สฤษดิ์และนางงาม ตัวอย่างของ "เสรีชน"
อีกเวอร์ชั่นหนึ่งจาก จาก
๘๔ ปี อมรา อัศวนนท์ ย้อนอดีต กับจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ มติชนรายสัปดาห์
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งอยู่ในอำนาจช่วงปี ๒๕๐๒-๒๕๐๖ อยากได้มาเป็นอนุภรรยา ในขณะที่คุณอมรา อัศวนนท์รักกับนายตำรวจชื่อ “อังกูร บุรานนท์”
คุณอมราเล่าเหตุการณ์ช่วงสำคัญในชีวิตให้ฟังว่า “เคยคุยทางโทรศัพท์กับท่านว่า หนูเกิดมาทั้งที มีความหวังไม่อยากจะเป็นเมียน้อยใคร ท่านก็บอกว่า เดี๋ยวอยู่กับฉันเป็นคนสุดท้ายในชีวิต ตอนนั้นท่านแก่มาก ๕๐ กว่าแล้ว จะให้ใช้นามสกุลด้วย เลยตอบไปว่าหนูมีคู่รักแล้ว มีคุณอังกูร ตอนนั้นกลัวมากเลย หนีมาจากบ้าน กลัวมากเลย โทรศัพท์บอกกับคุณอังกูรที่อยู่อังกฤษว่า ถ้าเธอไม่กลับมาก่อน ฉันก็จะไม่ได้แต่งงานกับเธอแน่นอน เพราะไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับฉัน มันเครียดมากตอนนั้น ออกไปไม่ได้ จะออกไปแต่งงาน เขาก็ไปยึดพาสปอร์ตที่สนามบินหาว่าเราเป็นคอมมิวนิสต์ คือไม่ให้ออก และส่งแฟนไปอยู่เมืองนอก เพราะรู้ว่าชอบกันอยู่”
เหตุการณ์นี้ผ่านมาแล้วกว่าครึ่งศตวรรษ แต่คุณอมรายังจดจำรายละเอียดได้หมด เหมือนถูกบันทึกไว้ในสมอง
“ช่วงนั้นกลัวก็กลัว แต่ท่านยังดี ความดีท่านก็มี ท่านไม่ได้บังคับ ท่านได้แต่วอน แบบอยากได้อะไร ทำไมไม่ชอบนายกอ นี่คำพูดติดหูติดมาจนทุกวันนี้ เลยถามไปว่า…ใครคะนายกอ ท่านตอบนายกฯ ยังไงล่ะ จะเอาอะไร นอกจากเดือนกับดาว เลยบอกหนูไม่เอาเดือน ไม่เอาดาว แล้วก็ไม่เอาคุณด้วย ให้เท่าไหร่หนูก็ไม่เอา รถยนต์ เครื่องเพชร อะไรต่ออะไร”
“ตอนหลังได้ไปคุยกับลูกน้องจอมพลสฤษดิ์เลยได้รู้ว่า ท่านชอบใจมาก บอกว่าดิฉันเหมือนม้าพยศ”
คุณอมราให้คำอธิบายเพิ่มเติมที่กล้าปฏิเสธจอมพลผ้าขาวม้าแดงว่า “เราเป็นเด็กวัยรุ่นอายุ ๑๙-๒๐ ก็อยากจะได้เด็กรุ่นราวคราวเดียวกับเรา แต่ท่านแก่มากเลย แล้วหน้าตาก็ไม่ได้หล่อ หน้าตาเหมือนหมู แก้มห้อย (หัวเราะ)”
ย้อนกลับไปยุคนั้น เรื่องราวของคุณอมราเป็นข่าวใหญ่โตในหน้าหนังสือพิมพ์นานนับเดือน อย่างที่เธอเล่า “มีข่าวดาราหนังไม่ได้เสียภาษีเล่นหนัง ตอนนี้เป็นคอมมิวนิสต์ ต้องสืบสวนสอบสวน ดิฉันก็ต้องไปโรงพักทุกวัน ยังโชคดีที่รอดมาได้ อย่างนั้นคงไม่มีครอบครัวที่อบอุ่นกับคุณอังกูร บุรานนท์ ที่สำคัญโชคดีที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้บังคับให้ไปเป็นอนุของท่าน”
ทั้งหมดนี้คงทำให้ได้รู้จักตัวตนของ “อมรา อัศวนนท์” อดีตนางงามและนางเอก ซึ่งห้วงหนึ่งของชีวิตต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้นำประเทศยุคนั้น