naitang
|
ความคิดเห็นที่ 165 เมื่อ 16 มิ.ย. 16, 19:39
|
|
คงมีอีกหลาย มะ.. ที่คงจะค่อยๆโผล่ตามมานะครับ เช่น มะยม มะตื๋น มะดะ มะตื๋นยาง มะเกี๋ยง มะเม่า มะลิ้นฟ้า ฯลฯ
ส่วนสำหรับ "มะ.." ที่ได้กล่าวถึงมาแล้วนั้น คงจะมีวิธีการเอามาทำกินอีกหลายหลากเมนูนอกเหนือจากที่ได้กล่าวถึงมาแล้ว และก็คิดว่าท่านผู้อาวุโสทั้งหลายคงจะนึกถึงเมนูแปลกๆที่ชอบเมื่อครั้งเยาว์วัย ช่วยเล่าให้ฟังด้วยครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Jalito
|
ความคิดเห็นที่ 166 เมื่อ 16 มิ.ย. 16, 23:27
|
|
ชาวเรือนไทยลืม มะ.. ใกล้ตัวไป มะ..หนึ่ง รับประทานได้ทั้งแบบคาวและแบบหวาน
มะละกอ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Jalito
|
ความคิดเห็นที่ 167 เมื่อ 16 มิ.ย. 16, 23:49
|
|
เมนูง่ายๆ มะละกอผัดไข่ เป็นกับข้าวมื้อกลางวันใส่กล่องไปรับประทานที่โรงเรียนของเด็กสมัยนู้น (เมนูผัดไข่หมุนเวียนไปได้เรื่อยๆ ฟักเขียว ฟักทอง ไชเท้า ผักกาดดอง ไชโป๊ วุ้นเส้น)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 168 เมื่อ 17 มิ.ย. 16, 09:23
|
|
ลืมมะละกอไปได้ยังไง จริงด้วยค่ะ โดยเฉพาะอาหารยอดนิยมของประเทศ ใครไปต่างแดนนานๆเข้าจะต้องคิดถึงแทบตาย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 169 เมื่อ 17 มิ.ย. 16, 11:21
|
|
แกงส้มมะละกอก็อร่อยไม่เลว (มีวิธีทำอยู่ในบล็อกของ คุณ kimwon )
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 170 เมื่อ 17 มิ.ย. 16, 11:31
|
|
ยางมะละกอดิบก็มีประโยชน์เนื่องจากมีเอนไซม์ (enzyme) ชื่อ ปาเปน (papain) ทำให้เนื้อสัตว์นุ่มขึ้น ข้อควรระวังคืออย่าให้นานเกินไปเพราะเนื้อจะยุ่ยจนรับประทานไม่ได้ ในคลิปมีชองแถม หมักด้วยสับปะรด (เอนไซม์ในสับปะรดคือ โบรมีเลน - bromelain)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
กะออม
|
ความคิดเห็นที่ 171 เมื่อ 17 มิ.ย. 16, 13:13
|
|
ย้อนไปที่มะตาด อ่านในบทความเมืองโบราณเล่มเก่าๆ ของคุณแสงอรุณ กนกพงศ์ชัย เรื่อง อาหารการกินของมอญ บอกว่า ลูกมะตาด มีเฉพาะในเดือน 8 เดือน 9 คนมอญนิยมถือเป็นยอดอาหาร เวลาสับใส่แกงมีเมือกมาก
แล้วยังมี มะสั้น คล้ายลูกมะยม สีเขียวก่อนแกงต้องตำกับข้าวสารให้แหลก รสออกเปรี้ยวนิด ๆ เป็นเมือกหน่อย ๆ แกงใส่หมู กุ้ง ปลา เนื้อ ได้ทั้งนั้น
น่าสังเกตว่าแกงของมอญนิยมใส่พืชผักที่มีเมือก อย่างกระเจี๊ยบเขียวก็เช่นกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 172 เมื่อ 17 มิ.ย. 16, 17:50
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 173 เมื่อ 17 มิ.ย. 16, 17:55
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 174 เมื่อ 17 มิ.ย. 16, 19:10
|
|
ไม่เคยทั้งแกงเผ็ดและแกงป่าครับ
คนทำน่าจะต้องมีฝีมือเอาการอยู่ เพราะว่าระยะเวลาของการปรุงมีผลต่อความนิ่ม-ความแข็งของมะละกอ รวมทั้งความฉ่ำของน้ำแกงในเนื้อมะละกอ ซึ่งทั้งหมดจะเป็นผลต่อความอร่อย
ผมมีความเห็นจากการดูภาพ เห็นว่า แกงทั้งสองใช้วิธีการหั่นเนื้อมะละกอแบบซอยเป็นชิ้นเล็ก ก็คงจะมีเหตุผลด้วยว่าแกงทั้งสองนี้เป็นแกงที่ไม่ทำกินข้ามคืน มะละกอจะได้ไม่นิ่มเละจนเกินไป ต่างกับการเอามาทำแกงส้มที่จะนิยมฝานเป็นเป็นชิ้นๆ ด้วยว่าแกงส้มเป็นแกงค้างคืนจึงจะอร่อย มะละกอจึงจะได้ไม่นิ่มเละจนเกินไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 175 เมื่อ 17 มิ.ย. 16, 19:37
|
|
มะละกอเป็นพืชผลที่นำมาใช้ในการทำอาหารมากโขอยู่ ผลดิบก็เอามาทำส้มตำ ทำแกง ทำผัด ดังที่คุณเพ็ญชมพู คุณ Jalito และ อ.เทาชมพู ได้ว่าไว้ ยางก็ใช้ช่วยทำให้เนื้อสัตว์เปื่อย
ผมขอแถมว่า ก้านมันก็นำมาใช้ครับ เอามาเป็นหลอดดูดเหล้าอุจากให ครับ "อุ" เหล้าที่ทำจากข้าวผสมแกลบนั้นแหละ
แต่ก็แปลกอยู่ที่ไม่เห็นมีการใช้ก้านมะละกอกับใหสาโท
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 176 เมื่อ 17 มิ.ย. 16, 20:25
|
|
ก่อนที่จะลืม ขอย้อนกลับไป คห.12 ของคุณ walai เรื่อง มะเฟือง
มะเฟืองเป็นผลที่ใช้ทั้งในรูปของกินเป็นผลไม้สดและใช้ปรุงอาหาร
มะเฟืองสด เอามาหั่นเป็นชิ้นๆเป็นองค์ประกอบของเครื่องเคียงของอาหารเวียดนาม แต่ของไทยเรา ผู้คนทางภาคใต้เก็บผลจากต้นที่ออกรสเปรี้ยวมาฝานเป็นแว่นๆ ตากพอแห้งแล้วเก็บไว้ใช้แทนส้มแขก(ส้มควาย)ในการปรุงอาหารหลายเมนู
?? จริงหรือไม่ครับ ที่ว่ามะเฟืองมีผลกับไตของเรา ??
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 177 เมื่อ 17 มิ.ย. 16, 21:15
|
|
ย้อนไปที่มะกรูดของคุณกะออม
มีข้อน่าสังเกตอยู่ว่า อาหารเหนือและอิสานนั้นไม่ใช้ลูกมะกรูดในการทำอาหาร จะใช้ก็แต่ใบเท่านั้น ส่วนลูกมะกรูดจะใช้สำหรับการสระผม
ต่างกับภาคกลางและใต้ที่ใช้ทั้งลูกและใบในการทำอาหาร ซึ่งในเครื่องแกงจะใช้ผิวมะกรูดตำผสมลงไป สำหรับใบก็ใช้ใส่เป็นใบๆในแกง หรือซอยโรยหน้าสำหรับอาหารบางเมนู (เช่น ฉุ่ฉี่ แพนง ฯลฯ)
ผลมะกรูดทั้งลูกก็ใส่ในเมนูบางอย่าง เช่น น้ำพริก (ขนมจีน) หรือแกงเทโพ ดังที่คุณกะออมว่าไว้
ภาพสรุปที่กล่าวมานี้ ดูจะบ่งบอกอะไรได้บ้างใหม ??
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 178 เมื่อ 17 มิ.ย. 16, 21:22
|
|
คุณกะออมได้กล่าวถึงเมนู แกงชักส้ม
ช่วยขยายความอีกหน่อยครับ ??
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
กะออม
|
ความคิดเห็นที่ 179 เมื่อ 17 มิ.ย. 16, 22:58
|
|
ตอบคุณ Naitang ค่ะ แกงชักส้มมีรสชาติปนๆระหว่างแกงส้มกับแกงคั่วค่ะ มักจะแกงใส่ผักบุ้งไทยกับปลาที่มีมัน เช่น สวาย หรือเทโพ บางทีก็เรียกว่าแกงเทโพ หากใส่หมูสามชั้น เรียกว่าแกงหมูเทโพ (น่าสังเกตว่าเนื้อปลาหรือหมูต้องออกมัน) แต่ก็มีที่แกงกับปลาเค็มแบบนี้จะใส่กะทิ
มะกรูดอยู่ในเครื่องแกงใส่ผิวมะกรูดด้วย ใส่น้ำมะขาม บีบน้ำมะกรูดใส่ แล้วใส่ลูกลงไป ใบมะกรูดฉีกก้านใบขยี้ใส่ลงไปด้วย
อ่านเจอบางคนอธิบายว่าแกงชักส้มคือแกงที่ชักความเปรี้ยวออกมา บางคนบอกว่า แกงที่ชักจะส้ม เกือบจะเปรี้ยวทำนองนั้น ก็ไม่ทราบว่าอันไหนน่าเชื่อกว่ากัน
เคยได้ยินบางถิ่นเรียกแกงคั่วส้ม ก็มีใบมะกรูดฉีกใส่ด้วยเช่นกัน แต่จะใส่น้ำมะกรูดด้วยหรือไม่ บางทีก็จับรสชาติไม่ได้ค่ะ กินอย่างเดียวแยกแยะอะไรไม่เป็น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|