NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 390 เมื่อ 11 ม.ค. 16, 20:57
|
|
ขอบคุณคุณมารน้อยกับคุณย่านางนะครับ ส่วนคุณแอนนา ความคิดที่ว่าพระเอกกับโพรดิวเซอร์ก็เป็นคนเดียวกันได้นั้น น่าจะเป็นไปได้ที่สุด จริงครับ เรื่องนี้ไม่ต้องจ้างใครเพราะผมแสดงคนเดียว ถ่ายทำระบบเซลฟีนีมาสโคป ตัดต่อเองแล้วก็ดูเองด้วย
อิ อิ บ้านทรายเงิน ดังแน่ๆเลยอัตโน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 391 เมื่อ 12 ม.ค. 16, 08:07
|
|
(เรื่องสยองบนถนนกับบิ๊กหมง-ต่อ)
อยู่มาวันหนึ่งไปเจอของดีเข้าที่เต็นท์แถวรัชดา เห็นรถที่ดังมากๆเมื่อสิบกว่าปีก่อนหน้ามาจอดให้คนงานขัดสีฉวีวรรณอยู่ ความที่ชอบรถพันธุ์นี้มาก ผมจึงเข้าไปเมียงมอง ยิ่งพิศยิ่งงาม เจ้าของเต็นท์เห็นว่าผมคงสนใจจริงเลยเดินเข้ามาสนทนา
“รถของคุณโชคชัยน่ะครับ” เขาเอ่ยแทนคำสวัสดี ห้ามถามต่อนะครับโชคชัยไหนผมจะไปรู้ได้ไง “แล้วทำไมเขาถึงขายละครับ สภาพยังดีอยู่เลย” พูดไปงั้นๆเช่นกัน “โอ๊ย คุณโชคชัยแกมีรถสิบกว่าคัน จอดเต็มโรงรถ เบนซ์ บีเอ็ม มีตั้งสามสี่คันทั้งเก๋งทั้งสปอร์ต อะไรอีกล่ะ เดมเลอร์ก็ยังมีเลย พอซื้อคันใหม่มาไม่มีที่จะจอดแกก็ขายคันเก่าๆไปเพื่อเอาที่ แต่คันนี้แกหวงไว้นานนะ รถอื่นบางทีสามสี่ปีแกก็ให้ผมไปเอามาขายแล้ว” เสี่ยเต็นท์พูดเสียงดัง “แกชอบตรงนี้ไง” กล่าวแล้วเฮียแกก็เปิดประตูหลังออกมากว้างขวาง “ คุณลองไปนั่งซี่ เนี่ยเล้กรูม(leg room)ยาวขึ้นตั้ง๓๕เซนต์นะ เป็นรุ่นสำหรับบุคคลระดับผู้นำใช้ไง แกให้บริษัทสั่งพิเศษมาให้แกเลย รุ่นนี้ที่ฟรองซัวส์ มิแตรรองด์ใช้เชียวนะคุณ”
ชื่อที่เขาเอ่ยน่ะประธานาธิบดีฝรั่งเศสนะขอรับพระคุณท่าน ผมรีบซี๊ดปากไว้เพื่อไม่ให้น้ำลายหกไปเลอะรถเค้า “แล้วตั้งใจจะขายเท่าไหร่ครับ” มาถึงตรงนี้แล้วก็ต้องถาม “นี่คุณมาเห็นตั้งแต่ผมเพิ่งขับเข้ามาจอด ยังไม่ทันได้ตั้งราคาเลย เอางี้แล้วกัน ถ้ารักจริงชอบจริง ผมเอาสามแสนห้าแล้วกัน กำไรนิดหน่อยพอแล้ว” “ฮ้า” ผมร้องในใจดังสนั่นได้ยินไปทั่วอู่ รถคันนี้ใหม่ๆร่วมสองล้านตอนที่ผมมีเงินเดือนสองพันห้า เดี๋ยวนี้ราคาที่เขาว่ามาผมไหวนะครับเนี่ย พี่น้อง
เขียนมาถึงตรงนี้ ต้องขอร้องคุณหมอเพ็ญชมพูนะครับ หากท่านเคยอ่านเรื่องนี้ของผมเจอที่ไหน กรุณาอย่าเพิ่งเอาไต๋มาเผยก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะไปต่อไม่เป็น ผมเขียนจากเรื่องจริงไม่ใช่เรื่องแต่งที่จะสร้างมุกได้ดังใจ เคยเขียนไว้ที่ไหนอย่างไร เขียนขึ้นอีกกี่ครั้งๆก็อย่างนั้น ส่วนท่านอยากรู้อะไรก็ส่องเห็นไปเสียหมด ขนาดรูปผมกับภรรยาตอนเป็นแฟนกันยังค้นหามาลงได้ เชื่อเลย นี่ถ้าเป็นแฟนคนละคนกัน ผมเละไปแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 392 เมื่อ 12 ม.ค. 16, 08:33
|
|
“รถของคุณโชคชัยน่ะครับ” เขาเอ่ยแทนคำสวัสดี ห้ามถามต่อนะครับโชคชัยไหนผมจะไปรู้ได้ไง กำลังจะเฉลยเชียวว่า "โชคชัย" ไหน เผอิญอ่านตรงที่คุณนวรัตนขอร้องไว้ เลยต้องหยุดไว้ก่อน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 393 เมื่อ 12 ม.ค. 16, 08:49
|
|
เฮอออออออ โล่งอก ไปเฉลยคนละโชคชัยเข้าละแย่แน่ เพราะไม่ใช่คนแถวๆบ้างบ้านคุณหมอเพ็ญนะครับ ขอบอก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 394 เมื่อ 12 ม.ค. 16, 08:59
|
|
คุณหมออึดไว้อีกหน่อยนะครับ อย่าเพิ่งเปิดโปงอะไรต่อ
ผมพาผู้หญิงคนเดียวกับในรูปที่คุณเพ็ญเอามาแปะไปลองรถซีตรองคันดังกล่าว ซึ่งเป็นตัวท๊อปเรียกว่ารุ่นเพรสตีจ ซึ่งถือเป็นเรือธงของรถฝรั่งเศสทุกรุ่นทุกยี่ห้อ
บริษัทผลิตรถซีตรองโด่งดังมาจากการออกแบบรถที่แหวกแนวชาวบ้านไม่เหมือนใคร นอกจากรูปทรงเพรียวลมสะดุดหัวใจชาวโลกแล้ว ที่เด็ดที่สุดคือระบบกันสะเทือนแบบไฮโดรลิก ในขณะที่รถอื่นทั้งหลายใช้แหนบหรือสปริงควบกับโชคอัพ ทำให้รถเคลื่อนตัวไปบนถนนคล้ายมีเบาะลมรองรับไปตลอดทาง สมัยเป็นวัยรุ่นเคยนั่งรถซีตรองของญาติไปเมื่องกาญจน์ ถนนลูกรังฝุ่นตลบแต่รถคันนั้นก็วิ่งคล้ายลอยไป เหมือนนั่งพรมวิเศษของอาละดิน จากนั้นซีตรองจึงเป็นรถในฝันของผม ทั้งที่รถคันดังกล่าวไม่ช้าไม่นานญาติผมก็ต้องขายทิ้งไปในราคาที่ขาดทุนยับเยิน เพราะทนค่าซ่อมระบบโฮโดรลิกไม่ไหว
หลังจากรุ่นนั้น ฝรั่งเศสทุ่มทุนวิจัยพัฒนามหาศาลต่อเพื่อผลิต Citroën CX ขึ้นมา หวังจะให้เป็นรถที่ดีที่สุดในโลก ได้รับรางวัล European Car of the Year 1975 สำหรับบุคคลระดับผู้นำนั้น บริษัทได้ผลิตรุ่น CX Prestige ขึ้นหวังจะรวยเละ แต่ไปไม่ถึงดวงดาวเพราะชื่อเสียในอดีตเรื่องระบบไฮโลลิกที่ยอดเยี่ยมแต่เปราะบาง ความล้มเหลวซีตรอง เพรสตีจ ในเรื่องยอดขาย ถึงกับดึงเอาบริษัทซีตรองเละไปเสียเอง
สุดท้ายรัฐบาลฝรั่งเศสไม่สามารถทนให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์อันมีประวัติยาวนาน และมีสินทรัพย์ทางปัญญามากมายล้มละลายไปต่อหน้าต่อตา จึงได้เข้าซื้อไปรวมกับบริษัทผู้ผลิตฝรั่งเศสอื่นๆเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ พอที่จะแข่งขันกับผู้ผลิตรถสัญชาติอื่นในตลาดโลกต่อไป ทุกวันนี้คุณจึงยังเคยเห็นรถซีตรองรุ่นใหม่ๆวิ่งอยู่บนถนน แต่ก็มิได้ใช้ระบบกันเสทือนแบบไฮโดรลิกล้วนๆแล้ว
สรุปก็คือ วันนั้นผมก็ได้ขับซีตรอง เพรสตีจ พาภรรยากลับบ้าน ให้บิ๊กหมงขับรถตู้กลับไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 395 เมื่อ 12 ม.ค. 16, 09:41
|
|
ผมเสียเงินไปอีกเยอะเหมือนกันเพื่อจะทำให้มั่นใจว่ามันจะเป็นพาหนะที่ผมควรจะใช้เดินทางขึ้นล่องแทนเจ้าแวนเน็ทท์ที่ชราภาพแล้วได้ แต่ไม่นาน เจ้าซีตรอง เพรสตีจคันนี้ก็ได้พิสูจน์คุณค่าของมัน
ครั้งนั้นเป็นเวลากว่าตีสามแล้ว ผมผลัดมาขับให้บิ๊กหมงได้นอนบ้าง เราตีรถออกจากกระบี่ค่ำแล้วจะให้มาทันเช้าที่กรุงเทพ พอเลยชะอำมานิดนึง ผมสังเกตเหมือนล้อรถวิ่งทับไปบนกะลาได้ยินเสียงดังปุ รถยังอยู่ที่ความเร็วประมาณ๑๑๐ และไม่มีอาการสะดุ้งสะเทือนเลย พอถึงท่ายางมีด่านตรวจของตำรวจ ผมก็ชะลอรถ ทั้งหมู่ทั้งจ่าฉายไฟมาที่รถผมกันใหญ่ คนหนึ่งโบกมือให้สัญญาณให้ผมจอดรถให้สนิท ผมเฉยๆกับเหตุการณ์เพราะไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย ผมลดกระจกไฟฟ้าลงแล้วถามว่ามีอะไรหรือครับ “พี่ๆ เชิญลงมาดูอะไรนี่หน่อย” จ่าบอก “พี่ขับมาได้อย่างไรครับนี่”
ผมลงไปเห็นล้อหน้าด้านขวาแล้วเป็นฝ่ายตาเหลือก มันเหลือแต่ขอบยางรุ่งริ่งอยู่กับกระทะล้อ ซีตรองเพรสทีจของผมวิ่งตะบึงมาด้วยล้อเพียงสามล้อโดยผมไม่รู้ตัวสักนิดเดียว กิตติศัพท์เรื่องรถซีตรองสามารถวิ่งโดยใช้ล้อเพียงสามล้อนั้น มันพิสูจน์ให้ผมได้ประจักษ์แจ้งเห็นจริงด้วยตนเอง ก่อนหน้านี้ก็ไม่เข้าจว่าวิศวกรฝรั่งเศสจะออกแบบไว้อย่างนั้นไปทำไม ตอนนั้นเข้าใจแล้ว
บิ๊กหมงตื่นลงมาดูบ้างก็หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง ยิ้มฟันขาวดีใจที่รอดตาย ตำรวจน้อยใหญ่ได้พากันมามุงดู แล้ววิพากษ์วิจารณ์กันให้แซ่ด โดยมีบิ๊กหมงพยายามจะเป็นวิทยากร “พี่ๆ มีพระดีหรือเปล่า” คนหนึ่งเอียงคอเข้ามาถามผม ผมเอามือคลำหน้าอก ท่านก็อยู่กันครบทุกองค์ “ พระก็ดีครับ แต่รถก็ดีด้วย ซีตรองครับ มันวิ่งสามล้อได้” “เกิดมาเพิ่งเคยเห็น” หมู่ครางเบาๆ
“เดี๋ยวๆ พี่เลื่อนรถมาข้างถนนก่อนดีกว่า ตรงนี้จะเกะกะคนอื่น” พอขยับรถเข้าข้างทาง บิ๊กหมงก็จัดแจงเอายางอะไหล่มาเปลี่ยน ก่อนจะวิ่งมาถึงกรุงเทพทันกำหนดเวลา
ซีตรองเพรสทีจคันนี้ ลูกผมจึงนับว่าเป็นลูกรถของพ่อเช่นเดียวกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 396 เมื่อ 12 ม.ค. 16, 09:59
|
|
เดี๋ยวนี้ลูกรถคันนี้ยังดีอยู่ ยกให้ลูกเขยไปแล้วเป็นของรับไหว้เพราะเห็นเขาชอบมาก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 398 เมื่อ 12 ม.ค. 16, 10:25
|
|
เอารูปนี้มาลงอีกที ไม่ใช่รูปลูกชายผมหรอกครับ เป็นเด็กในบ้านผมเดี๋ยวนี้โตจะขึ้นชั้นมัธยมแล้ว เล้กรูมของซีตรองเพรสทีจกว้างยาวมากตามที่เห็น ครั้งหนึ่งผมพาลูกชายกับเพื่อนวชิราวุธในวัยประถมรวมสี่คนไปเที่ยวกระบี่ด้วยรถคันนี้ บิ๊กหมงเป็นผู้ขับ ผมนั่งข้างหน้า เด็กๆคุยกันตะเบ็งเซ่งแซ่ด้วยเรื่องของเขา บางเรื่องผมก็ต้องอมยิ้มนึกถึงสมัยที่ผมยังอยู่ในวัยของลูก เรียนโรงเรียนเดียวกัน เรื่องราววีรกรรมสนุกสนานก็คล้ายๆกัน บิ๊กหมงก็นั่งฟังหัวร่อหึๆไปด้วย
พอรถออกถึงถนนโล่งพอที่จะวิ่งทำความเร็วได้สักพัก ผมสังเกตุว่าเสียงของเด็กๆเงียบไป พับบังตาลงมาดูกระจกส่องหลังแล้วใจหายวาบ บนเบาะหลังไม่มีใครอยู่สักคน หรือมันปลิวออกหน้าต่างไปหมดแล้วหว่า รีบปลดเข็มขัดรัดตัว หันหลังชะโงกกลับไปดู ก็อดหัวเราะไม่ได้ ทั้งสี่คนนอนสุมกันหลับเป็นตายอยู่บนพรมปูพื้นเหมือนลูกหมา เรียกก็ไม่มีใครยอมเปิดตา
ถามในตอนหลังว่าทำไมไม่นอนบนเบาะ เขาว่า เบาะมันนั่งสบาย แต่นอนไม่สบาย พ่อ นอนกับพื้นสบายกว่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ประกอบ
|
ความคิดเห็นที่ 399 เมื่อ 12 ม.ค. 16, 11:13
|
|
ซีตรอง CX นี่พ่อผมก็ใช้นานหลายเลย ตั้งแค่ผมเกิดจนหนุ่ม สมัยเด็กๆ นี่เวลาไปไหน ผมนอนหน้ากระจกหลังตลอด มันกว้างพอให้เด็กนอนได้ แต่ถ้าเป็นสมัยนี้เอาเด็กไปนอนแบบนั้นคงโดนจับหรือถ่ายรูปประจานลงเน็ต รถซีตรองรุ่นนี้นี่เวลาจอดรถมันจะเตี้ยลงเลียบพื้น แต่พอติดเครื่องมันจะยกตัวขึ้นสูงเอง รถเค้าดีจริงนุ่มจริงและซ่อมยากจริงๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 400 เมื่อ 12 ม.ค. 16, 11:20
|
|
อ้อ มาแล้วเหรอผ้อ ไปเที่ยวไหนมาหายไปซะนาน แฟนๆหาตัวกันวุ่นวาย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 401 เมื่อ 12 ม.ค. 16, 11:29
|
|
ดูเค้าวิ่ง ๓ ล้อนะครับ เสียดายผมหาคลิ็ปที่วิ่ง ๓ ล้อขาดล้อหน้าไม่เจอ (คุณเพ็ญอาจจะเจอ) กรณีย์ของผมน่ะ ยางหน้าด้านขวาซะด้วย ถ้าเป็นรถอื่นก็ไถลเข้าหารถที่สวนมาเลย คิดแล้วสยอง
ก่อนเขียนเรื่องนี้ ผมเอามันมาให้ลูกน้องถอดล้อด้านหน้าขวาออก กะจะวิ่งถ่ายทำคลิ๊ปสำหรับฉากในเรื่องบ้านทรายเงิน ปรากฏว่ามันไม่ยอมครับ สงสัยแก่แล้ว นานๆจะติดเครื่องทีระบบไฮโดรลิกจึงทำงานไม่เหมือนเดิมๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 402 เมื่อ 12 ม.ค. 16, 11:40
|
|
ซีตรอง CX นี่พ่อผมก็ใช้นานหลายเลย ตั้งแค่ผมเกิดจนหนุ่ม สมัยเด็กๆ นี่เวลาไปไหน ผมนอนหน้ากระจกหลังตลอด มันกว้างพอให้เด็กนอนได้ แต่ถ้าเป็นสมัยนี้เอาเด็กไปนอนแบบนั้นคงโดนจับหรือถ่ายรูปประจานลงเน็ต รถซีตรองรุ่นนี้นี่เวลาจอดรถมันจะเตี้ยลงเลียบพื้น แต่พอติดเครื่องมันจะยกตัวขึ้นสูงเอง รถเค้าดีจริงนุ่มจริงและซ่อมยากจริงๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ประกอบ
|
ความคิดเห็นที่ 403 เมื่อ 12 ม.ค. 16, 12:54
|
|
อ้อ มาแล้วเหรอผ้อ ไปเที่ยวไหนมาหายไปซะนาน แฟนๆหาตัวกันวุ่นวาย
ไปตามหารักแท้แถวลำปางมาครับ จังหวัดอะไรก็ไม่รู้ คนสวยๆ เยอะจริงๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 404 เมื่อ 12 ม.ค. 16, 13:45
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|