เรือนไทย

สืบเนื่องจากกระทู้
/>
href='http://www.vcharkarn.com/snippets/board/show_message.php?dtn=dtn5&ID=RW924'
target='_blank'>http://www.vcharkarn.com/snippets/board/show_message.php?dtn=dtn5&ID=RW924
/>
ยังคงคุยกันได้อีกมากนะคะ

ไม่รู้จะเริ่มด้วยดาราคนไหนดีค่ะ  
เลยเปิดแฟ้มดู

เจอ Cameron Diaz นั่งชม้ายชายตาอยู่
/>
เลยเอามาประเดิมให้ดูกันคั่นโปรแกรมไปก่อน

ใครมีภาพสวยๆหล่อๆ
ช่วยกันส่งเข้ามาดูกันบ้างนะคะ
src='http://vcharkarn.com/reurnthai/uploaded_pics/RW949x000.jpg'>

ไม่ทราบจะมาช้าไปหรือเปล่า….แต่ไหนๆก็ไหนๆ ได้ไปค้นข้อมูลเล็กๆน้อยๆของมิเชลล์ ไฟฟ์เฟอร์มาเล่าสู่กันฟังครับ เพราะเธอก็เป็นนักแสดงคนโปรดของผมเหมือนกัน... มิเชลล์ ไฟฟ์เฟอร์ (Michelle Pfeiffer) เกิดเมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน ๑๙๕๗ (บางแหล่งก็บอก ๑๙๕๘) ที่เมืองออเรนจ์ เคาน์ตี้ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เป็นลูกสาวคนที่สองในจำนวนพี่น้องทั้งหมด ๔ คน สมัยเรียนชั้นมัธยมก็ได้เข้าเรียนชั้นการแสดงเล็กๆน้อยๆ แล้วออกมาทำงานเป็นฝ่ายเช็คสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ต แล้วได้รับคำยุจากช่างทำผมให้สมัครเป็นนางแบบและเข้าประกวดนางงามออเรนจ์ เคาน์ตี้ (Miss Orange County) ซึ่งเธอได้รับตำแหน่งในที่สุด และแทนที่จะมุ่งหน้าเข้าสู่เวทีนางงามแอล.เอ.เป็นลำดับต่อไป เธอกลับตัดสินใจเข้าสังกัดตัวแทนเพื่อทำงานด้านถ่ายโฆษณาพร้อมกับที่เรียนต่อทางด้านการแสดงไปด้วย จนได้แสดงบทเล็กๆในหนังชุดทางทีวีอยู่นานหลายปีก็ไม่มีแววรุ่งเสียที เลยตัดสินใจเปลี่ยนสังกัดเสียเลย



พอเปลี่ยนสังกัดปุ๊บ ก็เหมือนกับวี่แววโด่งดังจะเริ่มปรากฏเพราะเธอเริ่มเป็นที่รู้จักของคนดูมากขึ้น รวมทั้งได้แสดงหนังเรื่องแรกคือ Grease 2 (1982) ซึ่งถึงแม้จะไม่ค่อยประสบผลเท่านัก แต่ปีถัดมาเธอก็ได้แสดงหนังร่วมกับอัล ปาชิโนเรื่อง Scarface (1983) ตามด้วย Ladyhawke (1985) ที่เธอแสดงในบทหญิงที่ถูกสาปให้กลายเป็นเหยี่ยวในตอนกลางวัน เป็นมนุษย์ในตอนกลางคืน ส่วนชายคนรักของเธอถูกสาปให้เป็นหมาป่าในตอนกลางคืน แล้วกลายเป็นมนุษย์ในตอนกลางวัน (ผมได้ดูเรื่องนี้ด้วยครับ เรื่องนี้เธอสวยมากจริงๆ) แต่ก็ยังไม่ถือว่าประสบความสำเร็จมากมายนัก เรื่องที่สร้างชื่อเสียงให้เธอจริงๆคือ The Witches of Eastwick ครับ กล่าวได้ว่าใครมาแสดงเรื่องก็โด่งดังกันไปจนหมด ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงที่ดังอยู่แล้วอย่าง แจ๊ค นิโคลสัน หรือ แชร์ (Cher) และที่เริ่มจะดังอย่างซูซาน ซาแรนดอน รวมทั้งมิเชลล์ด้วย



มิเชลล์ได้เข้าชิงออสการ์ครั้งแรกในสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมประจำปี 1988 จาก Dangerous Liaisons (เรื่องนี้นำมาสร้างใหม่บ่อยครั้งมาก ฉบับล่าสุดนำมาดัดแปลงเป็นยุคปัจจุบันใช้ชื่อว่า Cruel Intention) ร่วมแสดงกับเกล็นน์ โคลสและจอห์น มัลโควิช ปีถัดมาบทบาทของเธอในเรื่อง The Fabulous Baker Boys ทำให้เธอกลายเป็นตัวเก็งบนเวทีออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (ตามข้อมูลบอกว่าเธอเข้ามาแทนที่ มาดอนน่า ครับ) เพราะกวาดรางวัลจากเวทีอื่นก่อนหน้ามาจนเรียบ แต่ก็นั่นแหละครับ พอถึงเวทีสุดท้ายคือออสการ์ มิเชลล์ก็ตกม้า...พลาดท่าเสียทีให้แก่คุณยายเจสสิก้า แทนดี้ จาก Driving Miss Daisy ไปในที่สุด (สร้างความชอกช้ำให้กับคนดูที่หลงรักเธออย่างผมมากทีเดียวครับ...ฮือฮือ) เรื่อง The Fabulous Baker Boys นี้มิเชลล์แสดงเป็นนักร้องหญิงที่มาร่วมคณะเปียโนสองพี่น้องครอบครัวเบเกอร์ นอกจากได้โชว์ความสวยแล้วยังได้โชว์เสียงร้องเพลงให้เป็นที่ประจักษ์อีกต่างหาก และเธอก็ร้องเพลงในหนังให้เราฟังอีกในการ์ตูน The Prince of Egypt (1998) (ผมว่าตอนนี้นิโคล คิดแมนกำลังเดินตามรอยมิเชลล์สมัยโน้นอยู่เหมือนกันนะครับ) มิเชลล์มาได้เข้าชิงออสการ์อีกครั้งใน Love Field (1992) ในบทแม่บ้านสาวที่ได้พบรักหม่กับหนุ่มผิวสีในช่วงเจเอฟเคถูกสังหารพอดี



มิเชลล์มาร่วมงานกับอัล ปาชิโนอีกครั้งใน Frankie and Johnny (1991) หนังรักเกี่ยวกับพนักงานเสิร์ฟสาวกับกุ๊กหนุ่ม ตามด้วยบท 'นางแมวป่า' ใน Batman Returns (1992) ซึ่งเธอได้เข้ารับบทนี้แทนแอนเน็ตต์ เบนนิ่ง (เข้าใจว่าจะตั้งท้องพอดีนะครับ) นอกจากนี้เธอยังเคยได้รับการติดต่อให้มารับบทเอฟบีไอสาว แคลริซ สตาร์ลิ่ง ใน The Silence of the Lambs (1991) ที่โจดี้ ฟอสเตอร์เข้ามาแสดงแทนและคว้าออสการ์ไปแทนอีกต่างหาก รวมทั้งบทนำใน Basic Instinct ก็ยังเคยได้รับการติดต่อ แต่พอเธอปฏิเสธ บทนี้เลยกลายเป็นบทที่สร้างชื่อเสียงให้ชารอน สโตนไปในที่สุด



ผลงานอื่นๆของมิเชลล์ ไฟฟ์เฟอร์ที่อยากแนะนำให้หามาดูกันมีดังนี้ครับ The Age of Innocence (1993) สร้างจากนิยายของอีดิธ วอร์ตัน มิเชลล์แสดงเป็นแม่ม่ายทรงเครื่องที่ตกหลุมรักหนุ่ม (แดเนี่ยล เดย์-ลิววิส) ที่มีคู่หมั้นคู่หมายเป็นสาวน้อยหน้าใส (วิโนน่า ไรเดอร์), Wolf (1994) เป็นการกลับมาร่วมงานครั้งที่สองกับแจ๊ค นิโคลสัน เรื่องนี้มิเชลล์แสดงเป็นลูกสาวมหาเศรษฐีที่หลงรักมนุษย์หมาป่า (นิโคลสัน), Dangerous Minds (1995) สร้างจากเรื่องจริงของลูแอนน์ จอห์นสัน ครูสาวที่ต้องต่อสู้เพื่อเด็กนักเรียนที่เป็นคนต่างเชื้อชาติในอเมริกา (เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำให้ผมหลงรักมิเชลล์เอามากมายเลยทีเดียว), Up Close & Personal (1996) แสดงคู่กับโรเบิร์ต เรดฟอร์ด เธอแสดงเป็นนักข่าวสาวจากเมืองเล็กๆที่ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในอาชีพเพราะคนรัก, One Fine Day (1996) แสดงคู่กับจอร์จ คลูนี่ย์ มิเชลล์แสดงเป็นสถาปนิกสาวม่ายลูกติดที่เหมือนๆจะเกลียดผู้ชาย แต่ก็หลงเสน่ห์นักข่าวหนุ่มปากร้ายเข้าจนได้ในวันอันแสนวุ่นวายวันหนึ่ง, A Thousand Acres (1997) แสดงร่วมกับเจสสิก้า แลงจ์ และ เจนนิเฟอร์ เจสัน ลีห์ เป็นเรื่องราวที่ดัดแปลงจาก King Lear ของเช็คสเปียร์ในภาค 'ความทุกข์ของลูกผู้หญิง', The Deep End of the Ocean (1999) กับบทแม่ที่เผลอทำลูชายคนเล็กหายไปท่ามกลางผู้คนคับคั่ง พอมาพบอีกครั้งเมื่อ ๑๐ ปีผ่านไปทำให้ต้องมานั่งนับหนึ่งเพื่อสร้างความสัมพันธ์กันใหม่ (เรื่องนี้เธอแสดงเป็นแม่ที่สูญเสียลูกได้ยอดเยี่ยมมากครับ), A Midsummer Night's Dream (1999) สร้างจากบทละครดั้งเดิมของเช็คสเปียร์ มิเชลล์รับบททิทาเนีย ภูตสาวที่กำลังงอนสามีแต่จับผลัดจัลผลูไปหลงรักมนุษย์ที่ถูกสาปให้กลายเป็นลิงเข้าโดยบังเอิญ, The Story of Us (1999) เรื่องราววิกฤติชีวิตคู่เมื่อเวลาผ่านไปเนิ่นนาน ความรักก็เริ่มจืดจางไปเรื่อยๆ (ร่วมแสดงกับบรูซ วิลลิส), What Lies Beneath (2000) เรื่องราวภรรยาขี้ระแวงที่ถูกสามีนอกใจ จนสุดท้ายก็ต้องกลายเหยื่อฆาตกรรมในที่สุด (เรื่องนี้แฮร์ริสัน ฟอร์ดรับบทเป็นสามีครับ)



สำหรับงานใหม่ล่าสุดของมิเชลล์ที่เพิ่งเข้าฉายอเมริกา คือ I Am Sam ครับ เรื่องนี้เธอแสดงเป็นทนายความที่มารับว่าความให้พ่อ (ฌอน เพนน์) ที่มีปัญญาทางจิตเกี่ยวกับสิทธิในการเลี้ยงดูบุตรสาววัย ๗ ขวบ ส่วนอีกเรื่องที่กำลังถ่ายทำอยู่คือ White Oleander เรื่องของกวีสาวที่หลงรักชายหนุ่มอย่างบ้าคลั่ง พอพบว่าเขานอกใจ เธอก็จัดการฆ่าเขาด้วยการวางยาพิษจากดอกไม้ที่เธอโปรดปราน ซึ่งก็คือดอกไม้ที่มีชื่อเดียวกับชื่อหนังนั่นเองครับ เรื่องนี้มิเชลล์ร่วมแสดงกับเรเน่ เซลล์เวเจอร์ (นักแสดงสาวจาก Briget Jones's Diary) และโรบิน ไรท์ เพนน์ (ภรรยาฌอน เพนน์นั่นเอง...แหม โลกมันช่างกลมจริงๆเลยนะครับ)

ฟังคุณยาตราคุย...เพลินเลยค่ะ

เอารูปมิเชล มาทักทายคุณยาตราค่ะ

ดีใจที่กลับมาคุยให้ฟังอีกครั้ง  หายไปหลายวันนะคะ

ขอบพระคุณคุณเทาชมพูครับ ช่วงนี้ผมติดภารกิจเรื่องงานอยู่ครับ แต่จะพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับดารามาเล่าให้ฟังเรื่อยๆ หากล่าช้าไม่ทันใจทุกท่านไปบ้างก็ต้องขออภัยไว้ก่อนนะครับ

ดิฉันเองก็อยากให้คุณยาตราเข้ามาแวะคุยเรื่องดาราให้พวกเราฟังบ่อยๆค่ะถ้าพอปลีกตัวจากงานได้



เลยโพสต์รูปเดียวก่อนนะคะ  ถ้าหลายใบ  กระทู้จะวิ่งเร็วเกินไป  



เอาภาพดาราสาวคนนี้มาให้ทายกันว่าเป็นใคร  

ถ้าคุณยาตราแวะมา ลองทายดูซิเอ่ย?

ท่านอื่นๆนึกออกไหมคะ?

ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ แต่ดูจากดวงตาแล้วเดาว่าน่าจะเป็นอดีตภรรยาของ ‘จอมอึด’ บรูซ วิลลิซ…เดมี่ มัวร์…เป็นคำตอบสุดท้ายครับ

ขอวกไปถึงคาเมรอน ดิแอซหน่อยนะครับ จะแจ้งให้ทราบว่าวันศุกร์นี้ทางช่อง ๓ จากนำ My Best Friend’s Wedding มาฉายช่วงหลังจบละครหลังข่าวแล้ว หากใครยังไม่ได้ดูเรื่องนี้ก็ขอแนะนำครับ โดยเฉพาะฉากที่คาเมรอนโดน ‘หนูจู’ เธอแกล้งให้ร้องคาราโอเกะในบาร์ เป็นฉากที่นักวิจารณ์ภาพยนตร์ในบ้านเราลงมติว่าเป็นฉากที่เธอแสดงได้เยี่ยมที่สุด เพราะแสดงถึงความใสซื่อบริสุทธิ์มากๆ ชนิดข่มนางร้ายประจำเรื่อยอย่างราบคาบไปเลยครับ

ขอประทานโทษครับ ลืมบอกว่าวันศุกร์นี้คือวันศุกร์ที่ ๘ ก.พ. ครับ

เก็บคำตอบของจอมยุทธเอาไว้ก่อน  คนอื่นๆว่าไงคะ?



My Best Friend's Weddingเป็นเรื่องสุดโปรดเรื่องหนึ่งค่ะ  มากกว่า Notting Hill ที่ออกรสหวานจัดไปหน่อย

ดิฉันชอบว่าดาราทุกคนเล่นประชันฝีมือกันได้เยี่ยม ไม่ว่าหญิงชาย  

โดยเฉพาะแคเมอรอน ถ้าฝีมือเธอไม่แน่ขนาดนี้อาจจะถูกหนูจูของคุณยาตราเชือดไม่มีชิ้นดีก็ได้

ชอบที่เธอปรากฏตัวเป็นเจ้าสาวซื่อใสไร้สติในสายตาจูเลีย โรเบิร์ตส์ แต่เอาเข้าจริงแล้วเธอฉลาดลึกไม่แพ้ผู้หญิงเก่งที่คิดแย่งเจ้าบ่าว  และฉลาดกว่าซะอีก

พอมาเล่นนางฟ้าชาลี ดิฉันกลับไม่ชอบ ผอมไปมาก ไม่สดใสเท่าเรื่องก่อน

My Best Friend คนที่เล่นเป็นเกย์หนุ่มเพื่อนจูลี่ นั่นก็ฝีมือเหลือร้ายเหมือนกันนะคะ  โดยเฉพาะฉากร้องเพลงที่โต๊ะอาหาร เหลือรับประทานจริงๆ



เอารูปสาวปริศนาคนเดิมมาย้ำอีกทีค่ะ สำหรับท่านที่ยังนึกไม่ออก

คุณยาตรานึกออกแล้ว...เงียบๆไว้นะคะจอมยุทธ

เกย์หนุ่มเพื่อนของหนูจูชื่อรูเพิร์ต เอเวอร์เร็ตต์ครับ เป็นดาราอังกฤษ ตัวจริงเขาก็เป็นเกย์เหมือนกัน เรื่องล่าสุดที่เพิ่งมาฉายทาง UBC คือ The  Next  Best  Thing ครับ แสดงคู่กับเพื่อนซี้ของเขาคือ มาดอนน่า เนื้อเรื่องน่าเศร้าเหมือนกันครับ เกี่ยวกับพ่อที่เป็นเกย์และพยายามขอสิทธิในการเลี้ยงดูลูกชาย แต่ก็จบซาบซึ้งประทับใจดี ทำให้นึกถึงหนังอีกเรื่องที่มีเนื้อเรื่องคล้ายๆกันคือ The Object of My Affection ครับ เรื่องนี้หวานใจแบรด พิทท์-เจนนิเฟอร์ อนิสตันแสดงเป็นนางเอกครับ

ข่าวล่าสุดทราบว่าแคเมอรอนอาจจะกลับมาเล่น Charlie’s Angels 2 นะครับ แต่กำลังเจรจาเรื่องค่าตัวกันอยู่ ส่วนนางฟ้าคนหนึ่งคือดรูว์ แบร์รี่มอร์แน่แล้ว เพราะว่าเธอเป็นผู้อำนวยการสร้างด้วย ส่วนแคเมอรอนนั้น หากไม่มีเธอมาร่วมในภาคแรกล่ะก็ หนังเรื่องนี้คงเละไม่มีชิ้นดี เพราะเธอดูเป็นนางฟ้ามากที่สุดในจำนวนสามคนครับ (ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าคนพูดเขาเอาอะไรมาวัด…)

Hae..hae...it is pretty hard and I have no idea ka.

I also love My Best Friend Wedding, and I agree with Khun Taochompoo that Cameron stole the show Pa Joo ka.
For me, I love the scence on the boat when Julia told Dermott Melony that she loved him. However, I wonder that would she feel this way if she had not known he was getting married, and she was about to lose him.

เรื่อง The Object of My Affection ผมอ่านตอนเป็นหนังสือ น่ารักดีครับ ตอนนั้นผมอยู่เมืองเดียวกับตัวละครเอกในเรื่องแหละ คือที่นิวยอร์ก หนังสือเพิ่งออกได้ไม่นาน คนที่ให้หนังสือนี้เป็นของขวัญเป็นเพื่อนสาวฮ่องกงที่สนิทกันมาก ตอนนี้เธอแต่งงานไปแล้วที่ฮ่องกง ผมว่าจะหาหนังมาดูก็ไม่ได้ดูเสียที

ถ้าเป็นหนูจู ผมชอบเธอจากเรื่อง Steel Manolia นู่นเลยครับ ไม่ทราบใครได้ชมบ้าง ผมชอบหนังเรื่องนี้มาก
รูเพิร์ต เอเวอร์เร็ตนี่เรื่องที่ดูเขาเรื่องแรก จำชื่อไม่ได้แม่นนักA tales of two country?? เป็นเรื่องนักเรียนที่เป็นเกย์ เล่นคู่กับ แกรี่ เอลวิส รายนี้ก็เงียบหายไปเลย

โถ  สาวน้อยคนสวยที่ดิฉันเปิดหน้าเธอออกมาโชว์ข้างบนนี้ ถูกสาวหนุ่มมองเมินไปหมดทุกคน  

ไม่มีใครนอกจากคุณยาตราที่ยอมทาย

คราวหน้าเอาภาพหนุ่มมาทายบ้างดีกว่า เผื่อจะจำกันแม่นบ้าง



ไขปริศนาละค่ะ

คำตอบสุดท้ายของคุณยาตรา ถูกต้องค่ะ  ได้แชมป์ตามเดิม

มาสาย แต่ไม่มีปัญญาทายหรอกครับ
จำได้ว่าคุณนนทิราคิดเหมือนผมว่าเดมี่ไว้ผมสั้นได้สวย

แต่แม่หญิงชอบจูเลีย โรเบิร์ต ใน Notting Hills ที่สุดค่ะ  โดยเฉพาะฉากที่เธอไปยืนสารภาพรัก ฮิว แกรนท์ ตอนก่อนจบ

คุณยาตรา มาบ่อย ๆ นะคะ ความเห็นของคุณทำให้ได้รู้เรื่องราวต่าง ๆ ของดาราฮอลลีวู๊ด ได้ ละเอียดยิบ  อ่านเพลินมาก  
โชคดีที่มีคุณยาตราแวะผ่านเข้ามา  ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณ คุณยาตราครับสำหรับเรื่องของมิเชล ผมติดตามดูหนังของเธอมาตลอด เป็นดาราที่ผมชื่นชอบมาก

คุณเทาชมพูคะ ฝนรอ  ดูภาพหนุ่มมาหลายวันแล้วค่ะ

ผมชอบ จูเลีย ตอนเล่นเรื่อง เอริน บร๊อคโควิช กับที่เล่นเรื่อง Pretty Woman ครับ

ไม่เชิงเมินหรอกครับคุณเทาชมพู สำหรับผมสองคน ตาไม่ค่อยถึงกับดาราใหม่ สงสัยต้องอ้าปากหวอนั่งฟังมั่งแล้วซี

เอาใจคุณฝอยฝนด้วยรูปนายคนนี้ครับ

แต่ผมว่ารูปนี้หล่อกว่านะครับ คุณฝอยฝนคงชอบ...

รูปสุดท้ายจากหนังเรื่องเดียวกันครับ PEARL HARBOR

แวะมาทักทายค่ะ หมู่นี้ไม่มีเวลาว่างมาคุยด้วยเลย
คุณยาตราคะ เบน แอฟเฟล็คหล่อมากค่ะ น่าเสียดายหนังเรื่อง Pearl Harbor ไม่มาแรงอย่างที่หวัง จนบัดนี้ดิฉันก็ยังไม่ได้ดูเลย

อยากเห็นหนุ่ม Pearl Habor มานานแล้วค่ะ ขอบคุณคุณยาตรามาก

ส่วน James  Caviezel  เคยเล่น The Thin Red Line

และเห็นว่าเล่น The Count of Monte Cristo

ดิฉันชอบวรรณกรรมของดูมาส์เรื่องนี้มากก็เลยอยากดู

คุณยาตราพอจะแนะนำอะไรเกี่ยวกับหนุ่มรายนี้ได้ไหมคะ

มีคนเอ่ยถึงเขาว่า There's just another world in his eyes

เรื่อง มองเตคริสโต  ผมเคยดูฉบับที่ ริชชาร์ด แชมเบอร์เลนแสดงไว้ครับ รายนี้แกเล่นหนังโบราณได้เข้ากัน๊ เข้ากัน
คงต้องหาเวอร์ชั่นหนุ่มข้างบนนี้มาดูมั่งซะแล้ว
ดารารุ่นนี้ผมได้แต่แบ๊ะ แบ๊ะ เลย

แบ๊ะ แบ๊ะ จ้ะ สาวๆมาช่วยคุยกันหน่อยเถิด

จะไม่เข้ามาคุยด้วย เดี๋ยวจะถูกค่อนว่าเข้ามาแต่ ตอนที่มีดารสาว(แหม ก็เรื่องธรรมด๊า ธรรมดานะ)
เห็นด้วยกับคุณเทาชมพูครับว่า คนหล่อสมัยก่อนกับสมัยนี้ สรีระยังไม่ต่างกันมาก  อาจจะมีค่านิยมบางยุคที่นิยมผู้ชายผอมแห้ง แต่โดยรวมรูปร่างผู้ชายไม่ค่อยเปลี่ยน
เคยดูThe Thin Red Line ครับ แต่พักนี้จำชื่อดาราใหม่ไม่ได้เอาเลย
ต้องกลับไปดู คาเมรอน ดิแอชอีกหน ดูหนังเรื่องนั้น แล้วก็ดูนางฟ้าชาลีย์แต่ไม่เคยคิดว่าเป็นคนเดียวกัน เชยซะไม่มี

เรามันก็ตะเภาเดียวกันนั่นแหละครับ คุณภูวง คุณภังคี คุณภาธร ผมเห็นคุณเทาชมพูกระแนะกระแหนมาหลายครั้ง เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ผมคิดว่าคุณเทาชมพูพอจะเชื่อมต่อช่องว่างตรงนี้ได้ ไม่ใช่ว่าไม่ชอบดารายุคปัจจุบัน เพียงแต่ว่า ตามันไม่ถึงมองแล้วมันไม่ประทับใจ ถึงดารารุ่นก่อนๆก็เช่นเดียวกัน ไม่ได้ชอบไปเสียทุกคน ชอบเพียงบางคนตามตัวอย่างที่ขอกันมานั่นแหละครับ

เอารูป The Count of Monte Cristo มายั่วให้คุณเทาชมพูอยากดูหนังเรื่องนี้มากขึ้นครับ

และอีกรูปหนึ่งนะครับ

สงสัยรูปจะใหญ่ไปเลยโพสต์ไม่ได้ ต้องขออภัยด้วยครับ คราวนี้มารู้จักนายคนนี้ให้มากขึ้นอีกหน่อยดีกว่าครับ...



ดูรูปของ เจมส์ คาวีเซล ที่คุณเทาชมพูหามารูปบนแล้ว ถ้าผมเป็นผู้หญิงก็คงหลอมละลายเพราะแววตาของเขาแน่นอนครับ...หวานซึ้งจริงๆ (หรือผมว่าจะไปฝึกทำตาแบบนี้บ้างดีหนอ...) เข้าใจว่าจะมาจากเรื่อง The Thin Red Line นะครับ ประวัติส่วนตัวของนายคนนี้มีไม่มากครับ (เลยมาเล่าได้เร็วหน่อย..อิอิ) เขามีชื่อเต็มๆว่า เจมส์ แพทริค คาวีเซล (James Patrick Caviezel) เวลาแสดงภาพยนตร์บางเรื่องก็ใช้ชื่อว่า เจมส์ คาวีเซล บ้าง บางเรื่องก็ใช้ว่า 'จิม คาวีเซล' บ้าง (ผมเองยังงงบ่อยๆเพราะนึกว่าเป็นคนละคนกันครับ) เกิดเมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน ๑๙๖๘ ที่เมาท์ เวอร์นอน รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา มีพี่น้องทั้งหมด ๕ คน และแต่งงานแล้วตั้งแต่ปี ๑๙๙๗ หลังจากคบหาดูใจกับแฟนสาวถึง ๔ ปี ซึ่งทั้งสองพบกันครั้งแรกจากการนัดบอดเมื่อปี ๑๙๙๓ ทั้งคู่ยังไม่ลูกด้วยกันครับ สมัยที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย เขาเคยเล่นบาสเก็ตบอลด้วย...อาจจะเป็นนักกีฬามหาวิทยาลัยนะครับ เพราะข้อมูลไม่ได้ระบุละเอียดขนาดนั้น...บอกต่อมาอีกว่าเผอิญได้รับบาดเจ็บเสียก่อน เขาก็เลยเบนเข็มไปเรียนด้านการแสดงแทน



เจมส์เริ่มเป็นที่รู้จักของนักดูหนังเป็นครั้งแรกจากหนัง The Thin Red Line (1998) ซึ่งได้เข้าชิงรางวัลออสการ์หลายรางวัล (แต่ก็ 'แห้ว' หมดทุกรางวัลเช่นกัน) เป็นหนังเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ ๒ ครับ เขาแสดงเป็นนายทหารที่หนีราชการไปอยู่เกาะ เข้าใจว่าบทที่เขาแสดงจะเป็นบทที่มีน้ำมีเนื้อมากที่สุดของหนังเรื่องนี้ ทั้งๆก็มีดาราดังๆอีกหลายคนมาร่วมแสดงด้วย (เรื่องนี้เคยมาฉายบ้านเราด้วยครับ...ผมดูไปก็หลับไปเพราะหนังอืดมาก แต่พอตั้งใจดูจริงๆก็จะได้ปรัชญาแง่คิดคมๆหลายแง่ครับ)



เข้าใจว่าในช่วงแรกๆของเขาก็คงจะรับบทเป็นตัวประกอบที่ไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่ ดูรายชื่อหนังที่เขาแสดงแล้ว ผมก็ว่าผมดูหลายเรื่องนะครับ อย่าง My Own Private Idaho (1991) ที่คีอานู รีฟส์กับริเวอร์ ฟีนิกซ์แสดงนำ, Wyatt Earp (1994) ที่เควิน คอสต์เนอร์แสดง (คิดว่าน่าจะใช่นะครับ เพราะเรื่องเกี่ยวกับอีตานายอำเภคคนนี้ก็ถูกนำมาสร้างเป็นหนังแล้วไม่รู้กี่เวอร์ชั่น) เรื่องนี้เจมส์ได้แสดงเป็นนายอำเภอคนนี้ด้วย แต่คงจะเป็นวัยหนุ่มนะครับ และก็ The Rock (1996) ที่นิโคลัส เคจกับฌอน คอนเนอรี่แสดง อีกเรื่องก็คือ G.I. Jane (1997) ที่สาวปริศนาของคุณเทาชมพูเธอลงทุนโกนผมจนโล้นเกลี้ยงเพื่อมารับบทนายทหารหญิงจอมฮึดนั่นเองครับ



หลังจาก The Thin Red Line แล้ว เจมส์ก็มารับบทนำอีกครั้งใน Frequency (2000) โดยแสดงเป็นลูกชายของเดนนิส เควด (อดีตสามีของเม็ก ไรอัน) ที่กำลังนั่งเล่นวิทยุคลื่นสั้นอยู่ดีๆ แล้วดันไปเจอคนคุยถูกคอ คุยไปคุยมาก็ "อ้าว! พ่อเราเอง" ซึ่งเป็นไปไม่ได้เด็ดๆ เพราะพ่อเพิ่งตายไปไม่นานนี่เอง...เรื่องนี้ยังสามารถหามาดูได้นะครับ เพราะเคยมาฉายบ้านเราด้วย รู้สึกว่าชื่อภาษาไทยคือ "เจาะเวลาผ่าความถี่ฆ่า" ครับ จากนั้นเขาก็มาแสดงบทตัวประกอบใน Pay It Forward (2000) ในบทหนุ่มจรจัดที่เป็นแรงบันดาลให้หนูน้อยเฮลี่ย์ โจล ออสเมนท์ (จาก The Sixth Sense) เริ่มต้นโครงการขบวนการลูกโซ่ความดีเป็นครั้งแรก เรื่องนี้สนุกและน่าประทับใจมากครับ คาดว่าหลายท่านคงจะได้ชมกันแล้ว มีดาราที่ผมชอบคือ เฮเลน ฮันท์ แสดงด้วยในบทแม่ที่เป็นอัลกอฮอลิซึ่ม ผลงานเรื่องต่อมาของเขาคือ Angel Eyes (2001) แสดงคู่กับ เจนนิเฟอร์ โลเปซ ครับ เข้าใจว่าจะเป็นหนังรักโรแมนติกนะครับ (ตอนแรกเห็นคุณเจโลเธอแต่งเป็นตำรวจ ผมก็นึกว่าจะเป็นหนังฆาตกรรม แต่พอตามข่าวแล้วถึงทราบว่าเป็นหนังรัก) เคยได้ข่าวว่าจะมาเข้าฉายในบ้านเรา แต่ไปๆมาๆก็เงียบหาย คงต้องรอพึ่งวิดีโอ 'ปีศาจ' หรือไม่ก็ต้องรอเข้าเคเบิ้ลนั่นแหละครับ



ผลงานล่าสุดของเขาคือ The Count of Monte Cristo (2002) ครับ เพิ่งจะเข้าฉายในอเมริกาไม่นานนี่เอง ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะมีโปรแกรมเข้าฉายในบ้านเราหรือเปล่านะครับ ผมยังไม่เคยอ่านนิยายเรื่องนี้เลย แต่จำได้ว่าตัวนิยายเรื่องนี้เคยถูกนำมาอ้างอิงในหนังเรื่อง Sleepers ซึ่งเป็นเรื่องของกลุ่มเพื่อน ๔ คนที่ทำความผิดจนต้องถูกส่งเข้าไปดัดสันดานในคุก แล้วโดนทรมานทรกรรมจากผู้คุมจอมโหด ออกมาจากคุกตอนโตแล้ว คนหนึ่งก็ไปเป็นทนาย อีกคนก็ไปเป็นนักข่าว ส่วนอีกสองคนเป็นอันพาล ซึ่งสองคนหลังนี่แหละที่ไปเจอผู้คุมในร้านอาหาร เลยจัดการส่องซะให้หายแค้น ร้อนถึงเพื่อนต้องเข้ามาช่วยให้รอดจากการถูกส่งเข้าคุกอีกที (เอ นี่ผมเพ้อเจ้อไปหรือเปล่า...ต้องขออภัยด้วยครับ คือจะบอกว่าผมยังไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้แค่นั้นเอง...ไหงลากยาวมาได้ก็ไม่รู้...)

ขอวกไปพูดถึงนายเบน แอฟเฟล็คหน่อยนะครับ ได้ข่าวว่าเพิ่งออกจากการเข้ารับการบำบัดอาการติดเหล้าเมื่อไม่นานมานี้ ตอนดูเรื่อง Bounce ที่เขาแสดงเป็นคนติดเหล้า คนดูบ้านเราต่างก็ไม่ได้เฉลียวใจกันเลยว่าหมอเอาชีวิตตัวเองมาสร้างหนัง พอได้ข่าวว่ายอมเข้าไปรับการบำบัดแล้วก็ตกใจกันใหญ่ คาดว่าปีนี้หรือปีหน้า เราก็จะได้ดูเขารับบทเป็น 'แจ๊ค ไรอัน' อดีตซีไอเอจากนิยายของทอม แคลนซี่ เรื่อง The Sum of All Fear ครับ งานลูกโลกทองคำครั้งล่าสุด เบน แอฟเฟล็คก็ขึ้นไปประกาศมอบรางวัลเกียรติยศให้แฮร์ริสัน ฟอร์ด ซึ่งเคยแสดงบทนี้มาแล้วสองครั้งคือ Patriot Games และ Clear and Present Danger ก็ต้องมารอลุ้นกันครับว่าแจ๊ค ไรอันฉบับเบน แอฟเฟล็ค จะเทียบชั้นกับรุ่นเก๋าอย่างแฮร์ริสัน ฟอร์ดได้หรือเปล่า



พูดถึงเบน แอฟเฟล็คแล้วก็อดไม่ได้ต้องพูดถึงเพื่อนซี้ของเขาคือ แม็ทท์ เดม่อน (ที่ได้รับออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมร่วมกันจาก Good Will Hunting) ซึ่งก็ดูจะไม่ยอมน้อยหน้า พอเพื่อนซึ้ไปเล่นบทแอ๊คชั่น ตัวเขาก็ได้เล่นบท 'เจสัน บอร์น' ตัวละครจากนิยาย The Bourne Indentity ของโรเบิร์ต ลัดลั่ม เข้าใจว่าอาจจะออกมาฉายชนกันในปีนี้แหละครับ ส่วนบ้านเราก็ต้องรอว่าจะได้มาเข้าฉายหรือเปล่า? (ถ้าออกนอกประเด็นของกระทู้ไปบ้าง...ก็ต้องขออภัยด้วยครับ)

เอารูปแม็ทท์ เดม่อนมาฝากสาวๆครับ จากเรื่อง The Legend of Beggar Vance ครับ

ส่วนรูปนี้เป็นหนังใหม่ของเขาในบท 'เจสัน บอร์น' ใน The Bourne Identity ครับ

อีกหนึ่งหนุ่มจาก Pearl Harbor ที่สาวๆบ้านเรากรี๊ดกันมากทีเดียว เล่นเอานายเบน แอฟเฟล็คอับแสงไปเยอะเลย...จอช ฮาร์ทเน็ตต์ครับ

อีกรูปนะครับ ดูแล้วสาวๆก็เปรียบเทียบกันเอาเองว่าระหว่างจอชกับเบน...ใครหล่อกว่ากัน...

เอาใจหนุ่มๆบ้าง โดยเฉพาะคุณภาธร คาเมรอน ดิแอซรูปนี้จาก Charlie's Angels ครับ

ส่วนรูปนี้จากกองถ่ายหนังการ์ตูนเรื่อง Shrek เธอพากย์เสียงเป็นเจ้าหญิงฟิโอน่าครับ

ด้วยความเอื้อเฟื้อของคุณเทาชมพูครับ รูปที่โพสต์ไม่ได้ก็เลยสามารถโพสต์ได้ด้วยประการฉะนี้

ยังชอบความหล่อแบบดารารุ่นเก่า  ตาหูจมูกปากแต่ละส่วนออกมาสวยเหมือนภาพวาด    

เลยยกมือให้เบน แอฟเฟล็คชนะไปได้

เห็นภาพที่คุณยาตราเอามาโชว์แล้ว  น้ำลายหก อยากดู Monte Cristoครั้งใหม่จังค่ะ

ข่าวดีครับคุณเทาชมพู ทราบมาว่า The Count of Monte Cristo ฉบับใหม่จะเข้ามาฉายในบ้านเราแน่นอน ประมาณเดือนเมษายนนี้ครับ ชอเตือนไว้ก่อนด้วยครับว่าหนังยาว ๓ ชม. ฉายแบบไม่มีพักครึ่งเวลาด้วยครับ

ขอบคุณ คุณยาตรามากนะคะ ที่ส่งข่าว
ชอบทุกภาพที่โพสต์ แถวๆนี้มากค่ะ  ดาราเก่าๆก็สวยกันจนไม่รู้จะหาคำอะไร  มากล่าวชมดี  ภาพข้างบนแต่ละมุมที่ถ่ายได้ก็สะท้อนบุคลิกที่ได้รับบทนั้นๆ ชอบตั้งแต่ภาพบนโน้น ภาพที่ 21 แล้วค่ะ แต่ภาพคาเมรอน ในเรื่องนางฟ้าชาลี ผอมไปหน่อยนะคะ  ดูแล้วชอบภาพในความเห็นที่ 39 มากว่าค่ะ  แต่ก็แล้วแต่รสนิยมนะคะ

มารอฟังข่าวด้วยครับ คอหนังโบราณเหมือนกัน  ขอตัดหน้าชมคาเมรอน ดิแอส ก่อนคุณภาธรละกัน เห็นว่าวันนี้จะเข้ามาสาย

ยกมือให้เบน ด้วยคนครับเครื่องหน้าเขาสวยดี



ผมชอบ คาเมรอนรูปที่๓๙ เหมือนคุณฝอยฝน ดูMy Best Friend's  wedding อีกรอบยังชอบเธอเรื่องนี้อยู่ดีครับ ดูเป็นสาวน้อยวัยใส เรื่องนางฟ้าชาลีย์ ผอมไปครับ

เอาวีดิโอ My Best Friend มาดูอีกครั้งก็ยังชอบอยู่  เล่นกันเก่งทุกคน

เจ้าหนุ่มเกย์เพื่อนของจูเลีย พอรู้ว่านอกจอแกเป็นเกย์ก็เลยรู้สึกว่าแกคงเล่นบทนี้ง่ายไม่ต้องฝืนธรรมชาติ  แต่ก็ยังนับถือว่าเล่นเฉียบขาดอยู่ดี  โดยเฉพาะบทที่หลุดความเป็นเกย์ออกมาบ้างนิดๆหน่อยๆพอชูรส



อ้อ  มีรูปคาเมรอน อีกรูปมาฝากแฟนหนุ่มในนี้ค่ะ

หวานปานน้ำผึ้งเดือนห้าเชียวละ

เห็นหลายคนข้ามแดนมาแถวนี้ เลยแวะเข้ามาดูกับเขาบ้าง  ดูแล้วก็มีความเห็นเหมือนคุณเทาชมพูในความเห็นที่ ๒๑ เคยเห็นนางแบบ นายแบบที่เดินอยู่ในรายการโทรทัศน์ ของ UBC หน้าตา ท่าทาง อากัปกิริยา ก็เหมือนดาราหญิงชายในสมัยปัจจุบัน

ภาพในความเห็นที่ ๔๖  ถ้ามองหน้าตรงอาจสวยกว่านี้ แต่นี่มองหน้าเอียงเลยเห็นหน้าหวานเหมือนน้ำผึ้งเดือนห้าที่ภาคอีสาน เพราะเข้าใจว่าควรต้องหวานจัดกว่าภาคกลางที่ฝนตกชุก

วันนี้ ขอแหวกกฏ ซักกะตื๊ดนะครับ
บทกวีตามธรรมดาจะมีไว้ชมสาวคลาสสิกแต่รายคาเมรอน ผมเดาใจคุณเทาชมพูว่าออกจะสนใจเธอเป็นพิเศษ

ดวงดาวอันพราวพร่าง...........แลเลือนลางเทียบดวงตา
จันทร์แจ่มแอร่มฟ้า................ไม่ตรึงตาเท่าดวงใจ
น้ำผึ้งว่าแสนหวาน.................ไม่เปรียบปานอรทัย
หยาดฟ้ามาหรือไร..................ผ่องอำไพไร้ราคิน

บรรทักท้ายนี่ผมลอกจากบทต้นที่ชมเปียร์ แอนเจลี่มาทั้งแถวเลยแต่สัมผัสพอรื่นๆนะครับ กวีก็ใกล้จะหมดไส้หมดพุงแล้ว

สวยครับ แต่อย่าไปเทียบความสวยกับรุ่นคุณย่าคุณยายนะครับ ไม่ติดฝุ่นแน่
ผมก็รู้สึกเหมือนคุณภูวงแฮะว่าคุณเทาชมพูชอบเธอเป็นพิเศษ  ไม่ทราบจำนามปากกาที่เคยคุยกันเล่นๆได้ไหมครับ คาเมรอน  ---  ???

บทกวีหวานชวนเคลิ้มจริงๆค่ะคุณภูวง   มดเดินตามกลิ่นมาเป็นแถวเลย



ชอบคาเมรอนเพราะบทใน My Best Friend's Wedding ค่ะ  เอามาดูอีกทีก็ขอย้ำว่าเล่นเก่งมาก   ถ้าไม่เก่งขนาดนี้คงถูกป้าจูของคุณยาตราเชือดไร้อนาคตแน่ๆ

พูดถึงความสวย  ดิฉันมองว่าคาเมรอนดูสวยตรงเธอมีชีวิตชีวา  คือต้องมีบทส่งน่ะค่ะ    

ถ้าดูแต่โครงหน้า  เป็นน้ำผึ้งอีสานจริงอย่างคุณพาฝันว่า  มองไปมองมาอาจจะคิดเรื่อยเปื่อยออกนอกทาง นึกเทียบกับนักร้องลูกทุ่งสาวๆบ้านเราได้



เมื่อวานไปเช่าวีดิโอเรื่อง America's  Sweetheart.มาดู  เลยอยากจะถามคุณยาตราว่าหนังเรื่องนี้ไม่ดังใช่ไหมคะ

เพราะเอาป้า..เอ๊ยหนูจูของคุณยาตรามาฆ่าซะเปล่าๆ  ส่วนแคทเธอรีน ซีต้า โจนส์ ก็เล่นได้แบนมาก   ดูแก่แถมอ้วนอีกต่างหาก

การเขียนบทและมุขต่างๆดิฉันว่าฝืดและไร้รสนิยม จนอยากจะส่งน้ำมันหยอดจักรไปให้ เผื่อจะลื่นขึ้นมาบ้าง

ไม่ได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่เป็นคนชอบหนังที่บทดีๆ เคยมีคนบอกว่า หนังจะดี ต้องตัวแสดงดี บทดี ผู้กำกับเก่ง ทุนถึง แต่สำหรับผมถ้าบทดี ตัวแสดงไม่ถึงกับแข็งเป็นไม้ ก็ชอบแล้วครับ ผมเห็นนักแสดงดีๆหลายคนมาตายเพราะบทที่ไม่ค่อยได้เรื่องก็แยะ แต่ถ้าผู้กำกับเก่ง ก็พอจะแก้ไขบทให้กลมกลืนได้ ชอบหนังเล็กๆที่บทกินใจมากกว่าหนังยิ่งใหญ่ (ยกเว้นหนังรุ่นก่อนๆนะครับ)

ได้ดู America's Sweetheartครับ หลานสาวเขาชวน ไม่ชอบเลย  สาวน้อยทั้งหลายก็เบ้หน้าบ่นว่าเสียแรง ดูดาราคนโปรด

เหมือนกับไม่ใช่ พวกเธอเลยเฮ้อ เห็นด้วยว่าบทนี่สำคัญ ฉากบางอย่างไม่สมจรืงแต่ถ้าบทเข้มข้นพอก็ดูสนุกได้นะ

ผมก็เข้ามาลาเหมือนกันครับ สองสามวันนี้ คุณภังคี ครอบครองมุมนี้ให้เต็มที่ไปก่อนนะครับ แล้วจะกลับมาเบียดเข้ามุมบ้าง  อย่าคุยยาวนะครับ ขอไว้ก่อน

America's Sweetheart เป็นหนังที่หนูจูของผมเธอรับเล่นหลังจากเสร็จงานจาก Erin Brockovich ไม่นาน เธอยังไม่ทราบว่าในอนาคตอันไม่นานเธอจะกลายเป็นดาราออสการ์ บทบาทของเธอในเรื่องนี้จึงดูจืดชืดเสียไม่มีดี กลายเป็นหนังที่สร้างความผิดหวังให้กับแฟนๆของเธอเป็นอย่างมากครับ...โดยเฉพาะผมเอง! เรียกได้ว่าจากรักกลายเป็นชังได้ในพริบตาเลยครับ (โฮๆๆ)

ว่าแต่น้องมอดอย่าลืม เรื่องดารา คลาสสิกของพี่ พังที่บ้านข้างๆนี้นะขอรับ วันนี้อนุญาตให้ไปเที่ยว ก่อนก็ได้

Khun Taochompoo ka, would you post some pictures of Julia Ormond? Thank you so much ka.

เคยดูจูเลีย ออมอนด์จาก Legend of the Fall , Sabrina ,The First Knight  แล้วแปลกใจเหมือนกันว่าหลังๆนี้ไม่ค่อยได้ดูเธอเลย  

ต้องถามคุณยาตราว่าเธออยู่ดีมีแสงสว่างหรือว่าอับแสงลงไปแล้ว

เอารูปมาให้ตามคำขอค่ะ  รูปแรกหน้าใสมาก

มาถึงรูปนี้ เธอดูหนา ล่ำสันเอาการ

รูปนี้ผอม หน้าซูบลง

ป้าจูเลียในปัจจุบัน  เฮ้อ...สังขาร...

สวัสดีครับ...ช่วงนี้มอดงานยุ่งมากเลยครับ แต่แวบๆมาดูเห็นคุณเทาชมพูมีคำถาม คุณจูเลีย ออร์มอนด์เธอยังไม่ถึงขั้น 'คุณป้า' หรอกครับ เธอเกิดปี ๑๙๖๕ เอง เพราะงั้นตอนนี้ก็แค่สามสิบเจ็ดเท่านั้นเอง แต่ดูจะไม่ค่อยดังแล้วนะครับในยุคปัจจุบัน ต่างจากตอนแรกๆเข้าวงการลิบลับ ว่ากันว่าเธออาจจะกลายเป็น ออเดรย์ เฮพเบิร์น ยุคใหม่เอาเลยทีเดียว



พี่พังครับ มอดไม่ได้ไปเที่ยวตามคำอนุญาตของพี่หรอกครับ ทำงานหัวโตอยู่กับบ้าน จนเขาจะไล่ออกอยู่รอมร่อแล้วครับ

ต้องแว้บมาตรงนี้สักนิด
ตามสบายครับน้องมอด  แต่อย่าลืมที่ขอๆไว้ก็ละกันนะ
ดูจูเลีย ออร์มอนเรื่องซาบรีนา ใจก็ยังลำเอียงนะ รักป้าออเดรย์มากกว่า แต่เธอก็สวยดีนะครับ

เคยดูพี่จูเลียของน้องมอดแล้วเห็นว่ากลมกลืนกับเรื่องที่สุดคือ Legends of the Fall  ส่วน Sabrina หน้าตาบุคลิกไม่ให้เลยค่ะ    เมื่อเทียบกับออเดรย์

ที่จริงเรื่องนี้ก็เรื่องซินเดอเรลลาดีๆนี่เอง    คนที่จะทำให้นางเอกลูกสาวใช้ในบ้านพระเอกถอดรูปเป็นสาวปารีเซียน์ได้เหมาะก็คือออเดรย์   จูเลียยังติดอยู่แค่ภาพสาวใช้แต่งชุดแฟชั่นปารีส

มาเล่นเป็นควีนกีนีเวียร์  ไม่เห็นเสน่ห์ให้ลานซล็อตลุ่มหลง  เห็นแต่ลูกสาวหัวหน้าเผ่า หน้าซื่อหุ่นล่ำ เป็นนักรบหญิง

แย่จริง ว่าไปแรงๆจะบาดหูคุณ Bกับน้องมอดหรือเปล่าไม่ทราบ  ขออภัย รู้สึกอย่างนี้จริงๆค่ะว่าจูเลียเธอมีความสวยน้อยกว่าวาสนาค่ะ  มีโอกาสได้เล่นหนังใหญ่ตั้งหลายเรื่อง น่าจะดังมากๆๆกว่านี้



พูดถึงเรื่องเล่นหนังเหมาะไม่เหมาะกับตัว ก็เลยเป็นโอกาสแนะนำดาราสาวน้อยคนนี้ เป็นดาราปัจจุบัน

ใครเคยผ่านสายตาบ้างคะ?

วันพุธจะมาเฉลย  ระหว่างนี้คุยถึงคนอื่น จูเลียหรือใครก็ได้ไปก่อนค่ะ

I do not like her that much. Just wonder why she has disappeared.
I have no idea about this girl. Actually, I rarely watch neither TV nor movie.

แล้วภาพปริศนาภาพนี้  ใครพอนึกออกไหมคะว่าดาราคนไหน

ขอบายเป็นคนแรกเลยครับ...ไม่คุ้นตาเอาเลย... แต่รูปในคห. ๖๕ คลับคล้ายคลับคลาจะเหมือนชารอน สโตนนะครับ (ไม่แน่ใจ)

ผมเชื่อตาน้องมอดครับ แต่ไม่น่าจะใช่นะ

ผมเห็นรายชื่อผู้ที่เข้าชิงออสการ์แล้ว จำเมลิสสา โตเม่ ได้ เธอเคยได้ออสการ์มาครั้งหนึ่งแล้วใช่ไหมครับ

ผมดูสรีระ ไม่น่าใช่ยัยชารอนนะ  คือของแกน่ะทัดดอกจำปาหลุดไปไหนก็ไม่รู้  แต่นึกไม่ออกว่าใคร
คนแรกไม่รู้ว่าใครแต่ ใสปิ๊งน่ารักเชียว

มากันเกือบพร้อมหน้า สอง ภ. และ หนึ่ง น้อง ม.  เป็นไงคะงานเสร็จแล้วใช่ไหม มีเวลาเข้ามาคุยถึงดาราคนนี้ได้นะคะ

มาไขปริศนากันเสียที

ดิฉันเคยดูหนังย้อนยุค สร้างเพื่อฉายทางทีวี    เป็นนิยายของ Barbara Cartland ชื่อ The Lady and the Highwayman สร้างนานมากแล้ว เมื่อ ๑๙๘๙(พ.ศ. ๒๕๓๒)

เนื้อเรื่องย้อนไปสมัย Restoration ในศตวรรษที่ ๑๘   หรือรัชสมัยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ ๒ แห่งอังกฤษ   ก่อนหน้านี้พระบิดาคือชาร์ลส์ที่ ๑ ถูกรัฐสภาตัดสินประหารชีวิต    แล้วแผ่นดินอังกฤษก็ตกอยู่ในมือโอลิเวอร์ ครอมเวลล์ จอมเผด็จการสามัญชน  เหล่าขุนนางอังกฤษที่จงรักภักดีต่อกษัตริย์ต้องหลบลี้หนีเอาตัวรอด   จนครอมเวลล์ตาย  ประชาชนจึงไปทูลเชิญพระโอรสกลับจากฝรั่งเศสมาครองราชย์ ฟื้นฟูระบบกษัตริย์ขึ้นมาอีกครั้ง

ไมเคิล ยอร์คที่คุณภูวงถามหาในกระทู้ดาราคลาสสิก เล่นเป็นกษัตริย์เพลย์บอยชาร์ลส์ที่๒   ฮิวจ์ แกรนท์ ตอนนั้นเป็นดาวดวงเล็กๆ   รับบทพระเอกขุนนางหนุ่มที่ต้องหลบหนีภัยการเมือง  กลายเป็นไฮเวย์แมน หรือโจรปล้นคนเดินทาง

นางเอกชื่อเลดี้แพนเธียเป็นสาวน้อยในราชสำนัก

เธอสวยแบบ "กุหลาบอังกฤษ" ผมสีทอง ตากลมโตสีฟ้าใส แก้มอิ่มขาวอมชมพู   สวยสะอาดหวานไปทั้งเนื้อทั้งตัว    ยิ่งแต่งชุดย้อนยุคแล้วน่ารักเหมือนตุ๊กตากระเบื้องพอร์สเลนในตู้โชว์  เดินออกมามีชีวิตจริงๆ

ตัวจริงเป็นดาราชื่อ Lysette Anthony ชาวอังกฤษ

ลิเซ็ตต์เป็นนักแสดงเด็ก และนางแบบวัยรุ่นถ่ายภาพวาบหวิว มาก่อนแมวมองจะไปคว้าเอามาปั้นเป็นดาราเมื่ออายุ ๑๕

ดวงหน้าเธอใส น่าเอ็นดู  เหมาะจะเล่นหนังย้อนยุค  ซึ่งเน้นฉากปราสาทคฤหาสน์และเสื้อผ้าสวยหรู(แต่ลงทุนอย่างอื่นไม่มาก) สร้างเพื่อออกฉายทางทีวี    

เธอก็เลยได้เล่นทำนองนี้หลายเรื่อง  กลายเป็นภาพลักษณ์ประจำตัว

ผูกขาดบทนางเอกของบาร์บารา คาร์ทแลนด์  ที่ต้องสวยบริสุทธิ์ผุดผ่องไร้เดียงสา และอายุไม่เกิน ๑๘

นี่ก็อีกเรื่อง

เรื่องนี้ดูเหมือนจะเป็น Oliver Twist  ของชาร์ลส์ ดิกเกนส์

เล่นมาจนลิเซ็ตต์อายุ ๒๖ อย่างThe Lady and the Highwayman ก็ต้องสวมบทสาวน้อยเช่นเดิม  

เธอเล่นหนังเล็กๆของอังกฤษ ที่ทำจากวรรณกรรมคลาสสิกอีกหลายเรื่อง ต้องแต่งตัวย้อนยุคทั้งนั้น

อย่างเล่นเป็นเลดี้ โรวีนา หวานใจของไอแวนโฮ Ivanhoe (๑๙๘๒) บทไม่มีอะไรมาก เป็นนางเอกหวานแหววเอาแต่นั่งเฉยๆดูพระเอกประลองยุทธเสียเป็นส่วนใหญ่

ถึงแม้ว่ามีงานไม่ขาดมือ   แต่หนังจักรๆวงศ์ๆของฝรั่ง บทพระเอกนางเอกมักจะตื้น  

อย่างนิยายแฟนตาซีผจญภัย เรื่อง Krull (1983) ลิเซ็ตต์เล่นเป็น Princess Lyssa แต่งชุดขาวหวานแหววเหมือนเจ้าสาว   ทั้งเรื่องไม่ต้องทำอะไรนอกจากวิ่งไปวิ่งมา หนีพ่อมด



บทแบบนี้ทำให้ลิเซ็ตต์ก้าวไม่ได้ไกลไปถึงไหน  ต้องเล่นไร้เดียงสาซ้ำซากอยู่ยังงั้น   นักวิจารณ์ก็ไม่ปรานีเธอ  บอกว่าดูแล้ว หวานจนเลี่ยน

ดาราที่เล่นคู่มาด้วยกันอย่างฮิวจ์ แกรนด์ แหวกออกจากบทแบบนี้ไปเล่นแบบอื่นจนโด่งดัง

ส่วนลิเซ็ตต์แสวงหาทางออกจากบทเดิม  ด้วยตัดสินใจสลัดภาพลักษณ์กุหลาบแรกแย้มทิ้งไป    ไปถ่ายแบบนู้ดให้หนังสือเพลย์บอยเพื่อหวังว่าจะกระทบตาผู้สร้างจากฮอลลีวู้ดเข้าบ้าง  แล้วก็โยกย้ายมาแสวงหาหนทางในแอลเอ

ภาพนู้ดไม่มีค่ะ มีแต่ภาพแบบนี้ พอเห็นเค้าความเปลี่ยนแปลงไหม

มาถึงตอนนี้เธอเปลี่ยนภาพตัวเองเป็นสาวเปรี้ยว จากสาวรุ่นเป็นสาวใหญ่   พยายามเล่นทั้งบทชีวิต และเซกซี่   ถ่ายภาพแต่ละภาพก็ออกมาวาบหวิว  เพื่อลบล้างภาพสวยไร้เดียงสาแบบเดิมออกไปหมดไม่เหลือ   เดินตามรอยดาราดังๆในยุค ๙๐

ลิเซ็ตต์ได้เล่นหนังฮอลลีวู้ดสมใจ  บางเรื่องก็ค่อนข้างดี  อย่าง Husbands and Wives  ใน ๑๙๙๒ แต่ส่วนใหญ่เป็นหนังเล็กๆ ต้นทุนต่ำ

ลีลาการแสดงและสำเนียงอังกฤษของเธอไม่ต้องตาคนดูชาวอเมริกัน

ร้ายกว่านี้คือภาพลักษณ์จากเพลย์บอยทำให้เธอเจอแต่บทอีโรติค ในหนังฉายรอบดึก ไม่ได้ช่วยให้เธอได้จรัสแสงขึ้นมาอย่างที่หวัง

พออายุสามสิบกว่า   หนทางก็เริ่มตัน   เธอก็เลยกลับไปอังกฤษอีกครั้ง  ผันตัวเองมาสร้างเองเล่นเอง

ดิฉันได้ดูเธอเล่น Man of Her Dreams  หรืออีกชื่อว่า The Fiance   ชื่อเหมือนเรื่องรักหวาน  แต่เอาเข้าจริงเป็นหนัง Thriller    

เธอเล่นเป็นแม่บ้านสาวผู้หลงผิดไปมีความสัมพันธ์ชั่วคืนกับหนุ่มหน้าตาดีที่เข้ามาจีบ   ไม่เฉลียวใจว่าเขาเป็นคนร้ายโรคจิต   เจ้าหนุ่มก็เลยตามฆ่าสามีและลักพาเธอไปอยู่ด้วยกัน  ตอนจบเธอหนีรอดมาได้ตามฟอร์มหนังแบบนี้



เรื่องสร้างแบบตื้นๆ ไม่ระทึกนัก   ส่วนฝีมือลิเซ็ตต์ก็เล่นใช้ได้ ไม่ถึงกับโดดเด่น   ส่วนดีคือเธอสามารถลบล้างบุคลิกเดิมออกไปจนหมด    โชว์ฝีมือมากกว่าหน้าตา  จนแทบจำไม่ได้

ตอนนี้เธอกลับไปเล่นหนังอังกฤษ เล่นหนังทีวีเรื่องยาว  เล่นละครเวที  ส่วนหนังเรื่องล่าสุดเมื่อปีก่อน ชื่อ Beneath Loch Ness  เดาว่าคงเป็นหนังเล็ก ความสำคัญไปอยู่ที่เนสซี่  อสุรกายก้นทะเลสาบเนส เสียมากกว่า



ลิเซ็ตต์เกิดปี ๑๙๖๓ (พ.ศ. ๒๕๐๖) ปัจจุบัน อายุ ๓๙    ทำไมดูยังกะ ๕๐ ก็ไม่ทราบ

เห็นหน้าเธอแล้ว ไม่มีเค้าสาวน้อยคนเดิมอีกเลย...ได้แต่ถอนใจ เสียดายจังค่ะ

ใจผมนี่ลำเอียงครับ มักจะปลื้มดาราอังกฤษ
เห็นภาพลิเซตต์แล้วใจหายจริงๆ เธอเด็กกว่าผมตั้งหกปีแต่ดูสูงอายุกว่าสาวๆใกล้ตัวแถวนี้มากเลย
หน้าตาเธอตอนสาวๆ น่ารักสมคำว่ากุหลาบอังกฤษจังครับ
เฮ้อ เสียดาย เสียดาย

รูปต้นๆของลิเซตต์ น่ารักจนต้องแอบแว้บมาแปะคำชมเธอสักนิดครับ
ประวัติศาสตร์อังกฤษช่วงโอลิเวอร์ ครอมแวลต่อ ชาลซ์ที่สองนี่ผมกับภังคีชอบมากเลย แต่ไมเคิล ยอร์คเปลี่ยนหน้าตาแกได้เก่งมากครับ ดูไม่ใช่เขาที่คุ้นเคยเลย

แล้วค่อยคุยต่อครับ ขอชมโฉมสาวน้อยแสนหวานในอดีตคนนี้ก่อน

น้ำค้างอันพร่างใส............กลับดูไร้เสน่หา
เทียมเทียบเปรียบสุดา.......เสน่หายอดยาใจ
หาใดได้ดังน้อง................เจ้างามต้องหฤทัย
เดือนส่องผ่องอำไพ............กลับเผือดไปใกล้นงราม

ผมทรงนี้ (รูปที่๘๐) ผมว่าใครทำก็ไม่สวยทั้งนั้น กลุ้มใจสาวๆสมัยไหม่จริงๆ ชอบทำตัวให้หายสวย

ผมทรงชีสึกใหม่นี่น่ะหรือคะ  คนทำผมทรงนี้ต้องรูปศีรษะสวยมาก และหน้าก็สวยมากๆด้วยค่ะ จนคนลืมทรงผมไปได้ ถึงจะดูสวย

คุณภูวงชมโฉมลิเซตต์ไว้หยดย้อยขนาดนี้   ถ้าเจ้าตัวอ่านภาษาไทยออกคงนึกเสียดายว่าไม่น่าเปลี่ยนโฉมเลย

คุณภาธรชอบสาวอังกฤษ  ดิฉันก็ชอบค่ะ  ดาราเขาหน้าหวานและหุ่นเป็นผู้หญิงมากกว่าสาวอเมริกัน

สาวฮอลลีวู้ดยกเวทและลดน้ำหนักจนผ่ายผอมกล้ามขึ้นแข็งไปทั้งตัว

สาวหน้าหวานคนนี้ชื่อ Emma Samms เป็นดาวดวงเล็กเล่นประกบลิเซ็ตต์ใน  The Lady and the Highwayman เป็นบาร์บารา คาสเซิลเมน พระสนมเอกคนสวยเสน่ห์แรงของชาร์ลส์ที่ ๒

แต่ตอนนี้เธออำลาหน้าฉากไปเขียนบทหลังฉากเสียด้วย คงจะไม่รุ่งทางการแสดงเท่าไร น่าเสียดาย

เอารูปตอนเธอถ่ายแบบชุดว่ายน้ำมาโชว์   ดูวาบหวามหน่อยแต่ยังมีแฟชั่นอยู่บนตัว ถือว่าใช้ได้

ต้องหาหนังเรื่องนี้ดูอีกรอบแน่เลยครับ ชอบจังหนังแนวนี้
ส่วนรูปบนนี่รอคุณภังคีมาวิเคราะห์ ผมรู้แต่ว่าไม่ยอมให้หลานสาวใส่แน่ หน้าตาเธอสวยดีไม่ต้องโชว์มากก็ดูสวยแล้วล่ะ

อูย หนูเอ๋ย แต่งตัวแบบนี้มันน่าตีซะจริง

ตีตรงไหนก็โดนเนื้อหนูนะคะ คุณอาพังขา



เอาสาวปริศนาคนใหม่มาทาย  ใครจำได้ว่าดาราดังคนไหนในปี ๒๐๐๒  ตัวจริงไม่เซกซี่เลย

ง่ายมากสำหรับน้องมอด

พรุ่งนี้เฉลยค่ะ

คุณเทาชมพูขา... ในมุมขวาบนของรูปมีเฉลยชื่อสาวคนนี้ไว้แล้วค่ะ ล่าสุดดิฉันดูเธอในบท Bridget Jones เล่นน่ารักใช้ได้เลยค่ะ ลบคำปรามาสของคนอังกฤษที่ทีแรกไม่ค่อยชอบใจที่เอาสาวอเมริกันแถมเป็น Texan มาเล่นเป็นสาวอังกฤษ Bridget Jones

ดิฉันว่าเธอเล่นในเรื่อง Jerry Macguire ประกบทอม ครูซได้น่ารักมากเลยนะคะ

มอดจำได้ว่าเคยได้ยินชื่อ Lysette Anthony นะครับ แต่แทบไม่รู้จักเธอเลย รูปที่คุณเทาชมพูหาว่ามันหลอกตาชะมัด... แต่สาวคนข้างบนนี้ยังไงก็หลอกมอดไม่ได้หรอก คุณนนทิราชิงตัดหน้ามอดไปซะแล้ว...เรเน่ เซลล์เวเจอร์เพิ่งได้เข้าชิงออสการ์ครั้งล่าสุดในสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมด้วย ตอนมอดดู Bridget Jines's Diary ก็รู้สึกงั้นๆ ไม่เห็นเธอจะเล่นดีอะไรสักเท่าไหร่ พอเห็นชื่อเธอได้เข้าชิงออสการ์เท่านั้นแหละ...ก็เลยเริ่มเปลี่ยนใจ เห็นทีจะต้องหาหนังเรื่องนี้มาดูใหม่ซะแล้ว มอดคิดเอาว่าถ้าเธอไม่เจ๋งจริงล่ะก็ ไม่มีทางหลุดเข้าไปถึงรอบสุดท้ายออสการ์ได้หรอก...ก็ต้องมาลุ้นกันนะครับ

กระทู้โน้นเต็มแล้ว เลยมาคุยตรงนี้ต่อ ดีใจจังครับคุณนนทิรากลับมาคุยกันอีก
ผมจำใจไปดูBridget Jones กับสาวๆแถวนี้ แต่ไม่ผิดหวังครับ เข้าใจว่าเรื่องแนวนี้จับใจสาวๆแน่ แต่ผู้ชายอย่างเราๆก็พอดูสนุกนะ ไม่หลับหรอก
ผมไปคิดถึงหนูจูของน้องมอดที่ได้ชิงออสการ์เรื่องPretty woman น่ะครับ มีความรู้สึกคล้ายๆกันนะ

ตามมาจี้เอวน้องมอดกระทู้นี่ดีก่า กระทู้เก่าคุณพาฝันแกเปิดเข้ามาคงแทบเป็นลมเลย
เมื่อวานซืนยังคุยแค่๘๕ คห. เมื่อวานเต็มปรี่ซะแล้วฮ่า ฮ่า
สาวๆที่บ้านเขาช่วยลุ้นหนูบริดเจทกันใหญ่เลย แต่ผมเชียร์คนไม่สวยแต่เก่งอย่างซิสซี่ สปาเชคล่ะ คุณภูวงว่าไง ให้แยกกันคุยเพราะกระทู้นี้จะได้วิ่งทีนดาราคลาสสิกไง

ผมก็เอียงๆเข้าข้างซิสซี่ครับ เพราะที่บ้านเทให้ นิโคลกับเรนี่ กันแต่ใจผมลึกๆปลื้มนิโคลนะชอบหน้าตาเธอ แต่คนสวยสมัยนี้ตัวโตกันจัง หวังจะก้มหน้าจูบหน้าผากเธอก็เลยต้งเขย่งแทน ขนาดเราๆนี่ก็สูงเกินมตรฐานหนุ่มไทยแล้วนะคิดถึงหลวงนิล แกอาจจะต้องวอนให้สาวย่อเข่าลงมาหน่อยด้วยซ้ำ

อย่าพาดพิงถึงหนุ่มนั้นครับ แกป่วนกระทู้ติดเรททำเอาผมเสียภาพพจน์มากกก
วันนี้กระทู้นี้จะเสิฟใครต่อน้า ต้องรีบเช็ดแว่นซักกะหน่อย สงสัยจะเรื่องหนูReneeชัวร์ปั้ก

ค่อยๆเย็บใบหน้าเสร็จทันเช้าวันศุกร์ค่ะ    คุณนนทิรา ดีใจที่แวะมาอีก   หวังว่าคงมีเวลามาร่วมวงคุยกับสี่หนุ่มนะคะ

เรเน่(เรนี?) เล่นหลายเรื่องคล้ายๆกันเป็นสาวหน้าซื่อ เด๋อๆ แต่ดูนิสัยดีน่ารัก    เธอเป็นตัวแทนในใจของผู้หญิงค่อนโลกที่เห็นตัวเองไม่สวย  อ้วน  แต่ก็ฝันอยากจะมีหนุ่มดีๆรักจริงหวังแต่ง

Bridget Jones จึงชนะใจผู้หญิงด้วยเหตุนี้

ดูเธอครั้งแรกใน The Bachelor ก็ชอบ  เรื่องนี้บทเด่นที่พระเอก

นางเอกมีบทเรียบๆ หน้าเรียบๆ   เล่นตรงข้ามกับสาวอื่นที่กระเหี้ยนจะแต่งงานกับพระเอก  เลยจำเธอได้

เคยดูเธอเล่นกับจิมแครี่เรื่องอะไรจำไม่ได้  แล้วก็มาอีกเรื่องเธอเล่นเป็นภรรยาสาวที่ช็อคกับสามีถูกฆ่าโหด เลยสติแตกคิดว่าตัวเองเป็นนางเอกหนังน้ำเน่ายาว ๕๐๐ ตอน พระเอกเป็นหมอ แล้วตามไปพบดาราที่เล่นในฮอลลีวู้ด

ทุกเรื่องเธอเล่นคล้ายๆกันเป็นสาวเด๋อๆด๋าๆ แต่น่ารักน่าสงสาร

ดิฉันยังไม่ได้ดูเธอเล่นเป็นสาวเปรี้ยว เห็นแต่รูป

ทุกทีก็เจอแต่หน้ายังงี้ละค่ะ  แต่ชอบนะคะ ชอบมากกว่าดรู แบรี่มัวร์

จบแล้วค่ะ  ถ้าน้องมอดจะมาเล่าต่อให้พี่ๆฟังก็ตามสบาย

มานั่งแถวหน้าเลยครับ รอรายละเอียดจากน้องมอดคงไม่อึดอัดกับไขมันรอบตัวจนเซ็งไม่อยากเข้ามาคุยนะครับ
เธอเป็นคนชาติไหนครับ แล้วชื่อเธอออกเสียงว่ายังไงกันเอ่ย อย่างทอม ครูซ เราอ่านว่าทอม ครุยส์กันตั้งนาน

น่านซี ผมสงสัยอยู่ว่าเธอเป็นคนชาติไหน ฝรั่งตาเล็กคล้ายๆจะตาชั้นเดียวด้วยชุดในรูปที๙๖ สาวๆว่าไงครับ ดูมันเฉิ่มๆนะ

ความเห็นที่๙๘เป็นของภังคีครับ ผมถูกแอบอ้าง  ใจผมเอียงๆไปหาดรู เพราะยังเอ็นดูเธอกับบทหนูน้อยเรื่องอี ที ทั้งที่หลังๆเธอรับบทไม่ค่อนเข้ากับคัว ข้อสำคัญชอบทำหน้ากรุ้มกริ่มเจ้าชู้แบบที่คุณภาธรเคยค่อนไว้ซะด้วย ดรูไปไม้ค่อยดีกับบทเซกซี่นะครับ เธอเล่นเป็นสาวฉลาดมีความคิดน่าจะเข้ากันกว่า

พิมพ์ผิดเยอะมากครับ เพราะเครื่องที่ใช้นี่แก้ไขลำบาก ตัวหนังสือก็เล็ก คงพอเดาออกนะครับ

เธอเป็นสาวอเมริกันเต็มตัวค่ะ เป็นสาวเท็กซัสซะด้วย เกิดและโตในเมืองเล็กๆนอก Houston ค่ะ แล้วก็จบปริญญาเอกภาษาอังกฤษจาก University of Texas at Austin ที่เดียวกับลอร่า บุช

ส่วนชื่อของเธอ ดิฉันเข้าใจว่าอ่านว่า เรอเน เข้าใจว่ามาจากภาษาละตินค่ะ อาจจะเข้าใจผิดก็ได้ แล้วคงออกเสียงอย่างฝรั่งเศส (เดาไปเรื่อยล่ะค่ะ...) เพราะพ่อของเธอมีเชื้อสายสวิสค่ะ

เรื่องที่คุณเทาชมพูเกริ่นไว้คือเรื่อง Nurse Betty ครับ มอดไม่ได้ดูเหมือนกัน เพราะเรื่องนี้แวบมาเข้าโรงบ้านเราแบบเงียบๆ แต่เข้าใจว่าเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเห็นหน้าทาง UBC เอาเรื่องนี้มาฉายทางช่อง ๒๕ นะครับ เพื่อนมอดบอกว่าเธอเล่น Nurse ได้เยี่ยมกว่า Bridget Jones ด้วยซ้ำ แถม Nurse เธอก็ยังได้เข้าชิงลูกโลกทองคำด้วย พูดถึงเรเน่แล้วก็นับว่าแปลกอยู่เหมือนกันนะครับ เพราะจู่ๆเธอก็ดังเปรี้ยงปร้างขึ้นมาจากบทเล็กๆในหนังเรื่อง Jerry Maguire ที่พอหลังจากเรื่องนี้ปุ๊บก็มีการขุดหนังเก่าของเธอออกมาเป็นวิดีโอให้ดูกัน คือเรื่อง Texas Chainsaw Masscre: The Next Generation ซึ่งเป็นภาคที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่ทราบ เป็นหนังชวนแหวะซะไม่มี แล้วเรื่องนี้นักแสดงชายอีกคนก็ร่วมแสดงด้วย คือแม็ทธิว แม็คคอนาเฮย์ (บางคนก็อ่านว่าแม็คคอนอห์ฮีห์) พระเอกเรื่อง The Wedding Planner กับ A Time to Kill แต่เรื่องนี้หมอเล่นเป็นฆาตกรโรคจิต ส่วนเรเน่ก็เล่นเป็นเหยื่อสาวที่กรี๊ดได้ตลอดทั้งเรื่องจนน่าปวดหัว



ตั้งแต่ดูหนังของเธอมามอดยังไม่เคยประทับใจเธอเรื่องไหนเท่าเรื่อง Jerry Maguire นะครับ เรื่องนี้เธอเล่นเป็นธรรมชาติมาก ส่วน Bridget Jone's Diary ที่ได้เข้าชิงปีนี้...มอดก็แอบลุ้นให้เธอเหมือนกันนะครับ แต่คาดว่าปีนี้คุณป้าซิสซี่ สปาเซ็คของพี่พังจะคว้าไปแน่นอน เพราะเธอรุ่นเก๋าแล้วบทในเรื่องนี้ก็ได้รับคำยกย่องมากว่าเล่นดี...แต่คิดไปคิดมา มอดเชียร์นิโคล คิดแมนจาก Moulin Rouge นะครับ

กลับไปอ่านทวนใหม่ เลยต้องมาขอแก้นิดนึงค่ะ เพราะเขียนเหมือนกับว่าเรอเนเธอจบปริญญาเอกทางด้านภาษาอังกฤษ แต่จริงๆแล้วเธอจบปริญญาตรี เอกภาษาอังกฤษน่ะค่ะ

เชิญไปชุมนุมพร้อมหน้า ขึ้นกระทู้ใหม่ค่ะ

http://www.vcharkarn.com/snippets/board/show_message.php?dtn=dtn5&ID=RW976