เรือนไทย

General Category => ศิลปะวัฒนธรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: B ที่ 22 ม.ค. 01, 06:45



กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 22 ม.ค. 01, 06:45
Khun Taochompoo ka, I just read your article about เจ้าฟ้ากุ้ง
again, and I would like to ask you a question ka. I think from "49 Rachinee
Thai,' which I read many years ago,  เจ้าฟ้ากุ้ง had love affairs with
Jaofah Nim and Jaofah Sangwal. But you only mentions Jaofah Sangwal. What's
about Jaofah Nim?

If I remember it incorrectly, I apologize
ka.


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 15 ม.ค. 01, 16:09
Oops! mention ka, without "s."


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ม.ค. 01, 16:28
ในพระราชพงศาวดารกล่าวถึงเจ้าฟ้านิ่มและเจ้าฟ้าสังวาล  แต่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่าเป็นองค์เดียวกันค่ะ
เจดีย์ที่วัดไชยวัฒนารามก็มีอยู่แค่ ๒ องค์ กล่าวกันว่าเป็นของเจ้าฟ้าสังวาลและเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์  ไม่มีเจ้าฟ้านิ่ม


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: แจ้ง ใบตอง(คนซื่อ) ที่ 15 ม.ค. 01, 18:26
ผมอ่านเรื่องทหารเอกพระบัณฑูรย์ ของไม้ เมืองเดิมมีตอนสำคัญอยู่ช่วงหนึ่ง
ที่ได้เล่ารายละเอียดเกี่ยวกับ เจ้าฟ้ากุ้ง เจ้าฟ้าสังวาลย์และเจ้าฟ้านิ่ม...

แต่เหตุไฉนผมจึงได้เอานิยายมาเป็นแหล่งอ้างอิงข้อมูลในการตอบเล่า?

เนื่องจากผมได้ทราบว่าก่อนที่ไม้ เมืองเดิมจะเขียนนิยายอิงประวัติศาสตร์
สักเรื่อง ต้องค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดี เพื่อมิให้โครงเรื่อง
ที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์นั้นผิดเพี้ยนไป บางครั้งก็ยกเนื้อความในพงศาวดารมาใส่เลยทีเดียว

นักเขียนนิยายอิงประวัติศาสตร์บางคนผูกโครงเรื่องได้อย่างน่าติดตาม แต่ยังขาดความ
ระมัดระวังเรื่องคำศัพท์...เช่น ผมเคยเจอคำว่า "ลงแขก" (ที่แปลว่าข่มขืน)
ในเรื่อง ท้าวศรีสุดาจันทร์ ผมวางหนังสือเล่มนั้นทันที ไม่อ่านต่อเพราะรู้สึกอ่านแล้วเสียอรรถรส
บางคนเขียนนิยายย้อนยุคก่อนสมัยรัชกาลที่ ๕ แต่มีการอ้างถึงพระสยามเทวาธิราชแล้ว
ผมก็วางอีกเหมือนกัน เพราะก่อนหน้านั้น เรายังไม่เคยมีพระสยามเทวาธิราช
นั่นแสดงถึงการขาดความเอาใจใส่ที่จะค้นคว้าข้อมูลของผู้เขียน ซึ่งผมถือว่าเป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์
ที่ด้อยคุณภาพ

แต่สำหรับไม้ เมืองเดิมผมยังไม่เห็นความบกพร่องในการใช้ภาษา หรือแม้กระทั่ง
การบิดเบือนประวัติศาสตร์ เพียงแต่ว่า ไม้ เมืองเดิม ใช้บันทึกของใครมาเป็นโครงเรื่อง
ในการเขียนเท่านั้น

ดังนั้น การที่ผมนำนิยายของไม้ เมืองเดิมมาอ้างถึง ก็น่าจะเชื่อถือได้ในส่วนหนึ่ง (ผมว่างั้นนะ
หากโครงเรื่องที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่ไม้  เมืองเดิมเขียนไม่เป็นจริง นั่นก็คงเป็นอักษรานุภาพ
 /...ขออนุญาตยืมคำคุณ นกข..../ของนิยายที่มีต่อผม)

เอาเป็นว่า เรามาดูกันดีกว่า ไม้ เมืองเดิม เขียนนิยายอิงประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับ
เรื่องที่คุณบีถามอย่างไร...

" ครั้นถึงในแรมค่ำหนึ่งในเดือน ๙ ปีกุนนั้น  มีพระราชโองการรับสั่งให้ผูกกรมพระราชวังบวร
แล้วจึงให้ลงพระราชอาญาเฆี่ยนได้ ๒๐ ทีลมจุก กรมหมื่นสุนทรเทพก็ตรัสว่า จุกหนักขอพระราช
ทานแก้เสีย ครั้นวันแรม ๒ ค่ำ รับสั่งให้เฆี่ยนอีก ๒ ยกเป็น ๖๐ ทีแล้วให้นาบพระบาทด้วย  แลให้กระทู้
ต่อพระราชวังบวรว่า อ้ายปิ่นกลาโหมคบหาทำชู้กับเจ้าจอมมารดามิตรเป็นภรรยา ให้เฆี่ยนถึง ๗๐๐ ตาย
อยู่กับคา  แต่นี่คบหาทำชู้กับสามีภริยาทั้งสองพระองค์ แล้วก็มีพระราชบุตรด้วยสามสี่พระองค์ และ
๗๐๐ นั้น ก็โปรดให้แบ่งออกเป็นสามส่วน จะให้เฆี่ยนแต่ส่วนหนึ่งสองร้อยสามสิบ จะว่าประการใด
กรมพระราชวังบวรให้การกราบทูลว่า  จักขอรับพระราชอาญาสุดแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเถิด
กรมหมื่นเทพพิพิธจึงเอาคำให้การขึ้นกราบบังคมทูลดำรัสถามว่าเฆี่ยนได้เท่าไรแล้ว  กรมหมื่นเทพพิพิธ
ก็กราบบังคมทูลว่าลงพระอาญาได้ ๖๐ ที แล้วจึงดำรัสสั่งว่า ให้เฆี่ยนยกสามสิบทีไปจนกว่าจะครบสองร้อยสาม
แล้วให้เสนาบดีแลลูกขุนพิพากษาโทษว่าจะเป็นประการใด จึงท้าวพระยามุขมนตรีก็พร้อมกันปรึกษาโทษ
ต้องด้วยพระราชกำหนดมณเทียรบาล จึงกราบทูลพระกรุณาว่า กรมพระราชวังบวรโทษเป็นมหันต์ถึงประหาร
ชีวิตเป็นหลายข้อ  จักขอพระราชทานสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์ตามขัตติยราชประเพณี  จึงทรงพระกรุณา
ตรัสขอชีวิตไว้  แต่ให้นาบพระนลาตถอดเสียออกจากเจ้าเป็นไพร่  และฟ้านิ่มเจ้าฟ้าสังวาลย์นั้น  ให้ลงพระ
ราชอาญาเฆี่ยนองค์ละยกสามสิบที ให้ถอดลงเป็นไพร่และจำไว้จนกว่าจะสิ้นชีวิต  และเจ้าฟ้าสังวาลย์นั้นอยู่
ได้สามวันก็สิ้นพระชนม์ แต่กรมพระราชวังบวรสมเด็จพระมหาอุปราชนั้น  ต้องรับพระราชอาญาเฆี่ยนอีกสี่ยก
เป็นร้อยแปดสิบทีก็ถึงดับสูญสิ้นพระชนม์  จึงรับสั่งให้เอาศพทั้งสองไปฝังไว้ ณ วัดไชยวัฒนาราช"

จากนิยายที่ผมอ้างมานั้น จะเห็นว่า มีทั้งเจ้าฟ้าสังวาลย์และเจ้าฟ้านิ่ม แต่สิ้นพระชนม์ในช่วงเดียวกัน
คือเจ้าฟ้ากุ้ง กับเจ้าฟ้าสังวาลย์ จึงมีเจดีย์อยู่เพียง ๒ องค์ ตามที่คุณเทาชมพูได้กล่าวถึง
ในส่วนของเจ้าฟ้านิ่มนั้น ผมสันนิษฐานว่าถูกจำแล้วจะสิ้นพระชนม์ในภายหลัง ในประวัติศาสตร์จึงมิได้กล่าวไว้

ผิดพลาดก็ขออภัยครับ


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ม.ค. 01, 19:36
เรื่องนี้ พูดได้เป็น ๒ ประเด็นค่ะ
๑)การถือพระราชพงศาวดารเป็นบรรทัดฐาน
๒)การตีความพระราชพงศาวดาร หรือไม่ได้ถือพระราชพงศวดารเป็นบรรทัดฐานเสียทั้งหมด  ถือไว้บางส่วน

ดิฉันเข้าใจว่า ไม้ เมืองเดิม ยึดข้อแรกเป็นหลักในการเขียนนิยาย
ส่วนสมเด็จกรมพระยาดำรง ฯ ทรงใช้ข้อที่ ๒ ค่ะ  ทรงเลือกที่จะเชื่อว่าเจ้าฟ้านิ่มคือองค์เดียวกับเจ้าฟ้าสังวาลย์
แต่เสียดายจริงๆดิฉันยังหาข้อมูลไม่พบว่า ทำไมถึงทรงสันนิษฐานเช่นนั้น

การแต่งนิยายอิงประวัติศาสตร์ของไทย มี ๒ แบบ
๑) แต่งโดยไม่ยึดรายละเอียดความถูกต้องทางประวัติศาสตร์  เพียงแต่เอาบางส่วนมาเป็นฉากหลังเพื่อให้ได้ " กลิ่นอาย" ของประวัติศาสตร์
เพราะฉะนั้นจะผิดจะเพี้ยนอย่างไรก็ถือว่าไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ประเด็นคือเอารสชาติไว้ก่อน

ตัวอย่างก็คือ "ดาบศักดิ์เหล็กน้ำพี้" ของ "อายัณโฆษ" ซึ่งพระเอกเป็นนายทหารสมัยสมเด็จพระนเรศวร  แต่ก็พูดจาอย่างสมัยใหม่   นางเอกเป็นเจ้าหญิงก็ปลอมตัวเป็นชาย ไปไหนมาไหนได้สะดวก  แถมเรือนหอพระเอก ยังมีซุ้มประตูเขียนชื่อเจ้าของบ้านเอาไว้ เหมือนบ้านสมัยรัชกาลที่ ๖ นิยมทำกัน

งานหลายชิ้นของหลวงวิจิตรวาทการก็ออกมาในรูปนี้ อย่าง "ครุฑดำ" ซึ่งเป็นขบวนการกู้ชาติสมัยสมเด็จพระนเรศวร

๒) นิยายประวัติศาสตร์ที่พยายามจะเน้นความสมจริงทางรายละเอียด    โดยยึดพระราชพงศาวดาร เกร็ดประวัติศาสตร์ เป็นหลัก
สี่แผ่นดินก็คือตัวอย่างที่ชัดมากที่สุด
อีกเล่มหนึ่งคือ "ฟ้าใหม่" ของศุภร บุนนาค

ถ้าคุณแจ้งอ่านแล้วระคายกับคำว่า " ลงแขก" ก็อ่านข้ามไปเถอะค่ะ  เอารสชาติในเรื่องไว้บ้างคงไม่เสียเวลานัก    
ดิฉันเองก็เคยอ่านนิยายประวัติศาสตร์ เล่าถึงปลายอยุธยา สาวชาวบ้านนุ่งกระโจมอกห่มผ้าขนหนูคลุมไหล่ลงอาบน้ำในคลองมาแล้ว  ทั้งที่สมัยนั้น ผ้าขนหนูถือกำเนิดมาในโลกหรือเปล่าก็ยังสงสัย


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 15 ม.ค. 01, 20:49
From บทสังวาส:
    สองสุขสองสังวาส แสนสุดสวาทสองสู่สม
สองสนิทนิทรารมณ์    กลมเกลียวชู้สู่สมสอง
    แย้มยิ้มพริ้มพักตรา สาภิรมสมจิตปอง
แสนสนุกสุขสมพอง ในห้องแก้วแพรว  พรรณราย
Do you think that "สอง"  gives a "clue" that he had sex with these two princesses at the same time?


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: แจ้ง ใบตอง ที่ 15 ม.ค. 01, 21:34
ขอบคุณคุณเทาชมพูครับที่ให้แนวคิด แต่ผมก็ยังอยากที่จะ "เลือกอ่าน" อยู่ดี
เพราะว่า เมื่อผมต้องการอ่านนิยายย้อนยุคหรืออิงประวัติศาสตร์แล้ว  นั่นแสดงว่าผมย่อม
ต้องการอรรถรสอย่างนั้นจริงๆ   มันเหมือนกับการไปดูหนังย้อนยุคสักเรื่อง
เอาเป็นว่า เรื่องบางระจัน ก็แล้วกัน หากผมเจอนายจัน หนวดเขี้ยว ไว้ผมรองทรง ถือดาบ
ฟันขาวแหง ใบหน้าลูกครึ่ง ผมก็คงจะผิดหวังในหนังเรื่องนั้นมาก ถึงหนังเรื่องนั้นจะสนุกเร้าใจ
แค่ไหนก็ตามที เพราะนั่นมันไม่ใช่ภาพที่ผมได้จินตนาการไว้ครับ...

ผมอ่านนิยายเพื่อความบันเทิง หากมันไม่บันเทิงเสียแล้วผมก็เลิกอ่าน (เปลี่ยนไปอ่านพวกวิชาการดีกว่า)
จริงอยู่ในหนังสือนั้นอาจจะมีส่วนอื่นที่ดีๆอยู่ด้วย  แต่ผมก็ทำใจให้ยอมรับไม่ได้  ผมจะไม่เสียเวลา
อ่านหนังสือเหล่านี้ เพราะถือว่ายังมีหนังสือดีๆอีกมากมายที่รอให้ผมไปอ่าน เหมือนอย่างเพชรพระอุมา
ผมก็อ่านหมดทั้งสามภาค  แต่ผมก็เลือกที่จะอ่านซ้ำเฉพาะภาคแรกเท่านั้น เพราะผมคิดว่ารพินทร์ของผม
ในภาคสองสามไม่เหมือนเดิมแล้ว...

ความคิดอาจจะคับแคบไปหน่อยครับ แต่รับรองได้ว่าความคิดในด้านอื่นไม่คับแคบ
แน่นอน มาเข้าเรื่อง "หญิงสองชายหนึ่ง" กันต่อดีกว่าครับ


คุณบีครับผมว่าในสมัยก่อนนี่คงจะไม่โลดโผนอย่างนั้น
หรอก เพราะว่าน่าจะต้องเกรงสิ่งที่มองไม่เห็นบ้าง
อย่างน้อยก็เป็นผีตำหนักล่ะเอ้า

แต่เมื่อผมมาอ่านตรง...

"สองสนิทนิทรารมณ์ กลมเกลียวชู้สู่สมสอง"

ผมชักจะคล้อยตามคุณบีแล้วล่ะครับ เพราะว่าบทกวีตรงนี้มันชัดเจนเสียเหลือเกิน
สลับคำว่า "สู่สม" เสียหน่อยก็โป๊ะเชะเลย เจ้าฟ้ากุ้งคงจะต้อง "กลมเกลียวชู้สู่สมสอง"
บ้างล่ะน่า  ถึงบรรยายมาเป็นบทกวีได้ไพเราะได้จับใจนัก  

ถึงตรงนี้ผมนึกอยากฟังบทพิศวาสในน้ำของพระอภัยกับนางเงือกบ้างแล้วล่ะครับ
ท่านว่าสุนทรภู่คงมีอะไรๆ กับใครในน้ำบ้าง จึงได้บรรยายออกมาจนเห็นภาพกระทั่งความรู้สึกเช่นนั้น


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 15 ม.ค. 01, 22:06
Khun Jang may forget the story of Pra Law ang Puen+Pang. In my opinion, our ancestors many hundreds years ago could have that kind of sexual relationship. From Sipandin, we know about "Lenpuen" and I used to read that in the period of King Rama III, there was a prince (Sorry that I cannot remember his name.), who was punished because he had sexual relationships with actors (or musicians?).


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 15 ม.ค. 01, 22:15
By the way, I have not read the love scene of Praabai and the (little) mermaid yet. Could you please show me some?

Hae...hae..this topic is kind of "Tid rate" na ka.


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ม.ค. 01, 22:16
ขอนั่งยันยืนยันค่ะ

สองสุขสองสังวาส แสนสุดสวาทสองสู่สม
สองสนิทนิทรารมณ์ กลมเกลียวชู้สู่สมสอง
แย้มยิ้มพริ้มพักตรา สาภิรมย์สมจิตปอง
แสนสนุกสุขสมพอง ในห้องแก้วแพรว พรรณราย

กลมเกลียวชู้สู่สมสอง แปลว่า  สองคนนั้นก็สมสู่กันอย่างสมัครสมานเป็นอันดี  ถึงมีคำอธิบายต่อมาว่า แย้มยิ้มพริ้มพักตราไงคะ

สองในที่นี้คือชายหนึ่งหญิงหนึ่งค่ะ รวมเป็นสอง เหมือนเราใช้คำว่า "สองต่อสอง" ก็ไม่ใช่สี่คนนะคะ คือหนึ่งต่อหนึ่ง

ว่ากันว่ากาพย์เห่เรื่องกากี เป็นความในพระทัยของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ สะท้อนความรักต้องห้ามของพระองค์ท่าน
ในเรื่อง  พญาครุฑพานางกากัไปวิมานฉิมพลี ก็คือหนึ่งหญิงต่อหนึ่งชาย  ไม่ปรากฏว่าแอบมีนางอะไรอีกคนมาสมทบด้วยบนวิมานฉิมพลีเป็นหนึ่งชายสองหญิง
เท่าที่อ่านวรรณคดีภาคกลางมา   บมอัศจรรย์ในวรรณคดีจะเป็นการจับคู่กันหนึ่งต่อหนึ่งเท่านั้น   แม้ว่าฝ่ายชายมีภรรยาหลายคน ก็ไปเยือนทีละคนค่ะ
(พยายามอธิบายชนิดไม่ให้ติดเรทเลยนะคะ)
อ้อ  ยกเว้นเรื่องเดียวซึ่งมีบรรยากาศฝ่ายเหนือปะปนอยู่ในการใช้ศัพท์และสำนวน   คือลิลิตพระลอ ที่อยู่กันสามคนในห้องเดียว

เรื่องนางเงือกจะไปหามาให้ค่ะ  คุณแจ้งนี่ก็ช่างคิดเสียจริงจริ๊ง    ถ้าไปสอนวรรณคดีเด็กนักเรียนคงตาสว่างไม่ง่วงหลับแน่ๆ


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: แจ้ง ใบตอง ที่ 15 ม.ค. 01, 22:35
คุณบีทายแม่นจังเลย  ผมยังไม่เคยอ่านเรื่องพระลอเลยครับ แต่เรื่อง "ตามไก่" ก็เคย
เจอมาบ้าง
"เล่นเพื่อน" เคยอ่านเจอในสี่แผ่นดิน  แต่จำไปไม่ได้แล้วว่าใครเล่นกับใคร
รู้สึกว่าโครงกระดูกในตู้ที่คุณชายคึกฤทธิ์เขียนก็น่าจะมีการ"เล่นเพื่อน" เหมือนกันครับ
ผมลืมนึกถึงเรื่องนี้ไป


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: แจ้ง ใบตอง ที่ 15 ม.ค. 01, 22:39
ผมว่าทางเหนือคงไม่ถือเรื่องนี้มั้งครับคุณเทาชมพู
เพราะว่า ตอนหมอชีคแกไปทำธุรกิจที่นั้น แกก็ตั้งฮาเร็ม
หาสาวเหนือมาบำเรอความสุขเลย ทีละหลายๆ คนด้วย


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ม.ค. 01, 23:49
คุยไปคุยมากระทู้ทำท่าจะติดเรท ไม่เป็นไรค่ะ อธิบายอย่างวิชาการคงลดเรทลงมาได้บ้าง
ในสมัยรัตนโกสินทร์ และก็คงอยุธยาตอนปลายด้วย เพราะสืบสานวัฒนธรรมต่อเชื่อมกัน  เพศสัมพันธ์ที่ถือว่าต้องห้าม ผิดปกติ คือรักร่วมเพศ

หญิงกับหญิงเรียกว่าเล่นเพื่อน   ใน" โครงกระดูกในตู้" คุณป้าชุ่มของม.ร.ว.คึกฤทธิ์  เล่นเพื่อนกับสตรีชาววัง  โดยตัวท่านเป็นชาย(เรียกว่าเป็นทอมรุ่นเก๋า) ก็ถูกสักหน้าประจาน ห้ามเข้าวังอีกต่อไป
สตรีชาววังที่เล่นเพื่อน มีอยู่ในเรื่อง "คุณโม่ง" และ "หม่อมเป็ดสวรรค์" ซึ่งก็รู้กันว่าคู่ทอมและดี้ในเรื่องเป็นใคร   แต่ก็ไม่พบว่ามีการลงโทษ  เป็นเรื่องเอามาหัวเราะถากถางกันเสียมากกว่า
เป็นที่รู้กันว่าสมเด็จพระนั่งเกล้าฯไม่โปรดเรื่องการเล่นเพื่อนในวัง   ถือว่าเสียหายเท่ากับการคบชู้

ชายกับชายเรียกว่า สวาท หรือเป็นสวาทกัน   ไม่พบว่าถูกจำคุกหรือเฆี่ยนตี  แต่มีผู้ที่ถูกสำเร็จโทษคือกรมหมื่นรักษรณเรศร์ (หม่อมไกรสร พระราชโอรสในรัชกาลที่ ๑) เพราะเหตุใหญ่มีความผิดต่อความมั่นคงของแผ่นดินด้วย  เรื่องที่ท่านไปคบตัวละครผู้ชายเป็นหนึ่งในหลายเหตุ
แต่จะเล่นเพื่อนหรือเล่นสวาท ก็เป็นหนึ่งต่อหนึ่งนะคะ ไม่ใช่ ๓ คน
สามคนพร้อมหน้ากัน ยังไม่เห็นจะจะในวรรณคดีภาคกลาง ไม่ว่าอิเหนา พระอภัยมณี ขุนช้างขุนแผน  คิดว่าเราไม่มีขนบนี้นะคะ   เพราะถ้ามีเป็นเรื่องปกติ  ต้องแต่งตามกันมากกว่าหนึ่งเรื่อง เพราะกวีไทยนิยมแต่งตามขนบอยู่แล้ว

ได้แล้วค่ะ บทพระอภัยมณีกับนางเงือก

อัศจรรย์ครั่นครื้นเป็นคลื่นคลั่ง........เพียงจะพังแผ่นผาสุธาไหว
กระฉอกฉาดหาดเหวเป็นเปลวไฟ...พายุใหญ่เขยื้อนโยกกระโชกพัด
เมขลาล่อแก้วแววสว่าง...................อสูรขว้างเขวี้ยงขวานประหารหัด
พอฟ้าวาบปลาบแปลบแฉลบลัด........เฉวียนฉวัดวงรอบขอบพระเมรุ
พลาหกเทวบุตรก็ผุดพุ่ง..................เป็นฝนฟุ้งฟ้าแดงดังแสงเสน
สีขรินทร์อิสินธรก็อ่อนเอน...............ยอดระเนนแนบน้ำแทบทำลาย
สมพาสเงือกเยือกเย็นเหมือนเล่นน้ำ..ค่อยเฉื่อยฉ่ำชื่นชมด้วยสมหมาย
สัมผัสพิงอิงแอบเป็นแยบคาย...........ไม่เคลื่อนคลายคลึงเคล้าเยาวมาลย์


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: แจ้ง ใบตอง ที่ 16 ม.ค. 01, 00:28
ขอบคุณมากครับ บทอัศจรรย์ระหว่างพระอภัยกับนางเงือกนี่ดูน่ากลัวจังเลย
ไม่เหมือนบทอัศจรรย์ระหว่างพลายแก้วกับนางสายทอง   แถมตอนท้ายก็ยังเอาไปเปรียบกับนางพิมเข้าเสียอีก
  ..ไหนๆก็ไหนๆแล้วนะครับ..

ตัดตอนมาจาก ขุนช้างขุนแผน ฉบับอ่านใหม่ของคุณชายคึกฤทธิ์

พลางเป่าปัถมังกระทั่งทรวง..................สายทองง่วงงงงวยระรวยนิ่ง
ทำตาปริบปรอยม่อยประวิง...................เจ้าพลายอิงเอนทับลงกับเตียง
ค่อยขยับจับเขยื้อนแต่น้อยน้อย.............ฝนปรอยฟ้าลั่นสนั่นเปรี้ยง
ลมพัดซัดคลื่นสำเภาเอียง.....................ค่อยหลีกเลี่ยงแล่นเลียบตลิ่งมา
พายุหนักชักใบได้ครึ่งรอก.....................แต่เกลือกกรอกกลับกลิ้งอยู่หนักหนา
ทอดสมอรอท้ายอยู่หลายครา..................เภตราหยุดแล่นเป็นคราวคราว
สมพาสพิมดุจริมแม่น้ำตื้น......................ไม่มีคลื่นแต่ระลอกกระฉอกฉาว
ปะสายทองดุจต้องพายุว่าว....................พอออกอ่าวก็พอล่มจมลงไป

สังเกตมั้ยครับ พอมีบทอัศจรรย์ทีไร กวีต้องนำไปเปรียบกับพวกพายุหรือไม่
ก็เรือลำน้อยเข้าคลองทุกทีเลย  ผมไม่ทราบว่าบทสมพาสสายทองของพลายแก้ว
นี้ใครเป็นผู้แต่ง เพราะชัดเจนเห็นภาพดีเหลือเกิน


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: แจ้ง ใบตอง ที่ 16 ม.ค. 01, 00:38
คุณเทาชมพูครับ หม่อมไกรสรนี่ใช่เจ้านายองค์สุดท้ายที่ถูกสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์
หรือเปล่า  เคยอ่านเจอว่าเมื่อก่อนท่านก็เป็นเจ้ากรมทำหน้าที่สอนเพชรฆาตเกี่ยวกับเทคนิค
การสำเร็จโทษเจ้านายโดยไม่ให้ทรมาน  ด้วยการทุบท่อนจันทน์ที่คอต่อ...

เลี่ยงออกจากบทอัศจรรย์แล้วนะครับ   จะได้ไม่ติดเรทมาก


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ม.ค. 01, 10:42
คุณแจ้งคะ ตอนพลายแก้วเป็นชู้กับนางพิม (รวมตอนเข้าห้องสายทอง)  เชื่อว่าเป็นพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๒ ค่ะ เช่นเดียวกับตอนขุนแผนขึ้นเรือนขุนช้าง เพราะสำนวนคล้ายคลึงกับพระราชนิพนธ์ละครนอกเรื่องสังข์ศิลป์ชัย  ถือกันว่าเป็น ๒ ตอนที่ขึ้นชื่อมากของขุนช้างขุนแผน

ขอย้อนกลับมาเรื่องเรทอีกนิดค่ะ
บทอัศจรรย์ในวรรณคดีสมัยต้นรัตนโกสินทร์จะเปลี่ยนแปลงไปตามยุค  ถ้าเป็นพระราชนิพนธ์ละครในอย่างอิเหนา บทอัศจรรย์ออกมาเรียบร้อยนิ่มนวล เป็นเรื่องฝนตก  แมลงกับดอกไม้ ราวกับบทชมธรรมชาติ

ตอนดิฉันเรียนปี ๑ อาจารย์ให้ไปหาบทชมธรรมชาติในวรรณคดี ก็เอาบทอัศจรรย์นี่ละค่ะส่งไป นึกว่าเป็นบทชมธรรมชาติจริงๆ  อาจารย์ก็ดีมากไม่หัวเราะ แต่บอกว่าให้ไปหามาใหม่

กลับเข้าเรื่อง
พอมาถึงขุนช้างขุนแผนที่รวบรวมชำระในรัชกาลที่ ๕  ถือว่าเป็นเรื่องแต่งแบบชาวบ้าน
บทอัศจรรย์เริ่มโลดโผน แตกต่างจากละครใน  มีการเปรียบแปลกแตกต่างออกไป  อย่างตอนขุนแผนเข้าห้องนางแก้วกิริยา
พระพายชายพัดบุปผชาติ.............เกสรสาดหอมกลบตลบห้อง
ริ้วริ้วปลิวชายสไบกรอง...............พระจันทร์ผันผยองอยู่ยับยับ
พระอาทิตย์ชิงดวงพระจันทร์เด่น....ดาวกระเด็นใกล้เดือนดาราดับ
หิ่งห้อยพร้อยไม้ไหวระยับ...........แมลงทับท่องเที่ยวสะเทือนดง

ออกจากเรทแล้วค่ะ

ยังนึกไม่ออกว่าหลังจากหม่อมไกรสรแล้วมีเจ้านายองค์ไหนถูกสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์อีก    เหตุการณ์นี้เกิดตอนปลายรัชกาลที่ ๓  รัชกาลที่ ๔ ไม่มีการสำเร็จโทษเจ้านายอีกแล้ว   คิดว่าท่านน่าจะเป็นองค์สุดท้าย
หม่อมไกรสรเคยกำกับกรมสังฆการีซึ่งมีหน้าที่ควบคุมพระสงฆ์
ค่ะ ใช่ ได้ยินมาอย่างที่คุณแจ้งว่า   แล้วยังมีเกร็ดว่า ตอนท่านถูกทุบด้วยท่อนจันทน์  เพชฌฆาตคงมือไม้สั่นเพราะกลัวเจ้านายเดิม เลยทุบพลาด  ไม่สิ้นพระชนม์ในครั้งเดียว
ท่านก็ตะโกนออกมาจากถุงแดงว่า "ไอ้พวกนี้กูสอนแล้วไม่จำ"  ถ้าจริงก็แปลว่าเป็นเจ้านายที่พระทัยเด็ดและดุเอาการ

พูดถึงเรื่องนี้ เคยมีการถกเถียงกันในวง   คนหนึ่งบอกว่าการทุบด้วยท่อนจันทน์  ไม่โหดร้ายเพราะทุบไม่เจ็บ   แต่อีกคนเถียงว่า ถ้าเชื่อยังงั้นก็ลองลงไปอยู่ในกระสอบให้ทุบดูไหมล่ะว่าเจ็บหรือไม่เจ็บ
วงแตก  ไม่มีใครรับคำท้า

แต่เข้าใจว่า การทุบต้องทุบด้วยฝีมือ  คือตรงคอต่อ ทุบทีเดียวเรียบร้อย  ไม่ใช่ใส่กระสอบแล้วทุบเอาๆ เหมือนทุบน้ำแข็งก้อน

ดิฉันเป็นแฟน "เพชรพระอุมา" เช่นกันค่ะ
ภาคสองและสาม  อดนึกไม่ได้ว่าตอนแต่ง คุณพนมเทียนอาจจะสุขภาพไม่ดีนักในช่วงนั้น ได้ข่าวว่าเป็นโรคหัวใจ  
ท่านอาจจะสะท้อนอารมณ์และสุขภาพลงไปในเรื่องโดยไม่รู้ตัว  สุภาพบุรุษไพรขวัญใจคนอ่านที่เคยทรหดในภาคแรก จึงดูอ่อนเปลี้ยทั้งร่างกายและจิตใจ   ทำเอาดิฉันเกือบจะป่วยตามไปด้วยกว่าจะจบเรื่อง


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: แจ้ง ใบตอง ที่ 16 ม.ค. 01, 13:18
ผมเข้าใจว่าเพชฌฆาตที่รับหน้าที่สำเร็จโทษเจ้านาย
คงจะต้องมีการฝึกกันบ้าง ไม่เหมือนพม่าในสมัย
พระเจ้ามินดุงที่ใช้นักโทษมาเป็นเพชฌฆาต เคยอ่านตอน
ที่เพชฌมาตพม่าประหารเจ้านายใน"พม่าเสียเมือง"แล้ว
ยังหวาดเสียวไม่หายเลยครับ

ในส่วนของสามัญชน นักโทษจะถูกประหารด้วยการตัดคอ
ผมเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่งที่เล่าถึงวิธีการทรมานและประหารชีวิต
ในสมัยโบราณ  การตัดคอนี่เป็นวิธีที่อยู่ในลำดับท้ายๆครับ
ที่โหดมากๆคือ การเจาะกระโหลกให้แตก แล้วเอาเหล็กเผาไฟจนแดง
ใส่ไปในสมองให้เนื้อสมองเดือด...
ซามูไรโบราณเองก็ใช้วิธีประหารชีวิตด้วยการตัดคอเหมือนกัน
แต่จะมีกรรมวิธีแตกต่างจากไทย คือจะไม่ตัดให้คอขาดกระเด็น
ให้เหลือหนังติดที่ลำคอเอาไว้หน่อยนึง  ดังนั้นเพชฌฆาตจึง
ต้องมีฝีมือมาก มือต้องนิ่ง กะน้ำหนักให้พอดี  เรื่องนี้เค้าถือว่า
เป็นเกียรติภูมิของซามูไรทีเดียว...

กระทู้นี้แปลกครับคุยกันเรื่อง "วิธีการเกิด"  แต่ท้ายๆกับเปลี่ยน
เป็น "วีธีการตาย" ไปได้ ต้องขอโทษคุณบีด้วยครับ


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ม.ค. 01, 13:34
ใน" พม่าเสียเมือง" เรียกว่าการสำเร็จโทษเจ้านาย  แต่ดิฉันเรียกว่าฆาตกรรมหมู่
้เป็นความทารุณโหดร้ายแบบเดียวกับเขมรแดง
แต่วาระสุดท้ายของพระเจ้ามินดงและพระนางสุภยะลัต ก็ดูไม่สมกับบาปกรรมที่ทำไว้เลย

เคยอ่านการประหารชีวิต" อีอยู่" หรือคุณนายของขุนนางคนหนึ่ง ในรัชกาลที่ ๕   ถูกฟ้องร้องว่าฆ่าทาสหญิงอย่างทารุณ
จำได้ว่านักโทษจะถูกให้กินยาอะไรบางอย่าง ให้เมามึน ไม่ค่อยจะรู้ตัว ระหว่างถูกนำไปมัดติดหลักประหาร ให้นั่งเหยียดขา ผูกตา มัดมือพนมดอกไม้ธูปเทียนไว้
เพชฌฆาตรำดาบเข้าไปแล้วฟันคอให้ขาดในดาบเดียว  และมีเพชฌฆาตรองอีกคนหนึ่งคอยอยู่ใกล้ๆด้วย หากคนแรกฟันไม่ขาดคนที่สองก็ต้องซ้ำให้ขาด
ประหารคราวนั้นมีผู้คนมาดูกันเต็มไปหมด  พอนักโทษคอขาดเลือดพุ่งกระฉูด   คนดูที่อยากเห็นภาพอุตส่าห์ปีนขึ้นไปดูบนต้นไม้   มือไม้อ่อนร่วงลงมาเป็นแถว

คุยผสมโรงเรื่องวิธีการตายไปด้วยจนได้   เหลือวิธีการเจ็บกับวิธีการแก่ ยังไม่ได้คุยกันเลยค่ะ


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: แจ้ง เพชฌฆาต ที่ 16 ม.ค. 01, 13:52
นักโทษประหารนี่เวลาเพชฌฆาตประหารชีวิตเสร็จแล้ว เค้าจะตัดข้อมือข้อเท้า  เพื่อเอาตรวนออก
เพราะตรวนเป็นของหลวง คงจะเอาไปไหนกับศพด้วยไม่ได้  แต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ตัดข้อมือข้อเท้าด้วย เอากุญแจไขออกก็น่าจะได้ ทำอย่างนั้นศพจะเป็นที่อนาจเปล่าๆ


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: ภูมิ ที่ 16 ม.ค. 01, 15:48
เห็นแล้วอดไม่ได้ขอแจมด้วยคน นอกเรื่องไปเยอะเเล้ว  :-)
ผมว่า
รพินทร์ภาคหนึ่งนอกจากจะต้องต่อสู้กับสิงสาราสัตว์เเล้ว
ยังต้องขับเคี่ยว หักเหลี่ยมกับเเงซายอีก  จะมามัวทําสําออยอยู่มิได้

ภาคหลังไม่ค่อยจะมีเรื่องคับขันเท่าไร นอกนั้นยังเป็นเรื่องน่าปวดหัวกระจุกกระจิก
ของพวกฝรั่งอีก น่าระอาใจกว่าเยอะเลย

กลับมาพูดถึงเรื่องตัดคอของซะมุไร
ถ้าจําไม่ผิด  ที่ว่าตัดคอให้เหลือหนังติดนั้นจะใช้กับพวกที่คว้านท้อง
ถือเป็นการให้เกียรติช่วยเหลือไม่ให้ทุรนทุราย  การเหลือหนังคอก็เพื่อให้หน้าฟุบเข้ากับอก

ส่วนนักโทษละก็  ตัดให้หัวกระเด็นเลย แถมยังเอาไปเสียบไม้ประจานด้วย


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: แจ้ง ใบตอง ที่ 16 ม.ค. 01, 15:59
ขอบคุณคุณภูมิครับที่ทบทวนความจำให้ เป็นอย่างที่คุณภูมิว่าจริงๆ
ผมชักเลือนๆไปแล้วว่าคนตัดหัวนี่จะต้องเป็นคนที่สนิทกับคนที่คว้านท้องด้วยหรือเปล่าครับ


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ม.ค. 01, 16:36
ตอบคุณแจ้ง เพชฌฆาต(ชื่อน่ากลัว)
ในบันทึกของคาร์ล บอร์ก ที่มาเห็นการประหารชีวิต เขาเขียน อย่างที่คุณแจ้งบอกค่ะ  ว่า
" พวกเพชฌฆาตจัดการทำธุระให้เสร็จต่อไป   แทนที่จะถอดโซ่ตรวนรอบข้อเท้าหญิงผู้ตายออก   เขากลับตัดข้อเท้าออกโซ่ตรวนก็หลุดออกมาเอง  แล้วจึงตัดร่างออกเป็นชิ้นๆ แล่เนื้อออกจากกระดูกเช่นเดียวกับศพคนเข็ญใจที่วัดสระเกศ    ตับไตไส้พุงก็ทิ้งให้เป็นทานแก่ฝูงแร้งฝูงกา  แต่ศีรษะผู้ตายนั้นเอาไปเสียบไว้กับไม้ไผ่ลำยาวปักประจานไว้ให้มองเห็นได้ไกลๆตามที่เคยปฏิบัติมา"
ใครทราบบ้างคะ  ทำไมถึงตัดเท้า?
ดิฉันเข้าใจว่ามันคงจะง่ายกว่าถอดโซ่ตรวนออกจากเท้า ซึ่งกินเวลามากกว่า   เพราะไม่รู้ว่าสมัยนั้นมีกุญแจ หรือใช้วิธีสวม ดันเข้าให้พอๆกับข้อเท้า (เพื่อจะได้ไม่หลุด)
พอตาย เส้นเอ็นมันเกร็งหรือเปล่า งอเท้ารูดออกลำบาก  ก็เลยตัดเสียเลยหมดเรื่องไป
ถ้าเดาผิด โปรดอภัย ไม่เคยเห็นตรวนโบราณค่ะ

ใครเอ่ยถึงเพชรพระอุมา ดิฉันมักจะอดตอบไม่ได้ค่ะ  ขอพระราชทานอภัยเจ้าฟ้ากุ้งท่านมา ณ ที่นี้  ออกนอกเรื่องท่านไปเสียไกล

เพชรพระอุมา ภาค ๑ วางพล็อตดีมีเสน่ห์ตรงตัวละครทั้งชุด ออกฉากมาพร้อมกัน (ยกเว้นมาเรียซึ่งมาเติมสีสันภายหลัง แต่ก็มีบทบาทมาก)
โดยเฉพาะแงซาย มีแม่ยกนอกนิยายตามสวมพวงมาลัยถึงอยู่จนทุกวันนี้
แต่พอถึงภาค ๒ และ ๓  พล็อตไม่มีสีนสันเท่าภาคแรก  เพราะโครงเรื่องกำหนดให้รพินทร์บุกป่าไปกับฝรั่งซึ่งก็ไม่น่าประทับใจเท่าไชยยันต์ เชษฐา และแงซายสักนิด
ส่วนแหม่มสาวสองคนนั้นก็หาเสน่ห์เท่าดารินและมาเรียไม่ได้เลย   ซ้ำจะว่าเป็นนางเอกก็ไม่ใช่ นางผู้ร้ายก็ไม่เชิง  เฉียดไปเฉียดมาอยู่ตลอด
นางเอกก็ไม่ได้เจอพระเอกตลอดการเดินทาง  ไล่ตามกันอยู่นั่นเอง   จนถึงมรกตนคร
แงซายก็ไม่มีบทบาทจะมายิงงูยักษ์ ยิงไทรันฯ เพราะมัวติดตำแหน่งพระเจ้ากรุงมรกตนคร  ได้แต่ส่งวิญญาณมาร้องเพลงสุนทราภรณ์เป็นระยะ  ทำให้ดิฉันผิดหวัง ไม่จุใจเลย
ก็เลยอ่านแต่ภาค ๑ มาไม่รู้กี่หนแล้ว  ภาคเดียวก็รู้สึกว่าครบถ้วนแล้วค่ะ


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: แม่หญิง ที่ 16 ม.ค. 01, 17:40
คุณแจ้ง  อยู่กระทู้นี้ทำไมโหดนักล่ะคะ
แบบนี้แม่หญิงรับไม่ไหวค่ะ จะเป็นลม..


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 16 ม.ค. 01, 17:59
Since we still cannot find out a reason leads to สมเด็จกรมพระยาดำรง ฯ's conclusion, thus it is hard for me to beleive that it was not hae...hae...a group sex. ("Tid rate" again!)



From love scence to killing....



I read about an execution (massacre?) of a royal family in Burma but not sure if they were พระเจ้ามินดง and พระนางสุภยะลัต or not. The way of killing was very cruel. They were hanged but not by having a rope around their neck, but ankle!  Being hanged this way makes blood falls to head and people die in about a day.


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ม.ค. 01, 19:32
แม่หญิงอย่าเพิ่งล้มค่ะ  คุณแจ้งมัวร้องเพลงอยู่อีกกระทู้ มารับยังไม่ทัน  
หมุนคว้างอยู่กับที่ก่อนนะคะ  เดี๋ยวคุณแจ้งก็คงมาเองละค่ะ

คุณ B คะ  การฆาตกรรมหมู่เจ้านายพม่า จำไม่ได้ว่าสมัยพระเจ้ามินดงหรือถอยขึ้นไปกว่านั้น  ที่ต้อนมาหมดไม่ว่าลุกเด็กเล็กแดง แล้วเอาค้อนทุบตัวโยนลงในหลุม
องค์ไหนยังไม่ตายสนิทก็โดนพระศพองค์ต่อๆมาทับลงมาจนตาย แล้วกลบหลุม
สองสามวันต่อมา ศพหลายร้อยนั้นพองอืด จนดันดินขึ้นมา ก็ให้ช้างมาเหยียบจนราบลงไป

อ้าวตาย แม่หญิงหมุนเป็นลูกข่างหลายรอบแล้ว  ล้มไม่ได้  คุณแจ้งทำไมไม่มาซะทีนะ


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: ภูมิ ที่ 16 ม.ค. 01, 20:15
ผมก็เห็นด้วยกับคุณเทาชมพู(เรื่องเพชรพระอุมา)
สําหรับผม ภาคหนึ่ง อ่านไปประมาณ ๔ เที่ยว เเล้ว แต่ ภาคหลัง อ่าน
ไปแค่เที่ยวกว่าๆ เอง
แต่ผมก็ชอบ คริส นะ  (แม้ไม่เท่าดารินก็ตาม)

ที่คุณเเจ้งถามมาว่าต้องเป็นคนสนิทหรือเปล่า ผมก็ไม่แน่ใจ แต่ส่วนมากคนที่สนิทกัน
มักรับอาสาเพราะถือว่าเป็นการช่วยกัน


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 16 ม.ค. 01, 22:03
"พระจันทร์เต็มดวง แต่วงแขนของฉันยังว่างเปล่า..."
เพลงฝรั่งรุ่นเก่าครับ
วงแขนว่างเปล่า พร้อมจะรองรับใครก็ได้ที่จะล้มมาในอ้อมแขนได้เสมอครับ

เท่าที่ผมพยายามนึกย้อนไปถึงเรื่องพม่าเสียเมืองของ อ.คึกฤทธิ์ ดูเหมือนจะเป็นพระเจ้าสีป่อกับพระนางศุภยลัตนะครับที่มีการดินอูดขึ้นมาจนต้องเอาช้างเหยียบให้ราบลงไปใหม่


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: แจ้ง ใบตอง ที่ 16 ม.ค. 01, 22:12
ถูกของคุณ นกข.ครับ เรื่องสังหารหมู่เจ้านายพม่านี่อยู่ในสมัยพระเจ้าสีป่อ
ข้างบนผมบอกผิดไป พระเจ้าสีป่อทรงเป็นกษัตริย์ที่อ่อนแอ และที่สำคัญทรงเกรง
ใจพระนางศุภยลัตเป็นที่สุด (สมัยใหม่เรียกโรคเกลียมัว)... ไม่ผิดกับในสมัย
เสด็จพ่อของพระองค์ (พระเจ้ามินดุง) ที่กลัวนางอเลนันดอมเหสีฝ่ายซ้าย
ถึงขนาดยอมให้ประทับร่วมแท่นพระเศวตฉัตรได้ ทั้งที่เป็นการผิดประเพณี
อย่างร้ายแรง พระเจ้ามินดุงก็มิได้ลงพระราชอาญาแต่อย่างใด จึงเป็น
ที่เลื่องลือกันว่า พระนางอเลนันดอ ทรงมีอำนาจมากที่สุดในแผ่นดิน

ช่วงที่พระเจ้าสีป่อขึ้นครองราชย์ใหม่ๆ พระนางศุภยลัตทรงเห็นว่าพระสวามี
ของพระองค์ทรงอ่อนแอยิ่งนัก หากไม่รีบกำจัดเสี้ยนหนามศัตรูเสียก่อน
เศวตฉัตรคงตกเป็นของเจ้านายองค์อื่น  จึงทรงกราบบังคมทูลพระเจ้า
สีป่อว่าควรจะรีบกำจัด "ศัตรู"เสีย ศัตรูของพระนางศุภยลัตนี่ก็คือเจ้านาย
ที่เป็นพระญาติพระวงศ์นั่นเอง   พระเจ้าสีป่อก็ทรงคล้อยตามเนื่องจากความ
กลัว พระนางศุภยลัตเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

กระบวนการสำเร็จโทษเจ้านายนั้นน่าหดหู่และสยดสยองมากครับ เนื่องจาก "ศัตรู"
ของพระนางศุภยลัต มีทั้งลูกเล็กเด็กแดง คนเฒ่าคนแก่ จะโดนฆ่าทั้งหมด แบบ
 "ตัดไม้ไม่ไว้หน่อ" พอถึงเวลาเข้าจริงๆ พระเจ้าสีป่อกลับมีใจสงสารพระญาติ
พระนางศุภยลัตจึงต้องหาข้าราชบริพารที่ทรงโปรดมาเป็นเพื่อน ถวายน้ำจันฑ์อยู่
เนืองๆ นอกจากนั้นยังหามหรสพมาแสดงเพื่อกลบเสียงร้องของคนที่กำลังจะตาย

กระบวนการฆ่านั้นผมคงไม่กล่าวถึง ยิ่งมีคนท้วงมาว่าทำไมถึงโหดนัก เอาย่อๆก็แล้วกัน
เจ้านายเล็กๆบางองค์ถูกจับสองขาเอาหัวฟาดกำแพงวังให้ตาย  บางองค์ตายแบบแปลกๆ
คือเพชฌฆาตเอาดินดำยัดปากจนเต็มแล้วเอาไฟจุดให้ระเบิด คงจะเป็นที่ทรมานมาก...

พอสำเร็จโทษแล้วก็โยนพระศพลงไปรวมอยู่ในหลุมที่ขุดเตรียมไว้
บางองค์ที่ยังไม่ตายดีก็ถูกโยนลงในหลุมด้วย สุดท้ายก็ตายหมดเพราะถูกดินกลบ
การสำเร็จโทษเจ้านายครั้งนั้น ใช้เวลาสามวันสามคืนทีเดียว พอเวลาผ่านไปสี่ห้าวัน
พระศพก็ขึ้นอืดจนดันให้ดินที่กลบพองปริขึ้นมา ต้องเอาช้างไปย่ำให้ยุบ
แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ในที่สุดต้องขุดพระศพ(เป็นร้อย)ที่กำลังขึ้นอืดเต็มที่ไปทิ้งในแม่น้ำ  

เห็นอย่างนี้แล้วผมรู้สึกเป็นว่าเป็นบุญอย่างยิ่งที่เกิดบนแผ่นดินไทย ภายใต้พระบรมโพธิสมภาร
ของพระเจ้าอยู่หัว


พอดีไปค้นเจอหนังสือ "พม่าเสียเมืองครับ" เลยอธิบายได้ละเอียดนิดนึง


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: แจ้ง ใบตอง ที่ 16 ม.ค. 01, 22:17
ว่าด้วยเรื่องเพชรพระอุมาต่อครับ เมื่อมีใครพูดถึงเพชรพระอุมาผมก็อดจะร่วมด้วยไม่ได้  
ของผมออกจากแปลกกว่าคนอื่นอยู่หน่อยตรงที่ไม่ได้รู้จักเพชรพระอุมาจากการอ่าน
แต่รู้จักทางวิทยุครับช่วงนั้นผมคงอยู่ประมาณ ป. ๖  เวลาทุ่มครึ่งจะมีผู้หญิงมาอ่านเพชรพระอุมา
ให้ฟัง ตอนแรกที่ผมได้ฟังคือ  ตอนที่ดารินกับรพินทร์หนีสางเขียวไปติดอยู่บนหน้าผา จากนั้นก็ฟัง
มาเรื่อยๆ คนอ่านก็อ่านได้สนุกเหลือเกินคนฟังก็นั่งลุ้นอยู่หน้าวิทยุทุกวัน  โดยเฉพาะตอนที่อ่านไปถึง
บทที่มาเรียต้องพูด เธอก็จะดัดเสียงให้เหมือนฝรั่งพูดไทย  ในที่สุดเธอคงเมื่อยปาก ดารินเลยพูด
นอกบทกับมาเรียตอนหนึ่งว่า  "เมย์ ตอนนี้เธอพูดไทยชัดขึ้นเยอะนะ"
( ตอนนั้นผมไม่รู้หรอกเพราะยังไม่เคยอ่าน ตอนหลังเมื่อได้อ่านถึงตอนนี้แล้วผมขำแทบตาย)
จากนั้นมาเรียก็พูดไทยชัดเปรี๊ยะเรื่อยมา ผมฟังอยู่ทุกวันจนถึงตอนปราบมันตรัยเสร็จ รายการ
นี้ก็เลิกไป ผมหงุดหงิดมากของที่ฟังอยู่ทุกวันกลับไม่ได้ฟัง เหมือนขาดอะไรไปอย่างหนึ่ง
ในใจก็คิดถึงแต่รพินทร์ ดาริน แงซาย ฯลฯ   ในที่สุดตอนผมขึ้น ม.๑  มีโอกาสได้ไป
ค้นหนังสือในห้องสมุด พอดีไปเจอเพชรพระอุมาเรียงอยู่บนชั้นหนังสือ  อารามดีใจมากแต่ยัง
ไม่แน่ใจว่าจะใช่เรื่องเดียวกันหรือเปล่า จึงรีบเปิดไปดูเนื้อเรื่อง โอ้.. รพินทร์ที่ผมคิดถึงมาหลบ
อยู่นี่เอง ผมไม่สนใจอะไรอีกแล้ว งานที่อาจารย์ให้ค้นก็ไม่สนใจ  รีบยืมเล่มที่ผมได้ฟังค้าง
อยู่ไปอ่านทันที แถมยังมาเอามาอ่านในห้องเรียนเสียอีก จนถูกคุณครูจับได้ ครูหน้าบึ้งเชียวที่ผม
ไม่ตั้งใจเรียน แต่พอครูเห็นหนังสือที่ผมอ่าน ครูก็เปลี่ยนจากหน้าบึ้งเป็นยิ้มเลยครับ แล้วบอกผม
ว่า"เอาไว้อ่านหลังเลิกเรียนนะ" ตกลงผมเลยไม่ถูกทำโทษ เนื่องจากครูก็เป็นแฟนเพชรพระอุมาตัวยงคนหนึ่ง
พออ่านจบเรื่องแล้ว ผมจึงย้อนกลับมาอ่านตอนเริ่มเรื่องใหม่ จึงรู้ว่าเพชรพระอุมา
มันมีที่มาที่ไปอย่างนี้เอง ตอนนี้ก็ยังอ่านอยู่เรื่อยๆครับประมาณ ปีละครั้ง   อ่านเพชรพระอุมาทีไร
อดสมมติว่าตัวเองเป็นหนึ่งในคณะไม่ได้ ความสนิทสนมกับตัวละครยิ่งมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
คิดถึงเมื่อไหร่ก็หยิบมาอ่านทันที  ผมว่าคนรักการอ่านคนไหนยังไม่เคยอ่านเพชรพระอุมา นั่นยัง
ไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าเป็นหนอนหนังสือที่แท้จริง


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: แจ้ง ใบตอง ที่ 16 ม.ค. 01, 22:26
พระเอกตัวจริงมาแล้ว ตัวสำรองอย่างผมคงต้องหลบไปอยู่ท้ายเรือนก่อนนะครับ


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 16 ม.ค. 01, 22:39
พระนางศุภยลัต พวกทหารอังกฤษเรียกล้อๆ เป็นภาษาฝรั่ง (ลับหลัง) ว่า Soup plate
อาจารย์คึกฤทธิ์พยายามดึงให้ตอนจบของพม่าเสียเมือง เป็นเรื่องกรรมตามสนองพม่าที่ทำกับไทยไว้ตอนเสียกรุงครั้ง 2 ก็ถือเสียว่าเป็นโวหารหรือวรรณศิลป์ของท่านในการผูกใจคนอ่านชาวไทย ที่ผมจำได้คือว่า คุณชายคึกฤทธิ์เห็นว่า เป็นเรื่องเผอิญที่น่าคิด ที่เรือลำที่นำกษัตริย์สีป่อที่สิ้นอำนาจแล้วออกจากพม่าไปคุมขังที่อินเดียจนตลอดพระชนมชีพนั้น ชื่อเรือ (ถอดเป็นไทย) "สุริยา"  - ดูเหมือนสำเนียงพม่าแท้ๆ เขาจะอ่านว่า ธูรียา - ซึ่งมาพ้องพานกับพระนามพระที่นั่งสุริยามรินทร์ หรือขุนหลวงขี้เรื้อน หรือพระเจ้าเอกทัศ กษัตริย์องค์สุดท้ายของอยุธยา

แต่ผมไม่เห็นว่าเป็นกรรมตามสนองพม่า ที่พม่ามาบุกไทย เพราะกรรมที่พระเจ้าสีป่อทรงประกอบแล้วในเมืองพม่าเอง ในแง่การบริหารราชการแผ่นดินและดำเนินวิเทโศบาย ก็เหลือพอที่จะให้พระองค์หลุดจากอำนาจอยู่แล้ว นอกจากนั้นมีนักประวัติศาสตร์สำนักใหม่บางสำนักบอกว่า อยุธยาเสียกรุงครั้งที่สองไม่เชิงแก่พม่า พม่าเป็นปลายเหตุ แต่ระบบภายในของราชวงศ์บ้านพลูหลวงนั้นง่อนแง่นจวนจะล่มมานานก่อนหน้านั้นแล้ว

ถ้าเราจะเอาทฤษฎีเจ้ากรรมนายเวรมาจับ ก็คงต้องถามว่า แล้วอังกฤษที่บุกพม่า (และไปทำสงครามล่าอาณานิคมกับประเทศเอเชียอื่นๆ อีกหลายแห่ง) ก็ทำกรรมไว้เหมือนกัน ทำไมกรรมไม่สนองบ้าง ซึ่งถ้าผมนึกสนุกจะถือว่าทฤษฎีกรรมเวรทางประวัติศาสตร์มีจริงผมอาจจะอธิบายด้วยทฤษฎีนี้ได้ว่า ก็สนองแล้วไงตอน แบตเติ้ลออฟบริเตน ที่อังกฤษถูกเยอรมันโจมตีทางอากาศสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วในทำนองเดียวกัน เยอรมันก็ได้รับกรรมของตัวแล้ว ตอนแพ้สงครามโลก ...

เอ เขียนเล่นๆ ตอนแรกแต่ทำไปทำมาท่าทางจะใช้เป็นทฤษฎีได้จริงๆ แฮะ แปลว่า ตามทฤษฎีนี้ สาเหตุหนึ่งของสงครามโลกครั้งที่สอง สืบสาวมาได้ถึงศึกเสียกรุงของเราเลย...


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: แม่หญิง ที่ 16 ม.ค. 01, 22:43
คุณแจ้งกลับมาก่อน
ดิฉันยังไม่ได้ตัดสินใจนะคะว่าจะล้มลงในอ้อมแขนใคร
บางทีดิฉันอาจจะยอมล้มฟาดพื้นไปเอง
และปล่อยให้พระเอกบางคนมีแต่อ้อมแขนที่ว่างเปล่าตลอดไปก็ได้ค่ะ


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 16 ม.ค. 01, 22:52
พ่อแจ้งเสเพลบอยชาวไร่ อย่าเพิ่งหลบไปหลังเรือนเลยครับ ผมใช่พระเอกที่ไหนกัน เรื่องอย่างนี้ไม่มีตัวจริงตัวสำรอง สุดแต่คนกลางจะเลือกครับ แม่หญิงจะเลือกล้มทับ เอ๊ย อ่อนระทวยอยู่ในวงแขนใครก็สุดแต่ใจแม่หญิง ผมเคารพสืทธิในการกำหนดใจตนเอง Self-determination เสมอ

ว่าแต่ว่า ทั้งคุณทั้งผมก็ยังไม่เคยเห็นตัวจริงแม่หญิงเธอเลย รู้ได้ไงว่า เอาเข้าจริง หุ่นเธอจะแน่งน้อยบอบบางหรือสมบูรณ์ตุ้ยนุ้ยน่ารักขนาดไหน เผลอๆ ล้มลงมา พระเอกคนเดียวอาจจะรับไม่อยู่  อาจจะต้องให้ทั้งผมทั้งคุณช่วยกันถึงจะประคองไหวก็ได้นา...
ปากนะปาก ปากพาจน พูดตัดคะแนนตัวเองอีกแล้วไหมล่ะ...


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: แจ้ง ใบตอง (มือที่สาม) ที่ 16 ม.ค. 01, 22:57
โถคุณแม่หญิงคงโกรธพ่อเสมาเอามากๆ ถึงขนาดจะไม่ยอมล้ม
ในอ้อมแขนเลยหรือครับ คืนดีกันดีกว่าอย่างอนกันเลย
เรื่องนี้ผมเป็นต้นเหตุเองที่ทำให้คุณแม่หญิงเป็นลม
เอาเป็นว่าผมมอบเพลงนี้ให้คุณแม่หญิงแทนพ่อเสมาด้วยนะครับ

(ว่าจะเอาลงในกระทู้เพลง ปะเหมาะพอดี ขออนุญาตนะครับคุณบี)

ขอโทษ   (คุณชายถนัดศรี)

ขอโทษอย่าโกรธเคืองเลย
ผิดไปแล้วแก้วตาเอ๋ย
ที่เฉลยเอ่ยคารม
ดวงใจหมายใจภิรมย์
ใจรักอยากชมไปทุกอย่าง

ขอโทษทีที่คิดผิดผิด
ขอโทษจิตที่คิดชมปรางค์
โอ้กายคอยหวัง หวังกายเคียงข้าง
จะกอดน้องประคองนาง มิยอมให้เจ้าห่างไกล

ขอโทษโปรดเถิดดวงตา
อย่าใจน้อย หน่อยเลยหนา
ที่มาหาอย่าเคืองใจ
อย่าโกรธพี่เลยทรามวัย
ฟังแล้วไฉนใยเฉยนิ่ง

ขอโทษเถิดอย่าค้อนอย่าขวัก
ขอโทษเถิดเพราะรักจริงจริง
ไม่เคยเหยียดหยามพี่ทำทุกสิ่ง
เอ่ยคำรักตามความจริง
รักนวลนางยิ่งดวงใจ

ดีกันซะนะครับ เดี่ยวบาปจะติดตัวผมเปล่าๆ


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 16 ม.ค. 01, 23:11
แหะๆ ยกมือขอ point of order ครับ ท่านประธาน
เรื่องที่สมาชิกอภิปรายกันชักจะหลุดออกนอกประเด็นกระทู้จนจะกู่ไม่กลับแล้วครับ กระผมขอเรียนเสนอให้ท่านสมาชิกอภิปรายต่อในประเด็นครับ เรื่องอื่นกระผมว่า ควรไปขึ้นกระทู้ใหม่ข้างบน เป็น กระทู้ดวลเพลงจีบสาว ระหว่างคุณแจ้งกะผม ชิงแม่หญิงเรไร เสียเลย ดีไหม... อิอิอิ -

แต่ที่จริงคุณแจ้งก็ไม่น่าถ่อมตัวเลยนี่นา สาวเจ้าอุตส่าห์มีไมตรีก็น่าจะรับไมตรีเธอ ไม่จำต้องตะขิดตะขวงถึงผมก็ได้ ... ผมไม่มีปัญหา... แล้วแต่คนกลางไง

ขอร้องเพลงลูกทุ่งเพลงนี้ให้นะครับ

ใช่ฟ้าบันดาล ให้เธอเป็นคู่ของพี่
ฟ้าสร้างให้น้องพี่นี้ รักมีเพียงชั่วหวานชื่น
พี่แสนรักแสนห่วงและหวงทั้งคืน
- - บุ๋งๆๆๆ
ด้วยเขานั้นเป็น เพื่อนร่วมสาบานของพี่
น้ำใจเขานั้นช่างดี สมที่จะครองน้องได้
โปรดอย่าคิด หวงห่วงเลยนะดวงใจ
จะขอเจอะกันชาติใหม่ ชาตินี้พี่ต้องขอลา

พี่มีกรรม ทำไว้แต่ปางก่อน
จึงติดตามยอกย้อนให้พี่ต้องจากกานดา
เธอทั้งสองงเปรียบดวงดารา
ควรแล้วจะคู่กิ่งฟ้า อย่าโน้มลงมาจะหมองไหม้...

ไปเถิดทั้งคู่ ไปสู่ประตูสวรรค์
น้ำสังข์จะหลั่งลงพลัน ด้วยมีอพี่หลั่งรดให้
ไปสู่เรือนหอ ที่เฝ้ารอรับดวงใจ
ชาตินี้พี่จำจากไกล สู่แดนแห่งรสพระธรรม...

อ้าว คนประท้วงนอกประเด็นเสียเอง...


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: แจ้ง ใบตอง ที่ 16 ม.ค. 01, 23:44
ต่อให้สมบูรณ์ทั้งเพลงครับ

... พี่แสนรักแสนห่วงและหวงทุกคืน
ขอให้รักรวยรื่น เหมือนรักพี่เถิดดวงใจ...

ผมว่าคุณ นกข.ร้องเพลงนี่มีเลศนัยนะครับ
ไหนว่าจะไห้แม่หญิงเป็นเลือกเอง แต่มีท่อนนี้
ขึ้นมาได้งัย

"ไปเถิดทั้งคู่ ไปสู่ประตูสวรรค์
น้ำสังข์จะหลั่งลงพลัน ด้วยมือพี่หลั่งรดให้"

อย่างนั้น ต้องรบกวนคุณแม่หญิงมาช่วยตัดสินทีครับ
แต่อย่าให้เหมือนเพลง "หนึ่งหญิงสองชาย"เลย

"คนนั้นก็ดี คนนี้ก็รัก ยากเหลือที่จะหัก คนไหนจากใจของเรา"

ป่านนี้คุณบีแกคงงอนไปแปดตลบแล้วมั้งครับ ได้ข่าวว่า
จะแอบไปเป็น "ตาอยู่" เองเสียด้วย


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: นกข. (อีกรอบ) ที่ 16 ม.ค. 01, 23:58
เรื่องที่คุณแจ้งเล่า ทำให้ผมหวนคิดถึงอีกเรื่อง ซึ่ง แหะแหะ นอกประเด็นกระทู้อีกแล้วครับ ขอโทษครับคุณบี..
สื่อในการเสพวรรณกรรมของคนไทยสมัยก่อนนั้น ทางหนึ่งคือ มาการนำมาอ่านออกอากาศทางวิทยุ ผมไม่ได่ฟังวิทยุไทยนานแล้ว ไม่ทราบว่ายังมีอยู่หรือเปล่าสมัยนี้
สมัยผมนอนฟังวิทยุตอนกลางคืนกับพ่อ ยังเด็กมากๆ ครับ จำได้ว่า มีเรื่อง สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง หน ออกอากาศ สำนวนสามก๊กฉบับนั้นต้องนับว่ามีรสชาติพิเศษ ที่เรียกกันว่าเป็นรส "เรื่องจีน" ทำให้คนอ่านคนฟังรุ่นโน้นติดกันงอมแงม นอกจากสามก๊กก็มีเรื่องจีนอื่นๆ อีก แต่เป็นเรื่องพงศาวดารจีนที่แปลเป็นไทยรุ่นเก่า ไม่ใช่เรื่องจีนอย่างจีนกำลังภายใน คนอ่านออกอากาศก็ต้องมีลีลาพิเศษ ต้องเน้นเสียงหนักเบา ไม่ใช่อ่านไปเทิ่งๆ (อย่าลืมว่าสามก๊กเป็นสำนวนความเรียงตลอดเรื่อง ไม่มีบทสนทนาที่สมจริงเหมือนเรื่องแต่งสมัยนี้) อ่านไปได้พัก พอเหนื่อย หรือตอนรบกัน ก็คั่นโดยเอาดนตรีจีนมาประกอบ ผ่างๆ พอจะขึ้นใหม่ก็ เบาเสียงดนตรีลง "ท่านกำลังฟัง สามก๊ก อุปถัมภ์รายการโดยห้างขายยาเซียวโฮ่วโล้วเลี่ยงแต๊..."  หรืออะไรก็ตามแต่ - แล้วก็จับอ่านต่อ
รู้สึกว่า มีเรื่องราชาธิราช ที่อ่านออกอากาศอย่างนี้ด้วย

ผมเข้าใจว่า (อาจจะผิด) คุณปรีชา ทรัพย์โสภา ของวิทยุประเทศไทย เคยอ่านสามก๊กออกอากาศเหมือนกัน แต่ถ้าหากผมจำผิด ไม่ใช่คุณปรีชาเอง ก็จำได้ว่ามีผู้อ่านออกอากาศบางท่านที่มีสไตล์อ่านเรื่องจีน คล้ายๆ คุณปรีชา คืออ่านรวดเร็วเป็นรถไฟด่วน น่าเหนื่อยแทน แต่ฟังออกชัดเจน เสียงแจ่มใสทุกคำไม่มีลิ้นพันกันหรือพูดพลาดเลย เก่งจริงๆ


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 17 ม.ค. 01, 00:00
นี่- คุณแจ้ง แม่หญิงเขาเลือกคุณตั้งนานแล้ว ยังมาทำไก๋อีก...


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: แจ้ง ใบตอง (ย้อนอดีต) ที่ 17 ม.ค. 01, 00:10
ถ้าคนอ่านเป็นช่วงเพลนี่น่าจะเป็นคุณคมศักดิ์ อำพันยุทธนะครับ ผมก็เคยฟังวรรณกรรมจีนจากวิทยุนี่แหละ  แถมคั่นโฆษณาด้วย ธูปเทียนธรรมวิทย์  ไม่แน่ใจว่าจะใช่รายการเดียวกันหรือเปล่าครับ

คุณปรีชา ทรัพย์โสภา ผมฟังประจำตอนอ่านข่าว ๖ โมงเช้า ติดมากครับ
ตอนเช้าต้องตื่นมาฟัง วันไหนที่แกติดธุระมาอ่านไม่ได้ คนอื่นมาอ่านแทนไม่เป็นสัปรสเลย  ตอนขึ้นต้นรายการนี้จะบอกว่าวันนี้เป็นวันสำคัญในอตีตอย่างไร  แถมจบตอนท้ายด้วยเกร็ดตลกๆ อีก
อีกคนนึงที่ผมติดตามฟังอยู่เสมอ เมื่อก่อนท่านเป็นสมาชิกวุฒิสภาด้วย คุณ นกข.จำ คุณดุ่ย ณ บางน้อยได้มั้ยครับ รายการคุยโขมงหกโมงเช้า ผมติดตามตลอด แต่พอช่วงหลังนี้ ไม่ได้ฟังเลย ไม่ทราบว่าตอนนี้ยังจัดรายการอยู่หรือเปล่า

สงสัยจะไม่กลับเข้าประเด็นแล้วครับผม


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: แจ้ง ใบตอง ที่ 17 ม.ค. 01, 01:01
ผมนำกาพย์นิราศ ซึ่งเป็นพระนิพนธ์ของเจ้าฟ้ากุ้ง มาฝากคุณบี
เพื่อเป็นการขออภัยที่ผมเป็นต้นเหตุให้หลุดประเด็นที่คุณบีต้องการ
คุยครับ

บทกวีนี้ จะกล่าวถึงการ "คอย" คนรักน่ะครับ ผมคงถอดความได้ไม่ดีพอ
คงจะต้องให้คุณเทาชมพูช่วยด้วย

สามยามรักกันตาม
.......เร่งโศกศัลย์หวั่นใจถึง
ยามค่ำร่ำรำพึง
.......ถึงยามสามตามกรุณา
สิบทุ่มเจ้าพี่เอ๋ย
.......เมื่อไรเลยจะพบพาน
งามนัก พักตร์เบิกบาน
.......จะหาได้แต่ใจมา
ตีสิบเอ็ด เสร็จควรหา
........แต่เช้ามาคุ้มราตรี
จวนจะพระสุริยศรี
........เสด็จรถทองส่องสากล
แสงทอง เรืองรองราง
........ขึ้นกระจ่างสว่างเวหา
รุ่งแล้วแก้วกัลยา
สุดเสน่หาไม่มาเลย

กลับเข้าในกระทู้แล้วครับผม เชิญคุยต่อกันได้เลย


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: แจ้ง ใบตอง ที่ 17 ม.ค. 01, 05:00
คุณเทาชมพูครับ พอดีผมเจอคำตอบแล้วว่าทำไม
ต้องตัดข้อเท้านักโทษ ที่คุณเทาชมพูคาดไว้นั่นถูกแล้วครับ
แต่ผมยังไม่ได้พิมพ์รายละเอียดเลย ตอนนี้ยังเคลียร์งาน
ไม่เสร็จ เนื่องจากเมื่อคืนมัวแต่ตอบกระทู้อยู่
ยังไงผมฝากให้เป็น ดีเจเพลงลูกทุ่งไปพลางๆ ก่อนนะครับ
เพราะวันนี้ผมจะไม่ได้เข้าเนตเลย ต้องลงไปกรุงเทพ
ตอนค่ำๆ คงจะได้กลับมา

อ้อ เรื่องรักสามเส้าของผมค่อนข้างจะลงตัวแล้ว...
พรุ่งนี้ผมจะมาดูความคืบหน้า ขอบคุณเป็นอย่างยิ่งครับ

ต้องขอโทษคุณบีด้วยที่post เรื่องส่วนตัว ไว้ผมจะหา
พระนิพนธ์ของเจ้าฟ้ากุ้งมาฝากครับ


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 17 ม.ค. 01, 06:18
I am not "งอน" ka Khun แจ้ง. Actually, talking about  your รักสามเส้า is related to producing human being na ka.



By the way, who is left for "ตาอยู่" ?



Thank you so much for Jaofah Kung' s works you offer. I think he was a sweet man. But  flirting men always have bad endings.


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ม.ค. 01, 10:30
แหม  ดิฉันละเบื่อสองพระเอกนี่จริงๆเลย  ทั้งพระเอกเมืองนอกทั้งพระเอกนอกเมืองน่ะแหละค่ะ  เกี่ยงกันไปเกี่ยงกันมาอยู่ได้
ถ้าแม่หญิงล้มหัวน็อคพื้น  ใครจะมาจ่ายค่าเข้ารพ.คะ  
หรือถือว่าตอนนี้ออกแค่ ๓๐ บาท เลยให้แม่หญิงจ่ายเอง ประเดิมรัฐบาลใหม่

คุณ B ขา  ตาอยู่ไปหาปลาที่อื่นดีกว่าคะ  ปลาแถวนี้ก้างเยอะ กินแล้วติดคอค่ะ

บ่ายๆแม่หญิงจะเข้ามานะคะ  เห็นว่าจะไปสแกนรูปเอามายืนยันว่าเธอหนักแค่ ๔๕ กก. เท่านั้นค่ะ   ถ้ายังรับไม่ไหว   ก็น่าสงสัยว่าคนรับนี่อายุกี่ร้อยปีกันแน่


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ม.ค. 01, 14:06
นำภาพนางเงือก วาดด้วยสีน้ำมัน ฝีมือจักรพันธุ์ โปษยกฤต มาให้ดูกันค่ะ

ปลาสวยๆแบบนี้ ตาอินกับตานาจะเกี่ยงไม่ยอมรับกันอีกหรือเปล่าคะ


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: รปภ. เจ้าเก่า ที่ 18 ม.ค. 01, 21:17
แม่หญิงเรไรครับ
หลังจากเฝ้าดูอยู่สามวัน ผมขอรายงานสถานการณ์

หลังจากที่พลาดพลั้งเอ่ยวาจาพาจนไปแล้ว ตอนนี้เห็นพ่อเสมาแกก็ไปเมาหัวราน้ำ ฝึกร้องเพลงอยู่ในกระทู้ข้างล่างโน่น
ส่วนพระรองชื่อแจ้งนั้นก็หายหัว ทำท่ากล้า ๆ กลัว ๆ มาตลอด เหมือนไม่ใช่ชายแท้

เพราะฉะนั้น ผมว่าแม่หญิงอย่ามัวคิดให้นานไปเลย
เพื่อไม่ให้เสียเวลา ผมยื่นใบสมัครใหม่เลยก็แล้วกัน
คุณสมบัติ รูปหล่อ กล้ามใหญ่ ใจถึง ไม่เชื่องช้าและ ไม่ปากหมานด้วยฮับ


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: แจ้ง เพชฌฆาต ที่ 18 ม.ค. 01, 23:02
ช่วงนี้หาเวลาว่างยากจริงๆครับ แต่ก็พยายามหาเรื่องการตัดข้อเท้านักโทษตามที่ติดเอาไว้...

ผมนำมาจากความจำของคุณชายคึกฤทธิ์น่ะครับ ก็เลยถือโอกาสเล่าคร่าวๆ เริ่มตั้งแต่ขั้นตอน
การประหารนักโทษเลยก็แล้วกัน  คุณชายเล่าว่าเมื่อสมัยเด็กๆ ได้มีโอกาสไปดูการประหารชีวิต
เค้าจะมัดนักโทษไว้กับเสาที่ปักอยู่กับดินป็นรูปตัว T  สูงขนาดไหล่นักโทษ  นักโทษจะถูกมัดมือ
ให้พนมที่หน้าอก ในมือนั้นมีดอกไม้ธูปเทียน  และถูกเอาดินเหนียวยัดรูหู เพื่อมิให้ได้ยินเสียงใดๆ
ห่างออกจากหน้านักโทษประมาณ ๗-๘ เมตร มีซุ้มประตูทำด้วยกิ่งไม้ เรียกว่าประตูป่า
สักครู่จะมีเพชฌฆาตแต่งตัวแบบไทย สวมเสื้อแดงกางเกงแดง ถือดาบรำออกมาจากประตูป่า
พอรำมาถึงตัวนักโทษก็กระทืบเท้าชี้หน้านักโทษแล้วก็เงื้อง่าดาบให้นักโทษกลัว เพชฌฆาต
รำไปรำมาอยู่พักใหญ่ เพชฌฆาตคนที่สองก็ถือดาบย่องมาจากทางไหนก็ไม่ทราบ เพราะคนดูมัว
แต่จ้องเพชฌฆาตคนที่หนึ่ง  นึกว่าจะเป็นคนประหารเสียเอง  พอเพชฌฆาตคนที่สองมาถึง
ก็เอาดาบฟันฉับเข้าที่คอนักโทษทางด้านหลัง  หัวนักโทษไม่ขาดจากตัวทันทีเนื่องจากติดหนังที่ลำคอ
หัวจึงพับห้อยไปที่หน้าอก เพชฌฆาตมือหนึ่งจึงเข้าไปจิกหัวนักโทษให้เงยขึ้นแล้วก็เอาดาบเชือด
หนังที่ติดจนคอขาด แล้วจึงโยนหัวนักโทษทิ้งไป ตรงนี้คุณชายคึกฤทธิ์ท่านให้ข้อสังเกตว่า
เลือกไม่ยักกะพุ่งเป็นลำตาลขึ้นไป เพียงแต่ออกปุดๆที่คอเท่านั้น ( แต่คุณตาผมเคยไปดูเค้าประหารนักโทษ
เหมือนกัน แล้วก็เล่าให้แม่ผมฟังอีกทีว่าตอนฟันคอนักโทษ เลือดพุ่งขึ้นมาเป็นศอก ผมฟังดูแล้ว
ก็ยังไม่ตกลงจะเชื่อใครดี เลยอยากจะทดลองเอง เห็นโจทก์อยู่แล้วคนหนึ่งคือ คุณ รปภ.เจ้าเก่า
ยังไงก็อย่าเพิ่งหลบไปไหนนะครับ ผมยังมีเรื่องที่ต้องชำระสะสางกับคุณซะหน่อย หนอยแน่ะ
รู้จักอี เอ้ย อ้ายแจ้งคนนี้น้อยไปซะแล้ว)

ตอนนี้มาถึงตอนที่เค้าตัดข้อเท้านักโทษแล้วครับ.. เมื่อฟันคอเสร็จแล้ว ก็จะมีพะทำมะรง ๒ คน ถือขวาน
ออกมา พอถึงศพนักโทษที่นั่งเหยียดขาอยู่  พะทำมะรงสองคนนั้น ก็เอาขวานฟันที่ส้นเท้าของนักโทษ
เสียงดังปึ้กๆ จนส้นเท้าหลุดไป โซ่ตรวนหลุดออกอย่างสะดวก แล้วก็หิ้วตรวนไปเก็บ.....
ในภายหลังคุณชายท่านไปถามพวกผู้ใหญ่ว่าทำไมต้องตัดข้อเท้าออก ได้คำตอบมาว่า ตรวนนั้นเป็นของ
หลวง เมื่อไม่ต้องใช้แล้วก็ต้องเก็บเอากลับไป  เพราะของหลวงตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้  เหตุที่ต้องฟัน
ส้นเท้าออกนั้น เพราะว่าตรวนนั้นถอดยาก ถ้าฟันส้นแล้วก็จะถอดได้สะดวกที่สุด ไม่เสียเวลาเจ้าพนักงานในการ
ปล้ำกับศพเพื่อถอดตรวน...

พูดถึงเรื่องการตัดคอนักโทษแล้วผมนึกไปถึงเรื่องแปลเรื่องหนึ่งของคุณมนันยา เป็นเรื่องเกี่ยวกับ
หมอคนหนึ่งต้องการศึกษาปฎิกริยาของคนที่กำลังจะตาย มีเหตุมาจากหมอเคยได้ยินมาว่านักโทษที่ถูก
ตัดหัวให้ขาดโดยทันที (ด้วยกิโยติน) สมองยังไม่ตายเส้นประสาทบางส่วนยังทำงานได้ เพชฌฆาตที่เดินไป
เก็บหัวนักโทษจึงยังเห็นหัวนักโทษบางหัวกระพริบตาแลบลิ้นหลอก  หมอคนนี้เลยไปติดต่อนักโทษประหารคนหนึ่ง
เพื่อทาบทามมาเคส ปรากฎว่านักโทษโกรธมาก  หมอจึงขู่ว่าหากถูกตัดหัวแล้วยังไม่ตายจะเอาไม้ตอกหน้าให้ตายอย่าง
ช้าๆ เพื่อสังเกตอาการ  ผลสุดท้ายปรากฎว่าเมื่อนักโทษคนนั้นถูกตัดหัวแล้วยังหลอกให้หมอเอานิ้วไปจิ้มที่ปาก
จึงได้กัดนิ้วมือหมอเสียอย่างแรง  คุณมนันยาแกลงท้ายว่าน่าจะเป็นไปได้ เนื่องจากสมิงพระรามก็ตายเพราะถูกหัว
ของโจรที่ห้อยไว้กับอานม้ากัดเอา

ตกลงคุณรปภ.เจ้าเก่าจะให้ผมทำวิจัยเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่าครับ ผมจะได้เอาคุณเป็นเคส  ไอ้พวกรูปหล่อ กล้ามใหญ่
ใจถึงนี่ผมชอบนัก อ้าว หายไปไหนเสียแล้วล่ะครับ..


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ม.ค. 01, 08:18
ขอบคุณค่ะคุณแจ้ง  เคลียร์แล้วค่ะ แถมยังเห็นภาพอะไรต่อมิอะไรชวนให้ไม่อยากเล่นเน็ตตอนดึกๆคนเดียว อีกหลายภาพ

อุ๊ย   แม่หญิงเข้ามาอ่าน เป็นลมไปอีกหนแล้ว

พ่อรปภ. จ๋า  ถูกคุณแจ้งยืมตัวไปใช้วิจัยในคอร์สเพชฌฆาต เสร็จแล้ว  ถ้าเส้นประสาทยังทำงานอยู่  อย่าลืมงับชายเสื้อแม่หญิง หิ้วพาไปหาหมอด้วยนะจ๊ะ


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 19 ม.ค. 01, 16:25
เรื่องชีวิตที่ยังหลงเหลือหลังถูกประหารนี่ เคยมีเรื่องผีญี่ปุ่นที่ แลฟคาดิโอ ฮอร์น (ชาวอเมริกันหรือไม่ ไม่แน่ใจ) แปลรวบรวมไว้ ถ้าคุณภูมิอยู่แถวนี้ช่วยอธิบายเพิ่มด้วยครับ
คนญี่ปุ่นเชื่อว่า ถ้าผู้ตายตายด้วยความคับแค้น แค้นใจ โกรธ อาฆาต อำนาจจิตที่แค้นแรงกล้านี้ก็สามารถมาเป็นภูตผีหลอกคนได้ (คล้ายๆ ผีตายโหงของไทย)
มีเรื่องที่เจ้าเมืองคนหนึ่งจะประหารนักโทษคนหนึ่ง นักโทษนั้นเป็นคนพยาบาทอาฆาต พร่ำบ่นด่าไม่ขาดปากว่าจะกลับมาหักคอเจ้าเมืองล้างแค้น ขุนนางอื่นๆ หวาดหวั่นพรั่นใจไปตามกัน แต่เจ้าเมืองทำไม่เชื่อ หัวเราะเยาะว่าแต่เอ็งเป็นคนข้ายังจับมาฆ่าเสียได้ เอ็งเป็นผียิ่งไม่มีอะไรน่ากลัว เอายังงี้ ถ้าเอ็งเก่งจริง แน่จริง พอเพชฌฆาตลงดาบตัดคอแล้ว เก่งจริงหัวเอ็งกระโดดไปงับก้อนกรวดพื้นลานประหารตรงหน้าเอ็งให้ได้สิ
นักโทษก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันบอกว่า เอ็งหมิ่นข้านัก ได้สิวะ ข้าจะทำให้ดู
พอเพชฌฆาตลงดาบ หัวนักโทษก็โดดไปเอาปากกัดคาบก้อนกรวดได้จริงๆ ขุนนางที่อยู่ด้วยหน้าเผือดถอดสี ตายแน่ ผีตายโหงต้องตามมากวนแน่ๆ
แต่ท่านเจ้าเมืองหัวเราะบอกว่านักโทษแพ้รู้ท่านแล้ว ที่ใครๆ เห็นว่านักโทษมีความตั้งใจมั่นและอาฆาตรุนแรงนั้น ท่านก็เห็นเหมือนกัน คนอย่างนี้ถ้าตายไประหว่างที่ใจยังแน่วแน่อยู่กับการล้างแค้น ก็อาจจะมาเป็นผีได้จริงๆ แต่ถูกท่านหลอกให้เอาจิตใจไปจดจ่ออยู่กับก้อนกรวดเสีย ก่อนตายใจก็แน่วไปทางเดียวว่าต้องงับกรวดให้ได้ พลังแค้นอะไรถ้าจะมีก็เอาไปงับกรวดหมดแล้ว เชื่อเถอะว่าไม่มีผีมาหลอกแน่  แล้วก็ไม่มีผีมารบกวนจริงๆ


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: แม่หญิง ที่ 19 ม.ค. 01, 23:26
คุณแจ้งขา.. วิญญาณแรมโบ้เข้าสิงหรือไงคะ
ดิฉันรับใบสมัคร คุณ รปภ. แกมา ยังอ่านไม่ทันจบเลย
คุณแจ้งเงื้อดาบขู่นิดเดียว แกเผ่นกระเจิงไปไหนแล้วก็ไม่รู้
เชิญท่านพี่วางดาบเพชรฆาตแล้วกลับไปร้องเพลงกันต่อที่กระทู้โน้นเถิดนะเจ้าคะ

(โปรดสังเกตว่า   ตอนนี้แม่หญิงเรไรสงบเสงี่ยมมากค่ะ เห็นวิธีประหารของพ่อจะเด็ดแล้วมิบังอาจหืออีกเลย)


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: รปภ. เจ้าเก่า ที่ 20 ม.ค. 01, 23:38
ถึงแม่หญิงเรไร
ผมยังซุ่มอยู่แถว ๆ นี้แหละ ไม่ได้ตื่นเต้นหวาดกลัวนายนั่น หรือหนีไปไหนหรอก

ใจคอแม่เรไรจะไม่พิจารณาใบสมัครของผมเลยเรอะ
จะไปตกลงปลงใจกะเจ้าจอมโหดนั่นจริง ๆ อ่ะ
คิดให้ดีนา  คบเจ้าแจ้งน่ะต้องไปเข้าป่าไปอยู่ชนบท  
ถ้าไม่เลือกผม ก็เลือกพ่อเสมาซะยังดีกว่า
 
แม่หญิงไม่ต้องไปหงอมัน ถ้าไม่มีอีดาบเพชฌฆาตนั่นเมื่อไหร่ก็ไม่มีน้ำยาหร๊อก  
สู้กันตัวตัว ไม่มัดมือชก ผมว่าผมบึ้กกว่า รับรองกินขาด
แม่หญิงอย่าเห็นกงจักรเป็นกงจักรไปหน่อยเลย อีกสามวันผมจะมาฉุด เอ๊ย มาฟังคำตอบนะครับ


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: Daranee ที่ 21 ม.ค. 01, 04:57
Did we have the believe to preserve the corsp intact in order to have proper reincarnation.  The convicts' bodies were mutilated for punishment not only as a human but as a lasting punishment as well.  That is, they were condemned to not have a chance to be reborn a a humanbeing again.  Anybody knows about this believe I'm unsure if this hypothesis is valid for Thai belief.


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 22 ม.ค. 01, 18:16
เรื่องไทยเชื่ออย่างไร ไม่แน่ใจนัก แต่รู้ว่าจีนเชื่อทำนองนั้นครับ ว่า เวลาตายถ้าตายไม่ครบส่วน ไม่สมประกอบ อาจจะไม่ได้ไปเกิดเป็นคนครบส่วน ที่จำได้แม่นคือเรื่องขันทีจีน ที่ว่า ต้องเอาอัวยะส่วนที่ถูกตอนนั้น ใส่โหลเก็บดองไว้ เวลาตายก็ให้เอาฝังไปกับศพด้วย

ไทยเราเผานี่ครับ ไม่ได้ฝัง คงไม่ถือมั้ง


กระทู้: เจ้าฟ้ากุ้ง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ม.ค. 01, 18:45
ยังนึกไม่ออกว่าไทยเชื่อประเพณีนี้ค่ะ