บรรดาศักดิ์ เป็นศักดิ์ที่พระเจ้าแผ่นดินสยามพระราชทานให้ข้าราชการทั้งฝ่ายทหารและฝ่ายพลเรือนมาแต่สมัยโบราณ สมัยรัตนโกสินทร์ แบ่งเป็นขั้นประทวนและสัญญาบัตร บรรดาศักดิ์ที่พระราชทานข้าราชการทั่วไป มี ๖ ชั้นตามลำดับดังนี้ หมื่น ขุน หลวง พระ พระยา และเจ้าพระยา
อาจารย์ โรงเรียนแพทย์ (ที่จบในประเทศ) จะได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นขุน แล้วเลื่อนขึ้นไปตามลำดับ อาจารย์ศิริราชได้เป็นพระยา ๑ คน คือ พระยาเวชสิทธิพิลาศ แพทย์ที่จบจากศิริราชได้เป็นพระยา ๕ คน เท่านั้น อาจารย์ที่ได้ปริญญาจากต่างประเทศจะเริ่มต้นเป็นหลวง
นามบรรดาศักดิ์หรือ “ราชทินนาม” จะบอกถึงตำแหน่งที่ทำงาน เช่น พระยานครพระรามเป็นเจ้าเมืองลพบุรี พระยาแพทยพงศาวิสุธาธิบดีเป็นเจ้ากรมหมอหลวง เจ้าพระยาพลเทพเป็นเสนาบดีกระทรวงเกษตร เมื่อพ้นจากตำแหน่งก็จะได้รับพระราชทานราชทินนามใหม่ (ฉะนั้น เวลากล่าวถึงข้าราชการ จึงมักจะบอกชื่อตัวหรือฉายาไว้หลังราชทินนามด้วย เพื่อจะได้รู้ว่าเป็นใคร) นอกจากตั้งตามตำแหน่งหน้าที่แล้ว ราชทินนามอาจตั้งตามคุณสมบัติเฉพาะบุคคล เช่น พระสอนถูกระบอบ พระยาโอวาทวรกิจ พระบำบัดสรรพโรค พระทิพย์จักษุศาสตร์ หลวงกุมารแพทย์ หลวงกุมารประเสริฐ สมัยหลังราชทินนามมักจะคิดจากชื่อตัวหรือชื่อสกุล เช่น หลวงไวทเยศรางกูร หลวงพิณพากยพิทยเภท พล.ร.อ. หลวงสินธุ์สงครามชัย
ราชทินนามของอาจารย์ ศิริราชมีที่มาต่าง ๆ กัน คือ
บรรดาศักดิ์แพทย์แผนโบราณ เช่น หลวงไตรกิศยานุการ หลวงพินิจไวทยาการ หลวงราชพรมมา
ราชทินนามตามความสามารถเฉพาะตน เช่น พระอาจวิทยาคม พระอัพภันตราพาธพิศาล หลวงอายุรแพทย์พิเศษ พระศัลยเวชวิศิฎ หลวงไวทเยศรางกูร หลวงกายวิภาคบรรยาย ขุนศรีภิษัช หลวงศัลยเวชพิศาล ขุนศัลยแพทย์ ขุนชีวัทพิเศษ ขุนสมรรถสูติการ
ราชทินนามที่โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งเป็นชุดสำหรับอาจารย์โรงเรียนแพทย์มีดังนี้
ชุดที่ ๑ พระยาเวชสิทธิพิลาศ ขุนเวชศาสตร์พินิต พระเวชกิจพิศาล หลวงเวชการพิเศษ
ชุดที่ ๒ หลวงบริบูรณเวชสาส์น หลวงบริบาลเวชกิจ พระยาบริรักษ์เวชการ ขุนบริหารเวชศาสตร์
ชุดที่ ๓ ขุนสารีรวิทยาวิลาส ขุนอายุรศาสตร์วิลัย ขุนกายวิภาคพิศาล
ราชทินนามที่ผูกขึ้นจากชื่อตัว เช่น หลวงเฉลิมคัมภีรเวทย์ หลวงพิณพากยพิทยาเภท ขุนเกตุทัศน์วิทยาพยาธิ หลวงวาทวิทยาวัฑธน์ หลวงพรหมทัตเวที
อาจาร์ย์ที่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ปีเดียวกัน ราชทินนามจะคล้องจองกัน
หลังพ.ศ. ๒๔๗๕ ไม่มีการพระราชทานบรรดาศักดิ์อีก ต่อมามีกฎหมายให้เลิกบรรดาศักดิ์ ผู้มีบรรดาศักดิ์ทุกคนต้องเวนคืนราชทินนาม และกลับไปใช้ชื่อตัว แต่รัฐบาลอนุญาตให้ใช้ราชทินนามหรือส่วนหนึ่งของราชทินนามเป็นชื่อตัว ชื่อรอง (เอาอย่างฝรั่ง) หรือนามสกุลก็ได้ เช่น พระยาบริรักษ์เวชการเป็น นพ.บริรักษ์ ติดติรานนท์ หลวงเทพวรสันต์เป็น นพ.เทพ วรสันต์ ขุนสันติสุขบริหารเป็น นพ.สันต์ สันติสุข ขุนฉันทศาสตร์โกศลเป็น นพ.ไย ฉันทศาสตร์โกศล ขุนสอนสุขกิจเป็น นพ.สอน ส.อันตริกานนท์ พระยามไหศวรรย์เป็นนายกอ มไหศวรรย์ สมบัติศิริ พล.อ.อ. ขุนรณนภากาศเป็น พล.อ.อ. ฟื้น รณนภากาศ ฤทธาคณี หลวงสถิตนิมานการเป็นนายชวน สถิตนิมานการ
หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ โปรดเกล้าฯ ให้ผู้ที่เวนคืนบรรดาศักดิ์ขอกลับมาใช้บรรดาศักดิ์ได้ดังเดิม อาจารย์ศิริราชกลับไปใช้บรรดาศักดิ์ตามเดิมเกือบทุกท่าน นอกจาก ศ.นพ.เฉลิม พรมมาส ซึ่งใช้ชื่อเดิมนามสกุลเดิมไม่กลับไปใช้บรรดาศักดิ์อีก
จาก
๑๒๐ ปี โรงเรียนแพทย์ศิริราช โดย สรรใจ แสงวิเชียร, พ.บ., พ.ด.