะครับ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: นนทิรา ที่ 22 พ.ย. 04, 14:07
 ตามมาส่งคุณเทาชมพูค่ะ ไม่ทราบจะทันหรือเปล่า
ขอให้เที่ยวให้สนุกนะคะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 22 พ.ย. 04, 15:53
 มัวไปดูกระทู้ทำกรอบรูปเลยมาไม่ทันส่งคุณเทาชมพูค่ะ  อย่างไรก็ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะคะ



ไข้รากสาดน้อยนี่  ใช่ typhus รึเปล่าก็ไม่ทราบนะคะ  เห็นมีเอ่ยถึงมาก่อน  เลยอดสงสัยไม่ได้ว่าเกิดจากอะไร  ไปค้นไข้ typhus มาปรากฏว่า  เป็นโรคที่เกิดจากพาหะที่เรียกว่า  bofy louse ตามเว็บนี้ค่ะ http://scarab.msu.montana.edu/historybug/typhus.htm   ไม่ทราบว่าจะใช่โรคเดียวกันรึเปล่านะคะ  แต่เค้าว่าเป็นแล้วอัตราตายสูงมากเกือบจะทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ทีเดียว  ฟังแล้วน่ากลัวจังค่ะ



Typhus has always been associated with war. Indeed, one of its many colloquial names is war fever. Zinsser (1934) stated, "Typhus had come to be the inevitable and expected companion of war and revolution; no encampment, no campaigning army, and no besieged city escaped it." Rickettsia prowazekii (da Rocha-Lima), a bacterialike organism, causes the dreadful disease. The human body louse, Pediculus humanus L., has been a scourge to humans for centuries. It transmits typhus to humans and humans return the "favor" by infecting the louse, which is also a victim of the disease, seldom surviving its attack. Typhus truly is a disease of humans and lice; no animal reservoirs are known to be involved in the disease cycle.



A louse becomes infected with typhus by taking a blood meal from a fever-ridden human. Once in the louse's gut, the rickettsiae reproduce to such enormous numbers that they cause cells in the insect's gut to rupture. The rickettsiae then are present in the feces of the louse. Humans become infected by rubbing or scratching the lice feces into their skin or into their mucous membranes. It is an interesting disease because even though lice imbibe human blood, the parasite is not transmitted to humans during this process. Most of the other diseases carried by insects are transmitted through the bite.



Once infected, humans experience a high fever that continues for approximately two weeks. Simultaneous symptoms may include severe headaches, bronchial disturbances, and mental confusion. Indeed, typhus is from the Greek word typhos meaning stupor. After approximately six days, red eruptions appear on the torso, hands, feet, and face. Mortality is incredibly high under epidemic conditions, nearing 100%.



The conditions of war are perfect for typhus to explode into a raging epidemic because poverty, crowding, mass migrations, inadequate housing, and malnutrition encourage its spread. The Plague of Athens in 420 B.C., during the Peloponnesian War, may have been the first recorded typhus epidemic. Typhus' association with war and its devastating effect continued until World War II. A potentially horrific epidemic was averted in Sicily and Italy in 1943 through a concerted delousing campaign engineered by the Allies using the then miraculous compound, DDT.


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: นทีสีทันดร ที่ 22 พ.ย. 04, 20:18
 เอ่อ เท่าที่ผมทราบนะครับ
โรกไข้รากสาดน้อย (ไทฟอยด์) เกิดจากแบคทีเรียที่ชื่อ Samonella typhi นะครับ
ไม่ใช่พวกโรคไทฟัสที่เกิดจากริกเกตเซีย ซึ่งมีแมลงพวกไรอ่อนเป็นพาหะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: นทีสีทันดร ที่ 22 พ.ย. 04, 20:21
 ขอโทษทีครับพิมพ์ผิด
แก้เป็น Salmonella typhi ครับ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: หนูหมุด ที่ 22 พ.ย. 04, 22:14
 ขอบพระคุณอาจารย์ที่มาเล่าเรื่องให้ฟังค่ะ กำลังอ่านอยู่ยังไม่จบเลยค่ะ เพิ่งถึงเรื่องที่เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศสิ้นเอง ตอนสมัยเรียนไม่ค่อยมีเรื่องแบบนี้สักเท่าไร เพิ่งมาหาอ่านได้สมัยโตนี่เอง ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ รวมทั้งท่านอื่นๆที่กรุณาเล่าเพิ่มเติมด้วยค่ะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 22 พ.ย. 04, 22:50
 คุณนทีสีทันดรคะ ไทฟอยด์ ไม่ใช่ ไข้รากสาดใหญ่ เหรอคะ ดิฉันก็จำไม่ค่อยได้เลยค่ะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: นทีสีทันดร ที่ 22 พ.ย. 04, 23:42
 โรคไข้ราดสาดใหญ่ (Typhus) เกิดจากริกเกตเซีย และ
โรคไข้รากสาดน้อย (Typhoid) เกิดจากแบคทีเรีย ครับผม


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 24 พ.ย. 04, 09:15
 อาจารย์เทากลับมาเร็วๆครับ แฟนๆรออยู่


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 24 พ.ย. 04, 10:19
 ขอบคุณค่ะคุณนทีฯ ดิฉันจำสับกันเอง  ไม่ทราบว่ามีอาการอะไรคล้ายกันนะคะ (ทั้งๆที่สาเหตุต่างกันมาก)  คนโบราณถึงได้เรียกชื่อคล้ายๆกันน่ะค่ะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: นทีสีทันดร ที่ 24 พ.ย. 04, 20:54
 อันนี้เดาเอานะครับ
ตามคัมภีร์ตักศิลาแบ่งชนิดของโรคไข้รากสาดไว้ตามลักษณะผื่นที่ผุดขึ้น เช่น
- ไข้รากสาดปานดำ ลักษณะ ผุดขึ้นมาเท่างบน้ำอ้อยดังนิล ลิ้นดำ ผุดทั่วทั้งตัว

- ไข้รากสาดปานแดง ลักษณะ ผุดขึ้นมาเป็นเมล็ดถั่วเล็กๆ แดงๆ เป็นหมู ทั้งตัว

- ไข้รากสาดปานเขียว ลักษณะ ผุดขึ้นมาเป็นหมู่ เขียวดังสีคราม ลิ้นก็เขียว ทั้งตัว

- ไข้รากสาดปานขาว ลักษณะ ผุดขึ้นมาเท่าผลพุทรา ขาวเหมือนสีน้ำข้าวเช็ด ผุดทั้งตัว

- ไข้รากสาดปานม่วง ลักษณะ ผุดขึ้นมาสีดุจ ดัง ผลปลังสุก

ผมเดาว่าไข้รากสาดใหญ่กับไข้รากสาดน้อยเนี่ยน่าจะดูตามขนาดของผื่นที่ขึ้นตามตัวนะครับ
ไข้รากสาดใหญ่ : ประมาณวันที่ 5-7 หลังมีไข้จะมีผื่นสีแดงคล้ำขึ้นที่ลำตัวก่อน แล้วกระจายไปแขนขา ผื่นจะมีอยู่ 3-4 วันก็หายไป
ไข้รากสาดน้อย : อาจพบจุดแดงคล้ายยุงกัด เมื่อดึงหนังให้ตึงจะจางหายเรียกว่า โรสสปอต (Rose spots) ที่หน้าอก หรือหน้าท้อง ซึ่งมักจะขึ้นหลังมีไข้ได้ 5 วัน และขึ้นอยู่นาน 3-4 วัน
ถ้ามีผู้รู้ท่านใดรู้คำตอบจริงๆก็ช่วยแก้ไขด้วยนะครับ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 พ.ย. 04, 11:07
 กลับมาแล้วค่ะ  ขณะพิมพ์นี่ยังมึนๆอยู่เลยนะคะ
ลงเครื่องเมื่อราวๆสองยามวันอาทิตย์ กว่าจะนอนก็เกือบตีสอง ตื่นเจ็ดโมง
คำตอบของคุณนที ให้บรรยากาศโบราณเข้ากับกระทู้ดีจัง

ในสมัย 100 ปีก่อน  โรคติดเชื้อจากทางเดินอาหาร  หรือทางลมหายใจ แพร่กระจายง่ายมาก  ตายกันเยอะ   อาจจะเป็นเพราะยาไทยยังไม่มียาปฏิชีวนะที่รักษาผู้ป่วยได้ทันเวลา
อีกอย่างคือเรื่องสุขลักษณะ ก็ยังไม่ค่อยจะรู้กันด้วย  เราถ่ายกันลงแม่น้ำลำคลอง   น้ำก็ไม่ต้มก่อนดื่ม แค่แกว่งสารส้มให้ตกตะกอน (อาจจะเป็นเพราะไม่รู้ว่าน้ำใสก็ยังมีเชื้อโรค) โรคท้องร่วง อหิวาต์ ไข้รากสาด จึงติดกันง่ายมาก

 http://www.thailabonline.com/sec51typhoid.htm#ไข้รากสาดน้อย
ไข้รากสาดน้อย - Typhoid Fever


ลักษณะทั่วไป
ไข้รากสาดน้อย พบได้บ่อยมาตั้งแต่สมัยโบราณ ดังที่ชาวบ้านรู้จักกันดีว่า ไข้หัวโกร๋น เพราะสมัยนั้นยังไม่มียารักษา เป็นไข้กันเป็นเดือนจนกระทั่งผมร่วง พบได้ในทุกอายุ แต่จะพบมากในคนอายุ 10-30 ปี อาจจะพบว่ามีคนในละแวก ใกล้เคียงเคยเป็น หรือกำลังเป็นโรคนี้ด้วย พบมากในฤดูร้อนแต่ก็พบได้เกือบทั้งปี

สาเหตุ
เกิดจากเชื้อไทฟอยด์ เป็นแบคทีเรียที่มีชื่อว่า "ซัลโมเนลลา ไทฟี" (Salmonella typhi) ติด
ต่อโดยการกินอาหาร หรือน้ำดื่มที่ติดเชื้อจากอุจจาระ หรือปัสสาวะของผู้ป่วย หรือที่มีแมลงวันตอม ระยะฟักตัวประมาณ 14 วัน (7-21 วัน)

อาการ
อาการจะค่อยเป็นค่อยไป โดยเริ่มแรกจะมีอาการไข้ต่ำ ๆ ครั่นเนื้อครั่นตัว  ปวดเวียนศีรษะ อ่อนเพลีย คล้ายไข้หวัด หรือไข้หวัดใหญ่ แต่ไม่มีน้ำมูก อาจมีเลือดกำเดาออก บางครั้งอาจมีอาการไอ และเจ็บคอเล็กน้อย มักมีอาการท้องผูก หรือไม่ก็ถ่ายเหลวเสมอ   อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดแน่นท้อง ท้องอืด และกดเจ็บเล็กน้อย  ต่อมาไข้จะค่อย ๆ สูงขึ้นทุกวัน
และจับไข้ตลอดเวลา ถึงแม้จะกินยาลดไข้ก็อาจไม่ลด ทุกครั้งที่จับไข้จะรู้สึกปวดศีรษะมาก
อาการไข้มักจะเรื้อรัง ถ้าไม่ได้รับการรักษา อาจมีไข้สูงอยู่นาน 3 สัปดาห์ แล้วค่อย ๆ ลดลงจนเป็นปกติเมื่อพ้น 4 สัปดาห์ บางรายอาจเป็นไข้อยู่นาน 6 สัปดาห์ก็ได้ บางรายอาจมีอาการหนาวสะท้านเป็นพัก ๆ เพ้อ หรือปวดท้องรุนแรงคล้ายไส้ติ่งอักเสบ  หรือถุงน้ำดีอักเสบ
ผู้ป่วยจะซึมและเบื่ออาหารมาก ถ้ามีอาการมากกว่า 5 วัน ผู้ป่วยจะดูหน้าซีดเชียว แต่เปลือกตาไม่ซีด (เหมือนอย่างผู้ป่วยโลหิตจาง) ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของโรคที่เรียกว่า หน้าไทฟอยด์

สิ่งตรวจพบ
ไข้ 38.5-40 ํซ. หน้าซีดเชียว และเปลือกตาไม่ซีด ฝ่ามือซีด ริมฝีปากแห้ง อาจมีอาการท้องอืด  กดเจ็บใต้ชายโครงขวา หรือท้องน้อยข้างขวา ตับม้ามอาจโต อาจพบจุดแดงคล้ายยุงกัด เมื่อดึงหนังให้ตึงจะจางหายเรียกว่า โรสสปอต (Rose spots) ที่หน้าอก หรือหน้าท้อง ซึ่งมักจะขึ้นหลังมีไข้ได้ 5 วัน และขึ้นอยู่นาน 3-4 วัน ในบางรายอาจมีอาการ ดีซ่าน หรือซีด (ถ้าเป็น
เรื้อรัง)

อาการแทรกซ้อน
ที่พบบ่อย และเป็นอันตราย ได้แก่ เลือดออกในลำไส้ (ถ่ายเป็นเลือดสด ๆ อาจถึงช็อกได้) และลำไส้ทะลุ (ท้องอืด ท้องแข็ง) ซึ่งจะพบหลังมีอาการได้ 2-3 สัปดาห์    ที่พบรองลงไป ได้แก่ ปอดอักเสบ , โลหิตเป็นพิษ ,  กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ,  ถุงน้ำดีอักเสบ ,   ไตอักเสบ,
เยื่อหุ้มสมองอักเสบ , โรคจิต การกลับเป็นซ้ำ บางรายแม้ว่าจะรักษาจนไข้หายแล้ว อาจมีไข้กำเริบได้ใหม่ หลังจากหยุดยาไปประมาณ 2 สัปดาห์

การรักษา
หากสงสัย ควรส่งตรวจเพิ่มเติม ด้วยการตรวจเลือด ทำการ ทดสอบไวดาล (Widal test)  ตรวจนับจำนวนเม็ดเลือดขาว (มักต่ำกว่า 5,000 ตัวต่อลูกบาศก์มิลลิเมตร), นำเลือด อุจจาระ และปัสสาวะไปเพาะหาเชื้อ ถ้าพบว่าเป็นโรคนี้ ควรให้การรักษา ดังนี้
1.แนะนำให้ผู้ป่วยกินอาหารอ่อน, ดื่มน้ำมาก ๆ , ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวเวลามีไข้สูง, ถ้ากินข้าวไม่ได้นาน ๆ ให้ยาบำรุงพวก วิตามิน, ให้ยาลดไข้-พาราเซตามอล
2.ให้ยาปฏิชีวนะ โคไตรม็อกซาโซล   ครั้งละ 2 เม็ด วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น (ในเด็กให้ 6 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน ของไตรเมโทพริม) หรือให้คลอแรมเฟนิคอล วันละ 2 กรัม (ในเด็กให้ 75-100 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน) แบ่งให้วันละ 4  ครั้ง หรือ อะม็อกซีซิลลิน  วันละ 2 กรัม (ในเด็กให้ 50 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน)
แบ่งให้ 4 ครั้ง ถ้าดีขึ้น (กินข้าวได้มากขึ้น ไข้ลด) ให้ยาต่อจนครบ 14 วัน ถ้าไม่ดีขึ้นใน 4-7 วัน หรือในรายที่สงสัยว่ามีอาการแทรกซ้อน ควรส่งโรงพยาบาล ในรายที่เชื้อดื้อยา อาจพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะไซโพรฟล็อกซาซิน (Cyprofloxacin) 750 มก. วันละ 2 ครั้ง

ข้อแนะนำ
1.โรคนี้ต้องใช้เวลารักษาติดต่อกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เมื่อได้รับการรักษา ไข้จะค่อย ๆ ลดลง จนกระทั่ง 4 วัน แล้วจึงจะไม่มีไข้ ถ้าให้คลอแรมเฟนิคอล อาจใช้เวลาอย่างน้อย 4 วันกว่าไข้จะลดเป็นปกติ ถ้าให้โคไตรม็อกซาโซล อาจใช้เวลา 6-10 วันกว่าไข้จะลด ส่วนอะม็อกซีซิลลิน อาจต้องใช้เวลานานกว่า 10 วัน
2. ผู้ป่วยบางรายเมื่อไข้หายแล้ว อาจมีอาการไข้กำเริบได้ใหม่ ภายหลังการหยุดยาไปแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ แต่อาการไม่รุนแรงเท่าครั้งแรก ควรให้ยารักษาซ้ำอีกครั้ง เป็นเวลา 1 สัปดาห์
3. ผู้ป่วยบางรายเมื่อหายแล้ว อาจมีเชื้อไทฟอยด์หลบซ่อนอยู่ในถุงน้ำดี โดยไม่มีอาการผิดปกติแต่อย่างไร เราเรียกว่า พาหะนำโรค (carrier) ซึ่งมักจะปล่อยเชื้อออกมากับอุจจาระ แพร่กระจายให้คนอื่นต่อไปเรื่อย ๆ แพทย์สามารถตรวจพบโดยการนำอุจจาระไปเพาะเชื้อ และอาจให้การรักษาโดยให้ โคไตรม็อกซาโซล หรือ อะม็อกซีซิลลิน หรือไซโพรฟล็อกซาซิน
นาน 4 สัปดาห์ บางรายอาจต้องผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออก
4. ผู้ป่วยบางรายอาจดื้อยาปฏิชีวนะ โดยเฉพาะคลอแรมเฟนิคอล ดังนั้น ถ้าหากให้ยา 4-7 วันแล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรแนะนำไปตรวจเพิ่มเติมที่โรงพยาบาล

การป้องกัน
1. ในเด็กอายุมากกว่า 6 ปีให้วัคซีนป้องกันไทฟอยด์ ถ้าใช้วัคซีนชนิดฉีด ให้ฉีด 2 เข็มห่างกัน
1 เดือน และกระตุ้นซ้ำทุก 3 ปี ควรฉีดเข้าใต้ชั้นผิวหนัง วัคซีนชนิดนี้อาจทำให้มีไข้ หรือเกิด
รอยบวมแดงบริเวณที่ฉีดได้ ในปัจจุบันมีวัคซีนชนิดแคปซูลใช้แทนชนิดฉีดได้ ให้กินครั้งละ
1 แคปซูล วันเว้นวัน 3 ครั้ง โดยต้องกลืนทั้งแคปซูล อย่าถอดแคปซูลออก เชื้ออาจถูกกรดใน
กระเพาะอาหารทำลายได้ และในช่วงที่กินวัคซีนอยู่ ไม่ควรใช้ยาปฏิชีวนะร่วมด้วย ยาอาจฆ่า
เชื้อในวัคซีนตายหมดได้
2. กินอาหารสุกที่ไม่มีแมลงวันตอม และดื่มน้ำสะอาด
3. ถ่ายอุจจาระลงในส้วมที่ถูกสุขลักษณะ
4. ล้างมือก่อนปรุงอาหารและเปิบข้าว และหลังถ่ายอุจจาระทุกครั้ง
5. สำหรับผู้ป่วย ควรแยกสำรับอาหาร และเครื่องใช้ส่วนตัว อย่าปะปนกับผู้อื่น อุจจาระควร
ถ่ายลงในส้วม และควรล้างมือให้สะอาดหลังถ่าย

ข้อแนะนำ
ถ้าเป็นไข้รากสาดน้อย ควรให้ยาปฏิชีวนะอย่างน้อย 14 วัน


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 29 พ.ย. 04, 13:52
ขอบคุณคุณ นทีฯ เป็นอย่างมากอีกครั้งค่ะ  ต้องขออภัยด้วยที่ไม่ได้เข้ามาดูเลย  ช่วงนี้เป็นวันหยุดเทศกาลที่ครอบครัวมาพร้อมหน้าพร้อมตากันเลยปลีกเข้ามาไม่ได้เลยค่ะ  

และขอบคุณคุณเทาชมพูด้วยค่ะ  เพิ่งทราบนี่เองว่าโรคไทฟอยด์นี่จะมีผื่นเป็นจุดขึ้นตามตัวด้วย  มีญาติสนิทของดิฉันเคยเป็นตอนเด็กๆเกือบแย่  แต่รอดมาได้  ผมก็เสียมาตลอดเลยค่ะ  ผมเค้าร่วงหมด  พอหายแล้วงอกกลับมาใหม่  ผมก็หยิกฟูถาวรไปเลยค่ะแต่ผมบางและแห้งกรอบมาก


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: หนูหมุด ที่ 29 พ.ย. 04, 16:59
 ขอบคุณคุณนทีสีทันดร และคุณพวงร้อยค่ะที่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับโรคไข้รากสาด ขอถามได้ไหมคะ ว่าที่เรียกไข้รากสาด...(ต่างๆ) นั้น "ราก" ตัวนี้ใช้ที่แปลว่าอาเจียนหรือเปล่าคะ ถ้าอย่างนั้นสาดใหญ่กับสาดน้อย นี้จะเกี่ยวกับอาการอาเจียนเมื่อเป็นโรคด้วยหรือเปล่าคะ เพราะดูแล้วคนไทยนิยมแบ่งชื่อโรคตามอาการที่ปรากฏ มากกว่าสาเหตุของโรค


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 พ.ย. 04, 17:55
 รอคุณนทีมาตอบนะคะ
ขอเล่าเรื่องต่อค่ะ

พระพลานามัยที่ทรุดโทรมลงเรื้อรังทำให้สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาฯ แปรพระราชฐานไปประทับในระยะยาวที่ศรีราชา   พระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปเยี่ยม ๓ ครั้งคือคราวเสด็จประพาสหัวเมืองแหลมมลายู   เสด็จประพาสชวา และอีกครั้งหนึ่งในปี๒๔๔๕

ผู้ที่มาอยู่เป็นเพื่อนสมเด็จฯ ก็คือพระราชธิดา สมเด็จเจ้าฟ้าวไลอลงกรณ์ ซึ่งสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ทรงขอไปเป็นพระราชธิดา  บัดนี้ก็เสด็จกลับมาทรงอยู่กับสมเด็จแม่   และมีพระอนุชาของสมเด็จคือกรมพระสวัสดิวัดน์ฯ ทรงอยู่เป็นพระอภิบาลด้วยอีกพระองค์หนึ่ง

สมเด็จฯประทับอยู่ที่ศรีราชาถึง ๓ ปีเศษ จนพระพลานามัยค่อยดีขึ้น   ทรงสร้างสถานพยาบาล ต่อมาก็พระราชทานที่ดิน อาคารและพระตำหนักให้เป็นโรงพยาบาล พร้อมทั้งเงินค่าใช้จ่ายอีกด้วย
เมื่อพระพลานามัยดีขึ้น ก็เสด็จกลับกรุงเทพ  

พระเจ้าอยู่หัวทรงสร้างพระราชวังแห่งใหม่คือพระราชวังสวนดุสิต  แบ่งที่ดินพระราชทานพระมเหสี เจ้าจอมและพระเจ้าลูกเธอเป็นส่วนๆ แต่ละส่วนเรียกว่า "สวน" มีคลองระบายน้ำและถนน  พระราชทานชื่อตามชื่อเครื่องลายครามซึ่งนิยมกันในตอนนั้น  ตำหนักที่สมเด็จฯประทับอยู่ ชื่อว่า สวนหงส์

ในสมัยนั้น ผู้น้อยไม่บังอาจเรียกผู้ใหญ่ด้วยชื่อตรงๆ  ถือว่าเป็นการไม่เคารพ   ในวังหลวงมีเจ้านายสตรีชั้นสมเด็จอยู่หลายพระองค์   เพื่อให้รู้กันว่าหมายถึงพระองค์ไหน  ชาววังก็จะเอ่ยถึงพระนามเรียกแตกต่างกันไป
อย่างสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาฯ ชาววังเรียกว่า "สมเด็จพระตำหนัก"
ส่วนสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ  เมื่อก่อนเรียกว่า "สมเด็จที่บน" ต่อมาเมื่อสำเร็จราชการก็เรียกกันว่า "สมเด็จรีเยนต์"

ชาววังมีเรื่องสนุกตามพระราชนิยมกันมากมาย   เมื่อครั้งพระเจ้าอยู่หัวเสด็จยุโรป  สมเด็จรีเยนต์โปรดทรงจักรยาน  เจ้านายและสาวชาววังก็หัดขี่จักรยานกันเป็นทิวแถว   ต่อมาเมื่อพระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับมาแล้ว   เกิดความนิยมเล่นตลับงาที่ใช้ใส่ขี้ผึ้งสีปาก   ชาววังก็พากันเล่นตามอีก เป็นที่สนุกสนาน
เล่นที่นี้หมายถึงสะสม  ทำให้เกิดไอเดียออกแบบตลับงาแบบต่างๆ   ตั้งแต่ใบใหญ่เรียงลำดับลงไปจนใบเล็กจิ๋ว  ขัดจนขึ้นลายงดงาม   แล้วนำขึ้นทูลเกล้าฯขอถวายชื่อคล้องจองกันเป็นชุด

สมเด็จพระตำหนัก ฯมีพระอัธยาศัยสงบสุภาพ  ไม่โปรดที่จะขัดผู้ใด   สิ่งใดอนุโลมได้ก็ทรงอนุโลม  เรื่องตลับงาก็ทรงมีบ้าง    แต่ก็ทรงมีความสนพระทัยกิจกรรมบางอย่างเป็นส่วนพระองค์ คือการทอผ้า   ตั้งแต่ยังทรงอยู่ที่ศรีราชา    
บรรดาเจ้านายสตรีและนางข้าหลวงในตำหนักพากันทอผ้าเป็น  ถึงขั้นทอจำหน่ายในวังได้  สนพระทัยถึงกับสั่งหูกทอผ้าจากญี่ปุ่นเข้ามาใช้ทอ
ผ้าทอของสมเด็จฯมีตั้งแต่ผ้าแบบง่ายๆอย่างผ้าพื้น(หมายถึงผ้านุ่งไม่มีลาย) ไปจนผ้าทอชนิดยากๆ อย่างผ้ายกดอกไหม และผ้าโหมด(คือผ้าทอสอดเส้นทองในเนื้อผ้า
นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจส่วนพระองค์ ที่ไปได้ดีอีกมาก เช่นตั้งโรงสีข้าว   ซื้อขายรับจำนองที่นา    มีผู้จัดการผลประโยชน์คือคุณหญิงเอี่ยมภรรยาเจ้าพระยาอภัยราชา    ทรงเป็นเจ้านายสตรีที่มั่งมีพระองค์หนึ่ง

เวลาก็ผ่านไปอย่างสงบเป็นเวลาหลายปี  ไม่มีเหตุการณ์บ้านเมืองชวนให้อกสั่นขวัญหายอย่างตอนร.ศ. ๑๑๒ อีก  

สมเด็จพระบรมโอรสธิราชฯ คือเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธเสด็จกลับจากศึกษาที่อังกฤษ   ทรงปฏิบัติราชการ เป็นผู้แทนพระองค์ได้อย่างเรียบร้อย   พระสุขภาพก็ดี  แม้ว่าเคยผ่าตัดมาหนหนึ่งที่อังกฤษ      แต่ว่ายังมิได้คิดเรื่องอภิเษกสมรสกับเจ้านายสตรีองค์ไหนจนแล้วจนรอด  
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สมเด็จพระบรมราชินีฯ ทรงกังวลอยู่ไม่มากก็น้อย     ทรงเห็นว่าพระราชโอรสมีพระชนม์มากพอแล้ว     ถึงกับทรงเลือกเจ้านายสตรีที่เหมาะสมให้   แต่ก็ไม่เป็นผล
หนึ่งในเจ้านายสตรีที่ทรงเห็นว่าเหมาะสมคือ สมเด็จเจ้าฟ้านิภานภดล กรมขุนอู่ทองฯ พระราชธิดาที่ประสูติจากพระวิมาดาเธอ กรมพระสุทธาสินินาฏ    แต่สมเด็จพระบรมโอรสาฯ ก็ทรงยืนกรานปฏิเสธว่า "ไม่ขอเอาน้องเป็นเมียเป็นอันขาด"

ทีนี้มาพูดเรื่องการสืบสันตติวงศ์
เคยอ่านพบในเน็ตว่าสมเด็จพระบรมราชินีฯทรงทูลขอพระเจ้าอยู่หัวว่า ลำดับการสืบราชบัลลังก์นั้น  ขอให้ลำดับพระราชโอรสที่ประสูติจากพระองค์ไปจนหมดสายก่อน แล้วค่อยไปเริ่มที่สายของสมเด็จพระมเหสีพระองค์อื่น
แทนที่จะลำดับตามพระชนม์มากน้อยของบรรดาเจ้าฟ้าชาย (โดยไม่เลือกว่าประสูติจากพระราชมารดาพระองค์ไหน) อย่างเมื่อก่อน

ถ้าหากว่าพระเจ้าอยู่หัวทรงเห็นชอบตามนี้  ลำดับการสืบ ก็จะผิดไปจากเดิม กลายเป็นตามลำดับดังนี้
๑  เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ
๒  สมเด็จเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ  กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ
๓  สมเด็จเจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ  กรมหลวงนครราชสีมา
๔  สมเด็จเจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก  กรมขุนเพชรบูรณ์อินทราชัย
๕  สมเด็จเจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์   กรมขุนสุโขทัยธรรมราชา
ทั้ง ๕ พระองค์เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระบรมราชินีฯ
เมื่อมาถึงที่สุดของสายสมเด็จพระบรมราชินีฯแล้ว    ก็ยังมีเจ้าฟ้าในอีก ๒ สาย คือ
สายสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา   เหลือเพียงพระองค์เดียว คือ สมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช
กรมขุนสงขลานครินทร
สายสมเด็จพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี เหลือเพียงพระองค์เดียว คือ สมเด็จเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์กรมพระนครสวรรค์วรพินิต
ทั้งสองพระองค์นี้ ถ้าลำดับตามพระยศของสมเด็จพระราชชนนี ตั้งแต่ต้นรัชกาล  สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาเคยมีพระยศสูงกว่าสมเด็จพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี    แต่ถ้าลำดับตามพระชนม์ของเจ้าฟ้า   สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์ฯ มีพระชนม์สูงกว่าสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนสงขลาฯ

ดิฉันก็ยังหาหลักฐานเรื่องทูลขอไม่พบ  ไม่ทราบว่าจริงหรือไม่     แต่ถ้าเทียบกับหลักฐานจากที่อื่น ก็ยังแย้งๆกันอยู่
สิ่งที่จริงคือมีการสถาปนาตำแหน่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมารขึ้นในรัชกาลที่ ๕ แทนตำแหน่งวังหน้า    ก็มีเพียง ๒ พระองค์คือเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ และเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ  
ยังไม่มีพระราชกฤษฎีกา หรือพระบรมราชโองการใดๆ ในรัชกาลที่ ๕ ที่มีวี่แววให้เห็นว่า  พระเจ้าอยู่หัวจะโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเจ้าฟ้าในสายของสมเด็จพระบรมราชินีฯ ให้อยู่ในลำดับการสืบสันตติวงศ์ต่อจากเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ

เรื่องนี้ก็เลยน่าสงสัยว่าจริงหรือไม่  หรืออย่างน้อยถ้าสมเด็จพระบรมราชินีฯทูลขอจริง  พระเจ้าอยู่หัวก็มิได้ทรงเอื้ออำนวยตามนั้น  เพราะในตอนปลายรัชกาลที่ ๕   พระเจ้าอยู่หัวทรงเมตตาสมเด็จเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์เป็นอย่างมาก ถึงกับทรงเรียกว่า "เจ้าฟ้าองค์ที่ ๒" คือรองจากสมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ ผู้เป็น" เจ้าฟ้าองค์ที่ ๑"
ก็อาจจะพอมองเห็นว่า ยังทรงยึดลำดับอาวุโสมากน้อยของพระราชโอรส มากกว่ายึดฐานะของพระมเหสี

อย่างไรก็ตาม  ในรัชกาลที่ ๕ ปัญหานี้ก็ไม่ใช่เรื่องร้อนใจอะไรนัก    
หากว่าเหตุการณ์เป็นไปเหมือนรัชกาลก่อนๆ   สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯย่อมจะอภิเษกในวันใดวันหนึ่ง  แล้วก็คงจะมีพระราชโอรสหลายพระองค์  และมีพระองค์ใหญ่เป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯสืบราชบัลลังค์ต่อไป    ส่วนสมเด็จพระอนุชาหลายพระองค์นั้น พระองค์ใดจะอยู่ในลำดับใดก็ไม่น่าเป็นปัญหา เพราะก็จะทรงอยู่ห่างราชบัลลังก์ออกมาอยู่ดี

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็กลายเป็นปัญหาขึ้นมาจนได้   เพราะเมื่อสิ้นรัชกาลรัชกาลที่ ๕  สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ขึ้นครองราชย์ พระชนม์ได้ ๓๐ พรรษาแล้วก็ยังทรงเป็นโสด  มิได้ถูกพระราชหฤทัยในสตรีใดไม่ว่าเจ้านายหรือสตรีสามัญ

เมื่อเปลี่ยนแผ่นดิน   สมเด็จพระบรมราชินีฯ ก็ทรงเปลี่ยนฐานะเป็น "สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ  พระบรมราชชนนี"     ส่วนสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาฯ ทรงเป็น "สมเด็จพระมาตุจฉาเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี" ชาววังออกพระนามว่า "สมเด็จพระมาตุจฉา" ตลอดรัชกาลที่ ๖
พระราชโอรสที่ทรงเหลืออยู่เพียงพระองค์เดียวคือสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนสงขลาฯ เสด็จไปศึกษาต่อ ที่ต่างประเทศ   ได้เสด็จกลับมาสยามเพื่อร่วมงานถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว   ในตอนนั้นพระชนม์ได้ ๑๘ พรรษา  
แม่ลูกได้พบกันเพียง ๔ เดือนก็ต้องจากกันอีก  เพราะพระราชโอรสจะต้องเสด็จกลับไปศึกษาต่อ   สมเด็จพระมาตุจฉา ก็ทรงข่มความรักความอาลัยไว้อีกครั้งหนึ่ง  ด้วยธรรมะที่ทรงปฏิบัติต่อเนื่องกันมาหลายปี

เรื่องพระราชกฤษฎีการการสืบราชสันตติวงศ์ในรัชกาลที่ 6  จะนำมาเล่าให้ฟัง  ตอนนี้ขอหยุดดื่มน้ำแก้คอแห้งก่อนค่ะ  ขอเชิญคุยตามสบาย


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: หนูหมุด ที่ 29 พ.ย. 04, 19:31
 ลืมไปค่ะ
มาเข้าแถวต้อนรับการกลับมาของเจ้าเรือนด้วยคนค่ะ

อาจารย์เทาชมพูคะ เคยเห็นกล่าวถึงเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิตในกระทู้เจ้าวังปารุสก์และกระทู้อื่นๆบ้าง  อาจารย์เคยมีเล่าเรื่องของท่านโดยเฉพาะหรือเปล่าคะ ดูเหมือนเรื่องราวของท่านจะไม่ค่อยมีคนพูดถึงกันมากนัก ทราบแต่ว่าท่านโปรดเล่นดนตรี โดยเฉพาะซอสามสาย
หากอาจารย์พอจะมีเวลาว่างๆแล้ว ขอรบกวนอาจารย์เมตตาเล่าเรื่องของท่านด้วยนะคะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: คุณชาย....หูกาง ที่ 29 พ.ย. 04, 20:09
 ไม่ทราบว่า..พระโอรสและพระธิดา ของสมเด็จฯวังบางขุนพรหม ตอนนี้มีพระองค์ใดที่ยังมีพระชนม์ชีพอยู่บ้าง   ที่ผมทราบ...ล่าสุดคือ  พระองค์จุไรรัตนศิริมาน ทรงถึงแก่พิราลัยแล้ว ประมาณ ปี 2543หรือ 2544 นี่อ่ะครับ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: หนูหมุด ที่ 29 พ.ย. 04, 21:57
 ชื่อถนนพระราชทานนี้ หนูหมุดจำได้เพียง"ซังฮี้"ค่ะ สะพานซังฮี้ก็คือสะพานกรุงธน เคยได้ยินมาว่าชื่ออื่นๆนั้นปัจจุบันไม่ค่อยมีเรียกแล้ว

อยากทราบเรื่องชื่อตลับงา หนูหมุดไม่เคยได้ยินเลยค่ะ น่าจะเพราะนะคะ พอจะมีตัวอย่างบ้างไหมคะ
อาจารย์คะที่เล่นเครื่องลายครามนี้ ก่อนหรือหลังตลับงาคะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 29 พ.ย. 04, 22:20
 ตามมาอ่านต่อค่ะ  คุณเทาชมพูเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ  ก็อุตส่าห์มาเล่า(พิมพ์)ให้อ่านอย่างสนุกสนานเสียยาวมากเลย  และเป็นรายละเอียดที่คงต้องค้นมาไม่น้อย  ขอบพระคุณมากค่ะ  ขออนุญาตเรียนคุณชายนะคะ  ว่าดิฉันไม่ค่อยทราบเรื่องรายละเอียดของเจ้านายมากเท่าไหร่  ใครเป็นใครก็ยังสับสนอยู่  ขอค่อยๆเรียนรู้ไปทีละสายๆก่อนนะคะ  ขนาดพระโอรสธิดาของสมเด็จพระพันวัสสาพระองค์เดียว  ก็ยังต้องกลับไปทวนอ่านใหม่หลายทีกว่าจะจำได้  อย่าเพิ่งเร่งให้คุณเทาชมพูเล่ารายละเอียดมากๆเลยนะคะ  สมองของดิฉันตามไม่ค่อยทันน่ะค่ะ แฮ่ะๆ  และก็ยินดีที่มีผู้มีความรู้มากมาร่วมวงคุยกันเพิ่มนะคะ

คุณเทาชมพูคะ  ดิฉันเพิ่งมานึกได้ตอนนั่งอ่านเรื่อง "เล่นของ" ที่คุณเทาชมพูเล่ามาถึงตรงนี้เองค่ะ  ว่าก่อนหน้านี้  ชีวิตในวังหลวงดูเรียบๆเงียบๆ  อาจจะเป็นเพราะเรามีศึกสงครามบ่อยๆ  และไม่ได้ติดต่อกับต่างประเทศมาก  พอมาถึงยุคนี้  หลังจาก ร.๕ ทรงครองราชย์มานาน  บ้านเมืองสงบมามาก  แถมพระราชวงศ์ชั้นสูงไปศึกษาต่างประเทศกลับมา ก็เอาวัฒนธรรมความเป็นอยู่ขอบชาวตะวันตกกลับมาด้วยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน  และในจำนวนมากด้วย  

ดิฉันจำได้ว่า  ที่เคยอ่านใน "เกิดวังปารุสก์" นั้น  พระองค์จุลฯทรงเล่าไว้ว่า  สมเด็จพระพันปีหลวง  ทรง"ใจกว้าง"มาก  ประทานของขวัญมีค่าให้พระราชวงศ์ที่ทรงโปรดอยู่เนืองๆ  ในระยะหลังๆ  ก็ทรงประทานรถให้เป็นคันๆเลย  เลยนึกว่า  ปัญหาการคลังที่เคยอ่านว่า  มีเค้ามาตั้งแต่สมัย ร.๖  จนมาเป็นปัญหาใหญ่ในสมัย ร.๗  อาจจะมีต้นเหตุมาตั้งแต่สมัยต้นๆที่ชาววังเริ่มนิยม "เล่นของ" คือมีการจับจ่ายซื้อหาสิ่งของเครื่องประดับราคาแพงกันอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาในแผ่นดินก่อนหน้านี้กระมังคะ

ส่วนเรื่อง สมเด็จพระพันปีหลวง  จะทูลขอให้พระราชโอรสของพระองค์ได้สืบราชสันตติวงศ์ก่อน  ก็เพิ่งเคยได้ยินมาไม่นานนี้เอง  ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีปรากฏในหนังสือที่เคยอ่าน(ซึ่งก็ไม่มากเท่าไหร่)เลยค่ะ พอได้ยินก็สงสัยเป็นอย่างมาก  ขอบคุณคุณเทาชมพูมากเลยค่ะ  ที่พยายามหาหลักฐานอ้างอิงให้แน่ชัดน่ะค่ะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 พ.ย. 04, 09:06
ตอบคุณหนูหมุดก่อนนะคะ
ชื่อชุดตลับงา ซึ่งเป็นชื่อพระราชทาน   คุณหนูหมุดหาอ่านได้จาก "สี่แผ่นดิน" ของม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ค่ะ   ล้วนมีชื่อไพเราะมาก  มีเข้ากันเป็นชุดๆ เช่นชุดเครื่องต้น  ชุดปลา ชุดดอกไม้ ชุดนก

ในที่นี้ ขอยกชื่อชุดปลา  ตลับงาจำนวน 33 ใบ ของสมเด็จพระศรีสวรินทิราฯ มาให้อ่าน
1.อนนต์หนุนพสุธา
2.ปลาวาฬว่ายเทิ่ง
3.โลมาระเริงสินธุ์
4.กระเบนบินฝ่าคลื่น
5.ฉลามดื่นชายหาด
6.ฉนากฟาดชลฉ่า
7.กระโห้อ้าเห็นเพดาน
8.ปลาบึกผ่านแม่โขง
9.ปลากระพงพ่วงพี
10.สีเสียดแทรกพื้นสำเภา
11.กุเลางามสมส่วน
12.ยี่สนอ้วนตอนหน้า
13.อินทรีฝ่าสายสมุทร
14. ทุกังผุดพ่นน้ำ
15.นวลจันทร์ล้ำหลากศรี
16.พิมทองมีชื่อโด่ง
17.ชะโดโพล่งโดดลอย
18.เทโพคล้อยแฝงฝั่ง
19.สวายวังเล่ห์วาด
20.ปลาแรดพาดพักตร์แสยะ
21.ปลาม้าแบะโอษฐ์อ้า
22.ปลาหางพุ่งแฝงตม
23.กรายงามสมส่อชื่อ
24.ตะเพียนถือสีระบาย
25.น้ำเงินคล้ายเงินยวง
26.เนื้ออ่อนช่วงชูสี
27.คางเบือนทีเบือนคาง
28.แบนหล่างฉ่างจารเม็ด
29.ปลาแป้นเกล็ดลวดกระแส
30.ปลาทองแผ่หางกระจาย
31.ปลาเงินว่ายหูกระหวัด
32.ปลากัดหรูสีอร่าม
33.เข็มน้อยตามต่อเพื่อน

จะเห็นว่าทรงบรรยายธรรมชาติของปลาแต่ละชนิดประกอบชื่อด้วย

เครื่องลายคราม หรือสมัยก่อนเรียกว่าเครื่องถ้วย เล่นกันมายาวนานแล้วค่ะ  ไม่ใช่แฟชั่นนิยมอย่างตลับงา
เล่นกันในสมัยรัชกาลที่ 5  จนถึงรัชกาลที่ 6  และรัชกาลที่ 7 ก็ยังมี   มีการประกวดประขันตั้งเครื่องถ้วยเข้าชุดกัน เป็นโต๊ะด้วย
เครื่องลายครามที่มีค่ามาก  เป็นของในวัง  มีพระปรมาภิไธยออกแบบคล้ายลายจีน  สั่งทำจากเมืองจีน


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 พ.ย. 04, 09:44
 ตอบคุณพวงร้อย
ในช่วงปลายรัชกาลที่ 5   มีเค้าปัญหาเรื่องรายจ่ายในราชสำนักแล้วละค่ะ   เพราะว่าเงินรายได้ของแผ่นดินเอาไปลงทุนในกิจการต่างๆเพื่อความก้าวหน้า อย่างเรื่องการรถไฟ  ก็ต้องทอนงบประมาณในราชสำนักลง  พระคลังถวายได้ปีละ 1 ล้านบาท  
ค่าใช้จ่ายที่มากมายนี้รวมเรื่องเงินเดือนข้าราชการทั้งกระทรวงวัง  กรมราชเลขาฯ และอื่นๆทุกแผนก
เงินค่ารักษาซ่อมแซมวัดพระแก้ว   พระที่นั่ง พระราชวัง
ค่าเลี้ยงรับรองแขกบ้านแขกเมือง
งานเบี้ยหวัดรายปีพระราชวงศ์ทั้งหมด

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ เคยทรงเรียกสมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ไปเข้าเฝ้า แล้วตรัสว่า เดี๋ยวนี้ทรงจนเต็มที เงินไม่พอใช้   จะขอพระคลังเพิ่มก็ทรงลั่นวาจาไว้แล้วว่าขอเพียงแค่นี้   จะทำอย่างไรดี
สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ตกพระทัยที่พระเจ้าแผ่นดินทรงมีเงินไม่พอใช้  จึงกลับมาคิดตั้งสำนักงานทรัพย์สิน ถวาย  ด้วยการรวมเงินของเจ้านายต่างๆมาลงทุนให้งอกเงยขึ้นเป็นค่าใช้จ่าย

พูดถึงความหรูหราในราชสำนัก ก็มีจริง  ถ้าเทียบกับสมัยก่อนๆที่เรายังไม่มีอิทธิพลตะวันตกเข้ามาให้ซื้ออะไรมาก   แต่ของเหล่านั้นอย่างพวกเครื่องเพชรของเจ้านายฝ่ายใน ก็ตกทอดเป็นมรดกกันไปได้ ไม่ได้สูญเปล่า  ถือเป็นการเก็บออมอย่างหนึ่ง

เรื่องสมเด็จพระพันปี มีพระทัยกว้างขวางนั้น   ก็ได้ยินมาว่าเป็นความจริงค่ะ  ทรงชุบเลี้ยงทะนุบำรุงข้าราชบริพารอย่างดี เป็นที่เคารพรักกันมาก
ตอนต้นรัชกาลที่ 6 ทรงมีรายได้จากพระคลังปีละ สามแสนบาท   นี่หมายถึงว่าจ่ายเงินเดือนข้าราชการในพระองค์ (ซึ่งเทียบเท่ากับกรมหนึ่ง) ด้วยนะคะ ไม่ใช่จ่ายส่วนพระองค์    และพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ถวายเพิ่มให้อีกหนึ่งแสนบาท  เพื่อบำรุงพระเกียรติยศ

เรื่องรายจ่ายสมัยรัชกาลที่ 6 ที่ว่าเปลืองจนทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจในรัชกาลที่ 7 ก็เคยมีคนออกมาแย้งว่าไม่จริง ด้วยการแสดงหลักฐานค่าใช้จ่ายให้เห็น
เรื่องหนึ่งที่พูดกันมากคือทรงสร้างบ้านประทานข้าราชบริพารเสียเงินมากมาย   ความจริงมีแค่ 3 หลัง ทุกวันนี้ก็ยังอยู่ครบทุกหลังคือบ้านนรสิงห์ ตึกไทยคู่ฟ้า  บ้านบรรทมสินธุ์หรือบ้านพิษณุโลก และบ้านมนังคศิลา

มีก๊อสสิปเรื่องนี้ ที่ดิฉันไม่ได้เอามาลงในกระทู้ก๊อสสิปนอกกำแพงวัง  คือผู้เขียนเล่าจากคำบอกเล่าของคุณหลวงอีกน่ะละค่ะ  ว่าบ้านที่ว่าสร้างพระราชทานนั้น ความจริงก็เป็นพระตำหนักของพระองค์ท่านเอง  เพื่อจะเสด็จออกมาประทับ เวลามีพระราชประสงค์ให้พ้นจากพิธีรีตองอันเคร่งครัดต่างๆในพระบรมมหาราชวัง
พูดง่ายๆว่าอยู่แบบสบายๆหน่อย   แต่แทนที่จะสร้างไว้เฉยๆ นานๆจะได้ทรงอยู่เสียที ก็ให้ข้าราชบริพารคนสนิทอยู่ไป    และเมื่อสิ้นรัชกาลแล้วก็พระราชทานให้พวกเขาเป็นสิ่งตอบแทนที่รับใช้เบื้องพระยุคลบาทมา


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: หนูหมุด ที่ 30 พ.ย. 04, 16:01
 ขอบคุณอาจารย์เทาชมพูค่ะ เรื่องสี่แผ่นดินตอนแรกหนูหมุดว่าจะซื้อตอนงานหนังสือที่ผ่านมา (ทุนทรัพย์น้อยแต่อยากได้หลายเล่มค่ะ เลยต้องรอช่วงงานสัปดาห์หนังสือ) ก็พอดีไม่ได้อยู่เมืองไทยช่วงนั้น ตอนนี้รายการหนังสือเลยยาวเป็นหางว่าวเลย

อาจารย์คะเรื่องบ้านที่รัชกาลที่ 6 สร้างพระราชทานนั้น จำนวน 3 หรือ 4 หลังคะ
1. บ้านนรสิงห์
2. ตึกไทยคู่ฟ้า
3. บ้านบรรทมสินธุ์หรือบ้านพิษณุโลก
4. บ้านมนังคศิลา
หรือว่า บ้านนรสิงห์ จะคือตึกไทยคู่ฟ้าคะ

เรื่องสมเด็จเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต หนูหมุดรออ่านได้ค่ะ มาขอต่อคิวฟัง lecture เท่านั้นค่ะไม่ได้เร่งอาจารย์นะคะ เพราะเรื่องที่อาจารย์ได้กรุณามาเล่าในwebนี้ เชื่อว่าคงต้องใช้เวลาในการศึกษามาก แค่ได้ฟัง(อ่าน) ก็ถือว่าอาจารย์กรุณาแล้ว


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: ใบลาน ที่ 01 ธ.ค. 04, 12:38
 ผมเป็นสมาชิกใหม่คับ  ขออนุญาตมาอ่านหาความรู้ด้วยคนนะคับ

ผมเคยได้ยินมาเหมือนกันเกี่ยวกับเรื่องสมเด็จพระศรีพัชรินทราฯ  กราบบังคมทูลขอพระพรจาสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง  ให้พระราชโอรสของพระนางเป็นหลักสืบสายสันตติวงศ์ก่อนพระมเหสีเทวีองค์อื่นๆ

ผมรู้มาว่าเดิมนั้นสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงมีพระราชประสงค์ให้พระราชโอรสที่เกิดจาพระภรรยาเจ้าชั้นลูกหลวง  เรียงพี่เรียงน้องกันในการสืบสันตติวงศ์

แต่เรื่องที่สมเด็จพระศรีพัชรินทราฯ  จะกราบบังคมทูลขอพระพรนั้นจริงหรือเปล่าผมก้ไม่มีหลักฐานคับ  เคยได้ยินแต่เขาเล่ามา  แต่หลักฐานอย่างหนึ่งที่พอจะเป็นพยานได้ว่าภายหลังพระราชโอรสของสมเด็จพระศรีพัชรินทราฯ  ได้เป็นหลักในการสืบสันตติวงศืก็คือ  เมื่อคราวสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช  เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ  เสด็จกลบมาจากต่างประเทศ  สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงได้พระราชทานพระชัยนวโลหะ  ประจำรัชกาลที่  5  ให้กับสมเด็จพระบรมฯ  ต่อหน้าพระบรมวงศานุวงศ์  และขุนนาง  ไม่แน่ใจว่าใช่ที่พระที่นั่งอัมริจนทร์หรือเปล่านะคับ

รัชกาลที่  6  ท่านเล่าว่าพระชัยนวโลหะ  ประจำรัชกาลที่  5  หล่อขึ้นที่พระราชวังบางะอิน  แต่เดิมมีพระราชประสงค์จะพระราชทานให้กับเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ  แต่ได้เสด็จสวรรคตเสียก่อน  จึงได้พระชทานให้กับเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธต่อมา  ทั้งยังทรงบอกว่า  รัชกาลที่  5  ทรงกำชับว่า  พระชัยนวโลหะนี้  ให้พระราชโอรสที่พระชนมายุสูงสุด  ในบรรดาพระราชโอรสของสมเด็จพระศรีพัชรินทราฯ  เป็นผู้รักษาไว้จนกว่าจะสิ้นชีวิต  ซึ่งการพระราชทานพระชัยนวโลหะนี้  สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงทำตามอย่างรัชกาลที่  4  ในการพระชทานพระชัยนวโลหะ  ประจำรัชกาลที่  4  ให้กับพระราชโอรสสายสมเด็จพระนางเธอ  พระองค์เจ้ารำเพย  และถ้าผมจำไม่ผิดต่อใมพระชัยนวโลหะ  ในรัชกาลที่  5  สมเด็จพระราชปิตุลาฯ  ได้เป็นผู้เก็บรักษาไว้ที่วังบูรพาคับ

ขออนุญาตเล่าเกร็ดเล็กๆ  เมื่อคราวที่สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา  ไปรักษาพระอาการประชวรที่ศรีราชา  กรมพระสวัสดิฯ  ได้ทรงแอบมีรักกับหม่อมเจ้าหญิงอาภาพรรณ๊  จนความทราบถึงองค์สมเด็จฯ  ทำให้ทรงกริ้วมาก  ถึงกับมีรับสั่งจะจับขังสนม  กรมพระสวัสดิฯ  จึงพาหม่อมเจ้าหญิงอาภาพรรณีหนีไปอยู่ที่วังของกรมหลวงพิชิตปรีชากร  คับ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ธ.ค. 04, 08:35
 ดิฉันมาทำลิ้งค์โฮมเพจของคุณใบลานให้ค่ะ   อันที่คุณใบลานแจ้งไว้ในฟอร์มสมัครสมาชิก   ดิฉันเข้าไม่ได้ ไม่ทราบว่าทำไม
 http://www.roybilan.tk  
 http://www.geocities.com/roy_bilan222/

ชีพจรลงเท้าอีกแล้ว จำเป็นจะต้องไปต่างเมืองสองสามวัน  เจอกันวันจันทร์นะคะ
ระหว่างนี้เชิญคุยกันไปพลางๆก่อน


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: หนูหมุด ที่ 02 ธ.ค. 04, 16:15
 เดินทางปลอดภัยนะคะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 02 ธ.ค. 04, 22:58
 ขอให้เดินทางด้วยดีค่ะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: นายชินจัง ที่ 06 ธ.ค. 04, 10:58

มาแวะอ่านคร๊าบผม!!  


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ธ.ค. 04, 16:48
 พระราชกฤษฎีกาเรื่องเลือกรัชทายาท มีขึ้นในต้นรัชกาลที่ ๖  ส่วนปลายรัชกาล ก็ทรงลำดับเรื่องการสืบสันตติวงศ์โดยละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
หาอ่านได้ที่
 http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/K2798547/K2798547.html

เรื่องรัชทายาทในต้นรัชกาล  พระเจ้าอยู่หัวทรงเลือกทางสายสมเด็จพระบรมราชินีนาถ  ด้วยทรงวิเคราะห์ว่า
1) "...พระโอรสในสมเด็จพระบรมราชินีนาถนับว่าเป็นพระโอรสของพระอัคระมเหษีโดยแน่นอน( พูดกันตามภาษาคน ก็คือ เปนลูกเมียหลวง)"
2) เรื่องพระชัยนวโลหะ ก็อย่างที่คุณใบลานเล่าไว้  คือในสมัยรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯพระราชทานพระชัยนวโลหะ ให้พระราชโอรสในสายสมเด็จพระเทพศิรินทราฯ  ตามลำดับพระชนมายุ
ต่อมาในรัชกาลที่  5 เมื่อพระราชทานพระชัยนวโลหะประจำรัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ก็มีพระราชประสงค์ให้ตกทอดแก่พระเจ้าลูกยาเธอในสายสมเด็จพระบรมราชินีนาถตามลำดับอาวุโส
ทรงยกข้อนี้ขึ้นมาเป็นน้ำหนักเหตุผลข้อหนึ่ง
3) ในพระราชหัตถเลขารัชกาลที่ 5 ฉบับหนึ่ง แสดงพระราชประสงค์ว่าถ้าเสด็จสวรรคตเมื่อใด   โปรดเกล้าฯให้เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ เป็นผู้ถวายน้ำสรงพระบรมศพและ และถวายทรงพระชฎามหากฐิน  แต่ถ้าเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธยังไม่เสด็จกลับจากยุโรป  ก็โปรดเกล้าฯให้เจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกฯเป็นผู้ถวายแทน   ทั้งที่ในตอนนั้นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชพระองค์แรกก็ยังมีพระชนม์ชีพอยู่
ทั้งนี้เพราะพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ทรงเห็นว่าเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ ไม่ค่อยจะเข้าเฝ้าและพยาบาลในเวลาพระเจ้าอยู่หัวประชวร   เหมือนไม่ค่อยจงรักภักดีนีก  อาจจะทอดทิ้งพระบรมศพได้  จึงทรงมอบให้เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธทรงกระทำหน้าที่แทน

เหตุผล 3 ข้อนี้จึงทำให้พระเจ้าอยู่หัวทรงตัดสินพระทัย เลือกเจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกฯเป็นรัชทายาท   แต่อย่างไรก็ตามก็ทรงมีข้อตะขิดตะขวงเรื่องพระโอรสของเจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกฯ ที่เกิดจากหม่อมคัทธิน  ว่ามิได้เป็น "อุภโตสุชาติ" คือมีตระกูลสูงทัดเทียมกันทั้งทางฝ่ายพ่อและแม่    ถึงกระนั้น ก็ทรงเห็นว่าจะป้องกันได้ลำบาก   หากราชบัลลังก์ตกไปถึงเจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกฯจริงๆในวันหนึ่งภายหน้า และมีพระประสงค์จะยกพระโอรสขึ้นเป็นรัชทายาท ก็ย่อมทรงทำได้อยู่ดี

แต่ปัญหาที่ทรงกริ่งเกรง ก็จบลงไปเมื่อเจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกฯ ทิวงคต ในรัชกาลที่ 6 นั้นเอง


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: ลายคราม ที่ 06 ธ.ค. 04, 18:09
 เเหมคุณเทาชมพูคะ  อย่างนี้จบกระทู้เเล้ว  ดิฉันขอรวมเล่มไปพิมพ์ขายนะคะ  จนป่านนี้หนังสือ "สมเด็จพระศรีสวรินทิราฯ" ของคุณสมภพ จันทรประภา  ก็คงขาดตลาดเเล้ว  คงจะพอขายได้บ้างกระมังคะ  เเล้วจะตั้งชื่อเรื่องว่าอะไรดี  ชื่อ "สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าฯ"  ดีไหมคะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ธ.ค. 04, 18:26
 รายชื่อหนังสืออ้างอิง ของกระทู้นี้ จะลงไว้ท้ายกระทู้เมื่อจบกระทู้นี้แล้ว  แบบเดียวกับกระทู้เจ้าดาราทองค่ะ
นอกจากเรื่องสมเด็จพระศรีสวรินทิราฯ ของคุณสมภพ จันทรประภาแล้วก็ยังมีหนังสือเรื่องอื่นๆอีก 3-4  เล่มหรือมากกว่านั้น แล้วแต่ว่ากระทู้จะมีรายละเอียดมากน้อยแค่ไหน  จบกระทู้แล้วก็จะลงไว้ทีเดียวเลย
เรื่องราวในกระทู้ต่างๆ ที่ดิฉันเรียบเรียง  มีเอาไว้อ่านฟรีทางเน็ต  ไม่ได้เอาไว้พิมพ์ขายค่ะ

ถ้าคุณอยากพิมพ์ขาย  วิทยานิพนธ์เรื่องชวาของคุณก็น่าสนใจนี่คะ  พิมพ์หรือยัง


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: กุลธิดา ที่ 06 ธ.ค. 04, 23:12
 ขอขอบพระคุณคุณเทาชมพูที่สู้อุตสาหะ เรียบเรียงข้อมูลความรู้
ที่ถือว่าหาอ่านได้ยากยิ่งลงในเวบวิชาการแห่งนี้ อันเปรียบได้ว่าเป็น"คลังสมอง"สำหรับคนหลายๆคนรวมทั้งดิฉันด้วย

แต่อ่านไปอ่านไป ก็เกิดอาการหงุดหงิดนิดหน่อยนะคะ ที่ต้องมาพบว่าในคลังสมองแห่งนี้ยังมีคนบางประเภทที่เข้าข่าย"กัดไม่เลือก" หรือจะเรียกว่า"กัดไม่ปล่อย" ชนิดที่ไม่มีสติแห่งความรู้ควรไม่ควรว่าอะไรควรพูดหรือไม่ควรพูด
คำถามช่างใสซื่อราวกับทารกที่"ผีมือบอน"สักแต่แค่เจาะปากมาให้เท่านั้น แต่ลืมใส่สมองมาในกระโหลกให้ด้วย..

เรื่องราวแห่งความหลังครั้ง"ในวัง"นั้น ใครเล่าจะไปล่วงรู้ได้ ถ้ามิใช่เพราะผู้ใหญ่ได้เล่่าต่อๆกันมา หรือจากบันทึกข้อความที่หลงเหลือ (ซึ่งในปัจจุบันต้องวิ่งหาอ่านเอาจากหนังสืองานศพ)
และใช่ว่าทุกครัวเรือนจะมีหนังสือของคุณสมภพ จันทรประภา
วางไว้ใกล้มือให้หาอ่านได้สะดวก

แต่ใน"คลังสมอง"ที่นี่ ทุกอย่างมีอยู่พร้อมพรัก ราวกับอาหารทิพย์คุณเทาชมพูและผู้รู้ท่านอื่นๆได้ค้นคว้านำมาปรุงใส่ถาดทองวางไว้ให้บนโต๊ะสไตล์บุฟเฟท์ พร้อมทั้งเชิญแขกผู้สนใจให้เข้ามาลิ้มรสแบบฟรีๆสตางค์แดงเดียวก็ไม่เสีย  แล้วจะเอาอะไรกันอีก..?

น่าเบื่อออกนะคะ พวกแขกเชิญประเภทไม่รู้คุณ จ้องแต่จับผิด
ดิฉันละเชื่อเลยค่ะ ว่า คนบางคนต่อให้เรียนด๊อกเตอร์จากสถาบันที่สูงส่ง แต่ จิตใจแย่จนไม่รู้จะเปรียบกับอะไรดี
ขอเสนอว่า..ครานี้คือการสมควรแก่เวลาที่คุณเทาชมพูต้องใช้"ไม้แข็ง" กับคนคนนี้ซะที ดีไหมคะ?


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ธ.ค. 04, 09:42

ตอบคุณหนูหมุด   คห. 53
บ้านนรสิงห์ ก็คือตึกไทยคู่ฟ้าที่เป็นทำเนียบรัฐบาลในปัจจุบันค่ะ

คุณลายครามคะ   ญาติผู้ใหญ่ในเน็ตของคุณออกมาปรามแล้วนะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ธ.ค. 04, 17:02
 ในรัชกาลที่ 6   สมเด็จพระมาตุจฉาเจ้าและสมเด็จพระบรมราชชนนี  ทรงมีเวลาว่างพอจะเสด็จมาเยี่ยมเยียนกันได้บ่อยๆ    สมเด็จพระบรมราชชนนีประทับที่วังพญาไท    เมื่อสมเด็จพระมาตุจฉาเจ้าเสด็จมา  เจ้าของวังก็ทรงหมอบกราบรับเสด็จอย่างน้องพึงทำต่อพี่   ทรงสนิทสนมกันถึงกับเสด็จทางเหนือเยี่ยมราษฎรด้วยกัน
เนื้อที่ในกรุงเทพสมัยรัชกาลที่ 6 ยังน้อยมากเมื่อเทียบกับสมัยนี้    พญาไทยังเป็นทุ่ง  เช่นเดียวกับสระปทุม เป็นชานเมืองห่างไกลตึกรามบ้านช่อง     อากาศโปร่งสบายเหมือนอยู่ในชนบท      

สมเด็จพระมาตุจฉาเจ้าฯ ทรงปลูกตำหนักที่เรียกว่า "วังสระปทุม" ในปัจจุบัน  ทรงร่างแบบเอง ให้สถาปนิกเอาไปออกแบบอีกทีหนึ่ง   เป็นที่อยู่ที่ห้องหับต่างๆโปร่งโล่งสว่าง รับลมได้ ไม่มีมุมอับ
สมเด็จฯทรงปฏิบัติพระองค์อย่างง่ายๆเมื่อเสด็จมาประทับแรมระหว่างวังยังสร้างไม่เสร็จ   โปรดที่จะแจวเรือไปแถวประตูน้ำเพื่อซื้ออาหารสด  หรือนั่งเรือลัดเลาะไปจนถึงคลองเตย
เมื่อวังสระปทุมสร้างเสร็จ ก็โปรดให้ปลูกกล้วยและทำสวนครัว   พืชผลที่ปลูกได้ก็ไม่ทิ้งไว้เปล่าๆ  อะไรขายได้ก็ขาย  อย่างใบตองที่เหลือใช้  เชือกกล้วย  กล้วยสุก  ทรงขายได้ทั้งนั้น     ผักสดที่เสวยก็ไม่โปรดให้จัดมามากมายเกินเสวย   และไม่ต้องแกะสลักเพราะจะเป็นการเสียของไปโดยเปล่าประโยชน์   ทรงมีรายได้จากพืชผลปีละหลายร้อยบาท   นอกจากนี้ก็ทรงอุปการะเด็กๆไว้หลายคนทั้งชายและหญิง

สมเด็จฯทรงดำเนินชีวิตอย่างสงบเช่นนั้นมาเป็นเวลาหลายปี จนสงครามโลกครั้งที่ 1 เกิดขึ้น  สยามตัดสินใจเข้าเป็นฝ่ายพันธมิตร   ต่อต้านเยอรมนี  ในช่วงนี้เองพระเจ้าลูกยาเธอ สมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมขุนสงขลานครินทร์ พระราชโอรสที่เหลืออยู่เพียงพระองค์เดียวที่ศึกษาอยู่ในโรงเรียนนายเรือเยอรมนี  จนได้เป็นนายเรือ ต้องเสด็จกลับบ้านเกิดเมืองนอน   เป็นที่โสมนัสของสมเด็จฯเป็นอย่างมากที่พระราชโอรสเสด็จกลับมาอยู่ใกล้ชิด  
แต่ทรงอยู่ในสยามได้ไม่นาน ก็เสด็จไปศึกษาต่ออีกครั้ง   คราวนี้ไปศึกษาด้านการแพทย์ที่สหรัฐอเมริกา    พระราชชนนีแม้ทรงอาลัยเพียงใดก็ทรงอนุโลมตามไม่ขัดพระทัย

ระหว่างศึกษาที่สหรัฐอเมริกานี้เอง   สมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนสงขลาฯ ก็ทรงพบหญิงสาวนักเรียนไทยที่ได้ทุนมาศึกษาวิชาพยาบาล   มีรูปสมบัติ คุณสมบัติอันประเสริฐ เป็นที่พอพระทัย
เราคงจะทราบกันว่า ต่อมาก็คือสมเด็จพระศรีนครินทรบรมราชชนนี  หรือ "สมเด็จย่า" ของปวงชนชาวไทยนั่นเอง


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: Marty ที่ 07 ธ.ค. 04, 18:31
 ขอแทรกถามนิดหนึ่งครับ เรื่องสมเด็จพระบรมราชชนก ทรงไปศึกษาต่อวิชาแพทย์
เคยทราบมานิดหน่อยว่า เหตุที่ไม่ทรงเป็นทหารเรือต่อเพราะพระองค์อยากจะปฏิบัติงานในเรือรบ
แต่กลับมาแล้ว ทางราชการเห็นว่าท่านเป็นเจ้าฟ้าไม่ควรจะต้องไปลำบากขนาดนั้น เลยให้ท่านเป็นอาจารย์ในโรงเรียนนายเรือ
ท่านเลยเกิดความเบื่อหน่ายอาชีพทหารเรือ
ประกอบกับ กรมหมื่นชัยนาถฯทรงทำให้ท่านสนใจในเรื่องการสาธารณสุข
จึงทำให้พระองค์ตัดสินใจไปศึกษาต่อ นอกจากเหตุผลเหล่านี้ มีเหตุผลอื่นอีกไหมครับ
หรือท่านใดจะช่วยเล่าเรื่องนี้ละเอียดขึ้น ก็ขอบคุณมากครับ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: Marty ที่ 07 ธ.ค. 04, 18:50
 อ้ออีกนิดหนึ่งครับ เคยได้ยินคุณ ส.ศิวรักษ์บอกว่า ตอนไทยประกาศเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1
สมเด็จพระบรมราชชนกท่านขออาสาไปรบกับเยอรมันด้วย (หมายถึงไปสู้กับเยอรมัน ไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกับเยอรมันครับ)
แต่ทางราชการไม่ยอม ไม่ทราบว่าเท็จจริงเพียงใดครับ และอาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ท่านเบื่อการเป็นทหารเรือก็ได้


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 07 ธ.ค. 04, 18:52
 จากกระทู้นี้และหลายๆกระทู้ที่ผ่านมาเมื่ออ่านแล้วผมได้แรงบันดาลใจในการไปหาความรู้เพิ่มเติมหนังสือมีเยอะเชียวครับในท้องตลาดที่เกี่ยวกับพระราชวงศ์และประวัติศาสตร์ในรั้วในวัง
แต่การที่อาจารย์เทาชมพูของผมเขียนบอกไว้ตรงนี้เป็นเสมือน guidline ให้ไปหาอ่านในรายละเอียดที่อื่น

ความจริงเรื่องราวเหล่านี้เหมือนสามก๊กอย่างหนึ่ง คือเต็มไปด้วยชื่อ และสายสัมพันธ์ระหว่างบุคคลนั้นโยงใยหลายต่อจนยากที่จะจับความได้ถ้ายังไม่คุ้นเคย กระทู้ของอาจารย์ได้เติมเต็มในส่วนนี้ทำให้เวลาเราไปอ่านหนังสือเล่มอื่นเราสามารถตามได้ตลอด

ทำไมผมถึงสนใจอ่าน? ไม่เชิงว่าอยากรู้หรอกครับ แต่เป็นในเชิงความรุ้สึกมากกว่า เพราะเมื่อไรที่ผมได้อ่าน ผมได้รับบรรยากาศแห่งความเป็นไทย เสมือนกับที่ผมอ่านนิยายจีนเพื่อซึมซับบรรยากาศและแนวคิดแห่งความเป็นจีนนั่นแหละครับ ไม่รู้ว่าคนอื่นรู้สึกแบบเดียวกับผมรึเปล่านะ

ผมนะตอนนี้ซื้อหนังสือมา 2 เล่ม บังเอิญไม่ได้อยู่ในมือก็ขอเขียนชื่อคร่าวๆก่อนแล้วกันจำชื่อผู้แต่งไม่ได้ด้วย
1. ลูกท่านหลานเธอ ผู้อยู่เบื้องหลัง.........
2. เรื่องรัก รัก ในวังหลวง โดย กิตติพงษ์ .....
(ประจุด คือจำไม่ได้ครับ อิอิอิ  ขออภัยๆๆ)
อ่านสนุกดีครับ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ธ.ค. 04, 20:52
 สมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนสงขลาฯ โปรดที่เข้ารับราชการทหารเรือ  แต่โปรดในด้านลงมือปฏิบัติงานสมกับทรงศึกษามา   อย่างบังคับการเรือตอร์ปิโด  และออกทะเลอย่างทหารเรืออาชีพจริงๆ
แต่ความเป็นเจ้าฟ้าก็เป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งที่ทำให้ราชการเห็นว่าไม่ควรเสี่ยงถึงขั้นนั้น    ในสยามตอนนั้นเจ้าฟ้าชั้นทูลกระหม่อมก็เหลืออยู่น้อยมาก   พระเจ้าอยู่หัวก็ยังไม่ทรงมีรัชทายาท
จึงได้แต่ทรงเป็นครูสอนที่โรงเรียนนายเรือ   ทำให้ทรงเบื่อหน่าย  ทำงานได้ไม่ถึงหนึ่งปีก็ทรงลาออก

กองทัพเรือในสมัยรัชกาลที่ 6 มีเรืออยู่น้อย   แทบจะเรียกว่า "กองทัพ" เรือไม่ได้   มีปัญหาขัดข้องหลายอย่าง  อย่างเช่นการปฏิบัติการเรือรบ  ทรงคิดเรื่องเรือดำน้ำ แต่ก็ไปขัดข้องเรื่องเสบียงที่จะใช้ในเรือ   จึงทรงอยากจะศึกษาเรื่องอาหารที่เป็นประโยชน์เหมาะสมกับการนำไปใช้ในเรือ   จึงอยากจะทรงศึกษาต่อเรื่องสุขวิทยา    พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมขุนชัยนาทฯ จึงทรงแนะนำให้ไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา  นอกจากเรื่องอาหารก็ควรศึกษาเรื่องการแพทย์ด้วย

เหตุผลอีกอย่างที่คุณ Marty ถาม น่าจะเป็นเรื่องพระอนามัยที่ไม่สู้แข็งแรงรัก   เสด็จกลับเมืองไทยก็ประชวรด้วยโรคไข้รากสาดน้อย พระอาการหนักอยู่หลายเดือน       แต่ว่าโชคดี การรักษาในตอนนั้นทันสมัยขึ้น   ทรงทุเลาได้จนหายเป็นปกติ      การเสด็จไปอเมริกาก็เพื่อรักษาพระองค์เรื่องพระพลานามัยด้วย

เรื่องที่คุณ ส.ศิวรักษ์เล่าดิฉันไม่เคยอ่านพบ  สงสัยว่าไม่จริง   เพราะทรงศึกษาจากเยอรมัน  ตอนเริ่มสงครามใหม่ๆก็ยังทรงแต่งเครื่องแบบนายทหารเรือเยอรมันอยู่   ถึงกับถูกเข้าใจผิดว่าเป็นจารบุรุษญี่ปุ่น ถูกจับไปโรงพัก และถูกขัง  แต่เมื่อติดต่อสถานทูตไทยได้ก็ทรงถูกปล่อยตัว  
หาอ่านได้ใน "เกิดวังปารุสก์"

เมื่อทรงอยู่ในยุโรปทรงแต่งเครื่องแบบทหารเยอรมัน ก็น่าจะทรงอยู่ในกองทัพเยอรมัน  หรืออย่างน้อยก็ถือว่าเป็นมิตรฝ่ายเยอรมัน   ไม่ใช่ฝ่ายพันธมิตร  
ถ้าจะย้อนกลับไปสมัครเข้าฝ่ายพันธมิตร    ท่านจะเลือกเข้าข้างฝ่ายที่ตรงกันข้ามกับครูบาอาจารย์และเพื่อนร่วมโรงเรียนหรือคะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: ลายคราม ที่ 07 ธ.ค. 04, 22:23
 ยังไงคุณเทาชมพู  มายกเป็นญาติผู้ใหญ่ฉันเสียล่ะคะ  ขอโทษเเล้วกัน  เเต่ก็จริงอย่างคุณกุลธิดาว่าล่ะค่ะ  ดิฉันไม่ใด้ใช้สมองในการเขียนความคิดเห็นอะไรหรอกค่ะ  เเล้วก็ขอพูดอย่างไม่ใช้สมองอีกว่าในนี้ใครจะรู้ว่าใครเป็นใครจริงไหคะ  เเหมคุณก็ชีวิตจริงก็ซีเรียสตายเเล้ว  จะเล่นเน็ตทั้งที่จะไปคิดอะไรให้มันมาก  คิดอะไรได้ก็เขียนไปจริงใจดีออก


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: นนทิรา ที่ 08 ธ.ค. 04, 03:21
เข้ามาลงชื่ออ่าน และขอบพระคุณคุณเทาชมพูค่ะ ที่ค้นคว้าและรวบรวมเรื่องราวจากแหล่งต่างๆมาให้อ่านกัน เป็นคลังความรู้ที่มีประโยชน์และกระตุ้นให้หลายๆท่านนำไปค้นคว้าต่อยอดต่อไป

และสำหรับคนไทยในต่างแดนอย่างดิฉัน ซึ่งไม่มีแหล่งหนังสือให้ไปค้นคว้าได้ง่ายๆ ดิฉันรู้สึกซาบซึ้งในการที่คุณเทาชมพูพยายามค้นข้อมูลเพื่อมาตอบคำถามและเล่าให้ฟัง ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ

นำภาพดอกไม้มาฝากเป็นกำลังใจให้คุณเทาชมพูค่ะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 08 ธ.ค. 04, 04:05
 มาขอบคุณอีกคนค่ะ  ซาบซึ้งในความอุตสาหะของคุณเทาชมพูที่รวบรวมมาเรียบเรียงในภาษาที่อ่านง่าย สนุกชวนติดตาม  ที่สำคัญเป็นฐานข้อมูลที่สำคัญบนเว็บ  ดิฉันค้นอินเตอร์เน็ตประจำ  ก็รู้สึกสะท้อนใจทุกครั้ง  ที่เวลาเราหาข้อมูลภาษาอังกฤษ  ไม่ว่าจะพิมพ์คำอะไร  ไม่เคยสักครั้งที่กูเกิ้ลจะหาไม่ได้  มีแต่หามาให้มากเว็บจนอ่านไม่หมด  

และก็เห็นเด็กนักเรียนทั้งในห้องต่างๆบนเว็บวิชาการ  และที่อื่นที่ผ่านตามาบ้าง  ต่างก็จนปัญญากับการหาข้อมูลภาษาไทยกันจริงๆ  ยิ่งข้อมูลพวกประวัติศาสตร์ ภาษาไทยของเราเอง  ยังมีน้อยกว่าอย่างอื่นเสียอีก  ดิฉันซาบซึ้งกับการมองเห็นการณ์ไกลของคุณเทาชมพู  ที่เล็งเห็นว่า  การมีข้อมูลให้ค้นได้โดยสาธารณชนบนเว็บ  จะมีส่วนช่วยต่อยอดความรู้ให้กับคนไทยเราได้ดีที่สุดเลยค่ะ

เอารูปมาฝากค่ะ  ดอก trumpet vine กำลังบานบนกำแพงบ้าน  ทำกรอบมั่วไปมั่วมามันออกมาดี  เลยนึกถึงคุณเทาชมพูค่ะ


ขอวกกลับมาหน่อยนะคะ  เคยผ่านตามา  จำไม่ได้แล้วว่าจะเป็น เกิดวังปารุสก์ รึเปล่า  ที่เล่าถึงเมื่อ กรมหลวงสงขลาฯ เสด็จไปรับ นส.สังวาลย์ (เข้าใจว่าเป็นข้าหลวงในสมเด็จพระพันวัสสาฯมังคะ)  ซึ่งจะมาเรียนพยาบาล  พอได้เห็นหน้า ก็ทรง"เพ้อ"ถึงความงามให้พระสหายฟัง  ดิฉันเสียดายที่จำผู้เขียนไม่ได้  แต่จำได้แม่นเลยค่ะ  ว่าอ่านไปก็อมยิ้มไปด้วย  โรแมนติคกว่าในนิยายเป็นไหนๆเลยค่ะ  เดี๋ยวฝนหยุดตกแล้วจะไปขุดกรุหนังสือในโรงรถมาค่ะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 04, 08:19
สวยทั้งดอกไม้สวยทั้งกรอบเลยค่ะคุณพวงร้อย  เห็นกรอบแล้วอยากทำบ้าง เดาว่ามีวิธีให้ใส่ลายและเลือกสีในกรอบได้    แต่คงเป็นขั้นตอนที่ยากขึ้นกว่าที่ทำอยู่ตอนนี้  ตอนนี้ขอเตาะแตะไปทีละขั้น
ขอบคุณสำหรับกำลังใจ  ทั้งคุณ paganini และคุณพวงร้อยค่ะ

คุณลายครามนอกจากไม่ใช้หัวคิดแล้วความจำยังไม่ค่อยดีอีกด้วยนะคะ  จำคุณกุลธิดาก็ไม่ได้ หรือจำได้เฉพาะคุณ Cinnebar ก็ไม่ทราบ
งั้นคงจำชื่อหนอ   LEE  อดีตทหารเรือหญิง เกนูรี  อดิศักดิ์  รมณีย์  หม่อมชุลี ธารกำนัล  a-b-c-d-f เงาในกระจกทั้งกลุ่ม ไม่ได้แน่ๆเลย  
ไม่เป็นไรค่ะ จำไม่ได้ก็ไม่ว่ากัน  ขอให้เอาเวลาที่โพสต์อะไรที่ไม่สร้างสรรค์ มาฟังเฉยๆดีไหม   มือไม่พายแต่เอาเท้าราน้ำนี่ไม่สมกับวุฒิภาวะของคนอายุ 35-36 เลยนะ

คุณพวงร้อยพักก่อน อย่าเพิ่งเหนื่อยไปค้นหนังสือเลยค่ะ  เรื่องที่คุณพวงร้อยถาม   มาจากบันทึกของคุณหลวงสุขุมนัยประดิษฐ ค่ะ

" ในระหว่างที่พักอยู่กับทูลกระหม่อมนี้  คืนวันหนึ่งก็เป็นคืนที่คุณสังวาลย์และคุณอุบลซึ่งออกเดินทางไปเรือเดียวกันกับข้าพเจ้า  และพักที่เสียที่มลรัฐคาลิฟอร์เนียก่อน 1 ปีจะเดินทางมาถึงบอสตัน   รถไฟจะมาถึงราว 2 ยาม

 ทูลกระหม่อมเตรียมพระองค์จะไปรับ   เพราะสองคนนี้เป็นนักเรียนของท่าน   ข้าพเจ้าขอร้องขอไปรับด้วย  แต่รับสั่งว่าข้าพเจ้ายังไม่สบายและดึกดื่นนัก  อย่าไปเลย   ประมาณสักตี 2 เศษ  คือรถมาถึงแล้ว  และทรงพาไปพักโฮเต็ลแล้ว

 พระองค์ท่านเสด็จกลับมาถึงบ้าน  ปลุกข้าพเจ้าทันที  แล้วรับสั่งว่า

" ผู้หญิง 2 คนมาถึงแล้ว   แม่สังวาลย์สวยเช้งเทียวแกเอ๋ย"

ข้าพเจ้ารู้สึกสงสัยทูลกระหม่อมทันทีว่า คงจะพอพระทัยในคุณสังวาลย์มาก  ถึงกับปลุกข้าพเจ้าขึ้นในเวลาดึกดื่น เพื่อชมให้ฟัง  ต่อนั้นมาก็ได้จัดส่งคุณสังวาลย์และคุณอุบลไปอยู่เมืองฮาร์ตฟอร์ดในมลรัฐคอนเนคติกัต   หนทางโดยรถไฟจากบอสตันราว 5 ชั่วโมง   ข้าพเจ้าเคยเป็นผู้นำจดหมายและข้าวของส่งไปส่งมาระหว่างทูลกระหม่อมกับคุณสังวาลย์"

อ่านแล้วนึกถึงพระราชนิพนธ์แปล เรื่องเวนิสวาณิช ในรัชกาลที่ 6 ขึ้นมา

ความเอยความรัก
เริ่มประจักษ์ชั้นต้น ณ หนไหน
เริ่มจำเพาะเหมาะกลางหว่างหัวใจ
หรือเริ่มในสมอง ตรองจงดี
แรกจะเกิดเป็นไฉนใครรู้บ้าง
อย่าอำพรางตอบสำนวนให้ควรที่
ใครถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงรตี
ผู้ใดมีคำตอบขอบใจเอย

ตอบเอยตอบถ้อย
เกิดเมื่อเห็นน้องน้อยอย่าสงสัย
ตาประสบตารักสมัครไซร้
เหมือนหนึ่งให้อาหารสำราญครัน
แต่ถ้าแม้นสายใจไม่สมัคร
เหมือนฆ่ารักเสียแต่เกิดย่อมอาสัญ
ได้แต่ชวนเพื่อนยามาพร้อมกัน
ร้องรำพันสงสารรักหนักหนาเอย


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 08 ธ.ค. 04, 22:01
 เปิดกระทู้ทิ้งไว้ว่าจะมาตอบเมื่อคืน  ต้องไปช่วยเด็กทำการบ้านแล้วเพลียไปเข้านอนลืมไปเลยค่ะ

ขอบคุณคุณเทาชมพูที่หามาให้ได้ทันใจจริงๆ  เป็นเกร็ดประวัติของพระองค์ท่านที่ "น่ารัก" มากจริงๆเลยนะคะ

คุณหลวงท่านว่าไว้ว่า  "ทูลกระหม่อมเตรียมพระองค์จะไปรับ เพราะสองคนนี้เป็นนักเรียนของท่าน"  ถ้าอย่างนั้น ทูลกระหม่อมก็ทรงเคยรู้จัก "คุณสังวาลย์" มาก่อนน่ะซีคะ  แต่มาดูอีกที  อาจจะเป็นเพราะไม่ได้ทรงพบมานาน  สมเด็จย่าฯคง "โตเป็นสาว" งดงามผิดไปจากตอนยังทรงพระเยาว์  กรมหลวงสงขลาฯถึงได้เพิ่งมา "เพ้อ" เอาตอนนี้นะคะ  (ยังอมยิ้มต่ออยู่ค่ะ)


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: กุลธิดา ที่ 09 ธ.ค. 04, 00:21
 แหม..คุณเทาชมพูคะ อยากจะเล่าเหมือนกันว่ากระแสจิตของใครบางคนนี่แรงจริง  วันนี้ดิฉันไปเดินที่ศูนย์หนังสือจุฬา ใจก็ร่ำๆ
อยากจะไปแวะเยี่ยมหลานด๊อกเตอร์ให้รู้เรื่องรู้ราวไปเหมือนกัน
เพราะอยากรู้นักว่า เกิดคลั่งอะไรขึ้นมาอีก..นี่เข้าข่ายโรคจิตวิปริตเต็มที หรือไม่ก็"ผีเน็ท"เข้าสิงถึงขนาดเที่ยวตั้งคำถามปั่นกระทู้ที่โน่นที่นี่
สมองอย่างด๊อกเตอร์สติเฟื่องช่างกัดคนนี้ คงลืมไปว่า..
คุณเทาชมพูเป็นผู้ดูแลเวบนี้ จะเอาไอพีมา"ดู" หรือ มา"เทียบ"
เมื่อไหร่ก็ได้  แถม"ตัวเป็นๆ" ก็อยู่แค่เอื้อม
ระวังนะคะ  วันดีคืนดี คุณลายคราม และอีกสารพัดชื่อ(ที่นับไม่หมดด้วยสองมือ)อาจได้รับแขกในที่ทำงานอย่างไม่คิดไม่ฝัน
และหวังว่าคนที่มีโจทก์เยอะอย่างคุณ..คงไม่แปลกใจ
ใช่ไหมคะ?


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: จำปา ที่ 09 ธ.ค. 04, 21:40
 คุณธารกำนัลไม่อนุญาติ  ให้ดิฉันโพสต์ข้อความในเรือนไทยเเล้ว  ดิฉันก็คงไม่หน้าด้านอยู่ต่อ  เเต่ก่อนจะไปขอเเวะมากราบลาคุณน้ากุลบุตรกุลธิดาก่อนสิคะ  เเล้วก็ขอเรียนคุณน้านะคะว่าไม่ต้องลำบากเข้าไปหาหรอกนะคะ  ดิฉันเองก็ไม่อยากรับเเขกหรอกค่ะ  เเหมคุณน้าก็พูดเสียหน้ากลัวเชียวนะคะ  ดิฉันก็เพิ่งจะรู้ตัวนี่ล่ะค่ะ  นึกเเล้วสยอง ไม่อยากรับใครทั้งนั้นล่ะค่ะอับอายขายขี้หน้าตายเลย  เอ เเต่ไอ้จิตวิปริตเต็มทีนี่มันฝังดูเหมือน เอ่อ.......มันเเปลกๆ พิกลนะคะ  ถ้าจะเเปลเป็นคำสามัญ คงเเปลว่าบ้ามากหรือเปล่าคะคุณน้า  ดิฉันกราบลาล่ะนะคะ  เกิดชาติหน้าฉันใดอย่าใด้พบใด้เจอกันอีกนะคะ หมดเวรหมดกรรมต่อกันเเต่เพียงเท่านี้นะคะ  สาธุ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ธ.ค. 04, 09:02
 ไปสู่ที่ชอบๆเถอะค่ะ พ่อกุมารทอง  เลิกจำแลงร่างเป็นผู้หญิงมาหลอกหลอนเสียได้ก็ดีแล้ว    อย่าลืมพาร่างอื่นๆที่ล็อคอินเข้ามาไปด้วยกันให้หมดนะคะ

คุณพวงร้อยคะ  ที่ว่าทรง เป็น "นักเรียน" ของสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนสงขลาฯ   หมายถึงว่า เป็นนักเรียนทุนของพระองค์ท่านค่ะ     ดิฉันยังไม่เคยอ่านเจอว่าทรงเคยพบกันมาก่อน


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: กุลธิดา ที่ 14 ธ.ค. 04, 15:36
 โถ..โถ..คุณหลานจำปา เจ้าขาาาา...

อะไรจะลนลานขนาดจำชื่อผิดชื่อถูกเจียวหรือคะ  แต่สติปัญญาของคุณหลานน่ะ น้าจำได้ดีว่า คงไม่สับสนเรื่องชื่อได้ง่ายๆอย่างนี้นะคะ ไม่ทราบว่ามีเจตนาอะไรเคลือบแฝงหรือเปล่าเอ่ย..??

หรือตั้งใจจะให้คนอื่นใขว้เขวว่า คุณเทาชมพู เป็นบุคคลคนเดียวกับ"รอยใบลาน" (หนึ่งในชื่อทีุ่คุณหลานใช้ในพันทิบส์)
ถ้าเป็นอย่างนั้นมันก็ไม่ค่อยสวยนะคะ คุณหลานขาาาา..
เพราะ รอยใบลาน ที่ว่านี่น่ะ เธอเป็นเจ้าแม่ผู้ช่างใสซื่อ ขยันปั่นกระทู้  ช่างซักช่างถาม  ช่างฉอเลาะเจ๊าะแจ๊ะ

คุณน้าก็เลยอยากจะบอกใบ้ให้ทราบอย่างหนึ่งนะคะ  ว่า..
คุณหลานต้องไปเปลี่ยนสำนวนใหม่ เปลี่ยนทรอปิคสักนิด
อนาคตจะ"รุ่ง"กว่านี้ค่ะ  ถ้าจะยึดอยู่แถวเต๊ง แถวพระโกศ แถว
ชื่อประตูัวัง  หรือพระที่นั่งองค์นั้นองค์นี้ะก้อ
ไม่ว่าจะเปลี่ยนชื่อไปเป็นอะไร ก็ไม่รอดหรอกค่ะ...
อ้อ..ไหนๆก็เตือนกันแล้ว ขอเพิ่มอีกอย่างหนึ่งนะ คือ เรื่องส่วนพระองค์ของเจ้าของนายน่ะ "ละเว้น"ได้จะเป็นการดี เพราะ คุณน้าก็เป็นห้วง..เป็นห่วง ..ขี้เกียจส่งปิ่นโตจ้าาาา..


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 14 ธ.ค. 04, 17:47
 ขออภัยครับ
ผมว่ากระทู้นี้ดีมาก ผมตามอ่านทุกวัน หวังไว้ว่าอาจารย์เทาจะเขียนเรื่องราวเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยให้พวกเราอ่านกัน
แต่กลับกลายเป็นว่าเต็มไปการว่ากล่าวเสียดสี
คุณกุลธิดาครับ ไม่ว่าใครจะมาป่วนถ้าเขาหยุดแล้ว ผมว่าคุณควรจะหยุดด้วย
ผมรู้สึกเสียรสชาติกับกระทู้นี้เลยครับ
ด้วยความไม่พอใจอย่างยิ่ง


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ธ.ค. 04, 21:06
 ขอบคุณคุณกุลธิดาที่เตือนให้ดิฉันเฉลียวใจขึ้นมาได้ค่ะ  ทีแรกก็คิดว่าคุณจำปาเขารีบร้อนลนลานเสียจนเขียนชื่อผิด แทนที่จะเขียน"เทาชมพู"กลับเขียนเป็น"ธารกำนัล "
ยังนึกขำว่า อะไรกันจำชื่อตัวเองก็ไม่ได้  เช่นเดียวกับชื่อหม่อมชุลี  รมณีย์ หนอ  LEE ฯลฯ ทั้งกลุ่มน่ะแหละ  บวกอีกหลายชื่อเช่นบันลือและอเทตยาด้วย รวมแล้วคงมีเป็นร้อย    น่าจะเรียกคุณร้อยชื่อนะคะ
หลังๆนี้ธารกำนัลโพสต์ข้อความอะไรที่ไม่เหมาะนัก    เจ้าตัวคงรู้มั้ง เลยป้ายมาให้เป็นเทาชมพูซะเลย
วิธีแบบนี้เขาเคยใช้กับดิฉันมาแล้วค่ะ   ตัวเขาเองแจ้งลบกระทู้ตัวเอง  เพราะกลัวความผิด  แล้วเปลี่ยนชื่อเข้ามาเป็นหน้าม้าด่าดิฉันว่าเป็นคนแจ้งลบกระทู้เขา   วิธีสาดโคลนใส่คนอื่น  เขาเก่งนัก  ความแตกออกมาว่าเจ้าของกระทู้แจ้งลบเอง  หน้าม้าก็หายตัวไปกันหมด

คุณ paganini คะ ขออภัยแทนคุณกุลธิดาด้วยที่คุณไม่พอใจ    คุณกุลธิดาเธอรู้จักตัวป่วนคนนี้ค่ะ  เคยพูดดีๆกันมาแล้วก็ยังไม่เลิก   ก็เลยปรามด้วยไม้แข็ง  เพื่อไม่ให้สมัครเข้ามาป่วนอีก
ดิฉันจะเข้ามาเล่าเรื่องต่อ ในเร็ววันนี้ค่ะ  รออีกนิดนะคะ  


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: หนูหมุด ที่ 14 ธ.ค. 04, 22:03
 Than you very much ka Khun เทาชมพู for your kindness.

Khun "paganini" ka, i read "ลูกท่านหลานเธอ ผู้อยู่เบื้องหลัง........." in bookstore. I'm not sure, but i think some  information in that book is inconsistence with other books.  

Khun พวงร้อย ka, I also have the same question like you for a long time. I read it from one book i use when i studied in secondary school. Thank you ka. And thank you Khun เทาชมพู. (again) for answer.  

Can i save this article to read later ka? ( I have not enough time to read in detail ka.)

P.S. I can't type Thai in this computer ka.-_-" But i'm in Thailand.


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 14 ธ.ค. 04, 23:27
ขออภัยที่ไม่ได้เข้ามาหลายวันค่ะ  ฤดูซ้อคเก้อร์ที่นี่ถึงรอบสุดท้ายเมื่อเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา  เด็กแข่งติดๆกันหลายวันจนแทบไม่ได้อยู่ติดบ้านกันเลยค่ะ

ขอวกเข้าเรือนมาคุยกันต่อนะคะ  ดิฉันนึกออกแล้วค่ะ  ว่า  กรมหลวงสงขลา  ทรงเป็นผู้ประทานทุนการศึกษาพยาบาลด้วยทุนทรัพย์ส่วนพระองค์เอง  แล้ว "คุณสังวาลย์" ก็สอบได้กับนักเรียนทุนอีกท่านหนึ่ง  เป็นเรื่องที่น่าประทับใจจริงๆเลยค่ะ  ด้วยความมีพระเนตรกว้างไกล  ทรงมองเห็นถึงความจำเป็นในการสร้างสิ่งที่เป็นรากฐานระบบสาธารณสุขให้สังคมไทย  จนทรงออกทุนการศึกษาด้วยพระองค์เอง  ก็นำให้ทรงได้รับผลบุญทันตาเห็นเชียวนะคะ

ที่เหมือนกับเคยอ่านเจอมาก่อนว่า  "คุณสังวาลย์" เป็นข้าหลวงในวังสมเด็จพระพันวัสสามาก่อนรึเปล่าคะ  หนังสือรุ่นหลังๆสักยี่สิบปีมานี่  อย่างเช่นที่เกี่ยวกับประวัติของสมเด็จย่า  ดิฉันก็ไม่เคยเห็น  เลยต้องถามในส่งที่หลายๆคนอาจจะทราบดีแล้ว  ขอรบกวนคุณเทาชมพูหน่อยนะคะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ธ.ค. 04, 08:53
 คุณหนูหมุดกลับมาเที่ยวเมืองไทยหรือคะ  โชคดีมาถึงตอนอากาศกำลังสบายเชียว

คุณพวงร้อยคะ  หนังสือที่จะตอบคำถามคุณได้คือ "แม่เล่าให้ฟัง" พระนิพนธ์ใน พระเจ้าพี่นางเธอ สมเด็จกรมหลวงนราธิวาสฯ   มีพระประวัติของสมเด็จพระศรีนครินทราฯ อยู่ในนั้นตั้งแต่ทรงพระเยาว์
ขออัญเชิญตอนหนึ่งมาดังนี้

" เมื่อแม่อายุได้ 7-8 ขวบ  ป้ารอดซึ่งเป็นญาติๆของครอบครัวพ่อชู  แนะนำให้พาไปฝากคุณจันทร์ แสงชูโต ซึ่งเป็นญาติและเป็นพระพี่เลี้ยงของสมเด็จเจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์   กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร (ทูลหม่อมหญิง) เพื่อนำตัวขึ้นถวายเป็นข้าหลวง  ทูลหม่อมหญิงทรงเป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี  พระพันวัสสาฯ  และทรงเป็นพระเชษฐภคินีแท้ๆของสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช  กรมขุนสงขลานครินทร์ (พระยศตอนนั้น) ทูลหม่อมพ่อของข้าพเจ้า"

ส่วนพระประวัติ   ขอเล่าสั้นๆว่า ประสูติเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2443  พระชนกชื่อ "ชู" พระชนนีชื่อ "คำ"  พระชนกเป็นช่างทองมีนิวาสถานเดิมอยู่ละแวกวัดอนงคาราม ฝั่งธนบุรี  ทรงมีพระอนุชาท่านหนึ่ง ชื่อ "ถมยา" ซึ่งภายหลังจดทะเบียนนามสกุลว่า "ชูกระมล"

แต่ตอนที่เสด็จไปศึกษาที่อเมริกา สมเด็จพระศรีนคริทราฯยังไม่ได้จดทะเบียนนามสกุล  จึงทรงขอยืมนามสกุลของเจ้ากรมหลี ตะละภัฏ หรือขุนสงขลานครินทร์เจ้ากรมของสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนสงขลาฯ  มาใช้ในพาสปอร์ต ว่า นางสาวสังวาลย์ ตะละภัฏ

ต่อมาทรงเป็นหม่อมสังวาลย์ มหิดล ณ อยุธยา  ไม่เคยใช้นามสกุล "ชูกระมล" แต่ก็ทรงถือว่าเกิดมาในสกุลนี้

ถ้าถามว่าปัจจุบันมีผู้ใช้นามสกุล "ชูกระมล" ไหม  ขอตอบว่าไม่มี เพราะคุณถมยาซึ่งเป็นชายคนเดียวที่ใช้นามสกุลนี้ ถึงแก่กรรมตั้งแต่เป็นหนุ่ม  อายุประมาณ 17 ไม่ทันแต่งงานมีครอบครัว  


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 15 ธ.ค. 04, 18:07
 ขอบคุณครับอาจารย์
ผมมีอีกหลายเรื่องที่ได้ไปอ่านมาแล้ว อยากมาถามอาจารย์และท่านอื่นๆน่ะครับอย่างเช่นเรื่อง รักร้าวของ ร.6 ซึ่งน่าสนใจมากแต่ไม่ทราบว่าจะเหมาะสมในการเอามาพูดจากันรึเปล่า
หรือเรื่องเจ้าจอมสดับ  หรือหม่อมป้าของท่านคึกฤทธิ์ผมเชื่อว่าอาจารย์คงจะมีเรื่องเล่าต่อจากที่เคยอ่านเจอในหนังสือแน่เลยครับ

เรื่องตัวป่วนนั้นผมว่า ถ้ามีปัญหาก็บอกเวปมาสเตอร์ให้ลบความคิดเห็นเหล่านั้นไปจะดีกว่านะครับ

คุณหนูหมุดครับ ดีครับถ้าเอาเรื่องในหนังสือนั้นมาคุยกันก็คงรู้ว่าไม่เหมือนกับที่อื่นตรงไหน


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ธ.ค. 04, 20:46

เรื่องเกี่ยวกับรัชกาลที่ 6   เคยมีการโพสต์ในเว็บบอร์ดอื่นมาแล้ว   ดิฉันอยากจะเล่าเรื่องที่หาฟังกันยาก   อย่างพระประวัติของพระองค์เจ้าปฤษฎางค์
ส่วนเรื่องเจ้าจอมม.ร.ว.สดับเขียนเป็นบทความในเรือนไทยแล้ว  คุณอ่านหรือยังคะ?
เรื่องตัวป่วน ถ้าเข้ามาอีก ก็ต้องดูก่อนว่าถ้าลบจะเหมาะสมหรือไม่  บางทีคงไว้เป็นหลักฐานมัดตัวในภายหลังน่าจะเหมาะกว่า    การลบไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไร   เท่ากับช่วยปกปิดพฤติกรรมของเขาด้วยซ้ำไป


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 15 ธ.ค. 04, 21:34
 ขอบคุณมากค่ะคุณเทาชมพู  เป็นหนังสือที่ดิฉันอยากอ่านแต่ยังไม่สามารถหามาอ่านได้อีกหนึ่งเล่มค่ะ เสียดายจริงๆ  ไม่ทราบคุณเทาชมพูมีเรื่องสมเด็จพระพันวัสสาต่ออีกมั้ยคะ  จะรออ่านค่ะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: จำปา ที่ 15 ธ.ค. 04, 21:58
 ประทานโทษค่ะ  ที่ทำให้ทุกคนเห็นชื่อจำปาอีก  ซึ่งอาจจะทำให้พวกคุณไม่พอใจอย่างมาก  ตั้งใจว่าจะไปเเล้ว  เเต่กลับมาดูอีกทีชักจะไปกันใหญ่  ดิฉันอยากจะบอกว่าไม่ใด้ตั้งใจเขียนชื่อผิด  เเต่ก็อย่างคุณว่าคงเป็นเพราะลนลานมันเลยเขียนไปอย่างนั้นเอง  ไม่ใด้มีเจตนาเเอบเเฝงอย่างไรเลย


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ธ.ค. 04, 09:56
 กระทู้นี้ชักยาว   แล้วท้ายๆยังมีเหตุทำให้เสียบรรยากาศอีกด้วย
ดิฉันจะมาตั้งกระทู้ภาค 2 ต่อในวันจันทร์นะคะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: หนูหมุด ที่ 16 ธ.ค. 04, 20:42
 ขอแก้ข่าวก่อนนะคะ หนูหมุดไปทำงานที่ฝรั่งเศสแค่เดือนกว่าเท่านั้นเอง ปกติก็อยู่ในประเทศตลอดค่ะ

เรื่องประทับใจของรักแรบพบของสมเด็จพระบรมราชชนกนั้น หนูหมุดเคยอ่านหนังสือเรียนตอนซัก ม.3 ได้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ไทยน่าสนใจมาก ตอนเรียนก็ไม่ค่อยตั้งใจเท่าไร ตอนนี้จะไปหามาเก็บก็ไม่มีซะแล้ว เพราะหลักสูตรเปลี่ยนไป เสียดายจังเลยค่ะ

คุณ paganini คะ หนูหมุดจำได้แค่ว่ามีหนังสือเล่มหนึ่งของสำนักพิมพ์ศิลปวัฒนธรรมที่มีเล่าเกียวกับเรื่องรักร้าวในร.6 ในตอนท้ายกล่าวว่าอดีตพระคู่หมั้นทรงแต่งกลอนตัดพ้อน่ะค่ะ ซึ่งจริงๆแล้วเป็นกลอนที่ยกมาจากพระราชนิพนธ์เรื่องศกุนตลา ที่นางศกุนตลากล่าวตัดพ้อท้าวชัยเสน
แต่ไม่แน่ใจ ว่าใช่เล่มเดียวกับที่คุณ paganini อ่านหรือเปล่า นะคะ พอดีไม่ได้ซื้อมาซะด้วย ถ้าผิดพลาดหนูหมุดขออภัยด้วยนะคะ

คุณ paganini คะเห็นด้วยค่ะว่าเรือนไทยกระตุ้นให้เราไปขวนขวายหาซื้อหนังสือมาเพิ่ม แต่ไม่สามารถซื้อได้มากเท่าที่อยากได้เพราะแพงหลือเกิน เมื่อวันก่อนหนูหมุดเพิ่งจะซื้อ ชีวิตเหมือนฝัน เล่ม1 ที่อาจารย์เทาชมพูเคยเล่าในเจ้าชายนักบิน แค่นั้นก็ต้องอดหนังสือใหม่ไปหลายเดือนแล้วค่ะ (เล่ม 2 ก็ยังไม่สามารถเลยค่ะ >_<)

เรื่องเจ้าจอมสดับ หนูหมุดประทับใจมากตั้งแต่ไปทัศนศึกษาที่พระที่นั่งวิมานเมฆ จำได้ว่าไกด์ประจำพระที่นั่งได้พาชมและท่องกลอนให้ฟัง หนูหมุดจึงไปจดจากนิทรรศการที่จัดแสดงทีหลัง จำได้ว่าตอนเห็นกำไลนั้น ดูไม่ออกค่ะว่ากำไลเป็นรูปตะปู 2 ดอกอย่างไร เพราเห็นไกลๆ จะหาดูตามใน internet ก็ยังไม่เคยพบ    

เรื่องพระประวัติของพระองค์เจ้าปฤษฎางค์ ขอรออ่านด้วยคนค่ะ

อาจจะหายตัวไปซักระยะนะคะ ตั้งแต่กลับมางานยุ่งมาก และคงต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัดอีกหลายเดือน แต่จะเข้ามาอ่านเมื่อมีโอกาสนะคะ ขอบคุณสำหรับสิ่งดีดีที่ทุกคนนำมาแบ่งปันค่ะ

ขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับคุณพวงร้อยค่ะ ---> รูปดอกไม้สวยมากกก ^____^


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 17 ธ.ค. 04, 09:19
 อ๋อ เรื่องกลอนตัดพ้อนั้นเป้นอย่างที่หนูหมุดบอกจริงๆคือ ท่านหญิงขาว (ขออภัยครับจำชื่อไม่ได้) ท่านไม่ได้แต่งกลอนเองแต่ได้ขีดเส้นใต้ตรงคำที่ค่อนข้างจะแรงในบทกลอนนั้น จนหมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นเบื้องสูง
เดี๋ยวว่างๆจะไปเอาหนังสือมาสรุปย่อๆให้เพื่อนๆที่นี่ฟังและเช่นเคย เป็นการโยนกระเบื้องของผมเพื่อล่อหยกของอาจารย์เทาชมพูครับ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: หนูหมุด ที่ 17 ธ.ค. 04, 10:28
 ขอแก้ข้อความค่ะ ต้องเป็นนางศกุนตลากล่าวตัดพ้อท้าวทุษยันต์ค่ะ ไม่ใช่ท้าวชัยเสน จำผิดเรื่องค่ะ เมื่อวานเบลอไปหน่อย เปิ่นจังเรา


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ธ.ค. 04, 10:03
อ่านต่อได้ ที่
 http://www.vcharkarn.com/snippets/vcafe/show_message.php?Cid=18&Pid=25903  


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: vun ที่ 03 มี.ค. 05, 19:21
 พระองค์ท่านป็นผู้ที่ทรงอาภัพมาก เนื่องจากท่านทรงสูญเสีย พระราชโอรส และพระราชธิดา ก่อนพระองค์จะสิ้นพระชนม์เสียอีก สมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยิกาเจ้า พระราชทานกำเนิดโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา อันเนื่องมาจาก ทรงเล็งเห็นถึงความทุกข์ยากของประชาชน ในเรื่องความเจ็บป่วย โดยยึดหลักความเมตตาการุณย์ ต่อชนทุกชั้น ผู้บริหารทุกสมัย ได้ดำเนินรอยตาม พระราชปณิธานของพระองค์ ซึ่งเน้นประโยชน์สุขของผู้ป่วยเป็นหลักในการบริหารงาน


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: อ๊อฟ ที่ 04 มี.ค. 05, 11:58
ผมลองตามลิ๊งค์จากความเห็นเพิ่มเติมที่ 55  เข้าไปดูโฮมเพจของคุณใบลาน
ดีมากเลยครับ เลยขออนุญาตเพิ่มลิ๊งค์จากหน้าหลักของเรือนไทย (http://www.vcharkarn.com/reurnthai/) ไปที่นั่นเลยครับ แฟนๆเรือนไทยจะได้ไปเยี่ยมที่นั่นสะดวกขึ้นครับ

ขอบคุณครับ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: pingpar ที่ 12 ส.ค. 06, 18:15
 ขอบคุณสำหรับความรู้ดี ๆ ค่ะ  จะพยายามอ่านให้จบนะคะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: โพธิ์ประทับช้าง ที่ 29 ส.ค. 06, 01:19

เอามาฝากครับ

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: โพธิ์ประทับช้าง ที่ 29 ส.ค. 06, 01:28

ฉายคู่กับพระเชษฐา


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: โพธิ์ประทับช้าง ที่ 29 ส.ค. 06, 01:31

ก่อนโสกันต์


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: โพธิ์ประทับช้าง ที่ 29 ส.ค. 06, 01:35

ฉลองพระองค์เต็มยศ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: โพธิ์ประทับช้าง ที่ 29 ส.ค. 06, 01:41

ทรงพระมาลา


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: โพธิ์ประทับช้าง ที่ 29 ส.ค. 06, 01:52

เจ้าฟ้าหญิง ๒ พระองค์ พระเกศายาว


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: โพธิ์ประทับช้าง ที่ 29 ส.ค. 06, 01:55
 ภาพด้านบน เนื่องในงานพระศพ สมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศฯ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: โพธิ์ประทับช้าง ที่ 29 ส.ค. 06, 02:09

โสกันต์ สมเด็จกรมพระยาชัยนาทนเรนทร
พระโอรสบุญธรรมในสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: โพธิ์ประทับช้าง ที่ 29 ส.ค. 06, 02:14
 ต้องขออภัยที่ไม่ได้นำคำว่า Copyright ออก
เนื่องจากผมไม่ใช่เจ้าของภาพ ถ้าจะนำไป
กรุณาลบ Copyright ออก จะขอบคุณมากครับ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 29 ส.ค. 06, 09:20
 แวะมาอ่าน
ขอบคุณทุกท่านครับ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: โพธิ์ประทับช้าง ที่ 07 ก.ย. 06, 01:30

เจ้าฟ้าหญิงศิราภรณ์ ? - ? - เจ้าฟ้าหญิงวไลยอลงกรณ์ ?
ทายดูครับว่าบุคคลกลางภาพ ?


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 07 ก.ย. 06, 15:00
 link ข่าวนิทรรศการ สืบสานยุวกษัตริย์ สืบประวัติวังสระปทุม  วันที่ ๑๐ - ๑๗ กันยายนนี้ครับ
 http://www.bangkokbiznews.com/2006/09/07/w006_135199.php?news_id=135199  


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ก.ย. 06, 20:06
 มีผู้ใหญ่เคยเล่าให้ฟังว่าสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี มีพระราชโอรส-พระราชธิดา ที่เป็นฝาแฝด (เข้าใจว่า 3 พระองค์) มีผู้ใดพอทราบรายละเอียดบ้างไหมครับ ขอบคุณ  


ลูกหลานไทย  [IP: 124.120.150.100,,] วันที่ 9 ก.ย. 2549 - 19:49:56
(คุณ ลูกหลานไทย ช่วยร่วมแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ ผ่านวิชาการ.คอมแล้ว รวมทั้งสิ้น 1 ครั้ง)


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: กะออม ที่ 13 ก.ย. 06, 11:49
 สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี ไม่มีพระราชโอรสหรือธิดาแฝดหรอกคะ  แต่ทรงรับพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าประภาพรรณพิไลย เป็นพระราชธิดาบุญธรรม พระเจ้าลูกเธอ พระองค์นี้ทรงมีแฝดค่ะ  คือ พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าประไพพรรณพิลาศ สิ้นพระชนม์ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์มาก  จำไม่ได้ว่าพระชันษาเท่าไร  แต่น่าจะยังไม่ถึง 1 ปี  รัชกาลที่ 5 โปรดพระราชธิดาแฝดมาก จึงทรงเสียพระทัย โปรดให้กรมหมื่นพิชิตปรีชากรแต่งฉันท์  ยังจำได้ว่าเคยอ่านในหนังสือเรียนวิฃาหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ชั้นมัธยม


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: tuka007 ที่ 13 ก.ย. 06, 12:10
 ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆ ที่หาได้ยากยิ่ง และเรื่องราวดีๆค่ะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: ลูกหลานไทย ที่ 13 ก.ย. 06, 15:42
 ขอบคุณมากครับ คุณกะออม


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: ก้านกล้วย ที่ 30 ก.ย. 06, 21:06
 ใครที่อยากทราบพระราชประวัติของสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าโดยละเอียด  เท่าที่มีในตอนนี้ มีหนังสือชื่อ "ศรีสวรินทิรานุสรณีย์ น้อมรำลึกถึงสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า" จัดพิมพ์โดยมูลนิธิสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า  ในเล่มยังประกอบด้วยเนื้อหา  และภาพบางภาพ ที่ยังไม่เคยได้เผยแพร่ที่ไหนมาก่อนอีกด้วย    


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: ก้านกล้วย ที่ 30 ก.ย. 06, 21:15
 เท่าที่ทราบสมเด็จพระพันวัสสาฯ ไม่เคยมีพระราชโอรส-ธิดา แฝดเลยนะคะ จะมีก็แต่ภายหลังจากที่เจ้าจอมมารดาพร้อมสิ้นแล้ว ก็ทรงได้รับพระราชทานพระองค์เจ้าประภาพรรณพิไลย และพระองค์เจ้าวาปีบุษบากร จาก ร.5 ซึ่งพระองค์เจ้าประภาพรรณพิไลยทรงมีฝาแฝดคือพระองค์เจ้าประไพพรรณพิลาศ  แต่พระองค์เจ้าองคนี้ ์ได้สิ้นไปก่อนที่พระองค์เจ้าประภาพรรณพิไลย จะมาประทับอยู่กับสมเด็จพระพันวัสสาเสียอีกคะ  ดังนั้นคนจึงอาจจะสับสนได้ว่าท่านเคยมีพระราชธิดาแฝด 3 คะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เพลิงชมพูลาวแพน ที่ 03 ต.ค. 06, 10:16
 ผมเป็นสมาชิกใหม่ครับ นามแฝงอาจไปพ้องกันกับ อาจารย์เทาชมพู กระผมก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
ก็เนื่องด้วยว่าผมเป็นพวก "เพลิงชมพู" คณะอยู่ทางฝั่ง ตำหนักวินเซอร์ ก็เลยเห็นว่าใช้นามแฝงนี้น่าจะเหมาะดีเหมือนกัน
ผมมีเรื่องอยากจะรบกวนถามท่านผู้รู้ว่า หลังจากที่ พระพันวัสสาฯ ถวายเจ้าฟ้าหญิงวไลยอลงกรร์ ให้เป็นพระธิดาแด่สมเด็จรีเจ้นท์ แล้วนี่ หลังจากนั้น ทั้งสองพระองค์ ดำเนินความสัมพันธ์ ในฐานะใดครับ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: บุรีฉัตร@เทวาพาคู่ฝัน ที่ 04 ต.ค. 06, 21:54
 ขอเสริมข้อความของคุณกะออมนิดนะครับ   เท่าที่ทราบมาสมเด็จพระศรีพัชรินทรา พระบรมราชชนนี  พระพันปีหลวงเคยขอสมเด็จเจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์  จากสมเด็จพระศรีสวินทิราพระพันวสาอัยยิกาเจ้าเป็นพระธิดาบุญธรรมเพราะสมเด็จพระพันปีหลวงมีแต่พระโอรสครับ  ส่วนพระธิดาสิ้นพระชนม์


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: UP ที่ 05 ต.ค. 06, 10:49
 สมเด็จพระราชปิตุจฉา เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร ทรงออกพระนามสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ซึ่งทรงเป็นพระปิตุจฉาหรือเสด็จน้าโดยสายพระโลหิตว่า "เสด็จแม่"

และทรงออกพระนามสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ผู้ทรงเป็นพระชนนีโดยสายพระโลหิตว่า "สมเด็จป้า" ครับ

ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ กระทั่งสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถเสด็จสวรรคต สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร ประทับใกล้ชิดกับสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ครับ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: UP ที่ 06 ต.ค. 06, 14:42
 ขอแก้ไขคำในความเห็นที่ ๑๑๕ ของผมที่ว่าซึ่งทรงเป็น "พระปิตุจฉา" เป็น "พระมาตุจฉา" ครับ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: Malagao ที่ 09 ต.ค. 06, 21:33
วังสระปทุม


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: ศิษย์มารบูรพา ที่ 13 ต.ค. 06, 09:41

พระนามาภิไภย


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: มุดฉานะ ที่ 27 พ.ย. 06, 20:00
เพิ่งมีโอกาสแต่ดูช้าไปหน่อยเลยด่วนโพสเข้าไปถามเรื่องเจ้าฟ้าหญิงวไลยอลงกรณ์และกรมหลวงชัยนาถไว้(ท่าทางจะเขียนผิดแน่นอน???)...แต่ข้อมูลจากกระทู้นี้ก็ยังไม่ได้รายละเอียดมากเท่าไรนัก...ไม่รู้ที่อาจารย์เทาชมพูกะว่าจะมาเล่าปิดท้ายลืมไปแล้วรึป่าวค่ะ...จะคอยเปิดตามน่ะค่ะ...