เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 7 8 [9] 10 11 ... 31
  พิมพ์  
อ่าน: 20748 รำลึกถึงดาวเสียงต่างชาติต่างภาษาที่ดับแสงไปแล้ว [2]
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 120  เมื่อ 05 ก.ค. 23, 15:44

เคยดูคลิปนี้หรือเปล่าคะ



clip นี้ไม่เคยดูครับ  เคยดูแต่ clip ต้นฉบับของ Andrews sisters ครับ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33587

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 121  เมื่อ 05 ก.ค. 23, 15:55

นี่คือ Lennon Sisters  กลุ่มนักร้องหญิงยุคเบบี้บูมเมอร์ที่ดังขึ้นมารุ่นหลัง Andrew Sisters 
ใน Lawrence Welk Show  ที่พวกเธอเกิดและเติบโตขึ้นมา  เธอแต่งเป็น AS  ร้องเพลงดังของ AS  ด้วยค่ะ

 
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 122  เมื่อ 06 ก.ค. 23, 14:45

นี่คือ Lennon Sisters  กลุ่มนักร้องหญิงยุคเบบี้บูมเมอร์ที่ดังขึ้นมารุ่นหลัง Andrew Sisters 
ใน Lawrence Welk Show  ที่พวกเธอเกิดและเติบโตขึ้นมา  เธอแต่งเป็น AS  ร้องเพลงดังของ AS  ด้วยค่ะ

 

รู้จักวง The Lennon Sisters มาตั้งแต่เด็ก ๆ ครับ  จากรายการ Golden oldies นั่นเอง  เพลงที่รายการเปิดเป็นประจำคือเพลงนี้




เป็นเพลงเดียวที่เคยได้ยิน  ไม่ได้ลงเรื่องของพวกเธอเพราะต้นฉบับยังไม่มีใครม่องเท่งสักคน  พอเห็น clip ของ 'จาร  เลยชักสงสัย  นั่นยุคไหน  ไปถาม Wikiฯ ก็ได้ความว่าวงฯ นี้ยังคึกคักอยู่จนถึงปัจจุบัน (เริ่มมาตั้งแต่ปี 1955)  ใน clip นั่นคงเป็นรุ่นหลัง ๆ นะครับ

แล้วก็สงสัยต่อ  คราวนี้ไปถาม Joel Whitburn  เธอบอกว่าไม่รู้จักเพลง Greensleaves  ในอันดับเพลงของ billboard มีเพลงของวงฯ นี้แค่ 2 เพลง  เพลงดังที่สุด (อันดับที่ 15) คือเพลงนี้ 




รายการ golden oldies เปิดเพลงนี้บ่อยมากเหมือนกัน  แต่ร้องโดย 2 พี่น้อง Patience and Prudence  ไม่ใช่ฉบับร้องโดยวง The Lennon Sisters (เพิ่งรู้)



JW เล่าว่าทั้ง 2 ฉบับออกตลาดในปีเดียวกันแต่ของ 2 พี่น้องดังกว่า  ขึ้นถึงอันดับ 4 

2 พี่น้องนี้เกษียณไปแล้วแต่ยังอยู่ดีกินดี




บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 123  เมื่อ 06 ก.ค. 23, 15:31

นี่คือ Lennon Sisters  กลุ่มนักร้องหญิงยุคเบบี้บูมเมอร์ที่ดังขึ้นมารุ่นหลัง Andrew Sisters 
ใน Lawrence Welk Show  ที่พวกเธอเกิดและเติบโตขึ้นมา  เธอแต่งเป็น AS  ร้องเพลงดังของ AS  ด้วยค่ะ



เพลง Boogie Woogie Bugle boy นี่ต้นฉบับเป็นของ The Andrews Sisters  ออกตลาดในปี 1941  เพลงนี้ถูกนำมาปัดฝุ่นให้ทันสมัยขึ้นโดย Bette Midler  สาวยิ้มหวาน  แล้วออกตลาดในปี 1972  ขึ้นถึง top 10 ในตางราง billboard  นี่เป็นฉบับที่ได้ยินทางวิทยุครับ

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 124  เมื่อ 07 ก.ค. 23, 14:36

กลางยุค 80s เริ่มเข้าสู่ช่วงเวลา ‘ไม่แยแส’ ต่อเพลงดังทางวิทยุ  ผมว่าแนวเพลงเปลี่ยนไป  นักร้องที่ผมคุ้นเคยมาแต่เก่าก่อนก็ถึงแก่การร่วงโรย  หมดความนิยม  รวมทั้งมีแนวดนตรีแปลก ๆ แทรกเข้ามา  แต่ช่วงนั้นสถานีวิทยุยังเป็นถิ่นแจกจ่ายเพลงให้คนฟังฟรี ๆ  ผมก็ฟังไปเรื่อยเปื่อย  ไม่มีการตื่นเต้นหรือนั่งหมุนหน้าปัดคลื่นวิทยุหาเพลงเหมือนก่อน  อ้อ... ตอนนั้นทำงานแล้วด้วย  ชีวิตการทำงานเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
 
อย่างไรก็ตามความที่ผมยังคงฟังวิทยุอยู่  ก็ต้องได้ยินเพลงที่มีทำนองถูกหูบ้าง  นี่เป็นอีกหนึ่งเพลงดังทางวิทยุ ถึงจะอยู่นอกวงจรการฟังเพลงของผมแต่ความดังทำให้มันซึมเข้าไปในความทรงจำในที่สุด



นำเสนอเพลงที่ไปดังในบาร์ disco 




The Cars; Benjamin Orr นักร้องนำเพลง Drive เพลงดังที่สุดของวง... 1947 - 2000

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 125  เมื่อ 08 ก.ค. 23, 14:35

กลางยุค 80s ดีเจวิทยุได้รับเพลงใหม่และกระจายเสียงออกมาให้ผมฟัง  มันเป็น ballad ที่ทรงพลัง  ในยุคนั้น (และก่อนนั้น) ใคร ๆ ก็รู้ว่าวงดนตรีที่เล่น Ballad ทำนองหนักแน่นอย่างนี้  ต้องเป็นวง Hard Rock หรือวง Rock ที่เล่นเพลงหนัก ๆ  ballad เหล่านี้เพราะจริง ๆ



นี่เป็นผลงานอันดับ 1 ของวง Boston  คลื่นวิทยุที่เสนอเพลง rock หนัก ๆ ในบ้านเราพร้อมใจกันเปิดใส่หูสาวก

ความจริงวงฯ นี้ยังมีเพลงดังในอันดับเพลงอีก  แต่มันล้วนมีท่วงทำนองสนั่นหูซึ่งไม่ใช่แนวเพลงที่ผมชอบฟัง




ส่วนเพลงนี้  ในช่วงเวลานั้นไม่มีใครไม่รู้จัก  เพลงของวง Roxette นี้อยู่นอกกรอบการฟังเพลงของผมเช่นกัน  แต่มันดังมากถึงมากที่สุด  ความเพราะของเพลงเป็นส่วนหนึ่งและอีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะมันอยู่ในหนังดังประจำปี Pretty Woman



อาการป่วยในระยะสุดท้ายของนักร้องหญิง Marie Fredriksson เป็นข่าวมาให้ผมอ่านเนือง ๆ จนกระทั่งถึงข่าวการตายของเธอในที่สุด

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 126  เมื่อ 09 ก.ค. 23, 14:17

Johnny Cash – แนวเพลงของเธอคือ country  แต่ในบ้านเราเธอคือนักร้องเพลงฝรั่ง  เพลงที่ผมเคยได้ยินทางวิทยุ




ในขณะที่บ้านเราไม่สนใจเพลงของ JC เลย  ที่อเมริกาเธอเป็นตำนานหน้าหนึ่งของวงการเพลงเชียวละ  ฮอลลีวู้ดเคยเอาประวัติของเธอไปสร้างหนังซึ่งออกมาดังมากได้ทั้งเงินและรางวัล  นี่คือเพลงดังอีกเพลงหนึ่งที่นำมาใช้เป็นชื่อหนัง

(Joaquin Phoenix เล่นเป็น JC)


(กับ June Carter (Reese Witherspoon) เมียคนหนึ่งของ JC)


และนี่คือ clip ที่เธอไปเปิดการแสดงในคุก San Quentin รัฐ California ในปี 1969  เป็นปรากฏการณ์ที่เลื่องลือมาก (เป็นหนึ่งในหลาย ๆ ทัวร์ที่เธอไปเล่นในคุกทั่วอเมริกา)




เธอร้องเพลงดังที่สุดของอาชีพของเธอ  แต่ผมไม่เคยได้ยินทางวิทยุเลย




เนื้อเพลงนี้เยี่ยมมาก
My daddy left home when I was three
And he didn't leave much to ma and me
Just this old guitar and an empty bottle of booze.
Now, I don't blame him cause he run and hid
But the meanest thing that he ever did
Was before he left, he went and named me "Sue".

Well, he must o' thought that is quite a joke
And it got a lot of laughs from a' lots of folk,
It seems I had to fight my whole life through.
Some gal would giggle and I'd get red
And some guy'd laugh and I'd bust his head,
I tell ya, life ain't easy for a boy named "Sue".

Well, I grew up quick and I grew up mean,
My fist got hard and my wits got keen,
I'd roam from town to town to hide my shame.
But I made me a vow to the moon and stars
That I'd search the honky-tonks and bars
And kill that man who gave me that awful name.

Well, it was Gatlinburg in mid-July
And I just hit town and my throat was dry,
I thought I'd stop and have myself a brew.
At an old saloon on a street of mud,
There at a table, dealing stud,
Sat the dirty, mangy dog that named me "Sue".

Well, I knew that snake was my own sweet dad
From a worn-out picture that my mother'd had,
And I knew that scar on his cheek and his evil eye.
He was big and bent and gray and old,
And I looked at him and my blood ran cold
And I said, "My name is 'Sue'! How do you do!
Now you're gonna die!"

Yeah, that's what I told him!

Well, I hit him hard right between the eyes
And he went down, but to my surprise,
He come up with a knife and cut off a piece of my ear.
But I busted a chair right across his teeth
And we crashed through the wall and into the street
Kicking and a' gouging in the mud and the blood and the beer.

I tell ya, I've fought tougher men
But I really can't remember when,
He kicked like a mule and he bit like a crocodile.
I heard him laugh and then I heard him cuss,
He went for his gun and I pulled mine first,
He stood there lookin' at me and I saw him smile.

And he said, "Son, this world is rough
And if a man's gonna make it, he's gotta be tough
And I knew I wouldn't be there to help ya along.
So I give ya that name and I said goodbye
I knew you'd have to get tough or die
And it's the name that helped to make you strong."

He said, "Now you just fought one hell of a fight
And I know you hate me, and you got the right
To kill me now, and I wouldn't blame you if you do.
But ya ought to thank me, before I die,
For the gravel in ya guts and the spit in ya eye
Cause I'm the son of a bitch that named you 'Sue'."

Well, what could I do, what could I do?

I got all choked up and I threw down my gun
And I called him my pa, and he called me his son,
And I came away with a different point of view.
And I think about him, now and then,
Every time I try and every time I win,
And if I ever have a son, I think I'm gonna name him
Bill or George! Anything but Sue! I still hate that name!


นำเสนอ





บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 127  เมื่อ 10 ก.ค. 23, 14:35

จะพล่ามซ้ำว่า  เท่าที่สังเกต  เพลงบรรเลงมีชุกชุมในยุคเก่า  50s, 60s  พอเข้ายุค 70s  เพลงแนวนี้น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด  ศิลปินส่งเพลงบรรเลงมาให้ฟังส่วนใหญ่ยังอยู่ดีกินดีกันทั้งนั้น

Eric Weissberg  เพลงบรรเลงนี้เป็น soundtrack จากหนัง Deliverance ที่เข้ามาฉายในปี 1972  ผมไม่ได้ดู  แต่ก่อนเคยจำชื่อภาษาไทยได้  เพลงดังออกมาจากวิทยุเนือง ๆ





นี่คือเพลง Theme from Shaft มาจากหนังเรื่อง Shaft ที่ออกฉายในปี 1971  นำแสดงโดย Richard Roundtree  หนังมาฉายในเมืองไทยด้วยแต่ผมไม่ได้ไปดู  จำได้ว่าตัว RR นั้นดังสนั่นบ้านเรา  ได้ฟังแต่เพลงที่วิทยุเอามาเปิดบ่อยเป็นว่าเล่น  เพลงดังมากที่บ้านเค้า  ขึ้นถึงอันดับ 1 บนตาราง billboard  ได้ทั้งรางวัล Oscar และ Grammy  แต่ส่วนตัวแล้วผมไม่เคยชอบเลย


บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 128  เมื่อ 11 ก.ค. 23, 14:24

Marvin Hamlisch เป็นศิลปิน composer & conductor อีกคนที่ดังในยุค 70s  บ้านเขายกย่องว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในโลกคนหนึ่ง  Wikiฯ บอกว่าเธอเป็นหนึ่งในศิลปินจำนวน 18 คนที่ได้รับรางวัล Emmy (ทางทีวี), Grammy (ทางเพลง), Oscar (หนังจอใหญ่) และ Tony (ทางเวทีละคร) ที่เรียกกันย่อ ๆ ว่า EGOT  และเป็นศิลปิน 1 ใน 2 คนในโลกที่ได้รับรางวัล Pulitzer (รวมเรียกว่า PEGOT) เพิ่มขึ้นมาอีก 1 สาขา

ผลงานของเธอที่ดังเป็นวงกว้างขวางที่สุด  ขอบเขตของมันเข้ามาถึงบ้านเราด้วยคือเพลง The Entertainer เป็นงานที่ MH นำมาดัดแปลงแล้วบรรจุเข้าเป็นหนึ่งใน soundtrack ของหนัง The Sting (1974)  MH ได้รับ Oscar สาขา Original Score  ได้รับ Grammy สาขา Best Pop Instrumental Performance และเพลงนี้ยังขึ้นถึงอันดับ 3 บนตาราง billboard แล้วคว้าแผ่นเสียงทองคำมาได้ด้วย



นำเสนอผลงานอื่นของเธอที่นักฟังเพลง ฯ บ้านเรารู้จักดี







บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 129  เมื่อ 12 ก.ค. 23, 14:40

สมัยนู้นพอมีคนถามว่าผมฟังเพลง (ฝรั่ง) แนวไหน  ขณะที่คำตอบของบางคนฉะฉาน  ฉันฟังเพลงแนว rock  ฉันฟังเพลงแนว easy listening  ฉันฟังเพลง underground (ตอนนั้นยังไม่มี rap หรือ hip hop) ฯลฯ  แต่ผมไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร  เพราะผมไม่มีแนวเพลงที่ชอบโดยเฉพาะ  ก็บอกไปว่าฟังไปเรื่อย ๆ  ก็อีกนานเชียวละกว่าจะสามารถหาคำตอบได้ตรงตามที่ตัวเองต้องการ  

นั่นคือผมฟังเพลงในอันดับเพลง  เพลงแนวไหนเข้าอันดับและวิทยุเอามาเปิดผมเป็นฟังหมด  แล้วค่อยมาตัดสินใจว่าชอบ/ไม่ชอบเพลงไหน  

นี่เป็นเพลงแนว jazz  ที่เข้าอันดับ billboard  ที่วิทยุนำมาเปิดบ่อยในปลายยุค 70s  ตอนนั้นฟังแล้วเฉย ๆ  แต่มาเดี๋ยวนี้เพราะมาก  



Crusaders เป็นวงเล่นเพลงในแนว jazz  ผมไม่ได้ศึกษาโดยละเอียดเลยบอกไม่ได้ว่าวงมีนักร้องประจำหรือเปล่า  แต่เพลงนี้ได้นักร้องเกรด A ชื่อ Randy Crawford มาร้องนำ  มันไม่ใช่เพลงฮิตในอันดับเพลงเลย  ดีเจ (ผมฟันธงว่าเป็น สถน. Nite Spot) คงเห็นความเพราะและความเป็นอมตะของมัน  เป็นวิสัยทัศน์ชั้นเยี่ยม
  
อีกไม่นานคลื่น สถน. เดียวกันนี้ก็เอาอีกเพลง (ที่ไม่ดังยิ่งกว่าเพลงก่อน) ของวงฯ นี้มาเปิด  

นักร้องนำในเพลงนี้คือ Joe Cocker (เคยลงเรื่องไปแล้ว) ท่าทางการร้องของเธอคงคุ้นตา





เขียนถึงวง Crusaders แล้วนึกได้ว่าในช่วงเวลาเดียวกันนั้น  สถน. เดียวกันนี้นำเสนอเพลงบรรเลงแนว jazz เช่นกัน  แต่จากวงชื่อ Spyro Gyra  ชื่อเพลงอะไรก็จำไม่ได้  ทำนองอย่างไรก็จำไม่ได้อีก  อาจเป็นเพราะไม่ค่อยได้ยินบ่อยเท่า  จำได้แต่ชื่อวง เท่หูดี  ต้องหันหน้าไปปรึกษาปรมาจารย์ Joel Whitburn  ท่านบอกว่าเพลงนี้แหละ

หมายเหตุ – ลงให้ฟังเฉย ๆ วงนี้สมาชิกดั้งเดิมยังอยู่กันครบ



นี่คือบรรดาปูมเพลงที่ผมใช้เป็นหลักในการค้นคว้า  ยุคก่อน อตน. หลักฐานมีแต่สิ่งตีพิมพ์ซึ่งกว่าจะออกเผยแพร่สู่ตลาดได้จำเป็นต้องผ่านกองบรรณาธิการตรวจตราความถูกต้องซ้ำแล้วซ้ำอีก  ไม่เช่นนั้นถ้าเกิดผิดพลาดเป็นโดนฟ้องตูดแหก  โดยเฉพาะที่อเมริกาดินแดนแห่งการฟ้องร้องกันเป็นอาชีพ  ไม่มีใครอยากเสี่ยงผลิตหนังสื่อชุ่ย ๆ ออกมาหรอก  ดังนั้นสถิติในปูมเหล่านี้จึงให้ความมั่นใจมากกว่า  สำหรับข้อมูลทาง online  นั้นเหมาะสำหรับจำเกร็ดมาเล่าโน่นนี่  เมื่อนำมาประกอบกันจะทำให้งานสมบูรณ์ขึ้น  (สังเกตหนังสือ Top Pop Singles นั้นเน่าที่สุด  ตั้งแต่ซื้อมาเปิดได้นับหมื่นครั้งแล้วมั้ง  เป็นเพราะบ้านเราฟังแต่เพลง pop คือเพลงทุกแนวที่เข้าอันดับเพลง pop จะรวมอยู่ในหนังสือเล่มนี้)

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 130  เมื่อ 13 ก.ค. 23, 14:35

ผมได้ยินเพลง Danny Boy มาตั้งแต่เล็ก ๆ  เป็นเพลงช้า ๆ เนิบนาบ  ได้ยินครั้งแรกจากเสียงของคนไทยคือพ่อผมเอง  ต่อมาก็ได้ยินจากเสียงนักร้องอาชีพชาวต่างชาติซึ่งมีมากมายจนไม่รู้ (คือขี้เกียจหา) ว่าใครเป็นต้นฉบับ

มาถึงยุค ‘บ้าเพลง’  วันหนึ่งก็มีเพลง Danny Boy ส่งออกมาจากลำโพงวิทยุ ฉบับนี้มีทำนองแตกต่างไปจากที่เคยได้ยิน  คือทำนองเร็วมีจังหวะ  ผมติดใจ  แต่ไม่รู้ว่าเป็นเสียงของใคร  ถ้าติดใจเพลงอะไรโดยไม่รู้ข้อมูลจากดีเจ  หรือดีเจบอกแต่ยังเด็กเกินกว่าจะจำได้ละก็จบเห่

ความติดใจฝังอยู่ในใจมาตลอดจนกระทั่งถึงยุค  อตน.  เมื่อ youtube ถือกำเนิดผมก็ลองหาเพลงฉบับที่ว่านี้ดู  ก็หาไม่เจอ  นั่นเป็นเพราะว่าตอนนั้น youtube ยังไม่แก่กล้า  ผมก็หาต่อไปเรื่อย ๆ  โดยใส่ในช่องค้นหาว่า Danny Boy แล้วก็เปิดฟังคำตอบดู  แล้ววันหนึ่งผมก็ได้คำตอบจนได้

แรก ๆ การหาของผมคือลองฟังแค่ตอนต้นเพลง   ก็พบว่าทุกฉบับทำนองช้าเหมือนกันหมด  แล้วก็นึกได้ว่าฉบับที่หาอาจจะไม่ได้เริ่มต้นก็ ‘โครมๆ’ เลยก็เป็นได้  ก็เลยต้องฟังแต่ละฉบับแบบเต็มเพลงไปเรื่อย ๆ  แล้วก็จริงอย่างที่คาด

นักร้อง Conway Twitty อยู่ในกลุ่ม rock ‘n roll ยุคบุกเบิก  ต่อมาเธอนำความเป็น rocker ย้ายไปเข้าแนว country ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกเพราะเธอดังในแนวนี้ถล่มทลาย

ในต้น 70s วิทยุก็เปิดเพลงหนึ่งเป็นเพลงร้องคู่ทำนอง ballad  เพราะหู เนื้อเพลงก็สนุกดีด้วย  ดีเจบอกว่าเป็นเสียงของ Conway Twitty ร้องกับ Joni  ชื่อนักร้องหญิงมีแค่นี้  ใครก็ไม่รู้  อย่างไรก็ตาม ผมแจ้นออกไปหาซื้อเทปเพลงนี้ทันที (ตอนนั้นยังไม่มีเงินซื้อแผ่นเสียง เลยได้แต่โฉบอยู่แถว ๆ แผงขายเทปฯ)  จนกระทั่ง อตน. ถือกำเนิดผมถึงได้ความรู้เพิ่มเติมว่า Joni ก็คือลูกสาวของ CT นั่นเอง



CT มีเพลงอันดับหนึ่งบนตารางเพลง pop ของ billboard อยู่ 1 เพลงคือเพลงนี้  ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน มีใครเคยได้ยินบ้าง



นำเสนออีก 1 เพลงใน top 10



บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33587

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 131  เมื่อ 13 ก.ค. 23, 15:01

 Danny Boy  ใช้ทำนองจากเพลงพื้นบ้านเก่าแก่ของไอร์แลนด์ ชื่อ Londonderry Air   Air แปลว่า เพลง   ค่ะ
ต่อมามีผู้ใส่เนื้อร้องเป็น ballad   
ชอบคลิปนี้ ร้องโดยหนูน้อยแจ๊คกี้ อีแวนโค  ที่บัดนี้โตเป็นสาวแล้ว

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 132  เมื่อ 14 ก.ค. 23, 14:49

นอกเรื่องนิด  คือเมื่อกี้ได้อ่านกระทู้ของ 'จาร เรื่อง จุดจบของอาชีพนักเขียน  เนื่องจากฝังตัวอยู่ในโลกโบราณ (ไม่มี TV  ไม่อ่านข่าว ฯลฯ) จึงไม่มีความรู้เกี่ยวกับข่าวนี้เลย  อ่านแล้วให้อารมณ์ประหนึ่งเรื่องสยองขวัญ 

แล้วก็นึกถึงเพลง ๆ หนึ่งที่ออกตลาดในยุคปลาย 70s  เพลงชื่อ Video killed radio star  เนื้อเพลงโดดเด่นมาก  scope ของเพลงเล็กหน่อยคือเกี่ยวกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ (ในตอนนั้น) ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวงการเพลง  ถ้าตัด scope  เหตุการณ์ก็คล้ายคลึงกันเลยครับ



The theme of "Video Killed the Radio Star" is nostalgia, with the lyrics referring to a period of technological change in the 1960s, the desire to remember the past and the disappointment that children of the current generation would not appreciate the past. The lyrics relate to concerns of the varied behaviors towards 20th-century technical inventions and machines used and changed in media arts such as photography, cinema, radio, television, audio recording and record production.
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33587

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 133  เมื่อ 14 ก.ค. 23, 15:03

ต้องเปิดเพลงนี้ประกอบเลยละค่ะ

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 134  เมื่อ 14 ก.ค. 23, 15:13

ต้องเปิดเพลงนี้ประกอบเลยละค่ะ



หูยยย... เพลงนี้สุดขีดครับ  แค่ 3 chords แรกก็หวือ 'กลับไป' (แล้วไม่อยากกลับมา) แล้วครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 7 8 [9] 10 11 ... 31
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.087 วินาที กับ 18 คำสั่ง